สะพานแห่งคำสัญญา
พายุกับน้ำฝน เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีความแตกต่างกันมากที่สุด ต้องมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่อการเรียนและชีวิตวันหยุดของทั้งสองต้องมาข้องเกี่ยวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความเฉยชากลายเป็นความสัมพันธ์ กลายเป็นความรัก ความรักที่ยากจะดึงทั้งสองออกจากกัน
Tags: คำสัญญา หนุ่มเกเร สาวเรียบร้อย

ตอน: สะพานแห่งคำสัญญา ตอนที่ 4

ในที่สุดวันสงกรานต์ก็มาถึง ฝนเทลงมาเล็กน้อยรับวันแห่งความสุขสันต์ หลังจากนั้นอากาศร้อนจัดในตอนกลางวัน ผมถูกเพื่อนมาลากตัวออกไปข้างนอกบ้านตามที่คาดเอาไว้ พวกนั้นมารับผมแต่เช้า เรียกชื่อโหวกเหวกอยู่ที่หน้าบ้าน ตอนนั้นผมตื่นแล้วและพึ่งอาบน้ำเสร็จพอดี พอออกมาเปิดประตู พวกนั้นก็กรูกันเข้ามา แต่ละคนเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ป่ะ เล่นน้ำหน้าบ้านไอ้ก้อง เดี๋ยวไอ้แมนตามมาอีกเนี่ย”เต้บอก มือถือสายยางฉีดน้ำใส่เท้าที่มีแต่เศษทรายโดยมีเพื่อนอีกหกเจ็ดคนรอกันเป็นแถว ส่งเสียงบ๊งเบ๊งล้งเล้งเต็มทางเดินกับถนนหน้าบ้าน พ่อกับแม่ของผมเคยชินไปแล้วสำหรับเรื่องนี้เพราะที่บ้านมักจะเป็นจุดพักพลและรวมพลก่อนที่เราจะออกไปเล่นสงกรานต์ทุกปี และก็เป็นช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่เพื่อนของผมจะมารวมกันที่บ้าน ปกติมีแต่นักเรียนของแม่เท่านั้น
“ไอ้ยุ ไปขออนุญาตแม่นายไป เด็กน้อยอย่างนายต้องขออนุญาตก่อน”เพื่อนผมชื่อเจษแซวทั้งๆที่แม่กับพ่อก็ยืนดูอยู่ที่ประตูบ้าน ผมเลยฉวยสายยางมาฉีดน้ำใส่ สร้างเสียงเฮฮาได้มาก แม่กับพ่อกำลังรอรับแขกเหมือนกัน ช่วงเช้าและบ่ายส่วนใหญ่จะเป็นลูกศิษย์ของแม่ ส่วนช่วงเย็นเป็นคราวของรุ่นน้องที่เคยทำงานกับพ่อจะมานั่งสังสรรค์กัน

หลังจากเพื่อนล้างมือล้างเท้าเสร็จเรียบร้อยกันทั่วหน้า ผมและเพื่อนห้าคนที่มารับประกอบด้วยเจษ ฝาแฝดต้องเต้ บินและแม๊ก เราหกคนที่เปียกไปทั้งตัวมุ่งหน้าสู่บ้านของก้องซึ่งอยู่บนถนนคนเล่นน้ำชุมชนสันโค้ง ถนนกลางเมืองที่มีคนเล่นน้ำสงกรานต์มากที่สุดในจังหวัดเชียงราย ผมจะไปเล่นน้ำที่นั่นกับเพื่อนทุกปีตั้งแต่เข้ามัธยมเพราะถนนสายนี้อยู่ห่างจากบ้านผมไม่ถึง 1 กิโลเมตร เพื่อนๆทุกคนจะไปรวมตัวกันเล่นน้ำที่นั่น เดินสาดน้ำกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยทีเดียว
“ไอ้ยุ เดี๋ยวนี้ไม่ไปเตะบอลเลยนะ”ต้องถามตอนที่รถของเราติดไฟแดง
“ไปเตะที่โรงเรียนสามัคคีน่ะ”ผมตอบไปตามตรง
ต้องสลัดผมที่ชุ่มไปด้วยน้ำ “กลัวพวกฉันล้อเรื่องน้ำฝนล่ะซิ”
“ก็เล่นล้อกันขนาดนั้น ฉันคงอยากไปหรอก”
ต้องหัวเราะ หันไปบอกกับคนอื่นๆที่จอดติดไฟแดงอยู่ใกล้กัน พวกนั้นพากันหัวเราะแล้วแซวผมกันใหญ่โดยที่ผมไม่ทันได้แก้ต่างให้ตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้ยุโกรธละโว้ย”บินบอกกับทุกคนเมื่อเห็นผมเงียบไป แม้ผมจะไม่ได้พูดอะไรแต่สีหน้าผมคงฟ้องว่าผมเริ่มหงุดหงิด
“เอาน่ายุ วันนั้นนายไปซื้อของกับน้ำฝนสองคน จะให้พวกเราคิดยังไงล่ะนอกจากนายสองคนคบกันจริงๆ”ต้องบอกพลางหัวเราะ ผมมองหน้ามัน คำพูดตันตื้ออยู่ที่ลำคอ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
“พวกเรา นี่นายหมายความว่าพวกนายอยู่กันที่นั่นทุกคนเลยเหรอ”
ต้องยังไม่ทันตอบเต้ที่ซ้อนรถบินก็ตะโกนข้ามมาว่า
“เราอยู่ทุกคนแหละ พึ่งไปเล่นเกมมา เห็นทุกคนตั้งแต่นายเข้าไปข้างในเซเว่นจนนายเอาน้ำฝนคนสวยของนายซ้อนมอไซค์ออกไป”
ผมยอมรับว่าผมตัวแข็ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าพวกนี้มันจะอยู่กันครบทุกคน แค่ผมเจอแฝดนรกในเซเว่นนั้นผมก็ว่านรกชัดๆอยู่แล้ว นี่พึ่งจะรู้อีกว่าพวกมันอยู่กันครบทุกคน ผมแทบไม่อยากนึกเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่อยากนึกจริงๆ

ที่บ้านของก้องซึ่งเป็นร้านขายของร้านใหญ่ของถนนสันโค้งน้อยมีการจัดซุ้มและเปิดเพลงดังกระหึ่มแม้จะยังเช้าอยู่ก็ตาม ตอนพวกเราไปถึงที่นั่น หน้าบ้านของก้องมีเพื่อนร่วมห้องทั้งผู้ชายผู้หญิงยืนถือขันเรียงกันเป็นแถว บางคนเปียกน้ำและเริ่มแห้งกันแล้ว พวกเราหกคนถือเป็นกลุ่มสุดท้ายที่มาถึงและเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า น้ำหยดจากกางเกงลงพื้นแปะๆ
“มาช้าว่ะ”ก้องทักพร้อมยกน้ำอัดลมกับขนมมาต้อนรับ
ต้องยักไหล่ เต้เดินไปหยิบขันแล้วหันมาตอบก้องว่าไปบ้านผมมา จากนั้นอีกห้าคนก็ช่วยกันผสมโรงกันแซวผมกันอย่างสนุก
“พูดถึงยายน้ำฝน ฉันเห็นเดินผ่านไปเมื่อกี้ ปล่อยผมด้วยนะเออ พึ่งเคยเห็น”ก้องบอกยิ้มๆ บรรดาพลพรรคเพื่อนฝูงที่รายล้อมหันมามองผมเป็นตาเดียว แต่ไม่มีใครทันได้พูดเพราะถูกสาวๆที่ยืนบ้างเต้นบ้างอยู่หลังรถกระบะที่หยุดอยู่ตรงหน้าเราเพราะรถติดสาดน้ำใส่เสียยกใหญ่ เราที่ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มน้อยกำลังคึกคะนอง เห็นสาวๆเป็นต้องหยุดทุกอย่าง คว้าขันน้ำสาดกลับไม่ยั้ง เรียกเสียงกรี๊ดของสาวๆดังสนั่น พวกเราเองก็แซวสาวๆกันใหญ่ตามประสา สองฝาแฝดร้ายกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ถือแก้วใส่แป้งเดินเข้าไปปะตามแก้มตามแขนตามคอของสาวๆบนรถ พวกเราสู้กันด้วยน้ำอยู่นานกว่าคันอื่นจะเคลื่อนเข้ามาแทนและเปิดศึกใหม่กับเรา ในตอนนั้นผมลืมทุกอย่างเกี่ยวกับน้ำฝนและเรื่องต่างๆที่เพื่อนเอาออกมาแซว ออกมาล้อให้ผมโกรธ ผมหัวเราะจนคอแทบแตก รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้หัวเราะแบบนี้มาสองสามอาทิตย์แล้ว มันนานพอดูเหมือนกันสำหรับผม
“เฮ้ย เอาหน่อยไหม”บินกอดคอผม ยื่นแก้วพลาสติกที่มีเบียร์อยู่ครึ่งแก้วให้ ผมส่ายหน้าบอกปัดไป
“อะไรวะ คนอื่นเค้ากินกันหมด นายทำไมไม่กินวะ ปกติก็กินนี่หว่า”
ผมยอมรับว่าผมเองดื่มเบียร์แม้อายุผมยังไม่ถึง เพื่อนผมส่วนใหญ่ก็เช่นกัน คนเดียวที่ไม่แตะต้องคือเจษ หากใครที่มองเจษผ่านๆหรือรู้จักเจษเพียงผิวเผิน จะเข้าใจว่าเจษเป็นแบบผมหรือเพื่อนคนอื่นๆ แต่ที่จริงพวกเรามีส่วต่างกันอย่างสิ้นเชิง เจษไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่ เรียนดีที่สุดในห้องเรา เจษเป็นสมาชิกวงโยทวาทิตตั้งแต่มัธยมต้น แต่งตัวเรียบร้อยเสมอ เอาชายเสื้อยัดเข้าในกางเกงทุกครั้ง ต่างจากพวกเราที่ชอบโดดเรียน ปีนรั้วออกไปหาอะไรกินหรือออกไปเล่นเกมกันข้างนอก
“เอาไว้ก่อน ยังเช้าอยู่เลย”
บินไม่ว่าอะไร ดื่มเบียร์จนหมดแก้วแล้วเดินกลับโต๊ะที่เพื่อนๆนั่งดื่มกันอยู่
“อ้าวยุมันไม่กินเรอะ” ผมได้ยินเสียงเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นที่โต๊ะนั้น แต่เสียงรอบข้างที่ดังพอๆกันทำให้ผมฟังไม่ออกว่าเสียงใคร
“มันบอกว่าเช้าอยู่”เสียงของบินตะโกนตอบไป
“เช้าอะไร จะเที่ยงแล้วๆ มัวแต่เล่นน้ำอยู่ได้”
ครั้งนี้ผมฟังได้ถนัด เป็นเสียงของซัดดัมหรือกอล์ฟที่พึ่งตามมาสมทบพร้อมกับแมน ซัดดัมเป็นฉายาที่เพื่อนร่วมรุ่นตั้งให้เมื่อนานมาแล้ว เราเลยเรียกกันจนติดปาก
“ไอ้ยุมันกลัวน้ำฝนด่าเว้ย น้ำฝนเค้าเรียบร้อย ไม่ชอบให้แฟนเกเร เป็นแต่ก่อนมันคงมานั่งกับเราแล้ว”ทีนี้เป็นเสียงของคู่แฝดคนใดคนหนึ่ง แล้วในวงสนทนาที่พรักพร้อมด้วยของกินและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็หัวเราะกันเสียงดังลั่น บางคนหันมามองผมเหมือนจะบอกว่า…นายแน่พอไหมพายุ
“ใส่มา ฉันกินด้วย”ผมบอกเสียงขรึม ไม่รู้ตัวเลยว่าไปยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีแก้วในมือก็ยื่นไปกลางวงแล้ว แมนเป็นคนรินเบียร์ให้ ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา
“ทีนี้เลิกพูดได้หรือยัง”ผมบอก วางแก้วกับโต๊ะ “เอามาอีก”
พอสองแก้วแรกหมดไป แก้วที่สามที่สี่ก็ตามมาและมากขึ้นเรื่อยๆ พอคิดจะหยุดดื่มก็ช้าไปเสียแล้ว
“ไหน เล่าเรื่องแฟนนายให้ฟังหน่อยซิยุ”ซัดดัมแหย่ ผมไม่สนใจยกเบียร์ขึ้นดื่ม ไม่รู้แล้วว่าเป็นแก้วที่เท่าไหร่ หูได้ยินเสียงเพื่อนคะยั้นคะยอให้เล่า ผมรู้สึกรำคาญเต็มทน แต่จะลุกหนีไปเลยผมก็ไม่เคยทำสักครั้ง ผมไม่อยากเอานิสัยเหมือนผู้หญิงมาใช้กับเพื่อนที่คบกันมานาน ที่จริงผมไม่เคยทำแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“แล้วจะเล่าอะไรล่ะ ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันนี่หว่า”ผมตอบอย่างรำคาญ
“ก็วันนั้นไง ที่ไปซื้อของกันสองคน พวกเราอยากรู้”แมนพูด สีหน้าแสดงความอยากรู้ สายตามองที่ผมเหมือนจะคาดคั้นเอาคำตอบ คนอื่นสนับสนุนกันใหญ่
“ไม่มีอะไร ก็แม่กับพ่อฉันใช้ให้ออกมาซื้อขนม ที่จริงก็ตั้งใจจะออกมาคนเดียวแต่แม่ซิบอกให้น้ำฝนมาด้วย แล้วก็เจอไอ้แฝดนรกนี่”ผมชี้ไปที่คู่แฝด สองคนนั้นหัวเราะ ผมยกเบียร์ขึ้นจิบ “เรื่องก็มีอยู่แค่นี้แหละ”
บินหัวเราะ“นี่แสดงว่าพ่อกับแม่นายส่งเสริมนะเนี่ย”
“จะบ้ารึไง ฉันไม่เอาหรอกโว้ย ถ้าจะมี ฉันขอเลือกเอง จีบเองไม่ต้องให้ใครมาช่วยส่งเสริมหรอก”
“แต่ดูท่าว่าแม่กับพ่อนายจะชอบเธอนะ”ซัดดัมออกความเห็น มันมีในความคิดผมด้วยแต่ผมพยายามไม่คิดถึงมัน
เพื่อนๆหัวเราะกันถ้วนหน้า พวกผู้หญิงที่นั่งอยู่อีกวงหันมามองพวกเรา พวกนั้นไม่รูหรอกว่าผมกับเพื่อนคุยเรื่องอะไรกันและผมก็ไม่อยากให้ใครรู้ด้วย คนที่เล่นน้ำก็เล่นไป บางคนแอลกอฮอล์ไหลเวียนในเส้นเลือดพอได้ที่แล้วก็ออกไปเต้นแร้งเต้นกาเรียกน้ำเย็นจากหนุ่มๆที่ยืนหลังกระบะรถที่ติดกันเนืองแน่นเต็มถนน ส่งเสียงกรี๊ดกันจนหูพวกเราแทบแตก โดยส่วนตัวผมนั้นไม่ค่อยชอบผู้หญิงที่ดื่มจนเมาปลิ้น เต้นแรงเต้นกาแบบนี้ แต่ก็ไม่ชอบเรียบร้อยแบบน้ำฝนเหมือนกันไม่รู้ทำไม พวกเพื่อนร่วมก๊วนของผมเคยออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าผมเป็นผู้ชายแปลกๆ ไม่ชอบดูขาขาวๆ สาวนุ่งน้อยห่มน้อย แต่พอเห็นสาวๆแต่งตัวเรียบร้อยผมก็ไม่ชอบอีกเหมือนกัน แล้วผมชอบผู้หญิงแบบไหนกัน ผมเองไม่เถียงเพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

แม้เวลาจะล่วงเลยจากเช้า สาย สู่เวลาบ่ายที่ฟ้าค่อนข้างครึ้ม ถนนก็ยังแน่นขนัดไปด้วยรถราและผู้คนที่ตั้งใจมาเล่นน้ำสงกรานต์โดยเฉพาะ เพื่อนฝูงที่เล่นน้ำด้วยกันที่น้าบ้านก้องตอนนี้ค่อยๆหายไปทีละคนสองคน บ้างย้ายไปเล่นที่อื่น บ้างหิ้วถังน้ำไปตามถนน เจอใครถูกใจก็สาดน้ำใส่เสียให้ชื่นใจกันทั้งคนสาดคนโดนสาด ส่วนผมกับเพื่อนกลุ่มเดิมเลือกที่จะนั่งเฝ้าซุ้มที่หน้าบ้านก้อง บางคนมึนเกินกว่าจะออกไปเล่นที่อื่นเพราะนั่งดื่มกันมาตั้งแต่เช้า ส่วนผมนั้นพอห้ามตัวเองได้ในเรื่องนี้ เลยเลี่ยงไปยืนถือขันเฝ้าถังสองร้อยลิตรหน้าซุ้มอยู่กับเจษเพียงสองคน
“วันนี้นอนไหนวะ”ผมหันไปถามเจษที่กำลังเอี้ยวตัวมาตักน้ำ
“นอนบ้านไอ้แมน”เจษตอบคำถามผมไม่ทันไร เราสองคนก็โดนน้ำสาดเสียเปียก ตามด้วยเสียงโห่ฮาจากเพื่อนต่างห้องที่ยืนออกันเต็มหลังรถจี๊ปที่พึ่งขับผ่านไป
“นั่นน้ำฝนแฟนนาย”เจษชี้ที่รถจี๊ป
“ไม่ใช่ จะบ้าเหรอ”
“จริงๆ ดู นั่นโบกมือมาด้วย”
“อะไรนักหนา”ผมหงุดหงิด แต่ก็หันไปมองตาม รถจี๊ปคันนั้นกำลังหยุดพอดี มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังปีนลงมา พอผมมองดีๆก็เห็นเป็นน้ำฝนจริงๆ ผมเห็นเธอลงมาจากรถแล้วเดินตรงเข้ามาพร้อมกับโบกมือให้
“เฮ้ยๆ แฟนไอ้ยุมาว่ะ”เจษหันไปบอกพวกเพื่อนขี้เมาที่นั่งคุยกันเสียงเอะอะลุกจากโต๊ะแทบจะพร้อมกัน ทุกคนรู้ดีว่าคนที่พูดถึงเป็นใคร
“ยุ น้ำฝนโบกมือให้ด้วยโว้ย”บรรดาเพื่อนๆแซวกันใหญ่ ต้องกับเต้ปราดเข้ามาจับแขนผมแล้วดึงออกไป สองฝาแฝดลื่นตรงทางเท้า ยังดีที่ผมยังสติดีและไม่เมาเหมือนพวกมัน เลยไม่พากันล้มกันหมดทั้งสามคน ทั้งยังพยุงทั้งสองคนเอาไว้ได้ พอยืนตัวตรงได้เจ้าสองคนก็หัวเราะฮ่าๆ จูงมือผมไปทั้งที่ตัวเองเดินแทบจะไม่ตรง ผมตัดสินใจสะบัดมือของสองพี่น้องออก ก่อนจะเดินไปหาน้ำฝนเพียงลำพัง ไม่สนว่าใครหน้าไหนจะเข้ามาปะแป้งและสาดน้ำใส่
“เฮ้ย อย่าทำอะไรรุนแรงนะโว้ย เป็นแฟนกันก็คุยกันดีๆล่ะ” ผมได้ยินเสียงฝาแฝดคนใดคนหนึ่งตะโกนไล่หลังมา

“มานี่!!..”ผมบอกกับเธอ น้ำเสียงของผมดุและห้วน แน่ล่ะเพราะผมรู้สึกไม่ชอบเลยที่เธอมาโบกมือให้ทั้งๆที่เพื่อนๆผมอยู่กันเต็มไปหมด ผมเดินเข้าไปในซอยลัดจากถนนที่เราเล่นน้ำไปยังถนนอีกเส้นหนึ่งโดยมีเธอเดินตามมาติดๆ เธอคงรู้ดีว่าผมเริ่มโกรธ
“โบกมือทำไม”ผมถามเสียงแข็ง มองหน้าเธอเพื่อจะคาดคั้นเอาคำตอบ เธอมองกลับมา สายตาของเธอเหมือนจะบอกว่าเธอเสียใจ หลังจากนิ่งอยู่นาน หน้าเรียวได้รูปเหมือนตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่นของเธอก็ดูเหมือนจะร้องไห้จนผมอดสงสารไม่ได้
“เอาล่ะๆ ทำไมต้องโบกมือ”ผมถาม ครั้งนี้น้ำเสียงผมอ่อนลงกว่าเดิม
น้ำฝนเอามืดรวบผมยาวสลวยที่บังหน้าไปไว้ข้างหลัง“ฉันกำลังตามหาเธออยู่ เพื่อนฉันบอกว่าเธอเล่นน้ำอยู่ที่นี่” “แล้วตามหาฉันทำไมล่ะ มีธุระอะไร”
“ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่อยากจะถามเธอว่าแม่กับพ่อเธอจะอยู่บ้านไหม ฉันกับเพื่อนๆจะไปรดน้ำดำหัวพ่อกับแม่เธอเพราะพวกท่านเป็นเหมือนครูของฉันกับทุกคน”
ผมนิ่งคิด ที่จริงผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่จะอยู่บ้านหรือเปล่า
“ว่าไงล่ะ”เธอถามย้ำมาอีก น้ำเสียงเธอแผ่วเบานุ่มนวลเหมือนนิสัยของเธอที่ไม่มีใครรู้หากมองเธอแค่ภายนอก เหมือนที่ผมเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้านี้
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”ผมตอบในที่สุด
สีหน้าของเธอดูเป็นกังวล แต่ผมก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดีเพราะตัวผมเองก็ไม่รู้จริงๆ ถ้าตอบส่งเดชไปแล้วเกิดพ่อกับแม่ไม่อยู่ขึ้นมาจริงๆ ผมคงโดนดุเอาทีหลังแน่
“แล้วฉันจะทำยังไงดี ทุกคนอยากไปกัน ฉันเองนึกว่าเธอจะรู้เสียอีก”
ผมมองหน้าเธอ กำลังคิดหาคำตอบ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เธอเองก็รอยืนเฉยๆไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เธอทำท่าจะถามผมหลายครั้งแต่ก็ไม่ถาม
“เอาเมล์กับเบอร์โทรศัพท์เธอมา”ในที่สุดผมก็ขอสิ่งที่ผมคิดว่าชาตินี้ตัวเองคงไม่มีทางขอจากเธอ เธอยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมเริ่มแปลกใจ ทำไมเธอถึงยิ้ม เธอคิดอะไรหรือเปล่า ผมถามตัวเอง
“รอเดี๋ยวนะ”เธอบอกแล้วก้มลงค้นถุงผ้าที่สะพายอยู่ ครู่เดียวก็หยิบเอาสมุดบันทึกกับปากกาที่ห่อด้วยถุงพลาสติกออกมา เธอแกะถุงเอาสมุดกับปากกาออกมา ผมเลยถือโอกาสถามว่าเธอพกสมุดกับปากกามาเล่นสงกรานต์ทำไม
“เอาไว้บันทึกสิ่งที่ประทับใจน่ะ ฉันว่ามันดีกับฉันถ้าฉันอยากจะเป็นนักเขียนจริงๆ ฉันชอบจดพวกคำคมที่เห็นตามร้านค้า ท้ายรถหรือตามป้ายโฆษณา มันดีออกนะเธอน่าจะทำ”
“ไม่ล่ะ”ผมปฏิเสธทันที
น้ำฝนยิ้ม ดวงตาของเธอในตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่แปลกประหลาด แต่เป็นความรู้สึกที่ผมอธิบายกับตัวเองไม่ได้ว่าคืออะไร เธอเอาหลังมือเช็ดน้ำที่ปลายจมูกโด่งและงุ้มลงอย่างพองามของเธอก่อนจะเขียนบางอย่างบนกระดาษแล้วฉีกส่งให้ผม
“นี่เบอร์โทรกับอีเมล์ของฉัน”
ผมรับมาแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกง ไม่พูดอะไร ผมไม่อยากพูดอะไรเลยในตอนนี้ เพราะผมได้ทำสิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำชั่วชีวิตนี้
“ขอของเธอด้วยซิ”เธอบอกพร้อมยัดสมุดกับปากกาให้
“จะเอาไปทำไมล่ะ”
เธอยิ้ม ยิ้มแบบที่ผมเบื่อหน่ายแล้วตอบว่า
“เวลาฉันอยากถามเรื่องงานหรือไม่แน่ใจว่าพ่อกับแม่เธออยู่บ้านหรือเปล่าเวลาที่ฉันอยากไปหาท่านที่บ้าน ฉันก็จะได้ถามเธอก่อนไง เธอเองก็จะได้ไม่ต้องโดนเพื่อนล้อแบบเมื่อกี้ ดีออกนะ”
ผมเห็นพ้องกับเธอ เหตุผลที่เธอพูดมามีเหตุผลและน่าพอใจในระดับหนึ่ง หลังจากนี้เวลาเธออยากถามอะไรจะได้ไม่ต้องโบกมือเรียกพร้อมยิ้มเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ที่ถนนคนเล่นน้ำ ถ้าผมปล่อยให้เป็นแบบนั้นต่อไป ผมคงไม่วายโดนเพื่อนตัวดีทั้งหลายล้อกันยกใหญ่ ถ้าทำตามนี้ผมคงเลี่ยงที่จะพูดกับเธอต่อหน้าเพื่อนๆได้
“มีอะไรก็โทรถามหรือไม่ก็ทักMSNมา อย่าทักตอนฉันอยู่ต่อหน้าเพื่อนล่ะ จะยุ่งกันทั้งคู่ เรายุ่งยากลำบากใจเพราะเรื่องนี้มามากพอแล้ว
เธอพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม ยิ้มแบบเดิมที่ผมเห็นจนชินตา
“ขอบคุณนะ พายุ”



สันติภาพวัฒนะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ส.ค. 2556, 23:28:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2556, 00:22:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 814





<< สะพานแห่งคำสัญญา ตอนที่ 3   สะพานแห่งคำสัญญา ตอนที่ 5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account