อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 24.

24.

ในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่อาการคนป่วยพอทุเลา รถเก๋งคันนั้นออกจากอำเภอเชียงของวิ่งไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1129 เลาะเลียบกับแม่น้ำโขง มุ่งสู่อำเภอเชียงแสน..สามเหลี่ยมทองคำ ..ตลอดสองข้างทางเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน..ด้านขวาเป็นแม่น้ำโขงที่เต็มไปด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่กั้นชายแดนระหว่างไทยลาว เรือสินค้าลำยาวเหยียดแล่นไปบนผืนน้ำผ่านแก่งหินสร้างความอัศจรรย์ใจ..

วิถีชีวิต..การทำมาหากิน บนเนินสูงต่ำ และในผืนน้ำที่มีอุปสรรค

มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องการเอาชนะธรรมชาติ

แต่จะมีสักกี่คนที่คิดเอาชนะใจตนเอง ชนะต่ออำนาจฝ่ายต่ำ..ดลให้จิตใจเศร้าหมองสุขทุกข์ แต่ก็อีกนั่นแหละน้อยคนนักที่จะรู้ว่าสิ่งใดถูก ผิด ทางธรรมอย่างแท้จริง..แม้แต่ตนขึ้นชื่อว่า ‘ทิด’ บวชแล้วเรียนแล้วก็ยัง ปล่อยให้ กาย วาจา ใจ ทำถูกบ้าง ผิดบ้าง ไปตามเหตุปัจจัยที่แวดล้อม แล้วใยผู้อื่นจะมีชีวิตคดเคี้ยวเลี้ยวลัดวุ่นวายอย่างกับถนนหนทางในภาคเหนือนี่ไม่ได้..

ตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ในวันนี้ ..คือขับรถชมเมือง.ไม่เน้นลงไปทำกิจกรรมในวัดใดทั้งนั้น ดูให้รู้ว่าทางจากตรงนี้ไปนี่มีลักษณะอย่างไร..ด้วยทางป้าแสงทองโทรมาเร่งแล้วเร่งเล่าให้รีบกลับไปปางจันทร์ แต่ถึงอย่างไร รถก็บ่ายหน้ามาถึงตรงนี้แล้ว เรื่องอะไรที่จะวกกลับไปให้ขาดทุนน้ำมันที่ขึ้นราคาเกือบทุกวี่วัน ..รถต้องวิ่งเป็นวงกลม ให้ได้รู้ว่าอย่างน้อย...เส้นทางที่ไม่เคยพานพบมันมีสภาพเช่นนี้ ..

เชียงของ ประตูสู่การล่องเรือตามแม่น้ำโขงเข้าหลวงพระบาง..ลาวเหนือ
เชียงแสน..ขึ้นเรือสินค้าไปเชียงรุ่ง..สิบสองปันนา..เมืองจีน
หรือแม่สาย ที่มีเส้นทางบ่ายหน้าไปเชียงตุง..พม่า ดินแดนที่คุณกีรติ ชนา เขียนเรื่องบ่วงบรรจถรณ์ เรื่องที่ย้อนยุคไปสู่เมืองเชียงตุงในอดีต..ทำให้นึกอยากไปเห็น..

เก็บไว้ในใจสักวันจะไปให้ได้..ชีวิตคือการเดินทาง..เพื่อรู้เห็น บางทีมันอาจจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป แต่มันก็คือความสุขในแบบที่ตนต้องการ.. ทรัพย์สินเงินทองของคนเรามีเท่าไหร่ก็หมด หามาเพื่อใช้..ไม่หมดไปกับเรื่องแบบหนึ่งก็หมดไปกับเรื่องแบบหนึ่ง..
ดีที่สุดคือ..ทำบุญฝังไว้ในพระศาสนา แต่คนก็ยังรักตัวเองที่สุดอยู่ดี..

รถคันโก้โดยสารถีรูปหล่อ พ่อแม่รวยทรัพย์สมบัติ มากด้วยเกียรติยศ ติดทำเนียบหนุ่มไฮโซเนื้อหอม ขับมาถึงตลาดชายแดนแม่สาย ท่าขี้เหล็ก คนที่นอนป่วยอยู่ด้านหลัง นั่งสะลึมสะลือด้วยฤทธิ์ยา หายใจ ฟุด ๆ ฟิด ๆ เพราะน้ำมูกขอตัวอยู่เฝ้ารถ..

สองหนุ่มเมื่อลงจากรถก็เดินชมสินค้าแบบผ่าน ๆ ตา ไม่ได้คิดซื้อหา ดูเพื่อให้รู้ให้เห็นว่า มีอะไร ๆ แปลก ๆ ตาบ้าง จนกระทั่งทำเรื่องข้ามไปฝั่งพม่า..เทปผี ซีดีเถื่อนเต็มไปหมด รู้ว่าผิดต่อประเทศชาติ ผิดต่อคนที่ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงาน แต่..มันอดใจไม่ได้..เพราะราคาแตกต่างกันอย่างลิบลับ

แถมบางแผ่นหายากมากในแบบที่ถูกต้อง..เลือกหาบางแผ่นคิดว่าน่าจะเอามาใช้ในงานได้..ประเภทเพลงอภิอมตะนิรันดร์กาล..ด้วยลูกทัวร์ส่วนใหญ่อยู่วัยเกิดเพลง การเอาอกเอาใจด้วยสิ่งที่เคยชื่นชอบ ย่อมได้ใจ

“เคยฟังรึ” รุ่งโรจน์ถามขณะเดินกลับมา

“เคย..ป้าผมเปิดอยู่บ่อย ๆ บางเพลงก็เพราะติดหูแม้ฟังเพียงครั้งเดียว อย่าง พะวงรัก และนี่ เดี๋ยวคุณฟังคุณอาจจะชอบก็ได้นะเพลงที่บรรยายถึงถิ่นที่เรามาเที่ยวเช่น .. เชียงรายรำลึก. หรือ เพลงแม่สาย...ขึ้นต้นที่ว่า.. ‘ใบไม้ร่วงควงพลิ้วปลิวผล็อย ฝันเคลิ้มคล้อยล่องลอยตามลม ฝันถึงคืนถึงวันรื่นรมย์ โอ้ละหนาอารมณ์ ต้องหวานอมขมกลืน...โอ้อดีตหวีดวอนมา เรียกให้ข้าพาไปคืน คืนใจรักเศร้าสุดฝืนสะอื้นอกตรม ...ฯ..โอ้อนาถทาสชีวา อยากบากหน้ามาเชียงราย คืนใจรักให้แม่สาย บ่มทรายฝากเธอ ’ หรือจะเอาเพลง เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง..เมื่อวานตอนอยู่เชียงของเปิดเพลงนี้คงเข้าบรรยากาศนะ..หรือตอนอยู่พะเยา เปิดเพลงมนต์รักดอกคำใต้..กุหลาบเวียงพิงค์ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นคนแต่งเพลงพวกนี้อาจจะอารมณ์นักท่องเที่ยวอย่างพวกเรานี่ก็ได้..”

“อาจจะจริง..พ่อแม่ผมก็ยังเปิดฟังนะแต่ผมไม่ได้สนใจที่จะฟัง..แต่คุณร้องเพลงเก่า ๆ เสียงคุณดีนะ” รุ่งโรจน์ชม..

“ก็พอได้ บางทีมีอารมณ์อยู่บนรถทัวร์ก็ร้องเพลงพวกนี้บ้าง..ถูกใจคนแก่..คุณก็ฝึกไว้ซิ..”

“ไม่เอาหรอก..เอาไว้ให้คุณหากินเถอะ..”

เดินกลับออกมา รุ่งโรจน์ซื้อขนมขบเคี้ยว เลือกเสื้อและกางเกง รวมถึงถุงเท้าให้สุริยาและแสงทอง..

“ไม่แพงหรอก สวยด้วย เอาไปเถอะ”

“คุณดีกับพวกผมจังเลย”

“คุณสองคนเป็นมากกว่าเพื่อนผมนะคุณยะ..ถึงผมจะไม่ได้รักคุณในแบบที่ผมเป็นอยู่ คุณและแสงทองก็คือคนสำคัญของผมอยู่ดี..” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์จริงจังจนสุริยารู้สึกสะเทือนใจ

“กลับไปปางจันทร์คราวนี้ เห็นทีผมต้องกลับไปที่ ..ที่เราได้พบกัน..ไปคืนรักไว้ที่นั่น”

สุริยายิ้ม ๆ ไม่ต่อปากต่อคำ จนกระทั่งกลับมาถึงรถ ยัดแผ่นซีดีเข้าเครื่อง แล้วเพลงที่ยังไม่ได้เลือกก็เล่นขึ้นมาเอง....เพลงสาวเจียงฮาย..

“ไป..ไป เต๊อะไปแอ่ว.. ไปเต๊อะไปแอ่ว จังวัดเจียงฮาย..ไป.. ไป เต๊อะไปแอ่ว.. ไปเต๊อะไปแอ่ว จังวัดเจียงฮาย..ข้าเจ้าเป็นสาวเจียงฮาย บ่เคยใจฮ้ายกับใครจักเตื้อ ข้าเจ้าเป็นสาวเหนือ เหนือสุ๋ดของประเทศไทย บ่าเดียวเจียงฮายนี้ มีลิ้นจี่ มีลำไย ถ้าหากปี้น้องไป เจ้าจะเลี้ยงลำไยสีชมพูฯ”


แสงทองพอได้ยินเพลงนี้ ก็ลืมตาลุกขึ้นมานั่งร้องคลอด้วยความสนุกสนาน..

“ดีขึ้นหรือยัง” สุริยาหันไปถาม..พลางปอกส้มเตรียมส่งให้

“ดีขึ้นแล้วล่ะ..เสียดายจังเลย..ถ้าดี ๆ กว่านี้ อยากจะกินลำไยสีชมพู กับลิ้นจี่จัง มีขายไหมนะ..”

“เห็นมีแต่แอปเปิ้ลจากเมืองจีน..ก็อย่างว่าเพลงแต่งไว้นานแล้ว..ถ้าแต่งตอนปัจจุบัน คงจะบอกว่า จะพาไปซื้อเอ็มพีสามเถื่อน กับเสื้อจากเมืองจีน ..” รุ่งโรจน์สนับสนุนอย่างอารมณ์ดี..

“เห็นไหมเพลงมีผลต่อความรู้สึกของคน ถ้าเรามาทัวร์เชียงรายก็หาเพลงทำนองนี้มาเปิด จินตนาการจะได้บรรเจิดและที่สำคัญจะได้มีประเด็นมาเม้าท์”

พอถึงวัดพระธาตุดอยตุง ..แสงทองรีบลงจากรถเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แล้วเร่งเดินตามสองหนุ่มไปที่บริเวณสักการะองค์พระธาตุคู่รูปทรงล้านนา

“จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่ขอพลาดเจ้าค่ะ..คนเรานี่จะตายวันตายพรุ่งไม่รู้จริง ๆ เมื่อวานดี ๆ อยู่แท้ ๆ เชียว ..ดูซิ วันนี้ต้องประคองกัน....”

เมื่อได้ยิน สุริยารู้ว่านั่นคือ ‘สัมมาทิฐิ’

เมื่อเสร็จกิจแห่งใจตรงนั้น รุ่งโรจน์ก็เดินฮัมเพลง “ผิดทางรัก” เบา ๆ ..กลับมาที่รถ

“ความรักประจักษ์ใจฉัน ตั้งแต่วันพบเธอวันแรก..ความรักดู ๆ ก็แปลก ไม่เอาพระเจ้าก็แจก ให้ลองรักฯ..ถ้ารู้ตัวเสียนาทีแรก พระเจ้าเอารักมาแจก ก็คงไม่รับมาครอง คงจะเมินหนีหน้าไม่มอง...หนีนาทีทองที่เคลือบด้วยความระทม มีรักก็ต้องมีหวัง เมื่อหมดหวัง หัวใจก็พาลระบม มีแผลมีรอยระทม คิดไปน้อยใจเหลือข่ม ขมอารมณ์ไม่วาย”

แค่ได้ฟังสุริยาก็รู้แล้วว่าใจของรุ่งโรจน์กำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งใด

“อารมณ์ไหนเนี่ยพี่รุ่ง” แสงทองร้องถาม..และรุ่งโรจน์ก็ตอบให้แสงทองต้องอึ้งไปด้วย

“อารมณ์เดียวกับเธอนั่นแหละ”

“หนูไม่อยู่ในอารมณ์นั้น หนูอยู่ในอารมณ์..สงสัยว่า เขามาไหว้พระธาตุกันแล้วเอารูปปั้นหมูมาวางไว้ที่ฐานพระธาตุทำไม ทั้งที่ทางวัดก็เขียนไว้แล้วว่า อย่าเอามา..”

“ความเชื่อผิด ๆ คิดว่าเอาหมูมาสะเดาะเคราะห์แทนตนละมั้ง อะไรก็ไม่รู้ไม่เคยอ่านเจอะในหนังสือวัดวาหรอก ก็มั่ว ๆ กันไป..” สุริยาเสนอความคิดเห็น

“แล้วทำไมไม่ถามเขาล่ะเมื่อครู่”

“ถามแล้ว เขาบอกว่าไม่รู้ เห็นคนอื่นทำก็ทำตาม” แสงทองคนหายป่วยทำสีหน้าสงสัย

“ได้บุญไหมนั่น”

“มาไหว้ก็ได้บุญแล้วล่ะ แล้วก็ได้ความสบายใจกับหมูสะเดาะเคราะห์ เสียเงินแล้วสบายใจไง แล้วก็สร้างความลำบากใจให้วัดเขาอีก ไม่รู้จะเอาหมูไปไว้ที่ไหนแล้วมั้ง”

“ไม่รู้ล่ะอย่างไร หนูต้องหาซื้อไก่ย่างไปสะเดาะเคราะห์ที่หริภุญไชยสักตัว แล้วก็เสสังมังคลายาจามิมากิน..น่าจะมีประโยชน์กว่า.. ของพี่รุ่งมะเส็งก็งูเล็กเอาอะไรดี”

“งูใหญ่”

“เล็ก”

“ของพี่งูใหญ่” ทั้งสองยังเถียงกันด้วยคนละความเข้าใจ..จนกระทั่งสุริยาต้องเหลือบลูกตาไปปรามรุ่งโรจน์

“เออ ใหญ่ก็ใหญ่” แสงทองยอมแพ้..



แล้วมติวันนั้นคือยังไม่ไปพระตำหนักดอยตุงกับดอยแม่สลองและดอยวาวี ไม่ไปทางท่าตอน ฝาง เชียงดาว แม่แตง แม่ริม แต่จะเข้าเชียงรายไปสักการะพ่อขุนเม็งราย

ไป..ขอพรหื้อทุกคนทุกผู้ มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายใจ..

ขับรถวนดูเส้นทางในเมือง ดูวัดสำคัญ ๆ ที่หนังสือท่องเที่ยวแนะนำ..แล้วก็รีบตีรถเข้าเชียงใหม่ภายในคืนนี้..

“จะเชียงรายรำลึกสักหน่อยอดเลย..นี่หนูกะจะ... ณ ราตรีหนึ่ง ซึ่งยังฝังจำ เชียงรายฟ้าแจ่ม ..คืนฟ้าวาวแวม ด้วยแสงจันทรา นภาสดใส... ริมน้ำกกเย็น ด้วยลมพลิ้วผ่าน ซ่านซึมผิวกาย คืนนั้นเชียงราย มีเธอและฉันร่วมสัมพันธ์ไม่คลาย หนาวลมเย็นยิ่ง เราอิงซบกัน ดวงจันทร์คล้อยต่ำ คืนนั้นยังจำ ฟากฟ้าราตรี ที่มีจันทร์ฉาย ไฉนมาลืม รักเราเคยสร้าง ริมฝั่งเชียงราย เมื่อคืนเดือนหงาย..นิยายสวาท บาดหัวใจไม่ลืม เพลงเก่า ๆ นี่มันเพราะเนอะ ฟังแล้วรัญจวนใจ..เค-ลิบ เค-ลิ้ม.เลย.”

“แล้วหนูจะ เค-ลิบ เค-ลิ้มกับใครหรือคะ” รุ่งโรจน์ร้องถาม

“คนเดียวก็ได้สวย ๆ อย่างหนู ออกไปเดินอ่อย คงมีคนอยากมาร่วมเคลิ้มด้วยอยู่หรอก..”

“ทำไมหนูไม่ลองโทรตามตำรวจหนุ่มรูปหล่อออกมาเคลิ้มด้วยกันล่ะ”

“ไม่มีทางหรอก..เกลียดพวกหลงรูป ไร้สติ”

“อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสก็ได้นะแสงทอง น้อยคนนักนะที่จะเห็นเพียงรูปแล้วหลง”

รุ่งโรจน์ยังชวนคุยด้วยคงรู้ว่า ถ้าคุยกันเรื่องหัวใจ สุริยาไม่มีวันจะร่วมออกความคิดเห็นอย่างแน่นอน..

“เขาผิดด้วยรึที่มีความรัก” คำถามคล้ายจะถามคนที่นั่งหน้าตรงมองทางอยู่ด้านข้าง

“ไม่ผิด หากเขาจีบหนูโดยไม่ผ่านทางผู้ใหญ่” แสงทองเปิดเผย

“คุณป้าหนูอาจจะรวบรัดสรุปเองก็ได้ เขาอาจจะแค่ยืนมองรูปเธอนานหน่อย ป้าเธอก็เป็นตุเป็นตะว่าเขาขอแต่งงาน”

“ไม่รู้เกลียด ไปแล้ว แล้วก็จะเกลียดต่อไป..”

“ข้างหน้าวัดร่องขุน..กรุณาแวะสักนิดเถอะ” สุริยาขอร้องแม้พระอาทิตย์จะคล้อยเคลื่อน..

“ดีเหมือนกันอยากได้รูปพระอาทิตย์ตกที่วัดร่องขุน..” แสงทองรีบสนับสนุน

ด้วยความงดงามตระการตาของพระอุโบสถที่แล้วเสร็จไปบางส่วน โดยผลงานคุณเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ทำให้แสงทองกดชัตเตอร์แทบไม่ยั้งมือ

หลังจากที่ร่วมทำบุญสมทบทุนก่อสร้างให้เสร็จสมความตั้งใจของผู้สำนึกรักบ้านเกิด..พระอาทิตย์ก็โรยแสง..ทิ้งไว้เพียงความทรงจำดี ๆ ให้ระลึกถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เสียสละความสุขของตนเพื่อพระพุทธศาสนา

“ตอนเด็ก ๆ หนูเคยดูรายการอะไรสักอย่าง ทำเป็นประวัติคุณเฉลิมชัยแล้วก็ทำเป็นละครย้อนเหตุการณ์ จากคนธรรมดา ยากจน ผสมความเพียร จนมีวันนี้ได้ เขาคงปลื้มนะคะ..” แสงทองบอกเล่า

“ด้วยความรักและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา..จึงมีวัดร่องขุนที่สวยสดตระการตาแปลกจากยุคสมัย ไม่ซ้ำซากจำเจกับรูปแบบเดิมแถมคนยังยอมรับชื่นชม เป็นบารมีเขานะ บารมีคือความตั้งอกตั้งใจ ที่จะทำให้มันเต็ม เหนื่อยยากแค่ไหนก็จะทำให้ได้..”

“เพื่ออะไร..”

“วัดคือสมบัติของแผ่นดิน..ลำพังที่เราเห็นยิ่งใหญ่สวยงามก็ด้วยบารมีกษัตริย์ผู้ทรงธรรม กับพระภิกษุผู้ทรงศีล..อย่างภาคเหนือ ส่วนใหญ่เราไปทางไหนก็จะได้ยินกิติศัพท์ของตุ๊เจ้า..ครูบาศรีวิชัย..ท่านคงเดินทางไปทั่วภาคเหนือเลยละมั้ง ..ไปตรงไหนก็ท่านนำ ท่านสร้าง..การที่คนคนหนึ่งจะลุกมาทำแบบนี้..ย่อมมีข้อครหานินทา คนปากปีจอมันก็มี ก็คงคิดว่าอยากเด่นอยากดัง..จำวัดที่สีคิ้ว โคราชได้ไหม คุณสรพงษ์ ชาตรี สร้างหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่สุด พร้อมวิหาร พระอุโบสถให้ยิ่งใหญ่พร้อมจัดสวนสวยประดับไว้ด้วย..คนเราบางทีมันถึงที่สุดของความมั่งมี ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทองแล้ว ทีนี้ อยากได้อะไรอีก กินมื้อละหมื่นนอนคืนละแสนมันก็ไม่ใช่ คนที่เป็นสัมมาทิฐิ พอรู้จุดหมายที่แท้จริงของชีวิตก็อยากได้บุญ อยากมีบารมีที่จะตามติดไปภพภูมิเบื้องหน้า บางคนเขาก็รู้ว่าที่สุดคือพระนิพพานต้องละวางทุกอย่าง แต่เมื่อใจที่ยังไม่ปรารถนาตรงนั้นเต็มที่ ก็สร้างบารมีด้านอื่นเป็นฐานรองไว้ภพหนึ่งข้างหน้าโน่น ..วัดเป็นสมบัติของแผ่นดิน ..ไม่สามารถโอนถ่ายเทให้ลูกเมียได้...เขาคงสร้างวัดเพื่อยืนยันความเลื่อมใสศรัทธาแห่งตน..ต่อพระพุทธเจ้า..”

“ขนลุก” แสงทองลูบแขนตนเอง

“เราไม่ทำกันบ้างล่ะ”

“ผมก็ทำกันอยู่เรื่อย ๆ ปีหนึ่งก็จะมีกองผ้าป่ากลับไปวัดที่บ้าน ชาวโรงงานเขาก็ทำกัน อยากทำบุญอยากสร้างวัดที่บ้านให้เจริญรุ่งเรือง แต่ก็ทำกันแบบแค่อยากเห็นวัดที่บ้านเจริญทางวัตถุ แข่งกัน ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น ปีหนึ่ง ๆ ผมเป็นกรรมการผ้าป่าหลายวัดนะ แต่อย่างว่า ทำกันสะเปะสะปะเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมาย ใจไม่ยิ่งใหญ่อย่างเขาจึงทำได้แค่นี้ ทำอย่างนี้มันต้องตั้งใจจริง ๆ ส่วนใหญ่ บรรดาพระระดับเจ้าอาวาสเท่านั้นที่จะสู้ไม่ถอย อย่างวัดคีรีวงศ์ที่เราไป ท่านสร้างของท่านมายุคเดียว นี่คือความตั้งใจ..เอาชีวิตเป็นเดิมพัน”

“หากเราตั้งใจ” รุ่งโรจน์เปรย ๆ ขึ้น

“หากคุณตั้งใจคุณก็ทำสำเร็จได้..”

“ถ้าเราทั้งสามคนตั้งใจ” แสงทองสอบถาม..เมื่อเห็นว่าทั้งคู่คล้อยตามสุริยาจึงรีบสรุป..

“ปางจันทร์ไหม..ที่ ๆ เราพบกัน..”

“ทำอะไรดี..” รุ่งโรจน์ยังถามซ้ำ

“สร้างพระธาตุปางจันทร์ไหม..”

ดูเหมือนจะมีจิตใจที่คิดตรงกัน..ดวงตาทั้งสามจึงเป็นประกายระยับ..

“เอารูปแบบล้านนา หรือจะเอาแบบมอญ หรือไทยใหญ่..หรือแบบภาคกลาง..”

และระยะทางตั้งแต่วัดร่องขุนจนถึงเชียงใหม่ ทั้งสามก็ถกเถียงกันเรื่องสร้างพระธาตุแบบไหนจึงจะดีที่สุด ณ ปางจันทร์ โดยหารู้ไม่ว่า เรื่องที่คุยกันเล่น ๆ นั้นเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ว่ามีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง!!


เมื่อลงจากรถเข้าที่พักเป็นเวลาดึกมากโข สุริยามองไปที่บนดอยสุเทพ ยกมือพนม..ส่งใจระลึกนึกถึง บารมีของพระพุทธเจ้าช่วยดลบันดาลให้เขาและคณะมีบุญบารมีที่จะสร้างพระธาตุสักองค์ทิ้งไว้บนผืนแผ่นดินนี้ด้วยเถิด

..ค่ำคืนนั้นในหัวสมองของสุริยานึกถึงแต่วัดและวัดในเมืองเชียงใหม่ที่จะต้องรีบเร่งไปให้หมด ให้สมกับความเลื่อมใสศรัทธา...และดูเหมือนรุ่งโรจน์ก็เป็นเช่นนั้น พอเข้าห้องพัก เจ้าตัวรีบอาบน้ำ ใส่กางเกงและเสื้อกล้ามหยิบหนังสือพระธาตุมานั่งดูด้วยความสนใจ

“ยังไม่นอนอีกรึ” สุริยาถามเมื่อออกจากห้องน้ำแล้วพบสายตาของรุ่งโรจน์จดจ่ออยู่กับหนังสือ

“ไม่ง่วงเลยคุณยะ อยากให้เช้าเร็ว ๆ จัง อยากไปวัด อยากถือดอกไม้ไปไหว้พระธาตุ อยากไปสวดมนต์..ใจมันเป็นสุขอย่างไรก็ไม่รู้..”

“บุญหล่อเลี้ยงมั้ง แค่คิด ใจเป็นกุศล บุญก็เกิดแล้วคุณรุ่งโรจน์ คุณจำความรู้สึกนี้ไว้นะ ความปีติสุขที่ผุดขึ้นในดวงจิตแบบไม่อิงอามิสแห่งราคะ มันเป็นสุขอันเกิดจากการบริสุทธิ์ใจ วันใดที่คุณทุกข์คุณต้องระลึกและทำอารมณ์ให้กลับมาตรงนี้ให้ได้ นั่นแหละคุณก็ทุกข์ไม่นาน แล้วชีวิตคุณก็เหมือนมีแสงสว่างส่องเข้ามาให้คุณได้อุ่นใจ วันใดที่คุณเดินทางผิดจากแสงสว่างที่รอคุณอยู่ คุณก็จะรู้ได้ด้วยตัวคุณเอง”

“อย่างนั้นหรือ” รุ่งโรจน์ทำหน้าสงสัย

“สุขกว่าตอนคุณคิดครอบครองใครสักคนอีกใช่ไหม การได้เป็นผู้ให้ ให้อย่างไม่หวังสิ่งใดเลยสักนิด นั่นคือสุขที่แท้จริง..ผมรู้ว่าคุณมีเงิน คุณพร้อมที่จะสร้างพระธาตุหรืออะไรก็ได้ทิ้งไว้บนแผ่นดิน แต่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นจากการชักชวนของผมหรือใคร ๆ.. อยากให้มันเกิดจากความเลื่อมใสศรัทธาของคุณเอง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น คุณก็จะเฟ้นปัญญาและทำทุกวิถีทางที่จะสร้างองค์พระธาตุขึ้นมาเป็นพุทธบูชา..รึ ..ไม่ว่าจะเหนื่อยยากลำบากแค่ไหน ใครจะครหาว่าร้าย คุณก็จะผ่านมันไปได้ด้วยความสุขและรอยยิ้ม”

“คืนนี้พาผมสวดมนต์สักบทซิ”

“ได้ ในกระเป๋าผมมีหนังสือสวดมนต์เล่มเล็ก ๆ สวดมนต์ถ้าได้ทำนองมันก็เหมือนร้องเพลง”

ว่าแล้วสุริยาก็ส่งหนังสือสวดมนต์ให้

“ต้องนั่งคุกเข่าอย่างคุณเคยทำไหม..”

“นั่งบนเก้าอี้นี่ก็ได้ แล้วเราก็ส่งใจไปที่ดอยสุเทพ ส่งใจไปถึงพระธาตุสีทองที่เราจะดั้นด้นเดินทางไปในวันพรุ่งนี้ หลับตาก่อนสักนิดแล้วตรึกระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่ท่านจะตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง ท่านผ่านความยากลำบากแสนเข็ญ การออกค้นหาอมตะธรรม ท่านเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง ทรัพย์สมบัติ พ่อแม่ ลูกเมีย รวมถึงบริวาร ความสุขทั้งหลาย ก็เพื่อหวังทำให้หมู่สัตว์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายหลุดพ้นจากความทุกข์ตรมอันไม่จบไม่สิ้น..เมื่อตรัสรู้ชอบได้แล้ว ยังจำแนกธรรมสั่งสอนหมู่สัตว์ตามภาวะกำลังแห่งบุญบารมี ..พระคุณของท่านไม่มีประมาณ น้อมใจ..สวดมนต์เป็นพุทธบูชา..ลืมตาแล้วดูหนังสือ แล้วว่าตามผมนะ”

รุ่งโรจน์ปฏิบัติตาม..

“โยโส ภะคะวะ อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ,สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตาธัมโม, สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สะวะกะ สังโฆ, ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง , อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิอะภิปูชะยามะ สาธุโน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ ปัจฉิมา ชะนะตานุกัมปะมานะสา อิเมสักกาเร ทุคคะตะปันนาการะภูเต ปะฏิคันหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ”

สุริยายังนำสวดมนต์ทำวัตรเย็นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบทอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล แล้วก็แผ่เมตตาอธิษฐานจิต..

“ขอบคุณครับ” รุ่งโรจน์พนมมือไหว้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นครูในทางธรรมคนแรก

สุริยาไหว้ตอบ

“อนุโมทนาบุญกับคุณ ความสุขและความสว่างทางธรรมเป็นเรื่องเฉพาะตัวเฉพาะตนของแต่ละคน ใครไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่รู้ ไม่เห็น..บางอย่างเราก็บอกกล่าวกันไม่ได้ คุณเข้าใจนะ”

รุ่งโรจน์พยักหน้า

“จริง ๆ แล้ว ถ้าจะให้ดี ควรนั่งสมาธิกำกับสักหน่อย ..แต่ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปเถอะ ..หรือเอาไว้วันหลัง เราไปหาคอร์สปฏิบัติธรรมกันสักเจ็ดวันสิบวัน..ไปกันให้หมดนี่แหละ..เมื่อนั้นคุณก็จะค้นพบวิธีการสร้างความสุขทางธรรมด้วยตัวคุณเอง..”

รุ่งโรจน์หลับไปแล้ว โดยที่ไม่มีมือเอื้อมมากอดที่รอบอกของสุริยาดั่งวันเก่า..

สุริยาไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจดั่งเคยเป็น ด้วยรู้ว่าอารมณ์ที่หลับในอู่ทะเลบุญเป็นเช่นไร ตัวเขาเองเริ่มเห็นทางออกของปัญหาระหว่างเขากับรุ่งโรจน์และแสงทอง ถ้าจากกันฉันท์ชู้สาวจะเป็นตราบาป หากจากกันด้วยภาวะแห่งธรรม นั่นคือ สิ่งดี ๆ ที่ได้บังเอิญพานพบกัน


อรุณรุ่งหลังหลับใหลพร้อมใจที่เปี่ยมไปด้วยพระรัตนตรัย รุ่งโรจน์ก็ตื่นแต่เช้าแต่งตัว เก็บสมบัติออกจากที่พัก ขับรถพาเพื่อนดีไปรอใส่บาตรพระที่เชิงดอยสุเทพหน้าวัดศรีโสดา..หลังจากนั้นก็พาขึ้นดอยไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพ ประจำราศีปีเกิดของสุริยาซึ่งเป็นปีมะแม..พอลิฟท์ขึ้นไปถึงสุริยาก็ซื้อดอกไม้ธูปเทียนพาทั้งสองขึ้นบันไดไปสู่ลานพระเจดีย์..ตรึกระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ สวดมนต์ทำวัตรเช้าอยู่ในใจเพียงลำพังแล้วก็อธิษฐานจิตวางผังชีวิตในเชิงสัมมาทิฐิ ก่อนจะถอยออกมาถือดอกไม้เดินเวียนประทักษิณด้วยจิตที่ผ่องแผ้ว..

หลังจากนั้นก็หามุมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตามธรรมเนียมตั้งใจ..

ลงบันไดพญานาคเก่าแก่มาได้ เสียงโทรศัพท์ของแสงทองก็ดังขึ้น..พอวางสาย แสงทองมีสีหน้าลำบากใจ..

“ป้าบอกว่า น่าจะถึงปางจันทร์วันนี้เพราะต้องช่วยทำอย่างอื่นด้วย..หนูว่า ถ้าจะขัดใจแกก็น่าจะขัดใจเสียทีละเรื่องนะคะ”

“โอเค ไม่ต้องไปดอยปุยแล้ว รีบไปวัดเจ็ดยอด ปีมะเส็งของคุณรุ่ง แล้วก็เกตุการามปีจอ..กับวัดพระสิงห์ปีมะโรง..วัดเจดีย์หลวงด้วยไหม สัญลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่”

“ไหน ๆ ก็เข้าเมืองไปแล้ว..ไปพระบรมราชาอนุสาวรีย์สามกษัตริย์หน่อยเถอะ..แล้วก็จะตัดที่ไหนก็ตัดไปแต่ห้ามตัดหริภุญไชยของหนูละกันไม่งั้นไม่ยอมจริง ๆ ด้วย..”

“เวียงกุมกามก็น่าแวะนะ ไปดูวัดกานโถมสักหน่อย อยากเห็นฝีมือช่างกานโถมจากหงสาวดีจะมีฝีมือเพียงใด”

“นั่นซินะ..”

“ก็ดูเวลาแล้วกัน ถ้าได้ก็ไป”

แล้วเวลาที่คิดว่าน่าจะได้ก็ไม่ได้ เพราะระยะทางตั้งแต่ลำพูนไป จอมทอง ฮอด อมก๋อย ปางจันทร์นั้นไม่ใช่ใกล้ ๆ การเดินทางขึ้นเขาสูงชันถนนคับแคบหักศอก ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุก..ไม่ควรประมาทที่จะเดินทางยามค่ำคืน

หลังจากที่สักการะพระธาตุเจ็ดยอด และหน่อพระศรีมหาโพธิ์ แล้วถ่ายรูปคู่กับซากโบราณสถาน รถซีอาร์วี ก็มุ่งสู่วัดเกตการามพระธาตุราศีปีจอ ซึ่งจริง ๆ อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แต่นี่เป็นคติความเชื่อของชาวล้านนามีหลักฐานจารึกไว้ว่าต้องมาที่นี่แทน ถึงแม้วัดคีรีวงศ์ นครสวรรค์ จะสร้างพระเจดีย์จำลองของจริง ๆ ในนาม พระจุฬามณีเจดีย์ไปแล้ว แต่บางคนก็รู้สึกว่ายังไม่ใช่ ดังนั้นจึงต้องไปตามแบบแผนเก่าแต่โบราณ..พอออกจากพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านภายในวัด สารถีหนุ่มก็ขับรถเข้ามาในคูเมือง ตั้งใจไปวัดพระสิงห์สักการะพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร พระพุทธรูปที่เกี่ยวพันกับการเมืองโดยที่มนุษย์สมมุติให้ท่านควรที่จะอยู่ที่นั่นที่นี่ตามอำนาจกิเลสแห่งตน..

ก้มลงไปกราบอดคิดนิดนึงไม่ได้ว่า ต่อไปท่านจะต้องไปที่ไหนอีกไหม?

เดินออกมาจากวิหารลายคำสีหน้าของสุริยาหม่นลง แล้วก็อดที่จะบอกเล่าความในใจให้ทั้งสองคนร่วมรับรู้ไม่ได้..

“ก็เหมือนพระแก้วมรกตที่กรุงเทพฯ ลากกันไปลากกันมา..เป็นกุศโลบายทางการเมือง หัวใจของเมืองอยู่ที่ไหน หยิบมาซะ นั่นก็คือชัยชนะเหนือที่นั่น ของมีค่า พระพุทธรูป และสตรี..อ่านประวัติศาสตร์ มาก ๆ ก็ไม่ดี..เที่ยวสนุก ๆ แบบแปลก ๆ ปลง ๆ ”

“ไหนบอกว่าไม่ให้ยึดติดกับอดีตไง” แสงทองขัดขึ้น

“ก็นิดนึงล่ะ มันอดไม่ได้..มาเชียงใหม่ทั้งที เราน่าจะอยู่สักสองคืนนะ ไปมันให้ทั่วถิ่นที่นี่เลย...วัดเยอะมากทั้งเก่าทั้งใหม่ ในเมือง ต่างอำเภอ ..ที่เที่ยวอื่น ๆ ก็มีอีก”

แสงทองชี้ให้ดูฝรั่งนอนอาบแดดที่เกาะกลางถนน..

“แค่นี้มันก็เอาเนอะ..”

“ของมีค่า บางทีมันก็ไม่มีค่า..รึเราเอาค่าของของไปไว้ในที่คิดว่ามีค่าบางทีค่าของมันก็หายไป..” สุริยาเปรยออกมา

“หมายถึงอะไร..” รุ่งโรจน์ขับรถไปเกาหัวไป ตั้งแต่เข้าช่วงภูเขาและเขตเมืองเขาจะไม่ให้ใครเปลี่ยนขับด้วยเกรงอุบัติเหตุ

“แสงแดด กับ เครื่องเพชรทองหยองตามองค์พระนะซิ แต่นั่นก็คือคติความเชื่อว่าการบูชาด้วยนั่นด้วยนี่จะเป็นสิ่ง ๆ ดีติดตัวก็ทำกันไป..”

“คิดมากไปหรือเปล่า..” แสงทองถาม

“พี่ยังเบื่อตัวเองเลยแสงทอง บางทีก็อยากจะบวชเข้าป่าเข้าดงอีกสักรอบให้มันรู้แล้วรู้รอด”

“ทำไมต้องเข้าป่าเข้าดงด้วย บวชอยู่วัดในบ้านในเมืองที่เราไปเที่ยวไม่ได้รึ..”

“บวชเมื่อครั้งที่แล้วตั้งแต่เด็ก ยังมีความทะยานอยาก อยากนั่นอยากนี่ สึกออกมาคราวนี้ได้รู้ได้เห็น..บางทีมันก็รู้สึกเบื่อ ๆ ..เบื่อโลก เบื่อคน แม้จัดเที่ยววัดอะร้าอะร่ามเรืองรองตระการตา..แต่ใจมันมิได้ปรารถนามีสุขกับสมบัติเหล่านั้นอีกแล้ว..อยากในตอนนี้ มันลึกเข้าไปอีกนิด..อ่านประวัติหลวงพ่อดัง ๆ มากเท่าไหร่ก็อยากจะลองธุดงค์ดูสักตั้ง”

“อยู่อย่างนี้ธุดงค์ไม่ได้รึ” รุ่งโรจน์ถามขึ้น ดูสีหน้าแล้วสงสัยจริง ๆ

“มันก็ขึ้นอยู่กับครั้งแรกที่คุณเข้าไปบวช..ขึ้นอยู่กับสำนักและครูบาอาจารย์ บวชอยู่วัดอย่างนี้ได้ ..มันก็ดี..แต่ถ้าบวชแล้วปฏิบัติขั้นอุกฤษฏ์ให้เห็นดำเห็นแดงได้ก็จะดี ๆ ..ถ้ายิ่งมีครูบาอาจารย์ด้วยดีใหญ่ แต่พระเก่ง ก็ไม่ค่อยสนใจคนขี้เหม็นเรื่องมากหรอก ก็ต้องพยายามฟังข่าวคราวว่าตอนนี้มีเนื้อนาบุญศีลหอมอยู่ตรงไหน...ก็ไปตามนั้น”

“งง” แสงทองเกาหัว..ด้วยภูมิธรรมของตนยังไม่ถึงขนาดนั้นจะแยกแยะในสิ่งที่สุริยาพูด..และสุริยาเองก็มิได้ปรารถนาบอกเล่าทุกสิ่ง ขาวและดำภายในวัดได้

โลกมีสองด้านฉันท์ใด แม้ในวัดก็ยังมีสองด้านฉันท์นั้น

“จริง ๆ แล้วผมว่าไม่ได้เหมาว่าวัดอย่างนี้ไม่ดี แต่ภารกิจที่ต้องเกื้อกูลกับทางโลก บางทีมันก็ทำให้ว้าวุ่นยากที่จะเอาใจจดจ่อ ค้นหาต้นตอของกิเลส และผมก็เคยผ่านการเป็นอยู่อย่างนี้มาแล้ว ถ้ามีครั้งที่สองนะ ผมจะ..มุ่งแล้ว เอาให้รู้ให้เห็นในธรรมที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไปให้ได้..”

“แค่นี้หนูยังฟังพี่ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว ถ้ายิ่งกว่านี้”

“อาจจะฟังง่ายขึ้นก็ได้..นี่พูดแบบคนที่งู ๆ ปลา ๆ นะเนี่ย อะไรที่เราไม่รู้ เราก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร..เอาเถอะ แสงทอง ผู้หญิงก็ประพฤติปฏิบัติธรรมได้นะ...บวชใจอยู่ที่เรือนก็ได้..”

แสงทองถอนหายใจออกมา มีสีหน้าหม่นลง

สุริยาหันไปมอง..รู้ว่านี่คืออีกภารกิจหนึ่งที่เขาต้องปลดออกจากหัวใจแสงทองให้ได้..

เงียบ..ความเงียบปกคลุมอยู่ในรถ ต่างคนต่างคงคิดอะไร ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเสียงพูดคุยจนกระทั่งรถแล่นไปถึงวัดพระธาตุหริภุญไชย อย่างที่แสงทองตั้งใจ..พอไปถึงหญิงสาวก็เดินไปหาซื้อดอกไม้ธูปเทียนบูชาและเทียนสะเดาะเคราะห์ตามกำลังวัน..จุดประทีปสักการะแล้วก็อธิษฐาน เวียนประทักษิณแล้วก็เดินไปในวิหารด้านหลัง เช่าพระธาตุหริภุญไชยจำลองมาด้วยหนึ่งองค์..ออกมาแล้วก็มาถ่ายรูปพนมมือยิ้มแย้มโดยมีพระธาตุเจดีย์อยู่ด้านหลัง..

“สุดท้ายหนูก็ทำตามที่เขาบอก ๆ มาอยู่ดี..” แสงทองหมายถึงเทียนสะเดาะเคราะห์ตามกำลังวัน..

“ทำแล้วสบายใจก็ทำ ไหน ๆ ก็เสียเงินมาตั้งมากมายแล้วอีกนิดหนึ่งจะเป็นอะไรไป..ความเชื่อเรื่องบุญ เรื่องสิริมงคลจะติดตามตัวมันแตกต่างกัน บางคนก็คล้องพระ แต่ออกไปปล้นจี้ คิดดูเถอะมันจะเป็นอย่างไร บางคนก็แขวนพระไว้หน้ารถ แต่ขับรถไวอย่างกับไม่เคยตาย”

“บ่นผมหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ร้อนตัว

“เปล่า..เปรียบเปรยเอา ผมไม่ชอบกัดใครหรอก จะพูดจะเตือนกันก็เอาซึ่ง ๆ หน้า..ไปเถอะ อย่าโอ้เอ้...เดี๋ยวพระอาทิตย์ตกดินเสียก่อนถึงปางจันทร์เมื่อนั้นเราจะลำบาก..”

“ไปไหนอีก”

“วัดพระบาทตากผ้า..ไหน ๆ ก็ต้องผ่านแล้วแวะสักนิดเถอะนะ” สุริยาพูดยิ้ม ๆ ..แต่คนขับส่ายหน้าระอากับคนใจบุญ

ลงจากเขาวัดพระพุทธบาทตากผ้า รถก็มุ่งหน้าลงใต้โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 106 จนกระทั่งมาเลี้ยวขวาเข้าอำเภอฮอด..จากฮอดมาอมก๋อยและปางจันทร์

“ผมไม่เคยคิดนะว่าจะกลับไปปางจันทร์อีกรอบ” สุริยาบอกความจริง

“ผมคิดว่าผมน่าจะได้กลับไปอีกรอบ ตั้งแต่วันที่ผมนั่งรถออกมาจากปางจันทร์กับคุณ แถมก่อนที่รถออกจากปางจันทร์ยังมีเด็กผู้หญิงตัวน้อย ๆ ยืนทำตาละห้อยโบกมืออำลา..” รุ่งโรจน์ล้อคนที่อยู่ด้านหลัง

แสงทองไม่ต่อปากต่อคำ

“แต่กลับมาคราวนี้ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่แล้ว เพราะสาวเจ้าของเรา กำลังจะไปเป็นเจ้าสาว”

“ไม่..” แสงทองเน้นถ้อยเน้นคำมั่นใจ

“อธิษฐานว่าไง ไปมาหลายวัด คงอธิษฐานว่าขอให้ได้แต่งงานกับ..เอ่อ.”

“ไม่มีหรอก เรื่องนั้น” เสียงแสงทองเริ่มดังขึ้น

“คุณก็หยุดล้อสักทีเถอะ” สุริยาปราม แต่รุ่งโรจน์ไม่หยุดแถมยังร้องเพลงพรหมลิขิตล้อเสียอีก

“พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ เออชะรอยจะเป็นเนื้อคู่ ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ แปลกครั้งแรกเมื่อพบเธอ ใจนึกเชื่อเมื่อแรกเจอ ฉันและเธอคือคู่สร้างมา....เนื้อคู่ถึงอยู่แสนไกล ก็ไม่คลาดคลา มุ่งหวัง สมดั่งอุราไม่ว่าใคร ๆ ...หากไม่ใช่คู่ครองแท้จริง..จะแอบอิงรักยิ่งปานใด ยากนักที่จะสมใจ คงต้องเกิดอาเพศภัย รักกันไปทำให้คลาดคลา”

และแสงทองก็แก้เขินด้วยการหยิกเบา ๆ ที่ต้นแขนด้านซ้ายคนขับ จนกระทั่งรุ่งโรจน์ร้องเอ้ย..เอ้ย..ห้าม..พลางประคองพวงมาลัยแน่นเพราะรถเสียหลัก..

แสงทองหน้าเสียทันทีเมื่อคนขับชลอรถที่ส่ายไปมา แล้วหยุดที่ตรงข้างทาง..

“เป็นอะไร หนูขอโทษ” คนผิดรีบยกมือไหว้ปะหลก ๆ

“อะไร ขอโทษอะไร..” รุ่งโรจน์ยังอำก่อนจะหัวเราะก๊าก ๆ ..กับสีหน้าสำนึกผิดของคนสวยประจำรถ

“หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น..แค่ ก็พี่ล้อหนูทำไมเล่า..”

“ไม่นึกชอบเขาบ้างแล้วจะหยิกพี่ทำไม..ตกลงเราเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ยังมีอารมณ์หันมาถาม..

“เชื่อซิ ..เชื่อ..ไปเถอะ..เดี๋ยวพระอาทิตย์ตกดิน จะขับลำบากขึ้น..”

รุ่งโรจน์เปิดประตูรถลงจากรถไป สุริยาคิดว่าเขาคงพักเหนื่อยหรือไม่ก็ไปยิงกระต่าย..

“ลงไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินที่ปางจันทร์สักหน่อยก็ดีนะ..ประกอบคำบรรยายเพลงพรหมลิขิต” พอเปิดประตูรถลงไปพบว่ารุ่งโรจน์ใช้เท้าแตะไปที่ล้อหน้าด้านคนขับ..

“ยางรั่ว” รุ่งโรจน์ร้องบอก พอสุริยาได้ยินรีบลงจากรถไปยืนดูบ้าง..

“โชคดีนะ ที่อยู่ในช่วงไม่ลาดชันมาก ไม่งั้นมีหวังพุ่งลงเหว..”

“บุญรักษาปะ” แสงทองถาม..

“ไม่รุ..แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนยางล้อรถกันแล้ว...ใครทำเป็นบ้าง..” รุ่งโรจน์ถามคล้ายกับว่าตนเองทำไม่เป็น แสงทองรีบส่ายหน้า สำหรับสุริยา..

“ไม่เป็น มันก็ต้องลองดู..ต้องมีแม่แรงซิ รถคุณมีหรือเปล่า”

“เอาลงไปแล้ว...ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ดีนะที่เอายางอะไหล่ติดมาด้วย..โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ด้วยซิ..แย่แล้วแสงทองกินข้าวลิงเสียละมั้ง..”

“กล้วยก็ไม่ได้ซื้อมาจะมีอาถรรพ์ได้อย่างไร”

“กล้วยเกี่ยวอะไรด้วย” รุ่งโรจน์ยังหันรีหันขวาง มองดูทางไปและทางมา เงียบเชียบทีเดียว.

“เดี๋ยวก็มีรถผ่าน รออีกนิด” แสงทองว่าพลางกดชัดเตอร์กล้องดิจิตอลไปด้วย..ถ่ายรูปพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขา ถ่ายรูปรถยางแบน และก็รูปสองหนุ่มพิงรถทำตาขวาง ๆ ให้ตน..

“ทุกข์ไปใย อาหารบนรถก็มี..ถ้าคืนนี้ไม่มีรถใครผ่านมา พรุ่งนี้ก็ต้องมี ปลอดภัยกว่าตอนอยู่บนยอดปางจันทร์เสียอีก..”

“มาถึงถิ่นแล้วลายออกเชียว มันน่าให้กลับมาอยู่ถิ่นเดิมนัก”

“กลับมาก็เป็นคุณนายย่ะ..” แสงทองต่อคำ แบบนึกขำ ๆ และแล้ว..

“เย้..เห็นแล้ว มาแล้วหนึ่งคัน..เอ๊ะ..เอ๊ะ..ใครหว่า..” ว่าพลางก็กดชัดเตอร์ไปด้วย ..แล้วรถคันนั้นที่หมายว่าต้องช่วยได้ก็เข้ามาจอดตรงด้านหน้า

สีหน้าแสงทองเผือดลงทันที ด้วยเป็นรถตำรวจ..

“มีอะไรให้ผมรับใช้ไหมครับ..”

“คือรถเรายางรั่ว ไม่มีแม่แรงครับ..”

“นี่พวกคุณกำลังจะไปไหนกัน..” หนึ่งในสองนายถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม..คนที่รู้ว่าคู่หมายของตนเป็นตำรวจใน สภอ.ปางจันทร์ ค่อย ๆ เดินเตร่ไปอีกฝั่งของรถ..สุริยาค่อย ๆ เลาะไปหาแล้วกระซิบถามว่า

“ไม่รู้จักรึ อยู่สถานีเดียวกับคุณลุงหรือเปล่า..”

“คุณลุงย้ายไปนานแล้ว ไม่ค่อยมีตำรวจมาที่บ้านนานแล้ว”

“ก็อ้างไปซิว่ามาหาคุณป้าเธอ”

“ไม่หรอก..เกลียดตำรวจไม่อยากคุยด้วย”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2554, 00:50:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2554, 00:50:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1687





<< 23.   25. >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account