เสน่ห์นางหงส์
ตมิสา แม่หงส์สวยแสนเสน่ห์ เซเลบฯ สาวจอมหยิ่ง ขี้วีน ปากร้าย แล้งน้ำใจ ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา แต่ทำไม๊ทำไมคนอย่าง คณาธิป เจ้าของไร่ "พระจันทร์” หนุ่มหล่อพ่อไม่รวยถึงได้ตกหลุมเสน่ห์แม่หงส์จนถอนตัวไม่ขึ้น
ในอดีตเขาคือ "ไอ้เด็กวัด" แสนเชยที่คอยตามตอแยเธอตลอด แต่สาวเจ้าหรือจะชายตาแล และเมื่อฐานะเปลี่ยน งานนี้เขาจึงต้องปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดเพื่อพิชิตหัวใจเย็นชาของแม่สาวจอมขี้วีนอย่างเธอมาให้ได้ ดั่งคำกล่าวว่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล เมื่อไม่ได้ด้วยกลก็เอาด้วยคาถา คำว่า "มารยา" ใครว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ใช้เป็น

Tags: นิยายรัก สาริน

ตอน: ตอนที่ 4 40%

แล้วไร่พระจันทร์ก็ได้ต้อนรับบรรดาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเจ้าของไร่ ทั้งหมดรวมเขมทัศน์ก็เจ็ดคนพอดิบพอดี
ชายหนุ่มจัดปาร์ตี้เล็กๆ ตรงด้านข้างของเรือนใหญ่ เป็นเรือนไม้สักออกแบบผสมผสานแบบล้านนากับแบบทันสมัย สถานที่รวมกลุ่มก็คือเนินจันทร์ ห่างจากตัวเรือนราวๆ ห้าร้อยเมตร อันเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุด เพราะเนินดินเล็กๆ ที่ปลูกหญ้ามาเลเซียสีเขียวสดปกคลุม
หากขึ้นไปยืนบนจุดนั้นแล้วแหงนมองดูพระจันทร์บนท้องฟ้าจะเห็นว่ามันกลมโต สุกสกาวสดใสราวกับว่ามันอยู่สูงเพียงแค่มือเอื้อมถึง
เพื่อนเจ้าของไร่ตื่นเต้นกันใหญ่ ผลัดกันถ่ายรูปไปอวดคนที่กรุงเทพฯ สาวๆ ส่งเสียงวี๊ดว๊าย ในขณะที่ผู้ชายให้ความสนใจอยู่กับเหล้าตรงหน้าและดนตรี
เจ้าของไร่ถูกใครต่อใครเรียกร้องให้ร้องเพลง ชายหนุ่มออกตัวว่าไม่ได้ร้องนานแล้วทว่าเสียงที่เปล่งออกมาหวานซึ้งตรึงอารมณ์คนอกหักจนสาวๆ เคลิบเคลิ้ม
“หืม…แล้วบอกว่าร้องไม่เป็น” ปิ่นอนงค์เอียงศีรษะซบไปบนต้นแขนของชายคนรัก ฟังเพลิน ใครต่อใครชมอีกหลายประโยค คนร้องจึงเอื้อมมือเกาท้ายทอยด้วยสีหน้าขัดเขิน
“อกหักจริงหรือเปล่าธิป ทำไมเสียงร้องถึงเศร๊าเศร้า” สาวิตรีเอียงคอถาม เพราะเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวอยู่แล้วหยาดน้ำใสๆ จึงแล่นมาคลอเอ่อจนปิ่นอนงค์ฟาดเบาๆ ไปที่แผ่นหลัง
“เอาอีกแล้วนะหล่อนน่ะ คนกำลังฟังกีตาร์เพลินๆ มาเป่าปี่ซะงั้น”
“ก็คนมันซึ้งนี่ ธิปน่ะร้องเพลงเศร้า เพลงอกหักอย่างกับออกมาจากใจ” คนเป่าปี่มองค้อน ฉัตรเศวต เพื่อนอีกคนที่รู้ดีว่าคนร้องเคยมีแผลอะไรในหัวใจจึงได้หันมาหาคณาธิปตรงๆ แล้วย้อนถาม
“แกยังไม่ลืมยัยคนนั้นอีกเหรอวะ”
จบคำถามของฉัตรเศวต คนที่ไม่รู้เรื่องอีกหลายคนก็หันมามองคณาธิปเป็นตาเดียว จากนั้นก็ส่งเสียงซักถามกันเซ็งแซ่ว่า ‘ยัยคนนั้น’ เป็นใคร
“ใครน่ะธิป ทำไมเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอเคยมีแฟน” สาวิตรีเปิดฉากถามไปที่เจ้าตัวด้วยสายตาอยากรู้จริงจัง เพราะเท่าที่รู้คณาธิปยังครองตัวเป็นโสดเสมอมา
ชายหนุ่มวางกีตาร์ลงข้างกายแล้วเสหยิบกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ อ้อยอิ่งถ่วงเวลาทว่าทุกสายตาจับจ้องเขม็ง รอคอยคำตอบจากปากเขาคนเดียว
“ว่าไงธิป ถ้าไม่บอกเราจะงัดปากฉัตรเศวตให้เปิดปากพูดจริงๆ ด้วย”
“ไม่มีอะไรจริงๆ พวกแกก็เห็นนี่ว่าฉันไม่เคยมีใคร ไปสนใจอะไรกับคำพูดไอ้ฉัตร” เจ้าของไร่พระจันทร์ตัดบท ทำท่าจะหยิบกีตาร์ขึ้นมาดีดอีกครั้งทว่าจุรีรัตน์ที่ต่อมอยากรู้มันคับอกคว้าเอามาถือไว้แล้วถามจริงจัง
“ฉันอยากรู้ ถ้าไม่ได้รู้ฉันต้องอกแตกตายแน่”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ธิปมันก็แค่แอบหลงรักเขาข้างเดียวเปลี่ยวอุรา แต่สาวเจ้าเป็นหงส์ฟ้าที่ไม่ลดคอลงมามองหมาวัดอย่างมัน” ฉัตรเศวตตอบขึ้นแล้วโยนถั่วลิสงทอดเข้าปากไปคำ
เห็นว่ามันผ่านมานานมากแล้ว แผลที่อยู่ในใจของเพื่อนคงตกสะเก็ดไปแล้วจึงได้กล้าเอามาล้อเล่นทว่าสีหน้าของเพื่อนทำให้คนพูดมากเริ่มจ๋อย
“แกละก็ปากไม่มีหูรูดไอ้ฉัตร” ปิ่นอนงค์มองดุ ผละจากชายคนรักมาคุกเข่าข้างคณาธิปแล้วแตะมือไปยังหัวไหล่ของเขา “ธิป”
“เฮ้ย…ไม่เป็นไรซักหน่อย สนุกๆ กันต่อ” เจ้าของไร่พระจันทร์เสหัวเราะ แล้วหยิบถั่วเข้าปากบ้าง เมื่อเห็นสายตาหลายคู่มองมาบ้างก็บอกอย่างเป็นห่วง บ้างก็มองอย่างอยากรู้ จึงได้ถอนหายใจยอมบอกขึ้น “ฉันก็แค่หลงรักเขาข้างเดียว เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว”
“ไม่เจ็บแล้ว ไม่ได้คิดอะไรแล้วก็บอกสิ ว่าใคร” สาวิตรียังเซ้าซี้ ปิ่นอนงค์ชักรำคาญจึงได้โพล่งขึ้น
“ก็แม่หงส์ คนรักเก่าพี่เขมไง”
“หา!” หลายเสียงอุทานขึ้น
เขมทัศน์มองคนรักแล้วส่ายหน้า แต่ก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดปิ่นอนงค์ถึงไม่ชอบตมิสา คนที่ชอบอดีตคนรักของเขาคงหาได้ยากเต็มที ยิ่งกว่าควานหาเข็มในบ่อน้ำกว้าง
ลึกๆ ในใจแล้วเขาก็เป็นห่วง อยากให้ตมิสาปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นบ้าง แต่ก็คงยาก ตมิสาถูกเลี้ยงอย่างตามใจจนเคยตัว ไม่เคยเห็นความสำคัญของใครนอกจากตัวเอง
“มันผ่านมาตั้งนานแล้ว แล้วแกเศร้าทำไมวะ” ฉัตรเศวตกระทุ้งข้อศอกใส่ตัวเพื่อนแล้วแหย่ “แกก็มีนายหญิงมาเคียงข้างแล้วนี่หว่า”
“บ้า นั่นมันน้องสาวฉัน”
“น้องคนละพ่อละแม่จะไปมีปัญหาอะไรว้า น้องสาออกจะน่ารัก สวยน่ารักใสๆ ถึงจะไม่สู้ตมิสาก็เถอะ อีกอย่างฉันมองออกว่าน้องเขาก็ชอบๆ แกอยู่เหมือนกัน” ฉัตรเศวตบอกอย่างรู้ดี เพราะทำงานเปิดร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างและรับเหมาอยู่ในพื้นที่นี้มาไร่พระจันทร์เดือนละหลายหนจึงได้รู้ดีกว่าใคร
“เออ พูดถึงน้องสา ไม่เห็นหน้าเลย” ปิ่นอนงค์เลิกคิ้ว เจ้าของไร่จึงตอบ
“ไปเรียน อีกหลายวันกว่าจะหยุด”
“ถ้าแกยืนยันว่าแค่น้อง งั้นฉันยุไอ้ธัชมันจีบนะ” ฉัตรเศวรตลองเชิง ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของไร่จึงมองดุ
“ห้ามโว้ย”
“ไอ้หมาหวงก้าง ไหนว่าไม่เอาไงวะ” ฉัตรเศวตหัวเราะ ข้อศอกหนาๆ จึงงัดมาที่คอแล้วจงใจกดลงกับเสื่อ สาวๆ ส่งเสียงเชียร์
“น้องข้า ใครอย่าแตะโว้ย”
“ทำเป็นพูดดีจะหวงไว้กินเองก็บอกมาเหอะ” คนถูกกดหัวลงกับเสื่อยังมีแรงเงยหน้าขึ้นมาบอก เลยถูกกดหนักขึ้นไปอีกจนต้องร้องโวยวาย สาวๆ ไม่มีใครเห็นใจตรงข้ามกลับส่งเสียงเชียร์ แต่ถูกขัดจังหวะเมื่อสายใจ เมียของนายเป็ดที่ตอนนี้รับหน้าที่คอยช่วยเหลือตองอ่อน แม่บ้านประจำเรือนจันทร์และเป็นญาติห่างๆ ของสาธิตาทำอาหารเลี้ยงคนงาน ยกกับแกล้มเข้ามาเพิ่ม
“สายใจ ให้นายเป็ดดูความเรียบร้อยตรงนี้แต่เช้าด้วยนะ พรุ่งนี้จะมีแขกมาถ่ายรูปตรงนี้เยอะ อย่าให้ขายหน้าไร่เรา” คณาธิปออกคำสั่ง
“ค่ะนาย” สายใจรับคำแล้วหมุนตัวออกไป ปิ่นอนงค์หันมาหาเจ้าของสถานที่
“พรุ่งนี้ยุ่งเหรอ”
“เฮ้ย…เปล่า จะมีทีมงานจากนิตยสารรีวิวเขามาดูสถานที่ถ่ายแบบที่นี่ คงไม่กี่ชั่วโมง”
“ดีสิ เขาดังจะตาย ยอดขายออกดี คราวนี้ไร่พระจันทร์ไม่ดังให้มันรู้ไป คนขึ้นปกก็เหมือนกัน ไม่ดังไม่ได้ขึ้นนะจะบอกให้” สาวิตรีรู้ดี เพราะรีวิว ถือเป็นนิตยสารเล่มโปรดก็ว่าได้โดยเฉพาะนิยายสนุกๆ ในเล่ม ที่พอถึงฉากซึ้งทีไรก็ให้รออ่านเล่มต่อไปเสียทุกที เธอจึงต้องควักกระเป๋าจ่ายทุกสัปดาห์
“แล้วคราวนี้ใครขึ้นปกน่ะธิป” ปิ่นอนงค์สนใจบ้าง ทว่าเจ้าของไร่ยักไหล่
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่ได้ถาม”
“เอ…เดี๋ยวนะ พอได้ยินธิปพูดถึงรีวิวพี่ก็เพิ่งนึกออก วันก่อนแม่พี่ไปบ้านจันทร์ เห็นว่าเขารับถ่ายแบบขึ้นปกให้รีวิวแล้วมีแพลนจะขึ้นเหนือ หวังว่าคงไม่…” เขมทัศน์หยุดแค่นั้นเมื่อเห็นเจ้าของไร่หวิดทำกระป๋องเบียร์หลุดมือ ดีที่ปิ่นอนงค์มือไวคว้ามาได้
“ว้าว…อย่างนี้ก็กินหมูเลยสิธิป” จุรีรัตน์ผิวปากหวือ หลายคนจึงมองมา
“กินหมูยังไงวะ”
“อ้าว…ก็ถ้าเกิดเป็นแม่ตมิสาอะไรนี่มาถ่ายแบบที่นี่จริงๆ หญิงสาวในดวงใจมาอยู่ร่วมพื้นที่ชายคาใกล้กัน ก็หาโอกาสทำคะแนนซะสิ” คนพูดแนะนำ หลายเสียงสนับสนุนแต่ปิ่นอนงค์ทำมือไขว้กันเป็นกากบาทแล้วส่ายหน้าดิกแทนเพื่อน
“โนๆ อย่าไปยุมันเชียว อย่าแม้แต่จะคิด”
“อะไรวะ อะไรของแกแทนที่จะช่วยให้เพื่อนสมหวัง” สาวิตรีย่นจมูก ในสมองกำลังคิดถึงฉากโรแมนติกให้กับนิยายในชีวิตจริงเรื่องนี้อยู่เชียว
“แกยังไม่รู้จักแม่คนนี้ดีพอเหมือนที่ฉันรู้จัก เขาไม่มองธิปหรอก” หญิงสาวขัดขึ้น เขมทัศน์เห็นใบหน้าจางสีลงไปถนัดตาของคณาธิปจึงสะกิดหญิงคนรัก
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เขม แต่ว่าพี่เคยเป็น…” เจ้าของไร่พระจันทร์อึกอัก ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ารุ่นพี่ที่นั่งประจันหน้ากันอยู่นี้ เมื่อก่อนเคยอยู่ในฐานะคนรักของตมิสาแล้วตัวเขาถูกเพื่อนๆ เย้าหยอกว่ามีใจให้กับตมิสามานานนมอย่างนี้ ฝ่ายนั้นจะคิดอย่างไร
“เฮ้ย…พี่ไม่ได้คิดอะไรแล้ว จะมีก็แค่เป็นห่วงเขาเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง” รุ่นพี่หนุ่มโบกมือพร้อมทำหน้าจริงจังแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ
ตมิสาเป็นคนสวยไม่แปลกหรอกที่คณาธิปจะเผลอไผลชอบพอ เพียงแต่เขาไม่คิดว่าจนป่านนี้คณาธิปจะยังไม่ตัดใจ
“ก็ลองคิดมากกว่านั้นสิ” เสียงแจ๋วๆ ของคนรักใหม่เขาดังขึ้นพร้อมใช้กำปั้นถองลมเป็นเชิงขู่ หน้าจ๋อยๆ ของรุ่นพี่เรียกเสียงหัวเราะของคนอื่นๆ ให้ดังขึ้น
“ไม่ทันไรเลย กลัวยัยแปดหลอดแล้วเหรอพี่เขม” ใครคนนั้นพูดไปหัวเราะไป
“ยกให้เขาคนหนึ่งขี้เกียจเถียง เพราะถึงเถียงก็เถียงไม่ทัน” เขมรัตน์แก้ตัว คนแปดหลอดจึงค้อนให้ตาแทบพลัดก่อนหันมาหาคณาธิปจริงๆ จังๆ
“อย่างแม่คนนั้นเขาไม่มองคนอย่างเราๆ หรอก อย่างเขามันต้องรวย เด่นดังแล้วก็ต้องมีเชื้อมีสาย” ปิ่นอนงค์บอกขึ้นอย่างคนที่ไม่ชอบหน้าบุคคลที่กล่าวขวัญถึงเป็นทุนเดิม และไม่อยากร่วมวงศาคณาญาติรับมาเป็นเพื่อนสะใภ้ ถ้าให้พูดตามจริงแค่เฉียดใกล้ยังไม่อยาก
“อย่าไปฟังแม่แปดหลอดนี่เลยธิป มาฟังเราดีกว่า ตมิสาเขาจะมาถ่ายแบบที่นี่ ในฐานะเจ้าของไร่นายก็ต้อนรับขับสู้ให้เขาประทับใจ อย่าลืมสิว่าตอนนี้อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไป นายน่ะไม่ใช่คณาธิปคนเดิมที่ขี่จักรยานต๊อกต๋อย หิ้วปิ่นโตตามหลังหลวงพ่ออาศัยข้าวก้นบาตรกิน แต่นายเป็นถึงเจ้าของไร่พระจันทร์แล้วไหนจะรีสอร์ตเปิดใหม่นี่อีกล่ะ เชื่อฉันสิบเอาหนึ่ง นายมัดใจตมิสาได้ชัวร์ๆ” จุรีรัตน์บอกจริงจังแต่ปิ่นอนงค์เบ้หน้า ยิ้มเหยียด
“ร้อยเอาหนึ่ง ไม่สำเร็จหรอก”



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ย. 2556, 23:07:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2556, 23:07:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1199





<< ตอนที่ 3 100%   ตอนที่ 4 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account