Delusion เหลี่ยมรัก เล่ห์ลวง
(เรื่องต่อจาก Asylum หรือ ในกรงเพลิง สนพ.อินเลิฟ)


วุฒิสมาชิกแคเทรียน เนลีคาห์น แห่ง ดาวเคราะห์บาโรว์ ถูกลักพาตัวระหว่างเดินทางกลับบ้าน เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่่าตนเองกลายเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่กลายเป็นสินค้าของ เอธาน เฌอราส หนึ่งในผู้มีอิทธิพลของกลุ่มเครส และได้ทราบว่าเขาจะขายเธอให้แก่ผู้ที่ให้ราคาดีที่สุด!

Tags: ต่างดาว, เซเฟรัส, คีเรี่ยน, ยูรัส, แคเทรียน

ตอน: ตอนที่ 9

ภาพหญิงสาวผมดำร่างอวบนั่งคร่อมอยู่บนตักของชายหนุ่มร่างสูงเพรียวบนโซฟาตัวยาวส่งผลให้คิ้วหนารูปปีกนกของคนที่เดินไร้เสียงฝีเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่นข้างสระว่ายน้ำเลิกขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มชาวคีเรี่ยนผู้เป็นแขกมองการแลกเปลี่ยนจุมพิตกันอย่างลึกล้ำดื่มด่ำของคู่รักตรงหน้าแล้วตัดสินใจยืนพิงผนังให้เวลาทั้งสองคนครู่หนึ่ง ก่อนเข้าไปขัดขวางกิจกรรมทางเพศที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นก่อนเข้าพิธีแต่งงานแบบโบราณเช่นนี้

ดวงตาสีม่วงปนน้ำเงินมองมือใหญ่ของไซเร็คเลื่อนไล้ลงตามแผ่นหลังปัณฑารีย์มาหยุดที่สะโพกกลมกลึงแล้วบีบคลึงด้วยลีลาเชื่องช้าเย้ายวน เสียงครางแผ่วในลำคอหญิงสาวชาวโลกและการเคลื่อนไหวของร่างกายที่เบียดเสียดเข้าหากันบอกให้พ่อค้าอาวุธหนุ่มทราบว่าพวกเขาคงอยู่ในท่านี้มาสักพักแล้ว ต้องถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเพื่อนสนิทที่มีศักดิ์เป็นญาติห่างๆของเขาด้วยว่าใจเย็นมีความอดทนอดกลั้นในการหาความสุขทางเพศกว่าสมัยวัยรุ่นมาก โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่ยังมีเสื้อผ้าติดตัวอยู่ไม่หลุดลงไปกองอยู่บนพื้นสักชิ้นเดียว

“สงสัยฉันจะเข้าใจผิดไปเองว่าแกต้องถือพรหมจรรย์ไปอีกราวๆร้อยวัน”

เสียงห้าวต่ำดังขึ้นเมื่อเธรอนเห็นสมควรแก่เวลาที่จะขัดขวางมิให้ทั้งคู่เดินหน้าไปมากกว่านี้ และวาจาของเขาก็ส่งผลให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวสะดุ้งเฮือกผละจากกันอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวชาวโลกชนเท้าแขนเสียหลักผงะหงายหลังลงสู่พื้นพรมทันที!

“แพน!”

ไม่ทันสิ้นเสียงอุทานอย่างตกใจของไซเร็ค พ่อค้าอาวุธหนุ่มก็พุ่งตัวเข้าไปหาปัณฑารีย์ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าคนทั่วไปมาก หญิงสาวชาวโลกจึงรอดจากการกระแทกพื้นจนเกิดการบาดเจ็บเป็นตกลงบนอกร่างสูงใหญ่ที่แทรกเข้ามารองรับไว้แทน และการช่วยเหลือที่ประสบความสำเร็จนั้นทำให้ชายหนุ่มอีกคนซึ่งคว้าหล่อนไว้ไม่ทันถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อสาวคนรักปลอดภัยดี

“หือ...” ปัณฑารีย์ส่งเสียงเป็นเชิงถามด้วยความประหลาดใจพร้อมลืมตาขึ้นมองหน้าคู่หมั้นที่จ้องลงมาจากโซฟา ดวงตาสีดำสนิทกะพริบปริบก่อนจะรู้สึกถึงท่อนแขนรัดรอบเอวและร่างแข็งกระด้างที่นอนอยู่ใต้ตนเอง

“เกือบพิการแล้วมั้ยล่ะ” เธรอนแกล้งเอ่ยยิ้มๆ แม้จะรู้ว่าพรมผืนหนานุ่มจนแทบจมลงไปถึงข้อเท้าสามารถป้องกันให้หญิงสาวไม่ได้รับบาดเจ็บหนักได้ “ขี้โมโหแถมพิการด้วยจะไม่มีใครเอานะ โอ๊ย!”

ร่างอวบที่ยันตัวขึ้นด้วยการวางฝ่ามือลงบนแผ่นท้องแข็งแกร่งด้วยลอนกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายแล้วออกแรงกดมากเป็นพิเศษตีหน้ายักษ์ใส่คนที่เพิ่งอุทานเพราะฝีมือเธอ

“ฉันจะพิการก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ ถ้าไม่ทำฉันตกใจก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอก!”

“พูดแบบนี้ตั้งใจจะให้ผมรับผิดชอบละสิ” หนุ่มหล่อเสน่ห์แรงจับเอวร่างเล็กยกลงไปนั่งบนพื้นข้างตัวพร้อมถอนหายใจแรงอย่างเสแสร้งก่อนลุกขึ้นนั่งบ้าง ดวงตาสีสวยชวนตะลึงเป็นประกายพราวยามเผยยิ้มกริ่มให้หญิงสาวข้างกาย “อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้นะ เพราะผมหล่อกว่าหมอนั่น แต่จะพูดต่อหน้าไซเร็คว่าจริงๆแล้วคุณอยากได้ผมเป็นเจ้าบ่าวก็ยังโหดร้ายอยู่ดี”

“ฝันไปเถอะย่ะ!” ใบหน้าสวยเก๋ค้อนใส่คนพูดด้วยความหมั่นไส้แล้วส่งมือทั้งสองข้างให้ไซเร็คช่วยดึงขึ้น แม้จะพยายามเปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออีกฝ่ายเพราะเห็นแก่คู่หมั้นหนุ่มตั้งแต่ทราบว่าเขาเป็นญาติห่างๆกันแล้ว ทว่าหญิงสาวชาวโลกก็ยังต้องใช้เวลาในการปรับความรู้สึกตนเองให้ลดความรุนแรงเสียก่อน “อย่างคุณน่ะ ถึงมีเงินล้านแถมมาด้วยฉันยังไม่อยากจะรับเลย”

“ทำร้ายจิตใจผมอีกแล้วนะแพน” ชายหนุ่มโอดครวญขณะใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาระดับที่ดึงให้เพศตรงข้ามเดินตามหลังได้ง่ายๆแสดงสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวเข้ากับคำพูด “ไซเร็คคงยอมให้คุณข่มเหงบ่อยสิท่า ถึงได้ติดเป็นนิสัยแบบนี้”

“พอทีเถอะ” ไซเร็คใช้ทั้งคำพูดและดวงตาสีน้ำเงินเข้มปานท้องฟ้ายามราตรีปรามหญิงสาวชาวโลกที่กำลังจะต่อปากต่อคำกับเพื่อนสนิทของเขา แล้วหันเหความสนใจไปยังผู้ที่เข้ามาขัดจังหวะความสุขเล็กๆน้อยๆของเขาเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นยืน “มีอะไรหรือเปล่า”

คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นอีกครั้งราวกับจะถามว่าเขาจำเป็นต้องตอบคำถามไร้ประโยชน์นั้นด้วยหรือ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าการเข้ามาขัดจังหวะของเขาย่อมมีความสำคัญกว่ากิจกรรมตอบสนองความต้องการทางเพศที่ถือเป็นเรื่องสำคัญของคีเรี่ยนทั้งเผ่าพันธุ์อย่างแน่นอน

ศีรษะสีน้ำตาลปนดำที่ยุ่งเหยิงด้วยฝีมือคู่หมั้นผงกรับความนัยนั้นก่อนจะหันไปหาหญิงสาวที่นั่งมองทั้งคู่ตาปริบๆ

“ขอเวลาผมสักครู่นะแพน”

ดวงตาสีดำสนิทของหญิงสาวต่างดาราจักรตวัดมองร่างสูงใหญ่ด้วยอารมณ์ขัดเคืองระคนสงสัยก่อนพยักหน้ารับคำขอของไซเร็ค ร่างอวบลุกขึ้นเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วให้ทั้งคู่ได้มีเวลาสนทนากันอย่างเป็นส่วนตัวแม้จะไม่เต็มใจสักเท่าไรนัก และกิริยาอาการของหล่อนก็ตกอยู่ภายใต้คลองจักษุของพ่อค้าอาวุธหนุ่มที่ทำท่าไม่ใส่ใจทั้งหมด

“ไม่ต้องห่วงหรอกคนสวย เรื่องของเราไว้ตกลงกันทีหลังก็ได้”

เธรอนยั่วตามหลังหญิงสาวต่างดาราจักรก่อนเริ่มบทสนทนาอีกครั้งหลังประตูห้องนั่งเล่นปิดสนิท ดวงตาสีม่วงปนน้ำเงินยังคงมองบานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มก่อนจะถอนกลับมามองหน้าเพื่อนที่นั่งตรงข้าม

“คิดจะบอกให้แพนรู้เมื่อไร”

สีหน้าขรึมกว่าเดิมของนักธุรกิจหนุ่มบอกให้คนถามทราบว่าเจ้าตัวไม่เต็มใจจะบอกเล่าเรื่องสำคัญต่อชีวิตนี้ให้ว่าที่เจ้าสาวทราบเช่นเดียวกับคำยืนยันที่ตามมาหลังจากนั้น

“หากเป็นไปได้ฉันไม่อยากให้แพนรู้เลยด้วยซ้ำ” เสียงทุ้มต่ำพึมพำเบาๆก่อนจะดังขึ้นเมื่อระลึกถึงความตั้งใจดั้งเดิม “ถึงเรื่องที่ฉันโดนทำร้ายจะผ่านมาเกือบสี่เดือนแล้ว หล่อนก็ยังไม่หายกังวล ฉันเลยกะว่าจะรอไปอีกสักพัก ให้พิธีแต่งงานผ่านไปก่อนแล้วค่อยบอกเรื่องเคเซรอสให้ฟัง”

“ไม่ควรจะรอนานขนาดนั้น” พ่อค้าอาวุธหนุ่มโคลงศีรษะอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่าย การไม่บอกหญิงสาวคนรักถึงอันตรายที่คุกคามชีวิตมิได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แถมความไม่รู้และไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ก็รังแต่จะทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงหนักกว่าเก่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจริง “แค่ไม่กี่นาทีก็ฆ่าคนได้เป็นร้อยแล้ว เวลาทำใจอีกร้อยกว่าวันของแกมีแต่จะทำให้แพนตายเร็วขึ้น”

แค่ไม่กี่นาที คนทั้งหมู่บ้านก็ตายหมด…

ภาพความทรงจำโหดร้ายขมขื่นในอดีตแวบผ่านเข้ามาจนดวงตาสีม่วงปนน้ำเงินหม่นแสงลงเล็กน้อย หากคู่สนทนาไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะยังคิดถึงวิธีการบอกหญิงสาวชาวโลกที่จะทำให้หล่อนหวาดกลัวน้อยที่สุด

“ฉันอยากให้มีหลักฐานมากกว่านี้ ตอนลิสโตนั่นฉันบอกไปว่าเกิดเรื่องเพราะขัดผลประโยชน์กัน”

“งั้นแกก็ได้สมใจอยากแล้วละ” เธรอนประชดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเข้ามาขัดจังหวะก่อนที่เพื่อนจะทำให้พิธีกรรมพิสูจน์ตัวเองเก่าแก่ของเผ่าพันธุ์ล้มเหลวลง “เราได้ตัวหมอที่วางยาเคอร์กิสแล้ว”

นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลียวกลับมาทันทีเมื่อได้ยินคำประกาศที่สามารถดึงความสนใจของตนเองไว้ได้เต็มที่ ความคืบหน้าล่าสุดหลังตกลงกันว่าอีกฝ่ายจะส่งคนออกไปหาตัวนายแพทย์ที่ร่วมตรวจร่างกายเคอร์กิสเฒ่าก่อนจะลาหยุดไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อน และการออกค้นหาในสถานที่ที่เจ้าตัวเคยเกริ่นให้เพื่อนร่วมงานได้ยินก็คว้าน้ำเหลวมาแล้ว

“จับได้ที่เมเคอราส”

เหมาะมากสำหรับการหลบซ่อนตัว…

ไซเร็ครำพึงในใจขณะคิดถึงเมืองตากอากาศในหุบเขาบนดาวแฟนนารี่อันเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้มีปัญหาสุขภาพซึ่งมีวิธีการรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด สามารถเดินทางเข้าไปด้วยยานพาหนะแทบทุกประเภทอย่างสะดวกสบาย แต่ก็ไม่พลุกพล่านเกินไปเนื่องจากค่าใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นสูงลิบลิ่ว

“คำสั่งใคร”

แม้จะถามไปเช่นนั้น หากนักธุรกิจหนุ่มก็แน่ใจว่าผู้อยู่เบื้องหลังจะต้องเป็นพวกเดียวกับบุคคลนิรนามที่เคอร์กิสให้การถึงก่อนเสียชีวิต เพราะไม่มีทางที่นายแพทย์ประจำทัณฑสถานจะสามารถเดินทางโดยไม่ทิ้งร่องรอยและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในเมืองเมเคอราสได้ด้วยตัวเอง

“เวอร์ริบัสไม่ได้เอ่ยชื่อใครเป็นพิเศษ นอกจากจะอ้างถึงเคเซรอสอย่างเดียว” พ่อค้าอาวุธส่ายหน้าแล้วทิ้งศีรษะลงพิงพนักเบื้องหลังเมื่อนึกถึงการสอบปากคำผ่านดาวเทียมที่เขาได้ร่วมซักถามเมื่อคืนก่อน ทว่าดาวเคราะห์และสถานที่ซึ่งชายวัยกลางคนใช้หลบซ่อนตัวและวิธีการเดินทางอันเลิศหรูสะดวกสบายเป็นส่วนตัวจนไม่มีบันทึกระบุไว้นอกเหนือไปจากร่องรอยที่ตั้งใจทิ้งไว้เพื่อหลอกให้หลงทางก็พอจะบอกได้ว่าใครตกอยู่ในข่ายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง

และหนึ่งในนั้นก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดที่เคอร์กิสเคยพาดพิงถึงมาแล้ว…

“แต่มีบางอย่างที่ฉันคิดว่าแกควรจะต้องรู้”

ใบหน้าคมคายเคร่งขรึมยิ่งขึ้นขณะพยายามวิเคราะห์หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังการกำจัดตนเองนอกเหนือจากกลุ่มต่อต้านคีเรี่ยนและความเป็นไปได้ประการต่างๆหันมามองร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทที่นั่งเอนหลังหลับตาราวกับง่วงนอนเต็มที

“อะไรล่ะ”

“แฟนนารี่มีวุฒิสมาชิกชื่อซาฮ์ยัน”




ดวงตาสีเทาอมม่วงเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือขณะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม กวาดสายตาสำรวจสภาพรอบกายอันเต็มไปด้วยหนุ่มสาวซึ่งกำลังเต้นรำและนั่งดื่มกันเป็นกลุ่มอยู่ในผับชื่อดังกลางใจเมืองเมื่อยังไม่ถึงเวลานัด แสงจากวงแหวนแสงกลางอากาศที่ลอยเคลื่อนไปรอบห้องเปลี่ยนสีต่างๆเป็นจังหวะเดียวกับเสียงเพลงเร้าอารมณ์ชวนคึกคัก เร่งเร้าทุกคนที่เหยียบย่างเข้ามาให้ปล่อยกายใจเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสนุกสนานยามค่ำคืน

และเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น…

“ทำไมเอาแต่นั่งเงียบวะ แกเป็นคนชวนฉันมาเที่ยวนะ”

ชายหนุ่มหล่อเหลาสะดุดตาในเสื้อผ้าทันสมัยดูดีราวกับเพิ่งก้าวออกมาจากนิตยสารแฟชั่นชั้นนำฉบับล่าสุดหันกลับมาจากการส่งสายตาให้สาวสวยฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้นอย่างกังขา เมื่อเห็นคนชวนมาเที่ยวเอาแต่นั่งดื่มโดยไม่หาความสนุกสนานใส่ตัวบ้าง แม้จะรู้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้ไม่ชอบความอึกทึกครึกโครมไร้สาระเกินขอบเขต หากบรรยากาศภายในร้านโดยรวมก็มิได้เข้าข่ายที่จะทำให้อีกฝ่ายเมินเฉยไม่สนใจได้

“อ่อยสาวของแกต่อไปเหอะฟี”

คำแนะนำสั้นบอกคนฟังอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวนั้นทำให้ฟีเรนท์ส์ฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีเขียวเข้มสดใสมองอีกฝ่ายเป็นประกายพราวอย่างขบขันพลางโคลงศีรษะสีน้ำตาลอ่อนไปมา

“โอ๊ะโอ…พ่อหนูน้อยคาลิกซ์อารมณ์เสียซะแล้ว”

“หุบปากน่า” ดวงหน้าหล่อเหลาโดดเด่นด้วยความงามละม้ายอิสตรีเบือนไปอีกทางอย่างค่อนข้างเบื่อหน่าย ไม่อยากเห็นสีหน้าแสดงความสนใจที่ทำท่าว่าจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะได้รู้ความจริงของอีกฝ่าย

“เป็นอะไรไป ทำหน้าบึ้งแบบนี้เดี๋ยวสาวๆก็ไม่เข้าใกล้หรอก” นายแบบดาวรุ่งแหย่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ตอบคำถามแรกอย่างแน่นอน “หรือแกเป็นแบบนี้เพราะไม่ได้เล่นสนุกมานานล่ะ”

คาลิกซ์แค่นเสียงในลำคอขณะกวาดสายตาเรื่อยเปื่อยไปรอบกายอีกครั้ง อดสงสัยมิได้ว่าหากอีกฝ่ายจะมีความเห็นอย่างไรหากทราบว่าครั้งล่าสุดที่เขามีเพศสัมพันธ์จนหมดเรี่ยวแรงคือคืนก่อนวันเดินทางมายังอาริออส แต่คำคาดเดาแกมสัพยอกนั้นก็ยังพอมีเค้าความเป็นความจริงอยู่บ้าง เพราะเขาเริ่มหงุดหงิดที่ไม่ได้อยู่ใกล้หรือได้รับข่าวสารจากสาวคนรักมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว

แต่เขาก็ไม่คิดจะบอกให้อีกฝ่ายรู้…

ยิ่งฟีเรนท์ส์รู้เรื่องเขาน้อยเท่าไรก็ยิ่งดีกับตัวเองมากเท่านั้น…

มิตรภาพระหว่างเขากับน้องชายวุฒิสมาชิกแอสทราอุสเกิดขึ้นเพราะการเข้าเรียนบนดาวการศึกษาอันดับหนึ่งและถูกจัดให้เป็นเพื่อนร่วมห้องกันในปีแรกโดยฝ่ายอำนวยความสะดวกแผนกสถานที่ของสถานศึกษาเป็นผู้กำหนด แม้เขาไม่รู้สึกกระตือรือร้นหรือให้ความสนใจกับการมีเพื่อนร่วมห้องเป็นคนในตระกูลผู้มีอำนาจสำคัญของดาวรีเอสดังที่ควรเพื่อประโยชน์ในอนาคต หากอีกฝ่ายมีนิสัยเปิดเผยร่าเริงพร้อมจะแสวงหาความสำราญใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา ได้พยายามเข้ามาทำความรู้จักสนิทสนมอย่างไม่ลดละด้วยความอดทนอันมากมายเหลือเชื่อสำหรับผู้ที่เกิดมาในตระกูลใหญ่โตทรงอิทธิพล และไม่เคยมีท่าทีว่าจะต้องการให้เขาช่วยเหลือในเรื่องใดๆที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมืองเช่นกัน

นั่นพอจะทำให้เขายอมรับได้บ้าง…

“ตกลงแกมาที่นี่ทำไม”

คำถามตรงเป้าของเพื่อนดึงสายตาของคาลิกซ์ให้กลับไปยังใบหน้าที่เริ่มปรากฏบนสื่อโฆษณาบ่อยขึ้นเรื่อยๆจนอาจจะเป็นที่รู้จักของคนทั้งผับ

“ธุระ”

คิ้วสีน้ำตาลอ่อนของคนฟังเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามต่อ รู้ว่าถึงถามไปก็คงไม่ได้คำตอบหากอีกฝ่ายไม่ต้องการจะเปิดเผยข้อมูลจึงเลิกสนใจ พยักหน้าเรียกสาวเสิร์ฟให้นำเครื่องดื่มมาเพิ่มแล้วย้ายทั้งตนเองและความสนใจไปยังสาวๆที่สวยสะดุดตาโต๊ะตรงข้ามอีกครั้ง

ไม่กี่นาทีต่อมาบุคคลที่เขามีนัดทำธุระด้วยก็เดินผ่านประตูเข้ามาตามลำพังในเครื่องแต่งกายแบบพนักงานบริษัท ดวงตาสีสวยจับจ้องมองร่างสูงประมาณ 5 ฟุต 10 นิ้วเดินไปนั่งที่มุมบาร์ในเงามืดพลางคลึงแหวนบนนิ้วกลางเล่นแล้วกดอัญมณีหัวแหวนเพื่อขอคำยืนยันจากอีกฝ่าย เมื่อตัวเรือนแผ่คลื่นความร้อนอันเป็นสัญญาณว่าปลอดภัยไร้ผู้ติดตามจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหา

“ไม่เลิกประชุมดึกไปหน่อยหรือไง”

คาลิกซ์เริ่มทักทายเมื่อหย่อนกายลงนั่งบนสตูลข้างชายหนุ่มผมสีบลอนด์เข้มที่จิบเครื่องดื่มอย่างระมัดระวัง ส่งสัญญาณเรียกเครื่องดื่มเพิ่มก่อนเลื่อนแผ่นรองแก้วมีเครื่องหมายการค้าของร้านให้อีกฝ่าย

“ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากเหมือนคุณนี่ การประชุมใหญ่ของฝ่ายวิจัยและพัฒนาไม่ใช่เรื่องที่จะจบได้ง่ายๆ” คู่นัดถากถางกลับไร้ความเกรงใจพร้อมรับกระดาษไปพลิกดูข้อความรหัสที่เขียนไว้ด้านหลังชั่วครู่ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วย “คิดยังไงถึงมากับแอสทราอุส”

“ห่วงแต่เรื่องของตัวเองเถอะ” แม้น้ำเสียงสุภาพแผ่วเบาตามปกติจะไม่มีอะไรผิดธรรมดา หากนัยน์ตาสีเทาอมม่วงเป็นประกายวาววามทั้งดุดันและเย็นชาก็เตือนอีกฝ่ายมิให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจส่วนตัว “อิลราซานเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ปกติดี เพิ่งจัดงานเลี้ยงแนะนำตัวว่าที่เจ้าสาวไปเมื่อสัปดาห์ก่อน” ดวงตาสีอ่อนในเงามืดเหลือบมองชายหนุ่มอายุน้อยกว่าทางหางตาแวบหนึ่ง “น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ วันนี้มีอะไรกันแน่”

“เวอร์ริบัสหายตัวไป หลังออกจากร้านอาหารก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย”

มือที่กำลังยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากชะงักค้างทันทีที่ได้ยินคำประกาศนั้น ใบหน้าสีแทนอ่อนซึ่งเข้มขึ้นหลายเท่าเมื่อนั่งอยู่ในเงามืดหันขวับมาจ้องมองคนพูดอย่างต้องการความแน่ใจ รู้ดีว่าเจ้าของนามนี้คือนายแพทย์ที่เป็นคนจัดการให้เคอร์กิสเสียชีวิตในคุกด้วยอาการหัวใจล้มเหลวตามคำสั่งของเบื้องบน ครั้นเห็นสีหน้าสงบนิ่งแฝงความหงุดหงิดปิดไม่มิดของอีกฝ่ายก็วางแก้วกลับลงที่เดิม

“หน่วยสืบสวนกลางหรือคีเรี่ยน”

“คนฉลาดอย่างคุณเดาไม่ได้รึไง” คำพูดแดกดันของคนอายุน้อยกว่าเต็มไปด้วยแววเยาะหยันในขณะที่ดวงตามองตรงไปยังชั้นวางสุราเบื้องหน้าโดยไม่ได้จับจ้องสิ่งใด “เวลากลางดึกในเมืองเมเคอราส ไม่มีพยานรู้เห็นซะด้วย”

ซาฮ์ยันเสร็จแน่!

ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มให้กับข่าวน่าพึงใจที่ได้ฟังก่อนจะดื่มของเหลวสีทับทิมลงคอ ถึงจะไม่ชอบใจนักที่เกิดเหตุพลาดพลั้งเช่นนี้ขึ้นจนอาจส่งผลกระทบต่อแผนการอื่น ทว่าการทำงานที่ไม่รอบคอบระมัดระวังก็สมควรแล้วที่จะได้รับผลตอบแทนเท่าเทียมกัน

ระหว่างนั้นดวงตาสีเทาอมม่วงก็หลุบลงมองแก้วในมือพลางคิดถึงบุคคลในหัวข้อสนทนาซึ่งเคยสร้างความไม่พอใจให้เขาหลายเรื่อง อดสงสัยมิได้ว่าวุฒิสมาชิกวัยกลางคนจะร้อนรนกระวนกระวายแค่ไหนเมื่อเวอร์ริบัสถูกจับตัวไปกลางดึกภายใต้ความดูแลของตัวเอง และรู้สึกสาแก่ใจไม่น้อยหากซาฮ์ยันจะถูกขบวนการป้องกันตนเองของพวกคีเรี่ยนกำจัดทิ้งโดยไม่มีร่องรอยใดๆหลงเหลือ

ต่อให้คนอื่นๆจะติดร่างแหไปด้วยก็ตาม…

แต่คนที่สมควรจะถูกฆ่าทิ้งมากกว่าใครคือไอ้คนข้างๆ!

คาลิกซ์ปรายตามองคู่สนทนานั่งเงียบใช้ความคิดก่อนจะเหลียวกลับไปมองเพื่อนที่มาด้วยกัน ครั้นเห็นว่าฟีเรนท์ส์ยังคงทำความรู้จักแบบแนบชิดสนิทสนมกับสาวๆโต๊ะเดิมไม่ได้สนใจตนเองจึงพูดกับผู้ร่วมงานต่อ

“งานส่วนของคุณคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”

“ห่วงแต่หน้าที่ของตัวเองดีกว่ามั้ง ไฮดริกเกอร์ จะทำได้สำเร็จรึเปล่าก็ยังไม่รู้” รอยยิ้มเหยียดๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปากคู่สนทนาพร้อมกับสีหน้าเย้ยหยันกึ่งดูหมิ่นที่คนมองเห็นแล้วอยากประเคนกำปั้นใส่ให้เต็มแรงจนลงไปนอนวัดพื้น “ไม่ระวัง…อาจตายก่อนจะเอามันมาจากเซสได้นะ”

“ถ้าผมไม่รอด ก็เป็นเพราะคุณทำไม่ได้อย่างที่โอ้อวดไว้มากกว่า” ชายหนุ่มอายุน้อยกว่าลุกขึ้นยืนเมื่อแน่ใจว่าจุดประสงค์ในการพบกันครั้งนี้เสร็จสิ้นลงหลังเตือนให้อีกฝ่ายทราบถึงผลอันเกิดจากความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยของซาฮ์ยันจนไม่สามารถไว้วางใจในตัววุฒิสมาชิกผู้นั้นได้อีกต่อไป “ส่วนเวลาปฏิบัติการ จะแจ้งไปหลังจากนี้”

ร่างสูงเพรียวเดินกลับไปที่โต๊ะของตนเองโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองว่าอีกฝ่ายจะยังอยู่หรือไม่ นั่งตามลำพังได้ครู่เดียวเพื่อนก็กลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง หากคราวนี้ดวงตาสีเขียวมรกตกลับจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังใต้เสื้อสูทสีเทาหน้าบาร์ด้วยแววตาใคร่ครวญถึงอะไรบางอย่าง

“ธุระของแกคงเป็นเรื่องสำคัญสินะถึงได้ต้องมาเจอไอ้หมอนั่น” ฟีเรนท์ส์เปรยโดยไม่ถอนสายตาจากผู้ชายที่เป็นคู่นัดของเพื่อนสนิท หงุดหงิดที่ได้เห็นอดีตรุ่นพี่ร่วมสถาบันการศึกษาอีกครั้งในคืนนี้หลังจากไม่เห็นมากว่าห้าปี “แกอดทนนั่งคุยกับมันได้ไงวะ”

“ความจำเป็นบังคับ” บุตรชายประธานาธิบดีไฮดริกเกอร์ตอบสั้นเช่นเคย ปล่อยให้อีกฝ่ายจ้องมองชายหนุ่มที่เคยมีฐานะเป็นรุ่นพี่ในสถานศึกษาโดยไม่คิดดึงความสนใจกลับมาสู่ตนเองจนเป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนได้ซักถามถึง ‘ธุระ’ ที่บังคับให้เขาต้องสนทนากับบุคคลไม่พึงประสงค์

ฟีเรนท์ส์ไม่ใช่คนโง่…

อาจฉลาดเกินไปด้วยซ้ำ…

“รู้อะไรมั้ย ฉันไม่เคยชอบหน้ามันเลย” น้องชายวุฒิสมาชิกแอสทราอุสหันกลับมาหาเพื่อนด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ความกรุ้มกริ่มที่มีอยู่จนถึงเมื่อครู่มลายหายไปหมดและทำให้ใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตาเคร่งขรึมอย่างน่าประหลาดใจ “ตั้งแต่เจอหน้ามันครั้งแรกก็รู้สึกว่าไอ้หมอนี่ไว้ใจไม่ได้”

คิ้วสีน้ำตาลทองเลิกขึ้นเล็กน้อยหลังได้ยินว่าชายหนุ่มที่มักจะคบหามิตรสหายอย่างง่ายดายไม่สนใจทั้งเผ่าพันธุ์และสถานะทางสังคมจะเคยตัดสินผู้อื่นตั้งแต่แรกพบด้วยความรู้สึกยามเจอกัน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็ส่ายศีรษะขับไล่สิ่งรบกวนใจออกแล้วเปลี่ยนเรื่องสนทนา

“ช่างเถอะ มีเรื่องน่าสนใจกว่านี้ให้คุยตั้งเยอะ” นายแบบหนุ่มหยุดไปชั่วขณะ ตั้งใจเร่งเร้าความสนใจของเพื่อนให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมแล้วจึงพูดต่อ “ฉันเคยบอกแกรึเปล่าว่าพี่กับวุฒิสมาชิกเนลีคาห์นเคยเป็นคู่หมั้นกัน”

ข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้ทราบทำให้คนฟังส่ายหน้าปฏิเสธก่อนมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัยว่าเหตุใดจึงเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในเมื่อสถานภาพอันใกล้ชิดของบุคคลที่ถูกกล่าวถึงทั้งคู่นั้นเป็นอดีตไปแล้ว แถมเขายังนึกภาพไม่ออกด้วยว่าพี่ชายผู้ลื่นไหลเปี่ยมเสน่ห์ของเพื่อนที่มักจะประมูลหญิงสาวต่างดาราจักรมาเพื่อบรรเทาความต้องการทางเพศของตัวเองอย่างลับๆ มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับวุฒิสมาชิกสตรีที่มีชื่อเสียงว่าแข็งกร้าวไม่ยอมผ่อนปรนและหัวดื้อที่สุดในสภาได้อย่างไร

“แม่ฉันกับแม่ของแคเทรียนเคยตกลงเรื่องหมั้นหมายกันมานานแล้ว แต่ราวๆสี่ปีก่อนฝ่ายหญิงก็ขอถอนหมั้น พี่เองก็ยอมตาม” ถึงตรงนี้ฟีเรนท์ส์ก็เผยยิ้มมีเลศนัยเมื่อนึกถึงวิธีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่พี่ชายน่าจะใช้ก่อนเล่าต่อ “แต่ครั้งล่าสุดที่ฉันแวะไปหาเขาที่ดาเมเนสเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันแล้ว ที่ตลกที่สุดก็คือเฌอราสเป็นคนขายหล่อนให้ยูรัส”

คำบอกเล่าด้วยน้ำเสียงขบขันพึงพอใจของเพื่อนนำข้อเท็จจริงพุ่งตรงเข้าสู่ใจกลางการรับรู้ในสมองคาลิกซ์ทันควัน!

ครอบครัวของวุฒิสมาชิกเนลีคาห์นแจ้งไปยังสภาว่าหล่อนป่วยจนต้องพักรักษาตัวระยะยาวตามคำสั่งแพทย์จึงไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ ทั้งที่ความจริงแล้วหล่อนหายตัวไปอย่างน่าสงสัยจนพวกที่ได้รับคำสั่งให้คอยจับตาดูพยายามค้นหากันหัวปั่นก็ยังไม่พบ…

ที่สำคัญ...เฌอราสยังกำลังควานหาต้นตอของเอกสารอยู่!

นัยน์ตาสีเดียวกับท้องฟ้ายามอรุณรุ่งทอดมองของขบเคี้ยวตรงหน้ายามยกเครื่องดื่มสีเข้มในมือขึ้นมาจิบ ป้องกันมิให้เพื่อนสนิทสังเกตเห็นการตระหนักรู้ที่อาจปรากฏขึ้นภายใน หลังใช้เวลาไม่กี่วินาทีพิจารณาถึงความเป็นไปได้ต่างๆจากความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันระหว่างยูรัสกับเนลีคาห์นและเฌอราสโดยใช้ข้อเท็จจริงที่ได้ทราบอย่างไม่คาดฝันจนได้ข้อสรุปเพียงหนึ่งเดียว

งานที่ต้องทำเพิ่มขึ้นอีกแล้ว…




ไม่เข้าใจเลย!

ริมฝีปากบางเม้มแน่นขณะประโยคดังกล่าวย้ำอยู่ในสมองวุฒิสมาชิกสาวมาตลอดหกวันหลังยุติบทสนทนาที่รังแต่จะสร้างความโกรธเกรี้ยวให้ตนเองมากขึ้น พยายามขบคิดด้วยการยกความเป็นไปได้ต่างๆมาอธิบายแล้วก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจกับการกระทำอันเต็มไปด้วยปริศนาของยูรัสได้เลย

เหตุใดเขาจึงยอมรับว่าเธอคือแคเทรียนในงานเลี้ยงนั่น?

คำว่า ‘ถึงเวลาแล้ว’ หมายความว่าอย่างไร?

หญิงสาวชาวบาโรวิทถอนหายใจแรงพร้อมตบโต๊ะไม้ทรงกลมเข้าชุดกับเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิดที่ทวีขึ้นอีกครั้งจนโคมไฟกระเบื้องเขียนลายด้วยมือสั่นสะเทือน พอแตะฐานโคมให้หยุดนิ่งแล้วดวงตาสีฟ้าอ่อนก็จางตวัดไปยังนาฬิกาบนผนังก่อนจะพบว่าเวลาล่วงเลยมากว่าค่อนคืน

กระนั้นเธอก็ยังไม่สามารถสงบใจให้หลับลงได้…

ร่างโปร่งบางลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างหมายจะปิดม่านป้องกันมิให้ตนเองวอกแวกจากความสงบที่จะเกิดขึ้นหลังตั้งสมาธิก่อนนอนสักครู่ หากศาลาสีขาวทรงแปดเหลี่ยมหลังใหญ่ที่ผ่านเข้ามาในคลองจักษุกลับโดดเด่นอยู่ท่ามกลางความมืดสลัวจากสวนซึ่งเปิดไฟไว้เป็นระยะ ความสงบเยือกเย็นเปี่ยมเสน่ห์นั้นกวักมือเชิญชวนให้หญิงสาวก้าวลงไปหาราวกับเสียงเพลงแสนไพเราะของนักร้องสาวที่เธอเคยได้ฟังเมื่อตอนเป็นเด็ก

แคเทรียนยืนมองศาลาแวบหนึ่งแล้วหันไปคว้าเสื้อคลุมชุดนอนเนื้อหนานุ่มสีครามจากม้านั่งปลายเตียงมาสวมทับก่อนก้าวออกจากห้อง ความเงียบสงัดภายในบ้านบอกให้ทราบว่ากิจกรรมทุกอย่างหยุดชะงักลงจนไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาพบเธอขณะเดินอยู่นอกบ้านกลางดึก แต่ก็ยังระมัดระวังมิให้เกิดเสียงฝีเท้าเพื่อรักษาช่วงเวลาแห่งการอยู่ตามลำพังไว้อย่างเหนียวแน่นเท่าที่จะทำได้

สายลมเย็นยะเยือกและกลิ่นอายแบบฤดูหนาวที่ไหลพรูเข้ามากระทบผิวกายยามเปิดประตูระเบียงห้องนั่งเล่นอาจจะเปลี่ยนความตั้งใจของหญิงสาวได้หากไม่ชินกับอากาศหนาวจัดปีละหลายเดือนของบาโรว์มาก่อน แต่วุฒิสมาชิกสาวเพียงก้าวออกนอกบ้านพร้อมปิดประตูเข้าที่เดิมแล้วเริ่มสาวเท้าไปตามทางเดินผ่านสวนสวย กอดอกรักษาความร้อนในร่างกายขณะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายพลางเหลือบมองท้องฟ้าเบื้องบน

ฝีเท้าชะลอลงชั่วขณะเมื่อเห็นดวงดาวนับล้านเปล่งแสงหลากสีนวลตาแผ่กระจายบนพื้นสีน้ำเงินเข้มเกือบดำงดงามยิ่งกว่าภาพที่เคยเห็นบนดาวเคราะห์บ้านเกิด กลิ่นอายธรรมชาติอบอวลรอบกายไหลผ่านเข้าไปในนาสิกประสาททุกลมหายใจจนรู้สึกราวกับได้เติมพลังให้ฟื้นคืน ทว่าความหนาวเย็นไม่ยอมเอื้อให้หยุดชื่นชมได้นานจึงเดินต่อมาหยุดเหนือบันไดขั้นบนสุดหน้าศาลาสีขาวกลางสวนซึ่งดึงดูดเธอมาแต่แรก

มือนุ่มลองผลักประตูบานยาวกรุกระจกเข้าไปแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อมันเปิดออกอย่างง่ายดายโดยปราศจากเสียง สายลมเร่งให้ก้าวเข้าไปภายในก่อนสมองจะเริ่มหาคำตอบว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มีการล็อกประตูศาลา ครั้นตระหนักในวินาทีต่อมาว่าไม่เคยเห็นคนแปลกหน้าในบริเวณใกล้เคียงเลยคำถามนั้นก็ตกไปทันที

เมื่อมีผนังช่วยสกัดกั้นสายลมแรงหญิงสาวชาวบาโรวิทจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา การได้ออกมาเดินในสวนเย็นเฉียบยามค่ำคืนช่วยให้สมองโปร่งโล่งดังที่คิด หากเครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสมก็ทำให้มือแข็งจนต้องถูไปมาเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย กว่าครู่ใหญ่ดวงตาสีไอซ์บลูก็เริ่มสังเกตเห็นการตกแต่งภายในศาลาที่บ่งบอกถึงความเอาใจใส่จากผู้เป็นเจ้าของเช่นเดียวกับบ้านหลังใหญ่ที่เธอพักอยู่

ผนังแต่ละด้านของศาลากรุกระจกให้มองเห็นสวนภายนอกได้รอบทิศโดยมีม่านสีครีมรวบไว้ข้างบานหน้าต่าง ภายในตกแต่งด้วยเครื่องเรือนสีอ่อนเช่นเดียวกับภายนอกที่ทาสีขาวโดดเด่นอยู่กลางสวน พรมขนสัตว์หนานุ่มสีอ่อนปูลาดใต้กลุ่มเครื่องเรือนนำสายตาคนมองไปสู่เตาผิงใหญ่ด้านในสุดของห้อง ชุดโซฟานั่งเล่นดูน่าสบายและเชิญชวนจนวุฒิสมาชิกสาวอดใจยืนเฉยไม่ไหว

ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนพนักเก้าอี้สีอ่อนแล้วลากไล้ไปตามเนื้อไม้ขณะเดินลึกเข้าไปภายในศาลาอย่างช้าๆ สัมผัสเรียบลื่นเยือกเย็นและลายปักของผ้าหุ้มเบาะของโซฟาเท่าที่แสงสว่างห่างไกลจากภายนอกอำนวยให้เห็นเพิ่มพูนความพึงใจให้ทวีขึ้นทีละนิด ความละเอียดอ่อนเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยความใส่ใจของการประดับตกแต่งค่อยๆดึงหญิงสาวเข้าสู่โลกส่วนตัวยามราตรีอันเงียบสงบโดยไม่รู้ตัว

น่าแปลกที่เธอไม่เคยมาที่นี่…

ช่วงขาเพรียวยาวหยุดเดินขณะรำลึกได้ว่าตนเองกำลังจะจากสถานที่แห่งนี้ไปในเวลาไม่นานนัก หลังจากทำความเข้าใจกับยูรัสเรียบร้อยแล้วเธอจะเดินทางกลับบ้านและแจ้งให้มารดาทราบว่าปลอดภัยดี ถึงต้องลำบากในการหาข้ออ้างสำหรับการหายตัวอย่างน่าสงสัยระหว่างเดินทางกลับห้องพักมานานถึงสองเดือน ทว่าการได้พ้นไปจากสถานการณ์อันนำมาซึ่งอารมณ์สับสนไม่พึงปรารถนาก็ดูจะคุ้มค่าไม่น้อย

น่าเสียดายที่เพิ่งมาที่นี่คืนนี้…

ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางหลุบต่ำลงยามลูบไล้ผ้าไหมสีอ่อนปักลวดลายดอกไม้นานาพันธุ์อย่างทะนุถนอมก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง การใช้ชีวิตราวกับลาพักร้อนโดยไม่ต้องรับผิดชอบงานใดเลยมิได้ทำให้ความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆเหือดหายไป ข่าวสารที่ได้รับทราบจากรายการผ่านดาวเทียมต่างๆและเอกสารสรุปวาระการประชุมของยูรัสมิได้ช่วยให้รู้สึกสบายใจในเรื่องงานมากนัก ครั้นคำนึงถึงสถานการณ์เลวร้ายครั้งล่าสุดระหว่างตนเองกับชายหนุ่มก็ยิ่งเครียดขึ้นจนรู้สึกว่าพักผ่อนไม่เพียงพอยิ่งกว่าตอนวางนโยบายในการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมอย่างเร่งด่วนมาก

บานหน้าต่างที่แง้มไว้เล็กน้อยปล่อยให้กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ราตรีตามฤดูกาลโชยผ่านเข้ามาอวลอยู่ภายในศาลาช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายจนวุฒิสมาชิกสาวเริ่มเหยียดขาซบศีรษะกับพนักเก้าอี้ด้วยกิริยาที่ไม่มีผู้ใดได้เห็นในยามปกติ ดวงตาสีอ่อนหลับพริ้มตั้งใจซึมซับช่วงเวลาอันอ่อนโยนเยือกเย็นเก็บเอาไว้เป็นกำลังใจเผื่ออนาคต

“เผลอหลับที่นี่จะแข็งตายได้นะ”

แม้เสียงทุ้มนุ่มนวลจะเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาก็ยังส่งผลให้คนเผลอตัวสะดุ้งเฮือกขึ้นมานั่งตัวแข็งมือเย็นเฉียบด้วยความตกใจ หัวใจเต้นระรัวยามนัยน์ตาสีอ่อนเบิกโพลงจ้องมองเงาของร่างสูงเพรียวที่ยืนห่างออกไปกว่าเมตรพร้อมหอบหายใจถี่ เมื่อสติกลับมาครบถ้วนและพิจารณาแล้วว่าคนพูดคือใครอาการทางกายก็ค่อยๆสงบลง

“ทำไมถึงต้องทำให้ฉันตกใจด้วย!” แคเทรียนกระชากเสียงอย่างห้ามตนเองไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าถูกบุกรุกความเป็นส่วนตัวยามผ่อนคลายถึงขีดสุด

“ผมเห็นคุณนั่งหลับตาก็เลยเตือนเผื่อไว้เท่านั้น ที่นี่ไม่มีระบบปรับอุณหภูมิเหมือนในบ้าน แล้วผมก็ไม่ได้จุดเตาผิงไว้ด้วย” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่รักษาระดับไว้ให้ราบเรียบเมื่อท่าทางไม่พอใจของอีกฝ่าย แม้เขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากการใช้เวลาหลายวันเพื่อจัดการธุรกิจของครอบครัวก็ยังสามารถบอกได้ว่าหญิงสาวตรงหน้ายังคงไม่พอใจค้างมาจากครั้งหลังสุดที่ได้สนทนากันอยู่

“เดี๋ยวฉันก็กลับเข้าบ้านแล้วล่ะค่ะ” เหตุผลของยูรัสช่วยลดทอนความหงุดหงิดลงมาได้บ้าง น้ำเสียงคนพูดจึงอ่อนลงและนุ่มเบาเช่นเดิม

“เรื่องนั้นผมไม่แน่ใจหรอก” วุฒิสมาชิกหนุ่มพึมพำกับตนเองเมื่อได้ฟังคำบอกเล่านั้น การนั่งอยู่ตามลำพังท่ามกลางความมืดทำให้เขาเห็นตั้งแต่หล่อนก้าวเข้ามาในศาลาและนั่งหลับตาราวกับเหนื่อยอ่อนอยู่นานจนเกรงว่าจะหลับไปท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ “คุณน่าจะสวมเสื้อผ้ามากกว่านี้ เสื้อคลุมนั่นช่วยไม่ได้เท่าไรหรอก”

“ฉันอุ่นพอ”

ชายหนุ่มถอนใจพลางเสยผมสีน้ำตาลอ่อนปรกหน้าผากไปเบื้องหลังเมื่อได้ยินคำรับรองไม่น่าเชื่อถือของหล่อน ท่าทางนั้นก็กระตุ้นให้แคเทรียนจ้องมองจนเห็นการแต่งกายแบบเป็นทางการซึ่งบอกให้ทราบว่าเขาเพิ่งกลับจากการทำธุระและยังไม่ได้เหยียบเข้าไปในบ้านเลยแม้แต่ก้าวเดียว ทว่าผมที่ตกระใบหน้า เสื้อนอกกับเนคไทบนพนักเก้าอี้ และคอเสื้อเปิดกว้างจากการปลดกระดุมเม็ดบน ก็ทำให้ร่างสูงเพรียวที่เรียบร้อยอยู่เสมอดูแปลกตาไปจากปกติมาก

“เพิ่งกลับมาเหรอคะ”

หลุดปากทักไปตามใจคิดแล้วก็แทบจะกัดลิ้นตนเองที่ถามคำถามโง่เง่าออกไปทั้งที่เห็นอยู่ตำตาว่าเขาเพิ่งกลับมา แคเทรียน ขยับไหล่เตรียมตั้งรับวาจาเสียดสีที่จะสวนกลับมาตามนิสัยของอีกฝ่าย หากน้ำเสียงราบเรียบไม่บอกอารมณ์ในตอนแรกกลับทอดนุ่มนวลยิ่งขึ้นจนน่าประหลาด

“คุณสนใจด้วยหรือ”

“เครื่องแต่งกายคุณบอกว่ายังไม่ได้เข้าไปในบ้าน” หญิงสาวชี้ให้เห็น และการเลี่ยงคำถามของหล่อนก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้าง

“ใช่ ผมเพิ่งกลับมา” วุฒิสมาชิกหนุ่มตอบรับขณะก้าวเข้ามาคว้าเอวบางหญิงสาวให้ลอยขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ อุ้มร่างที่แข็งทื่อไปด้วยความตกใจขึ้นแล้วจัดให้หล่อนนั่งพิงกึ่งตะแคงขวางบนตักแบ่งปันไออุ่นระหว่างกัน

“ทำอะไรของคุณ! ปล่อยฉันนะ” แคเทรียนสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มงวดเมื่อพบว่าตนเองอยู่บนตักแข็งๆของชายหนุ่มด้วยท่าทางไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แถมอีกฝ่ายยังจัดท่านั่งให้ขวางตักพาดขาบนเท้าแขนเก้าอี้และใช้ท่อนแขนรัดรอบเอวจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ง่ายนัก

“อย่าดิ้นน่า แบบนี้อุ่นกว่า”

เจ้าของร่างสูงเพรียวให้เหตุผลพร้อมดึงร่างอ้อนแอ้นเข้าแนบตัวมากขึ้นเมื่อหล่อนพยายามดันและดิ้นรนสะบัดขาหมายให้ตัวเองเป็นอิสระ มืออีกข้างรวบข้อมือเล็กบางไว้บนตักนุ่มป้องกันมิให้หญิงสาวลงมือประทุษร้ายร่างกายแล้วเอ่ยถึงสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในความสงสัยตลอดเวลาจนเข้าขั้นรบกวนจิตใจไม่เลิก

“บอกผมหน่อยเถอะว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับเธรอน เขาทำอะไรคุณรึเปล่า”

“ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่คุยเรื่องนี้”

สาวสวยปฏิเสธเสียงเย็นพอๆกับอากาศภายนอกเมื่ออีกฝ่ายยกเรื่องที่ไม่อยากเอ่ยถึงมากที่สุดจนเลิกสนใจท่านั่งทันที ศีรษะสีทองคำขาวเหลียวมองหน้าคมคายเพื่อยืนยันคำพูดเดิมหยุดชะงักเช่นเดียวกับวาจาเผ็ดร้อนซึ่งถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อดวงตาสีเขียวมรกตของอีกฝ่ายจ้องมองเธอนิ่งด้วยสายตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ใบหน้าคมคายดูจริงจังน่าสะพรึงกลัวยามถูกเงามืดกลืนกินไปครึ่งหนึ่งมองตรงมาจนเธอนึกอยากหลบสายตาแหลมคมนั้น หากความไม่พอใจและศักดิ์ศรีที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวก็ช่วยเพิ่มแรงต่อต้านความรู้สึกอึดอัดใจจนสามารถจ้องกลับไปอย่างดุดันจริงจังไม่แพ้กัน

“คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมผมบอกว่าถึงเวลาแล้วที่จะยอมรับว่าคุณเป็นใครในงานเลี้ยงของไซเร็ค และผมทำกับคุณอย่างที่ทำมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร”

ทั้งวาจาจริงจังและท่อนแขนล่ำสันรัดร่างโปร่งบางไว้ในพื้นที่จำกัดของเก้าอี้เดี่ยวจนหล่อนขยับตัวเล็กน้อยเป็นเชิงบอกใบ้ว่าอึดอัด หากเขาก็ไม่คิดจะคลายอ้อมแขนหลังได้รับทราบภาษากายของอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังก้มศีรษะลงไปจนลมหายใจร้อนระอุปัดเป่าใบหูเล็กนุ่มแล้วถามย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ลดระดับต่ำลงอีกขั้น

“อยากรู้จริงๆใช่ไหม”

ในวินาทีนั้น หญิงสาวพลันรู้สึกว่าความเย็นที่เคยล้อมรอบกายหายวับไปกับตาเมื่อไออุ่นจากร่างสูงเพรียวแทรกผ่านเข้ามาในเสื้อคลุมและชุดนอนจนถึงผิวเนื้อเบื้องใต้ น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยยังเต็มเปี่ยมไปด้วยการควบคุมอันแข็งแกร่งไม่มีหลุด หากดวงตาแจ่มใสกลับแปรเป็นลาวาร้อนระอุสีเขียวจัดอัดความรุนแรงแน่นอยู่ภายในแบบที่ไม่เคยเห็นเขาแสดงอารมณ์เช่นนี้มาก่อน

ยูรัสกำลังโกรธ!

แคเทรียนรู้สึกถึงลำคอแห้งผากของตนเองราวกับร่างกายกำลังตอบสนองต่อเพลิงโทสะที่กำลังลุกไหม้ของอีกฝ่าย ความอึดอัดกำลังบีบตัวเข้ามาจนแทบใช้มือจับต้องได้ หากศักดิ์ศรีในตัวไม่ยอมให้แสดงความหวาดหวั่นออกไปให้ใครเห็น

แค่ความอ่อนแอครั้งเดียวในคืนนั้นก็น่าอับอายพอแล้ว…

“ค่ะ ฉันอยากรู้สาเหตุที่คุณทำเรื่องทั้งหมดนั่น” หญิงสาวชาวบาโรวิทตอบด้วยเสียงที่พยายามบังคับให้มั่นคงที่สุด แม้จะไม่สามารถนั่งอย่างสง่างามด้วยมาดของวุฒิสมาชิกผู้มุ่งมั่นเจ้าของสมญานาม ‘เสาน้ำแข็ง’ ได้

นัยน์ตาสีเขียวหรี่ลงมองอากัปกิริยาของอดีตคู่หมั้นอย่างหงุดหงิด ยิ่งหล่อนพยายามแสดงอาการสงบเยือกเย็นไม่หวั่นไหวออกมามากเท่าไร โทสะของเขาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น

“ผมทำทั้งหมดนั่นก็เพราะผมรักคุณยังไงล่ะ”

“อะไรนะ” คนที่ต้องการคำตอบอุทานเสียงแผ่วเมื่อได้ฟังคำตอบชวนอัศจรรย์ใจของอีกฝ่าย อาการขยับกระสับกระส่ายอันเกิดจากท่านั่งใกล้ชิดเกินปกติของหญิงสาวหายวับไปในพริบตาทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ ดวงตาสีอ่อนจางสบกับนัยน์ตาสีจัดจ้าที่ยังคงมองตรงมาราวกับตั้งใจสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของเธอต่อคำพูดนั้น

“คุณคิดว่าผมดีใจที่เห็นคุณนั่งหน้าซีดตัวแข็งในห้องพักแคบๆที่ฉายภาพโฮโลแกรมชัดแจ๋วมาอวดลูกค้าหรือไง” ยูรัสถามเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมไล้ปลายนิ้วลงตามความยาวของเส้นผมนุ่มสลวยหอมกรุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนไม่หยุด ภาพแคเทรียนในชุดกระโปรงขาวที่นั่งนิ่งเงียบพยายามควบคุมความหวาดกลัวของตัวเองยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำไม่คลาย “คุณนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นในฐานะสินค้าที่จะขายให้พวกเศรษฐีมากตัณหาที่กำลังประมูลผู้หญิงกันอยู่ข้างล่างแบบนั้น ยังคิดว่าผมจะทนได้หรือ”

วุฒิสมาชิกสาวเพ่งมองดวงหน้าคมคายในเงามืดแม้สมองจะไม่เฉียบแหลมแจ่มใสเหมือนเดิมหลังได้ฟังคำรักของเขา สีหน้าชายหนุ่มคละเคล้ากันทั้งความไม่พอใจและความหลงใหลจริงจังที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจากผู้นำตระกูลแอสทราอุสมาก่อน คำบอกเล่าเรียบเรื่อยหากแฝงไปด้วยความรู้สึกคับข้องใจยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

“ผมซื้อคุณมาไว้ที่นี่เพราะคุณโดนเอธานลักพาตัวไปด้วยเหตุผลที่ยังหาคำตอบไม่ได้ การเก็บคุณไว้ที่นี่จนกว่าจะรู้สาเหตุที่หมอนั่นทำแบบนั้น ปลอดภัยกว่าการปล่อยให้คุณออกไปเดินตามถนนแล้วโดนลักพาตัวไปอีกรอบมาก เพราะถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นอีกก็อาจจะไม่มีใครรู้ว่าคุณหายไปไหนเลยก็ได้”

เสียงทุ้มที่ยังคงแผ่วเบาทวีความแข็งกระด้างขึ้นเรื่อยๆตรงข้ามกับใบหน้างามขาวจัดซีดลงทุกทีที่ได้ฟังคำพูดของชายหนุ่ม เพิ่งตระหนักเอาตอนนี้เองว่าสถานะของตนเองอยู่ในภาวะเสี่ยงภัยสักเพียงไหนเมื่อคิดตามไปกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ทราบ แม้จะเคยคิดบ้างว่าการอยู่ในสภาพสินค้าทางเพศจะต้องเป็นอย่างไรตามคำบอกเล่าของหญิงสาวชาวโลกที่เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิ แต่ก็ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวในแง่ของความเป็นจริงอันความน่ากลัวมาก่อน

โดยเฉพาะเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นหากสลัดอวกาศนั่นจับตัวเธอไปอีกครั้ง!

ชายหนุ่มตวัดพันเส้นผมสีทองคำขาวเข้ากับนิ้วเล่นขณะอธิบายความรู้สึกตนเองต่อไป ผิวสัมผัสเย็นลื่นในมือตรงข้ามกับความร้อนรนกระวนกระวายในใจเขาจนนึกอยากให้อารมณ์ตนเองสงบลงบ้าง และยูรัสก็ไม่รีรอทำตามความคิดนั้นเมื่อแนบคางเข้ากับบ่าบอบบางแล้วกดจุมพิตหนักๆที่ข้างลำคอระหง เคลียริมฝีปากและคางสากระคายด้วยตอหนวดกับผิวเนื้อนุ่มเย็นชั่วครู่ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบานุ่มนวลที่ส่งผลให้หญิงสาวสะท้านสะเทือนไปทั้งร่าง

“ผมอาจจะร้ายกาจย่ำแย่ในสายตาคุณ แต่ผมไม่ใช่คนที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหรอกนะ แคเทรียน”

ทั้งเหตุผลและการสัมผัสแตะต้องอย่างเสน่หาของอดีตคู่หมั้นสร้างความปั่นป่วนทั้งอารมณ์และร่างกายจนหญิงสาวชาวบาโรวิททำอะไรไม่ถูก ร่างกายทุกจุดที่ปลายนิ้วและปากอุ่นแตะลงมาซ่านซ่าราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ก้อนเนื้อในอกไหวระริกไปกับความใกล้ชิดของท่านั่งที่มีไว้สำหรับคู่รักอย่างห้ามไม่อยู่

“อย่าทำแบบนี้...” แคเทรียนพึมพำค้านพร้อมเบี่ยงหน้าหลบปากที่ทาบลงมาจนไปจบที่แนวกรามแทน แม้จะยังไม่สามารถทำความเข้าใจความคิดของวุฒิสมาชิกหนุ่มได้เพราะกิริยาไม่คาดฝันของเขา หากปัญหาที่ยังไม่ได้รับคำตอบก็ยังวนเวียนอยู่ในสมอง “ถ้า...ถ้าเหตุผลของคุณเป็นจริงตามที่พูด ทำไมถึงไม่ยอมรับว่าฉันคือใครก่อนหน้างานเลี้ยงล่ะ มันแทบไม่ต่างกันเลย”

“ก็ผมไม่อยากนี่” ยูรัสพูดออกไปตามที่คิดขณะซุกไซ้ไปตามลำคอหญิงสาวแม้หล่อนจะพยายามเอนหลบพร้อมบิดข้อมือออกจากพันธนาการ ดื่มด่ำกับไออุ่นในอ้อมแขนและกลิ่นอายหวานละมุนที่ไม่ต่างจากดอกดิโอเรสของร่างโปร่งบางจนไม่อยากจะปล่อยเป็นอิสระ

“ว่าไงนะ!?”

“คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าผมนิสัยไม่ดียังไง ในเมื่อมีโอกาสมาถึงที่ คุณคิดว่าผมจะปล่อยไปง่ายๆงั้นหรือ คุณเองก็ไม่เคยพยายามยืนยันตัวเองเลยว่าคุณคือเนลีคาห์นตัวจริง บอกผมแค่ว่าคุณเป็นใครแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเมื่อไม่ได้รับความสนใจ ในเมื่อคุณไม่จริงจังกับมันแล้วผมจะใส่ใจทำไมล่ะ”

แม้คำบอกเล่าจะนุ่มนวลเช่นเดียวกับสัมผัสที่ดำเนินไปเรื่อยๆ หากผิวหน้าขาวนวลก็ยังชาราวกับโดนสาดน้ำเย็นเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงหลักฐานที่เคยคิดจะนำมาใช้เพื่อยืนยันสถานะของตนเองแต่ก็ตัดสินใจระงับไป เพราะเหตุการณ์ถอนหมั้นนั้นเกิดขึ้นจากความคิดของเธอแต่เพียงผู้เดียว และบทสนทนาตกลงกันในเรื่องนี้ก็แทบไม่ต่างอะไรกับการบังคับให้เขายอมรับความต้องการของเธอโดยปริยาย

ในยามนั้นหญิงสาวแน่ใจว่ายูรัสแกล้งแสดงท่าทางไม่รู้ว่าเธอคือใคร และเห็นว่าคงจะไม่ดีแน่ถ้ายกเรื่องที่อาจส่งผลต่อความคิดที่คาดเดาไม่ได้ของเขาขึ้นมาจนทำให้ปัญหาขยายตัวขึ้น ทว่าก็ยังรู้สึกมั่นใจว่าการอาศัยอยู่ร่วมบ้านกับอดีตคู่หมั้นปลอดภัยดีพอสมควรจนชะล่าใจไม่คิดจะยืนยันแข็งขันอีก

แต่ตอนนี้มันกลับย้อนกลับมาสร้างความยุ่งยากใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อไม่พูดออกไป!

แก้มขาวซีดเผือดลงเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อสลับกันไปมาเมื่อความผิดพลาดครั้งใหญ่ตีลังกาอยู่ในท้องจนปั่น ป่วนไปทั้งกาย ทว่าหนุ่มลูกครึ่งคีเรี่ยนก็ฉวยโอกาสจากอาการตัวแข็งทื่อของเธอโดยใช้มือข้างที่ว่างประคองศีรษะสีทองคำขาวให้แหงนเงยรับจุมพิตพร่างพรมของเขา

“แล้วที่คุณบอกว่าถึงเวลาแล้วล่ะ” ใบหน้าขาวจัดที่เริ่มเป็นสีแดงระเรื่อจากการแสดงความรักและตอหนวดของชายหนุ่มเบนหนีเท่าที่ทำได้

“ถึงเวลาที่จะส่งคุณกลับบ้านตามที่ผมรับปากคุณน้าไว้น่ะสิ” นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองดวงตาสีอ่อนจางโดดเด่นอยู่ในความมืดลืมขึ้นมองเขาอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับคำตอบไม่คาดฝัน รู้สึกถึงความสะใจนิดๆในส่วนลึกที่สามารถทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติดมาจนถึงบัดนี้ด้วยความประมาทของหล่อนเอง “คุณน้ารู้ว่าคุณกำลังพักผ่อนอยู่ที่นี่หลังถูกลักพาตัวไป”

“คุณแม่รู้” วุฒิสมาชิกสาวพึมพำเมื่อรู้ว่ามารดาทราบข่าวคราวของตนเองจากชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความแปลกใจกว่าเดิม เพราะไม่คิดว่าเขาจะแจ้งให้ครอบครัวเนลีคาห์นทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอในขณะที่เขากำลังแกล้งให้เธอทรมานใจเล่นอยู่บนดาเมเนสแห่งนี้ “คุณคงไม่ได้บอกท่านว่าซื้อฉันมาใช่ไหม”

สีหน้าหมางเมินเหินห่างปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายทันทีที่หญิงสาวพูดจบประโยค วาจาสบประมาทของหล่อนไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรสักอย่าง อ้อมแขนล่ำสันคลายออกเร็วจนร่างโปร่งบางแทบรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นของอุณหภูมิและเสียงทุ้มนุ่มที่หลุดจากปากบางได้รูป

“ไม่น่าแปลกใจที่คุณคาดว่าผมจะบอกเรื่องน่าวิตกแบบนั้นให้คุณน้าทราบ ถึงยังไงผมก็ไม่เคยเป็นผู้ชายที่ดีในสายตาคุณอยู่แล้ว”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะยูรัส ฉันไม่ได้คิดว่าคุณจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณแม่ฟัง มันก็แค่…” ความร้อนแล่นขึ้นสู่ผิวหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อตระหนักว่าคำพูดตอบโต้ตามความเคยชินของตนเองดูหมิ่นอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มเข้าหากันเมื่อนึกถึงสาเหตุจากอดีตที่ทำให้หลุดปากไปเช่นนั้น แต่แล้วก็ตัดสินใจยอมรับผิดเพราะอีกฝ่ายได้อธิบายข้อเท็จจริงในการกระทำของตัวเองทั้งหมดแล้ว “ความเคยชินเก่าๆ”

“นั่นสินะ ถึงผมจะพยายามทำดีกับคุณแค่ไหนก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย” ชายหนุ่มพึมพำเยาะหยันขณะหวนนึกถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันขึ้นใหม่ภายในสองเดือนที่ผ่านมา แม้จะกระเตื้องขึ้นมาในระดับที่สามารถคุยกันได้โดยไม่กลายเป็นการปะทะคารมกันแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีว่าอดีตคู่หมั้นสาวจะปรับปรุงทัศนคติให้ยอมรับเขาได้มากกว่าเดิม

ถ้อยคำประชดประชันแฝงความหงุดหงิดส่งผลให้หญิงสาวชาวบาโรวิทชะงักค้างเมื่อจับความรู้สึกบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยในประโยคสุดท้ายของยูรัสได้

“ขอโทษค่ะยูรัส ฉันไม่ควรพูดแบบนั้นเลย ฉันเสียใจจริงๆนะคะ”

คำขอโทษอย่างร้อนรนระคนจริงใจจากหญิงสาวชาวบาโรวิทส่งผลให้วุฒิสมาชิกหนุ่มนิ่งเงียบไป ท่าทางของเขายิ่งกระตุ้นความไม่สบายใจของคนสำนึกผิดให้ฟุ้งขึ้นมาจนเผลอมองตาไม่กะพริบ ความเงียบเข้าครอบคลุมศาลากลางสวนเมื่อไม่มีใครเอ่ยปากพูดกัน ดวงตาต่างสีสองคู่จ้องกันราวกับจะวัดใจว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรต่อไปครู่ใหญ่ก่อนผู้นำตระกูลแอสทราอุสจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นคุณปลอบใจผมหน่อยได้หรือเปล่า”

ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางกะพริบปริบกับข้อเรียกร้องชวนฉงนของร่างสูงเพรียว จ้องมองวุฒิสมาชิกหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงแน่ใจว่าการปลอบใจของเขาไม่น่าจะเหมือนกับวิธีการปลอบใจที่เธอเคยทำมาก่อน ยิ่งสบตาสีเขียวที่หลอมเหลวคุกรุ่นอยู่ภายในก็ยิ่งรู้สึกถึงก้อนเนื้อในอกที่สงบไปแล้วครู่หนึ่งกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

“ปลอบใจแบบไหน”

“แบบนี้”

ใบหน้าขาวนวลก้มลงมาประทับปากเข้ากับกลีบปากนุ่มร้อนเป็นการสาธิตให้คนไม่รู้วิธีปลอบใจดู ค่อยๆขยับเบียดทาบอย่างนุ่มนวลทีละเล็กทีละน้อยจนหญิงสาวเผยอริมฝีปากยอมให้เข้าไปควานหารสชาติหวานละมุนดั่งน้ำหวานในดอกไม้งาม ลิ้นร้อนแทรกลึกตวัดเสียดสียั่วเย้าให้ตอบโต้เรียกเสียงครวญจากลำคอระหง มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังใต้เสื้อคลุมและชุดนอนเนื้อลื่นเนียนไปพลาง

กระแสสัมผัสวาบหวามลามเลียไปใต้ผิวกายจนอุ่นระอุขึ้นทั้งร่าง ความเร้ารัญจวนเริ่มต้นขึ้นจากปากที่ได้รับการล่อหลอกให้ตอบสนองไปจนถึงมือที่เคลื่อนไหวลูบไล้คลอเคลียไปทั่วแผ่นหลังและสะโพกจนสมองเบาหวิว ทุกการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มส่งผลให้ม่านหมอกหนาแห่งอารมณ์สิเน่หาทิ้งตัวลงปกคลุมรอบกายจนแทบกลายเป็นผิวหนังชั้นที่สอง ร่างกายทวีความอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆจนไม่รู้สึกถึงความเยือกเย็นอีกต่อไป

ริมฝีปากร้อนผะผ่าวและรสสัมผัสสากระคายบนผิวนุ่มทำให้แทบไม่รู้สึกเลยว่าอดีตคู่หมั้นกระตุกสายผูกเอวของเสื้อคลุมสีครามให้หลุดออกจนทาบฝ่ามือบนกระโปรงนอนนุ่มเนียนได้ ยูรัสลากไล้มือไปตามสีข้างเพรียวของหญิงสาวอย่างยั่วยวนป่วนอารมณ์ก่อนจะขยับไปวนเวียนแถวหน้าท้องนุ่มนวลโดยไม่ปล่อยให้หล่อนได้มีโอกาสทักท้วง หญิงสาวชาวบาโรวิทจึงได้แต่ครางเครือไปกับประสบการณ์ใหม่ที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยได้รู้มาอีกขั้น

“คุณเริ่มปลอบใจเป็นแล้ว”

วุฒิสมาชิกหนุ่มกระซิบเสียงนุ่มข้างใบหูอย่างพึงใจหลังละจากริมฝีปากที่กลายเป็นสีชมพูเข้ม ปัดไล้นิ้วหัวแม่มือกับกลีบปากนุ่มชุ่มฉ่ำที่เผยอออกเพื่อดึงลมหายใจเข้าปอดให้ได้มากที่สุดอย่างทะนุถนอม ดวงตาสีเขียวมรกตคล้ายลาวาร้อนแรงก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นความลึกลับของป่าฝนเขตร้อนที่ล่อลวงให้ผู้คนหลงใหลจนหาทางออกไม่เจอ

และมันก็ทำให้คนที่ได้เห็นนึกอะไรไม่ออกนอกจากต้องการหายตัวเข้าไปในนั้น…

ความสนใจใคร่รู้และสัญชาตญาณเร่งให้แคเทรียนวางมือที่เป็นอิสระตั้งแต่เมื่อครู่บนแผ่นอกแข็งแรงของอีกฝ่าย ลากไล้สัมผัสความแข็งแกร่งด้วยปลายนิ้วจนพบเข้ากับยอดอกที่แข็งตึงใต้เสื้อเชิ้ต เมื่อรางวัลที่ได้รับจากการเขี่ยเบาๆคือเสียงทอดถอนใจจากอีกฝ่ายจึงอดใจไม่ไหวต้องลงมือหนักมือขึ้นอีก

ยูรัสสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ให้กับการเคลื่อนไหวนั้นก่อนก้มลงซุกไซ้ลำคอระหงอีกครั้ง คราวนี้ขบเม้มผิวเนื้อนุ่มไล่ลงไปจนถึงไหปลาร้าแล้วดูดหนักหน่วงจนหญิงสาวเสียวแปลบ ครู่เดียวเขาก็ย้ายลงไปตามผิวเนื้อขาวเนียนที่ปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อดันสาบเสื้อคลุมให้แยกออกจนถึงเอว ความระคายจากสัมผัสนั้นเร่งให้ความเร่าร้อนในกายวุฒิสมาชิกสาวทวีขึ้นจนต้องหาทางบรรเทาด้วยการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วลูบไล้ผิวเนื้อเบื้องใต้ด้วยมือตนเอง

ครั้นเรือนกายขาวผ่องท่อนบนและทรวงอกคู่เล็กได้รูปสวยเผยตัวออกสู่สายตาร้อนระอุของชายหนุ่มที่เอนตัวออกห่างเพื่อจ้องมองให้เต็มที่ พวงแก้มนุ่มก็แดงก่ำด้วยความเขินอายและอารมณ์ปรารถนาอันลุกโชน

“คุณสวยกว่าที่ผมจินตนาการถึงเสียอีก” ผู้นำตระกูลแอสทราอุสพึมพำพร้อมไล้ปลายนิ้วบนผิวสีครีมที่โดดเด่นอยู่ในความมืด ร่างโปร่งบางที่เปลี่ยนท่ามานั่งคร่อมเขาโดยไม่รู้ตัวงดงามยิ่งกว่าคำบรรยายของเหล่าเทพธิดาในตำนานเก่าแก่ในทุกวัฒนธรรมที่เคยเรียนรู้มา

“พูดจริงหรือเปล่า” หญิงสาวชาวบาโรวิทหอบหายใจนิดๆเมื่อเส้นทางของนิ้วนำพาเปลวไปให้แผดเผาไปทั่วผิวเนื้อทั่วทั้งบริเวณ “ฉันสวยกว่าผู้หญิงชาวโลกที่คุณเคยซื้อมาจริงหรือคะ”

“คุณเหนือกว่าพวกนั้นมาก” ฝ่ามือใหญ่ประคองดวงหน้างดงามที่เต็มไปด้วยแววยั่วยวนไว้ขณะจ้องดวงตาสีอ่อนไหวระริกไม่คลาด “ไม่มีใครเทียบคุณได้เลย ที่รักของผม”

ใบหน้าคมคายก้มลงประทับจุมพิตแผ่วอีกครั้งก่อนผละไปหาเนินเนื้อนุ่มที่ไวต่อสัมผัสไม่ต่างจากของตนเอง ลิ้นร้อนตวัดโลมเล้ายอดสีชมพูอ่อนอย่างเชื่องช้าก่อนจะเร่งเร็วขึ้นอย่างห้ามใจไม่อยู่ ความใจร้อนของชายหนุ่มดึงเสียงครางสะท้านให้หลุดจากปากแคเทรียนเมื่อความเสียวซ่านวาบหวามก่อตัวขึ้นเร็วเกินต้านทาน

ทุกครั้งที่เขาคลึงเคล้าดูดเม้มให้ความยุติธรรมแก่ทรวงอกทั้งสองข้างเท่าๆกัน ร่างโปร่งก็สั่นสะท้านอ่อนเปลี้ยไปพร้อมกับหัวใจที่หวิวไหวระรัวจนต้องขยุ้มผมสีน้ำตาลอ่อนไว้เป็นหลักยึดแน่น ตั้งแต่ทรวงอกถึงหน้าท้องเสียววาบลงไปเป็นทางจนรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ก่อตัวขึ้นใจกลางความเป็นสตรีเพศ แม้สติสัมปชัญญะที่โบยบินห่างออกไปไกลจนร้องเตือนเสียงแผ่วเบาถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หากเลือดเนื้อสาวสะพรั่งในกายกลับร่ำร้องให้ยอมรับความปรารถนาถาโถมจนต้านทานไม่ไหว

อากัปกิริยาโอนอ่อนผ่อนตามและเสียงครางแผ่วไม่ได้ศัพท์ของสาวสวยในอ้อมแขนเร่งให้ยูรัสเอาใจใส่กับความต้องการอันทุกข์ทรมานในกางเกงของตนเอง ปลดปล่อยความแข็งขึงเป็นอิสระแล้วดึงร่างโปร่งบางทาบทับลงมาจนแนบสนิทแล้วเริ่มขยับเสียดสีเป็นจังหวะ ในขณะที่มือใหญ่ลูบผิวเนื้อเนียนเรียบบนต้นขาอย่างเอาใจใส่ขณะรุกเร้าทรวงอกคู่งามจนกระทั่งเสียงหวานเว้าวอน

“ได้โปรดเถอะค่ะ ยูรัส…”

ยูรัสจับสะโพกกลมกลึงให้หยุดนิ่งพลางหายใจหอบถี่ รอจนศีรษะที่แหงนเงยไปเบื้องหลังกลับมาตั้งตรงแล้วจึงออกปากถึงความปรารถนาที่ติดอยู่ในใจมาตลอดตั้งแต่เริ่มมีความสัมพันธ์ทางกายกับสตรีเพศครั้งแรก

“คุณจะยอมรับผมมั้ย แคเทรียน”

ดวงตาสีฟ้าอ่อนจางที่ขุ่นมัวด้วยอารมณ์เร้ารัญจวนลอยคว้างมองหน้าอดีตคู่หมั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนวาจาของเขาจะผ่านเข้าไปในการรับรู้ เสียงเรียกชื่อทอดยาวนุ่มนวลของอีกฝ่ายบอกให้เธอแน่ใจว่าเขารู้ตัวว่ากำลังอยู่กับใครสร้างความพึงพอใจให้มากมายจนแทบไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูด ได้แต่พยักหน้าซ้ำๆก่อนจะหลุดเสียงตอบรับตามออกมาในท้ายสุด

“ค่ะ ฉันยอมรับคุณ”

สิ้นคำยินยอมของหญิงสาวมือใหญ่ก็จัดการรูดชั้นในตัวจิ๋วลงมาตามขาเรียวยาวที่ให้ความร่วมมือได้อย่างง่ายดาย ปลายนิ้วเรียวยาวทดลองสำรวจความชุ่มชื้นที่เคลือบอยู่บนความนุ่มนวลอ่อนไหวของสตรีแล้วปลุกปลอบให้ผ่อนคลายด้วยลีลาอันจัดเจนจนสามารถเรียกเสียงครางปลื้มเปรมอีกระลอก ยั่วเย้าไม่นานก็ดึงสะโพกลงหล่อนลงมาให้พวกเขารู้สึกถึงความร้อนระอุของอีกฝ่ายสัมผัสที่แตะต้องกันเพียงผิวเผิน

ชายหนุ่มจับร่างโปร่งบางค้างไว้เช่นนั้นขณะเงยหน้าสบตาหญิงสาวด้วยแววตาที่เปิดเผยความรักใคร่เร่าร้อนอย่างยิ่ง

“ผมรักคุณนะ แคเทรียน ไม่เคยรักใครนอกจากคุณ”

ถ้อยคำฝากรักนั้นอ่อนหวานนุ่มนวลเช่นเดียวกับการเติมเต็มของเขาจนวุฒิสมาชิกสาวน้ำตาซึมด้วยความตื้นตัน แต่ละนิ้วที่เบียดผ่านเข้ามาร้อนระอุและหนักหนาราวกับจะตอกย้ำคำพูดนั้นให้ตราลงในหัวใจไม่ลืมเลือน…

แขนเรียวเสลากระหวัดรัดรอบกายยูรัสเมื่อความรู้สึกทางอารมณ์และร่างกายพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ดวงหน้างามซุกซบเข้ากับบ่ากว้างเมื่อการเคลื่อนไหวทุกอย่างหยุดลงชั่วครู่ เตรียมใจรับความเร่าร้อนที่เผาผลาญอยู่ภายในจนแทบทนไม่ไหว ในขณะที่มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังปลอบประโลมให้เวลาหล่อนปรับตัวเพราะรู้ดีว่านี่เป็นครั้งแรกของอีกฝ่าย

กระทั่งรู้สึกได้ว่าร่างโปร่งบางพร้อมแล้วที่จะเรียนรู้การขั้นต่อไปของความสัมพันธ์นี้ วุฒิสมาชิกหนุ่มจึงเริ่มสานสายใยผูกพันไปตามจังหวะที่ควรจะเป็นของพวกเขาทั้งคู่

ไม่นานศาลากลางสวนก็ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดอีกครั้ง…





TBC.





เขาได้กันแล้ว!
5555+

เชื่อว่ามีหลายๆคนรออะไรแบบนี้อยู่แน่นอน (อย่าแจ้งอนาจารนะคะ คุณขา)

แถมตอนนี้ก็เผยความในใจของใครหลายคนออกมาด้วย ^^

แน่นอนว่าตอนหน้าเรื่องเข้มข้นขึ้นอีกค่ะ

ขอแนะนำอย่างจริงจัง (ไม่ได้ตั้งใจโฆษณาขายของนะก๊ะ) ว่าควรอ่าน ในกรงเพลิง ด้วย เพราะมันมีประเด็นต่อเนื่องกันมาพอสมควร และจะมีต่อเนื่องกันไปในอนาคตหลังจาก Delusion ไปอีก 2 เรื่อง

ดังนั้น...ถ้าสามารถหาเล่มมาเก็บไว้ในครอบครองได้ ก็หามาอ่านกันเถอะค่ะ จะได้ไม่เป็นภาระของสมอง ต้องระลึกชาติย้อนหลังอีก

ตอนนี้หนังสือเริ่มหายากแล้ว (จากคำบอกเล่าของเพื่อนที่ไปตามหามา) บางร้านไม่มีแล้ว หากไปตามหาหลังจากนี้ อาจหาไม่ได้นะคะ พี่น้อง

พบกันตอนหน้าค่ะ ^^





ปุณณารมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2556, 11:16:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ย. 2556, 11:17:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1185





<< ตอนที่ 8   ตอนที่ 10 >>
ปุณณารมย์ 19 ก.ย. 2556, 11:22:27 น.

ตอบเมนต์จากตอนที่แล้วค่ะ ^^

pimsaowaluck
ขอบคุณค่ะ ดีใจจริงๆที่ถ่ายทอดอารมณ์แบบนี้ออกมาได้ดีกว่าเดิม เรื่องเศร้าๆนี่ไม่ถนัดเลยละค่ะ ^^

คิมหันตุ์
ยูรัสนิสัยไม่ดีค่ะ ตอนเด็กๆก็ชอบแกล้งแคเทรียนจนร้องไห้บ่อยๆ 555+
ส่วนเรื่องเธรอนมาวนเวียนกับแคเทรียนนี่ต้องรออ่านต่อไปนะคะ
นิยายปุณขาดฉากโหดๆไม่ได้ มันเป็นรสนิยม(ของคนเขียน)


คิมหันตุ์ 19 ก.ย. 2556, 16:29:17 น.
555555555 เค้าได้กันแล้วววววววววว ช่วงบน ๆ ยัง เครียด ๆ อยู่เลย พออ่านถึงล่างๆ โอ้ว เครียดยิ่งกว่า ฮ่าฮ่า


sonakshi 19 ก.ย. 2556, 23:16:29 น.
เรียกเลือดเบาๆ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account