เริงราตรีสีขาว {จากนวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ. อรุณ}
เขาเกิดมาพร้อมคำทำนาย "สตรีผู้มีชะตาผูกพัน จะทำให้เขาอายุสั้นลง"
และเมื่อเธอคือสตรีผู้นั้น ระหว่างชีวิตกับหัวใจ
เขาจะเลือกสิ่งใด
Tags: รัก ลึกลับ โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ ๑๑ (ครึ่งแรก)

รถตู้คันใหญ่เลี้ยวออกจากประตูวัด คนนั่งประจำหลังพวงมาลัยรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นขัดกับขนาดและความแรงของพาหนะยิ่งนัก ที่นั่งเคียงข้างคนขับคือหญิงชราวัย ๗๐ ปีซึ่งยังดูแข็งแรง กระฉับกระเฉง มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ซุกซ่อนความทุกข์ความกังวลไว้จนหม่นมัว

“ได้ทำบุญแบบนี้แล้วคุณย่าสบายใจขึ้นบ้างไหมคะ” พรไพลินชวนคุย เหลือบตาสังเกตสีหน้าปทุมทองนิดหนึ่ง ก่อนจะเบนกลับไปมองท้องถนนยามสายอันคับคั่งด้วยยวดยานพาหนะ แต่ยังคงรอฟังคำตอบจากคนเป็นย่า

“นิดหน่อยเท่านั้นแหละจ้ะ” หญิงชราถอนใจ “ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไงจึงจะพ้นจากความฝันร้ายๆเสียที มันชัดเจนเหมือนความจริงเข้าไปทุกวัน” น้ำเสียงนางอ่อนระโหยทดท้อ “พระท่านแนะนำให้สวดมนต์ แผ่เมตตาก่อนนอนทุกวัน ก็ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า”

ปทุมทองนิ่งไปนิด ดวงตาหรี่โรยราวกำลังรำลึกถึงอดีตยาวนาน ครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงแผ่ว “ย่าอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรก็แล้ว สงสัยเจ้ากรรมนายเวรของย่าคงอยากได้ชีวิตของย่าแทน ถึงทำให้ฝันซ้ำซากอยู่แบบนี้”

“ไพลินว่าคุณย่าคิดมากไป บางทีความฝันพวกนั้นอาจเกิดจากความเครียดก็ได้นะคะ” พรไพลินปลอบประโลม

ปทุมทองหัวเราะฝืนๆ พลางปรับเบาะเอนและปิดเปลือกตาลงช้าๆ ยุติการสนทนาลงเพียงเท่านั้น

หญิงสาวขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านร้อยรักอันเป็นจุดหมายต่อไป การติดตามปทุมทองไปทำบุญวันเกิดทุกปี ทำให้พรไพลินได้เห็นชีวิตที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเกิดมายากดีมีจนอย่างไรก็ต้องดิ้นรนไปตามวิถีของตนเอง หล่อนรู้ว่าตัวเองเกิดมาโชคดีกว่าอีกหลายๆคน เด็กกำพร้า

และเด็กวัดเหล่านั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อไปให้ถึงจุดหมายที่ฝันไว้ พรไพลินจึงตระหนักว่าการนั่งงอมืองอเท้าไม่สามารถทำให้ความฝันเป็นจริงได้ เมื่อหล่อนมีโอกาสมากกว่าก็ไม่ควรปล่อยมันทิ้งไปอย่างไร้ค่า

หญิงสูงวัยลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อพรไพลินดับเครื่องยนต์ นางปลดเข็มขัดนิรภัยยังไม่ทันเสร็จ อีกฝ่ายก็กระโดดลงจากรถอย่างคล่องแคล่ว หล่อนอ่อนหวานช่างเอาอกเอาใจยามอยู่กับคนในครอบครัว ครั้นอยู่นอกบ้านก็กลับปราดเปรียวว่องไวผิดตาสมกับเป็นผู้หญิงเก่งยุคใหม่

พรไพลินเปิดประตูรถให้ปทุมทองพลางช่วยพยุงให้ก้าวลงมาอย่างปลอดภัย เอมจิตเจ้าของบ้านร้อยรักรอต้อนรับพร้อมรอยยิ้มแย้มสดใส เด็กชายหญิงตัวเล็กตัวน้อยยืนรายรอบร่างท้วมของนางจ้องมองผู้มาเยือนตาแทบไม่กะพริบ ความตื่นเต้นยินดีอัดแน่นอยู่ในดวงตาไร้เดียงสาเหล่านั้น เด็กชายที่ตัวโตหน่อยถูกเกณฑ์มาช่วยพรไพลินยกขนมและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม รวมทั้งของเล่นมากมายประดามีลงจากรถ

นอกจากวันนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของปทุมทองแล้ว ยังเป็นวันครบรอบสามสิบปีบ้านร้อยรักด้วย บรรยากาศจึงครึกครื้นเป็นพิเศษ ตามจุดต่างๆถูกประดับประดาด้วยดอกไม้และลูกโป่งหลากสีเพิ่มความสดใส คณะบุคคลและภาคเอกชน รวมทั้งผู้ที่เคยได้รับการดูแลจากบ้านร้อยรักซึ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่กลับมาร่วมทำบุญเลี้ยงพระเพล และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กเป็นลำดับถัดไป ตอนบ่ายมีร่วมเล่นเกมและมินิคอนเสิร์ตจากเหล่าดารานักร้องที่รวมทีมกันมาสร้างความบันเทิงให้แก่เด็กๆ

ปทุมทองในฐานะผู้มีอุปการะคุณบ้านร้อยรักมาตั้งแต่ช่วงก่อตั้งใหม่ๆได้รับการเชื้อเชิญไปนั่งยังเก้าอี้แถวหน้า พรไพลินตามดูแลหญิงชราไม่ห่าง เมื่อการทำบุญเลี้ยงพระผ่านพ้นไป หญิงสาวจึงปล่อยให้ย่ารับประทานอาหารกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่คุ้นเคย ส่วนเธอปลีกตัวมาช่วยตักอาหารแจกเด็กๆซึ่งนั่งเรียงกันอยู่บนเก้าอี้ยาวอย่างเป็นระเบียบ

อาหารกลางวันมื้อนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายการละเล่นต่างๆก็เริ่มขึ้น ทั้งเกมเหยียบลูกโป่ง เก้าอี้ดนตรี กินวิบาก ฯลฯ รายการถัดจากการเล่นเกม นักแสดงและนักร้องก็ทยอยกันขึ้นไปวาดลวดลายบนเวทีเตี้ยๆกลางสนามหญ้าหน้าบ้านร้อยรัก

รอยยิ้มเบิกบาน เสียงหัวเราะอย่างมีความสุข และเสียงปรบมือชอบอกชอบใจช่วยกลบลบความหมองเศร้าในดวงตาหลายคู่ได้ชั่วคราว คนเลี้ยงดูผ้าขาวเหล่านี้มาแต่เล็กแต่น้อยอย่างเอมจิตจึงพลอยดีใจไปด้วย รอยยิ้มแตะแต้มอยู่บนใบหน้าอวบอูมมาตั้งแต่เช้ายังไม่เลือนหายไปง่ายๆ แม้จะเป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว กระทั่งเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังตรงเข้ามานั่นละ เอมจิตจึงหุบยิ้ม คิ้วอ่อนจางของนางขมวดมุ่นเข้าหากัน

ใครคนนั้นทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้นตรงหน้าและกราบลงแทบตักนางก่อนจะเงยหน้าขึ้น เอมจิตเขม้นมองใบหน้าคมคาย ผมหยักศกปรกหน้าผากเหมือนเด็กเกเรที่ไม่สนใจดูแลตัวเอง แจ๊คเกตยีนเก่าซีดพอกับกางเกงยีนที่เขาสวมอยู่ ดวงตาคมเจิดจ้าด้วยความยินดีกลบเกลื่อนร่องรอยอิดโรยและขอบตาหมองคล้ำเสียสิ้น ยามริมฝีปากหยักหนาคลี่ยิ้ม เอมจิตจึงยิ้มตอบอย่างคนที่จดจำรำลึกได้แล้ว

“แม่เอมจำผมได้ไหมครับ ผมษมาจอมซ่าของแม่เอมไง”

“จำได้ตอนยิ้มนี่แหละ เป็นยังไงมายังไง ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้จ๊ะ เอ้า ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เถอะ อย่าคุกเข่ากับพื้นแบบนั้นเลย เลอะเทอะหมด” หญิงหม้ายประคองไหล่กว้างของคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า เป็นการบังคับกลายๆให้ลุกขึ้น

ษมายอมทำตามโดยดี “ไม่ได้มาหาแม่เอมตั้งนาน พอรู้ว่าวันนี้จะจัดงานครบรอบสามสิบปีก็เลยแวะมา”

“อ้อ ถ้าไม่จัดงาน ก็คงไม่มาใช่ไหมล่ะ” เอมจิตถามทั้งรอยยิ้มเปี่ยมไมตรี

ษมายิ้มเก้อ ก่อนแก้ตัวเสียงอ่อย “ผมอยู่ไกลครับแม่เอม แล้วก็ติดงานอยู่เรื่อย แต่ผมก็คิดถึงแม่เอมตลอดนะครับ” เขาหยอดคำหวานตอนท้ายพร้อมรอยยิ้มประจบ

“คิดถึงตลอด แต่มาถึงเอาตอนงานจะเลิก” หญิงหม้ายว่าไม่จริงจังนัก ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเวทีเตี้ยๆเบื้องหน้าซึ่งปทุมทองกำลังแจกทุนการศึกษาให้แก่เด็กๆ

ษมามองตาม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “คุณปทุมทองท่านยังมาแจกทุนการศึกษาทุกปีหรือครับ จำได้ว่าสมัยผมเด็กๆเจอท่านทุกปีเลยเหมือนกัน” นอกจากได้เจอทุกปีแล้ว ษมายังได้รับทุนการศึกษาจากท่านทุกปีด้วย ที่เขามีทุกวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความเมตตาของหญิงชราผู้นี้

“จ้ะ ท่านมาทำบุญวันเกิดที่บ้านร้อยรักตลอด” เอ่ยจบก็หันมาสบตากับชายหนุ่มซึ่งนางเลี้ยงมาตั้งแต่สามขวบ “เข้าไปทักทายทำความเคารพท่านหน่อยสิ ยังไงท่านก็เป็นผู้มีพระคุณของเราคนหนึ่งนะ ถ้ารู้ว่าคนที่ท่านเคยอุปถัมภ์ค้ำชูเติบโตเป็นคนดีของสังคม ท่านจะได้มีกำลังใจ”

“เอ่อ” ชายหนุ่มมีท่าทีอึดอัดใจ “อย่าเพิ่งเลยครับ ผมมีเวลาไม่มาก เดี๋ยวก็ต้องรีบไปแล้ว” เขาบ่ายเบี่ยงเสียงอ่อน หากหญิงชราผู้มีอุปการะคุณไม่ได้กุมบังเหียนเนเชอรัลเฮลท์ และเขาไม่ได้ทำงานให้เวชกุล การเข้าไปทักทายกันคงง่ายกว่านี้




บ่ายแก่ใกล้เย็น หลังจากการแสดงชุดสุดท้ายของเด็กๆจบลง ตามด้วยการกล่าวคำขอบคุณทั้งน้ำตาของเด็กตัวน้อย พรไพลินจึงพาปทุมทองกลับบ้าน โดยมีเด็กๆหลายคนตามมาส่งถึงรถด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด บางคนร้องไห้ตามอาสาสมัครที่มาดูแล บางคนยืนนิ่งราวกับหุ่นยนต์ แต่ดวงตาบ่งบอกความอ้างว้างเดียวดาย ภาพเหล่านั้นกระทบใจปทุมทองจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

น้อยคนนักจะรู้ว่านางเป็นคนหนึ่งซึ่งเคยถูกทอดทิ้งไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไร้ความรักความอบอุ่นจากครอบครัวไม่ต่างจากเด็กบ้านร้อยรัก นางเกลียดความอ่อนแอ ชิงชังความสูญเสีย พอๆกับที่โหยหาความรักความเอาใจใส่จากใครสักคน จึงพยายามดิ้นรนขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวเพื่อจะได้ก้าวออกไปเผชิญโลกกว้าง อย่างเข้มแข็ง กระทั่งได้พบกับสรัญบุตรชายผู้บริหารบริษัทเนเชอรัลเฮลท์ซึ่งตนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดตามสายอาชีพที่ร่ำเรียนมา

หลังสรัญซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่เข้าบริหารงานแทนบิดาซึ่งเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เขาก็แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าสนใจในตัวปทุมทอง นอกจากตามรับตามส่งแล้วยังเอาอกเอาใจจนคนที่โหยหาความรักความอบอุ่นมาตลอดรู้สึกว่าตนเป็นคนสำคัญอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปทุมทองในวัยนั้นบอกตัวเองว่าเธอไม่มีทางปล่อยให้เขาหลุดมือไปได้เด็ดขาด

ปทุมทองมั่นใจว่าไม่มีวันไหนที่นางไม่รักสรัญ นางไม่เคยเตรียมใจสูญเสียสรัญเลยสักวินาที นางเชื่อตามประสาเด็กสาวช่างฝันว่าจะครองรักอยู่เคียงคู่กับสรัญจนกว่าจะแก่เฒ่าตายจากกันไปข้างหนึ่ง

และแล้วนางก็ถูกโชคชะตาก็เล่นตลก หลังจากให้กำเนิดปรมัตถ์ได้ไม่กี่เดือน สรัญก็จบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก หากไม่มีลูกน้อยตาดำๆ ปทุมทองเชื่อว่าตนเองคงตายตามสรัญไปแล้ว แต่เนื่องจากฝึกตนเองมามาอย่างดี การสร้างเกราะแห่งความเข้มแข็งขึ้นมาห่อหุ้มปกปิดความอ่อนแอไม่ใช่เรื่องยาก นางลุกขึ้นมาเปิดตำนานผู้หญิงเก่งแห่งยุคโดยการบริหารกิจการของสามีและเลี้ยงลูกไปในคราวเดียวกัน

เมื่อสิ้นสรัญ ความรักความหวังทั้งหมดทั้งปวงจึงถูกทุ่มเทให้ปรมัตถ์อย่างไม่มีสิ้นสุด นางรัก แหนหวง และห่วงใยเขาเหลือประมาณ สิ่งใดที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้บุตรชายคนเดียว นางพร้อมจะขจัดปัดเป่าออกไป ไม่ให้ความสมบูรณ์พร้อมที่นางมอบให้แปดเปื้อนได้เด็ดขาด

ใครจะคิดว่าผู้ชายเงียบๆซึ่งตามอกตามใจมารดาเรื่อยมากลับแหกกฎเกณฑ์ทุกอย่าง โดยหอบเมียซึ่งกำลังตั้งท้องได้สองเดือนเข้าบ้านตั้งแต่อายุสิบแปด ด้วยอานุภาพความรักแท้ๆปรมัตถ์จึงกล้าทำเรื่องใหญ่โตแบบนั้นได้ และเพราะความรักที่มีต่อลูกเช่นกัน นางจึงจำใจยอมรับรัตติกาลเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน!

“คุณย่าคะ ถึงบ้านแล้วค่ะ”

น้ำเสียงหวานใสของพรไพลินจับจูงหญิงชราออกจากวังวนแห่งอดีต นางเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ พรไพลินช่วยปลดเข็มขัดนิรภัยให้อย่างนุ่มนวล

“พ่อเรากลับมาแล้วนี่” ปทุมทองมองไปยังรถยนต์คันหรูของบุตรชายซึ่งจอดนิ่งสงบอยู่ในโรงรถ แล้วเปรยด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้กลับเร็วจริง”

“เห็นบอกว่าวันนี้จะออกไปตรวจโรงงานที่ชลบุรี กลับจากโรงงานแล้วคงกลับบ้านเลยน่ะค่ะคุณย่า” พรไพลินคาดเดา

ความห่วงใยกังวลไม่คลี่คลายลงง่ายๆ หญิงสาวช่วยจับจูงปทุมทองขึ้นบันไดหินอ่อน เมื่อเข้ามายืนอยู่ตรงโถงกลางหน้าบันไดเวียน พรไพลินจึงถามอย่างใส่ใจ “คุณย่าจะขึ้นไปพักผ่อนบนห้องนอนเลย หรือว่าไปนั่งพักที่ห้องนั่งเล่นก่อนดีคะ”

“ย่าว่าจะขึ้นไปดูพ่อเราหน่อย ไปตรวจโรงงานก็ไม่เคยกลับไวแบบนี้ จะบอกว่าเพราะเป็นวันเกิดย่าก็คงไม่ใช่” ท้ายประโยคกระแสเสียงเจือความน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด

ตั้งแต่ณราตรีเติบโตมามีหน้าตาเหมือนรัตติกาลราวกับเคาะจากเบ้าหลอมเดียวกัน ปรมัตถ์ก็ไม่เคยใส่ใจวันเกิดของใครอีกเลยแม้แต่ของตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้นวันสำคัญตามเทศกาลต่างๆทั้งคริสต์มาส ปีใหม่ วาเลนไทน์ สงกรานต์ หรือวันไหนๆก็ตามซึ่งทุกคนในครอบครัวควรอยู่กันพร้อมหน้า ปรมัตถ์ก็ไม่เคยให้ความสำคัญ เขาทำคล้ายทุกวันที่เหลืออยู่ไม่มีความสลักสำคัญอีกต่อไป เวลาทั้งหมดของเขามีไว้เพื่อ

ทุ่มเทชีวิตให้กับงาน งาน และงาน

แต่คนเป็นแม่มีหรือจะมองไม่ออกว่าเหตุใดบุตรชายจึงทำตัวเยี่ยงหุ่นยนต์ไร้ชีวิตจิตใจ นางแค่ไม่อยากยอมรับความจริงเท่านั้นเอง!

“เห็นพักนี้พ่อเราเครียดๆ สงสัยเพราะใกล้งานไทยเฮิร์บที่เราจะเปิดตัวสินค้าใหม่แล้ว นี่เดี๋ยวก็ต้องขึ้นเหนืออีก” ปทุมทองบ่นเนิบเนือย

“คุณย่านั่งพักตรงนี้ก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไพลินไปดูให้ว่าคุณพ่ออยู่ที่ไหน ห้องนอนหรือห้องหนังสือ” พรไพลินประคองนางให้นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น สั่งเด็กรับใช้ที่คลานเข่านำน้ำเข้ามาเสิร์ฟให้อยู่คอยดูแลหญิงชรา ก่อนจะหายไปครู่หนึ่ง สุดท้ายหล่อนจึงกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“คุณพ่อนอนพักอยู่ในห้องค่ะคุณย่า บ่นว่าปวดไมเกรน ท่าทางจะเป็นหนักด้วยค่ะ”

“เอ ห่างไปสักพักใหญ่ๆแล้วนี่ ทำไมอยู่ๆถึงกำเริบอีก” หญิงชรารำพึง แล้วกุลีกุจอลุกขึ้น “เดี๋ยวย่าไปดูพ่อเราหน่อยดีกว่า”

แม้ปทุมทองยังกระฉับกระเฉง แต่หลานสาวช่างเอาใจก็ปราดเข้าประคองโดยอัตโนมัติ ครั้นมาถึงหน้าห้องบุตรชาย นางเคาะประตูตามมารยาทก่อนเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต

ภายในห้องนอนกว้างขวางดูทึบทึมเนื่องจากม่านหนาหนักถูกรูดลงมิดชิด ไม่เปิดโอกาสให้แสงยามเย็นลอดเร้นหน้าต่างเข้ามาได้ หญิงชราทรุดลงนั่งบนขอบเตียงซึ่งมีร่างสูงใหญ่ของบุตรชายนอนคว่ำเหยียดยาว ใบหน้าตะแคงซบหมอนนุ่มทั้งที่ยังอยู่ในชุดทำงาน มือเหี่ยวย่นปัดปอยผมซึ่งตกปรกหน้าผากหนุ่มใหญ่ให้พ้นไป

“เป็นยังไงมั่งปอนด์ ปวดหัวมากหรือลูก”

เสียงถามไถ่อ่อนโยนเรียกเปลือกตาปิดสนิทให้เปิดปรือขึ้นมานิดแล้วหลับลงใหม่พลางพยักหน้าเบาๆ

“มา...เดี๋ยวแม่นวดให้ จะได้สบายขึ้น”

“ไม่ต้องหรอกครับแม่ ผมกินยาแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้น” ปรมัตถ์ปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“วันนี้วันเกิดแม่ ตามใจแม่สักวันเถอะ” ปทุมทองเอ่ยเสียงอ่อนแบบนี้มีหรือปรมัตถ์จะทัดทานได้

“ไพลินไปเปิดม่านหน่อย ให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้บ้าง” หญิงชราหันมาสั่งพรไพลิน “ห้องมืดอย่างกับถ้ำอยู่เข้าไปได้ยังไง อึดอัดแย่” นางบ่นแถมในตอนท้าย นางไม่ชอบความทึบทึมแบบนี้เพราะชวนให้หวนคิดถึงความฝันที่ตามหลอกหลอนนางอยู่แทบทุกค่ำคืน

พรไพลินทำตามอย่างว่าง่าย ปทุมทองจึงขยับขึ้นไปนั่งบนเตียง หยิบหมอนใบใหญ่วางบนตัก

“ขึ้นมานอนตักแม่เถอะปอนด์ แม่จะได้นวดง่ายๆหน่อย” หนุ่มใหญ่ผงกศีรษะขึ้นมองอย่างลังเล คนเป็นแม่จึงเอ่ยสำทับยิ้มๆ “ไม่ต้องกลัวแม่จะเมื่อยหรอก แม่น่ะแข็งแรงกว่าที่ใครคิดไว้เยอะ”

ได้รับคำยืนยันเช่นนั้น หนุ่มใหญ่จึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย

นิ้วซึ่งปกคลุมด้วยผิวหนังเหี่ยวย่นเริ่มไล่จับเส้นบริเวณศีรษะอย่างชำนาญ ปากก็ถามเรื่อยๆ “เครียดหนักหรือ อยู่ๆโรคเก่าถึงได้กำเริบแบบนี้”

หนุ่มใหญ่ส่ายหน้าปฏิเสธ

ประมุขธนาธิปผ่อนลมหายใจยาวเหยียด หลุบตามองร่างสูงที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนตักด้วยความกังวลใจ “พักนี้บ้านเราเงียบเชียบดี แม่พิมพ์ก็ไปเที่ยวฮ่องกงยังไม่กลับ ส่วนแม่ไนท์ไปหัวหกก้นขวิดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ติดต่อไม่ได้สักที” ราวกับทุกคนพร้อมใจกันหายหน้าไปโดยมิได้นัดหมาย “ทั้งบ้านมีแต่แม่กับไพลิน หวังว่าเราสองคนคงไม่ได้ทำให้ปอนด์ปวดหัวหรอกนะ” หญิงชราเอ่ยติดตลก

“ไม่ใช่หรอกครับ” ปรมัตถ์ปฏิเสธเสียงแผ่ว “โรคนี้มันไม่มีสาเหตุแน่นอน บทจะเป็นก็เป็นขึ้นมาดื้อๆ อืม ดีจังครับ ตรงขมับนั่น” เขาครางอย่างพอใจ

ปทุมทองนวดคลึงขมับทั้งสองข้างอยู่นานจึงไล่ไปตามแนวคิ้วอ่อนจาง จากนั้นวนไปยังต้นคอที่แค่กดลงเบาๆก็สัมผัสได้ถึงเส้นเอ็นอันขึงเครียด ซึ่งนางไม่อาจทราบได้เลยว่ามันเกิดจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆหรือเกิดจากความเครียดส่วนตัวกันแน่

การนวดนั้นถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะนวดให้หาย ให้ตาย หรือให้พิการก็ได้ คนรู้จักเส้นสายในร่างกายดีย่อมรู้เรื่องเหล่านี้ หญิงชราจึงระมัดระวังหลีกเลี่ยงจุดอันตรายและนวดคลึงไล่ตามเส้นอันเป็นปัญหาเท่านั้น

พรไพลินมองดูความรักความเอาใจใส่ที่หญิงชรามีต่อบิดาของตนแล้วให้หวนคิดถึงมารดาของตนเอง พิมพ์ประภาไม่เคยประคบประหงมเอาใจหล่อนแบบปทุมทองทำต่อปรมัตถ์เลย หล่อนรู้ว่ามารดารักและเป็นห่วง แต่ก็ยังหวงแหนชีวิตส่วนตัวและความสนุกสนานฟุ้งเฟ้อ อาจเพราะพิมพ์ประภาคิดว่าหล่อนมีงานการทำและได้อยู่ใกล้ชิดพ่อกับย่าก็เพียงพอแล้ว...

จะว่าพอ ก็พอ ถ้าไม่ได้มาเจอภาพแม่อายุ ๗๐ กำลังนั่งนวดต้นคอและศีรษะให้บุตรชายอายุ ๔๖ แบบนี้ พรไพลินก็คงไม่รู้สึกอิจฉาจนนึกอยากมีแม่แบบนี้บ้าง

เพียงแค่วูบเดียวเท่านั้น หญิงสาวก็สามารถสลัดความรู้สึกดังกล่าวออกจากใจ หล่อนยังโชคดีกว่าณราตรีเป็นไหนๆ อย่างน้อยก็มีพ่อแม่ครบ ถึงไม่ใส่ใจมากมาย ก็ไม่ได้ละเลยทอดทิ้ง ทว่าพี่สาวต่างมารดาของหล่อนไม่เคยพบหน้าแม่เลยสักครั้ง แถมปรมัตถ์ก็ไม่ใคร่จะเอาใจใส่อีกต่างหาก

คิดถึงณราตรีแล้วพรไพลินก็รู้สึกหนักหน่วงในอกอย่างประหลาด เงียบหายไปหลายวันไม่มีข่าวคราวส่งมาแบบนี้ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้



ภาวิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2556, 05:41:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2556, 05:41:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1342





<< ตอนที่ ๑๐ (จบตอน)   ตอนที่ ๑๑ (จบตอน) >>
ภาวิน 11 ก.ย. 2556, 05:44:00 น.
เดี๋ยวสายๆมาตอบคอมเม้นท์นะคะ


อสิตา 11 ก.ย. 2556, 06:17:02 น.
ชอบพรไพลินอ้ะ นางเป็นน้องสาวที่ห่วงใยพี่มว้ากกกก
ป.ล. ข้าหิวข้าวเช้าเหลือเกิน


พันธุ์แตงกวา 11 ก.ย. 2556, 06:53:35 น.
อ้าว ไพลินรอดไปหนึ่ง
แม่นวดให้ลูกซึ้งดี แต่ก็อยากอ่านฉากคุณชายนวดให้ณราตรีเหมือนกัน 555


ภาวิน 11 ก.ย. 2556, 08:15:58 น.
มาตอบคอมเม้นท์กันดีกว่า มาช้ากว่าคนอ่านอีก

หนูอวบอสิตา มาให้กำลังใจกันแต่ก่อนไก่โห่ แถมพาผีเสื้อสีน้ำเงินมาบินเรียงตามกันไปอย่างงดงาม อยากจะถูหลังให้ฟรีจริงๆเลย (ถึงไม่อยากได้ก้เถอะ)

พี่แตงกวา ถึงไม่มีใครอยู่บ้านความสัมพันธ์ก็ยังไปไม่ถึงไหนนะ แอบเอาคุณย่ามาขัดจังหวะก่อน

คุณดังปัณณ์ เป็นอีกคนที่ให้กำลังใจกันเสมอมา น่ารักจริงๆ หนุ่มคนไหนขาดคู่จะยกให้คุณดังปัณณ์ไปเชยชมค่ะ อย่าได้ห่วง

คุณ Sukhumvit66 ตอนนี้ลุ้นคู่แม่ลูกกันไปก่อนเนอะๆ เดี๋ยวอีกไม่นานแม่พิมพ์ประภาจะออกมาวาดลวดลาย กระตุ้นต่อมหมั่นไส้แล้วละ

คุณวรรษา แค่เกือบๆเท่านั้น ของจริงต้องรอหน่อยค่า รับรองจัดเต็ม ๕๕๕ เริ่มโฆษณาเกินจริง

หนูตุ๊กตาบาร์บี้ อย่าเพิ่งตื่นเต้นไป นี่แค่ฉากเล็กๆเรียกน้ำลาย เอ้ย น้ำย่อย

คุณปลายสี จุ๊ๆ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่นค่ะ ย่องตามดูไปเรื่อยๆดีกว่า มาดูกันว่าคุณชายศาศวัต (ที่เหลือฉายาคุณศาศเฉยๆมาหลายตอน อิ อิ) จะมีลวดลายลีลาขนาดไหน

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ มาต่อแล้วอย่างรวดเร็วตามคำร้องขอ หนูไนท์กับคุณศาศจะมารออาทิตย์ละสามวันนะคะ จันทร์ พุธ และศุกร์ ตามอ่านตามลุ้นกันได้เลยค่ะ

ป.ล. ตอนนี้หนังสืออยู่ในกระบวนการผลิต คาดว่าจะวางแผงได้ในงานหนังสือเดือนตุลานี้ ซึ่งก็เหลือเวลาอีกเดือนนิดๆ เริงราตรีสีขาวจะลงให้อ่านกันถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนะคะ หลังจากนั้นใครที่ทิ้งคอมเม้นท์ไว้หลังอ่านจบ เราจะนำรายชื่อมาจับฉลากแจกรางวัลเป็นหนังสือนิยายเรื่องนี้กัน นำไปนั่งอ่านนอนอ่านกันให้รู้แล้วรู้เรื่องกันเลยว่าตอนจบเป็นยังไง

แล้วเจอกันเช้าวันศุกร์ค่ะ


Barby 11 ก.ย. 2556, 08:34:12 น.
วันนี้มาอ่านไม่เจอคุณศาศ คิดถึงเลยอ่ะ


ดังปัณณ์ 11 ก.ย. 2556, 09:21:30 น.
ง่ะ อัลไลลลลลลลลลลล ใจร้ายยยยยยยยยยมว๊ากกกกกกกกกกก แต่อะแหะ เค้าเป็นผู้หญิงหลายใจ อั้ยย่ะ! ษมา อ๊ะ อย่าแย่งซีนดิ ฮี่ๆๆๆ


Sukhumvit66 11 ก.ย. 2556, 11:07:42 น.
ษมากะพรไพลิน คู่นี้ มีลุ้นไหมค่ะ อิอิ


วรรษา 11 ก.ย. 2556, 11:54:46 น.
ขอโทษที่คิดว่าหนูไพลินเป็นคนไม่ดี งือ มองคนผิดไปเจงๆ


ree 12 ก.ย. 2556, 04:05:07 น.
เพิ่งเคยอ่าน สนุกมั่ก แต่สงสัยเรื่องนายหนึ่ง จะเป็นโรคเดียวกับเบนจามิน บัทเทิ่ลหรือเปล่า แบบว่าแก่กว่าอายุจริง ครอบครัวของไนท์ดูแปลกๆ เหมือนไม่ค่อยรู้จักวิธีแสดงความรัก ความห่วงใยกัน อย่างปรมัตถ์ หรือแม่ของพลอยไพลิน


ปลายสี 12 ก.ย. 2556, 14:13:19 น.
ขอลุ้นคุณษมากะพรไพลินด้วยคนค่ะ มีลุ้นไหมคู่นี้
ต่อไปจะเรียกคุณศาศวัตให้ครบถ้วนค่ะ ไม่ตัดชื่อออกแล้ว 5555


นักอ่านเหนียวหนึบ 12 ก.ย. 2556, 22:27:09 น.
อ่าวว นี่เพิ่งวันพฤหัสเองเหรอเนี่ย ว่าจะมาตามหาตอนต่อไปซะหน่อยยย ฮาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account