สะพานแห่งคำสัญญา
พายุกับน้ำฝน เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีความแตกต่างกันมากที่สุด ต้องมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่อการเรียนและชีวิตวันหยุดของทั้งสองต้องมาข้องเกี่ยวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความเฉยชากลายเป็นความสัมพันธ์ กลายเป็นความรัก ความรักที่ยากจะดึงทั้งสองออกจากกัน
Tags: คำสัญญา หนุ่มเกเร สาวเรียบร้อย

ตอน: ตอนที่ 1

เชียงราย ปี พ.ศ.2547

ในที่สุดวันแรกการปิดเทอมช่วงฤดูร้อนก็มาถึงพร้อมกับการเรียนมัธยมปลายปีที่สองของผมที่ผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะยากลำบากในช่วงใกล้สอบ แต่ผมก็กัดฟันผ่านมาได้โดยไม่ต้องไปสอบแก้ตัวใดๆ และเมื่อภารกิจอันน่าปวดหัวจบลง ผมก็ทำสิ่งที่อยากจะทำเพียงอย่างเดียวในตอนนี้คือนอนและตื่นให้สาย

“ยุ….ตื่นได้แล้วลูก”
ผมเดินงัวเงียมาเปิดประตูแล้วโผล่หน้าออกไปและเจอแม่ยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าพอดี
“รู้ไหมนี่มันกี่โมงแล้วคุณชายพายุ”
ผมขยี้ตา สมองยังทำงานไม่ค่อยจะปกติเท่าใดนัก รู้สึกหัวหนักอึ้งเหมือนใส่หมวกเหล็กไว้บนหัว
“สี่ทุ่มมั้ง…แม่”ผมตอบเสียงแหบๆ
แม่ชักสีหน้านิดหนึ่งอย่างหน่ายๆ “นี่มัน 10 โมงกว่าแล้ว ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเลยนะ”
“ขอนอนต่อไม่ได้เหรอแม่ วันนี้ผมปิดเทอมวันแรกนะ”
แม่ส่ายหน้า “ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวพ่อสุดที่รักของลูกกำลังจะถึงบ้านแล้ว”
“แม่…ว่าไงนะ”เสียงของผมยังเนือยๆ
แม่จุ๊ปาก สายตาที่แม่มองผมก่อนจะหันหลังให้ช่างน่ากลัวเหลือกเกิน
“พ่อของลูกถ่ายสารคดีที่ห้วยขาแข้งเสร็จแล้ว พอส่งงานเรียบร้อยก็กลับบ้าน เมื่อคืนแวะนอนบ้านป้าพอเช้าก็ออกมา ตอนนี้คงใกล้ถึงบ้านแล้วล่ะ”
แค่ได้ยินเต็มหูว่าพ่อกำลังมา เหมือนสติที่มันถูกความง่วงขโมยไปมันกลับมาหมด ผมปิดประตูรีบอาบน้ำแต่งตัว หวังว่าตัวเองคงไม่ดูโทรมเหมือนคนอดนอน พ่อมักจะบ่นเรื่องผมนั่งเล่นเกมดึกๆ แม้เดี๋ยวนี้ผมจะไม่ค่อยเล่นแล้วก็ตามที ผมจัดการตัวเองเสร็จก็ออกไปนั่งดูทีวีรอที่ห้องรับแขกพลางนั่งคิดหาร้านอาหารอร่อยๆในเมือง เพราะพ่อกลับมาทีไร พ่อมักจะชวนไปทานมื้อค่ำนอกบ้านทุกครั้ง มันเป็นอะไรที่ผมกับแม่ไม่ค่อยจะทำ

“ยุ มาช่วยแม่จัดศาลาหน่อยลูก”
พอได้ยินแม่เรียกแบบนี้ ทุกครั้งผมจะถือว่ามันเป็นสัญญาณให้เตรียมตัวออกจากบ้าน เพราะถ้าแม่สั่งให้จัดศาลาที่สวนหลังบ้านเมื่อไหร่ แปลว่าถึงเวลาที่นักเรียนของแม่จะทยอยกันมาที่บ้าน เวลาแห่งความสงบกำลังจะถูกกลบด้วยเสียงของเด็กเล็กเด็กโตที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่มาเพื่อเรียนดนตรีไทยกับแม่ แม่เป็นครูสอนวิชาดนตรีไทยของโรงเรียนรัฐบาลไม่ห่างจากหมู่บ้านของเราสักเท่าใด แต่ก่อนมีคนมาเรียนช่วงวันหยุดไม่มาก แต่พอทางชุมชนให้ตั้งโครงการส่งเสริมวัฒนธรรม แม่ก็เสนอตัวเข้าไปช่วยสอนดนตรีไทยให้เยาวชนที่สนใจ นานหลายเดือนเหมือนกันกว่าจะมีคนเรียนมากอย่างทุกวันนี้ ระยะหลังนักเรียนเริ่มมากจนแม่ต้องขอให้คนในหมู่บ้านที่มีฝีมือด้านดนตรีไทยมาช่วยกันสอน โดยใช้ศาลาในสวนหลังบ้านหลังนี้เป็นห้องเรียน
“เดี๋ยวนักเรียนมาแล้วจะไม่มีที่นั่งกัน เอ้า!...ลูกช่วยกวาดข้างบนหน่อยจ้ะ เมื่อคืนลมแรงพัดใบไม้มากองเต็มเลย”
ผมรับไม้กวาดมา เดินถือไปกวาดตามบัญชาของแม่โดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ ทำเงียบๆและรีบๆทำ เสร็จงานพ่อคงมาถึง ทีนี้ผมจะชวนพ่อออกไปหาอะไรกินข้างนอก เอาล่ะนี่คือแผนที่ผมวางไว้ในหัวตอนนี้
“วันนี้มีคนมาเรียนเพิ่มอีกคน อายุเท่ากับลูกเลย เรียนที่เดียวกับลูกด้วยนะ”
“ชื่ออะไรเหรอแม่”
“แม่เองก็จำไม่ได้ เขาฝากเหมียวมาบอก”
ผมไม่แปลกใจอะไรนักเมื่อได้ยิน เพราะรู้ดีว่าเหมียวที่อยู่บ้านข้างๆมีเพื่อนเยอะ อีกทั้งเจ้าตัวยังเป็นคนพูดมากจนน้ำไหลไฟดับ อะไรนิดอะไรหน่อยเจ้าหล่อนก็เอามาเม้ากับแม่ได้ พอคิดแล้วผมอยากให้หน้าที่ตรงศาลาหมดเสียเร็วๆ
“พ่อทำไมมาช้านะ”
ผมยังไม่ทันพูดอะไร เสียงประตูรั้วหน้าบ้านเลื่อนกึงๆก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน เราสองคนรู้ทันทีว่าพ่อมาถึงแล้ว ผมกับแม่ทิ้งงานทุกอย่างแล้วเดินออกไปที่ประตูหน้า พอไปถึง พ่อที่กำลังหิ้วกระเป๋าลงจากหลังรถก็หันมายิ้มให้
“ไงยุ พ่อเข้าป่าสามเดือนลูกหล่อขึ้นเยอะ”
ผมไม่ตอบแต่ยิ้มให้พ่อเล็กน้อย
“มาถึงช้าเหมือนกันนะคุณ”
พ่อหันไปยิ้มให้แม่ ยักไหล่เล็กน้อย “อืม รถติดนิดหน่อย พอดีมีรถชนกันแล้วพุ่งเข้าชนเสาไฟแดงอีกที เนี่ย! แถวสี่แยกแม่กรณ์นี่เอง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ขวางอยู่กลางถนน จนจราจรมาโบกรถให้ พวกเราถึงได้มากัน”
“คุณขับรถไปมาก็ระวังนา”
“วางใจเถอะแม่”
พ่อหันมาทางผม สายตาของพ่อที่มองมายังดูใจดีไม่เปลี่ยน พ่อไม่เอ่ยอะไรแต่หันไปคุยกับแม่
“แล้วนักเรียนของแม่ล่ะ”
“เดี๋ยวก็มา นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว”
“งั้นเราไปหาอะไรกินกันเถอะพ่อ”ผมรีบชวนทันที
พ่อยิ้ม “รอตอนเย็นก่อนเถอะยุ พ่ออยากนั่งพัก”
ผมจำใจยิ้ม พยักหน้าแล้วหอบความผิดหวังออกมาพร้อมกระเป๋าของพ่อที่จะเอาไปเก็บในบ้าน ปล่อยให้พ่อกับแม่เดินคุยกันเข้าไปที่สวนหลังบ้าน พอวางกระเป๋าพ่อในห้องของแม่แล้ว ผมก็เดินออกมาหน้าบ้าน ก่อนจะเดินออกจากประตูบ้านไปยังเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง
11 โมงแล้ว ไอ้พวกนั้นคงไปที่เดิม ขณะที่คิดหาทางหลบลี้หนีนักเรียนของแม่อยู่นั้น แม่ก็เดินถือขวดน้ำมาจากห้องครัว คงจะเอาไปให้พ่อที่ศาลา
“แม่ ผมไปข้างนอกนะครับ”
แม่ที่กำลังเดินไปเกือบจะถึงประตูหลังบ้านหยุดแล้วเหลียวหลังมา สายตาแม่มองมที่ผมอย่างค้นหาก่อนจะถามว่า “ลูกจะไปไหนนายพายุ วันนี้พ่อมานะ”
“ก็ผมชวนพ่อไปข้างนอกแล้ว แต่พ่อไม่ไป ผมเลยจะไปหาเพื่อนข้างนอก”
“แล้วจะไปเล่นฟุตบอลตอนเย็นหรือเปล่า”
“ก็อาจจะ ยังไม่รู้เลย”
แม่พยักพเยิด “ปิดเทอมไม่เคยอยู่ติดบ้าน เอาเถอะ อยากไปก็ไป แล้วอย่ากลับมืดล่ะ จะได้ออกไปทานข้าวข้างนอก”
“ครับ”ผมตอบแล้วรีบเข้าห้องไปเอากระเป๋าคาดเอวใบโปรดซึ่งในนั้นมีทั้งกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือจอสีขาวดำที่กำลังจะเป็นโทรศัพท์รุ่นดึกดำบรรพ์ในไม่อีกกี่เดือนข้างหน้า

10 นาทีต่อมา ผมก็ขับมอเตอร์ไซค์ออกมาจากบ้าน มุ่งหน้าไปหาเพื่อนที่ร้านเกมในละแวกบ้าน ผมคาดว่าเพื่อนๆส่วนใหญ่จะอยู่กันที่นั่น ผมติดไฟแดงตรงสี่แยกอยู่นาน มันเป็นแยกที่ไฟแดงนานมากๆถ้าเทียบกับแยกอื่น แดดยามสายแผดจ้าเผาหัวผมอยู่นานกว่าไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมขับรถข้ามสี่แยกผ่านโรงเรียนของแม่แล้วเลี้ยวเข้าซอย ไม่กี่อึดใจก็จอดรถที่หน้าร้านเกม
ผมเปิดประตูเข้าไปในร้านซึ่งมีเสียงเกมและเสียงเด็กผู้ชายวัยใกล้ๆกันกำลังฮาเฮกับเกมตรงหน้า มันเป็นภาพและบรรยากาศที่ผมคุ้นเคยดี ผมทักพี่เจ้าของร้าน ยังไม่ทันมองรอบๆเลย ก็มีเสียงเรียกดังมาจากเครื่องเกมเครื่องในสุดของร้าน ผมเดินไปหาคนเรียกที่หันหน้ามาทางผมอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกนั้นนั่งกันอยู่สองคน คนหนึ่งผมเกรียน อีกคนผมยาวพอๆกับผม แต่ทั้งสองหน้าเหมือนกันมากเพราะเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน
“คิดไว้อยู่แล้วว่าพวกนายต้องอยู่ที่นี่ ไอ้เต้ ไอ้ต้อง”
เพื่อนฝาแฝดของผมขยับแบ่งที่ให้ เต้แฝดคนพี่ส่งจอยบังคับให้ เพื่อนฝาแฝดของผมนี้เรียนห้องเดียวกัน ทั้งสองเป็นเด็กต่างอำเภอที่เช่าหออยู่ในละแวกบ้านผม พอวันหยุดไหนไม่กลับบ้านก็จะมาสิงอยู่ที่ร้านเกมเสียร่ำไป
“เอากับไอ้ต้องมันสักเกมซิ เบื่อมันละ”
ผมรับจอยมา “วันนี้มันเก่งเหรอ”
ต้องหันมามองด้วยสายตาท้าทาย “วันนี้นายโดนเชลซีฉันแน่ เพื่อน”
ผมหัวเราะ มองจอเห็นต้องกำลังเลือกเชลซีเหมือนที่บอก ผมเลื่อนไปยังทีมที่หาซึ่งอ่อนชั้นกว่าเยอะ “อย่างนายน่ะเหรอ เอาสักโบลตันก็เหลือแหล่แล้วต้อง”
เต้หัวเราะลั่น “โดนว่ะ เอาโบลตันมาสู้กับเชลซี”
“ฮึ เอาเลย”เสียงต้องสะบัดเหมือนหยามกลับ
ผมไม่ได้เลือกทีมอ่อนชั้นอย่างที่คุยไว้เพราะเราต่างรู้ฝีมือกันดี ผมเลือกเอารีล มาดริดมาสู้ วางแผนเสร็จสรรพ เกมในสนามก็เริ่มพร้อมสงครามประสาทเล็กๆน้อยๆของเราสองคน ต่างฝ่ายต่างผลัดกันข่มฝ่ายตรงข้ามเพราะเกมนั้นสูสีเหลือเกิน เล่นมานานยังไม่มีกองหน้าทีมไหนยิงประตูชัยได้สักทีจนในที่สุดต้องต่อเวลาพิเศษ
เต้สะกิดไหล่ผมขณะที่ผมนั่งเลือกตัวสำรองลงมาแก้เกมช่วงต่อเวลา “วันนี้ไปเตะบอลไหมยุ”
“ไปเตะที่ไหนล่ะ”
“ที่โรงเรียน”
ต้องที่กำลังหน้าเครียดด้วยเกมที่เป็นรองเอาศอกกระทุ้งแขนผมเบาๆ “เร็วดิ เต้…ไอ้ยุมันไม่ไปมั้ง มันกลัวทำกระจกแตกอีกบาน”
ผมหันไปมองแฝดคนน้อง “ปากนายนี่นะ”
คนแซวหัวเราะชอบใจ ผมส่ายหน้า หันมาจดจ่อกับเกมและส่งบอลตุงตาข่ายพร้อมความโล่งอกที่ตามมา ผมถอนใจก่อนจะหันไปหาเต้ “ไปก็ไป แต่ต้องไปส่งฉันเอารองเท้าก่อน รีบออกมา ลืมว่ะ”
“ได้ซิ”เต้รับคำง่ายๆ
“รีบออกมาทำไม สาวๆเยอะแยะอ่ะบ้านนาย”ต้องแย้ง
คิ้วของผมขมวดเป็นปม มองไปที่ต้อง“เยอะมันก็เยอะ แต่หนวกหูว่ะ เออ เมื่อเช้าแม่บอกว่ามีสาวโรงเรียนเรารุ่นเดียวกับเราไปเรียนกับแม่ เพิ่งมาวันนี้เอง”
ฝาแฝดหูผึ่ง หันมามองผม ทำให้ผมรู้จุดประสงค์ของทั้งสองทันที
“อยากเห็นล่ะซิ”
“อืม”ฝาแฝดตอบรับพร้อมกัน
“อาจจะเป็นน้องเจียวคนสวยก็ได้”ต้องจอมเพ้อฝันบอก ยิ้มและทำท่าเหมือนเคลิ้ม
“เป็นเจียวก็ดีดิ”แฝดพี่ทำท่าเหมือนน้องชาย ผมได้แต่ขำท่าทางของทั้งคู่
“พอๆ” ผมส่ายหน้า สะกิดที่แขนเต้“ไปจ่ายตัง แล้วไปบ้านฉัน ไปดูว่าเป็นใคร ฉันเองจะได้ไปเอารองเท้าด้วย”
ต้องหันไปโบกไม้โบกมือกับเจ้าของร้านที่ซี้กันพร้อมตะโกนบอกให้เก็บเงินค่าชั่วโมง พอพี่เจ้าของร้านตะโกนตอบกลับมา เราก็เดินไปที่โต๊ะ ฝาแฝดจ่ายเงินเสร็จเราสามคนก็เดินออกมาจากร้าน อึดใจต่อมาเราสามคนก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมา


ตอนที่มาถึงบ้าน ผมเดินเฉียดไปใกล้ห้องเรียนในสวนของแม่แต่ไม่มีเสียงดนตรี มีเสียงคุยกันแว่วมาเบาๆ ผมพาเพื่อนฝาแฝดเดินไปยังสวนก่อนจะแยกไปเอารองเท้ากีฬา พอกลับมาก็เห็นเพื่อนซี้ตัวแสบกำลังหัวเราะกันคิกคัก
“เห็นนักเรียนใหม่หรือยัง”ผมถาม ที่จริงผมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ต่อให้เป็นสาวเจียวคนสวยตามที่คู่แฝดว่า ผมก็ไม่สนใจ อยู่เฉยๆแบบนี้ถือว่าดีแล้ว
“เห็นชัดเลย”ต้องหันมาตอบ
“ใครวะ”
“น้องน้ำฝนของนายไง”ต้องยิ้มกวนๆ
ผมชะงักกึกพอได้ยินชื่อนี้“หือ น้ำฝนเหรอ” ผมแปลกใจไม่น้อยเลยที่ได้ยินชื่อนี้ อันที่จริงผมไม่คิดว่าเธอจะกล้ามาเรียนที่บ้านผมด้วยซ้ำ เพราะเธอมักจะโดนเพื่อนผมล้อบ่อยๆเวลาอยู่โรงเรียน อันที่จริงก๊วนเพื่อนของผมเอาเธอมาเป็นเครื่องมือในการล้อผมด้วยการเอาเราสองคนไปจับคู่กัน ล้อว่าเราเป็นแฟนกัน เจ้าพวกนี้จะดีใจมากหากผมโมโหจนหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะปกติผมไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดขี้โมโห ด้วยเหตุที่ว่าผมชอบนั่งเงียบๆคอยมองพวกนั้นแกล้งกันเองมากกว่านั้นเอง ผมเลยตกเป็นเหยื่อบ้าง น่าเจ็บใจเหมือนกัน แล้วพอหลังๆกลายเป็นว่าพวกนี้พลอยไปล้อน้ำฝนด้วยอีกคนทั้งๆที่ผมก็ไม่อยู่ แม้ผมจะไม่ชอบที่เพื่อนพวกนี้ทำ แต่ที่ผมรู้สึกแปลกใจไม่น้อยคือเธอยังกล้ามาที่บ้านผมทั้งๆที่โดนเพื่อนผมล้อเอาซะขนาดนั้น
เต้หัวเราะก่อนจะตอบว่า…อืม แล้วชี้ให้ผมดู
แม้จะไม่อยากเห็น แต่ผมก็มองตามที่เพื่อนตัวแสบบอก เห็นแม่กับนักเรียนเจ็ดแปดคนนั่งคุยกันอยู่ พอมองไล่ไปทีละคนก็เห็นตามที่ฝาแฝดบอก
“ใช่จริงๆด้วย น้องเจียวแฟนฉัน”ผมแกล้งทำหน้าตาย เหมือนเป็นแฟนกับสาวสวยในฝันของแฝดนรกจริงๆ
ต้องหันมามองผม สายตามาดร้ายนิดๆ “เจียวบ้านนายซิ น้ำฝนนั่งอยู่นั่น น้องเจียวไม่มาหรอกเว้ย เค้าเรียนห้องสายวิทย์ ไม่มาเล่นดนตรีไทยหรอก ป่านนี้เรียนพิเศษอยู่ไหนไม่รู้แล้ว”
“น้ำฝนก็สายวิทย์นะ”ผมบอกตามจริง
“รู้ดี แฟนนายนี่นะ”เต้ถือโอกาสกัดผมทันที
ผมแกล้งไม่สน มองไปที่กลุ่มนักเรียนของแม่ เห็นมีอยู่คนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้กับแม่ เธอรวบผมยาวแล้วมัดไว้ข้างหลัง หน้าตาธรรมดาไม่ค่อยยิ้มขณะที่อยู่กับคนหมู่มากเป็นสิ่งที่เราคุ้นตาเพราะเห็นที่โรงเรียนบ่อยครั้ง จากตรงที่เรายืนจะเห็นเธอนั่งเต็มตัว เธอใส่กางเกงยีนสีออกฟ้าซีดและเสื้อยืดสีเหลืองอ่อน หากใครไม่รู้จักเธอและได้มาเห็นตอนนี้จะคิดว่าเธอเป็นสาวห้าวอย่างไม่ต้องสงสัยจากการแต่งตัวและการที่ไม่แต่งหน้าแม้แต่นิดเดียวของเธอ และนั่นคือฉายาที่พวกเราแอบตั้งให้เธอ ผมไม่ชอบเธอเท่าไหร่ แม้ปกติจะไม่แสดงออกมาแต่ลึกๆรู้สึกแบบนั้นแต่ผมคงแสดงอาการไม่ชอบออกมาให้เพื่อนเห็นโดยที่ไม่รู้ตัว เลยทำให้เพื่อนๆรู้แล้วเอาชื่อเธอมาล้อผมประจำ
ผมสะกิดเพื่อนทั้งสองที่ยังยืนทำตาเยิ้มมองสาวๆ “ไปเถอะ อยู่นานยายนี่อาจจะฟ้องแม่ฉันเรื่องทำกระจกแตกได้ ไม่ไว้ใจว่ะ”
เพื่อนทั้งสองหันรีรออยู่อึดใจก่อนจะเดินตามผมมา ส่วนผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเดินออกมา อาจเพราะสลัดความอึดอัดที่ไม่รู้สาเหตุเวลามองผู้หญิงคนนั้นออกจากตัวได้ แล้วมันก็หายไปเลยเมื่อเราสามคนขับมอเตอร์ไซค์ออกมา






สันติภาพวัฒนะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2556, 01:13:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ส.ค. 2556, 15:33:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 923





<< นำเรื่อง   สะพานแห่งคำสัญญา ตอนที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account