จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย
ตอน: 9 เสียใจ
9 เสียใจ
อังศุมาลินนั่งเหมือนคนไร้วิญญาณอยู่ที่ระเบียงห้องคนไข้ เธอดีใจที่ยายของเธอไม่เป็นอะไรมาก และพัฒนากรก็ไม่ได้เจ็บตัวมากด้วย แต่การที่คนรักของเธอบอกเลิกโดยใช้เหตุผลของความหวาดระแวงนั้นมัน...ไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร
“อิ้งหนูทานข้าวบ้างนะ”
รวีดา แม่ของอังศุมาลินเดินเอาจานข้าวมาให้ลูกสาว
“หนูไม่หิวจ๊ะ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน ตอนบ่ายยายจะออกจากโรงพยาบาลแล้วโทรให้พ่อมารับหน่อยสิลูก”
“ค่ะ”
อังศุมาลินรับคำแล้วหยิบโทรศัพท์กดเลขสามแล้วโทรออก
[[อิ้ง]]
“เฮ้ย!”
อังศุมาลินร้องเสียงหลงรีบเอาโทรศัพท์มาดูหลังจากเสียงที่รับสายเธอนั้นไม่ใช่พ่อของเธอ และพอเอาเบอร์มาดูมันก็เขียนว่า ‘พีม’ เธอไม่
เคยบันทึกเบอร์ของพัฒนากรแน่ ๆ
“อะไรลูก”
รวีดารีบเดินมาดูลูกสาว
“แม่ดาใครเอาโทรศัพท์หนูไปเล่น”
[[ฮะโหล ฮะโหล อิ้งเป็นอะไรรึเปล่าอิ้ง ฮะโหล]]
“ไม่มีนี่ลูก เอ๊ะ! เขายังไม่ได้วางสายนี่ลูกคุยกับเขาก่อนไหม โทรศัพท์แม่มาเดี๋ยวแม่ไปรับก่อนนะลูก”
รวีดารีบเดินเข้าไปในห้องพักคุณยาย อังศุมาลินมองโทรศัพท์อย่างช่างใจก่อนจะเอามันมาแนบหูอีกครั้ง
“ฮะโหล”
[[อิ้ง เรานึกว่าเธอเป็นอะไรเสียอีก ทำไมเงียบไป]]
เสียงปลายสายดูเป็นห่วง
“เธอใช่ไหมที่เล่นโทรศัพท์เรา ใครอนุญาตไม่ทราบ”
“อิ้งคุยเสร็จไปหารถมารับยายด้วยนะพ่อไม่ว่างติดงานด่วน”
รวีดาตะโกนมาจากในห้อง
[[ยายเธอจะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ เดี๋ยวเราไปรับนะ ตู๊ด ๆ ๆ]]
“นี่เดี๋ยวสิยะ”
“อิ้งเป็นอะไรรึเปล่า เมื่อกี้หนูคุยกับใครลูกดูหนูโมโหมากเลยนะ”
“พีมคะ เพื่อนสมัยเรียน”
“พีมที่หนูเคยแอบชอบนั้นเหรอ ถึงว่า...”
“ถึงว่าอะไรคะ”
“แฟนเราถึงได้โมโหแบบนั้น ตาอิฐนี่นะ อิ้ง”
รวีดาต้องหยุดพูดเมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้หันมากอดเธอ รวีดาก็ได้แต่ลูบหัวปลอบใจ
อธิษฐานกดโทรศัพท์หาเพื่อนที่เป็นหมอที่ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลที่ยายของอังศุมาลินเข้ารักษา
“ต้น ยายของอิ้งได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ เออ...ขอบใจ”
อธิษฐานวางสายก่อนจะเดินเข้าไปในห้องประชุม อย่างน้อยเขาก็สบายใจขึ้นที่การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้คนที่อังศุมาลินรักต้องเป็นอะไรไป
วันนี้ทางโรงพยาบาลได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนอธิษฐานเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่สามครั้งก่อนหน้านี้ยังตัดสินกันอย่างเป็นผลไม่ได้
“เชิญนั่ง”
คุณปวรภัท กรรมการผู้บริหารใหญ่ของโรงพยาบาล MBST เรียกให้อธิษฐานนั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด อธิษฐานยกมือไหว้ก่อนที่จะนั่ง
“การตัดสินในวันนี้คุณคงไม่โทษทางโรงพยาบาลเราว่าทอดทิ้งคุณนะ”
เริ่มพูดแค่นี้อธิษฐานก็รู้แล้วว่าเขาจะถูกตัดสินอย่างไร
“เราจำเป็นที่ต้องรักษาชื่อเสียงของโรงพยาบาล แม้ที่จริงแล้วผมยังอยากได้ฝีมือคุณอยู่ แต่เราก็ต้องพูดกันถึงส่วนรวม คุณไม่ต้องมา
ทำงานอีกแล้วนะต่อไปนี้”
“ครับ”
อธิษฐานไม่คิดจะโต้แย้งใด ๆ ทุกคนในห้องเดินออกไปทีละคนจนเหลืออยู่ไม่กี่คน
“เสียใจด้วยนะเพื่อน”
อัครพลเดินมาแตะไหล่อธิษฐานก่อนจะเดินออกจากห้องไปอีกคน พร้อมรอยยิ้ม
“มันน่านัก”
หมอสาวตัวเล็กกำมือแน่นทุบโต๊ะ
“ใจเย็น ๆ เนว”
หมอหนุ่มอีกคนเดินมาลูบหลังภรรยา
“หมออิฐพี่กับทุกคนในห้องนี้เอาใจช่วยหมออิฐนะ”
นรีเป็นตัวแทนเพื่อน ๆ เดินมาให้กำลังใจอธิษฐาน
“ทุกคนครับ ผมมีเรื่องเดียวที่อยากจะขอร้อง อย่าบอกอิ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ”
อธิษฐานยกมือไหว้ทุกคนในห้อง
“จ๊ะ พวกเราทุกคนสัญญา แต่อิฐต้องให้พี่ช่วยนะ เพื่อนพี่ที่เป็นทะนายเพิ่งกลับมาเขาจะช่วยเธอได้”
นรียื่นข้อต่อรองที่เคยเสนอไปหลายครั้งแต่อธิษฐานเคยปฏิเสธ
“ขอบคุณครับ”
พัฒนากรยิ้มหน้าบานเมื่อรวิดาชวนเขาและพี่ชายอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่พอเห็นอังศุมาลินกำลังนั่งเขี่ยข้าวในจานโดยไม่มีทีท่าว่าจะตักขึ้นมากินก็พากินไม่ลงไปด้วย
หลังจากทานข้าวเสร็จอังศุมาลินก็ขอตัวไปอยู่ในห้องคนเดียวโดยไม่ยอมฟังเสียงรวิดาที่ให้นั่งคุยเป็นเพื่อนพัฒนากร และพฤตินัย
“แม่เคยเห็นอาการแบบนี้ของอิ้งเมื่อนานมาแล้ว”
รวีดาพูดขึ้น พัฒนากรรีบหันมาตั้งใจฟัง
“ตอนนั้นอิ้งกำลังจะจบมอสาม เย็นวันนั้นแม่เห็นเขาร้องไห้อย่างนัก ถามก็ไม่ตอบว่าเป็นอะไร แต่พอเพื่อนเขาโทรมาเขาก็หายเป็นปริบทิ้ง”
พัฒนากรฟังแล้วก็นึกออก ตอนมอสามอังศุมาลินที่ไม่รู้ว่าได้เบอร์เขามาจากไหน ส่งข้อความไปหาเขา แล้วแกล้งไม่บอกว่าใคร จนหลายวันผ่านไป
/เราจะบอกเธอว่าเราเป็นใคร เย็นนี้ช่วยอยู่คนเดียวนะ/
ข้อความหนึ่งส่งมาหาเขา เขาเองก็ตั้งใจจะอยู่คนเดียวแต่...
‘ไอ้พีมเล่นเกมด้วย’
‘ข้าเล่นก่อน’
‘ข้าก่อน’
เพื่อน ๆ เกือบสิบชีวิตมาเล่นบ้านเขาในเย็นวันนั้น และเธอก็โทรมา พัฒนากรรีบรับสายแล้วเดินเข้าไปคุยในห้อง เพื่อน ๆ ที่เห็นท่าทาง
แปลก ๆ เลยเดินไปแอบฟัง
‘เล่นเกม...อืมขอบใจ...อิ้งเองเหรอ อืม ไม่โกรธ บายจ๊ะ’
พัฒนากรแอบผิดหวังแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เคยได้ยินมาบ้างว่าอังศุมาลินแอบชอบเขา แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะแกล้งส่งข้อความมาหาแบบนี้
‘เฮ้ยไอ้พีมยัยอ้วนนั้นโทรหาแกเหรอ เล่ามา’
เพื่อนคนหนึ่งคาดคั้น เขาเลยเล่าเรื่องให้ฟังและเพื่อนคนเดิมก็เอาโทรศัพท์เขาไปเล่นพักหนึ่งแล้วก็เอามาคืน ค่ำวันนั้นมีเบอร์แปลกอีก
เบอร์โทรเข้ามา
‘ฮะโหลใครครับ ศรินเหรอ อืม ทำไมนะ เราไม่ได้ส่งไปนะ จริง ๆ ทำการบ้านอยู่ อืม บายจ๊ะ’
ศิรินธาเพื่อนสนิทของอังศุมาลินโทรหาเขา บอกว่าเขาส่งข้อความไปหาอังศุมาลิน ชายหนุ่มรีบเปิดดู
/โทรหาเราแบบเป็นเพื่อนได้ แต่อย่าบ่อย รำคาญ/
‘เฮ้ย!’
และมีข้อความค้างอยู่อีกหนึ่งข้อความ
/เราแค่อยากแกล้งเธอ ขอโทษที่ทำให้รำคาญ เราคิดกับเธอแค่เพื่อน จริง ๆ/
ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเขาก็บอกความจริงกับศิรินธาไปแล้ว และเพื่อนก็คงจะไปบอกกันเอง
“และครั้งนี้ทำยังไงเธอถึงจะหายล่ะครับ”
พฤตินัยถาม
“ผมขออนุญาตไปหาเธอที่ห้องได้ไหมครับ”
พัฒนากรมีความตั้งใจอะไรบางอย่าง รวีดาแอบเห็นความตั้งใจนั้น
“ได้จ๊ะ”
“ยายแก่”
พิภพ พ่อของอังศุมาลินร้องเตือนรวีดาผู้เป็นภรรยา
“เอาเถอะตาแก่ พ่อหนุ่มตรงไปเลี้ยวซ้ายนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
พัฒนากรกล่าวขอบคุณแล้วรีบเดินออกไป
“ยัยหนูของเรามีแฟนแล้วนะ”
“มีที่ไหน อิฐมันมาขอเลิกกับลูกสาวเราแล้ว ไม่เชื่อก็ถามแม่สิ ที่แม่เป็นลมไปก็เพราะมันนี่แหล่ะ”
รวิดาพูดอย่างไม่สบอาลม พิภพหันหน้าไปหาแม่ยาย คุณยายพยักหน้าตอบ
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะครับ”
พฤตินัยฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเลยเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมา
“ไม่น่าไปยุ่งกับเรื่องขอเขาเลยเรา เฮ้อ”
ก๊อก ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“หลับแล้ว”
พัฒนากรยิ้มขำเมื่อได้ยินคนหลับตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนคนร้องไห้
“เจอลี่จ๋า เปิดประตัวให้ทอมหน่อยเร็ว”
อังศุมาลินที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียงรีบเช็ดน้ำตา เธอเจอเซอร์ไพรส์ถึงสองต่อ ต่อแรกเธอไม่คิดว่าคนที่เคาะห้องคือพัฒนากร ต่อที่
สองไม่คิดว่าเขาจะจำนามแฝงที่เธอเคยใช่ตอนที่ส่งข้อความหาเขาได้
“เจอลี่จ๋าทอมปวดขาแล้วนะ”
และชายหนุ่มยังมีหน้าใช่น้ำเสียงร่าเริงจนเกินเหตุอีก อังศุมาลินรีบเดินมากระชากประตูเปิด
“สมใจเธอแล้วใช่ไหมที่เราเลิกกับอิฐ”
“นิดหน่อย”พูดแล้วเดินเข้าหาอังศุมาลิน หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบ พัฒนากรเลยเดินเข้าไปในห้องของหญิงสาวได้ “พัดลมฮาตาริสีน้ำเงิน
นึกว่าจะเป็นสีฟ้าซะอีก”
อังศุมาลินรีบเดินเข้ามาขวางชายหนุ่มก่อนที่เขาจะเดินไปถึงที่นอนเธอ พร้อมกับลากเก้าอี้มาให้นั่ง
“ใจร้าย”
“แค่เธอเข้าเรามันก็มากเกินไปแล้ว นั่งแค่เก้าอี้ก็พอ แล้วมีอะไรก็รีบพูดมา”
“เธอมีเบอร์เราแล้วปีใหม่นี้อย่าลืมส่งข้อความมาสวัสดีปีใหม่เรานะ แล้วก็ต่อด้วยสุขสันต์วันเกิด”
“จะมานั่งย้อนอดีตทำไม”
“ก็เพราะเราอยากย้อนเวลากลับไปนะสิ แค่ที่เราจำเรื่องพวกนี้ได้เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราคิดอะไร เธอคิดว่าความแปลกของเธอมันจะไม่
อยู่ในความทรงจำของเราเหรอ เธออยู่ในใจเราเสมอมานะ”
พัฒนากรรัวใส่อังศุมาลินเป็นชุด อังสุมาลินเองก็ดีใจแต่มันก็มีอีกหลายอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจ
“เราอยู่ในใจเธอ แล้วทำไมเราสารภาพรักเธอไปเธอไม่เห็นจะตอบเลย เราให้เมลล์เธอไปเธอก็ไม่คิดจะส่งคำตอบมา เราแอ็ทเฟรนดเธอ
เธอก็ไม่เคยรับ”
อังศุมาลินก็ตอกกลับไปเป็นชุดเช่นกัน
“ตอนนั้นเรามีแฟนแล้ว เราจะไปตอบรับรักเธอได้ยังไง แฟนเก่าเราเธอไม่ได้ผิดอะไรไม่ใช่เหรอ จะให้เราทิ้งแฟนแล้วมาหาเธอได้ยังไง”
“มันก็เหมือนกับที่ฉันทิ้งอิฐไปหาเธอไม่ได้เหมือนกัน ยังไงฉันก็ต้องไปง้ออิฐ”
“ถ้าเขาไม่กลับมา ให้โอกาสเราได้ไหม”
“…”
อธิษฐานนั่งมองพระจันทร์ครึ่งดวงอยู่ที่สวนหลังบ้าน เวลานี้เขาก็เหมือนกับพระจันทร์ที่ไม่เต็มดวง หัวใจของเขา เขาเลือกที่จะไปฝากไว้
กับคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน
“อิ้งตอนนี้อิ้งคงเสียใจสินะ แต่อิฐรู้ว่าเขาจะดูแลอิ้งได้”
~โทรศัพท์ครับรับที โทรศัพท์ครับรับที~
‘คุณพีม’
[[พรุ่งนี้อิ้งจะไปหาคุณ]]
“แล้ว”
[[เธอจะไปง้อคุณ]]
“แค่นี้ใช่ไหม”
[[นี่คุณไม่คิดที่จะ…]]
อธิษฐานไม่ฟังต่อตัดสายทิ้ง แล้วกดเบอร์ใหม่ลงไป
“แม่ครับผมจะไปหาแม่นะ”
วันต่อมาพัฒนากรอาสาให้พฤตินัยขับรถมาส่งอังศุมาลินที่บ้านอธิษฐาน หญิงสาวรีบลงไปเปิดประตูบ้านแต่บ้านถูกเปลี่ยนกุญแจไปแล้ว และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่
“ไปไหนต่อ”
พัฒนากรถาม
“โรงพยาบาล”
โรงพยาบาล MBST
“เดินช้า ๆ หน่อยเราตามไม่ทัน”
“ตามไม่ทันก็ไม่ต้องตาม”
อังศุมาลินพูดแบบไร้เยื่อใยแล้ววิ่งออกไป
“น้องชาย”
พฤตินัยเดินมาพร้อมรถเข็น พัฒนากรหันไปยิ้มให้แล้วรีบนั่ง พี่ชายเลยจัดการซิ้งสุดแรง
“เขาลาออกไปแล้วพี่ไม่รู้อะไรจริง ๆ”
พัฒนากรมาถึงก็เห็นอังศุมาลินกำลังคุยกับหมอสาวสวยอยู่
“ขอบคุณค่ะพี่น้ำค้าง”
“จะไปไหนต่อจ๊ะ”
พัฒนากรถามเสียงใส โบกมือทักทายคุณหมอที่อยู่กับอังศุมาลิน
“ไปหาพี่เอก”
“ไม่ได้!”
สามเสียงพูดประสานกัน
“เอกไปประชุมที่ต่างจังหวัดไม่อยู่อีกหลายอาทิตย์”
นรีเป็นคนตอบ อังศุมาลินเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“จะโทรหาใคร คุณอิฐเขาไม่รับสายเธอไม่ใช่เหรอ”
“ฉันจะโทรหาพี่เอก เอามานะ”
พัฒนากรรีบแย่งโทรศัพท์ของอังศุมาลินมาถือไว้
“ไปโทรรบกวนคนอื่นเขาทำไม เธอน่าจะรู้น่าว่าแฟนเธอมีที่ไปที่ไหนบ้าง”
“จริงสิ”
รถของพฤตินัยมาจอดที่หน้าบ้านสวนหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขานัก
“อยู่ห่างจากบ้านเรานิดเดียว”
“นั้นนะสิพี่ดรีม”
อังศุมาลินไม่สนใจฟังรีบวิ่งเขาไปในบ้านแล้วก็ได้เจอกับคนที่ตามหามาทั้งวัน
“อิฐ”
“มาช้ากว่าที่คิดนะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมนึกว่าคุณจะมาหาผมตั้งแต่เมื่อวานเสียอีก”
อธิษฐานใช่น้ำเสียงเยื้อหยัน พร้อมกับแววตาจิกกัด
“อิฐก็เห็นว่ายายเราเข้าโรงพยาบาล”
“แล้วไง ผู้มีพระคุณโกรธยังมีอะไรสำคัญมากไปกว่านี้อีก”
เพียะ! เพียะ! อังศุมาลินตบเข้าไปที่หน้าตัวเองเต็มแรงสองครั้งจนเกิดรอยแดงในทันที
“อิ้ง!”
อธิษฐานรีบยึดมือทั้งสองข้างไว้
“ปล่อยฉันไม่ต้องการเป็นหนีบุญคุณใคร ปล่อย!”
“โอ๊ย!”
อังศุมาลินสลัดสุดแรงแต่เมื่ออีกคนไม่ยอมปล่อยเธอเลยตัดสินใจถีบจนอธิษฐานกระเด็น
และก็กลับมาต่อยและตบหน้าตัวเองอีกทีจนเลือดออกจมูกและปาก แล้วหญิงสาวก็หันหลังเดินออกมา พร้อมกับน้ำตาที่นองหน้าไม่ใช่
เพราะเจ็บตัว แต่เพราะเจ็บที่ใจ คนที่เธอคิดว่าดีที่สุดกลับทำร้ายใจเธอได้เจ็บแสบแบบนี้เชียวหรือ
อังศุมาลินนั่งเหมือนคนไร้วิญญาณอยู่ที่ระเบียงห้องคนไข้ เธอดีใจที่ยายของเธอไม่เป็นอะไรมาก และพัฒนากรก็ไม่ได้เจ็บตัวมากด้วย แต่การที่คนรักของเธอบอกเลิกโดยใช้เหตุผลของความหวาดระแวงนั้นมัน...ไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร
“อิ้งหนูทานข้าวบ้างนะ”
รวีดา แม่ของอังศุมาลินเดินเอาจานข้าวมาให้ลูกสาว
“หนูไม่หิวจ๊ะ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน ตอนบ่ายยายจะออกจากโรงพยาบาลแล้วโทรให้พ่อมารับหน่อยสิลูก”
“ค่ะ”
อังศุมาลินรับคำแล้วหยิบโทรศัพท์กดเลขสามแล้วโทรออก
[[อิ้ง]]
“เฮ้ย!”
อังศุมาลินร้องเสียงหลงรีบเอาโทรศัพท์มาดูหลังจากเสียงที่รับสายเธอนั้นไม่ใช่พ่อของเธอ และพอเอาเบอร์มาดูมันก็เขียนว่า ‘พีม’ เธอไม่
เคยบันทึกเบอร์ของพัฒนากรแน่ ๆ
“อะไรลูก”
รวีดารีบเดินมาดูลูกสาว
“แม่ดาใครเอาโทรศัพท์หนูไปเล่น”
[[ฮะโหล ฮะโหล อิ้งเป็นอะไรรึเปล่าอิ้ง ฮะโหล]]
“ไม่มีนี่ลูก เอ๊ะ! เขายังไม่ได้วางสายนี่ลูกคุยกับเขาก่อนไหม โทรศัพท์แม่มาเดี๋ยวแม่ไปรับก่อนนะลูก”
รวีดารีบเดินเข้าไปในห้องพักคุณยาย อังศุมาลินมองโทรศัพท์อย่างช่างใจก่อนจะเอามันมาแนบหูอีกครั้ง
“ฮะโหล”
[[อิ้ง เรานึกว่าเธอเป็นอะไรเสียอีก ทำไมเงียบไป]]
เสียงปลายสายดูเป็นห่วง
“เธอใช่ไหมที่เล่นโทรศัพท์เรา ใครอนุญาตไม่ทราบ”
“อิ้งคุยเสร็จไปหารถมารับยายด้วยนะพ่อไม่ว่างติดงานด่วน”
รวีดาตะโกนมาจากในห้อง
[[ยายเธอจะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ เดี๋ยวเราไปรับนะ ตู๊ด ๆ ๆ]]
“นี่เดี๋ยวสิยะ”
“อิ้งเป็นอะไรรึเปล่า เมื่อกี้หนูคุยกับใครลูกดูหนูโมโหมากเลยนะ”
“พีมคะ เพื่อนสมัยเรียน”
“พีมที่หนูเคยแอบชอบนั้นเหรอ ถึงว่า...”
“ถึงว่าอะไรคะ”
“แฟนเราถึงได้โมโหแบบนั้น ตาอิฐนี่นะ อิ้ง”
รวีดาต้องหยุดพูดเมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้หันมากอดเธอ รวีดาก็ได้แต่ลูบหัวปลอบใจ
อธิษฐานกดโทรศัพท์หาเพื่อนที่เป็นหมอที่ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลที่ยายของอังศุมาลินเข้ารักษา
“ต้น ยายของอิ้งได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ เออ...ขอบใจ”
อธิษฐานวางสายก่อนจะเดินเข้าไปในห้องประชุม อย่างน้อยเขาก็สบายใจขึ้นที่การกระทำของเขาไม่ได้ทำให้คนที่อังศุมาลินรักต้องเป็นอะไรไป
วันนี้ทางโรงพยาบาลได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนอธิษฐานเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่สามครั้งก่อนหน้านี้ยังตัดสินกันอย่างเป็นผลไม่ได้
“เชิญนั่ง”
คุณปวรภัท กรรมการผู้บริหารใหญ่ของโรงพยาบาล MBST เรียกให้อธิษฐานนั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด อธิษฐานยกมือไหว้ก่อนที่จะนั่ง
“การตัดสินในวันนี้คุณคงไม่โทษทางโรงพยาบาลเราว่าทอดทิ้งคุณนะ”
เริ่มพูดแค่นี้อธิษฐานก็รู้แล้วว่าเขาจะถูกตัดสินอย่างไร
“เราจำเป็นที่ต้องรักษาชื่อเสียงของโรงพยาบาล แม้ที่จริงแล้วผมยังอยากได้ฝีมือคุณอยู่ แต่เราก็ต้องพูดกันถึงส่วนรวม คุณไม่ต้องมา
ทำงานอีกแล้วนะต่อไปนี้”
“ครับ”
อธิษฐานไม่คิดจะโต้แย้งใด ๆ ทุกคนในห้องเดินออกไปทีละคนจนเหลืออยู่ไม่กี่คน
“เสียใจด้วยนะเพื่อน”
อัครพลเดินมาแตะไหล่อธิษฐานก่อนจะเดินออกจากห้องไปอีกคน พร้อมรอยยิ้ม
“มันน่านัก”
หมอสาวตัวเล็กกำมือแน่นทุบโต๊ะ
“ใจเย็น ๆ เนว”
หมอหนุ่มอีกคนเดินมาลูบหลังภรรยา
“หมออิฐพี่กับทุกคนในห้องนี้เอาใจช่วยหมออิฐนะ”
นรีเป็นตัวแทนเพื่อน ๆ เดินมาให้กำลังใจอธิษฐาน
“ทุกคนครับ ผมมีเรื่องเดียวที่อยากจะขอร้อง อย่าบอกอิ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ”
อธิษฐานยกมือไหว้ทุกคนในห้อง
“จ๊ะ พวกเราทุกคนสัญญา แต่อิฐต้องให้พี่ช่วยนะ เพื่อนพี่ที่เป็นทะนายเพิ่งกลับมาเขาจะช่วยเธอได้”
นรียื่นข้อต่อรองที่เคยเสนอไปหลายครั้งแต่อธิษฐานเคยปฏิเสธ
“ขอบคุณครับ”
พัฒนากรยิ้มหน้าบานเมื่อรวิดาชวนเขาและพี่ชายอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน แต่พอเห็นอังศุมาลินกำลังนั่งเขี่ยข้าวในจานโดยไม่มีทีท่าว่าจะตักขึ้นมากินก็พากินไม่ลงไปด้วย
หลังจากทานข้าวเสร็จอังศุมาลินก็ขอตัวไปอยู่ในห้องคนเดียวโดยไม่ยอมฟังเสียงรวิดาที่ให้นั่งคุยเป็นเพื่อนพัฒนากร และพฤตินัย
“แม่เคยเห็นอาการแบบนี้ของอิ้งเมื่อนานมาแล้ว”
รวีดาพูดขึ้น พัฒนากรรีบหันมาตั้งใจฟัง
“ตอนนั้นอิ้งกำลังจะจบมอสาม เย็นวันนั้นแม่เห็นเขาร้องไห้อย่างนัก ถามก็ไม่ตอบว่าเป็นอะไร แต่พอเพื่อนเขาโทรมาเขาก็หายเป็นปริบทิ้ง”
พัฒนากรฟังแล้วก็นึกออก ตอนมอสามอังศุมาลินที่ไม่รู้ว่าได้เบอร์เขามาจากไหน ส่งข้อความไปหาเขา แล้วแกล้งไม่บอกว่าใคร จนหลายวันผ่านไป
/เราจะบอกเธอว่าเราเป็นใคร เย็นนี้ช่วยอยู่คนเดียวนะ/
ข้อความหนึ่งส่งมาหาเขา เขาเองก็ตั้งใจจะอยู่คนเดียวแต่...
‘ไอ้พีมเล่นเกมด้วย’
‘ข้าเล่นก่อน’
‘ข้าก่อน’
เพื่อน ๆ เกือบสิบชีวิตมาเล่นบ้านเขาในเย็นวันนั้น และเธอก็โทรมา พัฒนากรรีบรับสายแล้วเดินเข้าไปคุยในห้อง เพื่อน ๆ ที่เห็นท่าทาง
แปลก ๆ เลยเดินไปแอบฟัง
‘เล่นเกม...อืมขอบใจ...อิ้งเองเหรอ อืม ไม่โกรธ บายจ๊ะ’
พัฒนากรแอบผิดหวังแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เคยได้ยินมาบ้างว่าอังศุมาลินแอบชอบเขา แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะแกล้งส่งข้อความมาหาแบบนี้
‘เฮ้ยไอ้พีมยัยอ้วนนั้นโทรหาแกเหรอ เล่ามา’
เพื่อนคนหนึ่งคาดคั้น เขาเลยเล่าเรื่องให้ฟังและเพื่อนคนเดิมก็เอาโทรศัพท์เขาไปเล่นพักหนึ่งแล้วก็เอามาคืน ค่ำวันนั้นมีเบอร์แปลกอีก
เบอร์โทรเข้ามา
‘ฮะโหลใครครับ ศรินเหรอ อืม ทำไมนะ เราไม่ได้ส่งไปนะ จริง ๆ ทำการบ้านอยู่ อืม บายจ๊ะ’
ศิรินธาเพื่อนสนิทของอังศุมาลินโทรหาเขา บอกว่าเขาส่งข้อความไปหาอังศุมาลิน ชายหนุ่มรีบเปิดดู
/โทรหาเราแบบเป็นเพื่อนได้ แต่อย่าบ่อย รำคาญ/
‘เฮ้ย!’
และมีข้อความค้างอยู่อีกหนึ่งข้อความ
/เราแค่อยากแกล้งเธอ ขอโทษที่ทำให้รำคาญ เราคิดกับเธอแค่เพื่อน จริง ๆ/
ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเขาก็บอกความจริงกับศิรินธาไปแล้ว และเพื่อนก็คงจะไปบอกกันเอง
“และครั้งนี้ทำยังไงเธอถึงจะหายล่ะครับ”
พฤตินัยถาม
“ผมขออนุญาตไปหาเธอที่ห้องได้ไหมครับ”
พัฒนากรมีความตั้งใจอะไรบางอย่าง รวีดาแอบเห็นความตั้งใจนั้น
“ได้จ๊ะ”
“ยายแก่”
พิภพ พ่อของอังศุมาลินร้องเตือนรวีดาผู้เป็นภรรยา
“เอาเถอะตาแก่ พ่อหนุ่มตรงไปเลี้ยวซ้ายนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
พัฒนากรกล่าวขอบคุณแล้วรีบเดินออกไป
“ยัยหนูของเรามีแฟนแล้วนะ”
“มีที่ไหน อิฐมันมาขอเลิกกับลูกสาวเราแล้ว ไม่เชื่อก็ถามแม่สิ ที่แม่เป็นลมไปก็เพราะมันนี่แหล่ะ”
รวิดาพูดอย่างไม่สบอาลม พิภพหันหน้าไปหาแม่ยาย คุณยายพยักหน้าตอบ
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะครับ”
พฤตินัยฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเลยเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมา
“ไม่น่าไปยุ่งกับเรื่องขอเขาเลยเรา เฮ้อ”
ก๊อก ๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“หลับแล้ว”
พัฒนากรยิ้มขำเมื่อได้ยินคนหลับตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนคนร้องไห้
“เจอลี่จ๋า เปิดประตัวให้ทอมหน่อยเร็ว”
อังศุมาลินที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียงรีบเช็ดน้ำตา เธอเจอเซอร์ไพรส์ถึงสองต่อ ต่อแรกเธอไม่คิดว่าคนที่เคาะห้องคือพัฒนากร ต่อที่
สองไม่คิดว่าเขาจะจำนามแฝงที่เธอเคยใช่ตอนที่ส่งข้อความหาเขาได้
“เจอลี่จ๋าทอมปวดขาแล้วนะ”
และชายหนุ่มยังมีหน้าใช่น้ำเสียงร่าเริงจนเกินเหตุอีก อังศุมาลินรีบเดินมากระชากประตูเปิด
“สมใจเธอแล้วใช่ไหมที่เราเลิกกับอิฐ”
“นิดหน่อย”พูดแล้วเดินเข้าหาอังศุมาลิน หญิงสาวรีบเบี่ยงตัวหลบ พัฒนากรเลยเดินเข้าไปในห้องของหญิงสาวได้ “พัดลมฮาตาริสีน้ำเงิน
นึกว่าจะเป็นสีฟ้าซะอีก”
อังศุมาลินรีบเดินเข้ามาขวางชายหนุ่มก่อนที่เขาจะเดินไปถึงที่นอนเธอ พร้อมกับลากเก้าอี้มาให้นั่ง
“ใจร้าย”
“แค่เธอเข้าเรามันก็มากเกินไปแล้ว นั่งแค่เก้าอี้ก็พอ แล้วมีอะไรก็รีบพูดมา”
“เธอมีเบอร์เราแล้วปีใหม่นี้อย่าลืมส่งข้อความมาสวัสดีปีใหม่เรานะ แล้วก็ต่อด้วยสุขสันต์วันเกิด”
“จะมานั่งย้อนอดีตทำไม”
“ก็เพราะเราอยากย้อนเวลากลับไปนะสิ แค่ที่เราจำเรื่องพวกนี้ได้เธอยังไม่รู้อีกเหรอว่าเราคิดอะไร เธอคิดว่าความแปลกของเธอมันจะไม่
อยู่ในความทรงจำของเราเหรอ เธออยู่ในใจเราเสมอมานะ”
พัฒนากรรัวใส่อังศุมาลินเป็นชุด อังสุมาลินเองก็ดีใจแต่มันก็มีอีกหลายอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจ
“เราอยู่ในใจเธอ แล้วทำไมเราสารภาพรักเธอไปเธอไม่เห็นจะตอบเลย เราให้เมลล์เธอไปเธอก็ไม่คิดจะส่งคำตอบมา เราแอ็ทเฟรนดเธอ
เธอก็ไม่เคยรับ”
อังศุมาลินก็ตอกกลับไปเป็นชุดเช่นกัน
“ตอนนั้นเรามีแฟนแล้ว เราจะไปตอบรับรักเธอได้ยังไง แฟนเก่าเราเธอไม่ได้ผิดอะไรไม่ใช่เหรอ จะให้เราทิ้งแฟนแล้วมาหาเธอได้ยังไง”
“มันก็เหมือนกับที่ฉันทิ้งอิฐไปหาเธอไม่ได้เหมือนกัน ยังไงฉันก็ต้องไปง้ออิฐ”
“ถ้าเขาไม่กลับมา ให้โอกาสเราได้ไหม”
“…”
อธิษฐานนั่งมองพระจันทร์ครึ่งดวงอยู่ที่สวนหลังบ้าน เวลานี้เขาก็เหมือนกับพระจันทร์ที่ไม่เต็มดวง หัวใจของเขา เขาเลือกที่จะไปฝากไว้
กับคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน
“อิ้งตอนนี้อิ้งคงเสียใจสินะ แต่อิฐรู้ว่าเขาจะดูแลอิ้งได้”
~โทรศัพท์ครับรับที โทรศัพท์ครับรับที~
‘คุณพีม’
[[พรุ่งนี้อิ้งจะไปหาคุณ]]
“แล้ว”
[[เธอจะไปง้อคุณ]]
“แค่นี้ใช่ไหม”
[[นี่คุณไม่คิดที่จะ…]]
อธิษฐานไม่ฟังต่อตัดสายทิ้ง แล้วกดเบอร์ใหม่ลงไป
“แม่ครับผมจะไปหาแม่นะ”
วันต่อมาพัฒนากรอาสาให้พฤตินัยขับรถมาส่งอังศุมาลินที่บ้านอธิษฐาน หญิงสาวรีบลงไปเปิดประตูบ้านแต่บ้านถูกเปลี่ยนกุญแจไปแล้ว และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่
“ไปไหนต่อ”
พัฒนากรถาม
“โรงพยาบาล”
โรงพยาบาล MBST
“เดินช้า ๆ หน่อยเราตามไม่ทัน”
“ตามไม่ทันก็ไม่ต้องตาม”
อังศุมาลินพูดแบบไร้เยื่อใยแล้ววิ่งออกไป
“น้องชาย”
พฤตินัยเดินมาพร้อมรถเข็น พัฒนากรหันไปยิ้มให้แล้วรีบนั่ง พี่ชายเลยจัดการซิ้งสุดแรง
“เขาลาออกไปแล้วพี่ไม่รู้อะไรจริง ๆ”
พัฒนากรมาถึงก็เห็นอังศุมาลินกำลังคุยกับหมอสาวสวยอยู่
“ขอบคุณค่ะพี่น้ำค้าง”
“จะไปไหนต่อจ๊ะ”
พัฒนากรถามเสียงใส โบกมือทักทายคุณหมอที่อยู่กับอังศุมาลิน
“ไปหาพี่เอก”
“ไม่ได้!”
สามเสียงพูดประสานกัน
“เอกไปประชุมที่ต่างจังหวัดไม่อยู่อีกหลายอาทิตย์”
นรีเป็นคนตอบ อังศุมาลินเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“จะโทรหาใคร คุณอิฐเขาไม่รับสายเธอไม่ใช่เหรอ”
“ฉันจะโทรหาพี่เอก เอามานะ”
พัฒนากรรีบแย่งโทรศัพท์ของอังศุมาลินมาถือไว้
“ไปโทรรบกวนคนอื่นเขาทำไม เธอน่าจะรู้น่าว่าแฟนเธอมีที่ไปที่ไหนบ้าง”
“จริงสิ”
รถของพฤตินัยมาจอดที่หน้าบ้านสวนหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขานัก
“อยู่ห่างจากบ้านเรานิดเดียว”
“นั้นนะสิพี่ดรีม”
อังศุมาลินไม่สนใจฟังรีบวิ่งเขาไปในบ้านแล้วก็ได้เจอกับคนที่ตามหามาทั้งวัน
“อิฐ”
“มาช้ากว่าที่คิดนะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมนึกว่าคุณจะมาหาผมตั้งแต่เมื่อวานเสียอีก”
อธิษฐานใช่น้ำเสียงเยื้อหยัน พร้อมกับแววตาจิกกัด
“อิฐก็เห็นว่ายายเราเข้าโรงพยาบาล”
“แล้วไง ผู้มีพระคุณโกรธยังมีอะไรสำคัญมากไปกว่านี้อีก”
เพียะ! เพียะ! อังศุมาลินตบเข้าไปที่หน้าตัวเองเต็มแรงสองครั้งจนเกิดรอยแดงในทันที
“อิ้ง!”
อธิษฐานรีบยึดมือทั้งสองข้างไว้
“ปล่อยฉันไม่ต้องการเป็นหนีบุญคุณใคร ปล่อย!”
“โอ๊ย!”
อังศุมาลินสลัดสุดแรงแต่เมื่ออีกคนไม่ยอมปล่อยเธอเลยตัดสินใจถีบจนอธิษฐานกระเด็น
และก็กลับมาต่อยและตบหน้าตัวเองอีกทีจนเลือดออกจมูกและปาก แล้วหญิงสาวก็หันหลังเดินออกมา พร้อมกับน้ำตาที่นองหน้าไม่ใช่
เพราะเจ็บตัว แต่เพราะเจ็บที่ใจ คนที่เธอคิดว่าดีที่สุดกลับทำร้ายใจเธอได้เจ็บแสบแบบนี้เชียวหรือ
เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ย. 2556, 08:45:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2556, 08:45:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 1169
<< ตอนที่ 8 ฝากดูแล | 10 เริ่มต้นใหม่กับรักครั้งเก่า >> |