เพลิงดอกรัก by แสนดี

Tags: เจ้าพ่ออ่าง,มาเฟีย,แสนดี,เพลิงดอกรัก,

ตอน: บทที่ 3 ความรัก ความหลังครั้งหนึ่ง


ดวงนุชชะงักไปเมื่อเดินไปใกล้ถึงที่ที่หล่อนยืมจอดรถชั่วคราว แล้วพบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนกอดอกพิงกำแพงพลางจ้องที่รถหล่อนนิ่ง ท่าทางดูสงบจนหล่อนคิดว่าเขากำลังแผ่เมตตาให้รถหล่อนอยู่อย่างไรอย่างนั้น

เขาเป็นคนร่างสูง ผิวขาวจัด มองไกลๆ แบบนี้ สิ่งที่เด่นที่สุดบนใบหน้านั้นคือไรเขียวครึ้มข้างแก้มและริมฝีปากสีสด เขาใส่แว่นสายตากรอบเหลี่ยม ซึ่งต้องยอมรับว่ามันช่วยเสริมบุคลิกของเขาให้ยิ่งโดดเด่นขึ้นมาก

เขาขยับตัวยืดกายขึ้นตรงเมื่อเหลือบมาเห็นหล่อน หญิงสาวส่งยิ้มหวานๆ เชิงประจบไปให้ ด้วยคิดว่าเดาไม่ผิด ว่าเขาคงเป็นเจ้าของรถคันใดคันหนึ่งระหว่างสองคันที่รถหล่อนขวางอยู่แน่ๆ

“จะออกใช่ไหมคะ”

“ครับ” เขาตอบกลับมาสั้นๆ ไม่มียิ้มส่งกลับมาให้ และพอเข้าไปใกล้ ดวงนุชก็พบว่า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นนั้นคมจัดทีเดียว แถมยังเป็นดวงตาที่มีขนตาหนาและยาวจนผู้หญิงอย่างหล่อนนึกอิจฉาเสียด้วย

“แหะๆ ต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีฉันมีธุระด่วนแถวๆ นี้น่ะค่ะ” นางแบบสาวเอ่ยอย่างสำนึกผิด “แต่ก็จอดแค่แป๊บเดียวเองนะคะ ไม่นานเลย”

ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ยี่สิบนาที”

ดวงนุชหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ก่อนจะกดรีโมทเพื่อปลดล็อก และก้าวขึ้นประจำที่คนขับ ส่วนเจ้าของรถคันนั้นก็เดินแยกไปที่รถซึ่งจอดอยู่ขวามือรถหล่อน ดวงนุชนึกชมในใจที่เขาใจเย็น ไม่โวยวายอะไร นี่ถ้าหากเป็นหล่อน เจอคนไร้มารยาท เอ๊ย คนที่มีธุระด่วนแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะระงับอารมณ์ไม่ให้เหวี่ยงใส่ได้หรือเปล่า

แต่ก่อนที่หล่อนจะปิดประตู ชายหนุ่มกลับยื่นหน้ามาเอ่ยว่า

“ที่บ้านเมืองเราวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ เพราะคนเราไม่ทำตามกฎกติกา นิยมความมักง่าย เห็นแก่ความสะดวกสบายของตัวเองเป็นหลัก โดยไม่สนว่า ใครเขาจะเดือดร้อน...คนพวกนี้นี่น่ารำคาญนะครับ”

ดวงนุชตาค้าง ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอายผสมโกรธ พอตั้งสติได้ หล่อนก็อ้าปากจะต่อปากต่อคำกับเขา แต่ปรากฏว่าเขาดันประตูปิดแรงๆ ให้หล่อนเสียก่อน จากนั้นก็ก้าวไปขึ้นรถของตนเสีย หญิงสาวเลยได้แต่อ้าปากค้าง หน้าเหวออยู่คนเดียว

“อ๊าย อีตาบ้า ไม่เปิดโอกาสให้ด่ากลับเลยนะ” หล่อนกรีดเสียงด้วยความขัดใจ “ไอ้ที่ฉันทำผิด ฉันขอโทษแล้วนะเว้ย ทำไมยังตามมาด่าอีกเนี่ย ฮึ่ย ฮึ่ย เจ็บใจ”

หญิงสาวเม้มปากแน่น แล้วก็คิดหาวิธีเอาคืนเขาได้ ด้วยการสตาร์ทเครื่อง แต่ไม่ยอมถอยรถออก คามันอยู่อย่างนั้นแหละ แล้วก็ยิ้มสะใจเมื่อได้ยินเสียงแตรขอทางจากเขา

“บีบให้ตายไปเล้ย จ้างให้ก็ไม่ถอยง่ายๆ หรอกย่ะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ความเจ็บใจก่อนหน้าคลายลงไปบ้างแล้ว หล่อนจ้องที่รถคันนั้นเขม็ง ทำท่าเหมือนสะกดจิต “...มา เปิดประตูลงมาให้ฉันได้ด่าคืนเดี๋ยวนี้”

แต่นอกจากจะไม่ลงมาแล้ว ฝ่ายนั้นยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในรถอีกด้วย แล้ววินาทีต่อมา ดวงนุชก็ต้องตาเหลือก ร้องลั่น เมื่อจู่ๆ เขาก็ถอยรถด้วยความรวดเร็ว เหมือนตั้งใจมาชนรถหล่อนอย่างไรอย่างนั้น

“ว้าย ไอ้บ้า ว้าย จะทำอะไรน่ะ” หญิงสาวรีบใส่เกียร์ถอยหลัง แล้วปล่อยเบรกทันทีโดยไม่ได้เช็คให้ดีก่อนว่ามีรถมาจากด้านหลังหรือเปล่า ดังนั้นเอง มันจึงเกือบชนเข้ากับรถอีกคันที่เพิ่งขึ้นมาจากชั้นล่าง ดีที่คนขับคันนั้นมองเห็นก่อน จึงหักหลบได้ทันพร้อมกดแตรเสียงยาว

“ปื๊นนนนนนน”

ดวงนุชสะดุ้งรีบแตะเบรกทันควัน จนหัวคะมำโขกเข้ากับพวงมาลัย

“อูย...อูย...” หญิงสาวครางเบาๆ ก่อนจะก่นด่าผู้ชายขนตาหนา เจ้าของรถคันหน้าที่บังอาจหยอกหล่อนด้วยวิธีหวาดเสียว แต่ครั้นจะลงไปเอาคืนเขาอีกครั้งก็คาดว่าจะไม่ไหว ไม่รู้อีตาบ้านั่นจะมีวิธีอะไรมาทำให้หล่อนใจหายใจคว่ำอีก หล่อนจึงต้องยอมออกจากตรงนั้นโดยเร็วที่สุด พร้อมกับภาวนาว่า ขออย่าให้ได้พบได้เจอกันอีกเลย

+ + + + + + +

นรีกานต์ทำใจอยู่นาน กว่าจะยอมกดโทรศัพท์หาแม่ ซึ่งใจจดจ่อรอฟังข่าวอยู่

“ว่าไงลูก เจอน้องหรือเปล่า...” แม่กดรับในเพียงเสียงเรียกเดียว แล้วกรอกเสียงลงมาทันที

“ไม่เจอค่ะ แม่ เห็นเวียงบอกว่าฤดีไปอยู่กับเพื่อนอีกคนน่ะค่ะ” บอกแม่ไปแล้ว หญิงสาวก็พึมพำขอโทษที่ต้องโกหกท่าน

“แล้วเพื่อนคนนั้นอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ตามไปตอนนี้เลย”

“เอ่อ มันดึกแล้วน่ะค่ะ เอาไว้พรุ่งนี้...”

“ทำไมต้องรอถึงพรุ่งนี้ แล้วถ้าน้องมันหนีไปที่อื่นอีกล่ะ จะว่ายังไง” แม่แทรกเสียงขุ่น “แล้วนั่นแกอยู่ที่ไหน ถึงที่พักหรือยัง”

“ยังค่ะ หนูอยู่บนแท็กซี่”

“งั้นก็ดีเลย กลับไปตามหาน้องก่อน”

“โธ่ แม่ เกรงใจเพื่อนฤดีมัน หนูสัญญาค่ะว่า พรุ่งนี้จะไปตามหาน้องแต่เช้าเลย”

“ทำไมแกใจเย็นนัก ฮะ? กานต์ ทำเหมือนไม่รักไม่ห่วงน้องเลยนะ แกน่ะ ชักจะเห็นแก่ตัวเข้าไปทุกทีแล้วนะ” เสียงแม่เริ่มแหลมสูงตามอารมณ์

“ฤดีเป็นน้องของหนู หนูจะไม่ห่วงได้ยังไง”

“ถ้าห่วงก็ต้องรีบตามหาให้เจอ อย่าใจเย็นให้มากนัก อ๋อ หรือที่ไปบวชมาอาทิตย์หนึ่ง แล้วคิดจะปล่อยวางทุกเรื่องรวมทั้งเรื่องครอบครัวด้วย”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แม่ เอาเป็นว่า หนูจะรีบตามหาน้องให้เจอก็แล้วกัน หนูก็อยากรู้เหมือนกันว่า ฤดีมันหนีออกจากบ้านทำไมกันแน่...”

“ก็บอกแล้วไงว่ามันหนีตามแฟนที่เจอทางเฟซบุ๊คส์” แม่รีบบอกเหตุผลอีกครั้งเมื่อจับสำเนียงได้ว่า หล่อนไม่แน่ใจในเหตุผลของน้อง

“แล้วทำไมแม่ถึงเพิ่งจะมาบอกหนูวันนี้ ทั้งที่ฤดีมันมากรุงเทพได้สองอาทิตย์แล้ว” นรีกานต์รุกต่อ

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่อ่อนลง

“เอ่อ...คือ...แม่คิดว่ามันไปไหนไม่รอด ซักพักก็คงซมซานกลับบ้านเองแหละ เลยไม่ได้บอกกานต์ เพราะไม่อยากให้คิดมาก ก็ตอนนั้นกานต์มีเรื่องไม่สบายใจจนต้องไปบวชนี่ แล้วก็ไม่อยากแจ้งความให้เป็นเรื่องด้วย”

“แม่มีอะไรปิดบังหนูอยู่หรือเปล่า” นรีกานต์ตัดสินใจโยนคำถามนั้นออกไป แล้วก็กลั้นใจรอฟังถ้อยคำร้อนแรง

“ถามอย่างนี้หมายความว่ายังไง นี่แกกำลังจะบอกว่าที่ไอ้ดีมันหนีไปเพราะฉันงั้นเหรอ” แม่กรีดเสียงสูงจนนรีกานต์ต้องยกหูออกห่าง ก่อนจะแนบกลับอีกครั้ง

“หนูไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย หนูแค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ เท่านั้น แต่แค่นี้ก่อนนะ แม่” แล้วหล่อนก็ชิงตัดสายเสีย พึมพำขออโหสิกรรมอีกครั้งที่ต้องทำกิริยาไม่เหมาะสมกับผู้ให้กำเนิด

หญิงสาวระบายลมหายใจด้วยความเหนื่อยใจ มองออกไปนอกรถ แม้จะมีแสงไฟสว่างจนทำให้กรุงเทพเป็นเมืองที่ไม่หลับใหล แต่สำหรับหล่อนแล้ว ทุกอย่างดูมืดมนไปหมด นี่หล่อนจะไปเจอวโรตม์ได้ที่ไหนอีก และเมื่อเจอแล้ว เขาจะยอมคืนน้องให้หล่อนแต่โดยดีหรือไม่

เมื่อนึกถึงน้อง นรีกานต์ก็ให้นึกเสียดาย อีกปีเดียว มนฤดีก็จะเรียนจบมัธยมปลายแล้ว และมีความหวังว่าจะสอบเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่ทำไมจู่ๆถึงดับอนาคตตัวเองเช่นนี้

หล่อนกับมนฤดีห่างกันหกปี ตอนเด็กๆ สนิทสนมกันดี เพราะหล่อนเป็นคนเลี้ยงมนฤดีแทนแม่ที่ต้องออกไปทำงาน พอหล่อนเข้ามาเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพ ก็เริ่มห่างกัน มนฤดีไม่ค่อยอยากคุยกับหล่อน ซึ่งตอนแรกน้องอ้างแต่ว่าเรียนหนัก กิจกรรมเยอะ แต่พอคุยกับแม่จึงได้รู้ว่า มนฤดีติดเพื่อนและมีแฟน ทั้งที่เพิ่งอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งเท่านั้น

หล่อนเคยลงไปกำราบพร้อมสั่งห้ามเรื่องการมีแฟนว่ายังไม่ถึงเวลา ซึ่งก็ค่อนข้างได้ผล เนื่องจากมนฤดีเองก็รักหล่อนมากจึงยอมเชื่อฟัง แม้จะทำไม่ได้ในครั้งเดียว แต่แม่ก็บอกว่า น้องกลับมาสนใจเรียนเหมือนเดิม ไม่มีเรื่องผู้ชายมาเกี่ยวข้องอีก และก็เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งตอนนี้

แต่จู่ๆ มนฤดีก็หนีออกจากบ้าน ทิ้งจดหมายไว้ให้แม่สั้นๆ ว่า ขี้เกียจเรียนแล้ว อยากหางานทำมากกว่า โดยจะไปทำงานที่เดียวกับชายคนรักซึ่งรู้จักกันทางโลกออนไลน์ ก่อนจะถูกชายคนรักทิ้งตามที่เพื่อนคนหนึ่งของมนฤดีบอกแม่ นรีกานต์ขอเบอร์เพื่อนคนนั้นแล้วโทรฯไปถามรายละเอียดเพิ่มเติม จึงได้รู้ว่าหลังจากโดนแฟนทิ้ง มนฤดีก็ไปหาเวียงแก้ว

หล่อนจะต้องตามหาตัวมนฤดีให้เจอ แล้วพาน้องออกจากการเป็นผู้หญิงของอสูรแห่งราตรีให้ได้...นรีกานต์ให้คำมั่นกับตนเอง

ดังนั้นเอง คืนนั้นหล่อนจึงใช้เวลาไปกับการหาประวัติและข้อมูลของวโรตม์อยู่หลายชั่วโมง แต่นอกจากข่าวที่เขาไปพัวพันกับคดีต่างๆ กับภาพที่เขาควงกับนางแบบสาวที่ชื่อนีน่าแล้ว ก็ไม่ปรากฏข้อมูลด้านอื่นอีกเลยว่าเขาชอบทำอะไร ชอบไปที่ไหน คงจะจริงอย่างที่เวียงแก้วบอกนั่นละ ศัตรูเยอะ เลยไม่ทำอะไรให้เป็นกิจวัตร ป้องกันศัตรูตามรอยได้

แล้วทำไมเขาจึงถูกยิงได้นะ ออกจะระวังตัวเสียขนาดนั้น? นรีกานต์ถามตัวเองขณะกวาดสายตาอ่านข่าวที่เขาถูกลอบสังหารเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วอย่างสนใจ

การหาข้อมูลของหล่อนถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือ นรีกานต์ขมวดคิ้วกับหมายเลขไม่คุ้นเคยที่ปรากฏหน้าจอ แต่ก็รีบกดรับ เมื่อคิดว่าบางทีอาจเป็นมนฤดีติดต่อกลับมา

“ฮัลโหล ฤดีหรือ...”

“นั่นคุณนรีกานต์หรือเปล่า” เสียงผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งแล่นมาตามสาย เสียงซึ่งคุ้นหูแต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน “นี่ผม นายแพทย์ถวิลหานะ ขอโทษด้วยที่ผมต้องโทรฯหาคุณตอนดึก แต่พอดีผมเพิ่งเปิดเจอสมุดบันทึกว่า ผมต้องโทรฯให้คุณมาเริ่มงานพรุ่งนี้”

“อะไรนะคะ คุณหมอรับหนูเข้าทำงานแล้วเหรอคะ” หญิงสาวอุทานด้วยความตื่นเต้น ลืมความแปลกแปร่งเรื่องการโทรฯหาคนสมัครงานในยามวิกาลของนายจ้างคนใหม่ไปเสียสนิท

“ผมอยากให้คุณมาพบคุณภรณีตอนสิบโมงเช้า เรียนรู้งานให้ได้มากที่สุด แล้วตอนเที่ยงผมจะเข้าไป หวังว่าไม่มีปัญหานะ”

“ไม่มีค่ะ ไม่มีแน่นอน ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ” หล่อนพูดคำสุดท้ายยังไม่จบดีด้วยซ้ำ ฝ่ายนั้นก็กดตัดสายเสียแล้ว

หญิงสาวยิ้มปลื้มกับหน้าจอโทรศัพท์ ที่การหางานของหล่อนใช้ระยะเวลาค่อนข้างสั้น อันทำให้หล่อนไม่ฟุ้งซ่านนัก

นรีกานต์จบพยาบาลและทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ชีวิตของหล่อนปกติดีเรื่อยมา จนกระทั่งนายแพทย์หนุ่มรูปงามคนหนึ่งย้ายมาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว โลกของหล่อนก็เปลี่ยนไป เขาสร้างโลกใบใหม่ที่ทุกอย่างถูกฉาบด้วยสีชมพูหวานจนตาหล่อนพร่า มองไม่เห็นสีอื่นที่แทรกแซมเข้ามา มารู้ว่าโลกของเขามีเพื่อนพยาบาลร่วมแผนกอยู่ด้วยก็เมื่อสองเดือนก่อนนี่เอง เมื่อรู้ หล่อนก็พยายามถอยห่างเขา แต่เขาไม่ยอมง่ายๆ มาขอโทษและขอเวลาที่จะเลิกกับเพื่อนหล่อน ซึ่งสุดท้าย หล่อนก็พบว่ามันเป็นเพียงลมลวงเท่านั้น พวกเขาสองคนยังคบหากันดีอยู่ จนหล่อนทนทำงานต่อไปไม่ได้ เจ็บครั้งนี้มันยากเกินทำใจจริงๆ

ลาออกมาแล้ว หล่อนก็หนีไปปฏิบัติธรรมเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะกลับออกมาเริ่มต้นหางานใหม่ ด้วยการสมัครไปตามคลินิกต่างๆ รวมทั้งคลินิกของนายแพทย์ชื่อแปลกอย่างนายแพทย์ถวิลหา ซึ่งตอนนี้หล่อนว่าท่านไม่ได้แปลกแค่ชื่อแล้วละ

นรีกานต์สบายใจไปเรื่องหนึ่ง หล่อนหวังเต็มหัวใจว่า นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป โลกใบใหม่ของหล่อนจะสดใสสว่างกว่าเดิม ส่วนเรื่องของมนฤดี หลังจากนิ่งคิดต่อสักครู่ หล่อนก็ยิ้ม ด้วยคิดวิธีตามหาน้องได้แล้ว!


+ + + + + + + + + +

คลินิกของนายแพทย์ถวิลหาอยู่ห่างจากที่พักของนรีกานต์ไปสองซอย ซึ่งนี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาเลือกหล่อนเข้าทำงาน ดังนั้นเอง เมื่อนายแพทย์นัดหล่อนสิบโมงเช้า หล่อนจึงมีเวลาถึงสองชั่วโมงเพื่อ ‘ตามหา’ น้องสาว

เสร็จจากเรื่องตามหามนฤดี ก็ใกล้ถึงเวลาที่คุณหมอนัดพอดี นรีกานต์จึงตัดสินใจเข้าไปที่คลินิกเลย ซึ่งภรณี ผู้ช่วยของคุณหมอก็รอหล่อนอยู่แล้ว ฝ่ายนั้นเป็นหญิงสาววัยสามสิบกว่า หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสและท่าทางเป็นมิตร

“ขอบคุณมากนะคะ ที่ยอมมาทำ แล้วก็ขอให้อยู่กับคุณหมอไปนานๆ นะคะ สงสารท่าน ท่านงานเยอะจนบางคนทนไม่ไหว”

นรีกานต์รับคำและตั้งใจเรียนรู้งานอย่างเต็มที่ เพราะที่คลินิกลักษณะการทำงานจะต่างไปจากตอนทำอยู่ในโรงพยาบาล อย่างน้อยก็ในเรื่องของเอกสารที่หล่อนจะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด การจำชื่อยาและการฝึกอ่านลายมือหมอก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ต้องทำให้ได้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม แม้จะยุ่ง แต่นรีกานต์ก็เจียดเวลารอ ‘ธุระ’ ของมนฤดีอยู่เสมอ...หล่อนหวังหมดใจว่าวิธีที่ตัวเองใช้จะได้ผล!


+ + + + + + + + + + + + +

การคุยงานกับอินทีเรียดีไซน์สาวที่ชื่อกลางเมษา นำความพอใจมาให้วโรตม์อย่างยิ่งยวด นอกจากหล่อนจะเข้าใจความต้องการของเขาเป็นอย่างดีแล้ว เขายังถูกชะตาและชอบบุคลิกของหล่อนด้วย เขามองออกว่าผู้หญิงแบบหล่อนไม่ชอบ อสูรแห่งราตรี แต่หล่อนก็มีสปิริตดี ตรงที่ไม่แสดงออกให้เขาขัดเคืองใจ แต่อย่าเผลอเชียวนะ หล่อนเป็นต้องกัดต้องเหน็บให้เจ็บแสบผ่านสีหน้าเรียบเฉยและถ้อยคำสามัญทุกครั้งไป ซึ่งเขาก็ไม่ถือโทษโกรธแต่อย่างใด

“ส่วนของห้องนอน คุณพายุต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ” หล่อนเรียกชื่อเล่นของเขาตามที่เขาขอร้อง เพราะเขาเองก็ขอทราบชื่อเล่นของหล่อนเช่นกัน

“เช่นอะไรครับ”

“ก็เช่น...เตียงหรืออะไรแบบนี้น่ะค่ะ” หล่อนตอบเรียบๆ แต่เขากลับดูออกว่าหล่อนกำลังจิกกัดแบบเนียนๆถึงเรื่องการนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าของเขา

“อืม...ก็ดีครับ งั้นผมขอเตียงที่สามารถรองรับคนได้ซักสี่ห้าคนพร้อมกันน่ะครับ” ตอบแล้วเขาก็กลั้นยิ้มเมื่อเห็นหล่อนพยายามทำท่าให้เป็นปกติทั้งที่ในใจอาจนึกรังเกียจว่าเขาเป็นพวกนิยมเซ็กส์หมู่

“ได้ค่ะ เดี๋ยวจะเสริมใยเหล็กให้เลย”

คุยกันเสร็จเรียบร้อย เขากับหล่อนก็ลุกจากโต๊ะพร้อมกัน เขาตั้งใจจะเดินไปส่งหล่อนกับเจ้านายของหล่อนที่รถ โดยมีศักดิ์กับเพทายเดินตามหลัง แต่ยังไม่ทันถึงทางออก ผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อน เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวขาวจัด ดวงตาชั้นเดียวหากไม่ได้เรียวเล็ก กลับโตกว้างและมีสีดำสนิท ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับคิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากสีสดแล้ว นั่นก็เป็นชายหนุ่มที่สะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

ศักด์กับเพทายทำท่าจะกรากเข้าไปหา แต่วโรตม์รีบโบกมือห้าม ก่อนหันไปหาชายหนุ่มคนนั้น

“เราเคยรู้จักกันหรือเปล่า” ตอนถาม เขาจ้องฝ่ายนั้นตาไม่กะพริบ เหมือนเสือร้ายกำลังประเมินเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น

“ไม่เคย และผมก็ไม่ได้อยากรู้จักคุณด้วย” ชายหนุ่มแปลกหน้าเอามือล้วงกระเป๋าและตอบกลับกวนๆ “ว่าแต่คุณเถอะ เป็นคนประเภทไหนกัน ทำไมไปไหนมาไหนต้องมีคนคอยคุ้มกันด้วย กลัวโดนทำร้ายเหรอ เป็นคนไม่ดีละสิ”

ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดคู่ใจก็ขยับตัวอีกครั้งอย่างประสงค์ร้าย แต่กลางเมษารีบไล่ชายหนุ่มผู้นั้นเสียก่อน

“ไปให้พ้นหน้านะดี เธอไม่มีสิทธิ์พูดกับลูกค้าของเราแบบนี้!”

“โอ้โฮ พอคบพวกเจ้าพ่อเลยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่เรอะ ถึงมาสั่งเราเนี่ย” คนชื่อ ดี แต่ทำตัวกวนประสาท ยักไหล่อย่างไม่แคร์คำเตือนของหล่อน

“จะให้ผมจัดการมั้ยครับนาย” ศักดิ์เอ่ยถามวโรตม์เสียงลอดไรฟัน

“เอ่อ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ คุณวโรตม์” กลางเมษาหันมาทางเขา สีหน้าบ่งบอกความเกรงใจ “อย่าเสียเวลากับคนสติไม่ค่อยเต็มเต็งเลยค่ะ เรารีบไปกันดีกว่า”

เขาเหลือบมองหล่อนแวบหนึ่งเพื่อประเมินความรู้สึก แล้วก็ได้เห็นสายใยบางอย่างที่มีต่อชายหนุ่มผู้นั้นในดวงตาคู่สวย จึงยอมขยับตัว แต่ ‘ดี’ ยังคงปักหลักขวางไว้ ตาจ้องที่หญิงสาวนิ่ง

“ถ้าไม่อยากเสียเวลาก็มากับเรา จะเลี้ยงข้าวตอบแทนหน่อยที่ช่วยดูแลตอนอยู่ที่โน่น แม้จะไม่เต็มใจก็เหอะ”

“มันเป็นหน้าที่ อย่าคิดมากไปเลย...” กลางเมษาปฏิเสธแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด

“กะแล้วว่าเธอต้องปฏิเสธ แต่เดาผิดไปแฮะ นึกว่าจะบอกว่า อย่าวัดน้ำใจที่มีให้เป็นน้ำเงิน” อีกฝ่ายพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้าหล่อน “ขอโทรศัพท์เธอหน่อย”

หญิงสาวชะงัก แล้วก็ส่ายหน้า ครู่ต่อมาจึงหันมาทางวโรตม์อีกครั้งเพื่อส่งสายตาขอร้อง แต่คราวนี้เขาไม่สนใจหล่อน ยังตรึงเท้าอยู่กับที่ ตาจ้องชายหนุ่มนิรนามนิ่ง ฝ่ายนั้นก็จ้องกลับอย่างไม่ครั่นคร้าม

“คุณวโรตม์คะ ฉันขอ...”

“คุณควรจะขอเขาแทนที่จะเป็นผม” เขาเอ่ยขัดขึ้นตั้งแต่หล่อนยังพูดไม่จบประโยค

“ขอโทษค่ะ แต่ฉันมั่นใจว่าขอคุณแล้วคุณจะเข้าใจและให้ฉันได้มากกว่า” กลางเมษาก้มศีรษะน้อยๆ อย่างขอลุแก่โทษ ได้ยินอย่างนั้นวโรตม์ก็กระตุกยิ้มมุมปาก ปรายตามองหล่อนอย่างพอใจ ช่างเข้าใจพูดนัก

“ใช่ ผมเข้าใจ เข้าใจดีเลยเชียวละ แต่ที่ผมบอกว่าให้คุณขอเขาน่ะ หมายถึงเบอร์โทรศัพท์ต่างหากล่ะ ถ้าคุณเป็นฝ่ายขอหรือยอมให้เขาเสียแต่แรก เขาคงไม่ต้องขอเบอร์คุณด้วยวิธีและสถานการณ์ยุ่งยากแบบนี้” ตอนท้ายเจ้าของฉายาอสูรแห่งราตรีหัวเราะในลำคอ ส่งสายตารู้เท่าทันไปให้ชายหนุ่มตรงหน้า ผลก็คือ ฝ่ายนั้นรีบเมินสายตาไปทางอื่นเสีย

“ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณเก้ แล้วพบกันวันดูแบบร่างนะ” วโรตม์โค้งให้หล่อนอย่างให้เกียรติครั้งหนึ่งแล้วหมุนตัวเดินเร็วๆจากมา บอดี้การ์ดทั้งสองก้าวตามทันที

“ที่แท้ ก็แค่จะขอเบอร์สาว” เพทายเอ่ยขึ้นก่อนด้วยความหมั่นไส้ “ท่ามากเป็นบ้า”

วโรตม์หัวเราะในลำคอ “คนเรามีวิธีเข้าหาคนที่เราชอบต่างกันไป”

“อย่าบอกนะครับว่าที่นายแกล้งแหย่แกล้งหาเรื่องคุณเก้ ก็เป็นวิธีการเข้าหาในแบบของนายเหมือนกัน” คราวนี้ศักดิ์เป็นฝ่ายทักขึ้น

“ฉันถูกชะตาเธอแบบเพื่อนมากกว่า...ว่าแต่เสร็จจากนี้ ฉันต้องไปไหนต่อนะ” วโรตม์รีบตัดบทไปเรื่องอื่น

“คอมเพล็กซ์ที่พระรามเก้าครับ” ศักดิ์หมายถึงอาคารคอมเพล็กซ์เปิดใหม่ที่ถนนสายสำคัญสายหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัววโรตม์นั่นเอง

วโรตม์ทำเสียงรับรู้ ขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงที่เขาตั้งไว้เป็นพิเศษ “ว่าไง...ว่าไงนะ สน.ไหน! ได้ จะไปเดี๋ยวนี้”

“มีเรื่องหรือครับนาย” ได้ยินว่ามีสถานีตำรวจมาเกี่ยวข้องด้วย สองบอดี้การ์ดก็มีสีหน้าไม่สบายใจทันที

“ใช่ มีคนแจ้งความฉัน ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวผู้หญิง!”


(จบบทที่ 3)

ทักท้ายค่ะ

บทนี้มีใครสองคนโผล่มาแจมด้วยเล็กน้อย จำกันได้มั้ยเอ่ย อิอิ


อ้อม...๕๕๕๕๕๕ อย่างที่บอก มีเรื่องสั้น ฤดูดอกรักบาน อีกเรื่อง เอ...พี่ก็งงว่าพี่เป็นอะไรกับดอกรักนักหนา ๕๕๕๕

คุณเจี๊ยบ...ขอบคุณค่า อิอิ

คุณ Sukhumvit66...5555555 ไม่สงสารดวงนุชเหรอค้า

น้องโอ๋...เรื่องน้องสาวนางเอก ลุ้นกันต่อปายค่ะ ลุ้นต่อปายยยยย อิอิ

คุณ Hibara...จุ๊บๆ







วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ย. 2556, 22:48:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2556, 22:48:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1834





<< บทนำ    บทที่ 5 >>
บุลินทร 3 ก.ย. 2556, 23:34:34 น.
คราวนี้แสนดีมาแนวแซ่บๆเหรอเนี่ย


พันธุ์แตงกวา 4 ก.ย. 2556, 07:48:37 น.
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่าพี่แก้ว^^
ตามมากดโหวตให้คะแนนค๊า


ตุ๊งแช่ 4 ก.ย. 2556, 08:28:30 น.
ว่าแล้วเชียวคุ้นตั้งแต่ตอนที่แล้ว กลางเมษา กับนายดี

ง่ะ โดนแม่ชีแจ้งจับแน่ๆเลย งานเข้าอสูรราตรีซะงั้น


ดังปัณณ์ 4 ก.ย. 2556, 09:19:23 น.
แง้ เรื่องใหม่มาอีกแย้วววววววววว ดูดิ แจ้งความเลยเหรอ 555+ พี่แก้ว เก้โผล่ เก้โผล่ อิตาดีด้วยนิดนุง


Sukhumvit66 4 ก.ย. 2556, 12:15:45 น.
งานเข้าซะแหล่ว.....คุณพายุ


ผักหวาน 4 ก.ย. 2556, 15:54:15 น.
อู้ย...หนูชี เอ้ย หนูกานต์จะเจอกะอะไรคะเนี่ย เล่นไปแหย่หนวดยมทูตซะงั้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account