จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย
ตอน: 13 ที่ปรึกษา ที่ดีที่สุด
13 ที่ปรึกษา ที่ดีที่สุด
ไหนบอกว่าจะไม่ทำให้เสียใจยังไงเหล่า นี่เธอผิดนัดเราเป็นครั้งที่ห้าในรอบสองเดือนแล้วนะ แล้วนี่ก็เป็นงานเปิดตัวหนังสือเราด้วย เธอจะไม่มาจริง ๆ ใช่ไหม
อังศุมาลินแอบบ่นใจใจก่อนจะก้าวขึ้นเวทีเผื่อทักทายแฟน ๆ นิยายของเธอ เธอยืนอยู่บนเวทีอยู่นานหลายนาทีด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยน่ารักคนหนึ่ง
หน้าคุ้น ๆ จังเลย ปกติแฟนคลับเราก็จะมีแต่หน้าเดิม ๆ อยู่แล้วนี่ แต่เธอหน้าเหมือนตุ๊กตาเลย สวยมากจริง ๆ ลักษณะท่าทางก็ดูมั่นใจในตัวเอง ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดทำงานที่มีราคามาก
“เอ๊ะ!”
ซึ้งผู้หญิงคนนี้แหล่ะที่กระชากรอยยิ้มสดใสของอังศุมาลินไป
อังศุมาลินพบสิ่งที่หน้าตกใจอีกหนึ่งอย่างเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้น พีม เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง ไหนบอกว่าวันนี้มีนัดสำคัญกับลูกค้า หรือผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกค้าของเขา
“มีอะไรหรือครับน้องอิ้ง นั้นคุณพีมนี่ คุณพีมครับเชิญขึ้นมาบนเวทีหน่อยสิครับ”
พิมานพิธีกรเจ้าเก่าเรียกพัฒนากร ชายหนุ่มดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นอังศุมาลิน จนชายหนุ่มต้องหันมาดูป้ายชื่องาน
“พีมจะไปไหนเขาเรียกเธอแนะ ว้าวฉันเพิ่งรู้นะว่าเดี๋ยวนี้เธอมีชื่อเสียงขนาดนี้”
“เอ่อ...ผมขอตัวไปขึ้นเวทีก่อนนะครับ”
พัฒนากรรีบเดินไปขึ้นเวทีตามคำเชิญ หลังจากพูดทักทายเสร็จพิมานพิธีกรเจ้าคารมก็ดำเนินรายงานต่อ
“มีธุระไม่ใช่เหรอ”อังศุมาลินกระซิบถามเสียงแข็งหันไปเหล่ตามองผู้หญิงคนเดิมที่โบกมือให้พัฒนากรไหว ๆ “สวยดีนี่”
“ลงไปเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก”
พัฒนากรกระซิบกลับ
“จำเป็นด้วยเหรอ”
อังศุมาลินใช้น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ให้ตายเถอะทำไมเราถึงรู้สึกร้อนไปทั้งตัวนะ
หลังจากลงจากเวทีพัฒนากรก็พาอังศุมาลินมาหาผู้หญิงที่มากับเขา สองสาวสบตากัน พัฒนากรแอบคิดว่าเหมือนมีกระแสไฟหลายแสนโวลต์พุ่งออกมา
“อิ้งนี่ เบบี้เธอเป็น”
“ฉันแฟนเก่าของเขา แล้วคุณล่ะ”
ที่แท้เธอก็คือบรรณิตานั้นเอง หลังจากที่เธอเลิกกับพัฒนากรเธอก็ไปทำงานอยู่ที่บริษัทที่ต่างประเทศ และถูกส่งตัวกลับมาพร้อมกับเจ้านายที่จะต้องดูแลสาขาที่กำลังจะเปิดใหม่ที่ชลบุรี
และดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งสองสาวจะเปิดศึกกันแล้วล่ะสิ
“ฉันคือแฟนปัจจุบันของเขา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่เบบี้ คงจะจำฉันไม่ได้ล่ะสิคะ ฉันเป็นรุ่นน้องของพี่ที่โรงเรียนมัธยม”อังศุมาลินจำบรรณิตาได้เมื่อได้ยินได้ยินชื่อเล่นของเธอ “ไม่ทราบว่าพี่มาทำธุระสำคัญอะไรกับแฟนฉันคะ”
“อ๋อ...นี่เธอไม่ได้บอกแฟนเธอเหรอว่าเราสองคนกำลังจะทำงานด้วยกัน งานสำคัญที่ต้องเจอกัน คุยกันบ่อย ๆ ด้วย”
“อ๋อ...เขาบอกฉันแล้วล่ะคะ แต่พอดีฉันคิดว่ามันไม่ค่อยสำคัญอะไรก็แค่เรื่องเก่าเท่านั้น”
ภายใต้รอยยิ้มของทั้งสาวจะมีใครรู้ไหมนะว่ามันกำลังประปนไปด้วยยาพิษ แต่ดูเหมือนว่าพัฒนากรจะพอรู้แล้วล่ะ
“อิ้งจ๊ะได้เวลาแจกลายเซ็นแล้วค่ะ”
จันทิมาเดินมาตาม อังศุมาลินพยักหน้ารับรู้
“ฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ มีเรื่องที่สำคัญกว่า ต้องไปทำแล้ว พีมขาเราไปเจอกันที่ห้องนะคะ”
อังศุมาลินพูดจบก็เดินออกมาโดยที่ไม่ได้ทันฟังในสิ่งที่พัฒนากรจะบอก
“ไม่ได้บอกแฟนเธอเหรอว่าเธอต้องไปคุยงานกับเจ้านายฉันต่อจนถึงสี่ทุ่ม”
“เธอช่วยโทรเลื่อนนัดเขาให้ผมหน่อยได้ไหม”
พัฒนากรไม่มีทางเลือกยกมือไหว้บรรณิตา เธอรีบสะบัดหน้าหนีพร้อมกับแอบยิ้มมุมปาก
“เสียใจวันนี้จะเป็นวันที่เจ้านายฉันจะอยู่เมืองไทยเป็นวันสุดท้ายก่อนจะกลับมาอีกทีก็อีกสามเดือน”
“เราจะบ้าตาอยู่แล้วนะ เธอไปไหนมาทำไมถึงเพิ่งกลับ เธอรู้ไหมว่าเราอุตส่าห์หนีคุณปูแล้วก็เพื่อน ๆ ที่สำนักพิมพ์มารอฉลองกับเธอ เธอคิดว่าเราควรจะทำยังไงกับเธอหะ”
อังศุมาลินระเบิดอารมณ์ใส่พัฒนากรทันทีที่ได้เจอหน้า ก็เธอรอเขามาตั้งแต่หกโมงเย็นจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
พัฒนากรเองก็พยายามรีบแล้วแต่คุณจอห์น เจ้านายของบรรณิตากลับชวนคุยนู้นคุยนี่ จนสี่ทุ่ม เขาเลยต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุตไปส่งบรรณิตาที่คอนโดที่อยู่หางจากที่นี่ครึ่งพระนคร แต่คำอธิบายทั้งหมดเขาก็ย่อเหรอแค่เพียง
“เรามีนัด”
“โทรศัพท์ก็มีแล้วทำไมไม่โทรบอก ทีเมื่อก่อนล่ะโทรจิกเราเสียยิ่งกว่าไก่ อ๋อ...นี่เธอเริ่มเบื่อเราแล้วใช่ไหม ใช่สิเรามันก็ยังเป็นตัวไร้ค่าสำหรับเธออยู่เสมอเลยใช่ไหม”
“ไม่...”
“ไม่ใช่เหรอ...จะไม่ใช่ได้ยังไง ไหนที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้เราเสียใจแล้วนี่ยังไง ยังไง ยังไงหะ”
อังสุมาลินเดินไล้บี้พัฒนากรจนติดกำแพง
“แล้วเธอจะเอายังไง”พัฒนากรเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อังศุมาลินวีนแตกใส่เขา เขาเองก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว แล้วเขาก็กำลังไล้บี้เธอกลับ“ถ้างานของเรามันทำให้เธอเสียใจมาก เธอจะให้เราเลิกทำเลยไหมล่ะ ว่ายังไง งานนี้จะทำให้บริษัทเราได้กำไรมหาศาล แต่ถ้าเธอจะให้เราเลิกทำก็ได้ เราจะได้ตกงานสมใจเธอ หรือว่าเธอจะ...”
ชายหนุ่มหยุดกลืนน้ำลายพร้อมกลับกลืนประโยคที่กำลังจะพูดกลับเข้าไป เราจะต้องไม่พูดคำนั้น
“อะไรเราจะอะไร”
อังศุมาลินทำท่าไม่ยอม แต่น้ำเสียงเริ่มติด ๆ ขัด ๆ เธอไม่เคยต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย อธิษฐานไม่เคยทำกับเธอแบบนี้ไม่ว่าเธอจะเหวี่ยงจะวีนแค่ไหน
“ช่างมันเถอะ”
พัฒนากรเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟา อังศุมาลินถอนหายใจออกมา
“กะ...ก็ได้งั้นเธอก็มากินข้าวกับเราเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ล่ะ...อิ่มจะแย่”
พัฒนากรตอบด้วยท่าทางเซ็ง อังศุมาลินอ้าปากหวอ นี่เราอุตส่าห์ยอมเธอแล้วนะ เธอยังมาใช่น้ำเสียงเฮงซวยแบบนั้นกับเราอีก
“เป็นอะไรไปทำไมทำท่าทางแบบนั้น”พัฒนากรหันมาเห็นอาการฝึดฟัดของอังศุมาลินแล้วไม่เข้าใจ “นี่เป็นอะไร เธอกำลังโกรธเหรอ”
พอได้ยินคำถามแบบนั้นอังศุมาลินก็ยิ่งทวีความโมโหแต่ก็ทำได้เพียงเดินเข้าห้องพร้อมปิดประตูโครมใหญ่
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“โว้ยผู้หญิง”
ดูเหมือนว่านับวันความสัมพันธ์ของอังศุมาลินกับพัฒนากรดูจะแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะช่วงหลัง ๆ ไม่ได้กลับคอนโดเลยครั้งล่ะหลาย ๆ วัน บางทีก็กลับมาเอาเสื้อผ้า หรือของใช้แล้วก็กลับออกไปในทันที
“พี่อิ้งดื่มน้ำส้มก่อน”
ปรารถนาเดินเอาน้ำส้มมาส่งให้อังศุมาลินแล้วนั่งลงข้าง ๆ
“ปิดเทมอแล้วเหรอ”
“ค่ะ พี่อิ้งล่ะมาหาพี่อิฐมีธุระอะไรเหรอ คงไม่รู้ใช่ไหมว่าพี่อิฐไปสัมมนาที่ตรัง ก็อย่างนี้ล่ะน้าคนดัง ขึ้นเหนือลงใต้ไม่ได้หยุด”
“เหรอ”
อังศุมาลินพูดเสียงเศร้า ทั้ง ๆ ที่เธอคิดจะมาปรึกษาเรื่องของพัฒนากรกับเขาแท้ ๆ แต่เขากลับไม่อยู่บ้านเสียได้
“แหนะคิดจะมาขอพี่อิฐคืนดีล่ะสิ บอกไว้ก่อนนะว่าตอนนี้พี่ชายของปูนฮอตมากเลย โอกาสของพี่อิ้งเหลือน้อยเต็มที”
“เปล่า พี่แค่จะมาปรึกษาเรื่องแฟน...”
“โหพี่ใจร้ายสุด ๆ คิดได้ไง”ท่าทางของปรารถนาดูโอเวอร์แอกติ้งมาก อังศุมาลินเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ “หัวเราะทำไมล่ะ ปูนซีเรียดนะรู้ไหม”
“พี่รู้สึกว่าปูนกำลังแสดงละครอยู่นะสิ นี่เอาไว้พี่ของบุคลิกเราไปเป็นนางเอกหน่อยนะน่ารักดี”
พูดไปก็ขำไป ก็มันอดไม่ได้นี่หน่า ปรารถนายิ้มมุมปากเหมือนคิดอะไรออก
“ได้สิคะ แต่พี่อิ้งต้องบอกปูนมาก่อนว่าจะมาปรึกษาอะไรพี่อิฐ”
“เอ่อ...ไม่ล่ะจ๊ะพี่กลับก่อนดีกว่า”
อังศุมาลินเห็นท่าทางไม่ดีเลยคิดจะชิ้งแต่ดูเหมือนว่าปรารถนาจะรู้ทันรีบมาขวางประตูไว้ก่อน
“ให้ปูนช่วยนะคะ นะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่เกรงใจ”
“แฟนพี่เป็นเกย์ แฟนพี่ซาดิส สุดท้ายล่ะ แฟนพี่มีชู้”เธอเดาซุ่มเพื่อจะดูปฏิกิริยาของอังศุมาลิน แล้วก็ได้ผล “กับผู้หญิงที่สวยกว่า อายุน้อยกว่า อ่ะหรือว่าแฟนเก่า พี่รู้ไหมว่าแฟนเก่านี่สำคัญเลยนะ”
“แล้วพี่ควรจะทำยังไง”
แล้วอังศุมาลินก็เผลอหลุดปากออกมา
“นั้นไง อย่างนี้งานใหญ่เลยนะ ปูนจะช่วยพี่อิ้งเอง”
ท่าทางคนอยากช่วยกระดี้กระด้า อังศุมลินก็เลยต้องยอมเล่าให้ฟัง ก็เท่าที่เธอรู้มาแม่น้องสาวแฟนเก่าคนนี้เธอดูจะเชี่ยวชาญเรื่องผู้ชายอยู่
“ทำอย่างนี้ได้ยังไง แบบนี้ปูนจะจัดการเองค่ะ ผู้ชายแบบนี้เหมาะกับปูน”
คำพูดที่ดูจะเหมือนคำปลอบใจนั้นมันดูทะแม่ง ๆ ชอบกล
“มะ...หมายความว่าอะไรคะน้องปู”
“ก็หมายความว่ายัยเด็กนี่จะแย่งแฟนเรานะสิอิ้ง”
เสียงของจอมพลตอบพร้อมกับเดินเข้ามาในบ้าน สร้างความฉงนให้กับปรารถนาที่มีคนมารู้ทันเธอ เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า คนบ้าอะไรใส่แว่นตาเสียหนาเตอะ เสื้อผ้าก็เหมือนจะยัดช้างน้ำเข้าไปอีกได้ทั้งตัว หรือสองตัว ดูผมเขาสิฟูเสียยิ่งกว่ารังนก นายเป็นคนหลงยุคกลับมาเกิดรึไง
“นี่แม่หนูมองพี่อย่างนี้หมายความว่าอะไร อย่างน้อยพี่ก็อายุมากว่าเธอนะ”
“นี่นายคำก็ยัยเด็กนี่ สองคำแม่หนู ฉันโตมากพอแล้วนะยะ แล้วนี่อะไรเข้ามาบ้านคนอื่นได้ยังไง เป็นโจรป่าวยะเนี่ย ฉันจะไปโทรเรียกตำรวจ”
ปรารถนาเดินไปที่โทรศัพท์บ้านที่ตั้งอยู่ไม่ไกล จอมพลรีบเดินไปดึงโทรศัพท์ออก
“นี่นายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับข้าวของในบ้านฉัน”
“น้อย ๆ หน่อยหนู ของทุกชิ้นในบ้านหลังนี้พี่สัมผัสมาหมดแล้วเถอะ”
“นี่อย่ามาเรียกฉันว่าหนูนะยะ”
“ทำไมจะเรียกไม่ได้ แล้วพี่ก็ไม่ได้ไปเป็นหนี้หนูนะ มาหนี้ ๆ ๆ ๆ ๆ อยู่ได้”
“ไอ้แกบ้า”
“หยุด”อังศุมาลินพูดแทรกแทบไม่ทัน ไม่คิดว่าคนที่เจอกันครั้งแรกจะเถียงกันได้ยืดยาวแบบนี้ “พี่จอมคะนี่น้องปูนเป็นน้องสาวอิฐ ปูนนี่พี่จอมเป็นพี่รหัสอิฐ”
“อ๋อ...ชื่อจอบ”
ปรารถนายังหาเรื่องไม่หยุด รุ่นพี่แล้วไง รุ่นพ่อก็ด่ามาแล้วเหอะ
“จอม จอมพล หูหรือหางเนี่ยฟังไม่ออกรึไง”
“ก็เห็นฟันยื่นเหมือนจอบใครจะไปรู้ล่ะ แล้วที่สำคัญนะปากนายนี่มันจอบเรียกพี่เลย”
อังศุมาลินเห็นท่าไม่ดีแล้วเลยค่อย ๆ ถอยหลังหนีออกมา วันนี้เธอกำลังทุกใจนะจะมีใครสักคนสนใจเธอด้วยใจจริงบ้างก็ไม่มี กลับบ้านดีกว่าเรา
ทางเลือกสุดท้ายของอังศุมาลินคือบ้าน ในความเป็นจริงแล้วเธอน่าจะเลือกที่นี่เป็นที่แรกด้วยซ้ำ แต่ใครล่ะจะอยากเอาเรื่องไม่สบายใจเข้าบ้าน
“กลับบ้านเป็นหรือเรา”
พอมาถึงแม่ผู้แสนจะน่ารักของเธอก็ประชดเข้าให้
“ก็ไปว่าลูก เอ้าหนูมาหาใครจ๊ะ”
ไม่พ้นแม้แต่ยายของเธอก็พาลประชดให้อีกคน
“โหแม่อ่ะ หนูเสียใจอยู่นะ”
อังศุมาลินรู้สึกงอน แต่ก็รู้ดีว่ายายกับแม่ก็แค่แกล้งเย้าเล่นเท่านั้น
“เหนื่อยก็กลับมาพักที่บ้านนี่แหละดีแล้ว ปล่อยให้ทั้งเขาและเรากลับไปสู่บรรยากาศเดิม ๆ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง”
“แม่ แม่ดา”
แล้วคำพูดมากมายก็ถูกกลืนหายไปในอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคยของทั้งสองคนนี้ นี่แหล่ะคือที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของเรา
ไหนบอกว่าจะไม่ทำให้เสียใจยังไงเหล่า นี่เธอผิดนัดเราเป็นครั้งที่ห้าในรอบสองเดือนแล้วนะ แล้วนี่ก็เป็นงานเปิดตัวหนังสือเราด้วย เธอจะไม่มาจริง ๆ ใช่ไหม
อังศุมาลินแอบบ่นใจใจก่อนจะก้าวขึ้นเวทีเผื่อทักทายแฟน ๆ นิยายของเธอ เธอยืนอยู่บนเวทีอยู่นานหลายนาทีด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยน่ารักคนหนึ่ง
หน้าคุ้น ๆ จังเลย ปกติแฟนคลับเราก็จะมีแต่หน้าเดิม ๆ อยู่แล้วนี่ แต่เธอหน้าเหมือนตุ๊กตาเลย สวยมากจริง ๆ ลักษณะท่าทางก็ดูมั่นใจในตัวเอง ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดทำงานที่มีราคามาก
“เอ๊ะ!”
ซึ้งผู้หญิงคนนี้แหล่ะที่กระชากรอยยิ้มสดใสของอังศุมาลินไป
อังศุมาลินพบสิ่งที่หน้าตกใจอีกหนึ่งอย่างเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผู้หญิงคนนั้น พีม เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง ไหนบอกว่าวันนี้มีนัดสำคัญกับลูกค้า หรือผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกค้าของเขา
“มีอะไรหรือครับน้องอิ้ง นั้นคุณพีมนี่ คุณพีมครับเชิญขึ้นมาบนเวทีหน่อยสิครับ”
พิมานพิธีกรเจ้าเก่าเรียกพัฒนากร ชายหนุ่มดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นอังศุมาลิน จนชายหนุ่มต้องหันมาดูป้ายชื่องาน
“พีมจะไปไหนเขาเรียกเธอแนะ ว้าวฉันเพิ่งรู้นะว่าเดี๋ยวนี้เธอมีชื่อเสียงขนาดนี้”
“เอ่อ...ผมขอตัวไปขึ้นเวทีก่อนนะครับ”
พัฒนากรรีบเดินไปขึ้นเวทีตามคำเชิญ หลังจากพูดทักทายเสร็จพิมานพิธีกรเจ้าคารมก็ดำเนินรายงานต่อ
“มีธุระไม่ใช่เหรอ”อังศุมาลินกระซิบถามเสียงแข็งหันไปเหล่ตามองผู้หญิงคนเดิมที่โบกมือให้พัฒนากรไหว ๆ “สวยดีนี่”
“ลงไปเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก”
พัฒนากรกระซิบกลับ
“จำเป็นด้วยเหรอ”
อังศุมาลินใช้น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ให้ตายเถอะทำไมเราถึงรู้สึกร้อนไปทั้งตัวนะ
หลังจากลงจากเวทีพัฒนากรก็พาอังศุมาลินมาหาผู้หญิงที่มากับเขา สองสาวสบตากัน พัฒนากรแอบคิดว่าเหมือนมีกระแสไฟหลายแสนโวลต์พุ่งออกมา
“อิ้งนี่ เบบี้เธอเป็น”
“ฉันแฟนเก่าของเขา แล้วคุณล่ะ”
ที่แท้เธอก็คือบรรณิตานั้นเอง หลังจากที่เธอเลิกกับพัฒนากรเธอก็ไปทำงานอยู่ที่บริษัทที่ต่างประเทศ และถูกส่งตัวกลับมาพร้อมกับเจ้านายที่จะต้องดูแลสาขาที่กำลังจะเปิดใหม่ที่ชลบุรี
และดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งสองสาวจะเปิดศึกกันแล้วล่ะสิ
“ฉันคือแฟนปัจจุบันของเขา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่เบบี้ คงจะจำฉันไม่ได้ล่ะสิคะ ฉันเป็นรุ่นน้องของพี่ที่โรงเรียนมัธยม”อังศุมาลินจำบรรณิตาได้เมื่อได้ยินได้ยินชื่อเล่นของเธอ “ไม่ทราบว่าพี่มาทำธุระสำคัญอะไรกับแฟนฉันคะ”
“อ๋อ...นี่เธอไม่ได้บอกแฟนเธอเหรอว่าเราสองคนกำลังจะทำงานด้วยกัน งานสำคัญที่ต้องเจอกัน คุยกันบ่อย ๆ ด้วย”
“อ๋อ...เขาบอกฉันแล้วล่ะคะ แต่พอดีฉันคิดว่ามันไม่ค่อยสำคัญอะไรก็แค่เรื่องเก่าเท่านั้น”
ภายใต้รอยยิ้มของทั้งสาวจะมีใครรู้ไหมนะว่ามันกำลังประปนไปด้วยยาพิษ แต่ดูเหมือนว่าพัฒนากรจะพอรู้แล้วล่ะ
“อิ้งจ๊ะได้เวลาแจกลายเซ็นแล้วค่ะ”
จันทิมาเดินมาตาม อังศุมาลินพยักหน้ารับรู้
“ฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ มีเรื่องที่สำคัญกว่า ต้องไปทำแล้ว พีมขาเราไปเจอกันที่ห้องนะคะ”
อังศุมาลินพูดจบก็เดินออกมาโดยที่ไม่ได้ทันฟังในสิ่งที่พัฒนากรจะบอก
“ไม่ได้บอกแฟนเธอเหรอว่าเธอต้องไปคุยงานกับเจ้านายฉันต่อจนถึงสี่ทุ่ม”
“เธอช่วยโทรเลื่อนนัดเขาให้ผมหน่อยได้ไหม”
พัฒนากรไม่มีทางเลือกยกมือไหว้บรรณิตา เธอรีบสะบัดหน้าหนีพร้อมกับแอบยิ้มมุมปาก
“เสียใจวันนี้จะเป็นวันที่เจ้านายฉันจะอยู่เมืองไทยเป็นวันสุดท้ายก่อนจะกลับมาอีกทีก็อีกสามเดือน”
“เราจะบ้าตาอยู่แล้วนะ เธอไปไหนมาทำไมถึงเพิ่งกลับ เธอรู้ไหมว่าเราอุตส่าห์หนีคุณปูแล้วก็เพื่อน ๆ ที่สำนักพิมพ์มารอฉลองกับเธอ เธอคิดว่าเราควรจะทำยังไงกับเธอหะ”
อังศุมาลินระเบิดอารมณ์ใส่พัฒนากรทันทีที่ได้เจอหน้า ก็เธอรอเขามาตั้งแต่หกโมงเย็นจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
พัฒนากรเองก็พยายามรีบแล้วแต่คุณจอห์น เจ้านายของบรรณิตากลับชวนคุยนู้นคุยนี่ จนสี่ทุ่ม เขาเลยต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุตไปส่งบรรณิตาที่คอนโดที่อยู่หางจากที่นี่ครึ่งพระนคร แต่คำอธิบายทั้งหมดเขาก็ย่อเหรอแค่เพียง
“เรามีนัด”
“โทรศัพท์ก็มีแล้วทำไมไม่โทรบอก ทีเมื่อก่อนล่ะโทรจิกเราเสียยิ่งกว่าไก่ อ๋อ...นี่เธอเริ่มเบื่อเราแล้วใช่ไหม ใช่สิเรามันก็ยังเป็นตัวไร้ค่าสำหรับเธออยู่เสมอเลยใช่ไหม”
“ไม่...”
“ไม่ใช่เหรอ...จะไม่ใช่ได้ยังไง ไหนที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้เราเสียใจแล้วนี่ยังไง ยังไง ยังไงหะ”
อังสุมาลินเดินไล้บี้พัฒนากรจนติดกำแพง
“แล้วเธอจะเอายังไง”พัฒนากรเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อังศุมาลินวีนแตกใส่เขา เขาเองก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว แล้วเขาก็กำลังไล้บี้เธอกลับ“ถ้างานของเรามันทำให้เธอเสียใจมาก เธอจะให้เราเลิกทำเลยไหมล่ะ ว่ายังไง งานนี้จะทำให้บริษัทเราได้กำไรมหาศาล แต่ถ้าเธอจะให้เราเลิกทำก็ได้ เราจะได้ตกงานสมใจเธอ หรือว่าเธอจะ...”
ชายหนุ่มหยุดกลืนน้ำลายพร้อมกลับกลืนประโยคที่กำลังจะพูดกลับเข้าไป เราจะต้องไม่พูดคำนั้น
“อะไรเราจะอะไร”
อังศุมาลินทำท่าไม่ยอม แต่น้ำเสียงเริ่มติด ๆ ขัด ๆ เธอไม่เคยต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย อธิษฐานไม่เคยทำกับเธอแบบนี้ไม่ว่าเธอจะเหวี่ยงจะวีนแค่ไหน
“ช่างมันเถอะ”
พัฒนากรเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟา อังศุมาลินถอนหายใจออกมา
“กะ...ก็ได้งั้นเธอก็มากินข้าวกับเราเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ล่ะ...อิ่มจะแย่”
พัฒนากรตอบด้วยท่าทางเซ็ง อังศุมาลินอ้าปากหวอ นี่เราอุตส่าห์ยอมเธอแล้วนะ เธอยังมาใช่น้ำเสียงเฮงซวยแบบนั้นกับเราอีก
“เป็นอะไรไปทำไมทำท่าทางแบบนั้น”พัฒนากรหันมาเห็นอาการฝึดฟัดของอังศุมาลินแล้วไม่เข้าใจ “นี่เป็นอะไร เธอกำลังโกรธเหรอ”
พอได้ยินคำถามแบบนั้นอังศุมาลินก็ยิ่งทวีความโมโหแต่ก็ทำได้เพียงเดินเข้าห้องพร้อมปิดประตูโครมใหญ่
“กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“โว้ยผู้หญิง”
ดูเหมือนว่านับวันความสัมพันธ์ของอังศุมาลินกับพัฒนากรดูจะแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะช่วงหลัง ๆ ไม่ได้กลับคอนโดเลยครั้งล่ะหลาย ๆ วัน บางทีก็กลับมาเอาเสื้อผ้า หรือของใช้แล้วก็กลับออกไปในทันที
“พี่อิ้งดื่มน้ำส้มก่อน”
ปรารถนาเดินเอาน้ำส้มมาส่งให้อังศุมาลินแล้วนั่งลงข้าง ๆ
“ปิดเทมอแล้วเหรอ”
“ค่ะ พี่อิ้งล่ะมาหาพี่อิฐมีธุระอะไรเหรอ คงไม่รู้ใช่ไหมว่าพี่อิฐไปสัมมนาที่ตรัง ก็อย่างนี้ล่ะน้าคนดัง ขึ้นเหนือลงใต้ไม่ได้หยุด”
“เหรอ”
อังศุมาลินพูดเสียงเศร้า ทั้ง ๆ ที่เธอคิดจะมาปรึกษาเรื่องของพัฒนากรกับเขาแท้ ๆ แต่เขากลับไม่อยู่บ้านเสียได้
“แหนะคิดจะมาขอพี่อิฐคืนดีล่ะสิ บอกไว้ก่อนนะว่าตอนนี้พี่ชายของปูนฮอตมากเลย โอกาสของพี่อิ้งเหลือน้อยเต็มที”
“เปล่า พี่แค่จะมาปรึกษาเรื่องแฟน...”
“โหพี่ใจร้ายสุด ๆ คิดได้ไง”ท่าทางของปรารถนาดูโอเวอร์แอกติ้งมาก อังศุมาลินเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ “หัวเราะทำไมล่ะ ปูนซีเรียดนะรู้ไหม”
“พี่รู้สึกว่าปูนกำลังแสดงละครอยู่นะสิ นี่เอาไว้พี่ของบุคลิกเราไปเป็นนางเอกหน่อยนะน่ารักดี”
พูดไปก็ขำไป ก็มันอดไม่ได้นี่หน่า ปรารถนายิ้มมุมปากเหมือนคิดอะไรออก
“ได้สิคะ แต่พี่อิ้งต้องบอกปูนมาก่อนว่าจะมาปรึกษาอะไรพี่อิฐ”
“เอ่อ...ไม่ล่ะจ๊ะพี่กลับก่อนดีกว่า”
อังศุมาลินเห็นท่าทางไม่ดีเลยคิดจะชิ้งแต่ดูเหมือนว่าปรารถนาจะรู้ทันรีบมาขวางประตูไว้ก่อน
“ให้ปูนช่วยนะคะ นะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่เกรงใจ”
“แฟนพี่เป็นเกย์ แฟนพี่ซาดิส สุดท้ายล่ะ แฟนพี่มีชู้”เธอเดาซุ่มเพื่อจะดูปฏิกิริยาของอังศุมาลิน แล้วก็ได้ผล “กับผู้หญิงที่สวยกว่า อายุน้อยกว่า อ่ะหรือว่าแฟนเก่า พี่รู้ไหมว่าแฟนเก่านี่สำคัญเลยนะ”
“แล้วพี่ควรจะทำยังไง”
แล้วอังศุมาลินก็เผลอหลุดปากออกมา
“นั้นไง อย่างนี้งานใหญ่เลยนะ ปูนจะช่วยพี่อิ้งเอง”
ท่าทางคนอยากช่วยกระดี้กระด้า อังศุมลินก็เลยต้องยอมเล่าให้ฟัง ก็เท่าที่เธอรู้มาแม่น้องสาวแฟนเก่าคนนี้เธอดูจะเชี่ยวชาญเรื่องผู้ชายอยู่
“ทำอย่างนี้ได้ยังไง แบบนี้ปูนจะจัดการเองค่ะ ผู้ชายแบบนี้เหมาะกับปูน”
คำพูดที่ดูจะเหมือนคำปลอบใจนั้นมันดูทะแม่ง ๆ ชอบกล
“มะ...หมายความว่าอะไรคะน้องปู”
“ก็หมายความว่ายัยเด็กนี่จะแย่งแฟนเรานะสิอิ้ง”
เสียงของจอมพลตอบพร้อมกับเดินเข้ามาในบ้าน สร้างความฉงนให้กับปรารถนาที่มีคนมารู้ทันเธอ เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า คนบ้าอะไรใส่แว่นตาเสียหนาเตอะ เสื้อผ้าก็เหมือนจะยัดช้างน้ำเข้าไปอีกได้ทั้งตัว หรือสองตัว ดูผมเขาสิฟูเสียยิ่งกว่ารังนก นายเป็นคนหลงยุคกลับมาเกิดรึไง
“นี่แม่หนูมองพี่อย่างนี้หมายความว่าอะไร อย่างน้อยพี่ก็อายุมากว่าเธอนะ”
“นี่นายคำก็ยัยเด็กนี่ สองคำแม่หนู ฉันโตมากพอแล้วนะยะ แล้วนี่อะไรเข้ามาบ้านคนอื่นได้ยังไง เป็นโจรป่าวยะเนี่ย ฉันจะไปโทรเรียกตำรวจ”
ปรารถนาเดินไปที่โทรศัพท์บ้านที่ตั้งอยู่ไม่ไกล จอมพลรีบเดินไปดึงโทรศัพท์ออก
“นี่นายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับข้าวของในบ้านฉัน”
“น้อย ๆ หน่อยหนู ของทุกชิ้นในบ้านหลังนี้พี่สัมผัสมาหมดแล้วเถอะ”
“นี่อย่ามาเรียกฉันว่าหนูนะยะ”
“ทำไมจะเรียกไม่ได้ แล้วพี่ก็ไม่ได้ไปเป็นหนี้หนูนะ มาหนี้ ๆ ๆ ๆ ๆ อยู่ได้”
“ไอ้แกบ้า”
“หยุด”อังศุมาลินพูดแทรกแทบไม่ทัน ไม่คิดว่าคนที่เจอกันครั้งแรกจะเถียงกันได้ยืดยาวแบบนี้ “พี่จอมคะนี่น้องปูนเป็นน้องสาวอิฐ ปูนนี่พี่จอมเป็นพี่รหัสอิฐ”
“อ๋อ...ชื่อจอบ”
ปรารถนายังหาเรื่องไม่หยุด รุ่นพี่แล้วไง รุ่นพ่อก็ด่ามาแล้วเหอะ
“จอม จอมพล หูหรือหางเนี่ยฟังไม่ออกรึไง”
“ก็เห็นฟันยื่นเหมือนจอบใครจะไปรู้ล่ะ แล้วที่สำคัญนะปากนายนี่มันจอบเรียกพี่เลย”
อังศุมาลินเห็นท่าไม่ดีแล้วเลยค่อย ๆ ถอยหลังหนีออกมา วันนี้เธอกำลังทุกใจนะจะมีใครสักคนสนใจเธอด้วยใจจริงบ้างก็ไม่มี กลับบ้านดีกว่าเรา
ทางเลือกสุดท้ายของอังศุมาลินคือบ้าน ในความเป็นจริงแล้วเธอน่าจะเลือกที่นี่เป็นที่แรกด้วยซ้ำ แต่ใครล่ะจะอยากเอาเรื่องไม่สบายใจเข้าบ้าน
“กลับบ้านเป็นหรือเรา”
พอมาถึงแม่ผู้แสนจะน่ารักของเธอก็ประชดเข้าให้
“ก็ไปว่าลูก เอ้าหนูมาหาใครจ๊ะ”
ไม่พ้นแม้แต่ยายของเธอก็พาลประชดให้อีกคน
“โหแม่อ่ะ หนูเสียใจอยู่นะ”
อังศุมาลินรู้สึกงอน แต่ก็รู้ดีว่ายายกับแม่ก็แค่แกล้งเย้าเล่นเท่านั้น
“เหนื่อยก็กลับมาพักที่บ้านนี่แหละดีแล้ว ปล่อยให้ทั้งเขาและเรากลับไปสู่บรรยากาศเดิม ๆ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง”
“แม่ แม่ดา”
แล้วคำพูดมากมายก็ถูกกลืนหายไปในอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคยของทั้งสองคนนี้ นี่แหล่ะคือที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของเรา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2556, 10:11:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2556, 10:11:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 1185
<< 12 ถ้าต้องเลือกใครสักคน | 14 แต่งงาน >> |