หนึ่งรักเหนือรุ้ง
เหนือฟ้า.... เออีสาวแสนสวยแห่งบริษัทโฆษณาปั้นคิด พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ หลังโดนคุณป้ามหาประลัยตามราวีทุกวัน ร้อยเล่ห์มารยาถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ทว่า... เิงินก้อนโตที่เธอควรจะได้รับ กลับถูกใครบางคนขัดขวาง แถมจองล้างจองผลาญไม่ยอมให้เธอไปจากบ้านของเขา

แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น

งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^


Tags: เหนือฟ้า , เพลงรัก , ชินชนะ , รัก , กุ๊กกิ๊ก

ตอน: บทที่ ยี่สิบแปด : พ่อ!!!


ตั้งแต่คำโกหกแรกหลุดจากปาก ก็น่าจะรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึง

แต่เพราะมั่นใจในตัวเอง หรือความโลภความหลงเข้าบังตา ทำให้พวกเขาไม่ได้เตรียมใจเลยว่า หากถูกจับได้จะต้องทำอย่างไร เหนือฟ้ากำมือตัวเองแน่น ยามส่งสายตาอ้อนวอนไปให้สองคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่ ชินชนะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อขับไล่ความหวาดหวั่น...

บรรยากาศของการเผชิญหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด ก่อนที่อิงตะวันจะทำลายความเงียบลง

“ไหนพี่หนึ่งบอกว่ากลับแล้ว... แต่ก็ดี อิงมีเรื่องจะคุยด้วยพอดี คุยได้ไหม”

“ได้... พี่ก็มีเรื่องจะคุยกับอิงเหมือนกัน” มาวินว่า แต่สายตาใต้แว่นหนามองเลยมายังชายหญิงที่อยู่ด้านหลัง เออีสาวพยายามวิงวอนผ่านสีหน้าจนสุดกำลัง เธอหวังว่าเขาจะเข้าใจ...ได้โปรด อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้

“แปลก มีแต่คนอยากคุยกับอิง” เด็กสาวเอ่ยอีกครั้ง พลางมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างสังเกต “ดูท่าทุกคนจะมีเรื่องสำคัญ งั้นอิงพูดเรื่องของอิงก่อนก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลา... พี่หนึ่ง อิงคิดว่า อิงอยากจ้างนักร้องที่ชื่อแทนกวีให้มาที่นี่”

“แทนกวี!?!”

มาวินและเหนือฟ้าอุทานเกือบจะพร้อมกัน ทั้งสองมองหน้า ก่อนคนที่โกหกเยอะกว่าจะเป็นฝ่ายหลบตาก่อน

“ทำไมอยู่ๆ อิงถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมา”

“ก็...ไม่มีอะไรมาก” อิงตะวันยักไหล่ ก่อนนึกกลับไปถึงตอนที่เธอนั่งอยู่ในวงล้อมเด็กๆ การพูดคุยเกี่ยวกับกองถ่ายโฆษณา ไล่ลามไปถึงเรื่องดาราในดวงใจ จากนั้นเด็กส่วนใหญ่ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นักร้องที่พวกเขาคลั่งไคล้ เป็นใครไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่... ‘พี่แทน’

ตอนแรก เธอก็ไม่รู้หรอกว่าพี่แทนคือใคร เด็กๆ ต้องช่วยกันอธิบายเสียยกใหญ่ บางคนก็ลุกขึ้นร้อง ลุกขึ้นเต้นให้ดู แต่คิดว่าคนที่ไม่เคยเปิดโทรทัศน์ ไม่ชอบฟังวิทยุอย่างเธอจะรู้จักเหรอ อิงตะวันยังคงส่ายหน้า คิดจะผ่านเรื่องนี้ไปเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่ทว่า...

‘หนูชอบพี่แทนมากเลยค่ะ หนูตัดรูปพี่แทนจากในหนังสือพิมพ์เก็บไว้หมดเลย เวลาพี่แทนออกรายการทีวีตอนดึกๆ นะ หนูต้องร้องไห้ขอพ่อแม่ดูให้ได้ ก็แม่ห้ามหนูนอนดึก แต่ยังไงหนูก็ต้องดูพี่แทน’

‘แล้วทำไมไม่ดูย้อนหลัง ในยูทูปก็น่าจะมี ถ้าดังขนาดนั้น’

‘อะไรคือยูทุบเหรอฮะ?’ เด็กชายอีกคนทำหน้าประหลาดใจ อิงตะวันจึงถอนหายใจ

‘เว็บไซต์ที่เอาไว้ดูคลิปไง เออๆ... เอาเถอะ แล้วปกติเราฟังเพลง จากไหนกัน’

‘ก็วิทยุไงฮะ ถ้าเป็นเพลงพี่แทน ที่ไหนๆ ก็เปิด’

‘แล้วไม่ซื้อซีดีมาเก็บไว้เอง ไหนบอกว่าชอบมาก’

‘ผมไม่มีตังค์หรอกฮะ แล้วพ่อก็บอกว่ามันฟุ่มเฟือย ไม่ให้ซื้อ’

อิงตะวันพยักหน้า อือออไปอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่พี่อาสาอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กลับเอ่ยต่อ

‘งั้นพี่ซื้อซีดีเพลงพี่แทนให้เอาไหม น้องๆ เอาไปผลัดกันฟัง หรือถ้าที่บ้านไม่มีเครื่องเล่นซีดี พี่ซื้อให้เป็นสมบัติของโรงเรียนดีกว่า เราจะได้ฟังด้วยกันหมดเลย’

เด็กๆ ตื่นเต้นทันที... จริงเหรอฮะ จริงหรือคะ กันระงมไปหมด อิงตะวันเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ แค่ซื้อซีดีแผ่นเดียวมาให้ จะอะไรกันนักหนา

‘พี่ว่าพี่ซื้อดีวีดีคอนเสิร์ตให้ด้วยดีกว่า คอนเสิร์ตครั้งล่าสุดของพี่แทน พี่ไปดูมา สนุกมาก น้องๆ จะได้ดูพี่แทนตอนเต้นด้วย พี่แทนเต้นเก่งมากจริงๆ นะ’ พี่คนเดิมว่าอย่างออกรส เด็กๆ ก็ยิ่งฮือฮาขึ้นไปอีก อิงตะวันเหล่มองคนพูดหนึ่งที แล้วสลับมามองหน้าเปี่ยมสุขของเด็กๆ อีกหลายที ใบหน้ามอมแมมที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม เธอทำให้พวกเขายิ้มกว้างกว่านี้ได้... เชื่อไหม

“แค่นักร้องคนเดียวไม่เห็นจะยากอะไร พรุ่งนี้ตอนงานอำลา ก็จ้างเขามาร้องสักเพลงสิ”

“แต่แทนกวีเป็นนักร้องที่ดังมากเลยนะคะ เขาไม่น่าจะมาได้” มุกมาลาตอบแทนเจ้านาย แล้วก็โดนเด็กสาวมองค้อนเข้าจนได้ แต่คราวนี้ไม่มีคำว่า ‘ยายอ้วน’ ออกจากปาก

“ถ้าเป็นห่วงเรื่องเงิน ฉันจ่ายเอง”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่เท่าที่เคยได้ยิน นักร้องระดับนี้ต้องติดต่อกันข้ามปีเลยนะคะ จะให้มาร้องเพลงพรุ่งนี้ เขาไม่น่าจะว่าง”

“พูดอยู่ได้ว่าไม่น่า ลองก่อนสิ แล้วค่อยบอกว่าไม่” อิงตะวันตวาดใส่ ทำให้มาวินต้องรีบเอ่ย

“คุณมุกพูดถูกแล้ว นักร้องระดับนั้นไม่ใช่ติดต่อกันง่ายๆ นะอิง แล้วอีกอย่าง พี่คิดว่างานเลี้ยงปิดค่ายของเรา จัดแบบเป็นกันเอง เป็นงานเล็กๆ จะจ้างนักร้องดังมาทำไมให้สิ้นเปลือง”

เมื่อโดนขัด อิงตะวันก็เตรียมจะแย้งด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่แล้วเธอกลับหยุดคิด ก่อนโต้ด้วยคำพูดที่ผ่านสมองแล้ว

“ตอนแรกอิงไม่สนใจ พี่หนึ่งก็บอกให้อิงลองเปิดใจให้เด็กๆ พอตอนนี้อิงอยากทำอะไรให้เด็กพวกนั้น พี่หนึ่งกลับบอกว่าสิ้นเปลือง”

ไม่ใช่น้ำเสียงต่อว่า แต่การชี้ให้เห็นในมุมมองของเธอก็ทำให้มาวินชะงัก เขาผ่อนลมหายใจอย่างอึดอัด สีหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ

“แต่พี่ว่า...”

“ฉันว่าฉันช่วยได้นะคะ” อยู่ๆ คนที่ควรสงบปากสงบคำก็โพล่งขึ้น ซึ่งเสียงของเธอก็เรียกความสนใจจากทุกคนให้หันมาเป็นตาเดียว โดยเฉพาะชินชนะที่เลิกคิ้วเป็นคำถาม... รุ้งคิดจะทำอะไรกันแน่

“ช่วยยังไง”

“คืออย่างนี้ค่ะคุณหนู ฉันพอรู้จักคนที่รู้จักคนรู้จักของเพื่อนของคนรู้จักที่เป็นเพื่อนของเพื่อนของนักร้องคนนี้ค่ะ ฉันอาจจะช่วยติดต่อให้ได้นะคะ”

“พูดใหม่สิ เอาให้เหมือนเดิมนะ”

“แหม คุณหนู อย่าเพิ่งจับผิดฉันเลยค่ะ สรุปเลยแล้วกันนะคะว่าฉันรู้จักคนรู้จักของนักร้องคนนี้ สนใจให้ฉันช่วยไหมคะ”

อิงตะวันขมวดคิ้ว ก่อนหันไปมองทางมาวินเหมือนขอคำปรึกษา แต่เมื่อเห็นว่าเขาดูเคร่งเครียดมากกว่า เธอจึงคิดว่าจะตัดสินใจด้วยตัวเอง

“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดูสิ ยังไงก็ดีกว่าพูดว่าไม่ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำ”

คำหลังไม่เจาะจงว่าประชดใคร แต่เหนือฟ้าก็ไม่ได้สนใจ เธอฉีกยิ้มกว้างทันที อย่างน้อย นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่เธอจะประวิงเวลาออกไปได้

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอออกไปโทรศัพท์ข้างนอกนะคะ เอิ่ม คุณมาวินคะ รบกวนคุณไปกับฉันได้ไหมคะ ฉันอาจต้องใช้ข้อมูลเกี่ยวกับค่ายอาสานี่น่ะค่ะ”

คนถูกเชิญทำหน้าไม่ถูก เขาเหลือบมองมุกมาลาที่มีสีหน้าบรรยายยากเช่นกัน ก่อนหันกลับมาหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง...



“คุณเหนือฟ้า...”

สายตาใต้แว่นหนาของมาวินที่มองมาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้ปลาบปลื้มชื่นชมเหมือนเมื่อก่อน แต่มันเต็มไปด้วยความผิดหวังปนประหลาดใจ แต่ไม่รอให้เขาเอ่ยอะไร เหนือฟ้าที่เดินนำออกมายังบริเวณที่ปลอดคนก็เอ่ยขึ้น

“อย่าเพิ่งบอกอิงนะคะ”

มาวินส่ายหน้า ทั้งที่เขาสงสัยมานานแล้วว่าเธอปลอมตัวมาเป็นพี่เลี้ยงของอิงตะวัน แต่พอเธอยอมรับด้วยการไม่ปฏิเสธ เขาก็อดรู้สึก... แย่ไม่ได้ “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง”

“ถ้าคุณอยากได้คำอธิบายที่ไม่ค่อยต่างอะไรกับคำแก้ตัว ฟังฉันก่อนได้ไหมคะ”

มาวินขยับจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ “ผมฟังอยู่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นตั้งใจฟังให้ดีนะคะ เพราะฉันคงพูดมันได้แค่รอบเดียว...” เหนือฟ้าว่า ก่อนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อรวบรวมความมั่นใจทั้งหมดสำหรับความจริงที่เธอต้องเผชิญ

“คุณอิสระเสนอให้ฉันกับคุณชินชนะช่วยกันทำให้อิงตะวันกลับเป็นเด็กที่น่ารัก ไม่ก้าวร้าว ไม่ปิดกั้นตัวเอง เพื่อแลกกับสัญญาโฆษณาสินค้าทุกชิ้นของอิสระฟู้ด ฉันรับคำเพราะอยากได้เงิน ส่วนคุณชินชนะรับเพราะไม่อยากให้ฉันได้เงิน เราสองคนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ฉันเห็นแก่ตัว ฉันเลยโกหกทุกคน และฉันก็อยากโกหกคุณต่อไปว่าฉันไม่ใช่เหนือฟ้า แต่เป็นพี่เลี้ยงของอิงที่ชื่อน้อยหน่า แต่ฉันคิดว่าคุณคงไม่เชื่อ ฉันเลยสารภาพ เมื่อกี้นี้ฉันก็ตั้งใจจะสารภาพกับอิงเพราะไม่อยากให้อิงรู้จากปากคุณ แต่คุณก็เข้ามา ฉันเลยต้องมาขอร้องแบบหน้าด้านๆ ว่าคุณอย่าเพิ่งบอกอิงตอนนี้ได้ไหมคะ ฉันขอเป็นคนบอกเอง”

เหนือฟ้าเอ่ยยาวเหยียดจนเกือบลืมหายใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้สีหน้าของชายหนุ่มยิ่งเคร่งเครียด

“คุณพูดเหมือนต่อว่าตัวเองแบบนี้ เพราะไม่อยากให้ผมตำหนิคุณใช่ไหม”

“คุณตำหนิฉันอยู่แล้วนี่คะผ่านสายตาของคุณ ฉันเลยไม่รู้จะใช้คำพูดสวยหรูอีกทำไม ในเมื่อฉันทำผิดจริงๆ และคุณก็รู้ทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ฉันก็แค่พยายามทำให้เรื่องจบสวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันรู้ว่าเด็กเลี้ยงแกะยังไงก็ต้องเสียลูกแกะไป แต่ถ้าเด็กเลี้ยงแกะกลับใจ ชาวบ้านจะไม่ให้โอกาสแก้ตัวเลยหรือคะ”

“คุณกำลังหว่านล้อมผม?”

“ฉันเปิดไพ่ของฉันให้คุณดูจนหมดสำรับ ไม่ใช่เพราะรู้ว่าคุณถือไพ่เหนือกว่า แต่เพราะฉันไม่อยากเอาชนะในเกมนี้อีกต่อไปแล้ว ฉันไม่อยากทำเพื่อเงินแล้ว... โอเคค่ะ ฉันไม่โกหกว่าเงินยังคงสำคัญสำหรับฉัน แต่ความรู้สึกของอิงก็เป็นสิ่งที่ฉันห่วงเหมือนกัน ตอนนี้อิงเริ่มสนใจคนอื่น เริ่มอยากทำเพื่อคนอื่น เธอกำลังก้าวออกมาจากโลกส่วนตัวแล้วนะคะ ฉันเกรงว่าถ้าอยู่ๆ เราบอกความจริงไปโดยไม่เกริ่นนำใดๆ เลย จะเป็นการผลักอิงให้กลับไปอยู่ในห้องที่ปิดตาย แล้วคราวนี้เธอคงไม่ยอมออกมาง่ายๆ ฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ คุณมาวินคะ... ฉันขอร้องนะคะ ขอให้ฉันกับคุณชินเป็นคนบอกความจริงกับอิงเอง ขอให้ฉันได้อธิบายเรื่องราวด้วยตัวเอง... นะคะ”

หญิงสาวอ้อนวอน ถ้าไม่เกรงใจว่าอาจมีคนมาเห็นแล้วสงสัย เธอคงคุกเข่าต่อหน้าเขาไปแล้ว มาวินถอนหายใจด้วยความหนักใจ ก่อนเขาจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“สิ่งหนึ่งที่ผมไม่อยากทำ คือการโกหกอิง” คำตอบของเขาทำให้เหนือฟ้าใจหาย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะกระวนกระวายว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ชายหนุ่มก็เอ่ยต่อ “คุณแน่ใจนะครับ ว่าคุณติดต่อแทนกวีได้”

เท่านั้น ดวงตาของหญิงสาวก็เป็นประกาย เธอรีบพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ได้ค่ะ ได้แน่นอนอยู่แล้ว เพื่อนของฉันเป็นแฟน...เอิ่ม คลับของเขา ฉันจะติดต่อเขาให้ได้ค่ะ ขอบคุณคุณหนึ่งมากนะคะที่ให้โอกาสฉัน”

เห็นความยินดีของเออีสาวแล้วชายหนุ่มแว่นหนาก็ถอนหายใจ ได้แต่หวังว่าเขาจะตัดสินใจไม่ผิด



“ทำไมคุณหนึ่งถึงเลือกที่จะไม่บอกน้องอิงเหรอคะ”

มุกมาลาอดถามไม่ได้ ยามอยู่ตามลำพังกับเจ้านาย เธอรู้ว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมาแค่ไหน แล้วทำไมคราวนี้ถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือต้องการปกป้องเหนือฟ้า

“คุณเหนือกับคุณชินควรมีโอกาสได้บอกอิง พวกเขาเป็นคนผูกปกนี้ขึ้นมา ก็ควรเป็นคนแก้ไข”

“แล้วจะแน่ใจได้ยังไงคะ ว่าพวกเขาจะไม่โกหกอีก”

“แค่มะรืนนี้เท่านั้นแหละครับ ถ้าจะกลับกรุงเทพฯ แล้วพวกเขายังไม่ยอมพูดอะไร ผมคงต้องบอกอิงเอง” มาวินเอ่ยอย่างหมายมั่น แต่ใบหน้าขาวกลับหม่น จนเลขาฯ สาวต้องถาม

“คุณหนึ่งโอเคนะคะ”

“ทำไมเหรอครับ”

“ก็... คุณหนึ่ง... ไม่รู้สึกอะไรเหรอคะ ที่คุณเหนือเธอ...เอ่อ ไม่เป็นเหมือนที่คุณคิดไว้”

ชายหนุ่มแว่นหนาถอนหายใจ เงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนระบายความในใจออกมา

“ตอนแรกผมก็ผิดหวังนะครับ แต่พอมาคิดดู ขนาดตัวผม ผมยังไม่รู้จักตัวเองดีพอเลย แล้วจะไปรู้จักคนอื่นได้ยังไง ทุกคนมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่อยากเอาความคิดของตัวเองไปตัดสินคนอื่นอีก”

สุดท้าย เขาก็ไม่โกรธเหนือฟ้า... มุกมาลาบอกตัวเองอย่างนั้น ก่อนฝืนยิ้มให้

“คุณหนึ่งเป็นคนดีจังเลยนะคะ” ดี...จนมุกเสียดาย

“ผมก็พยายามจะเป็นคนดีไปให้ได้ตลอดเหมือนกัน” มาวินพึมพำเบาๆ ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น

“คุณมาวิน...” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เขาและเธอหันไปเกือบจะพร้อมกัน ชายร่างสูงที่ไม่ต้องแสร้งเป็นเด็กหนุ่มอีกต่อไปยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเข้ม “ผมขอคุยด้วยได้ไหม”

มาวินชะงักเล็กน้อย ก่อนหันไปทางมุกมาลา ส่งสัญญาณทางสายตาบอกให้เธอออกไปก่อน ทั้งที่อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไร แต่เลขาฯ สาวก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย บรรยากาศจึงยิ่งตึงเครียดยามเหลือเพียงชายทั้งสอง ฝ่ายต่างต่างจ้องมองอย่างหยั่งเชิง และในที่สุด ชินชนะก็ทนไม่ไหว

“ผมขอบคุณที่คุณไม่บอกอะไรอิง” คนมาใหม่เอ่ยออกไป เสียงนิ่ง ไม่ได้ซาบซึ้งเหมือนคำพูด มาวินจึงตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยเช่นกัน

“ผมแค่ยังไม่บอก”

“นั่นแหละครับ ขอบคุณที่ ‘ยัง’ ไม่บอก”

เน้นหนักคำว่า ‘ยัง’ เหมือนประชดประชันอีกฝ่าย แล้วทั้งคู่ก็จ้องตากันอย่างไม่มียอมให้ใคร สุดท้าย คนที่ทนไมได้ก็เป็นคนเดิม “ไม่ว่าคุณจะรู้เรื่องผมกับเหนือฟ้าแค่ไหน แต่อีกเรื่องที่คุณต้องรู้ก็คือ...เราสองคน’รักกัน’”

อีกครั้งที่เน้นเสียงอย่างเจตนา คิ้วของมาวินขมวดเข้าหากันทันที แต่พริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“ผมทราบแล้วครับ” หนุ่มแว่นหนาตอบสั้นๆ น้ำเสียงนิ่งจนชินชนะเดาอารมณ์ไม่ได้ แต่เขาก็ยังถามออกไป

“คุณไม่ได้ชอบเธอใช่ไหม”

“ผมชอบครับ”

“เอ๊ย!!!” คนถามถึงกับอุทานด้วยความตกใจ เขาคิดไว้ว่าคำถามตรงๆ ของตัวเองจะเป็นหมัดหนักฮุกเข้ากลางเบ้าตาของอีกฝ่าย แต่ที่ไหนได้ ไอ้แว่นหนาดันยกการ์ดขึ้นป้องกันแถมสวนกลับชนิดที่เขาไม่ทันตั้งตัว

“แต่คุณเป็นคนดี คงไม่คิดจะแย่งแฟนใครหรอกใช่ไหม”

‘คนดี’ เหยียดยิ้มเล็กน้อย ดูน่าหมั่นไส้มากๆ ในความคิดของคู่สนทนา… จะยิ้มทำไมวะ ชินชนะคิดด้วยความไม่พอใจ มันน่ารำคาญจะตาย เวลาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่

“เอาเวลาไปจัดการเรื่องของอิงให้เรียบร้อยเถอะครับ” มาวินเอ่ยสั้นๆ ก่อนหมุนตัวจากไป ยิ่งสร้างความหงุดหงิดใจให้แก่ชินชนะ เขามองตามร่างของอีกฝ่ายไปจนลับตา พร้อมกับคิดในใจว่า...

ไอ้แว่นหนานี่ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย



ไม่ว่ามาวินจะเก็บความลับได้ตามที่รับปากหรือไม่ แต่เหนือฟ้าและชินชนะก็ไม่ยอมปล่อยเวลาไปกับการหวาดหวั่นว่าความจริงจะถูกเปิดเผยเมื่อไร เขาและเธอพยายามอย่างเต็มที่สำหรับแก้ไขสิ่งที่ทำลงไป

สิบชั่วโมงกว่าหลังจากนั้น ในวันสุดท้ายของการอยู่ด้วยกัน งานเลี้ยงปิดค่ายถูกเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายตามที่เจ้าของโครงการว่า เวทีเล็กๆ สำหรับการแสดงจัดอยู่ในโรงอาหาร ทำจากไม้ยกระดับไม่สูงมาก ข้างหลังเป็นแผ่นป้ายที่ทุกคนช่วยกันวาด รอบๆ จัดแสดงผลงานตลอด 9 วันที่ผ่านมา แต่เพราะเป็นวันเสาร์ เหล่าผู้ปกครองจึงจูงไม้จูงมือมาดูลูกหลานของตัวเอง ทำให้รอบๆ โรงเรียนคึกคักด้วยผู้คน

เมื่อได้เวลาคือตะวันใกล้จะลาลับ พิธีกรขึ้นกล่าวเปิดงานสั้นๆ ตามมาด้วยการแสดงละครของเด็กแต่ละกลุ่ม ซึ่งนอกจากบทเกี่ยวกับศิลปะที่ต้องคิดกันเองแล้ว เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รวมถึงอุปกรณ์ประกอบฉาก เด็กๆ ก็ต้องสร้างขึ้นเองด้วย เป็นการนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าค่ายมาประยุกต์ใช้ แต่ละกลุ่มเรียกเสียงหัวเราะและความเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดี จนเวลาล่วงไปถึงหัวค่ำ ละครทั้งหมดก็จบลง

“ขอเวลาให้กรรมการรวบรวมคะแนนสักครู่นะครับ เรามีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ มอบให้เด็กดีทุกคนอย่างแน่นอน ระหว่างนี้ มาฟังเพลงเพราะๆ กันก่อนดีกว่า รับรองว่างานนี้มีเซอร์ไพรส์ ถ้าพร้อมกันแล้ว ขอเสียงตบมือหน่อยเร็ว...” พิธีกรสร้างบรรยากาศสนุกสนานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนลงจากเวที แล้วตอนนั้น เสียงเพลงคุ้นหูที่ถูกเปิดขึ้น ก็ทำให้เด็กๆ หันมองหน้ากันอย่างฮือฮา และพอเห็นว่าใครก้าวขึ้นมา เสียงกรี๊ดก็ดังสนั่นจนโรงอาหารแทบแตก

จะใครเสียอีก ถ้าไม่ใช่...

นักร้องชื่อดังขวัญใจประชาชน 5 ปีซ้อนก้าวไปยืนบนพื้นไม้ต่างระดับ โดยไม่มีเอฟเฟคระเบิดควันอย่างคอนเสิร์ตใหญ่ ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์จับจ้องเหมือนตอนโชว์ตัวที่อื่น แต่เขาก็เรียกความสนใจจากผู้ชมได้ไม่ต่างจากเวทีไหนๆ เสียงกรีดร้องยังคงกระหึ่ม สายตาชื่นชมยังคงจับจ้องที่เขาเป็นตาเดียว

“เอ้า.... เป็นไงกันบ้าง....สนุกกันไหม....” นักร้องหนุ่มที่มาปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันทักทายหลังเพลงแรกจบลงไป ทั้งคำหวาน ทั้งมุกตลก ถูกนำมาใช้อย่างคนที่เจนเวที แทนกวีนำเข้าสู่เพลงใหม่ด้วยการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ไม่ว่าจะเพลงเร็วหรือเพลงซึ้ง ทุกคนก็ร้องตามได้หมด บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข จนคนต้นคิดที่ให้เชิญนักร้องหนุ่มมาได้แต่ยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม

“วันนี้พี่ดีใจมากที่ได้มาเจอน้องๆ ทุกคน... น้องๆ รู้ไหมว่ามีคนโทรไปบอกพี่ บอกว่าที่นี่มีเด็กน่ารักเยอะแยะเลย พี่ก็เลยมาหา ไม่ผิดหวังจริงๆ เลยนะที่มา แล้วน้องๆ พอเดาได้ไหมว่าเขาคนนั้นเป็นใคร รู้ไหม... ถ้าไม่รู้ งั้นก็เชิญเขาขึ้นมาเวทีเลยแล้วกัน เอ้า... ช่วยกันตบมือต้อนรับพี่อิงคนสวยของเราหน่อยเร็ว”

สิ้นเสียงของเขา เหล่าเด็กๆ ก็ตบมือกันกึกก้อง ทำเอาอิงตะวันที่กอดอกยืนดูอย่างห่างๆ ถึงกับอ้าปากค้าง เธอไม่คิดมาก่อนว่านักร้องที่เธอเพิ่งเคยเห็นหน้าจะเรียกเธอขึ้นไปบนเวที... ไม่รู้ว่าใครสั่ง แต่เธอไม่มีวันขึ้นไปเด็ดขาด

“เด็กๆ ช่วยกันเรียกหน่อย... พี่อิง... พี่อิง... พี่อิง…”

นักร้องหนุ่มเป็นต้นเสียงให้ทุกคนเรียกชื่อเธอ อิงตะวันเริ่มกระสับกระส่ายเพราะสายตาหลายคู่หันมาจับจ้อง เธอพยายามมองหาตัวช่วย เห็นนายชัยยืนอยู่ไม่ไกลก็คิดว่าเขาจะทำอะไรสักอย่าง แต่เขากลับพยักเพยิกเป็นเชิงบอกให้ขึ้นไป เธอเลยกระแทกลมหายใจแล้วหันไปทางพี่ชายที่ยืนอยู่ใกล้เลขาฯ มาวินพยักหน้าน้อยๆ เช่นกัน เธอจึงไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วในวินาทีที่เสียงเรียกเร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ พี่เลี้ยงที่อยู่ข้างกายก็ฉวยจังหวะที่เธอกำลังคิดไม่ออกว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร จับจูงเธอไปส่งถึงเวที การตกเป็นเป้าสายตาของคนนับร้อยทำให้เธอประหม่า แต่เมื่อเห็นว่าสายตาของเด็กๆ เต็มไปด้วยความชื่นชม รอยยิ้มยินดีบนใบหน้าเหล่านั้น ก็ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น

“พี่อิงที่น่ารักของเรา มีอะไรจะพูดกับน้องๆ ไหมครับ” แทนกวียื่นไมค์มาจ่อปาก ซึ่งเธอก็ส่ายหน้าทันที แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “พูดสักหน่อยนะ น้องๆ รอฟังอยู่”

เด็กสาวรู้สึกไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของคนที่รอคอยอยู่เบื้องล่าง จึงยอมเอ่ยเหมือนเสียไม่ได้

“อืม... ตั้งใจเรียนนะ”

“พี่อิงของเราเป็นคนขี้อายมากๆ แล้วอย่างนี้จะร้องเพลงกับพี่แทนได้หรือเปล่า ไหนๆ ใครอยากฟังพี่อิงร้องเพลง ส่งเสียงเชียร์มาสิ...”

แล้วเสียงกู่ร้องก็ดังสนั่นหวั่นไหว เด็กสาวไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ได้แต่หันไปกระซิบกับนักร้องดังด้วยเสียงห้วนคล้ายตวาด “ฉันร้องเพลงไม่เป็น”

“เพลงนี้ร้องได้แน่” แทนกวีตอบกลับเสียงเบาพอกัน ก่อนหันไปส่งสัญญาณให้ทีมงานนำกีตาร์ขึ้นมาให้ จัดท่วงท่าอยู่ครู่ แล้วจึงบรรเลงบทเพลงที่เตรียมไว้ ท่วงทำนองเนิบช้าหวานหูที่เคยคุ้นทำให้อิงตะวันนิ่งไป ต่อให้คนอื่นทำหน้าแปลกใจเพราะไม่เคยได้ยิน แต่เธอ...ไม่มีวันลืม

‘ดึกแล้วหนา หลับเถิดหนอ พ่อจะร้อง เพลงกล่อม

กล่อมเบาเบา เจ้าตัวน้อย ค่อยค่อยนอน ฝันดี

ทำตาพริ้ม อิ่มนมแล้ว อย่างนี้

นอนเถอะหนา เจ้าตัวดี จะให้พ่อร้อง ทั้งคืนหรือไร

อยู่บนฟ้า สุกสดใส คือแสงดาว

พ่อจะสอน เจ้าเอาไหม ให้นับดาว… หนึ่งและสอง หนึ่งและสอง...’

“สาม สี่” คำหลัง อิงตะวันร้องต่อออกไปโดยไม่รู้ตัว นานมากแล้วที่ไม่ได้ฟังเพลงนี้ แต่ทำไมทุกโน้ตดนตรีถึงยังคงแจ่มชัดในโสตประสาท คล้ายกับว่าไม่ได้จดจำด้วยสมอง แต่จรดลึกอยู่ในใจ ทุกยามที่เธอหลับใหล เสียงของใครคนหนึ่งจะคอยขับกล่อมเพลงนี้ให้เธอฟัง (1)



‘หนึ่งและสอง หนึ่งและสอง...สามสี่...แปดหมื่นสอง แปดหมื่นสาม... เอ้า จบเพลงแล้วนะอิง ยังไม่ง่วงอีกเหรอ ดูสิ ยังมาทำตาแป๋วอยู่อีก นอนได้แล้ว’

‘ฉามฉี่...’

‘แหนะ ยังจะสามสี่อีกเหรอ พ่อเหนื่อยแล้วนะ นอนได้แล้วอิง’

‘ก็ลูกชอบฟังคุณร้องเพลงนี่คะ คุณร้องอีกรอบสิ’

‘อีกรอบเหรอ? ผมร้องมาสิบรอบแล้วนะ... คุณน่ะ อย่านั่งดูเฉยๆ สิ มาช่วยผมร้อง ลูกเราจะได้หลับไวๆ’

‘ไม่ได้หรอกค่ะ ชื่อเพลงก็บอกอยู่ว่าพ่อกล่อมลูก แล้วแม่จะไปร้องได้ยังไง คุณพ่อร้องนั่นแหละค่ะ ดีแล้ว’

‘เหตุผลของคุณนี่นะ... ถ้าไม่ใช่คุณผมไม่ยอมหรอก เอ้า!?! ทีอย่างนี้จะมาหลับ พ่อกับแม่เถียงกัน ลูกไม่อยากฟังเลยชิงหลับไปซะแล้ว ดูสิคุณ หลับตาพริ้มเชียว รู้อย่างนี้ผมเถียงกับคุณตั้งแต่แรกดีกว่า ยายอิงจะได้หลับไวๆ’

‘ไม่เอาหรอกค่ะ ฉันไม่ชอบเถียงกับคุณนี่คะ ชอบฟังคุณร้องเพลงมากว่า... มาค่ะ ฉันจะพาลูกไปนอน’

‘เดี๋ยว ผมขอหอมลูกก่อน... อ่า ชื่นใจจริงๆ ยายอิงลูกพ่อ โตขึ้นมาอย่าดื้อเหมือนแม่นะลูก...’

‘ฉันไปดื้อกับคุณที่ไหนกัน อุ้ย อย่าค่ะคุณอิส เดี๋ยวลูกตื่น...’

‘ผมรักคุณนะครับ รักคุณกับลูกมาก...’

‘ค่ะ ฉันก็รักคุณกับลูกมากเหมือนกัน’

บทสนทนาเหล่านั้น เธอเคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหน ไกลแสนไกล หรือว่าในความฝัน เด็กสาวที่ยืนนิ่งอยู่บนเวทีหลับตาลงทั้งที่เพลงยังคงบรรเลงอยู่เช่นนั้น วันคืนชื่นสุข พ่อแม่ลูกหยอกล้อเล่นกัน... เรื่องจริง หรือแค่จินตนาการ

‘คืนนี้คุณกลับบ้านดึกอีกแล้ว’

‘ผมทำงาน’

‘ลูกรอคุณกินข้าว คุณไม่ได้โทรมาบอกก่อน ลูกรอจนหลับไปแล้ว’

‘ผมมีประชุมด่วนเลยไม่ได้โทรมา คราวหน้าคุณกับลูกก็กินกันไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ’

…..

‘เมื่อวานคุณสัญญาว่าจะไปงานโรงเรียนของลูก ลูกรอคุณอยู่’

‘ผมติดประชุมสำคัญ ปลีกตัวไม่ได้เลย ฝากบอกยายอิงด้วยแล้วกัน’

.....

‘กี่ครั้งแล้วที่คุณผิดสัญญากับลูก ยายอิงรอคุณทั้งวันเลยนะ’

‘ก็บอกแล้วไงว่าไม่ว่างๆ ต้องให้บอกกี่รอบ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง’

‘ไม่ว่างเพราะงาน หรือไม่ว่างเพราะใคร’

‘เอ๊ะ คุณ จะจับผิดกันใช่ไหม ผมทำงานเหนื่อย กลับบ้านมาแทนที่จะได้พัก ต้องมาเถียงกับคุณ ไร้สาระจริงๆ’

.....

‘เมื่อคืนนี้ ฉันเห็นคุณเข้าโรงแรมกับผู้หญิงคนอื่น’

‘ผู้หญิงที่ไหน ไม่มี’

‘ฉันมีรูปถ่ายมายืนยัน คุณจะปฏิเสธอีกเหรอ’

‘นี่คุณแอบสะกดรอยตามผมเหรอ ไม่ไว้ใจกันจนต้องสะกดรอยตามเลยเหรอ คุณชักจะว่างมากเกินไปแล้ว ผมบอกว่าไปทำงานก็ไปทำงานสิ จะอะไรนักหนา ไม่เชื่อใจกันเลยหรือไง ให้ตายสิ ผมเหนื่อยนะ’

‘คุณอิส อย่าโกรธเพื่อกลบเกลื่อน ถ้าคุณมีคนใหม่ก็แค่บอกฉัน ฉันกับลูกจะไปจากคุณทันที’

‘นี่คุณกล้าพูดอย่างนี้กับผมเหรอ ผมทำงานหนักเพื่อครอบครัวเรานะ ทำไมคุณถึงเข้าใจอะไรยากอย่างนี้’

......

‘นั่นคุณจะไปไหน เก็บกระเป๋าจะไปไหน!!!’

‘ฉันจะพายายอิงไปอยู่บ้านแม่สักพัก’

‘ไม่ได้!!! ผมไม่ให้ไป’

‘ขอเวลาให้ฉันเถอะค่ะ ให้ฉันทบทวนเรื่องของเรา ฉันทนอยู่ในสภาพนี้ไม่ไหวอีกแล้ว’

‘ไม่!! ผมไม่ให้คุณกับลูกไป.. กลับมานี่ ผมบอกว่าไม่ให้ไปไง’

‘ไม่!!’

‘เผี๊ยะ....’

เสียงฝ่ามือกระทบที่ใบหน้ายังคงชัดเจนจนเด็กสาวสะดุ้ง ความรู้สึกเจ็บร้าวในอกยามนึกถึง เหมือนว่ามันเพิ่งเมื่อวานนี้

พ่อบ้างาน พ่อมีผู้หญิงคนอื่น และพ่อก็ตบหน้าแม่... ทุกเหตุการณ์ ทุกคำพูดที่แอบได้ยิน ยังคงวนเวียนซ้ำซากอยู่ในหัว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ไม่สามารถลบความทรงจำพวกนี้ไปได้ พ่อเกลียดเธอกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะทำร้ายกันขนาดนี้ได้ยังไง พ่อทำให้เธอต้องเสียแม่ไป...ทุกอย่าง เป็นเพราะพ่อคนเดียว

ความขมขื่นในอดีตสร้างความทรมานให้เธออีกครั้ง คิ้วบางขมวดเข้าหากัน ขณะที่ยังหลับตาแน่น ภาพเก่ายังฉายซ้ำ จนกระทั่ง เสียงตบมือดังปลุกเธอจากภวังค์ อิงตะวันค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พร้อมสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำที่ไหลลงอาบแก้ม

อ่อนแออีกแล้วใช่ไหม... ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ เด็กสาวรีบปาดน้ำตาทิ้ง ส่ายหน้าให้กับบาดแผลที่ฝังใจ พยายามจะสลัดเรื่องนี้ไปอย่างไม่แยแส แต่ทว่า... ยามม่านตาที่พร่ามัวปะทะเข้ากับร่างโดดเด่นที่ยืนอยู่กลางฝูงชน... คนที่อยู่ในห้วงความคิด มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร อิงตะวันเพิ่งมองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะอุทานออกมา

“พ่อ!!!”







----------

(1) เพลง พ่อกล่อมลูกของเฉลียงนะคะ

ดราม่ากันสักนิดจิตแจ่มใส

ณ วันนี้ แต่งหนึ่งรักเหนือรุ้งจบบริบูรณ์แล้วนะคะ จะพยายามลงให้ต่อเนื่องมากขึ้น ^^ พอถึงบทที่ 30 จะทะยอยลบตอนแรกๆ นะคะ

ใครยังไม่ได้อ่านรีบอ่านนะจ๊ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม ขอให้สนุกกับการอ่านค้า









ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ย. 2556, 19:15:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2556, 19:23:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1516





<< บทที่ ยี่สิบเจ็ด : ความแตก   บทที่ ยี่สิบเก้า : ยังไม่จบแค่นี้เหรอก >>
ปลายสี 1 ก.ย. 2556, 19:20:58 น.
ตอบคอมเม้นท์นะคะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาเลย (เอาเวลาไปนอนซะหมด 555))

คุณ sukhumvitt66 : ตอนนี้จะพยายามมาเรื่อยๆ ไม่ให้ขาดตอนอีกค่ะ
คุณ ดังปัณณ์ : ขอบคุณค้า งานนี้ไม่รู้หัวหรือก้อยกันแน่นะคะ
คุณ พันธุ์แตงกวา : ขอบคุณนะคะ ความยังไม่แตกค่ะ แต่เกือบแล้ว
คุณ lovereason : ขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้ไม่มีเวลาเลย เดี๋ยวจะแวะไปเยี่ยมนะคะ
คุณ chacha : อิอิ ขอบคุณนะคะ คุณมาวินนี่ก็เป็นหนึ่งในตัวเอกเลยนะคะ แม้ว่าบทจะน้อยไปนิดแต่ก็สำคัญมากกกกกก
คุณ ปริยาธร : ขอบคุณค้า


พันธุ์แตงกวา 1 ก.ย. 2556, 19:31:43 น.
ซึ้ง T T
อิงตะวันฟังพ่อบ้างน้า


lovereason 1 ก.ย. 2556, 20:01:46 น.
ความหลังฝังใจเกี่ยวกับพ่อนี่เอง อิงเลยออกแนวก้าวร้าวแบบนี้
เข้าใจแล้วค่า

แต่จะว่าไปมันก็มีทุกครอบครัว
อยู่ที่ผู้นำครอบครัวว่าจะรับผิดชอบแค่ไหน แหะๆ
นุ่นก็ออกแนวจริงจังอีกแล้ว


ใกล้จบแล้ว ลุ้นๆค่า


Sukhumvit66 1 ก.ย. 2556, 20:38:34 น.
น้ำตาซึมจริง ๆ ด้วยละ ToT


ภาวิน 1 ก.ย. 2556, 21:39:56 น.
ดราม่า น้ำตาปริ่ม


ดังปัณณ์ 3 ก.ย. 2556, 08:49:32 น.
สงสารหนูอิงอ่ะ กระซิก TT^TT


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account