สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง


Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ

ตอน: ตอนที่ 9 แค่รู้ว่ารัก..หวังว่าเธอจะเข้าใจ

ในขณะที่ชานนท์ชอบอกชอบใจที่ได้ต้อนสาวน้อยจนจนมุมได้ แต่เอรินกลับหัวฟัดหัวเหวี่ยงลงมาบ้านสวนโฮมสเตย์จนใครต่อใครต่างเข้าหน้ากันไม่ติด อติมาและพัชระได้แต่มองลูกสาวที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นคนละคนกับเมื่อตอนแรกที่ขึ้นไปบ้านต้นไม้

“เป็นอะไรลูก ขัดใจอะไรมา” เอรินถึงกับหน้ามุ่ยเข้ามากอดมารดาแน่นหลังจากที่เห็นแววตาแสดงความเป็นห่วงของมารดา

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ แค่แขกเอาแต่ใจน่ะ เนี่ยหนูว่าจะโทรไปหายักษ์ให้หาไกด์เก่งๆมาเปลี่ยนก็ไม่เอาอีก เรื่องมากจริงๆ” เอรินลงมานั่งปุบนโซฟาข้างกันกับบิดาด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ พัชระขยี้หน้าม้าลูกสาวจนยุ่งอย่างเอ็นดู

“เราเนี่ยน๊า ตอนจะไปเหมือนไก่จะบิน หึหึ” บิดาเอ่ยอย่างเอ็นดูทำเอาลูกสาวค้อนขวับอย่างหมั่นไส้

“ไม่คุยกับพ่อแล้ว ถึงยังไงก็รับปากไปแล้วนี่เนอะ ไกด์มืออาชีพอย่างหนูต้องแสดงให้เค้ารู้ว่าเราไม่ใช่ไก่อ่อนที่จะมาหลอกได้ง่ายๆ ใช่มั๊ยพ่อ เจอกันตอนเช้านะคะ หนูไปคิดแผนทัวร์ก่อน” พูดจบสาวน้อยก็เดินตัวปลิวไปทันที ปล่อยให้พัชระและอติมามองตามลูกสาวไปอย่างขำขัน

“ลูกพูดอะไรแปลกๆ ใครหลอกใครนะพ่อ” อติมาหันมาพยักเพยิดกับสามีอย่างงุนงง

“ไม่มีอะไรหรอกน่าแม่ หึหึ”

พัชระโอบภรรยาไว้อย่างรักใคร่ ถึงจะรู้สึกแปลกกับคำพูดของลูกไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเท่ากับยามนึกถึงหน้าชายหนุ่มแขกคนสำคัญของบ้านต้นไม้คนนั้น ที่เขาช่างคุ้นตาจนรู้สึกแปลกๆ


================================================


ยามเช้าอากาศสดใส เอรินสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อเหลือบมองดูนาฬิกาข้างฝาผนัง บ่งบอกเวลาแปดโมงกว่าแล้ว เพราะเมื่อคืนคิดแผนนำเที่ยวชานนท์จนดึกดื่นทำให้เวลานอนไม่พอ

“ตายแล้ว!! ตายแน่” ตั้งสติได้ก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเสร็จสรรพพร้อมมัดผมยุ่งอย่างลวกๆ จุดมุ่งหมายคือพี่ก๊อ..พ่อครัวเอกประจำร้าน

หญิงสาววิ่งผ่านสายตาของบิดามารดาออกไปนอกบ้านวิ่งตรงไปยังร้านอาหาร ด้วยชุดเสื้อยืดแขนกุดสีขาวกางเกงขาสั้นกุดตามสไตล์สบายๆที่คุ้นชิน แล้วสายตาคมของใครบางคนก็มองปราดหญิงสาวที่วิ่งผ่านหน้าเขาไปโดยที่หล่อนไม่ทันเห็น

‘เฮอะ..ดูแต่งตัวเข้าสิ จะไปล่อเสือล่อตะเข้ที่ไหนเนี่ย’ ชานนท์คิดหมั่นไส้สาวน้อยกุหลาบชมพูในใจ ทันทีที่เห็นการแต่งตัวที่ไม่ค่อยโชว์สักเท่าไหร่ของหล่อน

“พี่ก๊อ..พี่ก๊อขา ช่วยเตรียมอาหารให้หนูสองที่นะคะ เอาเป็นพาสต้าอบชีส สองที่ แล้วก็ผลไม้สด น้ำผลไม้กระป๋อง อืม..หรือโค้กก็ได้ค่ะพี่ ไม่เอาเบียร์นะคะเดี๋ยวแขกหน้ามืด” เอรินสั่งรายการไป คิดไปอย่างนึกระแวงชายหนุ่มบนบ้านต้นไม้ จนพ่อครัวเอกต้องขัด “ใจเย็นๆ หนูเอริน ใจเย็น ค่อยๆสั่งก็ได้”

พ่อครัวเอกแทบจะจดตามไม่ทัน จนเอรินยู่ปากก่อนจะเอ่ยออกมาโดยไม่ทันเห็นว่าชานนท์นั่งทานอาหารเช้าอยู่ไม่ไกลกันนัก

“ก็แขกพิเศษของคุณพ่อน่ะ เรื่องมากจะตายนี่คะ เกิดหนูชักช้าเดี๋ยวได้หาเรื่องหนูอีกแน่ หนูน่ะเสียเปรียบผู้ชายคนนั้นตลอดแหละ ว่าแต่วันนี้แขกเราเยอะมั๊ย หนูอยากได้ก่อนบ่ายโมงค่ะต้องออกเดินทางแล้ว” เอรินพูดเจื้อยแจ้วแล้วมองไปรอบๆบริเวณห้องอาหารเล็กๆริมทะเลของตน แล้วสายตาก็ต้องประสบเข้ากับแววตาคมของใครบางคนที่หล่อนเพิ่งนินทาไปเมื่อครู่จนได้


“เฮ๊ย!! คะ คุณ มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เอรินถึงกับตะลึงถามแก้เก้อ แต่แล้วก็ต้องหน้าเสียทันทีที่เห็นแววตายิ้มเยาะแกมล้อเลียนจากชานนท์มองมายังหล่อนอย่างไม่วอกแวก

“มานี่สิ...เร็วๆ คุณไกด์ที่รักของผม” ชานนท์กวักมือเรียกเอรินให้เดินมาหา หญิงสาวอิดออดอยู่เป็นครู่ก่อนจะต้องรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเขากำลังจะลุกเดินมาหา

“คุณได้ยินรึเปล่าเมื่อกี้”

เอรินนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วป้องปากถามชายหนุ่มพอให้ได้ยินกันสองคน ชานนท์ยิ้มให้ แววตาคมระริกอย่างนึกสนุกอยากแกล้งสาวน้อยไม่เบา “คิดว่าได้ยินนะ สงสัยต้องเคลียร์กันหน่อยแล้วเอริน”

ชานนท์ลุกขึ้นค้อมตัวมากระซิบข้างหูสาวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ทำเอาเอรินถึงกับผงะเกือบจะหงายหลังทันที “นี่!! ไม่เปลี่ยนเลยนะเธอนี่ ชอบเจ็บตัวรึไงเนี่ย”

ชานนท์รีบตะครุบแขนสาวน้อยที่กำลังจะหงายหลังดึงขึ้นมาให้นั่งตรงได้อีกครั้ง ทำเอาเอรินถึงกับหน้าแดงซ่าน “กะ ก็..ฉันตกใจ คุณจะกระซิบทำไมเล่า ฮึ”

เอรินสะบัดหน้าพรืดอย่างขัดเขิน ทำเอาชานนท์หัวเราะออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกขำแกมเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้าไม่เบา ภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาของก๊อ..พ่อครัวเอกที่มองอย่างนึกสนใจ อะไรบางอย่างที่สว่างสดใสที่สองคนนี้อยู่ด้วยกันทำให้ชายวัยกลางคนนึกเป็นห่วงกรณ์ เพื่อนรักเพื่อนสนิทของสาวน้อยเอรินไม่ได้

“ไปกี่โมง นึกรึยังโปรแกรมทัวร์น่ะ” ชานนท์ส่งสายตาวาวมายังสาวน้อยเบี้ยล่างของตนอย่างนึกสนุก

“เดี๋ยวไปเอามาให้ รอนี่ก่อนนะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบลุกจะวิ่งไปหยิบโพยโปรแกรมทัวร์ที่อุตส่าห์อดหลับอดนอนคิดขึ้นเมื่อคืนมาให้เขาอย่างรีบร้อนแต่ชานนท์คว้าข้อมือหล่อนไว้ก่อน

“ไม่รอแล้ว เอาไปให้ดูที่บ้านต้นไม้ก็แล้วกัน เสร็จแล้วจะได้ออกเดินทางกันเลย หวังว่าฉันคงจะได้รับความสะดวกสบายจากการนำทัวร์ครั้งนี้ของเธอนะเอริน” ชานนท์รีบลุกขึ้นเดินจากไปทันที เอรินได้แต่มองตามหลังไปอย่างหวั่นใจ ก่อนจะตะโกนไล่หลังอย่างหมั่นไส้เขา

“ชิ คนเอาแต่ใจเอ๊ย”


แล้วเอรินก็ต้องมานั่งใจเต้นไม่เป็นส่ำอยู่ข้างชานนท์ บริเวณหน้าเทอเรซกว้างที่มีเก้าอี้ไม้นั่งเดี่ยวตัวโตอยู่ตัวเดียว หันหน้าออกสู่ทะเล ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดสีขาวคอโปโลทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายทะเลกางเกงขาสั้นเหนือเข่า ดูสบายๆเสียจนเอรินได้แต่มองเพลิน

“ตามนี้ก็ดีนะเอริน เอาเป็นว่าแล้วแต่เธอนำไปก็แล้วกัน แต่ถ้าถึงเกาะเต่าแล้วฉันขอเรือยอร์ชส่วนตัวสักลำ เอาแบบเช่ารายวันนะ เท่าไหร่ก็ได้ไม่เกี่ยง ฉันไม่ชอบไปกับคนเยอะๆเข้าใจมั๊ยเอริน อ้อ..แล้วก็ห้องพัก ขอบนเนินเขาแบบพูลวิลล่า เป็นหลังนะเธอจะได้พักด้วยอีกห้องนึง” ชายหนุ่มยังคงนึกแผนการอย่างนึกสนุก แต่เอรินยังคงนิ่งอยู่

“เอริน..เอริน ยัยกุหลาบชมพู” ชานนท์เอาไหล่ของตนสะกิดไหล่สาวน้อยที่ก้มหน้าก้มตาเป็นการเรียกสติ เอรินถึงกับสะดุ้ง

“อะ..อะไรคะ คุณลุง” เอรินอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อนึกถึงสัมผัสตรงหัวไหล่เบาๆเมื่อครู่ หญิงสาวหันมามองชายหนุ่มข้างกายอย่างมึนๆ

“อีกแล้วนะเอริน เธอทำให้ฉันรู้สึกแก่ทุกทีที่พูดแบบนี้เลย อยากโดนจูบเพิ่มพลังอีกรึไงสาวน้อย” ชานนท์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำเอาเอรินเอนกายถอยห่างอย่างหวาดหวั่น “มะ..ไม่!!”

แล้วชานนท์ก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังทันทีที่สาวน้อยตรงหน้ารีบยกสองมือปิดปากตนเองแทบไม่ทัน ชายหนุ่มจึงได้แต่กระซิบข้างหูทำเอาเอรินขนลุกเกรียว “ขยันแต่งตัวแบบนี้บ่อยๆเข้า สักวันมันจะไม่ใช่แค่จูบนะ..เอริน ถ้าฉันอดใจไม่ไหวเกิดอารมณ์เปลี่ยวกับสาวน้อยอย่างเธอเข้า จะหาว่าฉันไม่เตือน” ชานนท์หัวเราะหึๆอย่างถูกใจ ที่เอรินถึงกับหน้าแดงซ่านเป็นลูกตำลึงสุกขึ้นมาอีกครั้ง

“บ้า บ้าแล้ว อย่ามาเอาเปรียบนะ ฉันแค่จะเป็นไกด์ให้คุณเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น..เข้าใจมั๊ยคุณอเล็กซ์” เอรินตอบคำชานนท์ตะกุกตะกักเสียจนชายหนุ่มถึงกับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ แล้วขยี้ผมหน้าม้าของสาวน้อยจนยุ่งอย่างมันมือ

“ยี้!! อย่ามายุ่งกับผมสวยๆของฉันนะ คุณนี่จริงๆเลย ทำไมเป็นคนแบบนี้ไปได้นะ” เอรินรีบลุกขึ้นยืนทันทีที่รู้สึกถึงไอร้อนจากกายชายหนุ่มที่เริ่มจะแนบชิดเข้ามาเรื่อยๆทำเอาหัวใจสาวน้อยสั่นไหว

“ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอนะเอริน เอาเป็นว่าเดินทางพรุ่งนี้เช้าดีกว่า ไม่ต้องรีบมาก แล้วก็คืนนี้ขึ้นมาเป็นเพื่อนฉันกินมื้อค่ำหน่อยนะ บรรยากาศดีแบบนี้กินมื้อค่ำกับเธอฉันคงเจริญอาหารไม่เบา” ชานนท์พูดไล่หลังไปอย่างขำๆ ก่อนที่เอรินจะหันขวับมาทันทีที่เขาพูดจบ

“ไม่เอา เดี๋ยวเกิดหน้ามืดขึ้นมาอีก” หญิงสาวค้อนขวับก่อนจะรีบจ้ำเร็วๆลงไปตามทางเดิน แล้วเอรินก็ต้องชะงักค้างอย่างตะลึงเมื่อได้ยินคำที่ชายหนุ่มตะโกนไล่หลังมา

“ลองไม่ขึ้นมาสิ ฉันจะไปฟ้องพ่อกับแม่เธอเรื่องที่ฟลอเรนซ์นะ” ชานนท์ถึงกับหัวเราะขำขันเมื่อเห็นสายตากร้าวที่มองมาอย่างจำนนของสาวน้อยที่ค้อนขวับเขาวงเบ้อเริ่มอีกตามเคย

“ฉันแค่อยากจะสานต่อกับเธอ..แค่เธอคนเดียวจริงๆนะ..เอริน”


===============================================================


ค่ำคืนแห่งความจำใจของเอริน หญิงสาวยืนรออาหารที่กำลังลำเลียงออกมาจากภายในห้องครัวด้วยฝีมือของพี่ก๊อพ่อครัวเอกประจำร้าน โดยมีบิดาและมารดาตามลุ้นลูกสาวอยู่ไม่ไกลด้วยความเป็นห่วง

“แม่ว่าให้ปื๊ดเอาไปส่งให้คุณเค้าที่บ้านต้นไม้ไม่ดีกว่าเหรอลูก นี่ก็ค่ำแล้วนะ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” อติมาสะกิดแขนลูกสาวที่กำลังบรรจงยกจานชามใส่อาหารหอมฉุยใส่ถาดขนาดใหญ่ตามจำนวนที่ชานนท์สั่งอย่างขมีขมัน

“แม่จ๋า แม่ไม่เข้าใจหรอก เดี๋ยวเค้าจะหาว่าหนูไม่แน่จริง แขกของหนูคนเนี้ยเค้านึกว่าตัวเองเป็นพระเจ้า สามารถบันดาลได้ทุ๊กอย่าง แค่มีเงินน่ะแม่ เนี่ยหนูก็พยายามทำความเข้าใจอยู่ไม่งั้นจะไปด้วยกันพรุ่งนี้ได้ยังไง หนูก็แค่ไปทานข้าวกับเค้าทำความคุ้นเคยนะจ้ะ” เอรินยิ้มน้อยให้มารดาและบิดาที่ลูบศรีษะลูกสาวอย่างเป็นห่วง

“เอาน่าแม่ เค้าเรียกว่าทำความคุ้นเคยกัน นะลูกนะ” พัชระหันมาพยักเพยิดกับลูกสาวคนเดียว เอรินได้แต่ยิ้มแหย เพราะนี่ไม่ใช่มื้อแรกที่พวกเขาทำความคุ้นเคยกัน ยังมีอะไรอีกเยอะที่บิดาและมารดาไม่รู้

“จ้ะ พ่อ เสร็จแล้วหนูจะรีบลงมาอย่างด่วนเลย เออ..พ่อจ๋า ยักษ์โทรมาบ้างรึเปล่า หนูติดต่อไม่ได้เลยว่าจะบอกมันเรื่องรับจ๊อบพิเศษเนี้ยจ้ะ” เอรินเอ่ยถามบิดาที่ทำหน้าฉงนใจ เมื่อนึกได้ว่าเขาไม่เห็นกรณ์มาป้วนเปี้ยนสองสามวันแล้ว

“อืม..ไม่เห็นนะ มีอะไรรึเปล่าลูก” พัชระเอ่ยถามลูกสาวด้วยความสงสัย เอรินได้แต่ยู่ปากหมั่นไส้คนที่ถูกพูดถึง

“ชิ..ว่าแล้ว อย่างนี้ทุกทีแหละ เห็นบอกว่าไปกรุงเทพคราวนี้จะไปตกลงงานกับมัณฑนากรสาวอึ๋ม หนูว่าไปตกลงอย่างอื่นมากกว่าหายหัวไปเลย เจอสาวทีไรทิ้งเพื่อนทุกที” เอรินค้อนลมค้อนแล้งไปตามเรื่องยามพูดถึงเพื่อนรักทำเอาอติมาตีเพียะที่แขนบางอย่างแรงโทษฐานพูดจาไม่เพราะ ไม่หลาบไม่จำ

“โอ๊ย!! แม่อ้ะ พูดถึงยักษ์สุดที่รักของแม่ไม่ได้เลยนะ ไปดีกว่า เดี๋ยวคุณลุงตัวร้ายเค้าจะได้แหกอกหนูโทษฐานมาช้า” เอรินคว้าถาดอาหารค่อนข้างหนักเดินตัวงอจากไป มืออีกข้างยังหิ้วถุงกระป๋องเบียร์และโค้กสองสามกระป๋องติดมือไปด้วย

“ดูสิพ่อ..ลูกคนนี้พูดออกมาได้แหกอก ก๋ากั่นอะไรขนาดนี้ โอยแม่จะเป็นลม” อติมาถึงกับกุมขมับโดยมีพัชระคอยนวดเฟ้นอย่างเอาใจ

“ใจเย็นๆ จ้ะแม่ โอ๋..มาซบอกพ่อมา”




ถนนไปบ้านต้นไม้วันนี้รู้สึกเหมือนว่าจะยาวไกลกว่าปกติ เพราะถาดอาหารที่หนักหน่วงและหญิงสาวรู้สึกหนักใจ ไม่รู้เหตุใดที่ชานนท์ถึงได้พาตัวเข้ามาใกล้ชิดให้หัวใจดวงน้อยของหล่อนต้องสั่นไหวผิดปกติได้ขนาดนี้อีกกัน

เมื่อเดินเข้ามาใกล้บ้านต้นไม้กลับดูเงียบผิดปกติ มีเพียงแสงไฟจากภายในตัวบ้านเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย เอรินวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะนอกชานหน้าประตูบ้านก่อนจะด้อมๆมองๆที่ประตู

“เอ๋..เงียบจัง นี่ก็ยังไม่ดึกซักหน่อย ที่สั่งอาหารมาก็พอดีเวลาเป๊ะเลยด้วยนี่ ทำไมเงียบอย่างนี้นะ” เอรินถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปอีกตามเคยตามประสาซุกซน แล้วหญิงสาวก็เห็นชานนท์นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยท่าทางสบายอารมณ์

“หืม..หลับตอนนี้เดี๋ยวกลางคืนก็นอนไม่หลับหรอก คุณลุงนี่จริงๆเล้ย” เอรินเดินเข้ามาใกล้คนนอนนิ่งที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว หญิงสาวนั่งลงข้างเตียงมองเสี้ยวหน้าคมยามหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มหลงใหล

“ทำไมคุณไม่มาเร็วกว่านี้นะ ฉันคงจะดีใจกว่านี้ถ้าคุณรีบมา คุณทำให้ฉันลังเลไม่แน่ใจว่าฉันมีความสำคัญมากแค่ไหนในใจคุณ” เอรินยังคงพร่ำเบาๆพร้อมมองใบหน้ายามหลับของชายหนุ่มนิ่ง

“คุณทำให้ฉันสับสน ทำให้ฉันว้าวุ่นใจ แต่ฉันก็ยัง..” ยังพูดไม่ทันจบหญิงสาวรีบปาดน้ำตาทันทีที่ชานนท์พลิกตัวเบาๆมาทางหล่อน

“ตกใจหมด นึกว่าตื่นซะแล้ว เอาเป็นว่าฉันไม่ปลุกคุณก็แล้วกันนะ หลับให้สบายนะคะ..คุณลุง” เอรินผละลุกขึ้นจะออกไปจากห้อง แต่แล้วหญิงสาวก็รู้สึกถึงแรงดึงให้หล่อนย้อนกลับไปโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างทั้งร่างหล่นปุลงไปบนที่นอนข้างกันกับชายหนุ่ม

“คิดจะมาแอบมองหน้าฉันแล้วไปงั้นเหรอ..เอริน” ชานนท์พูดทั้งที่ไม่ลืมตาตื่น ทำเอาเอรินตาเบิกโพลงหน้าตาตื่นรีบลุกแต่ก็ไม่วายโดนชานนท์ดึงไว้ให้ลงมานอนข้างกันดังเดิม

“ปล่อยเลยนะ อาหารที่สั่งอยู่โต๊ะหน้าบ้าน ฉันไม่กงไม่กินกับคุณแล้ว ฉันจะกลับบ้าน” เอรินปัดมือชายหนุ่มที่กอดแขนหล่อนแน่นให้ออกห่าง แต่แล้วคำพูดของเขาก็ทำเอาเอรินอึ้งไป “ฉันเหงา..อยู่ก่อนได้มั๊ย”

น้ำเสียงของชานนท์เศร้าเหงาจนเอรินรู้สึกได้ หญิงสาวจึงได้แต่นอนนิ่งจ้องมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มอยู่อย่างนั้น

“ฉันไม่ใช่ตัวคลายเหงา ไม่ใช่ตัวแทนของคุณมิน คุณอาจจะสับสนเรื่องระหว่างเรา ฉันก็คือฉันไม่ใช่ตัวแทนใคร คุณเข้าใจมั๊ยคะ” เอรินยังคงแย้งด้วยน้ำเสียงสั่นไหว ชานนท์ลืมตาขึ้นมาสบตาเอรินที่มองมาพอดี ชายหนุ่มตะแคงมองสาวน้อยที่อยู่เคียงข้างกันห่างเพียงแค่ฝ่ามือกั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ

“ฉันไม่ได้คิดว่าเธอเป็นตัวแทนมิน ไม่เคยคิดเลย ฉันแค่รู้สึกดีกับเธอมาก มากจนฉันกลัวใจตัวเอง” คำพูดของชานนท์ทำเอาเอรินถึงกับนิ่งไปอย่างอึ้งๆ

“กลัวใจตัวเองทำไมคะ อย่าบอกนะว่า..คุณรักฉัน” ดวงตาสาวน้อยสั่นระริกเฝ้ารอคำตอบที่เผลอหลุดปากถามไป แต่แล้วคำตอบของเขาก็ทำเอาเอรินต้องรีบลุกพรวดพราดเปลี่ยนเรื่องแทบไม่ทัน

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน..เอริน ฉันถึงต้องมาหาเธอที่นี่ยังไงล่ะ” คำพูดแก้เก้อของชายหนุ่มที่ปากหนักไม่บอกออกไปตรงๆทำเอาสาวน้อยถึงกับน้ำตาคลออย่างน้อยใจ คงจะดีกว่านี้ถ้าหากเขาจะบอกรัก หล่อนจะไม่ว่าอะไรสักคำเลย

“มาถึงก็กอดจูบฉัน ทำเหมือนฉันเป็นคนสำคัญของคุณ แต่ที่จริงแล้วฉันไม่มีค่าอะไรเลย คุณลุงทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว พรุ่งนี้เราอย่าไปด้วยกันเลยนะ” เอรินจะวิ่งออกจากห้องไปแต่ไม่ทันชานนท์คว้าแขนไว้เสียก่อน แล้วคว้าสาวน้อยมากอดไว้แนบอก เอรินได้ยินเสียงหัวใจชานนท์เต้นตึกตักพร้อมคำพูดระล่ำระลักบอก

“ไม่ใช่..ไม่ใช่อย่างนั้นนะเอริน เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันคิดถึงเธอ เห็นหน้าเธอแล้วอดใจไม่ไหว ฉันจูบเธอเพราะฉัน..” ยังไม่ทันที่ชานนท์จะพูดจบ เสียงเรียกชื่อเอรินก็ดังแว่วมาใกล้เข้า ใกล้เข้าจนเกือบจะถึงหน้าบ้าน

เอรินผละตัวออกห่างจากชานนท์พร้อมทั้งเช็ดน้ำตาป้อยๆ ชายหนุ่มได้แต่มองสาวน้อยอย่างเสียดายที่ยังไม่ทันได้บอกความในใจหล่อนก็วิ่งออกไปเสียก่อน

“พรุ่งนี้หกโมงเช้า ลงมารอที่ร้านอาหารนะ กำหนดการของเรา...เหมือนเดิม” เอรินตะโกนบอกเข้ามาภายในบ้าน ชานนท์ถึงกับยิ้มออกมาได้ที่อย่างน้อยหล่อนก็ยังรับผิดชอบในหน้าที่ทั้งที่กำลังเสียอกเสียใจอยู่

“โอเค..ยัยกุหลาบชมพู พรุ่งนี้เรามาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ แต่ถ้าเธองอแงอีกฉันจะนับสิบเลยไม่รอแล้ว จะว่าฉันใจร้ายก็ช่วยไม่ได้แล้วนะ ฉันปรารถนาเธอจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว” ชานนท์พึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน ไม่ได้สนใจกับอาหารที่วางทิ้งค้างอยู่นอกชานบ้านเลยแม้แต่น้อย




ทางด้านเอริน สาวน้อยเดินจ้ำนำปื๊ดที่เดินรั้งท้ายพร้อมเกาศรีษะตนเองจนยุ่งอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นนายสาวที่ปกติร่าเริงอยู่เสมอวิ่งออกมาจากบ้านในสภาพเหมือนคนร้องไห้มาหมาดๆ เอรินหันมามองปื๊ดอย่างขัดใจ

“เร็วๆสิ เดินชักช้ายืดยาด พรุ่งนี้ไปอดอาหารเลยนะให้พุงกระเพื่อมมันลดๆซะมั่ง น่ารำคาญจริง” เอรินแหวใส่ลูกน้องของตนที่ยังงงๆอยู่เลยโดนลูกหลงไป

“เอ๊า..คุณหนูนี่ยังไง โกรธคนอื่นอย่ามาพาลปื๊ดสิคร๊าบ” เสียงกระเง้ากระงอดของเจ้าปื๊ดที่รู้ทันทำเอาเอรินนึกอยากจะวัดมะเหงกใส่นัก แต่หญิงสาวก็เดินต่อไปปากก็ยังคงสั่งไม่หยุด

“พรุ่งนี้เช้ามืด ให้พี่ก๊อทำอาหารตามรายการนี้ให้ด้วยนะ แล้วก็ปื๊ดต้องไปส่งฉันกับตาแขกบ้านั่นที่ท่าเรือทุ่งมะขามน้อยที่หาดทรายรีก่อนแปดโมงเช้าเดี๋ยวไม่ทันเรือไปเกาะเต่า อืม..แล้วก็โทรหาป้าพิมให้ติดต่อลุงกองที่เกาะเต่าหาเรือยอร์ชให้ฉันสักลำ เอาลำเล็กก็ได้แขกคนเดียว หวังว่าจะมีนะไม่ได้บอกลุงล่วงหน้าซะด้วย แล้วก็..” เอรินสั่งความไม่ทันเสร็จ เจ้าปื๊ดก็ขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาหญิงสาวถึงกับหน้ามุ่ยไม่ได้ดั่งใจ

“เดี๋ยวคร๊าบ..คุณหนู เดินไปให้ถึงบ้านก่อนได้มั๊ยคร๊าบ ขอผมจดงานตามใบสั่งคุณหนูก่อนเดี๋ยวไม่ถูกใจพรุ่งนี้มีหวังผมโดนเฉ่งอีกแน่” สิ้นคำเจ้าปื๊ด เอรินถึงกับกำหมัดใส่เจ้าปื๊ดอย่างหมั่นไส้แล้วค้อนขวับเดินจ้ำไปที่บ้านทันทีอย่างขัดใจ

************************************************

เช้าวันใหม่มาพร้อมอากาศสดใสไร้เมฆขมุกขมัวซึ่งเหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลเป็นอย่างมาก เอรินในชุดสายเดี่ยวสีดำ สวมทับด้วยเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวบางแขนยาวกางเกงขาสั้นกุดตามเดิมพร้อมหมวกปีกกว้างผูกสายยาวห้อยคออยู่ทางด้านหลัง กำลังจัดสัมภาระอย่างขมีขมันใส่ยังท้ายรถกระบะตอนเดียวที่เหลือว่างอยู่หนึ่งคัน ชานนท์ได้แต่ยืนมองขาขาวๆของยัยกุหลาบชมพูอย่างขัดอกขัดใจ

“นี่เร็วๆสิคุณ เราจะไม่ทันเรือเที่ยวเช้าแล้วนะ” เอรินโบกมือเรียกชานนท์ให้รีบเดินมายังตัวรถ แล้วหญิงสาวก็หันไปโบกไม้โบกมือกับบิดามารดาที่มายืนรอส่งอย่างเป็นห่วงอยู่ไม่ไกล

“หนูไปแล้วนะจ้ะแม่จ๋า พ่อจ๋า รักษาตัวด้วย สี่ห้าวันหนูก็กลับแล้ว บอกยักษ์มันด้วยว่าหนูพาลูกทัวร์ไปเที่ยวมันจะได้ไม่ห่วงนะจ้ะ” เอรินสาวน้อยโบกไม้โบกมือให้บิดามารดา แล้วดันตัวชานนท์เข้าไปนั่งแทรกกลางข้างคนขับก่อนที่ตัวเองจะขึ้นนั่งชิดริมประตู

“นี่..ทำไมไม่เอารถฉันไปก็ได้ ทำไมต้องเบียดเป็นปลากระป๋องอย่างนี้ด้วย” ชานนท์เหล่มองเอรินที่นั่งตัวลีบอยู่ด้านข้างอย่างเคืองๆ แค่ทัวร์วันแรกเขาก็ได้รับความสะดวกสบายน้อยกว่าที่คิดเสียแล้ว

“เอาน่าคุณ คนอื่นเค้ายังไปได้ นี่เราแค่สองคน คุณรู้จักมั๊ยรสชาติของชีวิตน่ะ หัดลำบากซะบ้างไม่ตายหรอก” เอรินยิ้มเยาะชานนท์ที่มองอย่างเคืองขุ่น แล้วหญิงสาวก็ต้องหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำกระซิบจากปากชายหนุ่มที่ใกล้มากจนหล่อนแทบจะขนลุกเกรียว

“อยากใกล้ชิดฉันขนาดนี้ก็ไม่บอก ไม่เห็นต้องใช้แผนนี้เลยนะเอริน บอกกันดีๆก็ได้ฉันเต็มใจให้เธอเบียดถึงเนื้อถึงหนังเลย” คำพูดของชานนท์ทำเอาหญิงสาวถึงกับอึกอัก เลยเอาข้อศอกกระทุ้งสีข้างชายหนุ่มไปทีจนเขาร้องโอดโอยออกมา

“บ้า ประสาท ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเทอะนะคุณเนี่ย” เอรินค้อนขวับมองเมินออกไปนอกหน้าต่าง แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีบางอย่างอุ่นๆสัมผัสอยู่บนต้นขาขาวของตน

“เฮ๊ย!! ลูบขาฉันทำไมเนี่ย คุณ...” หญิงสาวถึงกับโวยวายเบียดตัวเข้าชิดริมหน้าต่างมากขึ้นอีก ชานนท์ได้แต่หัวเราะหึหึอย่างชอบใจที่ได้แกล้ง

“ก็อยากแต่งตัวล่อตะเข้ทำไมล่ะ นึกว่าอยากโดนลูบไล้ขาขาวๆ” ชานนท์กระซิบริมหูเอริน จนหล่อนถึงกับรีบหยิบหมวกมาปิดต้นขาขาวของตนแทบไม่ทัน แล้วค้อนขวับเขาอย่างหมั่นไส้ไม่ต่อปากต่อคำอีก ชานนท์ได้แต่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาเจ้าปื๊ดตัวแสบตลอดเวลา


เจ้าอ้วนพุงพลุ้ยได้แต่คิดในใจอย่างจินตนาการล้ำลึกไปเพียงคนเดียวแล้วหัวเราะอย่างนึกสยองออกมาเบาๆ ชานนท์เหล่มองเจ้าปื๊ดหัวเราะคนเดียวอย่างเอือมๆ ก่อนจะหลับตานิ่งทำทีเป็นหลับ


เจ้าปื๊ดได้แต่นึกในใจอย่างขำขัน ไม่ได้ห่วงสาวน้อยที่นั่งตัวลีบข้างหน้าต่างสักนิด..



‘กว่าหนูเอรินจะกลับมา ท่าทางงานนี้ลุงกับป้าคงจะได้ลูกเขยอิมพอร์ตซะละมั้ง’


=========================================================================


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ
ไม่ได้ลงเรื่องนี้นานมากๆ
ตอนนี้จะลงต่อเนื่องจนจบเลยนะคะ

ขอบคุณทุกท่านมากๆค่ะ ^____^



lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2557, 12:23:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2557, 12:23:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1552





<< ตอนที่ 8 : หลอกล่อปล้นจูบ..ยัยกุหลาบ   การเดินทางอันแสนหวานและเค้าลางของความยุ่งยาก 1 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account