ใต้ปีกรักสีเพลิง {นวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ.อรุณ}
สร้อยผีเสื้อสีเพลิงจากคนแปลกหน้า
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๙ (ครึ่งแรก)

“ไปซะได้ก็ดี” พรนางฟ้าพึมพำ เป่าลมจากปากพรู

คิรินทร์เลิกคิ้วนิดๆ แปลกใจที่ได้ยินผู้หญิงเรียบร้อยใช้ถ้อยคำกระด้างผิดหูเช่นนั้น “ช่างมันเถอะคุณแพน เปียกได้เดี๋ยวก็แห้งได้ อย่าเสียอารมณ์ไปเลย”

“ฉันโกรธไม่ใช่เฉพาะเรื่องที่เขาทำกิริยาแย่ๆกับคุณหรอกค่ะ แต่ฉันรู้ต่างหากว่าเขาจงใจมาแกล้งฉัน” “ก่อนที่ผมจะแหย่ให้เขาโมโห ท่าทางเขาไม่เห็นมีวี่แววว่าโกรธคุณเลย ทั้งที่เมื่อวานเขาไม่พอใจที่ถูกแย่งตำแหน่งผู้อำนวยการไป จนถึงกับยอมกลั้นใจจิกนายฤทธิ์ไปฟังเขาคร่ำครวญเลยนะ แถมยังเรียกคุณว่าเพื่อนทรยศอีกด้วย ทำไมวันนี้ถึงมาญาติดีกันซะแล้วล่ะ” คิรินทร์ถามอย่างระมัดระวัง

“เมื่อเช้าเกรซเอากระเช้าดอกไม้มาแสดงความยินดีกับตำแหน่งของฉัน แล้วก็ขอโทษเรื่องที่เอาผลงานฉันไป แถมยังยกงานใหญ่มาให้ฉันด้วย” พรนางฟ้าสะบัดเสียงสรุป แล้วเล่ารายละเอียดของเรื่องที่พูดคุยกับสุภัทรชาให้เขาฟังทุกคำพูด

“คุณเชื่อเรื่องที่เขาถูก...เจ้านายลวนลามด้วยเหรอ”

“เรื่องใหญ่ขนาดนั้น เกรซคงไม่กล้าโกหกหรอกมั้ง” พรนางฟ้าไม่แน่ใจ

“เอาเถอะ! เพื่อนคุณอาจพูดจริงก็ได้ ผมคงมองคนในแง่ร้ายไปเอง” เพราะเป็นคนนอก คิรินทร์จึงไม่กล้าฟันธงอะไรมากมายนัก ได้แต่หมายมาดในใจว่าเขาต้องหาคำตอบเรื่องพฤติกรรมเอาเปรียบพนักงานของแฟรงคลินให้ได้ว่าจริงเท็จแค่ไหน

พรนางฟ้ายิ้มบางๆ “อย่าพูดเรื่องที่ทำให้เสียอารมณ์อีกเลย ขอโทษจริงๆที่ทำให้คุณต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้”

“ผมทำตัวผมเอง ไม่เกี่ยวกับคุณสักหน่อย คุณอิ่มหรือยัง เราไปกันดีกว่าไหม”

“คุณยังไม่ได้ทานของหวานเลย” พรนางฟ้าแย้ง “ที่นี่ทำเครปชูเซตต์อร่อยมาก เป็นเครปนิ่มราดซอสส้มน่ะค่ะ เอาไหมคะ เดี๋ยวฉันจะได้สั่ง...”

“อย่าเลย เอาไว้วันหลังดีกว่า”

“แน่ะ! ยังจะมีโอกาสหน้าอีกเหรอ” พรนางฟ้าเลิกคิ้ว หัวเราะขันๆ “นึกออกละ ถ้าอยากให้มีคราวหน้าอีก ฉันคงต้องขอแรงคุณเป็นการตอบแทนแล้วละ”

“ขอแรงอะไร” คิรินทร์แปลกใจ

“ฉันกำลังแต่งคอนโดอยู่ค่ะ อยากได้โซฟาใหม่สักตัว วันเสาร์นี้คุณว่างไหม ไปช่วยฉันเลือกหน่อยสิ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวตอบแทน”

“เอาของกินมาล่ออีกแล้ว นี่ผมดูเป็นคนตะกละขนาดนั้นเชียวเหรอ” เขาอุบอิบกระเง้ากระงอด “เอาเถอะ ผมยินดีไปช่วยคุณเลือกโซฟา ถือเป็นการไถ่โทษที่ผมยั่วโมโหเพื่อนรักของคุณไปเมื่อกี้ละกัน”

พรนางฟ้ายิ้มเขินๆ “อย่าว่าโง้นงี้เลยนะ ที่คุณทำเมื่อกี้น่ะ ไม่มีอะไรต้องขอโทษเลย ฉัน...เอ่อ...อยากขอบคุณด้วยซ้ำ ไม่เคยมีใครยั่วโมโหจนเกรซเสียศูนย์ได้ขนาดนั้นเลยนะ ฉันคงเป็นเพื่อนที่แย่มากเลย ถ้าจะสารภาพว่าเห็นแล้วแอบสะใจ มันตลกดีจะตาย”

“คิดมากไปหรือเปล่าคู้น! ใครๆก็ต้องเคยรู้สึกแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ ไอ้พวกที่พูดว่าไม่เคยคิดเลยน่ะ โกหกทั้งเพ มันสำคัญแค่ว่าเราเอาความสะใจนั้นไปก่อความเดือดร้อนให้ใครหรือเปล่าต่างหากล่ะ แทนที่จะรู้สึกแย่กับตัวเอง น่าจะคิดอีกมุมนะว่าคุณกล้ามากพอที่จะยอมรับความจริง ว่าตัวเราไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นแค่ปุถุชนคนหนึ่งที่ยังรู้จักรักโลภโกรธหลงเหมือนคนทั่วไป”

“คุณมองโลกในแง่ดีจัง” พรนางฟ้ายิ้มกว้าง ท่าทางเบาใจขึ้นเยอะจริงๆ

คิรินทร์ดูเวลาที่ข้อมือแล้วบอก “คุณต้องกลับไปทำงานให้ทันบ่ายโมงหรือเปล่า”

“กลับสิคะ ยิ่งในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการ ฉันยิ่งต้องกลับเร็วกว่าคนอื่นด้วย จะได้เป็นตัวอย่างดีๆให้ลูกน้องดู”

หลังจากชำระเงินแล้ว ทั้งคู่จึงเดินออกจากซอยกลับไปที่สถานีรถไฟฟ้า คิรินทร์แกล้งแย้ง “นี่! สรุปว่าคุณยังติดเลี้ยงข้าวผมอยู่มื้อนึงนะ”

“ตลกละ คุณเพิ่งกินอาหารฝรั่งเศสไปเมื่อกี้แท้ๆ” เธอกลับมาเป็นคนช่างต่อปากต่อคำกับเขาอีกครั้ง

“นั่นคุณสุภัทรชาบังคับให้ผมกินแต่อะไรก็ไม่รู้ ผมยังไม่ได้กินไอ้ที่ผมอยากกินเลยนี่นา”

พรนางฟ้าเบิกตาโต อึ้งไปเสี้ยววินาที แล้วจึงหัวเราะคิก แหนบแขนเขาอย่างล้อเลียน “คุณนี่ชักจะหน้าเลือดใหญ่แล้วนะ”

“เอาน่า...ผมน่ะยังห่างไกลไชล็อกอีกเยอะ”

“ไม่ห่างแล้ว คุณนี่แหละ ไชล็อกกลับชาติมาเกิดแน่นอนเลย”

คิรินทร์รู้...ว่าเธอมีน้ำใจ และเขาก็รู้ด้วยว่าต้องทำยังไงให้เธอ...สงสาร

“แหมๆๆ ผมไม่ตั้งใจขนาดจะให้คุณแล่เนื้อมาใช้หนี้ค่ารูปหรอกน่า ผมก็แค่...อยากกินของดีๆบ้างเท่านั้นเอง แต่เวลาไปที่ร้านอาหารเขาไม่ยอมรับรูปแทนค่าอาหารนี่นา ตรงกันข้ามถ้าผมเอารูปมายกให้คุณแพน อย่างน้อยคุณก็เลี้ยงตอบแทนผมบ้าง พอให้ผมไม่อดตายไปได้อีกสักวันยังไงล่ะ” เขาพูดแล้วเปิดกระเป๋าที่สะพายพาดบ่าเฉียงๆอยู่ หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาส่งให้หญิงสาว

“กินกบตัวนั้นซะ เขียนโดยไบรอัน เทรซี” พรนางฟ้างึมงำ “คุณเอาหนังสือนี่มาให้ฉันทำไม”

“น้องชายผมบอกว่าถ้าอยากเป็นผู้บริหารควรอ่านหนังสือเล่มนี้ คนเขียนสอนให้เลิกผัดวันประกันพรุ่ง จัดลำดับงานที่ต้องทำในแต่ละวัน โดยเปรียบเทียบกับงานที่เกลียดที่สุดเป็นกบตัวใหญ่ ให้เราเริ่มกินจากกบตัวใหญ่ที่สุดก่อน คุณจะค่อยๆดึงศักยภาพของตัวเองออกมามากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นนักบริหารที่ดีได้ในที่สุด”

“คุณอ่านจบแล้วเหรอ” พรนางฟ้ารับหนังสือมาพลิกอ่านปกหลัง รูปกบหน้าตาน่าเกลียดบนหน้าปกสีเขียวใบไม้ และคำอธิบายเชิงเปรียบเทียบนั้นไม่น่าบันเทิงเลยสักนิด

“ผมให้ยืม อ่านจบแล้วค่อยเอามาคืนก็ได้” คิรินทร์เปลี่ยนเรื่องแทนการตอบคำถาม

“ขอบคุณละกัน” หญิงสาวหันไปยัดหนังสือใส่กระเป๋า แกล้งบ่น “ดีนะเนี่ยที่เอามาให้หลังอาหาร ขืนให้ฉันเห็นรูปกบบนหนังสือก่อน ฉันกินข้าวไม่ลงกันพอดี”

“เสียดายแฮะ รู้งี้เอาให้ก่อนก็ดี คุณจะได้กินน้อยๆ แล้วยกส่วนที่เหลือให้ผม เมื่อกี้อาหารให้มาจิ๊ดเดียว กินแล้วไม่เห็นอยู่ท้องเลย สงสัยต้องแวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งไว้สำรองด้วย บ่ายหิวแน่ๆ” คนพูดทำตาใส

“อะไร! เมื่อกี้เกรซเขาตักโน่นหั่นนี่ให้ชิมตั้งเยอะแยะ ยังไม่อิ่มอีกหรือ”

“ไม่อิ่ม ตับห่านก็ชิ้นจิ๋วเดียว อกเป็ดอะไรนั่นก็บางแทบเป็นกระดาษ”

พรนางฟ้าหัวเราะร่วน “คุณหิวน่ะสิ ถึงเห็นช้างตัวเท่ามด คุณเป็นผู้ชายตัวโตด้วยมั้ง กินแล้วเลยไม่อิ่ม แต่ถึงอาหารจะน้อยไปหน่อยสำหรับคุณ แต่มันก็อร่อยใช่ไหมล่ะ”

“อืม...หอยเชลล์กับผักโขมอร่อยดี ซุปก็ใช้ได้ แต่ผมว่าสู้ที่ปารีสไม่ได้หรอก”

“พูดยังกับเคยไปกินมาแล้วอย่างนั้นแหละ ฟังแล้วหมั่นไส้ชะมัด!”

“อ้าว ไม่เชื่อหรือไง ผมเคยไปกินอาหารฝรั่งเศสแท้ๆมาแล้วจริงๆนะ”

พรนางฟ้าส่ายหน้า โบกมือไม่เห็นเป็นจริงจัง “เอาเถอะๆ ถ้าคุณยืนยันหนักแน่นขนาดงั้น ฉันเชื่อก็ได้”

“เฮอะ! ผมรู้หรอกว่าคุณพูดไปอย่างนั้นเอง หน้าตาคุณไม่ได้เชื่อผมเลยสักนิด”

“รู้ก็ดีแล้ว” หญิงสาวยู่หน้า เมื่อมาถึงสถานีรถไฟฟ้าจึงดึงธนบัตรมาส่งให้เขา “นาย เอ๊ย! คุณไปแลกเหรียญมาหยอดค่ารถสิ ฉันออกให้เอง”

คนฟังแอบยิ้ม เห็นได้ชัดว่าระยะหลังนี่เธอเผลอเรียกเขาว่านายอย่างโน้น นายอย่างนี้บ่อยขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่านั่นมาจากความในใจหรือเพราะเจ้าหล่อนเหยียดเขาเป็นคนที่อยู่คนละระดับชั้นกันแน่

“เฮ้ย ไม่เป็นไรให้ผมจ่ายบ้างก็ได้”

“เอานี่ไปแหละดีแล้ว” เธอยัดเยียดเงินใส่มือเขา “ไวๆเถอะ ฉันไม่อยากกลับไปเข้างานสาย”

คิรินทร์ยักไหล่ ยอมเดินไปเข้าคิวแลกเหรียญเพื่อมาหยอดตู้ซื้อบัตรโดยสารแต่โดยดี

เมื่อปฏิบัติภารกิจเรียบร้อยและกลับมาเจอกันที่หน้าตู้ขายตั๋วอีกครั้ง พรนางฟ้าก็ยื่นถุงพลาสติกมาตรงหน้าเขาพร้อมกับเอ่ย “เอ้า! เห็นคุณบอกว่าไม่อิ่ม ฉันซื้อแซนด์วิชกับสลัดแถมให้ละกัน เผื่อตอนบ่ายๆหิวจะได้มีอะไรกิน ไม่งั้นเดี๋ยวจะพานมาโทษว่าเป็นความผิดของฉันที่พามาเลี้ยงข้าวแค่ครึ่งกระเพาะ!”

คิรินทร์กะพริบตาปริบ ได้แต่มองตามมือนุ่มๆที่ยัดเยียดถุงพลาสติกใส่มือเขา แล้วก็งัดเอาเหรียญที่เขากำไว้ไปหยอดตู้ซื้อบัตรโดยสารเองอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มก้มลงมองอาหารมื้อเล็กๆในถุงพลาสติกอยู่ครู่ใหญ่ แล้วรอยยิ้มบางๆก็แต้มขึ้นบนใบหน้าโดยไม่ทันควบคุม

ความนุ่มนวลอันไร้ที่มาแล่นเข้าเกาะกุมหัวใจ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้...สวย! ไม่ใช่ที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็น...น้ำใจ!





เพราะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกและรวดเร็วกว่าการขับรถฝ่าการจราจรในกรุงเทพฯ พรนางฟ้าจึงกลับมาถึงสำนักงานก่อนเพื่อนเล็กน้อย หญิงสาวหยุดที่หน้าประตูห้อง เหลียวกลับมามองโต๊ะลูกน้องในแผนกด้วยความภาคภูมิใจ “เหมือนฝันเลย ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นความจริง เราเป็นผู้อำนวยการแล้ว” เธอพึมพำในคอ กลั้นความในใจไม่ให้ดังไปเข้าหูคนอื่น รอยยิ้มแต้มบนหน้าเมื่อเธอนึกครึ้มอยากลองใช้อำนาจความเป็นผู้อำนวยการดูสักนิด พรนางฟ้าจึงหันไปทางโต๊ะของพนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด

เมื่อก่อน...วันไหนที่สุภัทรชาอยู่ออฟฟิศ เพื่อนมักสั่งให้เธอเรียกเครื่องดื่มยามบ่ายเข้ามาเสิร์ฟเสมอ วันนี้ถึงคราวที่เธอจะได้ทำอย่างนั้นบ้างแล้ว “ญาดา! เดี๋ยวสั่งแม่บ้านเอาชาเข้ามาให้ฉันตอนบ่ายสองด้วยนะ”

ญาดาซึ่งเคยนั่งที่โต๊ะข้างๆเธอ มีเพียงแผงพาร์ทิชันกั้นกลางสะดุ้งนิดๆ สีหน้ามีร่องรอยไม่พอใจวาบขึ้น ทว่าเจ้าตัวกลับพยักหน้านอบน้อมรับคำสั่ง “ได้จ้ะแพน”

“ดาควรเรียกเราว่า ‘คุณแพน’ นะ” พรนางฟ้าแนะนำ รอยยิ้มพึงใจเผยอกว้างขึ้นเมื่อลูกน้องชะงักไปเล็กน้อย ผู้อำนวยการป้ายแดงหมุนตัวเข้าห้องทำงานอย่างครึ้มอกครึ้มใจ มือบางหยิบแฟ้มงานโครงการที่สุภัทรชายกให้มาเปิดพิจารณาด้วยความสุขใจ ลำพองถึงชัยชนะที่เพิ่งเคยได้ลิ้มรส

พรนางฟ้าจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า เธอเขียนอีเมลรายการสั่งสินค้าส่งให้ฝ่ายจัดซื้อ จองคิวพนักงานติดตั้งและติดต่อหาลูกค้ายืนยันเวลาเข้าไปในสถานที่จริงเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ เพียงครึ่งชั่วโมงเศษโครงการที่สุภัทรชายกให้ก็ได้เข้าสู่กระบวนการของบริษัทอย่างรวดเร็วเปี่ยมประสิทธิภาพ พรนางฟ้าเขียนชื่อโครงการใส่ปฏิทินแผ่นยักษ์บนโต๊ะเพื่อเตือนความจำ เนื่องจากต้องส่งบันทึกการทำงานให้กับแฟรงคลินตามที่เขาเพิ่งสั่ง

ดวงตาที่ล้าจากการเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆเลื่อนขึ้นไปมองภาพวาดแม่เฟมินิสต์สาวชาววังที่ถูกย้ายตามมาแขวนบนผนังห้องตรงข้ามกับโต๊ะทำงานเพื่อพักสายตา ระหว่างกำลังปล่อยใจเพลิดเพลินไปกับความผ่อนคลาย เสียงเคาะประตูเบาๆก็ดังขึ้นจนเธอสะดุ้ง

“อ้าว! เกรซเองเหรอ มาเงียบๆตกใจหมดเลย” เธอปั้นปึ่งโดยอัตโนมัติ ถ้อยคำที่ถูกพัทธ์ธนัยประณามยังดังซ้ำๆในหัว ยิ่งกิริยาที่สุภัทรชาเหยียดย่ำคิรินทร์ ก็ทำให้หญิงสาวโยนความไม่พอใจไปลงที่สุภัทรชาทั้งหมด!

“ใครว่ามาเงียบๆ เกรซยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว แพนมัวแต่เหม่ออยู่น่ะสิ ถึงไม่รู้ตัว นี่...คิดอะไรอยู่ อย่าให้รู้นะว่าคิดถึงนายกระจอกนั่นอยู่น่ะ” สุภัทรชาถามห้วนๆ

พรนางฟ้าโกรธ เพราะสรรพนามและน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้ไม่น่าฟังสักนิด “ทำไมต้องห้ามคิดถึง พ่อยังไม่เคยมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเราเลย เกรซคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้คิดมาสั่งเราน่ะ”

“พูดร้ายกาจอีกแล้ว” สุภัทรชากระเง้ากระงอด “ที่เกรซเตือนก็เพราะห่วงหรอกนะ นายนั่นไม่มีอะไรเหมาะสมกับแพนสักนิด แพนสติดีอยู่หรือเปล่าถึงไปทำตัวสนิทสนมกับคนอย่างนั้น ดูก็รู้ว่าเขาตั้งใจจะเกาะแพนน่ะ”

“เราไม่ใช่เกรซ ไม่มีผู้ชายที่ไหนคิดเกาะเราหรอก” พรนางฟ้าปล่อยให้ความคิดแรกหลุดมาเป็นคำพูดโดยไม่ทันห้ามตัวเอง

“ก็เพราะแพนไม่ใช่เราน่ะสิ ไอ้หมอนั่นมันถึงคิดจะหลอก เพราะเราคงไม่โง่ปล่อยให้ผู้ชายแบบนั้นหลอกได้เด็ดขาด”

“คุณคิรินทร์ไม่ได้หลอกแพน เขาเป็นคนดีแล้วก็เป็นเพื่อนแพนด้วย”

คนฟังถอนหายใจทำสีหน้าระอา “แพนเอ๊ยแพน! จะซื่อไปถึงไหน ดูไม่ออกเลยเหรอว่าเขายกรูปให้เนี่ยก็เพราะจะใช้มันเป็นใบเบิกทางเข้ามาทำความสนิทสนมกับแพน นี่ขนาดเพิ่งผ่านไปไม่ถึงเดือน เขาก็หลอกให้แพนไปเลี้ยงอาหารฝรั่งเศสแล้ว ยิ่งคบไปเรื่อยๆ มีหวังหมอนี่คงหลอกให้แพนซื้อรถซื้อบ้านให้เลยละมั้ง”

“ถ้าเขาจะหลอกเพราะอยากได้บ้านได้รถก็ให้หลอกไปเถอะ เพราะเราไม่มีปัญญาซื้อไอ้ของที่ว่าให้เขาหรอก ความจริงที่เลี้ยงอาหารฝรั่งเศสเนี่ย คุณคิรินทร์ไม่ได้ขอ เราต่างหากที่เสนอให้เขาเอง เพราะเห็นว่าอาหารที่ร้านนั้นอร่อย แต่งร้านก็สวย ศิลปินอย่างเขาน่าจะชอบก็เท่านั้นเอง”

“งั้นแพนก็โง่มากเลยนะที่รู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของสิบแปดมงกุฎแบบนั้นน่ะ เขามาเล่าเรื่องชีวิตโศกรันทดให้ฟังดูน่าสงสารใช่ไหม”

คำปรามาสรุนแรงที่เพื่อนกล่าวหาเธอ ไม่ทำให้พรนางฟ้าหน้าชาเท่าสรรพนามที่สุภัทรชาเรียกผู้ชายอีกคนหนึ่ง “หยุดพูดถึงคุณคิรินทร์หยาบคายแบบนั้นได้แล้ว เขาไม่ใช่สิบแปดมงกุฎ เกรซไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า”

“อ๋อ นี่จะหาว่าเกรซสอดในเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตัวเองงั้นสิ”

“ใช่ แล้วเราก็ไม่ชอบให้เกรซพูดถึงคุณคิรินทร์แบบนั้นด้วย”

“เกรซเตือนแล้วนะ แพนไม่เชื่อก็ตามใจ” สุภัทรชายักไหล่ หมุนตัวกลับไปตามทางเดิมอย่างรวดเร็ว

เจ้าของห้องมองตามพร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า “ที่เต้นเป็นเจ้าเข้ามาทำเป็นหวังดี คงเพราะเสียหน้าที่คุณคิรินทร์ทำดีกับเรา แต่เมินใส่เจ้าหล่อนละสิ นึกว่าเรารู้ไม่ทันหรือไง!”



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2556, 04:51:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ย. 2556, 04:51:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1367





<< ตอนที่ ๘ (จบตอน)   ตอนที่ ๙ (จบตอน) >>
พันธุ์แตงกวา 9 ก.ย. 2556, 06:58:44 น.
ตอนนี้แพนเก่งขึ้นมาก ดูเหมือนจะเริ่มจับทางเกรซได้แล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย


lovemuay 9 ก.ย. 2556, 09:17:59 น.
บอกตามตรง เป็นห่วงแพนค่ะ ถ้าเริ่มบ้าอำนาจไป จะโดนพวกเพื่อนๆที่ทำงานรังเกียจเอานะ ไหนจะเรื่องที่เกรซวางยาไว้อีก
นางเอกบุคลิกไม่ค่อยเหมาะจะเป็นเจ้านายเลยค่ะ เพราะไม่ค่อยจะกล้าพูด กลเาทำ กลเาตัดสินใจ แถมยังไม่มีความเชื่อมั่นในตนเองอีก เจ้านายส่วนใหญ่จะบุคลิกแบบเกรซมากกว่า +55


sonakshi 9 ก.ย. 2556, 10:05:33 น.
สนุกดีค่่ะ ตลกนางเอกตอนคิดในใจแต่คนอื่นก็รู้


Sukhumvit66 9 ก.ย. 2556, 11:39:45 น.
แอบห่วงแพนด้วยเหมือนกันกลัวเหลิง กับอำนาจที่มีและก็เอาไปใช้ไม่ถูกวิธี
ขอให้นางสวย เก่ง ฉลาดถูกวิธีด้วยเถอะ เพี้ยง...


จิรารัตน์ 9 ก.ย. 2556, 12:11:17 น.
ว้า แพนทำตัวเหมือนเกรซเลยอ่ะ ไม่ดีนะคะ


goldensun 9 ก.ย. 2556, 16:35:44 น.
อำนาจที่ไม่เคยมี ดูจะทำให้แพนใช้ไม่เป็น จากที่ลูกน้องไม่ยอมรับฝีมือ วางอำนาจใส่ อาจทำให้ลูกน้องยิ่งเกลียดได้
น่าเป็นห่วง ใครจะช่วยเตือนได้ ได้ตำแหน่ง เลยกดเพื่อนร่วมงานหรือคะ แพน


นักอ่านเหนียวหนึบ 11 ก.ย. 2556, 03:05:06 น.
ชอบโมเมนต์ที่แพนอยู่กะคิรินทร์จังเลยยย
เป็นตัวของตัวเองที่สุด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account