สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง


Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ

ตอน: ตอนที่ 8 : หลอกล่อปล้นจูบ..ยัยกุหลาบ

ไม่ต้องรอสาวน้อยปฏิเสธให้เสียเวลา ชานนท์ประกบจูบปากบางสวยที่เอ่ยปฏิเสธเขาอย่างลนลาน ทันทีที่สัมผัสกลีบปากบางนุ่มที่ห่างหายไปนาน ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความหวานซ่านจับใจ ทุกครั้งที่เกี่ยวกระหวัดซอกซอนภายในปากบางของหญิงสาวตรงหน้า เอรินถึงกับตาเบิกโพลงกับจูบที่รุกล้ำมากขึ้นๆกว่าทุกครั้ง หญิงสาวทุบตีชายหนุ่มพัลวันจนชานนท์ยอมปล่อยในที่สุด

“เอริน..เดี๋ยว เอริน” ชานนท์รีบจับข้อมือหญิงสาวที่กำลังทุบตีเขาด้วยใบหน้านองไปด้วยน้ำตาอย่างตกใจ อยากจะทำความเข้าใจกับหล่อนให้สำเร็จโดยไว

“คนใจร้าย..ฉันไม่ใช่แฟนคืนเดียวของคุณอีกแล้วนะ ถึงได้มาปล้นจูบกันแบบนี้ ฮือ..ฮือ”

เอรินผละออกห่างจากชานนท์ทันทีที่เขาปล่อยมือ ก่อนจะวิ่งไปจนเกือบจะถึงหน้าประตูห้องโดยไม่ทันได้เห็นอาร์มที่งัวเงียตื่นมาเจอภาพประหลาดเมื่อครู่เข้าให้

“แด๊ดดี้” อาร์มร้องเรียกชานนท์ไว้เสียก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปหาเอริน ชายหนุ่มละล้าละลังทำตัวไม่ถูกเมื่อหันไปเจอเด็กน้อยกางสองแขนเรียกหาหมายจะให้เขาอุ้ม

“เอริน เดี๋ยวสิ”

ชานนท์เรียกเอรินเสียงหลง แต่หญิงสาวก็วิ่งออกจากห้องไปเสียก่อน ชานนท์ได้แต่หันมาสบตากับอาร์มที่เรียกหาอย่างดีใจ ด้วยแววตาลุกลนจนตัวเองยังรู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังตื่นเต้นเรียกหาเอรินจนแทบระเบิด

“คิดถึงแด๊ดรึเปล่าครับ อาร์ม” ชานนท์ช้อนเด็กน้อยมาอุ้มไว้จะพาตามเอรินลงไปข้างล่าง เด็กน้อยกอดคอคุณพ่อจำเป็นแน่นอย่างดีใจ

“คิ๊ดถึงม๊าก” อาร์มยิ้มยิงฟันพร้อมทั้งหอมแก้มชานนท์เสียฟอดใหญ่ จนชายหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมาได้

“ป่ะ..เราไปตามพี่เอรินจอมดื้อกันดีกว่านะครับ” ชานนท์พยักเพยิดกับเด็กน้อยที่ตาแป๋วแหววตอบมาอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้

“วัน ทู ทรี โก โก” เด็กน้อยเอ่ยล้อเลียนคำพูดที่ชานนท์มักจะใช้ด้วยตลอดเมื่อสมัยอยู่ลอนดอนด้วยกัน ชานนท์ถึงกับประหลาดใจ

“จำได้ด้วยเหรอเนี่ย...เก่งจริงนะ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ชานนท์กับอาร์มลงมาถึงชั้นล่าง ก็พบมินตรากับอธิปที่มีสีหน้าแตกตื่นยืนรออยู่ก่อนแล้ว มินตรารีบถามไถ่เอาความจากพี่ชายตัวดีในทันทีหลังจากที่จู่ๆเอรินก็ผลุนผลันกลับไปเสียเฉยๆ ไม่ได้ร่ำลา

“พี่นนท์ไปพูดอะไรกับเอรินคะ ทำไมเธอเหมือนร้องไห้เลยล่ะ” มินตราระล่ำระลักถามพี่ชายทันทีที่ชานนท์ปล่อยอาร์มให้กับอธิปรับไปอุ้ม

ชานนท์มองหาสาวกุหลาบชมพูไปทั่วบริเวณบ้านแต่ก็ไม่พบจึงหันมาหามินตราเพื่อถามไถ่

“ทำไมล่ะ แล้วเค้าอยู่ไหนแล้ว”

“จะอยู่ไหนคะ เธอก็กลับไปแล้วน่ะสิ อยู่ดีๆก็ผลุนผลันออกไปเลย ดูเหมือนร้องไห้ด้วยนะ พี่นนท์ไปทำอะไรหรือว่าอะไรเธอรึเปล่าคะ” มินตราเป็นห่วงน้องสาวน่ารักอย่างเอรินหนักหนาจนต้องเช็คกับชานนท์ให้รู้เรื่อง แล้วคำตอบที่ได้รับก็ทำเอามินตราถึงกับหน้าเหวอไป

“ก็แค่จูบน่ะ มันอดใจไม่ไหว” ชานนท์อ้อมแอ้มตอบ หน้าตาแดงก่ำอย่างรู้สึกเขินสายตาน้องนิดๆ

“ห๊า!!” มินตราและอธิปถึงกับอุทานออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย อธิปถึงกับหลุดขำออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

“เฮ๊ย..พี่ทำไมปากไวงี้เล่า ใครเค้าทำแบบพี่กันบ้างเล่า ไม่เจอกันตั้งปี แทนที่จะคุยกันดีๆไปจูบเค้าเฉยเลย” อธิปเอ่ยติงพี่ชายแบบขำๆ ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงปรามจากภรรยากลับมาจนชายหนุ่มได้แต่หน้ามุ่ย

“อะแฮ่ม..รู้สึกว่าวิธีนี้โอมก็จะเคยใช้กับมินนะ จำไม่ได้เหรอ ฮึ..คุณสามี” มินตราถองเข้าที่สีข้างสามีเบาๆ ก่อนจะบอกให้ชานนท์ตามเอรินไป แต่ชายหนุ่มลังเลอยู่ชั่วครู่

“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ หิวแล้ว มีอะไรกินบ้างต้องเอาแรงไว้ก่อนค่อยไปบุกรังยัยกุหลาบ” ชานนท์พูดติดตลก มินตราได้แต่ตีเพียะเบาๆที่แขนพี่ชายตัวดีที่ดูเปลี่ยนไปเป็นหนุ่มน้อยยามพูดถึงเอริน

“เหลือเกินนะพี่นนท์ เอาจริงรึเปล่าคะเนี่ย อย่าทำเพื่อนมินเสียใจนะ ไม่งั้นจะโกรธจริงๆด้วย” มินตราค้อนพี่ชายตัวดีวงเบ้อเริ่มก่อนจะเดินไปจัดสำรับอาหารมาทานในบ้านแทนที่ริมทะเล

“เธอวางใจได้มิน..พี่มั่นใจตั้งแต่จูบแรกแล้วว่าเอรินคือคนที่ใช่สำหรับพี่” ชานนท์ตะโกนไล่หลังมินตราที่เดินยิ้มส่ายศรีษะออกไปกับคำพูดเสี่ยวที่ไม่ค่อยได้ยินจากปากนักการโรงแรมอย่างชานนท์นัก

‘ถึงแม้ว่าอะไรบางอย่างจะทำให้พี่ต้องคิดหนัก แต่พี่ก็จะขอทำตามใจตัวเองสักครั้ง พี่จะคว้าเค้ามาให้ได้ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม...เพราะพี่รู้แล้วว่าเด็กคนนั้นเธอคือ.. ยัยตัวเล็กของพี่”

ชานนท์พึมพำกับตัวเองเบาๆ ราวกับจะตอกย้ำสถานะของตนและเอรินให้กับตัวเอง โดยไม่ทันสังเกตว่าอธิปเดินเข้ามาเงียบๆ

“โอ้โห..พี่...หนุ่มมั่นวัยสามสิบห้า นี่เวลามีความรักกับสาวๆ อ่อนกว่าสิบปีนี่มันกระชุ่มกระชวยน่าดูเลยนะพี่ พูดไม่อายเลย นับถือๆ” อธิปพูดหยอกเย้าชานนท์ที่หันมาสบตาแล้วหัวเราะเก้อไปอย่างเขินนิดๆ

“เออสิ ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยจริงๆว่ะ ว่าจะมามีความรักรุนแรงเอาป่านนี้ ทั้งที่เจอเค้าตั้งนานก็ไม่เคยรู้สึกอะไร แต่พอได้ใกล้ชิดกันแค่ไม่กี่วัน ฉันดันตกหลุมยัยนั่นได้ยังไงก็ไม่รู้” ชานนท์นึกถึงหน้าเอรินที่โดนเขาจูบจนปากบางแดงเจ่อแล้วก็ให้รู้สึกวาบหวามขึ้นมาอีกคราจนได้


**********************

ทางด้านเอริน..หลังจากออกมาจากบ้านมินตราด้วยน้ำตานองหน้าแล้ว หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะมุ่งหน้าไปทำธุระที่หัวหินไม่ให้เสียเรื่อง เอรินคุยโทรศัพท์กับกรณ์เพื่อนรักแล้วจึงได้รู้ว่าเขาจะต้องอยู่ทำธุระที่กรุงเทพอีกสองสามวัน หญิงสาวถึงกับเซ็งไปเลยเมื่อไม่มีใครที่พอจะปรึกษาเรื่องหัวใจได้ เลยได้แต่พร่ำคนเดียวตลอดทางกลับบ้าน

“คนนิสัยเสีย นิสัยไม่ดี ฉวยโอกาส จอมเจ้าเล่ห์ชอบหักหาญน้ำใจ คนอะไรเจอปุ๊บ จูบปั๊บ โกรธจริงๆด้วยนะ ตาบ้า..ฮึ” เอรินขับรถเต่าคันน้อยไปตามทาง มือบางยังคงลูบไล้ริมฝีปากเจ่อจากจูบแนบแน่นเมื่อครู่อย่างลืมตัว

“หายหน้าหายตาไม่ติดต่อมาเป็นปี เจอกันอีกครั้งจะให้ชื่นใจเป็นไม่มี นี่อะไรจูบเอาๆ นิสัยจริงๆเลย ชิ”

“ไม่ต้องมาเจอะมาเจอกันอีกเลย จำเอาไว้ เอรินคนนี้ไม่ง่ายนะจะบอกให้”



ในขณะที่เอรินกำลังบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดทางที่กลับบ้าน หญิงสาวไม่รู้เลยว่าบัดนี้จำเลยปล้นจูบของตนมายืนยิ้มหน้าบานอยู่ต่อหน้าบิดามารดาของตนแล้วที่บ้านสวนโฮมสเตย์ พร้อมด้วยข้อเสนอบางประการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว...

“ผมอยากได้ไกด์ส่วนตัวที่ชำนาญทางทะเลสำหรับการเดินทางตลอดทริปหนึ่งอาทิตย์ครับ ได้ยินมาว่าลูกสาวของคุณเปิดบริษัททัวร์ไม่ทราบว่าพอจะจัดหาไกด์ดีๆ ให้ผมได้มั๊ยครับ” ชานนท์เอ่ยอย่างสุขุมนุ่มลึก ท่าทางดูดีน่าเกรงขามของชายหนุ่มทำเอาพัชระนิยมชมชอบแขกคนนี้อยู่ไม่น้อย

“เอ่อ..พอดีบริษัทยังไม่เปิดดำเนินการเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรลูกสาวฉันแกสอบผ่านมัคคุเทศก์ทางทะเลมา และว่างอยู่สักประมาณสองถึงสามอาทิตย์ค่ะ รอบริษัทที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนยังไม่ลงตัวดี ให้แกเป็นไกด์ให้คุณได้มั๊ยคะ ถ้าไม่ถือว่าแกเป็นผู้หญิง”

อติมาเสนอให้เอรินที่กำลังอยากลองของกับใบมัคคุเทศก์ที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ กับแขกกระเป๋าหนักคนนี้ดูก่อนที่บริษัทจะเปิดทำการจริงจังเป็นการหาประสบการณ์ไปในตัวแถมได้เงินใช้ระหว่างรองานอีกต่างหาก ทำให้ชานนท์ถึงกับลอบยิ้มออกมาอย่างสมใจ

“ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ ผมมีค่าตอบแทนให้เธอห้าหมื่นบาทตลอดการเดินทาง เอาเป็นว่าผมตกลงเลยก็แล้วกันนะครับ ขอเป็นวันพรุ่งนี้เลยก็แล้วกันถ้าเธอสะดวก ให้มาพบผมที่บ้านต้นไม้ แต่ช่วยนัดหมายเวลาล่วงหน้าก่อนนะครับ”

ชานนท์เอ่ยเป็นการเป็นงานเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเอรินนัก แล้วจึงขอตัวเข้าห้องพักที่บ้านต้นไม้ โดยมีพนักงานยกกระเป๋าไปส่งให้ถึงห้อง

“ปื๊ด ดูแลแขกดีๆนะจ้ะ คุณคะ..เดินระวังทางด้วยนะคะ เพิ่งปักไฟทางเสร็จยังไม่ค่อยเข้าที่ค่ะ” อติมาตะโกนตามหลังพนักงานชายพร้อมทั้งบอกชานนท์ให้เดินระวังไปด้วยในตัว

อติมาและพัชระที่อึ้งไปกับค่าตอบแทนสูงลิบลิ่วที่ลูกสาวจะได้รับจากการเป็นไกด์ครั้งแรกถึงห้าหมื่นบาท ถึงกับหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ หลังจากชานนท์เดินลับตาไปแล้ว

“นี่เราฟังผิดไปรึเปล่าพ่อ ตั้งห้าหมื่นนะทำไมให้เยอะจังเลย” อติมากอดแขนสามีเขย่าเบาๆอย่างตื่นเต้น

“นั่นสิ..จะดีเหรอแม่ลูกเราเป็นผู้หญิงนะ เขาก็เป็นผู้ชายด้วย"

"ไม่มีอะไรหรอกมั๊งพ่อ ลูกสาวเรากระโดกกระเดกจะตายคงไม่ใช่สเป็คเขาหรอกน่า แม่อยากให้ลูกทำงานไม่ต้องลอยไปลอยมาไง"

อติมาเอ่ยคำ แต่สีหน้ามีแวววิตกเล็กน้อย พัชระครุ่นคิดตามแล้วถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

"ก็ดีเรื่องงานลูก แต่คงไม่มีอะไรหรอกนะแม่นะ พ่อคิดว่าแขกคนนี้น่าจะมาตรฐานสูงน่าดูถึงเสนอเงินสูงลิบแลกกับการมีไกด์ส่วนตัวไม่ต้องวุ่นวายกับใคร ต้องบอกลูกเราให้คอยดูแลให้ดีอย่าให้ขาดตกบกพร่องไม่อย่างนั้นจะเสียชื่อเอาได้” พัชระเอ่ยออกมาในขณะที่มองตามหลังชานนท์ไปจนลับสายตา

“มองอะไรจ้ะพ่อ” อติมามองตามสายตาสามีไปอย่างสงสัย จึงได้เอ่ยถาม

“พ่อรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออก ช่างเถอะ เราเข้าบ้านกันเถอะแม่พรุ่งนี้มีกรุ๊ปของจังหวัดเข้ามาพักเต็ม เราคงเหนื่อยกันน่าดู ดีแล้วให้ลูกรับรองแขกวีไอพีไป เราจะได้หมดห่วง นะแม่นะ” พัชระโอบเอวภรรยาให้เดินเข้าบ้านไปพร้อมๆกัน

“นี่เราต้องปล่อยลูกไปกับเค้าสองต่อสองเป็นอาทิตย์ จะเป็นอะไรมั๊ยพ่อ หวังว่าเค้าคงจะไว้ใจได้นะพ่อ” อติมาไม่วายเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวอย่างกังวล ทั้งที่เป็นตัวเองที่เสนองานให้ลูกแบบไม่ทันคิดหน้าิคิดหลังเสียก่อน

“เอาน่าแม่ ไหนๆก็ตัดสินใจไปแล้ว พูดจากลับไปกลับมาไม่ดีแน่ อีกอย่างผู้ชายคนนั้นดูไม่น่าจะมาอะไรกับยัยแก่นลูกเราได้หรอก โอกาสดีๆแบบนี้ ถือซะว่าลูกได้ประสบการณ์ได้เงินใช้ อีกอย่างลูกเราเอาตัวรอดเก่ง คราวก่อนไปลอนดอนกับอิตาลีคนเดียวยังปลอดภัยกลับมาได้เลย” พัชระยิ้มปลอบใจภรรยาอย่างมั่นใจในตัวลูกสาวคนเดียว จนอติมาถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก



ในขณะเดียวกัน ชานนท์กำลังนอนแช่อ่างจากุซซี่ใหม่เอี่ยมอย่างมีความสุข บ้านต้นไม้ฝีมือออกแบบของมินตราสวยกินขาดเลยทีเดียว ยิ่งได้มาอยู่บนเนินเขาอันสงบร่มรื่นขนาดนี้ ชายหนุ่มแช่ไปมองวิวเขาวิวทะเลไปได้อย่างเพลินตาสบายใจเลยทีเดียว

“เพิ่งรู้นะว่ารักเด็กนี่จะทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยได้ถึงขนาดนี้”

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเธอก็จะหนีฉันไปไหนไม่ได้แล้วนะสาวน้อย ถ้าเธอหนีฉัน ฉันก็จะยิ่งเข้าใกล้เธอ ถ้าเธอผลักไสฉัน ฉันก็จะยิ่งกอดเธอเอาไว้ให้แน่นจนดิ้นไม่หลุดเลย”

“อุตส่าห์เข้ามาอยู่ถ้ำเสือเพื่อหวังจะฉกลูกเสือ"


"ทำไปได้จริงๆเลยนะเรา หึหึ”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ยามย่ำค่ำขณะที่แสงอาทิตย์เริ่มหม่นแสงลงทุกขณะ บ้านต้นไม้ยังคงความสงบร่มรื่นต้อนรับแสงนวลจากพระจันทร์ที่กำลังเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า ชานนท์ยืนอยู่ริมระเบียงในจุดที่เห็นบริเวณลานจอดรถด้านล่างได้อย่างชัดเจนที่สุด โชคยังดีที่แสงไฟจากลานจอดรถทำให้สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวตรงส่วนนั้นได้อย่างชัดเจน

“ไปไหนนะ ยัยเด็กคนนี้ ทำไมยังไม่กลับอีก น่าตีจริงๆ”

ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในมือมีแก้ววิสกี้ที่พร่องไปเกือบหมดแก้ว พร้อมทั้งขวดวิสกี้ที่เหลืออีกกว่าครึ่งที่เขาโทรสั่งตามขึ้นมาเมื่อเย็นพร้อมข้าวผัดกุ้งทะเลตัวใหญ่

ทันทีที่มองเห็นรถเต่าสีฟ้าคล้ายกับคันที่จอดอยู่ที่บ้านมินตราเมื่อตอนกลางวันชายหนุ่มถึงกับผงะอย่างตื่นเต้น รีบวางแก้ววิสกี้แล้วใช้กล้องส่องทางไกลซูมภาพระยะใกล้ทันที

“ใช่เธอจริงๆด้วย ยัยกุหลาบชมพู”

ชานนท์ยิ้มออกมาอย่างหมายมาด ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องตกลงกันแล้วกับข้อเสนอที่เขาวางไว้ให้หล่อนเดินมาติดกับดักด้วยตัวเอง

“รีบๆตกลงใจซะนะ เอริน โอกาสของเธอมาถึงแล้ว ถ้าเธอยังรักฉันเหมือนตอนนั้น แสดงว่าเราใจตรงกัน ฉันจะเดินหน้าต่อโดยไม่ต้องคิดผิดถูกจนเป็นบ้าอย่างนี้”

ชานนท์หัวเราะอย่างขบขันตัวเองไม่น้อยที่ต้องมาเป็นโรควิตกกลัวเค้าไม่รักเพราะผู้หญิงอย่างเอริน ซึ่งเขาไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย ตลอดเวลาที่หล่อนอยู่ลอนดอนใกล้กับเขาแค่ปลายจมูก

“อเล็กซ์ คิม นายนี่มันหมดท่าเพราะผู้หญิงคนเดียวได้ยังไงกัน หึหึ”


ขณะเดียวกัน เอรินถึงกับกระโดดโลดเต้นจนบ้านแทบล่ม ทันทีที่ได้รับข่าวดีจากมารดาว่าจะได้ทำหน้าที่ไกด์ให้กับแขกเป็นครั้งแรกด้วยค่าตอบแทนสูงลิบลิ่ว สาวน้อยผู้รักทะเลยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดถึงกับจูบบัตรมัคคุเทศก์ทั้งสองใบที่ไปเคลือบมาใหม่เอี่ยมแรงๆไปใบละทีสองที ก่อนจะชูให้บิดามารดาดูอย่างตื่นเต้น

“แม่จ๋า ในที่สุดหนูก็จะได้เปิดซิงการเป็นไกด์ครั้งแรกกับเค้าซะที แม่ว่าแขกวีไอพีของหนูนี่รวยจนเพี้ยนรึเปล่าคะ ถึงได้จ้างซะแพงเชียว หื้อ” เอรินไม่วายพูดติดตลกจนมารดาตีเพียะเข้าให้เมื่อฟังคำพูดลูกสาว

“บ้า พูดอะไร เปิดซงเปิดซิงอะไร พูดไม่เพราะ เลิกพูดคำนี้นะน่าเกลียด แม่ไม่ชอบ” มารดาค้อนลูกสาวขวับใหญ่ เอรินถึงกับหน้าเหวอ

“อะไรแม่ ออกจะธรรมดาใครเค้าก็พูดกัน ไม่เอาแล้วหนูไปหาเค้าดีกว่า ขอไปสำรวจก่อนว่าเป็นยังไง ไหนๆกระดาษ ปากกาๆ” สาวน้อยวิ่งวุ่นหากระดาษพร้อมปากกาไปทั่วอย่างตื่นเต้น อติมาได้แต่ส่ายหน้ามองดูลูกสาวตื่นเต้นไม่หายอย่างขำๆ

“อะไรเจ้าลูกคนนี้นี่ เอ้า นี่” พัชระจัดแจงรื้อสมุดในโต๊ะพร้อมปากกาด้ามเก่ายื่นส่งให้ เอรินคว้าหมับอย่างรีบร้อนทำเอาบิดาถึงกับทนไม่ได้ดีดหน้าผากนูนลูกสาวดังเปาะ

“โอ๊ย!! พ่อจ๋า หนูรีบอยู่นะ จะไปตกลงกับแขก ไหนจะเรื่องโรงแรม การเดินทาง อาหาร อะไรอีกเยอะแยะ ยังไม่รู้อะไรซักอย่าง ขอไปคุยก่อนว่าเค้าอยากได้แบบไหนหนูจะได้จัดหาให้ถูก ไกด์ที่ดีอย่างเราต้องบริการลูกทัวร์ให้ดีที่สุด..เอริน สู้ๆ” พูดจบเอรินก็วิ่งออกไปทันทีจุดมุ่งหมายคือบ้านต้นไม้ที่มีแขกวีไอพีคนพิเศษอยู่โดยลืมว่าไม่ได้นัดหมายชายหนุ่มล่วงหน้า

“พ่อ พ่อว่าลูกเราจะดูแลแขกไหวมั๊ยนะ ท่าทางแก่นกะโหลกแบบนั้น” อติมาหันมาสะกิดสามีที่กำลังมองตามหลังลูกสาวอย่างเอ็นดู พัชระได้แต่ส่ายหน้าเบาๆจนใจ

“หวังว่าจะดีนะแม่ แต่พ่อรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้” พัชระมีร่องรอยความวิตกกังวลเล็กน้อย จนภรรยาสังเกตเห็นต้องลูบหลังไหล่ปลอบใจ

“แปลกๆยังไงเหรอจ้ะพ่อ”

“พ่อคุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นมาก ต้องเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่ๆแต่นึกไม่ออก มันรบกวนจิตใจนะแม่ แต่ไม่อยากพูดไปกลัวว่าพ่อจะคิดวิตกไปเอง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอรินเดินแกมวิ่งมาจนถึงหน้าบ้านต้นไม้ด้วยความเร็วเร่งด่วนสุดชีวิต หญิงสาวกำลังตื่นเต้นมากเสียจนลืมไปเลยว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มเข้าไปแล้ว บริเวณโดยรอบสลัวมีเพียงแสงไฟทางสีส้มที่ปักอยู่ห่างๆ

หญิงสาวเดินดุ่มๆขึ้นไปจนถึงหน้าประตูบ้าน ก่อนจะเคาะเบาๆสองสามที เพราะชานนท์เอาผ้าม่านลงมาปิดหน้าต่างรอบบ้านเสียจนมองไม่เห็นภายใน เอรินได้แต่แอบมองลอดผ่านผ้าม่านที่ไหวพะเยิบพะยาบอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรอยู่ดี จนอดรนทนไม่ไหวค่อยๆหมุนลูกบิดประตูที่บังเอิญไม่ได้ล็อคเปิดเข้าไปอย่างสงสัยใคร่รู้

“คุณ..คุณคะ อยู่รึเปล่าคะ”

เอรินป้องปากเรียกเบาๆ ภายในห้องมีแสงไฟสลัวจากหัวเตียง และแสงนีออนลอดออกมาจากห้องน้ำ พร้อมทั้งเสียงน้ำกระทบพื้นเป็นระยะ

“อ๋อ อาบน้ำอยู่นี่เอง ทำไงดีล่ะเรา หรือจะออกไปรอข้างนอกดีกว่ามั้ง”

เอรินค่อยๆย่องจะออกไปจากห้อง ทันใดสายตาก็พลันสะดุดเข้ากับกำไลถักหนังสีน้ำตาลอ่อนลายแดงที่แสนคุ้นตา จนต้องถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาดู

“แขกยุโรปแน่ๆเลย มีกำไลหนังถักเหมือนฉันเปี๊ยบ สงสัยจะดวงสมพงษ์ ภาษาอังกฤษฉันแข็งแรงแล้ว อย่างนี้ก็ลุยได้เลยสิ...ยัยเอรินเอ๊ย” หญิงสาวพูดเองเออเองอยู่อย่างนั้นเป็นนาที จนไม่รู้ตัวว่าใครบางคนยืนมองจากหน้าห้องน้ำอย่างขำๆ กับท่าทีเหมือนแมวขโมยของหล่อน

“จะทำอะไร คิดจะขโมยของเหรอ” น้ำเสียงแกล้งเข้มของชานนท์ ทำเอาเอรินถึงกับสะดุ้งสุดตัว รีบระล่ำระลักบอกโดยที่ยังไม่ทันเห็นหน้าคนต้นเสียงด้วยซ้ำ

“ปะ..เปล่านะคะ ฉัน..คือฉันเป็นไกด์ค่ะ จะมาคุยกับคุณเรื่องที่คุณจะให้ฉันนำเที่ยวเป็นการส่วนตัวน่ะค่ะ เอ๊ะ..คุณ!!” เอรินถึงกับตาเบิกโพลงทันทีที่เห็นคนตรงหน้า

ชานนท์ในชุดผ้าขนหนูสีขาวพันกายเพียงท่อนล่าง เผยให้เห็นแผงอกกำยำ ผิวสีเข้มนิดๆเต็มไปด้วยหยดน้ำช่างเซ็กซี่เสียจนเอรินมองค้างจนลืมตัวเหมือนเมื่อหนึ่งปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน

“น้ำลายหกอีกแล้วนะสาวน้อย เป็นไงเห็นหุ่นฉันแล้วใจมันสั่นเหมือนเดิมเลยเหรอ” ชานนท์ค่อยๆเดินเข้ามาหาเอรินที่ถอยหลังกรูดอย่างตกใจ

“คุณ..คุณลุง เอ๊ย ไม่ใช่ คุณมาได้ยังไง”

เอรินกำกระดาษปากกาในมือแน่น มือไม้เย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้นตกใจ เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดคำที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพปากของตัวเอง จนต้องเฉไฉเปลี่ยนเรื่องแทบไม่ทัน

“คุณลุงอีกแล้วนะ เอริน เธอไม่เคยเข็ดเลยนี่ อยากโดนจูบอีกแล้วใช่มั๊ย” ชานนท์กักกันตัวสาวน้อยไว้อย่างเป็นต่อจนเอรินถึงกับเม้มปากหลับตาปี๋

“ไม่!! คุณเหรอที่จะจ้างฉันเป็นไกด์น่ะ” เอรินไม่ยอมแพ้ จ้องตอบชานนท์อย่างโกรธๆ รู้ตัวว่าหลงกลเขาเข้าอีกแล้ว คราวนี้เข้าหาบิดามารดากันเลยเชียว

“ใช่แล้ว สาวน้อย เป็นยังไงค่าจ้างถูกใจเธอมั๊ย” ชานนท์ลูบไล้เรียวแก้มใสอย่างคิดถึงดวงหน้าสวยไม่น้อย จนเอรินถึงกับเคลิ้มกับสัมผัสของเขาแต่ก็ยังอดใจไหว

“ถูกใจ แต่ไม่ทำ..ตกลงฉันจะหาไกด์คนใหม่ให้คุณค่ะ เอาคนที่เก่งและชำนาญกว่าฉันจะได้คุ้มค่าเงินคุณ”

เอรินผลักอกแกร่งที่มีแต่มัดกล้ามของชายหนุ่มให้ออกห่างพร้อมกับเอาปากกาที่เตรียมมาขึ้นมาจดยิกๆ จนชานนท์ได้แต่มองดวงหน้าสวยที่คิ้วขมวดมุ่นอย่างหงุดหงิด อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนจะทำยังไงต่อไป

“ไม่เอา” คำตอบสั้นๆ ของชายหนุ่มทำเอาเอรินเหลือบตากลมขึ้นมองอย่างโกรธๆ ที่เขาพูดไม่รู้เรื่อง

“ทำไมล่ะ ฉันจะหาคนที่เก่งๆให้ไง เอาที่เป็นงานมาสักสิบปียี่สิบปีก็น่าจะคุ้มอยู่นะ คุณอยากได้โรงแรมแบบไหนพูล วิลล่า หรืออยากชมวิวอย่างเดียว อยากเดินทางยังไง สปีดโบ้ท หรือเรือใหญ่ อาหารที่ชอบไทย ฝรั่ง ฉันจะได้จัดเตรียมให้คุณถูก” ดวงตากลมใสหลุบต่ำไม่แม้แต่จะสบตา ปากยังคงพูดฉอดๆราวกับจะเร่งรัดเอาคำตอบโดยเร็ว

ชานนท์ได้แต่มองการกระทำนั้นอย่างฉุนเล็กน้อย ที่เอรินจงใจยั่วโมโหเขาเพียงเพราะจูบเมื่อบ่ายคงยังคุกรุ่นอยู่ในใจทำให้หล่อนเข้าใจยากกว่าที่เคย

“ไม่เอาคนอื่น..จะเอาเธอ และก็ห้ามปฏิเสธ ไม่งั้นฉันจะฟ้องว่าบ้านสวนโฮมสเตย์ของเธอปฏิเสธลูกค้า ทำให้ไม่ได้รับความสะดวก ผลักไสลูกค้าโดยที่เขาไม่ต้องการ เอาอย่างนั้นมั๊ยล่ะ ยัยกุหลาบชมพู” ชานนท์กระซิบข้างหูพร้อมพ่นลมหายใจแผ่วเบาทำเอาเอรินขนลุกเกรียวจนทนไม่ไหว

“อย่ามาขู่เลย คุณไม่กล้าหรอก เรื่องอะไรจะมาขายหน้าเพียงแค่ไกด์ตัวเล็กๆอย่างฉัน” เอรินจ้องตอบอย่างท้าทายชายหนุ่มตรงหน้า ชานนท์แสยะยิ้มอย่างขำขันเมื่อได้ฟังคำตอบจากหล่อน

“ก็ไกด์ตัวเล็กๆอย่างเธอ ฉันอยากได้นี่ ถ้าไม่งั้นฉันจะฟ้องพ่อแม่เธอว่าเรานอนด้วยกันแล้วที่ฟลอเรนซ์” คำพูดสองแง่สองง่ามแบบหน้าด้านๆของชานนท์ทำเอาเอรินหน้าเหวอไปอย่างนึกไม่ถึง หญิงสาวได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ

“จะบ้าเหรอ!! ก็แค่นอนเตียงเดียวกัน ไม่ได้อะไรกันสักหน่อย อย่ามามั่วนะ”

ใบหน้านวลใสของสาวน้อยมีเลือดฝาดแดงเต็มหน้าอย่างที่ชานนท์รู้สึกเอ็นดูนักยามที่หล่อนเขินอายเขาอยู่เสมอ ทำให้ชายหนุ่มนึกอยากจะแกล้งหล่อนมากเข้าไปอีก

“ใครจะรู้ล่ะเอริน ถ้าเธอไม่เป็นไกด์ส่วนตัวให้ฉัน ฉันจะบอกเรื่องที่เธอติดสอยห้อยตามฉันไปฟลอเรนซ์ นอนห้องเดียวกันสองต่อสองตั้งสองคืน จูบกันตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พ่อแม่เธอจะว่ายังไงน๊า ถ้าได้รู้น่ะ เธอ...ต้องรับผิดชอบในตัวฉันห้ามปฏิเสธ” ชานนท์เถียงข้างๆคูๆอย่างเป็นต่อ เอรินถึงกับหน้าเสียไปไม่เป็นเมื่อได้ฟังคำพูดเออออห่อหมกเข้าข้างตัวเองของชานนท์

“ฮึ๊ย..ก็ได้ๆๆ ยอมแล้วอะไรนักหนาเนี่ย ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหายไม่ใช่คุณนะ เรื่องอะไรให้ฉันรับผิดชอบคุณล่ะเนี่ย” เอรินถึงกับหน้ามุ่ยจนชานนท์หัวเราะออกมาเบาๆ


“เธอต้องรับผิดชอบหัวใจฉันที่มันร่ำร้องหาเธอยังไงล่ะ สาวน้อย..มานี่ ขอมัดจำก่อนมา” ว่าแล้วชายหนุ่มก็คว้าสาวน้อยที่กำลังงงคิดตามไม่ทันมาฉกจูบอย่างรวดเร็ว ทำเอาเอรินถึงกับอึ้งก่อนจะถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ


“คะ..คุณ!! อีกแล้วนะ ฝากไว้ก่อนเถอะ ฮึ๊ย..ทนไม่ไหวแล้ว ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้เนี่ย”

ว่าแล้วเอรินก็เข้าประชิดตัวแล้วกัดหมับเข้าที่ปากล่างหนาของเขาทันที ชายหนุ่มถึงกับร้องโอยด้วยความเจ็บ ก่อนที่เอรินจะผละออกห่างแล้ววิ่งหนีไป ชานนท์ได้แต่มองเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแต่ก็ยังอดรู้สึกขำไม่ได้


“เธอแก้แค้นฉันด้วยปากเนี่ยนะ คิดได้ไง หึหึ.. ถึงจะเจ็บแต่ฉันก็ยังได้กำไรอยู่ดี ปากเธอยังนุ่มเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”


“ฉันจะอดใจไหวได้สักกี่วันนะ..ยัยกุหลาบชมพู”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
ขอบคุณคุณSukhumvit 66 สำหรับเมนท์ในตอนที่แล้วด้วยนะคะ ^^

เมื่อกี้ลงนิยายยังไม่จบเลยค่ะ เผลอกดส่งไปก่อน แหะๆ

ขอบคุณคุณปลายสีด้วยค่า ^^
รอๆๆพี่หนึ่งนะคะ





lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ย. 2556, 19:45:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2556, 19:55:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1808





<< ตอนที่ 7 : แม่สื่อพ่อชัก   ตอนที่ 9 แค่รู้ว่ารัก..หวังว่าเธอจะเข้าใจ >>
ปลายสี 1 ก.ย. 2556, 19:50:28 น.
อุ้ยตาย คุณชานนท์รุกหนักนะเนี่ย


Sukhumvit66 1 ก.ย. 2556, 20:51:44 น.
เฮ้อ....นางเอกจะรอดไหมเล่านี่


lovereason 5 ก.ย. 2556, 08:20:58 น.
ขอบคุณคุณปลายสี กับคุณ Sukhumvit66 ด้วยค่ะ
^____^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account