อาญาซาตาน
ชาครีย์ หรือเสือ จากอดีตเคยเป็นคนจนๆ กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะได้เงินจากการขายที่ดินแถวหนองงูเห่าที่เมื่อก่อนราคาไร่ละไม่กี่แสน แต่พอสร้างสนามบินขึ้นมากลายเป็นราคาหลายสิบล้าน และเขาก็สร้างฐานะให้มั่นคงด้วยการจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคนรวยทั้งหมอ ทั้งนักการเมืองคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้สร้างตัวได้ในเวลาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น
เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี
แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก
เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน
เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว
กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว
และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม
และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ

Tags: พระเอกโหด เศร้า รัดทด

ตอน: จำเลยบริสุทธิ์

ครอบครัวพ่อกลับไปนานแล้ว เพื่อนบ้านต่างก็หลับสบายไปแล้วเพราะเวลาเลยเที่ยงคืนมาหลายนาทีแล้ว แต่บ้านหลังน้อยที่มีสี่ชีวิตต่างนั่งนิ่งอยู่ระเบียงช่วยกันครุ่นคิดหาทางออกสำหรับปัญหาอันหนักอึ้งตอนนี้
“ใจเย็นๆ นะนิ่ม ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ไข ถ้าเราไม่ยอมแพ้เราต้องเจอแน่”
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่น ธีระนัยก็ยังปลอบใจคนรักเพื่อไม่ให้ยอมแพ้ แต่ทุกคนก็ย่อมรู้ดีโดยเฉพาะกัณหาว่าตัวเองเท่านั้นที่จะเป็นกุญแจดอกสำคัญ ที่จะช่วยไขปัญหานี้ไปได้ อนิจจา! ทำไมชะตาชีวิตถึงได้โหดร้ายถึงเพียงนี้ ความฝันที่เคยวาดไว้ว่าสักวันพ่อกับย่าจะตามหาวันนี้เป็นจริงขึ้นมาแล้ว
แต่ไม่ได้มารับไปอยู่ด้วยเพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่าอย่างที่วาดหวังไว้ ตรงกันข้ามมันคงจะเป็นชีวิตที่ย่ำแย่กว่าอย่างไม่ต้องสงสัย กับการต้องไปเป็นคู่นอนของชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมาก่อน สองปีที่จะต้องทนทุกข์ทรมาน เพื่อแลกกับชีวิตยาย ซึ่งเป็นเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ตอนนี้
เพราะยายเลี้ยงเธอกับน้องมาตั้งแต่แบเบาะ แล้วยายก็กลายเป็นทั้งแม่และพ่อให้ เมื่อแม่ทอดทิ้งลูกอย่างเธอที่มีวิโรจน์เป็นพ่อ ทิ้งน้องอย่างชาลีที่มีคนขับรถสองแถวเป็นพ่อไป และไม่เคยหวนกลับมาหาอีกเลย สองพี่น้องจึงรู้จักแต่อ้อมกอดของยายเพียงเท่านั้น
ยายผู้ยอมเหนื่อยยากทำขนมขายเพื่อเลี้ยงหลานทั้งสองมายี่สิบกว่าปี ยายผู้เสียสละขนมหวานอาหารอร่อยเพื่อเก็บไว้ให้หลานทั้งสองได้กินจนอิ่มท้อง ยายที่เสียสละด้วยการใส่เสื้อผ้าเก่าๆ เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อชุดนักเรียนให้หลานทั้งสองได้ใส่ของใหม่จะได้ไม่อายเพื่อนในโรงเรียน และอีกล้านความเสียสละที่ยายมีให้หลานทั้งสอง
ก็แล้วทำไมหลานอย่างเธอจะเสียสละให้ยายไม่ได้ เพราะถ้ามีใครมายื่นข้อเสนอในแบบเดียวกันนี้ให้น้อง เธอเชื่อว่าน้องคงจะไม่ลังเลที่จะตัดสินใจอย่างเธอด้วยซ้ำ ดวงหน้าเศร้าหมองจึงหันไปหาคนรักและเพื่อนพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้ก่อนเอ่ย
“นัยกับชลกลับบ้านเถอะพรุ่งนี้ต้องไปสัมมนาด้วยกันไม่ใช่เหรอ ทางนี้เดี๋ยวเราจะหาทางแก้ปัญหาเอง ไปเถอะเที่ยงคืนกว่าแล้ว”

“ฉันดีใจนะที่เธอฉลาดเลือก และดีใจด้วยที่ยายของเธอฟื้นแล้ว แต่ฉันจำเป็นที่จะต้องรีบเตรียมการเพื่อให้เธอดูคล้ายคลึงกับยัยมิวมากที่สุด เริ่มด้วยการไปเข้าครอสชุบตัวเธอให้เหมือนนักเรียนนอกซะก่อน เธอถึงจะต้องมาที่นี่ทุกเช้า ตอนเย็นค่อยกลับบ้านไปหาน้องกับยาย แต่มีเวลาแค่เดือนเดียวเท่านั้นนะ เอาล่ะเธอให้น้องชายกลับไปได้ และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
สองพี่น้องไม่ใคร่จะพอใจในน้ำคำและท่าทางของยุพาพรนัก โดยเฉพาะชาลีที่รีบหนีกลับแทบจะทันที แม้จะห่วงพี่สาวอยู่บ้างก็ตาม แต่เย็นก็จะได้เจอได้พูดคุยกันเขาถึงไม่แยแสที่จะอยู่ในคฤหาสน์หลังงามสักนิด
“แม่รสพาไปจัดการให้เรียบร้อยนะ ส่วนตาโรจน์โทรให้คำตอบฝ่ายโน้นได้ว่าเราตกลงทุกอย่าง อีกหนึ่งเดือนจะพาคนไปส่ง”
เสาวรสที่ไม่เคยคิดจะชอบหน้าลูกนางบำเรอของสามีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนั้น จำใจต้องฝืนความรู้สึกเอาไว้ แล้วพากัณหาออกจากบ้านไปสถานเสริมความงามเจ้าประจำ เพื่อเปลี่ยนลุ๊คลูกเมียน้อยให้กลายมาเป็นลูกตัวเองอย่างเร่งด่วน เริ่มแรกต้องไปขัดผิวให้ผ่องใสกว่าที่เป็นก่อน
โชคดีที่กัณหาได้ผิวขาวมาจากพ่อซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นคนจีนอยู่แล้ว ส่วนสูงก็ไม่หนีกันเท่าไหร่เพราะได้ความสูงมาจากพ่อทั้งคู่ แต่วีรดาจะสวยเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดกว่า เป็นคนตรงคิดยังไงพูดอย่างนั้น เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง ไม่เคยหยิบจับอะไรเลยตั้งแต่เกิดมา
ส่วนกัณหาจะสวยหวานพูดจาไพเราะและน้อยคำ กิริยามารยาทเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน จะแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทำงานทุกอย่างตั้งแต่อายุเจ็ดแปดขวบ เพราะต้องช่วยเป็นหัวแรงสำคัญให้ยายเวลาทำขนมแล้วหาบออกไปขาย เรียนจบ ปวช. ก็ได้งานที่สำนักพิมพ์ในแผนกกราฟฟิคแล้ว วันหยุดก็เรียน ปวส. และปริญญาตรีต่อจนจบ จึงถือได้ว่าลำบากตั้งแต่จำความได้
“ทำผมทรงนี้นะคะ เอาให้เหมือนที่สุดเท่าที่จะทำได้” เสาวรสย้ำกับช่างประจำ
“ได้เลยค่ะคุณพี่ เพราะผิวขาวเหมือนกันทำแล้วออกมาดูดีค่ะแต่คงจะนานหน่อยนะคะ เพราะน้องไม่เคยดัดหรือทำสีผมมาเลย คุณพี่จะไปช้อปก่อนก็ได้นะคะ เสร็จแล้วน้องจะโทรบอก” ช่างรีบเสนอ
“ไม่เอาดีกว่าค่ะ พี่จะนั่งรอดูไปด้วย กลัวออกมาไม่เหมือนเดี๋ยวจะยุ่งไปกันใหญ่”
ผมยาวสลวยไปถึงกลางหลังและเหยียดตรงถูกแทนที่ด้วยการซอยสไลท์เป็นทรงทันสมัยแล้วดัดเป็นลอนใหญ่ สีดำสนิทก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีทองแดงประกายน้ำตาล ทำไฮไลต์แบบบาลายาจ ให้โคนผมเข้มส่วนปลายผมสีสว่างเหมือนกับรูปที่วีรดาเมล์มาให้ แม้จะขัดใจกัณหาสักแค่ไหนแต่ก็จำยอม
ตกเย็นที่จะต้องไปเยี่ยมยาย กัณหาต้องรวบผมขึ้นไปหนีบไว้ด้านหลัง เพราะกลัวยายจะสงสัย แต่ความเหนื่อยและอาการเจ็บป่วยทำให้ยายไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องดี วันต่อมากัณหาก็ถูกพาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ มือถือใหม่ แถมด้วยแท็ปเลสใหม่แทนแล็ปท็อปเก่าๆ ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
“ต้องซื้ออะไรเยอะแยะขนาดนี้เลยเหรอครับคุณแม่” วิโรจน์อดสงสัยในการกระทำของแม่กับเมียไม่ได้
“ต้องสิ! ถ้าจะให้นายนั่นไม่สงสัย หรือแกอยากให้มันจับได้แล้วชวดทุกอย่างล่ะ ถ้าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นก็เงียบไปเลย ปล่อยฉันกับแม่รสจัดการก็พอ” ลูกต้องรีบหุบปากเมื่อถูกแม่ย้อนหนักๆ ให้
“เสื้อผ้าหน้าผมใกล้เคียงกันแล้ว ทีนี้แม่รสก็จัดการหาครูฝรั่งมาสอนให้แม่นิ่มพูดภาษาอังกฤษให้ใกล้เคียงกับเด็กนอกด้วยนะ เผื่อเหตุฉุกเฉินจะได้ไม่เป็นที่สงสัย ติวให้หนักๆ นะเรามีเวลาไม่มาก ระหว่างนี้ก็ช่วยฉันคิดด้วยว่าเราลืมสอนอะไรให้แม่นิ่มบ้าง อ้อ! คิดออกแล้วให้ยัยมิวส่งรูปและรายละเอียดทั้งหมดมาให้ด่วน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ ที่เรียน หรือแม้แต่เพื่อน แล้วให้แม่นิ่มเอากลับไปอ่านกันไว้ก่อนเผื่อฝ่ายโน้นเกิดถามขึ้นมา สองปีไม่ใช่เวลาน้อยๆ เราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”

“เสียดายที่ยายยังไม่แข็งแรง ไม่งั้นจะได้ทำขนมให้นิ่มเอาไปฝากเจ้านายหน่อย พ่อคุณช่างประเสริฐแท้ที่ช่วยออกค่ารักษาให้ยายก่อนตั้งเป็นล้านแน่ะ ไหนจะให้มาอยู่บ้านใหม่อีก แล้วไหนจะให้งานใหม่ให้เงินเดือนนิ่มเยอะกว่าเดิมอีก ถ้ายายหายดีเมื่อไหร่จะไปกราบขอบคุณถึงที่เลยล่ะ”
นั่นคือข้อมูลที่ยายจำปามีจากการบอกเล่าของสองหลานรวมทั้งธีระนัยกับชลธิชาก็บอกตรงกันไม่มีผิดเพี้ยน นับตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาหลังจากนอนแน่นิ่งในห้องไอซียู่ถึงสามวันสามคืน กัณหาส่งยิ้มบางๆ ให้ยายแล้วห่มผ้าให้ก่อนจะจับมือเหี่ยวของยายขึ้นมาจูบอย่างรักใคร่
“เอาไว้ยายหายดีจริงๆ แล้วค่อยทำก็ได้จ้ะ แต่ตอนนี้ยายต้องนอนแล้วนะจ้ะดึกแล้ว นิ่มจะออกไปเก็บของข้างนอกหน่อยจ้ะ”
“เฮ้อ!!! เมื่อก่อนยายจะคอยบอกนิ่มกับหนุ่มให้เข้านอนแต่หัวค่ำ ตอนนี้กลับกันไปหมด งั้นก็รีบไปเถอะลูกจะได้รีบเข้ามานอน”
ยายจำปายิ้มให้หลานแล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง เพราะเหนื่อยและง่วงจากยาที่กินหลังอาหาร กัณหาถึงได้เดินออกจากห้องแล้วรวบรวมข้าวของที่คิดว่าอาจจะต้องได้ใช้สำหรับออกแบบปกให้เจ้านายที่อุตส่าห์มีน้ำใจจะส่งงานเป็นชิ้นๆ ให้ทำไปเรื่อยๆ เมื่อรู้ว่าลูกน้องอย่างเธอจะต้องลาออกไปทำงานช่วยพ่อ
“พี่นิ่ม!!!” ชาลีที่นั่งทำรายงานอยู่หน้าบ้านเดินเข้ามาเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วมองออกไปประตูรั้ว
“เดี๋ยวหนุ่มเก็บให้เอง พี่นิ่มไปเถอะ”
น้องชายรีบอาสาเมื่อรู้ว่าพี่สาวคงอยากจะใช้คืนสุดท้ายอยู่กับแฟนโดยไม่อยากให้ใครรบกวน ชลธิชาที่มาพร้อมธีระนัยก็เหมือนจะรู้ดี จึงเดินเข้ามาหาชาลีแล้วช่วยเก็บของ ปล่อยให้สองหนุ่มสาวที่กำลังเป็นทุกข์เพราะจะต้องพรากจากกันด้วยเหตุแห่งความจำเป็น
“คิดแล้วว่านิ่มยังไม่นอน เราเลยชวนชลมาเป็นเพื่อน”
ธีระนัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงหน้าเศร้าหมอง ดวงตาฉายแววเจ็บปวดแสนสาหัส เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะต้องเสียคนรักไปให้กับชายอื่นที่เป็นใครมาจากไหนเขาก็ไม่รู้จัก รู้เพียงอย่างเดียวว่านายนั่นมีเงินและเงินนายนั่นก็ซื้อชีวิตยายที่แฟนเขารักและบูชายิ่งกว่าชีวิตเท่านั้น
“นิ่มเก็บของอยู่น่ะ”
กัณหาตอบเพียงเสียงเบา แล้วก็เดินไปนั่งม้าหินอ่อนที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ซึ่งกลายเป็นที่รับแขกไปแล้ว ธีระนัยก็นั่งลงข้างๆ ยกแขนขึ้นโอบไหล่คนรักอย่างเข้าใจเห็นใจและเจ็บปวดหัวใจยิ่ง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นสองร่างก็โผลเข้าหากันแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างที่สุด เมื่อรักต้องมาพบกับหนทางย่ำแย่
“เราจะรอจนกว่านิ่มจะเป็นอิสระ แล้วเราจะแต่งงานกันอยู่ด้วยกันมีลูกด้วยกัน มีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนที่เราเคยฝันเอาไว้นะ ไม่มีอะไรมาขวางความรักของเราได้ และต่อให้นิ่มเป็นยังไงเราก็จะไม่มีวันหมดรักนิ่มอย่างแน่นอน เราสัญญา” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคละเคล้ากับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่อายใคร
“นิ่มไม่อยากจะเป็นคนเห็นแก่ตัวดึงนัยไว้เลย เอาเป็นว่านิ่มดีใจและขอบคุณที่นัยรักนิ่มนะ แต่ถ้านัยบังเอิญพบคนที่พร้อมจะเข้ามาเป็นคู่ชีวิตของนัย นิ่มก็อยากให้นัยเปิดโอกาสให้ตัวเองและรับเขาเข้ามา จะได้ไม่ต้องรอนิ่มถึงสองปีไง”
แม้จะเสียใจมากมายแต่ก็ไม่อาจจะเห็นแก่ตัวรั้งเขาไว้ได้ ในเมื่อเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตสองปีข้างหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงกับตัวเองและคนรอบข้างบ้าง มันคงจะเป็นการดีหากไม่คิดผูกมัดเขาไว้ให้เสียเวลาให้ทนทุกข์ทรมานเพราะรัก
“นิ่มห้ามพูดแบบนี้อีก เพราะเราจะไม่มีวันมองใคร มีเพียงคนเดียวที่เราจะรักและแต่งงานด้วย นั่นก็คือนิ่มเท่านั้น เราอย่าเสียเวลามาเถียงกันอีกเลยนะ เพราะเราไม่มีวันทำอย่างที่นิ่มบอกเด็ดขาด และตอนนี้เราก็อยากใช้ทุกวินาทีที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าด้วยการอยู่ใกล้ๆ นิ่ม”
แล้วสองหนุ่มสาวก็เดินเข้ามาในบ้านนั่งอิงแอบกันอยู่กับชุดรับแขกหน้าทีวีแล้วคุยกันด้วยเรื่องสารพัดโดยไม่รู้จักง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว มิหนำซ้ำน้ำตาของทั้งสองยังไหลออกมาเป็นช่วงๆ เมื่อหวนคิดถึงปัญหา แม้ใจทั้งสองดวงอยากจะปล่อยให้ความสัมพันเกินเลยไปมากกว่านี้
แต่เอาเข้าจริงๆ ความเสียใจมันก็เข้ามาบดบังจิตเสน่หาเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นเลย ทั้งสองจึงเพียงแค่นั่งกอดกันนิ่งๆ ต่างคนต่างคิดอะไรไปเรื่อยๆ จนความเหนื่อยเรียกร้องให้กัณหาหลับลงในเวลาตีสี่ ธีระนัยค่อยๆ อุ้มแฟนไปวางไว้กับชุดรับแขกโดยมีตักเขาเป็นหมอนให้นอนหนุน
คละเคล้ากับน้ำตาของเจ้าของหมอนที่เสียใจจนไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดให้ใครๆ เข้าใจได้ และความเสียใจของเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่คนรักต้องเดินขึ้นไปนั่งรถหรูที่แล่นเข้ามาจอดรับอยู่หน้าประตูบ้าน แล้วขับพาหัวใจของเขาหนีไป



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2556, 19:32:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2556, 19:32:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1314





<< เหยี่อความกตัญญู   นกน้อยในกรงทอง >>
คิมหันตุ์ 27 ก.ย. 2556, 09:29:44 น.
เข้าครอส = เข้าคอร์ส


กันเกราธัญญรัตน์วรนัน 27 ก.ย. 2556, 19:57:00 น.
ขอบคุณมากมายจ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account