Delusion เหลี่ยมรัก เล่ห์ลวง
(เรื่องต่อจาก Asylum หรือ ในกรงเพลิง สนพ.อินเลิฟ)


วุฒิสมาชิกแคเทรียน เนลีคาห์น แห่ง ดาวเคราะห์บาโรว์ ถูกลักพาตัวระหว่างเดินทางกลับบ้าน เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่่าตนเองกลายเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่กลายเป็นสินค้าของ เอธาน เฌอราส หนึ่งในผู้มีอิทธิพลของกลุ่มเครส และได้ทราบว่าเขาจะขายเธอให้แก่ผู้ที่ให้ราคาดีที่สุด!

Tags: ต่างดาว, เซเฟรัส, คีเรี่ยน, ยูรัส, แคเทรียน

ตอน: ตอนที่ 8


ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางแห้งผากจนแทบไม่เหลือประกายตาแจ่มใสเฉียบคมมองภาพสะท้อนของตนเองจากกระจกเงาตรงหน้า หญิงสาวผิวขาวจัดจนซีดเซียวมีเพียงชุดประโปรงนอนเนื้อนิ่มลื่นสีเทาอ่อนสั้นเหนือเข่าปกปิดร่างยืนนิ่งอยู่ภายใต้แสงไฟสีนวลสลัวรางดูไร้ชีวิตชีวาแถมหดหู่อย่างน่าเศร้า ริมฝีปากบางเม้มแน่นพร้อมเสยเส้นผมสีทองคำขาวหมาดชื้นให้พ้นหน้าผากอย่างเชื่องช้าไร้เรี่ยวแรงด้วยไม่รู้จะกอบกู้ตนเองขึ้นมาได้อย่างไร

น้ำอุ่นจัดจนเกือบร้อนผสมสบู่เหลวกลิ่นธรรมชาติหอมกรุ่นที่แสนโปรดปรานก็ไม่สามารถช่วยให้สีหน้าท่าทางย่ำแย่และความรู้สึกทุรนทุรายภายในบรรเทาลง แม้จะยินดีอยู่บ้างเมื่อไม่ต้องกลับที่พักไปอยู่ร่วมห้องกับวุฒิสมาชิกหนุ่มตามลำพังในโรงแรมหลังเขาสังเกตเห็นสีหน้าเธอเผือดซีดจนตัดสินใจขอรบกวนไซเร็คในคืนนี้ หากแคเทรียนก็ไม่ปรารถนาให้ตนเองต้องกลายเป็นภาระของอีกฝ่ายมากไปกว่าที่เป็นอยู่

เพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ว…

ยิ่งคิดกระบอกตาก็ยิ่งร้อนผะผ่าวจนแทบมองไม่เห็นเครื่องประทินผิวหลากหลายชนิดที่ปัณฑารีย์เตรียมไว้ให้เบื้องหน้า มีเพียงเสียงทุ้มนุ่มนวลแฝงความรำคาญใจเล็กน้อยจากปากยูรัสขณะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวที่มีต่อเธอให้ผู้หญิงอื่นฟังสะท้อนก้องอยู่ในหูจนความเจ็บปวดในอกทวีขึ้นกว่าเดิม แม้จะเคยมีความทรงจำอันเลวร้ายเกี่ยวกับเขามากเพียงใดก็ไม่เคยมีเรื่องไหนร้ายกาจเท่าสิ่งที่เพิ่งได้ฟังมาสดๆร้อนๆในช่วงหัวค่ำ

ต่อให้สิ่งที่เขาพูดออกมานั่นจะเป็นความจริงก็ตาม…

เปลือกตาประดับขนตายาวงอนเป็นกรอบล้อมรอบดวงตาสีอ่อนกะพริบถี่ขับไล่หยาดน้ำอุ่นระอุเอ่อขอบตาล่าง ลำคอตีบตันจนรู้สึกถึงก้อนอารมณ์แข็งๆผุดขึ้นมาจากความผิดหวังร้าวรานใจ ความภาคภูมิใจในความสามารถและศักยภาพของตนเองที่เคยมีมาตลอดตั้งแต่จำความได้ถูกทำลายจนย่อยยับไปอย่างง่ายดายด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของอีกฝ่าย

‘หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ผู้ชายจะให้ความสนใจ’

หากเปรียบคำพูดสั้นๆที่ทุกคนสามารถทำความเข้าใจได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามเป็นน้ำเย็นเฉียบสาดใส่หน้าคนนอนหลับไม่ให้ตั้งตัวจนสะดุ้งลุกพรวดขึ้นมา สำเนียงเรื่อยเฉื่อยไม่แสดงอะไรมากไปกว่าความรู้สึกเบื่อหน่ายของเขาก็ไม่ต่างจากการราดยาฆ่าเชื้อโรคสุดแสบลงบนแผลสดโดยไม่บอกกล่าวเสียก่อน

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาไม่พยายามติดต่อรักษาความสัมพันธ์ให้อยู่ในระดับใกล้ชิดเท่าเดิมหลังจากสำเร็จการศึกษาจากดาวเคราะห์มาตุภูมิของเธอ…

ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบอีกแล้วว่าทำไมเขาถึงเพิ่งมายอมรับว่าเธอคือแคเทรียนต่อหน้าสาธารณชนในวันนี้…

ในสายตาของยูรัส เธอมีค่าแค่เด็กหญิงที่เคยรู้จักกันในอดีตเท่านั้น!

เสียงครางกึ่งสะอื้นหลุดรอดจากริมฝีปากบางยามความเป็นจริงกระแทกเข้าใส่จิตใจจนสั่นไหวไปทั้งกาย หยาดน้ำใสหยดแรกไหลลงมาตามผิวแก้มขาวซีดก่อนจะพรั่งพรูตามลงมาเป็นสายเมื่อไม่อาจหักห้ามได้อีก

แคเทรียนซวนเซเล็กน้อยจากกระแสอารมณ์อันพลุ่งพล่านจนต้องรีบไขว่คว้าขอบโต๊ะเครื่องแป้งไว้ประคองตัว นิ้วเรียวยาวจิกเนื้อไม้แน่นราวกับตั้งใจจารึกร่องรอยของตนเองไว้เป็นอนุสรณ์ขณะไหล่บอบบางสั่นสะท้านไม่หยุด ดวงตาสีฟ้าอ่อนแสนเยือกเย็นปิดสนิทเมื่อเสียงสะอื้นปนหอบหลุดออกมาจากลำคอเป็นระยะ เพิ่งรู้ยามนี้เองว่าความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในหน้าที่การงานที่เคยมีไม่อาจช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจในเรื่องนี้ให้เลยแม้แต่น้อย

วุฒิสมาชิกสาวร่ำไห้อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะดึงแผ่นเช็ดหน้าเนื้อนุ่มออกมาซับน้ำตาที่เริ่มเหือดแห้ง ความชุ่มชื้นและสารบำรุงผิวในแผ่นเช็ดหน้าที่ไล้ผิวเนื้อในแต่ละครั้งช่วยให้ร่องรอยผิดปกติบรรเทาลงทีละนิด สำรวจภาพสะท้อนในกระจกเงาอีกรอบก็พบว่าสภาพอันน่าสมเพชก่อนหน้าดูมีสีสันขึ้นจากจมูกและดวงตาแดงช้ำที่ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะกลับเป็นปกติ มือขาวนวลเช็ดหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกำจัดหลักฐานความอ่อนแอทางจิตใจทั้งหมดทิ้งลงในช่องทิ้งขยะข้างโต๊ะแล้วก้าวออกจากห้องแต่งตัว

ร่างโปร่งบางนั่งพิงหัวเตียงแล้วดึงผ้าห่มนวมหนานุ่มคลุมท่อนล่างเมื่อรู้สึกว่าจิตใจยังไม่สงบดีนัก ทิ้งศีรษะสีทองคำขาวไปเบื้องหลังพร้อมปิดเปลือกตาบวมร้อนขณะพยายามระงับอารมณ์ที่ถาโถมเข้าใส่ในคืนนี้ให้ราบคาบ พยายามเพิกเฉยไม่ใส่ใจต่อความน้อยใจระคนหึงหวงที่ก่อตัวขึ้นมาระหว่างช่วงหัวค่ำยามได้ฟังและเห็นพฤติกรรมบุคคลทั้งสองโดยไม่คาดฝัน หากสิ่งที่คิดจะขับไล่ออกไปจากสมองกลับวนเวียนดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟังง่ายๆ

ทั้งกิริยาและวาจาของผู้หญิงคนนั้นประกาศชัดถึง ‘ความหลัง’ ที่พวกเขามีร่วมกัน ต่อให้ไม่ได้อยู่ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ต่อจนจบก็แน่ใจว่ายูรัสไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าของเสียงแหบนิดๆที่แฝงการยั่วยวนทางเพศแน่

แล้วเธอชอบผู้ชายแย่ๆอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?

แม้ชายหนุ่มจะเป็นที่ชื่นชอบด้วยภาพลักษณ์ที่เขาดูแลให้ปรากฏออกมาอย่างประณีตเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ หากนิสัยภายในที่เธอพอจะยอมรับได้คือความหนักแน่นมั่นคงในจุดยืนของตัวเอง ความมีน้ำใจต่อผู้คนใกล้ชิดรอบกายไปจนถึงลูกน้องทั้งหลาย และการแยกแยะให้ความสำคัญกับเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีสิ่งที่สามารถกล่าวด้วยความยกย่องชื่นชมได้เต็มปากนัก เพราะคุณสมบัติส่วนใหญ่ของเขามักจะเอนเอียงไปด้านลบมากกว่าดีในสายตาเธอ

ดูแค่เรื่องซื้อผู้หญิงชาวโลกก็น่าจะพอ…

หญิงสาวลืมตาพร้อมผ่อนลมหายใจยาวเมื่อยังไม่สามารถหาคำตอบให้แก่คำถามของตนเองได้ในขณะนี้ หากคิดต่อไปก็รังแต่จะส่งผลให้รู้สึกแย่ลงเพราะหลงรักผู้ชายที่มีข้อดีน้อยกว่าข้อเสีย แต่พอเตรียมจะพักผ่อนกลับต้องหันขวับไปยังบานประตูที่เปิดเข้ามาจากส่วนนั่งเล่นด้านนอกทันที

ทว่าบุคคลที่เข้ามากลับไม่ใช่คนที่เธอกำลังคิดถึงเลย…

“คุณเข้ามาได้ยังไง!?” เสียงนุ่มเบากลายเป็นเสียงแหลมพร่าเปี่ยมไปด้วยความตระหนกตกใจกับผู้บุกรุกที่ล่วงล้ำเข้ามาแม้จะล็อกประตูระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนไว้ก่อนแล้ว

ดวงตาสีฟ้าอ่อนเบิกกว้างขณะลุกขึ้นมานั่งหลังตรงจ้องร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อแขนยาวสีเขียวเข้มพอดีตัวกับกางเกงขายาวสีดำเต็มไปด้วยกระเป๋ายืนพิงไหล่ซ้ายเข้ากับกรอบประตูนิ่ง แม้เรือนผมสีดำสนิทที่หวีเสยอย่างสุภาพในงานเลี้ยงตกลงมาปรกหน้า ผากบางส่วนจนยากจะเห็นสีหน้าในเงามืดชัดเจน หากการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายในที่รโหฐานของเธอก็เพียงพอจะทำให้วุฒิสมาชิกสาวหวาดระแวงในความปลอดภัยของตนเอง

คำถามกึ่งอุทานส่งผลให้ศีรษะคนฟังเอียงไปด้านข้างนิดๆราวกับพยายามคิดหาคำตอบก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขันระคนอ่อนใจที่ทำให้โทสะของหญิงสาวพุ่งขึ้นทันควัน

“คุณคงไม่อยากให้ผมตอบว่าเดินเข้าประตูมา ดังนั้นผมขอตอบว่าปีนเข้ามาทางระเบียงก็แล้วกัน”

“ไม่ว่าคุณจะมาทางไหน คุณเซส เชิญกลับออกไปทางนั้นเลย ฉันไม่ต้อนรับ!” แคเทรียนกระแทกเสียงพลางกำผ้าห่มนวมในมือแน่น พยายามข่มกลั้นอารมณ์โกรธและความกลัวในสถานการณ์ที่ดูจะตกเป็นรองอีกฝ่ายมากเช่นนี้

พ่อค้าอาวุธหนุ่มดันตัวจากกรอบประตูแล้วเดินทอดน่องเข้ามาในเขตห้องนอนพร้อมเดาะลิ้นทำเสียงไม่เห็นด้วย ทุกอิริยา บถของเขาตกอยู่ภายใต้สายตาระแวดระวังของหญิงสาวชาวบาโรวิทตลอดเวลา จนกระทั่งชายหนุ่มมาหยุดยืนห่างจากปลายเตียงกว่าห้าก้าวโดยไม่มีทีท่าจะเข้าใกล้มากกว่านั้น เจ้าของห้องจึงใจชื้นขึ้นเล็กน้อย

“ไม่โรแมนติกเลยนะคุณนี่” คิ้วเข้มรูปปีกนกขมวดเข้าหากันพลางส่ายหน้าเป็นเชิงตำหนิเช่นเดียวกับคำพูด “ช่างไม่เห็นใจผู้ชายที่ปีนระเบียงเสี่ยงอันตรายขึ้นมาหากลางดึกบ้างเลย”

หญิงสาวจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มไม่ละสายตาพร้อมขยับริมฝีปากช้าๆให้อีกฝ่ายเห็นชัดเจนว่าเธอเอาจริงและไม่คิดจะสานต่อบทสนทนาน่าขัดใจกับเขาอีก

แต่ก่อนที่เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือให้พ้นจากผู้ชายเจ้าชู้น่ารังเกียจคนนี้จะหลุดจากลำคอ ร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนปล่อยตัวตามสบายก็ดีดตัวกระโจนขึ้นคร่อมพร้อมปิดปากเธอไว้แน่นหนาในชั่วพริบตาเดียว!

ทั้งปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วว่องไวจนมองตามไม่ทันและน้ำหนักตัวของอีกฝ่ายส่งผลให้วุฒิสมาชิกสาวผู้โดนกดลงไปนอนแผ่จ้องใบหน้าสีน้ำตาลทองในระยะประชิดด้วยอาการตาค้างระคนหวาดผวา ทว่าพ่อค้าอาวุธหนุ่มกลับขยับยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแผ่วเบาแค่พอให้หล่อนได้ยิน

“ผมอยากให้คุณร้องครวญครางตอนผมทำให้คุณรู้สึกดีมากกว่า”

เพียงเท่านั้นหญิงสาวก็ดิ้นรนเต็มกำลังทันที!

แคเทรียนหลับตาสะบัดแขนเตะถีบขารัวระดมใส่ร่างใหญ่เท่าที่จะสามารถขยับได้ ความตื่นตระหนกในสถานการณ์คับขันล่าสุดของตนเองกระตุ้นให้เรี่ยวแรงที่เหือดหายไปกลับคืนมาอีกครั้งอย่างทวีคูณ ทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อการเอาตัวรอดจากผู้ชายชั่วร้ายปราศจากสามัญสำนึกด้านดีใดๆแม้ส่วนเสี้ยวเดียว

แววหงุดหงิดวาบผ่านเข้ามาในดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินเมื่อการขัดขืนของหล่อนหนักหน่วงขึ้นทุกทีก่อนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อความสนใจตื่นเต้นบังเกิดขึ้นในใจ ชายหนุ่มขยับตัวหลบเข่าที่พุ่งเฉียดเป้ากางเกงโดยบังเอิญก่อนตรึงท่อนล่างหญิงสาวชาวบาโรวิทด้วยการใช้ขาตนเองกดต้นขาทั้งสองข้างของหล่อนจนขยับไม่ได้ ปล่อยมือจากปากเพื่อรวบข้อมือเล็กบางทั้งสองข้างขึ้นไปไว้เหนือศีรษะมิให้อาละวาดต่อไปซึ่งจบสิ้นลงภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที

ดวงตาสีฟ้าอ่อนยิ่งจางสีลงเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายลอยอยู่ห่างกันไม่กี่นิ้วและสัมผัสถึงปลายผมสีดำหยักศกที่ตกลงมาปัดไล้ข้างแก้ม น้ำหนักตัวทั้งหมดของชายหนุ่มทาบทับบนร่างจนแทบหายใจไม่ออก สภาพอันไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ยามจิตใจอ่อนไหวไม่มั่นคงประกอบกับความใกล้ชิดแนบสนิทของร่างกายส่งผลให้ริมฝีปากที่เป็นอิสระสั่นนิดๆ ยิ่งดวงตาคมสะท้อนแสงสลัวเป็นประกายวาววามจ้องมองมาตรงๆก็ยิ่งเร่งให้สติสัมปชัญญะขาดผึงเร็วขึ้น

“ถ้าคุณร้องไห้ ผมจะถูกบังคับให้ต้องปลอบนะ”

แม้เสียงต่ำห้าวเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงหัวใจเต้นระทึกจะแฝงไปด้วยความเย้ายวนชวนใจอย่างที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน หากคำเตือนในประโยคนั้นกลับไม่อาจหยุดยั้งมิให้หยาดน้ำจากอารมณ์ขัดแย้งอันหลากหลายไหลออกจากหางตาได้

เธรอนทาบริมฝีปากทับกลีบปากบางสีระเรื่อทันทีที่ได้ยินเสียงครางปนสำลักอันเป็นสัญญาณบ่งว่าการควบคุมตนเองสลายไป แม้ดวงหน้าสวยจะพยายามเบือนหนีซ่อนความอ่อนแอของตนเองก็ถูกบังคับให้อยู่นิ่งเมื่อมือใหญ่แข็งกระด้างคว้าเส้นผมยาวพันกระชับไว้แน่น สัมผัสอุ่นจนร้อนไม่คาดฝันจากหนุ่มชาวคีเรี่ยนประกบนิ่งชั่วครู่ก่อนผละออกไปจ้องมองเงียบๆ

“ชอบวิธีปลอบของผมไหม”

ปากสวยได้รูปของชายหนุ่มขยับยิ้มขันหลังเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของสาวสวยที่ดูจะลืมร้องไห้ไปชั่วขณะ นิ้วหัวแม่มือหยาบกระด้างปาดไล้หยาดน้ำตาออกจากผิวแก้มนุ่มเนียนทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบาทะนุถนอมจนเธอรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ที่แนบชิด และก่อนที่หญิงสาวจะได้เอ่ยอะไรเขาก็ก้มลงมาอีกครั้ง

วุฒิสมาชิกสาวหลับตาสกัดกั้นความเจ็บปวดทั้งหลายในจิตใจที่ได้ประสบมาในค่ำคืนนี้เช่นเดียวกับที่พยายามไม่ใส่ใจกับจุมพิตของอีกฝ่าย ทว่าความคิดความรู้สึกที่มิได้ให้ความสนใจมานานหลายปีและความเครียดในช่วงนี้กลับท่วมท้นร่างไม่ต่างจากเขื่อนมีรูรั่วไม่อาจกักเก็บน้ำแรงดันมหาศาลได้อีก

เมื่อเขารุกเข้าโลมลูบปากนุ่มด้วยลิ้นคล่องแคล่วแล้วขบเม้มดูดดึงเนื้อนุ่มที่ค่อยๆเผยอแย้มออกอย่างเชื่องช้าเร้ารัญจวน ร่างโปร่งบางก็นอนนิ่งผ่อนคลายให้สัมผัสของอีกฝ่ายรั้งเธอเข้าสู่การปลอบประโลมช่วยให้ลืมเลือนความเจ็บปวดแม้เพียงชั่วคราว แถมความจัดเจนของชายหนุ่มยังกระตุ้นให้เริ่มตอบสนองต่อรสเสน่หาอันไม่คุ้นเคยที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างระมัดระวัง

ปฏิกิริยาตอบสนองของหญิงสาวชาวบาโรวิทกระพือทั้งความสนใจและความปรารถนาของพ่อค้าอาวุธหนุ่มให้ทวีขึ้นโดยอัตโนมัติ รูปลักษณ์อันงดงามจับตาที่ได้เห็นในงานเลี้ยงทำให้เขาอยากรู้ว่าหล่อนจะให้ความรู้สึกอย่างไรยามสัมผัสแตะต้อง และเธรอนก็ไม่รีรอทำตามความคิดนั้นด้วยการตวัดเลียมลิ้มชิมรสชาติของหญิงสาวไปพร้อมกับลูบไล้ผิวนุ่มเย็นบนหัวไหล่ลงไปถึงสีข้างด้วยลีลาใจเย็นละเมียดละไมจนเรียกเสียงครางแผ่วจากลำคอระหง

รสสัมผัสจากริมฝีปากชายหนุ่มดึงดูดและล่อลวงแคเทรียนเข้าสู่โลกแห่งความปรารถนารุนแรงที่สามารถจับต้องได้ ไออุ่นจากร่างใหญ่ ความร้อนที่ค่อยๆระอุขึ้นภายใน และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นดูจะเป็นจริงยิ่งกว่าทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในวันนี้

น่าพิสมัยมากกว่าด้วย…

หญิงสาวโอบแขนรัดรอบกายอีกฝ่ายขณะเพลิดเพลินไปกับการเล้าโลมด้วยมือที่เชี่ยวชาญก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกดแนบต้นขา เมฆหมอกหลากสีที่ลอยอ้อยอิ่งเวียนวนในสมองถูกความรู้สึกไม่ชอบมาพากลปัดเป่าออกไปหมด แล้วข้อเท็จจริงของสถานการณ์อันไม่เหมาะสมทั้งหมดก็หวนกลับมาอย่างรวดเร็วจนสะดุ้งเฮือกและเผลอขบริมฝีปากอีกฝ่ายพร้อมกัน!

“ไปให้พ้นฉันนะ!”

เสียงแหลมพร่าดังขึ้นพร้อมออกแรงดันชายหนุ่มให้พ้นตัวพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นนั่ง อาการหอบเล็กน้อยจากความตระหนกในพฤติกรรมของตัวเองและความเร่าร้อนที่ยังหมุนวนไปทั่วร่างส่งผลให้ดวงหน้างดงามแดงก่ำ มือขาวจัดกระชากผ้าห่มขึ้นปิดบังร่างที่มีเพียงชุดนอนบางเบาปกปิดขณะจ้องใบหน้าคมเข้มด้วยนัยน์ตากร้าวแข็งจัดจ้า

พ่อค้าอาวุธหนุ่มนั่งคุกเข่าพิจารณาหล่อนเงียบด้วยดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินเป็นประกายวาววามอย่างใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเลียแผลเลือดซึมบนริมฝีปากตนเอง ร่างสูงใหญ่ก้าวลงไปยืนเตียงโดยไม่ละสายตาจากหญิงสาวเบื้องหน้า

“ไม่ต้องกลัว คืนนี้ไม่เหมาะที่ผมจะเข้าไปอยู่ในตัวคุณหรอก”

วุฒิสมาชิกสาวผงะเล็กน้อยเมื่อได้ฟังวาจาเปิดเผยเข้าขั้นหยาบที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเยือกเย็นของอีกฝ่าย ได้แต่มองเธรอนสาวเท้าตรงไปยังประตูห้องอย่างเงียบกริบที่ชะงักฝีเท้าแล้วเหลียวข้ามบ่ากลับมาเป็นครั้งสุดท้าย

“แล้วพบกันใหม่ แคเทรียน”

สิ้นเสียงประตูปิด เปลือกตาประดับขนตายาวงอนสีทองคำขาวก็กะพริบถี่ขับไล่น้ำตาเอ่อคลอและอาการล่องลอยมึนงงในสมองอยู่ครู่ใหญ่ ไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่าชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวออกจากจากห้องไปไม่นานเดินสวนกับวุฒิสมาชิกหนุ่มที่โถงทางเดินกลางอันเงียบสงบยามราตรี

ไม่ได้เห็นอากัปกิริยาเรื่อยเฉื่อยปล่อยตัวตามสบายและรอยยิ้มท้าทายระคนรู้ทันของพ่อค้าอาวุธหนุ่มที่ลั่นสัญญาณเตือนในสมองยูรัสให้รีบกลับเข้าห้องพักโดยเร็วที่สุด!





“ผมจะแวะมาอีกแน่”

ชายร่างสันทัดวัยกลางคนในเครื่องแต่งกายลำลองดูดีมีราคาเอ่ยทิ้งท้ายก่อนก้าวออกจากร้านอาหารขนาดกลางตกแต่งสวย งามกลมกลืนกับธรรมชาติรอบด้าน ปล่อยให้คำรับรองถึงความพร้อมในการต้อนรับเขาสำหรับคืนต่อไปของบริกรลอยตามหลังมาขณะเดินทอดน่องไปตามถนนเลียบริมธารน้ำอย่างอารมณ์ดี

นายแพทย์อดอร์โน เวอร์ริบัส เดินเอื่อยๆไปตามทางที่มีเสาไฟริมถนนให้ความสว่างเป็นระยะพลางชื่นชมสภาพแวดล้อมรอบกายดังที่ปฏิบัติจนกลายเป็นกิจวัตรมาทุกคืน เสียงสัตว์และแมลงราตรีชนิดต่างๆดังแว่วมาพร้อมกับกลิ่นอายเขียวชอุ่มสดชื่นของหุบเขากลางฤดูร้อน สายลมยามค่ำคืนหอบความเย็นฉ่ำมาปะทะนาสิกประสาทจนนึกอยากจะได้ไวน์อีกสักแก้วเพื่อเฉลิมฉลองความสุขที่ไม่ได้สัมผัสบ่อยนัก พอคิดถึงอาหารมื้อค่ำแบบพื้นถิ่นเมเคอราสที่แสนเลิศรสจนไม่คิดว่าจะได้พบในร้านอาหารระดับครอบครัวราคาเหมาะสมก็ยิ่งอารมณ์ดีกว่าเดิม

ตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกมาที่นี่…

ดาวดารดาษบนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่ไม่อาจเห็นได้จากเมืองใหญ่เปี่ยมไปด้วยความเจริญทางวัตถุหรือดาวเคราะห์บางดวงกะพริบวิบวาวราวกับกำลังขยิบตาให้จนคนเห็นอดยิ้มกับตนเองมิได้ รอยยิ้มยิ่งกว้างขึ้นเมื่อคิดถึงจำนวนเงินหน่วยเซเฟสซึ่งไม่อาจหาได้ในชีวิตนี้ที่ถูกโอนเข้าบัญชีลับก่อนจะเดินทางมาเยือนที่นี่

ค่าจ้างจากการฉีดยาเพียงเข็มเดียว!

กว่าสามสิบปีที่ต้องปฏิบัติงานอยู่ในหมู่ผู้กระทำผิดมากมายหลายประเภททำให้เขารู้ซึ้งถึงความไร้ประโยชน์ของวิธีการลง โทษในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่ารัฐจะพยายามใช้มาตรการต่างๆเพื่อดัดนิสัยของผู้กระทำผิดมากมายสักเพียงไหน สันดานอันบิดเบี้ยวเลวร้ายของนักโทษส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

ชีวิตนายแพทย์ประจำทัณฑสถานต้องเสี่ยงกับอันตรายที่สามารถเกิดจากน้ำมืออาชญากรชั่วร้ายที่อาจไม่พอใจกับการรักษาหรือคุ้มคลั่งด้วยอาการทางจิตประสาทอยู่ทุกวัน หลายครั้งที่ผู้เป็นแพทย์ได้รับคำสั่งให้มอบสภาวะ ‘จำศีล’ แก่นักโทษผู้มีพฤติกรรมเลวทรามต่ำช้าจนไม่อาจปล่อยให้ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำร่วมกับนักโทษอื่นตามปกติได้ นักโทษรายนั้นจะตกอยู่ในสภาพผู้ป่วยอาการหนักที่ได้รับการหล่อเลี้ยงชีวิตไว้จนกว่าจะพ้นโทษหรือเสียชีวิตไปเองตามธรรมชาติเมื่ออยู่ใต้สภาวะที่ไม่สามารถทำประโยชน์ใดๆได้

แน่นอนว่ามีหลายคนที่สมควรจะโดน ‘จำศีล’ โดยไม่มีกำหนด…

แต่นั่นดูเหมือนจะไม่เพียงพออีกต่อไป…

หลายปีหลังนี้เขาได้เห็นความน่าขยะแขยงในจิตวิญญาณของเหล่านักโทษค่อยๆเล็ดลอดแทรกซึมเข้าไปในหมู่ผู้คุมจนทั้งเรือนจำมีแต่การใช้กำลังและอำนาจเหนือกว่าเพื่อบีบบังคับให้ผู้อื่นทำตามความต้องการของตัวเอง ความมืดดำกำลังแผ่ขยายจากภายในออกสู่ภายนอกอย่างเชื่องช้าและเงียบกริบจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น ส่งกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนซากสัตว์ที่ตายลงรุนแรงขึ้นทุกขณะแม้จะได้รับการย่อยสลายจากธรรมชาติตามที่ควรจะเป็น

และมันก็ทำให้เขาเริ่มทนไม่ได้มากขึ้นทุกที…

การปฏิบัติหน้าที่ต่อไปโดยทำเป็นไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้นมิใช่สิ่งที่เขาต้องการจะทำ หากแพทย์เพียงคนเดียวไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในทูโลรินมองไม่เห็นได้

จนกระทั่งวันที่เขาได้รับการติดต่อจากเคเซรอส…

ร่างสันทัดผ่อนฝีเท้ายามหวนระลึกถึงผู้จ้างวานที่มีอุดมการณ์เดียวกันซึ่งติดต่อเข้ามาเมื่อสามปีก่อน แม้ในตอนแรกเขาจะไม่ไว้วางใจและไม่คิดจะให้ความร่วมมือด้วย หากข้อพิสูจน์ที่ได้ทราบจากเรือนจำอีกแห่งหนึ่งที่มีผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันทำงานอยู่ภายใต้คำสั่งของเคเซรอสช่วยยืนยันให้เขามั่นใจในจุดมุ่งหมายของอีกฝ่ายมากขึ้น

จุดมุ่งหมายที่ปรารถนาจะกำจัดเศษสวะสังคมออกไปจากกาแล็กซีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้…

จะมีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่าการทำงานที่เต็มใจทำและได้รับค่าตอบแทนด้วยเล่า?

ในเมื่อ ลิสโต เคอร์กิส ก็เป็นหนึ่งในเศษสวะที่ควรถูกกำจัดเช่นกัน!

สายลมเย็นฉ่ำโชยชายผ่านร่างช่วยเรียกสติของนายแพทย์วัยกลางคนให้หลุดออกจากภวังค์ เมื่อรู้ตัวว่าเผลอหยุดเดินจึงเริ่มก้าวเท้าต่อเร็วขึ้นให้กลับไปทันเวลาได้อาบน้ำและดูรายการแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการที่อพาร์ตเมนต์เช่าระยะสั้นซึ่งรับสัญญาณดาวเทียมข้ามดาวเคราะห์ครบทุกช่อง

ทว่ายังไม่ทันจะเดินได้ถึงห้าก้าวก็ถูกกระแทกอย่างรุนแรงจากเบื้องหลังจนล้มลงไปนอนคว่ำหน้ากับพื้นโดยไม่ทันรู้ตัว!

ความเจ็บปวดจากกลางหลังและร่างกายด้านหน้าที่กระแทกพื้นทั้งหมดแผ่ซ่านจนคนโดนโจมตีส่งเสียงครางพร่า อีกสองวินาทีต่อมาก็ต้องร้องลั่นจนก้องราตรีเมื่อน้ำหนักมหาศาลทิ้งลงมาบนข้อกระดูกสันหลังจนมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากแสงสว่างวาบแปลบปลาบหลังเปลือกตา

“อดอร์โน เวอร์ริบัสใช่ไหม”

เสียงเข้มงวดฟังน่ากลัวตะคอกถามพร้อมกับกระแทกบางอย่างที่น่าจะเป็นอาวุธอันตรายใส่ด้านหลังศีรษะ การกระทำนั้นเรียกเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบให้ผุดขึ้นบนหน้าผากและฝ่ามือยามกระแสยะเยือกแล่นตั้งแต่ศีรษะลงไปยังปลายเท้า ความหวาดกลัวแผ่กระจายให้ร่างกายสั่นเทาลืมเลือนความเจ็บปวดทั้งหมดจนสิ้น

“อย่านะ! อย่าทำอะไรผม ผมยอมแล้ว!”

“อดอร์โน เวอร์ริบัสใช่ไหม” เสียงเดิมถามอีกครั้ง คราวนี้ดังขึ้นกว่าเดิมมากจนชายวัยกลางคนพยายามผงกศีรษะตอบรับทั้งที่หน้าแนบพื้นพร้อมๆกับร้องเสียงหลง

“ใช่! ผมเอง อย่ายิงนะ ได้โปรด...อย่าฆ่าผมเลย…”

“หุบปาก!”

“กรุณาเถอะ” นายแพทย์วัยกลางคนอ้อนวอนเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัวเต็มที่ ครั้นพยายามตะแคงศีรษะก็ได้เห็นร่างในชุดสีเข้มเดินตรงเข้าหาพร้อมกับเข็มฉีดยาชนิดที่นิยมใช้กันในกองทัพ ดวงตาสีอ่อนเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อรายชื่อยาอันตรายชนิดต่างๆที่รู้จักแวบผ่านเข้ามาในสมองด้วยความเร็วราวกับฟ้าแลบ

หากไม่มีใครสนใจเสียงอ้อนวอนนั้นอีก…

หัวหน้าทีมซึ่งยืนห่างออกมาจากเป้าหมายที่กำลังถูกจับฉีดยาดึงเครื่องมือสื่อสารออกจากเข็มขัดกดเลือกช่องสัญญาณพิเศษที่กำหนดไว้ให้สามารถสื่อสารผ่านดาวเทียมได้เมื่อเห็นว่าทุกอย่างจบลงโดยไม่มีปัญหาใดหลงเหลือ ทันทีที่ได้ยินเสียงตอบรับสั้นๆก็รายงานสถานการณ์ล่าสุดให้อีกฝ่ายทราบ

“จับได้แล้วครับ เราจะพาตัวกลับไปทันที”





ดวงตาสีเขียวมรกตพิจารณาภาพจำลองสามมิติของแผนผังอาคารพักอาศัยแห่งสุดท้ายที่มีการกำหนดจุดด้วยสีต่างๆสำหรับวางกำลังรักษาความปลอดภัยเตรียมรอเขากลับไปยังรีเอสอีกครั้ง หูฟังเสียงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของตระกูลอธิบายขั้นตอนในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในแต่ละตำแหน่งจนจบก่อนเอ่ยถามถึงสิ่งที่กังวลมาตั้งแต่เริ่มการพบปะครั้งนี้

“แล้วฟีเรนท์ส์ล่ะ”

“ผมส่งคนไปช่วยดูแลความปลอดภัยของคุณฟีเรนท์ส์เพิ่มแล้วครับ ทุกคนได้รับคำสั่งให้ดูแลกวดขันอย่างเข้มงวด ส่วนการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเข้าไปในที่พักก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว”

ศีรษะสีน้ำตาลอ่อนผงกรับทราบขณะกวาดตามองรายละเอียดในแผนผังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหันมาแสดงความพอใจด้วยการยิ้มให้กับบุคคลผู้เดินทางมายังดาเมเนสอย่างรวดเร็วตามคำสั่งซึ่งสามารถวางแผนรักษาความปลอดภัยได้อย่างรัดกุมสมกับความไว้วางใจที่มีให้

“ทำได้เยี่ยมมาก ผมไม่เห็นข้อบกพร่องสักอย่างเดียว”

“ผมจะพยายามไม่ให้พลาดจนเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นครับ โดยเฉพาะกับมืออาชีพอย่างไอ้พวกนั้น” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยวัยกลางคนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดถึงสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “บอกตามตรงว่าผมไม่ชอบใจเลยที่ยังมีคนทำเรื่องพรรค์นี้อยู่ได้ ดาวคีรานอะไรนั่นก็เป็นอิสระมาเกือบสามสิบปีแล้ว ยังตามจองล้างจองผลาญกันขนาดนี้คงมีเรื่องไม่ธรรมดาเกิดขึ้นในสมัยนั้นแน่”

“ถ้าคุณอยากรู้เรื่องพวกนั้นคงต้องไปถามพ่อผมด้วยตัวเองนะ ภายในหนึ่งชั่วโมง เขาสามารถสรุปเรื่องทั้งหมดให้คุณฟังโดยไม่ตกหล่นอะไรเลยสักอย่างเดียว บางทีอาจจะเล่าเกร็ดเล็กๆน้อยๆให้ฟังด้วย หรือลองไปถามฟีเรนท์ส์ก็ได้ เจ้าหนูนั่นฟังจากเขาจนละเมอออกมาได้แล้วล่ะมั้ง”

ใบหน้าสีน้ำตาลเข้มราวเปลือกไม้แห้งเต็มไปด้วยริ้วรอยกร้านแกร่งของชีวิตที่ต้องเสี่ยงภัยมาตลอดเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวเมื่อคิดถึงผู้ชายสองคนที่ผู้เป็นเจ้านายเอ่ยถึง เขาแน่ใจว่าชายคนแรกมีความสามารถเกินกว่าที่ยูรัสบอกเมื่อคำนึงถึงอาชีพการงานที่อยู่ในแวดวงวิชาการมากว่าครึ่งชีวิต ส่วนคนที่สองซึ่งกำลังจะจบการศึกษาระดับสี่และตั้งใจจะเพิ่มเติมวิชาความรู้ต่อในระดับห้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านั้นคงลากเขาไปซักถามถึงสาเหตุของการยกระดับการรักษาความปลอดภัยไปจนถึงการเคลื่อนไหวทั้งหมดของสมาชิกในตระกูลจนพอใจถึงปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายถามได้บ้าง

“อย่าดีกว่าครับ ผมยังมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง ไม่มีเวลาไปนั่งฟังบรรยายหรือตอบข้อสงสัยหรอกครับ”

ริมฝีปากบางได้รูปของวุฒิสมาชิกหนุ่มขยับเป็นรอยยิ้มกว้างเมื่อได้ฟังคำปฏิเสธติดจะแขยงเล็กน้อยแล้วหยิบคอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็กกว่าฝ่ามือจากโต๊ะทำงานขึ้นมาออกคำสั่งส่งข้อมูลให้อีกฝ่าย

“งั้นข้อมูลนี่คงช่วยคุณได้ ประวัติของดาวคีรานกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มันอาจจะไม่ละเอียดนัก เพราะผมไม่ได้บอกเวโรนิก้าให้รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอก็เลยไปค้นรายละเอียดส่วนหนึ่งจากหนังสือประวัติศาสตร์มาสรุปเอง”

“ก็หวังอย่างนั้นนะครับ” คู่สนทนาเอ่ยเสียงแห้งขณะหยิบเครื่องของตนออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านในเพื่อตรวจดู รู้ดีว่าเลขานุการส่วนตัวของผู้เป็นเจ้านายมีความละเอียดรอบคอบสมกับที่ได้รับค่าตอบแทนจำนวนไม่น้อยในแต่ละเดือน และเขาก็แน่ใจว่าหล่อนต้องอัดข้อมูลใส่ไว้ภายในจนอาจต้องใช้เวลาอ่านทั้งสัปดาห์

และอาจมีการส่งไฟล์ข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาอีกในภายหลัง…

“ไปพักผ่อนเถอะ พวกนั้นคงรอคุยกับคุณอยู่ บางทีอาจจะขอย้ายไปเฝ้าที่อื่นเพราะที่นี่ไม่มีเรื่องตื่นเต้นอะไรเลยก็ได้” ยูรัสเอ่ยยิ้มๆส่งอีกฝ่ายออกไปจากห้องทำงานซึ่งแทบจะไม่มีใครได้เหยียบย่างเข้ามานอกจากผู้ที่เขาอนุญาตเท่านั้น ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินออกไปด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดตีความประโยคที่เขาเพิ่งพูดเกี่ยวกับลูกน้องว่าเป็นการกระเซ้าเล่นหรือบ่นกันแน่

ชายหนุ่มยืนมองจากหน้าต่างจนกระทั่งยานพาหนะของหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยวัยกลางคนเคลื่อนไปสู่ดงไม้อันเป็นทิศทางบ้านพักของเหล่าบอดี้การ์ดที่คอยดูแลความปลอดภัยให้เขาบนดาวเคราะห์ดวงนี้ที่อยู่พ้นสายตาออกไปไม่ไกลนัก แม้ผู้หญิงจากการประมูลทุกคนซึ่งได้มาอาศัยอยู่ที่นี่จะเชื่อว่าในบริเวณนี้มีบ้านหลังนี้เพียงหลังเดียว แต่ในเขตพื้นที่ของแอสทราอุส แถบนี้มีบ้านพักของผู้ดูแลความปลอดภัยที่คอยลาดตระเวนตั้งอยู่ด้วย แทบไม่เคยมีใครสามารถเล็ดรอดเข้าหรือออกจากที่ดินแห่งนี้ได้โดยพวกเขาเหล่านั้นไม่ทราบ

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร้ร่องรอย…

ผู้หญิงชาวโลกคนหนึ่ง!

ความคิดของวุฒิสมาชิกหนุ่มประหวัดไปถึงน้องชายทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ บันทึกไว้ในสมองว่าต้องติดต่อฟีเรนท์ส์ให้ทราบถึงสาเหตุที่ต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยก่อนเจ้าตัวจะเที่ยวซักไซ้หาข้อมูลจากคนที่อาจไม่รู้รายละเอียดแท้จริง แม้ผู้เป็นน้องจะฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่วัยรุ่นโดยครูชาวคีเรี่ยนที่บิดาหามาให้จนมีฝีมือดีพอกับบอดี้การ์ดบางคน หากการถูกหมายชีวิตตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัวย่อมไม่ทำให้เกิดความระมัดระวังตัวมากขึ้น

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ชาวคีเรี่ยนทุกคนควรจะระวังตัวอย่างในขณะนี้…

วุฒิสมาชิกหนุ่มทอดสายตามองสีน้ำเงินเข้มอมเทาของทะเลสาบแซนกิลลีช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงราวกับกำลังชื่นชมความงดงามตามธรรมชาติ ทว่าความทรงจำย้อนกลับไปยังวันที่เขาได้รับเชิญไปคฤหาสน์อิลราซานเพื่อร่วมสนทนาเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้ายต่อต้านคีเรี่ยนที่เรียกตัวเองว่า ‘เคเซรอส’ ร่วมกับชายสามคนที่มีอิทธิพลกว้างขวางในสังคมเซเฟรัสปัจจุบัน

ไซเร็ค อิลราซาน เจ้าของธุรกิจโทรคมนาคมระดับแนวหน้าของดาราจักร รอดจากการลอบสังหารมาแล้วสองครั้ง แต่คราวหน้าจะโชคดีแบบนี้อีกหรือไม่ก็ยังไม่แน่…

เอธาน เฌอราส ‘เจ้าพ่อ’ หนึ่งในหกตระกูลที่มีอำนาจมหาศาลในตลาดมืดซึ่งรู้จักกันในนาม ‘เครส’ และเป็นเป้าในการจับตามองของรัฐบาลบนดาวเคราะห์ทุกดวงที่มีชื่อเขาเกี่ยวข้องในคดีต่างๆ

เธรอน เซส ผู้มีประวัติส่วนตัวคลุมเครือ ก่อตั้งบริษัทค้าอาวุธที่ขยายตัวในวงการอาวุธสงครามอย่างรวดเร็วด้วยผลงานทรงอานุภาพชนิดต่างๆตั้งแต่ยังเรียนระดับสามไม่จบ แถมยังมีข่าวลือว่าเขามีทหารรับจ้างให้บริการแก่ลูกค้ากระเป๋าหนักที่ต้องการกองกำลังฝีมือเยี่ยมเป็นพิเศษ

หลังจากประกาศให้ทราบถึงการตัดสินใจแต่งงานกับหญิงสาวชาวโลกและงานเลี้ยงแนะนำตัวว่าที่เจ้าสาวแล้ว ไซเร็คก็เริ่มเล่าถึงการเสียชีวิตของชาวคีเรี่ยนทั้งที่มีชื่อเสียงและเป็นบุคคลธรรมดาบนดาวเคราะห์ต่างๆให้เขากับเอธานฟังเป็นการเตือนให้ระวังตัว ไปจนถึงขอความร่วมมือในเรื่องข่าวสารที่เขาเข้าไม่ถึงเพื่อการป้องกันทั้งชีวิตและทรัพย์สินของเหล่าคีเรี่ยน

เรื่องราวที่ได้ทราบเกี่ยวกับเคเซรอสน่าตกใจและสะเทือนขวัญไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าผู้เสียชีวิตไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าตนเองต้องตายด้วยเหตุผลใด แต่บางทีการไม่รู้อาจจะดีกว่าการรู้ความจริงว่าตัวเองต้องตายเพราะความอาฆาตแค้นซึ่งสืบทอดกันมาของคนที่ไม่เคยรู้จักกันเลยก็ได้

ดีกว่าคนที่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าตกเป็นเป้าสังหารแน่นอน!

ยูรัสพิงไหล่กับกรอบหน้าต่างพลางผ่อนลมหายใจยาวให้กับปัญหาหนักอกที่รังแต่จะสร้างความกังวลให้ตลอดเวลา นอกจากต้องดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลกับภาระหน้าที่อันมาพร้อมตำแหน่งวุฒิสมาชิกซึ่งต้องการความรับผิดชอบสูง และงัดข้อกับญาติพี่น้องรุ่นเดียวกันซึ่งต้องการขึ้นมากุมอำนาจของตระกูลแทนเขาจนคอยโจมตีข้อบกพร่องทุกอย่างที่จับผิดได้แล้ว ตอนนี้ยังต้องคอยระแวดระวังป้องกันทั้งตนเองและน้องชายมิให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนที่ยึดติดกับความเคียดแค้นรุนแรงในอดีตโดยไม่สนใจว่าดาราจักรกำลังพัฒนาไปถึงระดับไหนอีก

เหนื่อยเป็นบ้า…

มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าราวกับกิริยานั้นสามารถลบความเหนื่อยล้าทั้งภายนอกและภายในออกไปได้ ดวงตาสีเขียวปรายมองโต๊ะทำงานที่รองรับงานจำนวนมหาศาลซึ่งกำลังรอการตัดสินใจขั้นสุดท้ายด้วยแววอ่อนใจก่อนจะยันตัวขึ้นจากผนัง ไม่ทันจะนั่งลงทำงานต่อประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้งด้วยฝีมือของแม่บ้านหุ่นยนต์ที่เข้ามาพร้อมถาดของว่างในมือ

“ได้เวลารับประทานอาหารว่างแล้วค่ะ”

ชายหนุ่มรีบชี้ไปยังโซฟานั่งเล่นที่ว่างพอจะวางถาดได้ก่อนหุ่นยนต์ตกรุ่นจะจัดการกับของบนโต๊ะทำงานเขาจนยุ่งเหยิงไปหมด รอจนเจ้าหล่อนวางถาดและถอยไปยืนข้างโต๊ะเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปพิจารณาสิ่งที่แม่บ้านสมองกลเตรียมมาให้

“นี่อะไรน่ะ เมียน”

คิ้วสีน้ำตาลเข้มกว่าผมขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นผลไม้หลากชนิดหั่นเป็นสี่เหลี่ยมราดด้วยซอสที่น่าจะเป็นน้ำผลไม้ผสมเหล้าเคี่ยวจนเหนียวข้นบนแผ่นแป้งกรอบขนาดเท่าจานรองส่งกลิ่นหวานปนขมบอกให้ทราบว่าไหม้เล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมกับชาดิโอเรสสีม่วงอ่อนควันกรุ่นหอมชื่นใจอันเป็นเครื่องดื่มประจำของเขาบนดาวดวงนี้

“ไม่ทราบชื่อค่ะ ดิฉันเห็นจากรายการสอนทำอาหารก็ลองทำตามดู” หุ่นยนต์แม่บ้านที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นสาวใหญ่วัยกลางคนดูใจดีตอบด้วยเสียงสังเคราะห์คล้ายมนุษย์ ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดปากขึ้นมาสะบัดแล้วเหน็บมุมผ้าเข้ากับคอเสื้อของชายหนุ่มพร้อมสั่งสอนปนบ่นไปด้วย “คงล้างมือเรียบร้อยแล้วสินะคะ จำที่ดิฉันสอนได้ใช่ไหมคะคุณหนู อย่าปล่อยให้มือมีเชื้อโรค ไม่อย่างนั้นจะไม่สบาย ถ้าป่วยจนงอแงขึ้นมาอีก ดิฉันจะตามหมอมารักษาทันทีเลยนะคะ”

ดวงตาสีมรกตกะพริบให้กับคำพูดและพฤติกรรมแปลกของหุ่นยนต์ตกรุ่นที่ทำราวกับเขาเป็นเด็กชายอายุไม่ถึงสิบปี แล้วจำต้องทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหนานุ่มเมื่อหล่อนกดไหล่เขาให้นั่งลงเพื่อเริ่มรับประทานอาหารว่าง มือใหญ่หยิบส้อมขึ้นมาจัดการกับขนมหน้าตาประหลาดพลางจับตามองแม่บ้านสมองกลไปพร้อมกัน

เจ้าหล่อนยกมือเท้าเอวขณะกวาดตามองไปรอบห้องทำงานด้วยท่าทางที่เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการมองหาสิ่งผิดปกติ ครู่เดียวก็ตรงดิ่งเข้าหากองหนังสือที่เขาวางไว้บนโต๊ะติดผนังยกไปเก็บเข้าชั้นที่ยังว่างอยู่โดยไม่สนใจว่าจะต้องเรียงตามตัวอักษรให้เป็นระเบียบ แล้วเคลื่อนไหวด้วยความเร็วราวกับจะพุ่งเข้าใส่โต๊ะทำงานจนชายหนุ่มถือส้อมค้างร้องห้ามเสียงหลง

“อย่านะเมียน! เดี๋ยวผมจัดการของบนโต๊ะนั่นเอง”

แม่บ้านสมองกลชะงักหันขวับมาทำสีหน้าเข้มงวดใส่คนร้องห้าม สะบัดเสียงใส่อย่างไม่พอใจนักเมื่อถูกคัดค้านในการทำหน้าที่พี่เลี้ยงและแม่บ้านของหล่อน

“ถ้าคุณหนูเก็บเองได้ก็ควรจะเก็บไปเรียบร้อยแล้วสิคะ ไม่มีทางปล่อยให้ดิฉันมาเห็นเองหรอก” ว่าแล้วเมียนก็ลงมือจัดข้าวของบนโต๊ะทำงานของอดีตเด็กในความดูแลให้เข้าที่ตามที่สมองกลตกรุ่นมากว่ายี่สิบห้าปีจะเห็นสมควร ปล่อยให้คนห้ามนั่งมองตาปริบๆ

ครู่เดียว ริมฝีปากบางได้รูปก็คลี่ยิ้มกว้างให้กับอาการอันเนื่องมาจากโปรแกรมรวนของหุ่นยนต์แม่บ้านอย่างเปิดเผย ร่างสูงเพรียวเอนหลังพิงพนักแล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหารว่างยามบ่ายต่อโดยไม่ละสายตาจากการเคลื่อนไหวตรงหน้า เริ่มรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ฟังเสียงพร่ำบ่นถึงความไร้ระเบียบของตนเองจากปากพี่เลี้ยงสมัยเด็กที่คอยแต่จะทำให้ข้าวของในห้องกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆมากกว่าทุกคนในบ้าน

นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้?

ภายใต้สภาพแวดล้อมสมบูรณ์แบบที่มีบรรยากาศเยือกเย็นสงบนิ่งในบ้านของมารดา ผู้ที่ทำให้เขาแสดงอารมณ์และความต้องการต่างๆแบบเด็กธรรมดาออกมาก็มีเพียง ฟีเรนท์ส์ แคเทรียน และแม่บ้านหุ่นยนต์ตัวนี้เท่านั้น

แม้จะปฏิบัติงานผิดพลาดมากมายจากความเก่าแก่ตามอายุการใช้งานและเทคโนโลยีสมองกลที่พัฒนาไปจนชิ้นส่วนต่างๆและโปรแกรมสำหรับการซ่อมบำรุงหาได้ยากเย็นเต็มที แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะส่งพี่เลี้ยงเข้าสู่โรงงานแยกชิ้นส่วนเพื่อนำกลับไปผลิตใหม่แล้วแทนที่ด้วยแอนดรอยด์แม่บ้านรุ่นล่าสุดที่พร้อมจะทำตามคำสั่งเจ้านายอย่างเคร่งครัดไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่ครั้งเดียว

มีเพียงเมียนที่อยู่กับเขามาตั้งแต่เริ่มเข้าศึกษาในระดับพื้นฐานและอยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่คนอื่นห่างออกไปด้วยสาเหตุต่างกันตามจังหวะชีวิตที่ต้องก้าวไปข้างหน้า เมื่อแม่บ้านใหญ่ในคฤหาสน์ของตระกูลเตรียมจะกำจัดข้อบกพร่องใหญ่ในการดูแลบ้านเพราะความด้อยประสิทธิภาพเขาจึงนำหล่อนมาไว้ที่นี่

รวมกับอย่างอื่นที่เป็นความสุขแท้จริงของเขา…

รอยยิ้มกว้างขวางบอกความขบขันและกิริยาผ่อนคลายตามสบายของร่างสูงเพรียวที่นั่งรับประทานอาหารว่างพร้อมติดตามดูกิจกรรมต่างๆของหุ่นยนต์แม่บ้านไปด้วยนั้นสร้างความประหลาดใจให้คนเห็นไม่น้อย มือที่ยกขึ้นเคาะประตูตามมารยาทตกลงข้างตัวยามผู้เป็นเจ้าของหยุดยืนอยู่นอกกรอบประตูเปิดค้างโดยไม่รู้ตัว

ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางจับจ้องเหตุการณ์ในห้องขณะบอกตนเองว่าธุระของเธอยังรอได้ แต่ภาพที่เพิ่งเคยได้เห็นอาจจะไม่เกิด ขึ้นอีกในชีวิตนี้หากไม่บันทึกเอาไว้ในความทรงจำให้ดี และในสมองของเธอก็ไม่มีความทรงจำของยูรัสที่สามารถนำมาเทียบกับสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าได้เลย

การรู้แน่แก่ใจมาตลอดว่าสีหน้าเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างคนอารมณ์เย็นที่ฉาบอยู่บนใบหน้าคมคายอยู่เสมอนั้นมิใช่การแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาไม่ช่วยให้หญิงสาวเข้าใจระบบความคิดของเพื่อนสมัยเด็กมากกว่าเดิม แม้ระยะเวลาในการอาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้จะผ่านมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว ทว่าเธอก็ยังไม่อาจคาดเดาความคิดของเขาได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

ยิ่งรู้จักกัน เธอก็ยิ่งไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ…

ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนเม้มเข้าหากันก่อนตัดสินใจเคาะประตูบอกให้อีกฝ่ายทราบว่าเธอกำลังจะเข้าไป และนั่นก็ส่งผลให้ดวงตาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติกับฝีมือมนุษย์เลื่อนมาหาเธอโดยพร้อมเพรียง

“แคเทรียน”

ยูรัสผุดลุกขึ้นยืนต้อนรับหล่อนตามปกติ หากสายตาเยือกเย็นที่จ้องมองผ้าเช็ดปากบนคอเสื้อเขากลับทำให้ผิวหน้าขาวนวลของชายหนุ่มระเรื่อสีเล็กน้อยจนต้องรีบกระชากมันออกมาถือไว้แทน

“อาหารว่างถูกปากไหมคะ” เมียนถามพร้อมหยุดการทำหน้าที่ทุกอย่างเพื่อรอคำตอบด้วยท่าทางตั้งใจฟังจนอาจทำให้คนที่ไม่รู้ว่าหล่อนเป็นหุ่นยนต์เข้าใจผิดได้ ทว่าข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งก็สะกิดใจคนถูกถามขึ้นมาทันที

ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เมียนไม่เคยเรียกชื่อเธอเลยสักครั้งเดียว!

แม่บ้านสมองกลที่มีใช้งานอยู่ในเซเฟรัสสามารถเรียกมนุษย์ที่เป็นเจ้านายหรืออยู่ในแวดวงเดียวกันได้ด้วยชื่อต่างๆ ตามแต่จะถูกตั้งโปรแกรมไม่ว่าจะเก่าแก่ขนาดไหน แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่เธอก็ได้ยินเมียนเรียกเจ้านายทั้งสองคนมาแล้วด้วยโสตประสาทที่ไม่มีทางผิดพลาดไปได้ ดังนั้นการละเว้นชื่อจริงของเธอไว้โดยไม่เรียกขานย่อมเกิดจากการตั้งโปรแกรมโดยผู้เป็นเจ้าของ เพราะไม่มีทางที่หุ่นยนต์ตัวนี้จะไม่มีบันทึกเกี่ยวกับตัวเธอซึ่งไปเยือนคฤหาสน์ของตระกูลแอสทราอุสบ่อยๆตั้งแต่เด็กแน่

“รสชาติดี ขอบใจนะ” วุฒิสมาชิกสาวที่บัดนี้ได้รับการยอมรับฐานะเดิมอีกครั้งตอบแม่บ้านสมองกลโดยไม่ละสายตาจากผู้ชายตรงหน้า “ฉันมีธุระต้องคุยกับคุณยูรัส เธอออกไปก่อนได้ไหม”

หุ่นยนต์ตกรุ่นรับคำแล้วผละไปจากห้องเท่าที่ความเร็วจะอำนวยตามคำสั่งอย่างสุภาพของหญิงสาวชาวบาโรวิท ปล่อยให้หนุ่มสาวทั้งสองคนอยู่กับตามลำพังในห้องทำงานอันสงบเงียบ ดวงตาต่างสีสองคู่จ้องกันและกันชั่วครู่ก่อนละสายตายามแคเทรียนเคลื่อนกายมานั่งบนเก้าอี้เดี่ยวที่เจ้าของห้องผายมือเป็นเชิงเชื้อเชิญ จนกระทั่งหล่อนนั่งลงเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงนั่งลงอีกครั้งพร้อมกวาดสายตาสำรวจร่างเพรียวระหงอย่างรวดเร็ว

วันนี้วุฒิสมาชิกสาวแต่งกายด้วยเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมฟูนุ่มสีชมพูเข้มและกระโปรงขนสัตว์สีขาวครีมยาวครึ่งน่องสวยสว่างไปทั้งตัว ต่างจากเช้าวันที่หล่อนก้าวออกจากห้องนอนหลังงานเลี้ยงแนะนำตัวว่าที่เจ้าสาวซึ่งดูสงบเยือกเย็นและซีดเซียวจนน่าเป็นห่วง แถมกิริยาท่าทางอันสุภาพเรียบร้อยของผู้มีอารยธรรมที่แสดงต่อเขายังชืดชาไร้อารมณ์จนชายหนุ่มนึกอยากแกล้งให้กลัวจนสติแตกเหมือนคืนที่หล่อนเอาส้อมแทงหลังมือเขาจนเลือดออก

เพราะท่าทางแบบนี้ เขาถึงได้เผลอเรียกหล่อนว่า ‘เสาน้ำแข็ง’ ให้คนอื่นได้ยินจนกลายเป็นสมญานามไป…

“ผมกำลังเป็นห่วงอยู่เลยว่าคุณจะเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้สีหน้าคุณดูดีขึ้นแล้วนี่” ชายหนุ่มเปิดบทสนทนาพลางพิจารณาหาร่องรอยความป่วยไข้ผิดปกติบนใบหน้างดงาม นึกสงสัยว่าเพราะเหตุใดหล่อนจึงมาเยือนเขาทั้งที่ปฏิเสธไม่ยอมพูดคุยกันมาตั้งแต่ออกจากคฤหาสน์อิลราซานเมื่อสองวันก่อน

“ฉันสบายดีค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก”

คำตอบสุภาพเรียบร้อยของหล่อนอาจจะหลอกคนอื่นที่ไม่รู้จักกันดีได้ แต่สำหรับชายผู้เติบโตมาในครอบครัวที่มีสตรีเพศเป็นใหญ่และรู้จักนิสัยใจคอของคู่สนทนาเป็นอย่างดี ประโยคนั้นกลับเปิดเผยความไม่พอใจและเย็นชาให้เขารู้ราวกับเจ้าตัวกำลังตะโกนออกมา

“คืนนั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับเธรอน”

วุฒิสมาชิกหนุ่มตัดสินใจพุ่งตรงเข้าเป้าทันทีไม่ให้เสียเวลาเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังและท่านั่งหลังตรงไม่ผ่อนคลายของอีกฝ่าย รู้ดีว่าในอารมณ์แบบนี้แคเทรียนจะไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลาจนกว่าจะบรรลุจุดมุ่งหมาย และความห่วงใยที่เขามีต่อร่างโปร่งบางเบื้องหน้าก็เร่งให้ขจัดข้อข้องใจออกไปโดยเร็วที่สุดเพื่อความสุขสงบของจิตใจตนเอง

ชั่วพริบตาที่เดินสวนกับร่างสูงใหญ่ในชุดสีเข้มรัดกุมและได้เห็นรอยยิ้มท้าทายระคนพึงใจบนใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มก็รู้ สึกถึงความไม่ชอบมาพากลทันที ทั้งสีหน้าแววตาแบบผู้ชายที่ถูกกระตุ้นเร้าให้เกิดปรารถนาในตัวเพศตรงข้ามและทิศทางที่อีกฝ่ายเดินมาเร่งให้เขากลับเข้าห้องพักโดยเร็วที่สุดพร้อมความห่วงใยในตัวแคเทรียน แต่เมื่อเข้าไปในห้องชุดได้กลับพบว่าประตูห้องนอนถูกล็อกและไม่ยอมเปิดให้เขาเหยียบย่างเข้าไปแม้แต่ครั้งเดียวไม่ว่าจะพยายามเรียกหรือสอบถามด้วยความร้อนรนกระวนกระวายใจสักเพียงไหน

ดวงตาสีไอซ์บลูที่เยือกเย็นขึ้นอีกระดับตวัดมองหน้าคู่สนทนาอย่างรวดเร็วด้วยอารมณ์รุนแรงที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในหลังได้ฟังคำถามของอีกฝ่าย ภาพความใกล้ชิดอันไม่เหมาะสมระหว่างตนเองกับพ่อค้าอาวุธหนุ่มผุดขึ้นในสมองโดยอัตโนมัติ หากต้องข่มใจไว้ด้วยไม่อยากระเบิดโทสะใส่หน้าผู้ชายที่ทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในสภาวะน่าอับอายก่อนจะเริ่มคุยถึงธุระที่ทำให้ยอมมาพบเขาทั้งที่ไม่อยากเจอ

โดยเฉพาะเมื่อเขาทิ้งเธอไว้ตามลำพังแล้วไปใช้เวลาค่อนคืนอยู่กับผู้หญิงคนนั้น!

“ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น” แคเทรียนบอกปัดก่อนจะเกริ่นถึงสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจตั้งแต่แรก “คุณควรจะรู้นะว่าฉันมาเพราะเรื่องอะไร ยูรัส”

มือใหญ่รินชาดิโอเรสเพิ่มใส่แก้วตนเองขณะลอบถอนใจมิให้หญิงสาวสังเกตเห็น อาการอดทนอดกลั้นของสาวสวยที่จับได้เมื่อครู่บอกชัดว่าหล่อนกำลังโกรธจนอยากทำอะไรสักอย่างที่อาจเป็นการขว้างปาสิ่งของใส่เขาเพื่อระบายอารมณ์ แต่ติดที่ได้รับการอบรมสั่งสอนและฝึกฝนการควบคุมตัวเองมาอย่างเข้มงวดจึงไม่สามารถกระทำได้ตามใจต้องการ เผยให้เห็นเพียงสีหน้าเย็นชาและแววตาลุกร้อนราวกับเปลวเพลิงโชติช่วง

ทว่าเขาก็ยังสงสัยว่าแคเทรียนโกรธเรื่องอะไรกันแน่?

เรื่องที่เขายอมรับว่าหล่อนคือวุฒิสมาชิกเนลีคาห์นในงานเลี้ยงทั้งที่ปฏิเสธมานาน หรือเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธรอนกับตัวหล่อนเอง?

แต่ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ล้วนเป็นปัญหาที่เขาต้องจัดการทั้งนั้น…

“ผมรู้” ศีรษะสีน้ำตาลอ่อนพยักรับอย่างเคร่งขรึม ตัดสินใจเริ่มขจัดปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อนเรื่องอื่นทั้งหมดให้เสร็จสิ้น “อันที่จริงผมกำลังรอว่าเมื่อไรคุณถึงจะยอมออกมาพบหน้าและคุยกันเรื่องนี้เสียที”

ริมฝีปากบางเม้มแน่นพร้อมกับฝ่ามือที่กำแน่นจนขาวซีดหลังได้ฟังคำพูดที่สามารถแปลได้ว่าเธอหนีหน้าเขา พยายามหักห้ามใจต่อความเย้ายวนในการบริภาษพฤติกรรมเกเรไร้เหตุผลของชายหนุ่มผู้มีวุฒิภาวะและหน้าที่การงานเป็นที่นับหน้าถือตาระดับดาราจักร ทว่าโทสะที่คุกรุ่นอยู่ภายในก็ค่อยๆก่อตัวเป็นพายุในทุกวินาทีที่นั่งอยู่ในห้องนี้จนฝ่ามือกำแน่นเย็นเฉียบ

“ฉันหวังว่าคุณคงไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของฉันที่ไม่มาคุยกันก่อนหน้านี้หรอกนะ ยูรัส” หญิงสาวชาวบาโรวิทสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กดไว้อย่างเชื่องช้าระมัดระวัง “คุณมีโอกาสหลายครั้งตั้งแต่ตอนที่สลัดอวกาศนั่นส่งตัวฉันมาไว้ที่นี่ แต่คุณกลับไม่ยอมรับสิ่งที่ฉันพยายามบอกเลยว่าฉันเป็นใคร เพราะอะไรคุณถึงได้ยอมรับว่าฉันคือแคเทรียนในงานเลี้ยงนั้นล่ะ”

กล่าวจบดวงหน้างามก็เชิดขึ้นมองอดีตคู่หมั้นด้วยสายตาท้าทายให้ตอบคำถามของหล่อน แววตาเอาเรื่องในดวงตาสีอ่อนประกาศชัดว่าหากเหตุผลของเขาไม่ดีพอก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดจากการได้รับผลตอบแทนกลับคืนจนสาแก่ใจ

โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงการเข้าร่วมงานเลี้ยงและถูกแนะนำตัวด้วยชื่อของตนเองโดยไม่ได้รับการบอกกล่าวให้รู้ตัวเสียก่อนสามารถสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและตำแหน่งได้ หากต้องสนทนากับแขกคนอื่นในเรื่องธุรกิจหรือภารกิจในความรับผิดชอบทั้งๆที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย!

“สำหรับการไม่ใส่ใจในสิ่งที่คุณพยายามยืนยันนั่น ผมมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ขอตอบ และที่ผมแนะนำตัวคุณด้วยชื่อจริงของคุณในงานเลี้ยงนั่น ก็เพราะว่ามันถึงเวลาแล้ว”

คำตอบที่หลุดจากปากชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไร้อารมณ์ส่งผลให้คิ้วสีทองคำขาวขมวดเข้าหากันทันที การสนทนาในครั้งนี้ควรจะให้ความกระจ่างแก่ข้อสงสัยทั้งหลายที่ค้างคาใจอยู่จนสิ้น แต่วาจาของเขากลับสร้างความข้องใจระคนขุ่นเคืองให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

“คุณหมายความว่าอย่างไร ที่ว่าถึงเวลาแล้วนั่นน่ะ” ปลายเสียงหวานเปี่ยมด้วยความโกรธตวัดอย่างห้ามไม่อยู่ จิตประหวัดถึงสาเหตุเก่าๆอันแสนคุ้นเคยที่ผุดขึ้นในสมองทันที “หน่วงเหนี่ยวกลั่นแกล้งฉันจนสาแก่ใจ พอเบื่อก็ได้เวลาปล่อยตัวกลับบ้านหรือไง!”

คราวนี้วุฒิสมาชิกหนุ่มผู้ถูกมองในแง่ร้ายตลอดเวลาถอนใจยาวไม่คิดปิดบังอีก ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจหวนกลับมาอีกครั้งหลังถูกขจัดออกไปไม่กี่นาทีก่อน รู้แน่แก่ใจแล้วว่าทั้งความหวังดีและความรู้สึกลึกซึ้งที่เขาแสดงให้คู่สนทนาได้เห็นมาตลอดตั้งแต่หล่อนเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง

ไม่ว่าพยายามอย่างไรเขาก็ไม่เคยดีในสายตาของหล่อนเลย...

“ถ้าคุณอยากจะคิดอย่างนั้นผมก็ไม่ขัดข้อง แต่ขอให้รู้ไว้ด้วยว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง”

“ก็แล้วอะไรคือเหตุผลที่แท้จริงของคุณล่ะยูรัส!” กำปั้นที่กำแน่นจนขาวซีดถูกทุบลงบนตักตนเองอย่างทนไม่ไหว ใบหน้างามที่จ้องมองชายหนุ่มเผยโทสะร้อนแรงออกมาเต็มที่ไม่คิดปิดบังอีก “คุณปั่นหัวฉันตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ แกล้งลวนลามฉันทั้งๆที่ไม่ได้ต้องการมีเพศสัมพันธ์จริงๆ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคุณต้องการอะไรหรือมีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษในการทำแบบนี้ หรือคุณต้องการให้ฉันพูดให้ชัดเจนว่าตั้งแต่ถอนหมั้นกันเมื่อสี่ปีก่อน ความสัมพันธ์ของเราก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!”

ความสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิม?

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่างหากคือความสัมพันธ์แบบเดิมที่พวกเขาเคยมีร่วมกันมา…

จะต่างกันก็แค่แคเทรียนไม่ได้มองมันอย่างที่มันเป็นอยู่…

“ยูรัส! คุณฟังที่ฉันพูดบ้างรึเปล่า”

แคเทรียนกระชากเสียงถามเท่าที่ความไม่คุ้นเคยจะอำนวยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมิได้ตั้งใจฟังตนเองเท่าที่ควร เพลิงโทสะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเยือกเย็นครุ่นคิดของอีกฝ่ายซึ่งจะปรากฏขึ้นยามเจ้าตัวกำลังประเมินอะไรสักอย่างในใจ

และสิ่งที่กำลังประเมินอยู่ในขณะนี้ก็คงไม่พ้นการบอกความจริงกับเธอแน่!

ร่างโปร่งบางผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหลังได้ข้อสรุปในใจว่าอาจไม่ได้คำตอบแท้จริงในการสนทนาครั้งนี้ ตัดสินใจให้เวลาอีกฝ่ายและตนเองได้คิดและระงับอารมณ์ก่อนที่ความไม่พอใจทั้งหลายจะทำให้เรื่องเลวร้ายลง

“คุณตกลงใจจะบอกเหตุผลของคุณได้เมื่อไร เราค่อยมาคุยกันใหม่ก็แล้วกัน!”




TBC.




คราวนี้มาต่อให้ตรงเวลานะคะ ^^
(จริงๆกลัวโดนรุมยำ โทษฐานให้คอยนาน คริคริ)

และขอแจ้งสิ่งที่ลืมบอกก่อนหน้านี้ด้วยว่า...

เนื้อหาที่โพสต์ให้อ่านนี้ เป็นดราฟต์แรก ซึ่งจะมีความสมบูรณ์น้อยกว่าฉบับหนังสือ (ที่ยังไม่รู้ว่าจะออกเมื่อไร เพราะยังเขียนไม่จบเลย - - " ) แต่ก็มีใจความหลักๆครบถ้วน สามารถอ่านได้รู้เรื่องค่ะ

พอเขียนจบแล้ว จะทำการเพิ่มฉากและแก้ไขรายละเอียดต่างๆ เช่นเดียวกับไซเร็ค ที่น่าจะมีหลายๆคนเคยได้อ่านฉบับดราฟต์แรกในบอร์ดส่วนตัวไป และพบว่ามันต่างจากในหนังสือไม่น้อย ^^

นอกจากนี้...

ในเพจที่เฟซบุ๊ค จะมีการอัพเดทข่าวสารต่างๆ หรือสปอลย์(?)นิดๆหน่อย และอาจมีอะไรขำๆให้ได้อ่านกัน ระหว่างรอโพสต์นิยายค่ะ

ถ้าสนใจก็เซิร์จหาชื่อ ปุณณารมย์ ได้เลย ^^

แล้วพบกันคราวหน้าค่ะ






ปุณณารมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2556, 00:02:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2556, 00:02:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1146





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 >>
ปุณณารมย์ 11 ก.ย. 2556, 00:04:12 น.

ตอบคอมเมนต์ตอนที่แล้วค่ะ ^^

คิมหันตุ์
ถอยไซเร็คเลยค่ะ ด่วนเลยยย ยังมีช่วงเวลาและเหตุกาณ์ซ้อนทับกันอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวอ่านยูรัสโดยไม่มีไซเร็ค จะไม่ได้อรรถรสอย่างเต็มที่นะ (ขายของเต็มที่ 555+)

saralun
ขอบคุณมากค่ะ จุ๊ฟๆ


pimsaowaluck 11 ก.ย. 2556, 09:17:29 น.
เก่งขึ้นค่ะ แคเทรียนเศร้าได้อารมณ์มาก


คิมหันตุ์ 12 ก.ย. 2556, 00:37:41 น.
เฮ่ยยยยยยยยย ตายูรัสทำ สุดสวยร้องไห้อ่ะ

แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธรอนคอยแต่จะไปกุ๊กกิ๊กกับแคเทรียนนิ??

เริ่มมีฉากโหดๆมาอีกละ.....รอลุ้นจ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account