Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: คำตอบในใจกับการแยกจาก

พีรพงษ์ตื่นมาในตอนสายของวันใหม่ เมื่อคืนกุญแจห้องพักที่โรงแรมแล้ว ชายหนุ่มก็มาเยี่ยมฝ้ายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ภาพแรกที่เห็นคือเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งเฝ้าคนป่วยอยู่ก่อน

“เฮ้ย... นุ่นมาไงวะ?” พีรพงษ์ประหลาดใจ
“พี่ไนท์หวัดดี” อีกฝ่ายยกมือไหว้
“บินมาถึงเมื่อตอนเย็น แล้วก็นั่งรถต่อมาคืนครับพี่ ตอนที่พี่กลับไปแล้ว”
“ทำไมไม่โทรหาวะ?” เขาถาม
“ขอโทษทีพี่ไนท์ เห็นฝ้ายแล้วผมก็ลืมไป” อีกฝ่ายตอบพลางมองคนที่หลับอยู่ด้วยสายตาเศร้าๆ
“แล้วนี่ไอ้ฝ้ายเป็นไงบ้าง?”
“หมอมาดูเมื่อครู่ ให้ย้ายเข้ากรุงเทพฯได้ตอนบ่ายนี้ครับ แม่ฝ้ายเลยไปติดต่อรถพยาบาลอยู่” นุ่นตอบ

พีรพงษ์นั่งคุยกันกับรุ่นน้องหนุ่มเพื่อรอจนแม่คนป่วยมา นุ่นรู้ข่าวนี้เพราะติดต่อกับเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งอยู่ตลอด พอรู้ข่าวเขาก็จองตั๋วเครื่องบินมาจากอเมริกาทันที ด้วยเหตุผลเดียวคือเขายังคงรักและเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้เกินกว่าจะหลบทำใจอยู่เงียบๆ คนเดียว

คำบอกเล่าของรุ่นน้องหนุ่มทำเอาก้อนบางอย่างพุ่งขึ้นมาติดคอ มันคำความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ของเขาเอง ความรู้สึกที่ยังคงมีต่อเกมที่พยายามเท่าไหร่มันก็คล้ายไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ผมจะพาฝ้ายไปอเมริกาด้วยครับพี่” อีกฝ่าย
“มันอาจจะยุ่งยากนิดหน่อยแต่ไม่น่ามีปัญหาอะไร” เด็กหนุ่มขยายความ
“บอกแม่ฝ้ายยัง?”
“บอกแล้วครับพี่ แม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่คงต้องแต่งงานกันก่อน”
“แต่งงาน???” ชายหนุ่มอ้าปากค้าง เรื่องราวปุบปับจนตั้งรับไม่ทัน
“ใช่พี่ น่าจะทำแบบง่ายๆ จดทะเบียนแล้วก็บินไปนู่น”
“อืม” พีรพงษ์พูดไม่ออกและคิดอะไรไม่ทัน
“ถ้ามันดีก็ทำตามนั้นเถอะ” เขาบอก
“แล้วพี่ล่ะ?” ฝ่ายนั้นเงียบครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม
“อะไร?”
“พี่กอล์ฟบอกผมว่าพี่เป็นโรคซึมเศร้าเพราะยังคิดถึงพี่เกมอยู่”
“มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะพี่ แต่ชีวิตพี่มันน่าจะดีกว่านี้ถ้าพี่ผ่านมันไปเสียที” เด็กหนุ่มแนะนำอย่างมีน้ำหนักต้องฟัง เพราะเขาเดินทางไปเรียนแพทย์ต่อที่นู่น
“พี่ก็พยายามอยู่” เขาบอก
“ผมว่าพี่มีอะไรค้างคาที่จะพูดกับพี่เกมหรือเปล่า?” นุ่นยิงคำถามเพราะคิดว่ารู้จักพี่ชายของเขาดี
“พี่ยังรักพี่เกมอยู่ใช่ไหม?” คนเป็นน้องถาม
“มีอะไรค้างในใจก็เคลียร์ๆ มันซะนะพี่” ฝ่ายนั้นพูดเมื่อเห็นเขาปิดปากเงียบ

พอดีกับแม่ของฝ้ายกลับเข้ามาที่ห้อง พีรพงษ์จึงถือโอกาสกล่าวลาเพื่อกลับเข้ากรุงเทพฯ ก่อน
....................

ชายหนุ่มคิดมาระหว่างนั่งรถกลับเข้ากรุงเทพฯ แน่นอนว่าหญิงสาวอย่างสรัญญาทำให้ชีวิตของเขาเดินหน้าไปอีกก้าว แต่ก้าวมันอาจจะยาวและเร่งเกินกว่าที่ชายหนุ่มคาดหวังไว้

“พี่ยังรักพี่เกมอยู่ใช่ไหม?”

คำถามของรุ่นน้องหนุ่มผุดย้อนขึ้นมา มันมีเพียงคำตอบเดียวที่เขารู้ แต่ก็เป็นคำตอบเดียวกันที่เขาไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น

“ใช่พี่ยังรักเกมเท่านั้น”

มันจริงอยู่ที่เขายังรักเกมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป แต่ชีวิตที่ยังต้องใช้ การห่างหายไปของเกมโดยไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง มันค่อยๆ เกาะกินความรู้สึกนึกคิดของเขาต่อการแก้ไขปัญหาที่ค้างคาอยู่ให้จบแบบรู้แล้วรู้รอดเสียที

พีรพงษ์คิดและโกรธตัวเอง มันไม่แฟร์เลยที่หย่อนให้กับชีวิตจนอยู่ในสภาพนี้ ทั้งที่ผู้คนมากมายต่างมีชีวิตต่อไป มีความฝันและหนทางที่จะเดินไปต่อจากเมื่อวาน แต่มีแต่เขาคนเดียวที่ยังอยู่กับที่

เขาเคยคิดว่าช่วงเวลาตอนนี้น่าจะเป็นเวลาที่ดีที่จะทิ้งคืนวันเก่าๆ ตัดเกมให้ขาดจากใจเสียที ถ้าเป็นจูน—เขาอาจจะยอมรับได้ที่เธอจะเข้ามาเป็นคนที่อยู่ข้างกันในคืนวันหลังจากนี้ แต่ที่ไหนได้ เขากำลังทำร้ายผู้หญิงอีกคนที่เดินเข้ามา รักเขา และยินดีที่จะอยู่กับเขาอย่างเปิดเผย ไม่ปิดบังความรู้สึกเลย

ทำไมคนที่กำหนดชีวิตเขาเป็นแบบนี้ไม่รอให้เขาลืมเกมได้จนหมดเสียก่อนถึงได้พาเธอคนนี้เข้ามา ทำไม?

เขากดโทรศัพท์ไปหาจูนเพื่อบอกว่ากำลังเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ และตั้งใจจะบอกว่าเขาคิดว่ายังไมพร้อมที่จะย้ายไปใช้ชีวิตร่วมกับเธอ

“ไนท์กลับมาเร็วก็ดีค่ะ เดี๋ยวเย็นนี้ไปทานข้าวกับพ่อแม่จูนนะ เดี๋ยวจูนไปรับที่ท่ารถตู้นะ” หญิงสาวอ้อนเสียงหวานแบบคนมีความสุข
“เอ่อ... ผม” ชายหนุ่มอึกอัก
“นะคะ พ่อแม่จูนบินลงมาธุระพอดี จูนจะแนะนำให้รู้จักนะ” สรัญญาบอก
“ผมคงไม่สะดวกไปวันนี้นะจูน” พีรพงษ์บอก
“อะไรนะคะ?” น้ำเสียงขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ
“ผมว่าจะนัดคุยกับจูนเรื่องยังไม่พร้อมที่จะย้ายไปอยู่ด้วย” เขาพูด
“ไม่พร้อม...”
“ไนท์พูดเล่นใช่ไหม จูนบอกพ่อกับแม่แล้วนะว่าเราคบกัน แล้วก็จะย้ายมาอยู่ที่คอนโดด้วยกันด้วย”
“ผมยังมีเรื่องที่...” ชายหนุ่มพยายามพูด
“ไนท์ไม่รักจูนใช่ไหม?” คำถามที่ไม่เคยหลุดออกจากปากหญิงสาว ที่สุดมันก็ถูกเอ่ยออกมา
“ไนท์ไม่รักจูนใช่ไหม? ไม่เคยรักใช่ไหม?” หญิงสาวถามรัว ชายหนุ่มรู้ว่าเธอถามทั้งน้ำตา
“จูน...ผม...” ชายหนุ่มพูดไม่ออก เสียงร้องไห้ของคนอีกปลายข้างสนทนาดังให้ได้ยิน
“ไนท์ไม่รักจูนเหรอ?” หญิงสาวเพ้อเสียงสั่น
“จูนรักไนท์นะ รักๆๆๆๆๆๆๆๆ” ทั้งพูดและฟูมฟาย ก่อนจะหวีดร้องยาวๆ จนชายหนุ่มตกใจ เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินคือเสียงกระแทกของอะไรบางอย่างแล้วสายก็ตัดไป
....................

เกือบสัปดาห์สรัญญาไม่เคยโทรมาหาเขาอีกเลย ตัวเขาเองก็พยายามโทรหาแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เขาไปหาหญิงสาวที่คอนโดยามก็แจ้งว่าเธอออกไปจากคอนโดวันนั้นก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย ที่ออฟฟิศของจูนก็ติดต่อเธอไม่ได้เหมือนกัน แถมการที่เธอหายไปยังทำให้ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการเคลียร์ร้านสาขาที่พัทยาซึ่งกำลังจะเปิดอยู่มะลอมมะล่อเสียด้วย

แต่แล้วพีรพงษ์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อกลายเป็นพ่อแม่ของจูนที่ติดต่อมาถึงเขา พร้อมกับขอนัดเจอเขาในเย็นวันต่อมา

“จูนกลับไปพักที่บ้านแล้ว แต่อาว่าแกยังไม่พร้อมเจอใครหรอกนะ” พ่อของจูนบอก หลังตัดสินใจชวนผู้เป็นภรรยาบินลงมาคุยเรื่องนี้กับเขา
“ผมอยากไปเยี่ยม” พีรพงษ์อยากพูดตามตรง
“พ่อหนุ่มไม่ต้องไปเยี่ยมหรอก อาขอร้อง” คำขอของอีกฝ่ายทำเอาเขาประหลาดใจ มองสลับไปมาระหว่างชายหญิงทั้งคู่
“ทำไมล่ะครับ?” เขาถามเพราะแปลกใจที่อีกฝ่ายขอร้องเช่นนั้น ในกรณีแบบนี้ควรเป็นเขาที่ต้องไปให้หญิงสาวเจอหน้า เผื่อว่าการได้พูดคุยกันจะช่วยเธอให้ดีขึ้น
“คือว่าจริงๆ จูนมีแฟนอยู่แล้ว แต่เลิกกันมาพักใหญ่ ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็กำลังมาดูแลจูนอยู่” อาผู้ชายเล่าเสียงเรียบแฝงความเกรงใจ ชายหนุ่มเองก็รู้สึกตกใจกับเรื่องที่หญิงสาวปิดบังเขาไว้
“เค้าแต่งงานกันมาหลายปีแล้วล่ะ แต่แยกกันอยู่สามปีแล้วเพราะผิดใจกันบางเรื่อง” คนเป็นแม่ช่วยเสริม
“ครับ...” คำบอกเล่าทำชายหนุ่มเงียบและเครียด
“จูนเค้าเป็นเด็กขาดความอบอุ่น เค้าเลยเรียกร้องคนเอาใจใส่และเอาแต่ใจตัวเอง” คนเป็นแม่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้า เธอไม่ใช่แม่จริงๆ ของหญิงสาว สรัญญาเป็นลูกติดของผู้ชายที่มาแต่งงานใหม่กับเธอ และจูนก็ไม่เคยยอมรับคนเป็นแม่ใหม่

จากคำบอกเล่าในเรื่องราวของสรัญญาที่ผ่านจากปากผู้เป็นพ่อและแม่เลี้ยง ชายหนุ่มได้รู้ว่าหญิงสาวเป็นคนขาดความรักและแสวงหาความรัก เมื่อไม่ได้ดั่งใจเธอจะหวีดร้องและทรมานตัวเอง เธอเคยถูกพาไปหาหมอมาก่อนและได้ข้อสรุปว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะเบื้องต้นของอาการฮีสทีเรีย

ชายหนุ่มขออนุญาตเล่าเรื่องของเขากับหญิงสาวให้ผู้สูงวัยทั้งสองฟัง เขาเล่าถึงตอนที่เจอกันว่าคงเป็นเพราะความมีน้ำใจที่หญิงสาวรู้สึกในวันนั้น ที่ทำให้หญิงสาวคิดว่าเธอต้องการคนคนนี้ และเมื่ออยู่ใกล้กันก็มีแต่ความรู้สึกและวันเวลาที่ดีๆ ทำให้เธอเกิดอาการหวงแหนเวลาที่เขาได้อยู่ด้วย ดังนั้นจึงรู้สึกอยากให้เขาอยู่ข้างๆ ตลอดเวลาและตลอดไป ดังนั้นเมื่อเขาปฏิเสธที่จะย้ายมาอยู่กับเธอ ความเสียใจและผิดหวังเลยแสดงอาการออกมาเช่นนั้น

เขาเชื่อว่าสรัญญาคบกับเขาเพราะต้องการใครสักคนไว้คอยอยู่ใกล้ๆ ส่วนสาเหตุที่เธอแยกกันอยู่กับแฟนเพราะอะไรนั้นเขายังไม่รู้ แต่ชายหนุ่มก็ตกปากรับคำกับพ่อแม่ของจูนว่าจะหายตัวไปจากชีวิตหญิงสาวแบบเงียบๆ
....................

พีรพงษ์กลับมาใช้ชีวิตเหมือนก่อนเจอจูน ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะหลังเลิกงาน ไปถนนข้าวสารในตอนค่ำก่อนกลับห้องพัก สภาพจิตใจย่ำแย่นิดหน่อย แต่ก็ยังคงรายงานผลการบำบัดโรคซึมเศร้ากับคุณหมอสุรพิชัยอยู่เนืองๆ จะมีที่ชวนให้รู้สึกดีก็ตรงที่คุณหมอบอกว่าสภาพตอนนี้ดูดีขึ้น

เขาแวะไปเยี่ยมฝ้ายที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วที่บ้าน นุ่นก็อยู่ที่นั่น ทั้งสองคนไปจดทะเบียนสมรสกันแล้วเมื่อสองสามวันก่อน ตอนนี้ก็รอแค่ขอวีซ่าเข้าอเมริกาสำหรับฝ้ายให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นนุ่นก็จะบินกลับก่อนและให้เด็กสาวบินตามไป

“ผมตั้งใจจะดูแลฝ้ายให้ดีที่สุด” นุ่นบอก
“ไม่ใช่แค่ในส่วนของผม แต่ในส่วนของเอ็มมันด้วย” เขาว่าต่อ ส่วนพีรพงษ์ได้แต่นั่งฟัง
“แล้วพี่ล่ะ? จะทำยังไงเรื่องพี่เกม?” รุ่นน้องถาม
“ไม่รู้ว่ะ พี่ยังหาทางออกไม่ได้เลย”
“ผมว่าพี่น่าจะไปหาพี่เกมสักครั้งนะ จะได้รู้ว่าที่จริงแล้วพี่รู้สึกอย่างไร?” นุ่นเสนอแนะ

มันเป็นข้อเสนอที่พีรพงษ์ไม่เคยแม้แต่จะคิด การไปเจอเกมมันจะช่วยอะไรได้นอกจากทำให้เจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น สุดท้ายคำพูดของเด็กหนุ่มที่ว่าในเมื่อเขาอยู่แบบแบกความทรงจำไว้เพียงลำพังมันไม่ได้ช่วยให้มีคำตอบสักที ทำไมไม่เผชิญหน้ากับมันดูซะเลย



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2556, 20:39:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ส.ค. 2556, 20:39:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 899





<< ทำถูก? กับทำผิด?   คำสารภาพกับคำอวยพร >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account