เริงราตรีสีขาว {จากนวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ. อรุณ}
เขาเกิดมาพร้อมคำทำนาย "สตรีผู้มีชะตาผูกพัน จะทำให้เขาอายุสั้นลง"
และเมื่อเธอคือสตรีผู้นั้น ระหว่างชีวิตกับหัวใจ
เขาจะเลือกสิ่งใด
Tags: รัก ลึกลับ โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ ๑๐ (จบตอน)

ศาศวัตหลับลงกลางดึก นอนรวดเดียวก็ตื่นเต็มตา ทู่ซี้นอนต่อก็รู้ว่าคงไม่หลับ ชายหนุ่มจึงสลัดผ้าห่มออกพ้นตัว ทิ้งเตียงนอนเข้าไปล้างหน้าล้างตาจนสดชื่น ตั้งใจจะเข้าไปทำงานในห้องใต้ดิน ใกล้สว่างเต็มที ษมาคงเข้านอนแล้วกระมัง บอกตรงๆว่าเขายังไม่อยากพบหน้าเพื่อนร่วมงานในตอนนี้

แต่ความต้องการของเขากลับไม่เป็นจริง เมื่อลงมาแล้วพบว่าไฟในห้องอาหารเปิดสว่าง แถมคนที่เขาไม่อยากเจอยังก้าวพ้นประตูมาพร้อมแก้วเครื่องดื่มร้อนๆมีควันลอยกรุ่นอยู่เหนือปากแก้วอีกด้วย

“กาแฟร้อนสักแก้วไหมหนึ่ง อากาศเย็นๆแบบนี้ดื่มไล่หนาวดีนักแหละ” ษมาชูถ้วยกาแฟในมือ
ศาศวัตส่ายหน้า “ฉันไม่ดื่มกาแฟ”

“โถ ไอ้ขี้โม้” ษมาทำเสียงล้อเลียน ความคุ้นเคยสนิทสนมคงทำให้เขาเผลอคิดว่าศาศวัตรุ่นราวคราวเดียวกับเขาอยู่บ่อยๆ “ได้ข่าวว่าลุกมาจิบกาแฟผสมน้ำผึ้งแต่เช้า หวานหอมจับใจจนไม่สนกาแฟดำของฉันล่ะสิ” ชายหนุ่มยื่นหน้าถามด้วยท่าทางกวนอารมณ์

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนตื่นสายเลยเวลากาแฟอย่างษมาจะไปได้ข่าวมาจากไหน ถ้าไม่ใช่จีวร

“แล้วนี่นายไม่นอนจนเช้าเลยหรือไง ถึงได้มาซดกาแฟแบบนี้” ศาศวัตพาษมากลับมายังแก้วกาแฟที่อยู่ในมืออีกฝ่าย ไม่ใช่กาแฟผสมน้ำผึ้งในแก้วของใครที่ไหนทั้งนั้น

“คิดว่างั้นนะ เดี๋ยวค่อยไปหลับบนเครื่อง”

ศาศวัตเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ษมาจะเดินทางไปร่วมงานฉลองครบรอบสามสิบปีของบ้านร้อยรักดังตามที่บอกไว้เมื่อสองสามวันก่อน

“จะดีหรือ นายต้องขับรถไปสนามบินอีกตั้งไกลนะ” ถึงจะขุ่นใจและยังไม่อยากพบหน้าษมา แต่ชายหนุ่มก็อดเตือนด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เจ้าจีอาสาจะขับรถไปส่งฉันที่สนามบินน่ะ เห็นว่าจะแวะเที่ยวในเมืองสักวันสองวันด้วย ฉันเลยว่าจะให้รอกลับพร้อมฉันเลย” ษมาบอกยิ้มๆก่อนจะเสริมต่ออีกนิดว่า “ส่วนนายน่ะ อย่าเพิ่งมาอดตาหลับขับตานอนทำงานเลย เพิ่งฟื้นไข้ พักผ่อนมากๆจะดีกว่า ถ้านายไม่หายป่วยใครจะช่วยคุณนายราตรีทายา”

ฟังรู้ว่าษมาจงใจเรียกชื่อหญิงสาวให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ศาศวัตสัมผัสกระแสความหมั่นไส้ในน้ำเสียงนั้นได้ชัดเจนไม่ต่างจากแลเห็นแววระยับพริบพราวในดวงตาสีสนิมซึ่งแห้งแล้งมานาน

ศาศวัตหงุดหงิด เขาได้ยินเสียงตัวเองถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดเสียงขรึมว่า

“ไม่เป็นไร ฉันหายดีแล้ว อยากทำงานมากกว่า”

พูดจบ เจ้าตัวก็เดินหนีไปยังห้องทำงานชั้นใต้ดินทันที พร้อมกับบอกตัวเองว่าผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะมากพอน่ะ เขาไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานหรอก



หมอกหนายามเช้าปกปิดความสดใสของต้นไม้ใบหญ้าไปเสียสิ้น ลำธารสายเล็กแทบจะกลืนเป็นผืนเดียวกับสายหมอกมัวซึ่งลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือผิวน้ำ บ้านกลางวนาเงียบสงัดราวกับไร้สิ่งมีชีวิตอยู่อาศัย

ณราตรีผละจากหน้าต่างบานยาวสุดโถงทางเดิน กระชับผ้าคลุมไหล่ขณะลงบันไดมาชั้นยังล่าง ไม่พบใครสักคน ในห้องอาหารว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่ตนคิดถึงอยู่แทบทั้งคืน

ศาศวัตอาจออกไปข้างนอกก็ได้ จำได้ว่าทุกครั้งยามพบกันตอนเช้า ชายกางเกงของเขามักมีเศษหญ้าและน้ำค้างเกาะพราว ว่าไปแล้วเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าข้างนอกนั่นมีสิ่งใดน่าสนใจนัก ณราตรีวางแก้วกาแฟกลับที่เดิมโดยไม่ได้ชง แล้วตรงไปยังประตูหลังบ้านซึ่งอยู่ติดกับครัวซึ่งเธอเคยเห็นแวบๆผ่านหน้าต่างว่ามีต้นไม้ดอกไม้แปลกตามากมายขึ้นจนรกครึ้ม

ณราตรีเปิดประตูออกไปรับอากาศสดชื่นภายนอก กุหลาบสดสะพรั่งบนเถาที่เลาะเลื้อยเป็นซุ้มโค้งหน้าประตูแย้มรับตั้งแต่ก้าวออกไป หมอกบางเบาลอยผ่านหน้าจนแทบจะคว้าจับไว้ได้ กลิ่นหอมหวานของดอกไม้กลางคืนยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศเพื่อต้อนรับรุ่งอรุณของวันใหม่ ร่างสูงเพรียวสาวเท้าไปตามทางดิน เลาะลอดไปตามสุมทุมพุ่มไม้ซึ่งดูรกเรื้อสมกับที่เป็นป่า หญิงสาวกวาดสายตามองหาศาศวัต เขาอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้

ตรงนั้นอย่างไรล่ะ ณราตรีเห็นแล้ว ร่างสูงกำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงพุ่มไม้ริมหาดกรวดซึ่งมีเถาไม้แปลกตาสีแดงสดเลื้อยปกคลุมจนพื้นบริเวณนั้นคล้ายถูกลาดทับด้วยพรมสีเลือดนก เธอไม่รีรอรีบสาวเท้าเข้าไปหา “คุณหนึ่ง คุณมาอยู่นี่เอง ฉันตามหาตั้งนาน”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเก็บบางสิ่งบางอย่างลงในกระเป๋าเสื้อแจ๊คเก็ตคล้ายไม่อยากให้เธอเห็น สีหน้าบึ้งตึงตอนพูดเรียบๆ “อากาศเย็นอย่างนี้ คุณออกมาทำไม”

ณราตรีทำท่าจะขยับเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มรีบห้ามเสียงดัง “อย่าเข้ามานะ นั่นมันกรงเล็บนางพญา”

คำว่ากรงเล็บนางพญาทำให้ณราตรีชะงักเท้า ก่อนจะถอยกลับอย่างระแวดระวัง สายตาพินิจเถาไม้ตรงหน้า กรงเล็บนางพญา...ไม้เลื้อยคลุมดินที่ทอดเถาเลื้อยยาวไปถึงหาดกรวด ลักษณะใบเหมือนใบฟักทองแต่ขนาดใหญ่กว่ามีสีแดงสด ใต้ใบมีหนามแหลมยาวสักครึ่งนิ้วเห็นจะ

ได้...แค่เห็น ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ผจญมาหลายวันเหมือนจะตามมาหลอกหลอนเอาดื้อๆ
ครั้นศาศวัตยังไม่ก้าวเข้ามาหา เธอจึงหาทางเดินอ้อมพุ่มไม้อันตรายไปหาเขาแทน

“คุณนั่นแหละมาทำไมข้างนอกนี่” ณราตรีย้อนเสียงดุ “เพิ่งฟื้นไข้ก็มาตากอากาศเย็นๆ เดี๋ยวก็ทรุดลงไปอีกหรอก”

“ดูต้นไม้” พูดไปตั้งยาว ดูเขาตอบกลับมาสิ ทั้งห้วนทั้งสั้น แถมสายตาก็ไม่เหลียวมามองเธอสักน้อย ยังคงเพ่งมองพื้นดินตรงหน้าด้วยแววตาครุ่นคิด คิ้วเข้มยังไม่คลายออกจากกันดีนัก ณราตรีมองตามและเพิ่งสังเกตว่าเจ้าพุ่มไม้ใหญ่ตรงหน้านี้มีดอกสีขาวกรุ่นกลิ่นหอมอวลไปทั่วบริเวณ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

กลิ่นหอมแบบเดียวกับที่เธอได้กลิ่นทุกครั้งยามอยู่ใกล้ศาศวัต ณราตรีก้าวอย่างระมัดระวังเข้าไปหา เอื้อมมือแตะดอกสีขาวขนาดเกือบเท่าดอกลีลาวดีที่กระจุกตัวรวมกันเป็นช่อ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบๆ ปลายแยกเป็นห้าแฉก...เธอเคยพบดอกไม้ลักษณะ
แบบนี้ ทว่าไม่ใหญ่โตเหมือนดอกที่บานอวดโฉมอยู่ตรงหน้า

“คล้ายดอกราตรีมาก” เธอเปรยอย่างใจคิด และหวนคิดถึงดอกไม้ที่พรไพลินมักเก็บไปวางไว้บนหัวเตียงปทุมทองทุกค่ำคืน ซึ่งณราตรีมักบ่นแทบทุกครั้งที่ได้กลิ่น

‘หอมเอียนขนาดนี้ ขืนเอาไปไว้ในห้องนอน มีหวังเวียนหัวคลื่นไส้ขาดใจตายก่อนจะหลับแน่’

แต่ดอกไม้ที่ส่งกลิ่นรวยรินอยู่ตรงหน้านี้ ไม่ทำให้เวียนหัวชวนคลื่นไส้เหมือนดอกราตรีที่บ้านธนาธิปเลย แถมยังทำให้ร่างกายสดชื่นเหมือนว่าเซลล์ต่างๆในร่างกายได้รับการกระตุ้นให้ตื่นตัวอีกด้วย

“มันเป็นพืชตระกูลเดียวกันนั่นแหละ” เสียงทุ้มตอบห้วนอีกตามเคย

ณราตรีขมวดคิ้วมุ่น หมดความสนใจจากต้นไม้ดอกไม้ หันขวับไปหาเจ้าของเสียงพร้อมกับถามเสียงขุ่น “คุณหนึ่ง คุณเป็นอะไรกันแน่ อยู่ดีๆมาทำท่ามึนตึงใส่ฉันทำไม” และก่อนเขาจะตอบ เธอก็สำทับไปอีกว่า “ถามจริงเถอะ คุณงอนฉันหรือเปล่า”

เขานะหรืองอน บ้าสิ มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นแหละที่จะเที่ยวงอนไปทั่วอย่างไร้เหตุผล จู่ๆจะมาปรักปรำว่าเขางอนแบบนี้ได้ยังไง

คงเพราะความไม่พอใจในคำกล่าวหาที่พาเขาให้ขยับเข้าไปยืนใกล้เธออีกนิด คนตรงหน้าไม่มีท่าทีจะเลี่ยงหลบ ไม่กลัวบ้างเลยใช่ไหม มิน่าเล่าถึงยอมเปิดเปลือยหลังไหล่ให้ษมาทายาได้ตามอำเภอใจ แค่คิดก็เจ็บจี๊ดๆที่ใจจนอยากระบายออกด้วยการจับคนตรงหน้ามาทำ
อะไรสักอย่างให้สาแก่ใจเสียแล้ว

ให้ตายเถอะ อะไรสักอย่างที่เขาคิดอยากทำมันช่างไม่เหมาะไม่ควรและอันตรายต่อความรู้สึกเหลือเกิน

“นี่คุณ” เขาเรียกเสียงห้วน ไม่ใช่แค่ดึงความสนใจของเธอ แต่ดึงตัวเองออกจากความคิดห่ามๆชวนหวามไหวนั่นด้วย “ทำไมผมต้องงอนคุณไม่ทราบ” น้ำเสียงส่อความประชดประชัน

“อ้าว อยู่ดีๆคุณก็เปลี่ยนไปหลังจากฟื้นไข้เมื่อค่ำวาน ปั้นปึ่งใส่ฉันขนาดนี้ ไม่งอนแล้วเรียกว่าอะไรล่ะ”

“เมื่อไหร่คุณจะเลิกปรักปรำผมสักที คำก็งอน สองคำก็งอน”

“ก็ถ้าไม่งอนก็ตอบฉันมาก่อนสิว่าทำไมอยู่ๆมามึนตึงใส่ฉันแบบนี้”

ในยามนี้ลมหนาว สายหมอก และดอกไม้ดูเหมือนจะเลือนหายไปจากความสนใจ เหลือเพียงดวงตาสองคู่ที่สบประสานกันไม่ลดละ ฝ่ายหนึ่งคาดคั้นเอาคำตอบ อีกฝ่ายมองตอบอย่างไม่กริ่งเกรง ศาศวัตรู้ว่ากำลังสูญเสียการควบคุมตนเองก็เมื่อหลุบตามองริมฝีปากอิ่มเย้ายวนของคนตรงหน้า ก่อนความคิดจะเลยเถิดเตลิดไปไกล เขาก็ตัดสินใจจบเกมจ้องตาด้วยการหันหลังเดินหนีเอาดื้อๆ และคงดีมากหากไม่มีเสียงถามรวนๆลอยตามหลัง

“ถ้าไม่งอนทำไมต้องหนีด้วยล่ะ เวลาผู้ใหญ่มีปัญหาน่ะเขาจะหันหน้ามาปรับความเข้าใจกัน หนีหน้าแบบนี้น่ะ เด็กชัดๆ”

คำท้ายนั่นทีเดียวที่ทำให้เขาชะงัก หันกลับมา และย่างสามขุมเข้าไปหาเธอ เด็กอย่างนั้นหรือ จริงอยู่ บางครั้งเขายอมรับว่ายังเด็ก แต่วันนี้ไม่ใช่ เขาอยากให้เธอรู้ว่าเขาโตแล้วและสามารถทำในสิ่งที่คนโตๆทำเป็นเหมือนกัน

มือใหญ่คว้าไหล่บอบบางทั้งคู่แล้วดึงเข้าหาตัว ก่อนก้มต่ำลงมาจนริมฝีปากแทบจะชนเข้ากับริมฝีปากอิ่มสวยซึ่งเม้มแน่นโดยอัตโนมัติ

‘ระวังให้ดี สตรีที่มีชะตาผูกพันจะพรากชีวิตเจ้าให้สั้นลง’

เสียงเตือนของเยาวนะผุดขึ้นในหัวราวกับเสียงนี้ถูกบันทึกลงในจิตใต้สำนึกและผุดพราวขึ้นมาเตือนให้รู้ตัวทุกครั้งก่อนถลำลึก
ทว่าสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มหยุดการรุกราน กลับเป็นเพราะสีหน้าแววตาของคนตรงหน้าต่างหาก

แววตาที่บ่งบอกความผิดหวัง ถ้าเขาบุ่มบ่ามทำตามอารมณ์ตัวเอง ความโกรธและความเกลียดชังอาจเข้าไปฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่สวยนี้ก็ได้ ชายหนุ่มเกรงว่ามันจะไมหยุดแค่ดวงตา แต่อาจฝังลึกลงในใจด้วย

“ถ้าผมเป็นเด็ก ก็เป็นเด็กที่ทำอะไรได้มากกว่าเดินหนีคุณแน่ๆแหละไนท์” เขากระซิบเสียงพร่าชิดริมฝีปากอิ่ม ก่อนจะผละเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง

ยามนี้ ลมหนาวโบกโบยเย็นชื่นไม่อาจดับความรุมร้อนด้วยความรู้สึกอันยากจะบรรยายในใจสองดวงได้เลย



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2556, 05:12:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ย. 2556, 05:15:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1380





   ตอนที่ ๑๑ (ครึ่งแรก) >>
ภาวิน 9 ก.ย. 2556, 05:43:08 น.
มาตอบคอมเม้นท์กันค่ะ

อสิตาอวบอั๋น มาให้กำลังใจเป็นคนแรก หลังอวบๆของอสิตาเดี๋ยวเค้าจะเอายาหม่องถูทาให้นะ ไม่ต้องง้ษมาหรอก

พี่แตงกวา ตอนนี้พระนางเขาคุยกันแล้วนะ แต่ยังไม่ยอมลงเอยกันด้วยดีนี่สิ ต้องตามลุ้นกันต่อ

คุณดังปัณณ์ เอาซี้ เชียร์ให้กลับไปคุยกัน คุณศาศจะเพลี่ยงพล้ำทำมากกว่าคุยซะแล้ว กว่าจะหายป่วย หนูไนท์จะรอดไหมเนี่ย

คุณวรรษา ถ้สษมาละเมียดละมุนแบบคุณศาศ เกรงว่าหนูไนท์จะเลือกมิถูกสิคะ

คุณ Sukhumvit66 หวังว่าตอนนี้คงมีเรื่องให้ฟินจนลืมปริศนาค้างคาใจไปชั่วคราวนะคะ

คุณปลายสี ตอนที่ผ่านมาคนอ่านเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณศาศขี้หึง ต้องจับมาตีก้นเสียให้เข็ด


อสิตา 9 ก.ย. 2556, 05:55:24 น.
อยากให้ตัวละครถูหลังให้มากกว่านิ คนเขียนไม่เอาอะ ของตาย คลำกันจนเบื่อละ
วันนี้เร่งลงนิยายให้ติดกันทั้งที่หิวข้าวมาก กรดไหลย้อนทันใด


ภาวิน 9 ก.ย. 2556, 06:14:13 น.
รีบไปกินซะ มันจะได้ไหลย้อนลง


พันธุ์แตงกวา 9 ก.ย. 2556, 06:49:12 น.
โถ พ่อคุณ ใจเย็นๆ หนูไนท์อุตส่าห์ตามออกมาง้อแล้ว แต่เผลอใช้คำทำร้ายจิตใจไปหน่อย
แอบดีใจ ไม่มีใครอยู่บ้าน ใกล้แล้วใช่มั้ย คริคริ


ภาวิน 9 ก.ย. 2556, 08:33:29 น.
คุณ nateetip ที่เพิ่งเข้ามาคอมเม้นท์ตอนที่ผ่านมา ยินดีต้อนรับค่ะ อย่าเพิ่งห่างหายกันไปไหนนะคะ เดี๋ยวใกล้ๆหนังสือออกเราจะเล่นเกมส์แจกหนังสือกันค่ะ เลือกรายผู้โชคดีจากรายชื่อของทุกท่านที่เข้ามาคอมเม้นท์นี่แหละค่ะ


ดังปัณณ์ 9 ก.ย. 2556, 09:14:35 น.
หุย คุณศาศเจ้าคะ เล่นตัวจิงจิ๊งพ่อคู๊ณณณณณณ แล้วหมอริชล่ะค่ะ หมอริชล่ะ คุณศาศออกมายังงี้ หมอริชจะไม่มีคู่งั้นหราาาาเนี่ย อั้ยย่ะ!


Sukhumvit66 9 ก.ย. 2556, 11:52:08 น.
ว้าย ๆ ๆ จะทำก็ไม่ทำล่ะ เค้าลุ้นตัวโก่งเลยนะ คุณหนึ่ง อิอิ


วรรษา 9 ก.ย. 2556, 12:38:06 น.
ค้าง คำสั่นๆ แต่มีความหมาย >////<


Barby 9 ก.ย. 2556, 13:01:51 น.
เอะๆเกือบแล้วอ่ะ


ปลายสี 9 ก.ย. 2556, 15:55:31 น.
บรรยากาศเป็นใจ ไม่มีใครอยู่บ้านด้วย อย่างอนนานนะคุณศาศ ให้โอกาสอีกที ลุยเลย 555


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ก.ย. 2556, 03:01:50 น.
ลงพร้อมกัน ไหงทำให้ค้างเหมือนกันเลยอ่าาา
มาต่อไวๆ นะฮ้าาา


ketza 27 ก.ย. 2556, 15:21:05 น.
นึกว่านางเอกจะโดนซะแระ ลุ้น(ให้โดน)555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account