สะพานแห่งคำสัญญา
พายุกับน้ำฝน เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีความแตกต่างกันมากที่สุด ต้องมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่อการเรียนและชีวิตวันหยุดของทั้งสองต้องมาข้องเกี่ยวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ความเฉยชากลายเป็นความสัมพันธ์ กลายเป็นความรัก ความรักที่ยากจะดึงทั้งสองออกจากกัน
Tags: คำสัญญา หนุ่มเกเร สาวเรียบร้อย

ตอน: สะพานแห่งคำสัญญา ตอนที่ 5

วันหยุดสงกรานต์ผ่านพ้นไป ตามด้วยปิดเทอมภาคฤดูร้อนของผมที่สิ้นสุดลงหลังจากนั้นไม่นาน ชีวิตประจำวันที่ต้องนั่งหลังแข็งและใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโรงเรียนกลับมาอีกครั้ง ช่วงหลายสัปดาห์ก่อนเปิดเรียน ชีวิตผมเริ่มกลับมาเป็นปกติตั้งแต่หลังสงกรานต์ ผมกลับไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง แม้จะยังโดนแซวโดนล้อเรื่องน้ำฝนอยู่บ้าง แต่การได้อยู่กับเพื่อนทำให้ผมรู้สึกสบายใจกว่านอนอยู่บ้านเฉยๆ ผมต้องยอมรับสิ่งที่เพื่อนทำเพื่อความสนุกนี้ของพวกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้นับตั้งแต่หลังสงกรานต์เป็นต้นมา รู้อยู่แก่ใจดีว่าเถียงไปก็มี่ประโยชน์อะไร
ก่อนเปิดเทอมอาทิตย์หนึ่ง น้ำฝนเข้ามาหาผมที่บ้านพร้อมแฟ้มข้อมูลบางอย่างเพื่อนำไปเขียนสารคดีเพื่อส่งเข้าประกวด ผมยอมรับเลยว่าผมลืมไปเสียสนิท ทั้งๆที่เธอเป็นคนมาชวนผมถึงที่บ้านและผมก็รับปาก เธอดูผิดหวังเล็กน้อยตอนที่รู้ว่าผมลืมแม้หัวข้อที่จะเขียนกัน ผมกล่าวขอโทษเธอพร้อมกับรับแฟ้มนั้นมา ครั้งนี้ผมอ่านอย่างตั้งใจ แม้ผมจะลืมเรื่องสารคดีที่เราสองคนต้องทำด้วยกัน แต่เธอไม่ต่อว่าผมสักคำ ไม่มีตัดพ้อต่อว่าเลยสักคำเลยจริงๆ นี่ล่ะน้ำฝนคนที่ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่เคยต่อว่าใคร น้ำฝนตัวจริงเสียงจริง

ตลอดอาทิตย์นั้นน้ำฝนจะมาหาผมที่บ้านพร้อมข้อมูลที่เธอรวบรวมเกี่ยวกับเรื่องที่เราจะเขียนพร้อมด้วยรูปภาพที่เธอถ่ายเอง ผมคงยังไม่ได้บอกว่าสารคดีที่เราสองคนช่วยกันเขียนนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์วิชาเกษตรของพวกเราเอง ชื่ออาจารย์ฉกรรจ์ ท่านสอนวิชาเกษตรและการงานพื้นฐานอาชีพตั้งแต่เราอยู่มัธยมต้น นอกจากงานที่โรงเรียนท่านมีที่นาและสวนที่เริ่มด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองตามแบบไร่นาสวนผสม ทั้งยังใช้ชีวิตโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งอย่างหลังตรงตามหัวข้อที่กำหนดไว้ในการส่งผลงานเข้าประกวดประเภทสารคดีพอดิบพอดี ข้อมูลและรูปภาพเราจึงไม่ต้องตรากตรำไปค้นหาให้มากมายเพราะเราไปหาอาจารย์ที่ห้องพักครูได้ทุกวัน ข้อมูลบางส่วนน้ำฝนไปเก็บข้อมูลจากบ้านอาจารย์มาบ้างแล้วในช่วงแรกๆของการปิดเทอม
ผมรับข้อมูลและรูปภาพทุกอย่างเอาไว้แล้วนำมันมาปรึกษาพ่อก่อนที่พ่อจะเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดอีกหลายเดือน พ่ออธิบายและแนะนำวิธีการเก็บข้อมูลให้ ติชมเรื่องรูปภาพที่น้ำฝนถ่าย พ่อบอกว่าผมควรลองไปถ่ายเองอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อเอามาเปรียบเทียบกับรูปที่มีอยู่ก่อนและพ่อยังทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเสร็จสิ้นการให้คำปรึกษากึ่งสั่งสอนว่า
“เราจะนั่งเทียนเขียนหรือหาข้อมูลจากเน็ตอย่างเดียวไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดคือลูกต้องลงพื้นที่ไปสัมผัสเอง ไปเห็นด้วยตาตัวเองและเก็บข้อมูลเอง”


เปิดเทอมใหม่คราวนี้ อาจารย์ที่ปรึกษารวมถึงอาจารย์ท่านอื่นเน้นย้ำเรื่องการสอบเอนทรานซ์และการทำแฟ้มสะสมผลงานเพื่อไปสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัย ผมบอกตามตรงเลยว่าผมไม่เคยคิดเรื่องนี้แม้แต่น้อย ผมคงเรียนมหาลัยของจังหวัดที่ไม่ต้องสอบ ลุงป้าน้าอาของผมเรียนที่มหาลัยนี้และจบออกมาเป็นครูบาอาจารย์หลายคน ผมเองแค่เรียนและจบออกมาอย่างมีคุณค่าเหมือนพวกท่าน แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ไม่ต้องไปสาละวนหาหนังสือมาอ่านจนหัวฟูแล้วต้องมาเจอกับความผิดหวังหรือเข้าไปเจอพวกเด็กเรียนเก่งเขาหยามหมิ่นเอาว่าเราโง่ ต้องไปเจอพวกคนเก่งๆที่หวงความรู้และไม่เข้าใจเด็กเกอย่างผม ผมต้องยอมรับว่าชอบดูถูกตัวเองว่าตัวเองโง่และผมเกลียดพวกเด็กเรียนที่เห็นแก่ตัว เมื่อมาดูเพื่อนๆแล้ว ทุกคนคิดอย่างนั้นเหมือนกันเราไม่เคยหวงอะไร มีแต่พวกนั้นที่หวงแม้กระทั่งวิชาความรู้ อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของผมก็ได้ที่ทำให้ผมคิดเช่นนั้น พอมามองดูแล้วมันค่อนข้างจริงทีเดียว สภาพแวดล้อมมีส่วนกับความคิดผมมากตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ แต่ถึงแม้จะรู้สาเหตุที่ทำให้ผมคิดกับพวกเด็กเรียนแบบนั้น ผมก็ไม่เคยอยากจะเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกเด็กเรียนจะคัดค้านผมอย่างไร หลายคนคงค้านหัวชนฝาแล้วเกลียดผมไปเลย แต่ผมก็ยอมรับมันได้นะ จะสนพวกนั้นทำไมล่ะ ผมบอกตัวเองแบบนั้นเสมอ
การเรียนปีนี้สำหรับผมค่อนข้างสบาย เราที่เป็นปีสุดท้ายได้ออกไปข้างนอกบ่อยขึ้นเพราะอยู่ในช่วงหาที่เรียน บางที่สอบสัมภาษณ์ บางที่ไปสมัครตรง ผมเลือกอย่างหลังแน่นอนที่สุด ง่ายสำหรับผม หลังจากนั้นถ้ามีวันไหนที่เพื่อนออกไปด้วยเหตุผลที่ว่าจะไปสมัครมหาลัยนั้น มหาลัยนี้ ผมก็จะติดสอยห้อยตามเพื่อนๆไปเที่ยว เรื่องเรียนเอาไว้ก่อน อย่างไรก็ตามผมไม่ได้ทิ้งเรื่องงานที่รับปากน้ำฝนไว้ ผมไปสัมภาษณ์อาจารย์ฉกรรจ์ด้วยตัวเอง อาจารย์มองผมอย่างแปลกใจในตอนแรกแต่พอผมบอกว่าทำกับน้ำฝน อาจารย์ก็คลายสงสัยแต่ก็ยังถามว่าไปทำกับเขาได้ไงทั้งๆที่ตัวเองเรียนก็ไม่ค่อยจะเรียน
“คือว่า…พ่อผมบอกให้ช่วยเขาทำน่ะครับ ถ้าอยากเอาดีด้านนี้ก็ลองดู ผมเลยรับปากว่าจะช่วย” ผมตอบแบบนั้น อาจารย์มองหน้าซื่อๆของผมพลางยิ้ม ผมว่าท่านคงนึกขำอยู่ในใจที่เด็กไม่ค่อยจะได้เรื่องอย่างผมมาจับคู่ทำงานกับเด็กเรียนดีคนหนึ่งของระดับชั้นได้
ที่จริงผมไม่ชอบเข้าหาอาจารย์นักหรอก ผมรู้สึกประหม่าทุกครั้งทีเดียว เท่าที่มีก็เห็นจะเป็นอาจารย์พละเท่านั้นล่ะที่ผมกล้าคุยด้วย ไม่มีการประหม่า ไม่มีเคอะเขิน เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เข้าเรียนตอนมัธยมต้นจนถึงตอนนี้เลยทีเดียว

ในขณะที่นักเรียนรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่พูดถึงมหาลัยไหนดี จะสอบเข้ายังไง แล้วจะทำได้ไหม จะเข้าไปเรียนได้ดังที่หวังหรือเปล่า พรุ่งนี้จะไปหาดูมหาลัยไหนอีกดีถ้าไปใช้อินเตอร์เน็ตในวิชาคอมพิวเตอร์ ต่างจากผมกับเพื่อนที่มองไปถึงกีฬาสีเทอมหน้า พวกเราต่างคิดถึงบรรยากาศของมันและการแข่งขันกีฬาที่มีทั้งสาวๆให้ดูแถมแข่งฟุตบอบยังมีเสียงเชียร์ดังกระหึ่มเหมือนแข่งในสนามในอังกฤษ เราจะรักการเรียนอันสุดแสนจะเครียดได้อย่างไรในเมื่อเรารักบรรยากาศแบบนั้นมากกว่า
“ไอ้ยุ วันนี้โดดไปเล่นเกมไหม ตอนบ่ายพวกไอ้เจษจะไปเก็บของ พรุ่งนี้มันจะไปสมัครม.นเรศวรกัน”เต้ชวนผมตอนพักกลางวันวันหนึ่งช่วงอาทิตย์ที่สามของการเปิดเรียน
“จะแอบตามออกไปแค่วันนี้เหรอ ไอ้พวกนั้นไปพรุ่งนี้ด้วยนะ”ผมไม่มั่นใจ สองฝาแฝดไม่ค่อยคิดอะไรให้แน่นอนในเรื่องพวกนี้ ผมต้องถามย้ำทุกทางที่จะเป็นไปได้
ต้องตบไหล่ผม “ก็ขาดพรุ่งนี้อีกวัน วันพรุ่งนี้ก็ไปหาฉันที่หอ ไม่ต้องมาเรียนหรอก พรุ่งนี้วันศุกร์แล้วด้วย ถือโอกาสหยุดสามวันไปเลยเป็นไง”
ผมต้องชั่งใจอยู่นานเหมือนกันเพราะเปิดเทอมมานี้ผมโดดเรียนด้วยเหตุผลนี้หลายครั้งแล้ว อาจารย์หลายท่านเริ่มสงสัย ยังดีอยู่บ้างที่ผมแถเอาตัวรอดมาได้อย่างปลอดภัย
“ก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปหา”
ฝาแฝดยิ้มพร้อมกัน ผมได้ยินเสียงฝีเท้าใครคนหนึ่งเดินมาทางด้านหลังเราสามคน
“พรุ่งนี้จะไปไหนกัน”
เราสามคนหันไปหลังกลับไปมองเจ้าของเสียง “บุ๊ค…พรุ่งนี้เราสามคนนัดกันว่าจะไม่มา”
บุ๊คเป็นเด็กต่างอำเภอเหมือนฝาแฝด เช่าหออยู่เหมือนกัน บุ๊คไม่ได้มาเล่นสงกรานต์กับผมเลยเพราะต้องไปหาแม่ที่ญี่ปุ่น เป็นปีแรกที่เขาพลาดเล่นสงกรานต์กับเพื่อนๆ บุ๊คเป็นเพื่อนที่สนิทกับผมมากคนหนึ่ง พอๆกับเต้ต้องเลยทีเดียว หมอนั่นดูดน้ำอัดลมสองสามครั้งแล้วนั่งลงตรงหน้าเราสามคน ถอนใจนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า
“พรุ่งนี้มาอยู่ ขาดบ่อยเดี๋ยวครูจะโทรไปบอกน้าอีก ไม่อยากโดนตัดเงิน”
เต้ชักสีหน้า ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง ถ้าผมเดาไม่พลาด เต้คงอยากจะไปเล่นเกมหอบุ๊คเพราะบุ๊คถือเป็นคอเกมขนานแท้ของห้องเรา ห้องที่บุ๊คเช่าจึงมีเกมเยอะแยะให้เลือกเล่น
“กะจะไปเล่นเกมสักหน่อย…เซ็งเลย”เต้บ่น ที่ผมเดาเอาไว้ไม่มีผิดพลาดเลยเพราะพวกเราเรียนด้วยกัน รู้เท่าทัน รู้นิสัยกันดี
“ชวนแม๊กโย่งไปด้วยซิ”ผมออกความเห็น
“เออ ชวนแม๊กโย่งไปด้วย”ต้องตบเข้าฉาด ร้องเห็นด้วย “เดี๋ยวมันมาเราค่อยชวน เดี๋ยวพวกที่ไปขอใบอนุญาตออกโรงเรียนก่อนเวลาก็จะมาแล้ว เห็นว่าอาจารย์ให้พวกที่จะไปสมัครเรียนออกไปได้ พอวันจันทร์อาจารย์ถามว่าไปสมัครเรียนเป็นไงบ้าง เราก็เอาใบสมัครให้จารย์ดู จบเรื่อง”ต้องอธิบายแผนการ
“จะเอาใบสมัครมาจากไหน”ผมถาม ไม่มีทางที่เราจะหาใบสมัครที่นี่ได้ ไหนจะเอกสาร แผ่นพับที่มหาลัยแจกอีก พวกนี้ล้วนแต่เป็นหลักฐานที่จะทำให้อาจารย์เชื่อว่าเราไปจริงๆ ตอนที่ผมคิดอยู่นั้น ต้องมองหน้าผม
“ก็ให้ไอ้พวกนั้นเอามาเผื่อ พรุ่งนี้ซัดดัมมันก็ไป พ่อมันบังคับให้ไป ฝากมันเอามาให้”
“เป็นอันจบเรื่องซินะ”เต้สรุป
เราสี่คนนั่งคุยกันได้ไม่นาน แม๊กก็เดินพาร่างอันสูงโย่งราวกับเสาโทรเลขสมฉายาที่เราตั้งพ้นมุมตึกอำนวยการ ตรงมาที่เราโดยมีเจษ บิน แมน ตามมาด้วย
“ป่ะ ออกไปหมดเนี่ย”เจษบอกเรียบๆ ในมือถือใบอนุญาตที่พึ่งให้อาจารย์เซ็นรับรองมา บนกระดาษมีชื่อของพวกเราเก้าคน คนสุดท้ายที่กำลังตามมาคือกอล์ฟหรือซัดดัมที่กำลังขึ้นไปเอากระเป๋าบนห้อง
“ยุ แฟนมึงเดินเข้ามานั่นน่ะ”แม๊กโย่งชี้ไปที่ประตูเล็กหน้าโรงเรียนตรงที่มีป้อมยาม ผมหันไปมองทั้งที่รู้ว่าจะเห็นใครที่ผมไม่ค่อยอยากเห็น

น้ำฝนเดินถือถุงพลาสติกมาสองถุงข้างในเป็นกับข้าวหลายอย่าง ข้างหลังมีเหมียวเดินตามมา อาจารย์คงจะวานให้ทั้งสองไปซื้อกับข้าวที่ร้านข้างโรงเรียนมาให้
“ไปเถอะ ซัดดัมมาแล้ว”ผมชิงบอกก่อนที่ใครจะทันได้แซว ตอนนั้นน้ำฝนเดินมาใกล้พอดี ผมเห็นเธอทำท่าเหมือนจะยิ้มให้ แต่เห็นเพื่อนๆผมรอจังหวะอยู่เลยเดินผ่านไป แต่ไม่วายโดนแซวตามหลังอยู่ดี เพื่อนผมไม่เคยปล่อยให้โอกาสแกล้งเพื่อนตัวเองลอยผ่านไปเฉยๆ พักหลังมานี้ผมไม่ค่อยซีเรียสมากเหมือนก่อนหน้านี้เพราะไม่ใช่ผมคนเดียวที่โดนแกล้ง ทุกคนต่างก็เคยโดนกันมาหมดแล้วทั้งนั้น แต่จะมากจะน้อยแล้วแต่กรณี

หลังจากพ้นประตูโรงเรียนออกมา พวกเราเดินจับกลุ่มคุยกันไปที่ร้านอาหารตามสั่งและรับฝากรถที่อยู่ห่างจากโรงเรียนราวสองร้อยเมตร ที่นั่นเป็นแหล่งรวมพลของเราหลังเลกเรียน พอไปถึงที่หมายมีเพื่อนต่างห้องนั่งสูบบุหรี่กันอยู่ ผมกับเจษที่ไม่สูบบุหรี่เลี่ยงออกมาสั่งอะไรมารองท้องรออยู่ข้างนอก คนที่เลิกสูบไปแล้วแต่ยังอยู่ที่นั่นเห็นจะมีแต่บุ๊คคนเดียวเท่านั้น ที่เหลือล้วนแต่เป็นพวกสิงห์อมควันกันทั้งนั้น เราสองคนจัดการผัดกะเพราเสร็จไปคนละจาน พวกนั้นถึงจะจูงรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองออกมา
“พวกนายจะไปไหนกัน”พวกห้องอื่นที่เดินตามออกมาถาม ทำท่าเหมือนอยากไปด้วย
“จะไปเก็บของ พรุ่งนี้จะไปม.นเรศวรพะเยา”ซัดดัมตอบ เดินมาเกาะท้ายรถแม๊กโย่งเตรียมจะซ้อนท้าย คนอื่นๆที่มีเอารถมอเตอร์ไซค์มารวมทั้งผมเดินลงไปหารถของตัวเอง พวกเราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะไปเดินห้างกันก่อนจะแยกย้ายกันไป แน่ล่ะเราส่วนใหญ่ไม่อยากให้ห้องอื่นติดสอยห้อยตามไปด้วยสักเท่าไหร่
“ไปเหอะ เดี๋ยวจะไปแทงสนุ๊ก”ในที่สุดพวกนั้นก็ตัดสินใจได้ ผมค่อนข้างพอใจที่พวกห้องอื่นไม่ไปด้วย หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่ผมไม่ค่อยจะชอบหน้าเท่าไหร่ ผมคิดว่าหมอนั่นก็ไม่ชอบหน้าผมเหมือนกัน เราสองคนได้แต่ซ่อนสิ่งนั้นเอาไว้ในความคิดของตัวเอง อย่างน้อยคำว่าเพื่อนห้องข้างๆก็ไม่ทำให้เราสองคนชังน้ำหน้ากันถึงขั้นตะบันหน้ากันด้วยความที่ไม่ชอบหน้าของอีกฝ่าย
“ป่ะ ไปเหอะ”ในที่สุดเจษที่หมดความอดทนและรำคาญก็ตัดบท เจษบอกกับผมว่าหลังจากเดินห้างกันเสร็จ เขาจะกลับบ้านไปเตรียมเอกสารเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ พรุ่งนี้รวมพลที่บ้านแมนแล้วจะได้ไปกันเลย
พวกเราออกมาจากร้านรับฝากรถมุ่งหน้าไปยังที่หมายที่คุยกันไว้ตั้งแต่เรียนคาบเช้า ผมสบายใจขึ้นมาทันทีที่เราขับรถออกห่างจากเขตโรงเรียน ผมไม่ชอบนักที่พวกเพื่อนจับกลุ่มกันสูบบุหรี่นานๆทั้งๆที่อยู่ห่างจากรั้วโรงเรียนเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ยอมรับเลยว่าผมกลัวอยู่ในใจว่าจะโดนหางเลขไปด้วยถ้าอาจารย์มาเจอเข้า

พวกเราเดินตากแอร์ในห้างกันจนหนำใจ ทั้งยังแวะหาอะไรอร่อยๆกินกัน เพื่อนหลายคนถือเอาโอกาสนี้ซื้อของกลับหอ ส่วนผมไม่มีอะไรติดไม้ติดมือเลย พอแยกกันที่ลานจอดรถผมก็ตรงกลับบ้านทันที
แม่ยังไม่กลับบ้านตอนที่ผมไปถึง พอเปิดเทอมผมมักจะเป็นคนแรกที่มาถึงบ้านในตอนเย็นและเป็นคนเปิดประตูบ้านคนแรกเกือบทุกครั้ง ผมเดินเข้าห้อง วางกระเป๋าแล้วออกมานั่งดูหนังที่โซฟา ในช่วงปิดเทอมตรงนี้และเวลานี้มักจะเป็นของพ่อ แต่ตอนนี้พ่อออกไปทำงานต่างจังหวัดตั้งแต่สองสัปดาห์ที่แล้วหลังจากพักมานานพอสมควร พ่อกำลังตามถ่ายทำเรื่องสัตว์ในป่าห้วยขาแข้งอยู่ในช่วงนี้ พอได้รับข่าวว่าสัตว์ที่จะถ่ายโผล่มาให้เจ้าหน้าที่อุทยานเห็นพ่อก็จะไปทันที ช่วงนี้ผมเลยมียึดพื้นที่คืนเพื่อดูหนังที่เช่ามาก่อนกลับบ้าน
พอผมใส่แผ่นหนัง กดเล่นแผ่น โทรศัพท์มือถือของผมที่อยู่ในห้องก็ส่งเสียง ผมวางรีโมต เดินเข้าไปหยิบโทรศัพท์มา
“น้ำฝนโทรมาทำไม”ผมกดรับสาย
“ยุ ว่างหรือเปล่า”เสียงของเธอดังชัดมาจากปลายสาย
“ก็ว่าง แต่เดี๋ยวจะไปเตะบอลแล้ว”
“อ๋อเหรอ…แล้วพรุ่งนี้เธอมาโรงเรียนไหม”
“ทำไมถามแบบนั้น”
“มีเพื่อนห้องฝนได้ยินยุคุยกับเพื่อนว่าจะไม่มา”เสียงของเธอสั่นเหมือนกล้าๆกลัวๆ
“อืม ก็กะว่าจะไม่ไปนะ”ผมตอบ “ทำไมเหรอ”
“ก็อาจารย์ฉกรรจ์เค้ามีคาบว่าง อยากจะให้มาถ่ายรูป เราจะสัมภาษณ์อีกครั้ง ฉันอ่านดูแล้ว ข้อมูลเรายังไม่ดีพอ น่าจะเพิ่มเติมไปอีกหน่อยนึง”
ผมนิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่ง น้ำฝนเองก็คงรู้ว่าผมกำลังใช้ความคิดเลยไม่พูดอะไรต่อ “ที่จริงน่าจะขอไปถ่ายรูป เก็บข้อมูลที่บ้านอาจารย์อีกสักรอบหนึ่ง”ผมบอกหลังจากนึกถึงคำของพ่อขึ้นมาได้
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน ครั้งก่อนไปได้อะไรไม่มากเลย แต่ยังไงก็ต้องไปสัมภาษณ์แล้วก็ขออาจารย์พรุ่งนี้ เธอต้องมาถ่ายรูปนะยุ”
ผมกำลังคิดว่าจะบอกเธอว่าพรุ่งนี้ผมจะไม่ไปโรงเรียน อยากให้ไปทำเอง แต่น้ำฝนบอกต่อมาอีกว่า
“ตอนนี้ใกล้หมดเขตส่งแล้วนะ ต้องรีบทำให้เสร็จ ฉันจะได้ให้เหมียวเอาไปพิมพ์ ทำรูปเล่ม จัดหน้าให้สวยและเรียบร้อย”
กลายเป็นว่าพรุ่งนี้ผมต้องไปโรงเรียนเพราะงานที่รับปากไว้นั้น ตัวผมก็พึ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้มันใกล้หมดเขตแล้ว อยากจะโกรธ อยากจะหงุดหงิดใส่คนบอกแต่ก็ฝืนไว้เพราะเธอก็ไม่ได้ผิดอะไร เธอทำของเธอเพียงลำพังอยู่ก่อนแล้ว ผมซิไม่รู้อะไรเลยและพึ่งเข้าไปร่วมด้วย
“ก็ได้ ไปก็ไป”ผมตอบในที่สุด
“ดีจัง จะได้เสร็จเร็วๆ ขอบคุณเธอมากๆเลยยุ”
“อืม”ผมตอบแค่นั้น ไม่รู้จะพูดอะไรอีก ในใจรู้สึกเซ็งอยู่หน่อยที่ไม่ได้หยุดเรียนตามที่คิดเอาไว้
“เพื่อนฝนบอกว่าอย่าไปยุ่งกับยุแล้วก็เพื่อน เขาบอกว่ายุไม่เห็นน่าคบเลย”
ผมประหลาดใจนิดหน่อยที่ได้ยินแบบนั้น แต่ที่น้ำฝนพูดมาก็คงไม่ผิดหรอก พวกผมไม่น่าคบสักเท่าไหร่นักในสายตาของพวกเด็กห้องต้นๆส่วนใหญ่
“อ้อเหรอ แล้วฝนว่าไงล่ะ”
“เพื่อนฝนคิดผิด ยุก็เป็นคนดีออก ไม่เห็นเป็นแบบที่เพื่อนฝนพูดเลย
ผมหัวเราะนิดหนึ่ง “ก็ไม่แน่หรอกนะ”
“ฝนรู้ว่ายุเป็นคนดี พรุ่งนี้เจอกันนะยุ”
ผมรับคำ เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะวางสาย พรุ่งนี้ผมหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยเสียที




สันติภาพวัฒนะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2556, 00:22:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2556, 00:22:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 906





<< สะพานแห่งคำสัญญา ตอนที่ 4   สะพานแห่งคำสัญญา ตอนที่ 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account