ปมร้าย หัวใจเสน่หา
รัชต์ วิศวกรหนุ่มออกตามหาความจริงเกี่ยวกับการตายของ ดวงดาว น้องสาวที่ตำรวจลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตาย แต่อยู่ๆเขาก็ได้พบกับรักแรกอีกครั้งเธอเป็นคนช่วยเขาตามหาความจริง แต่ความจริงที่ว่ากลับทำให้เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว!!
Tags: ปมร้ายหัวใจเสน่หา
ตอน: “ตอนที่ 8 สิ่งที่เหลืออยู่”
ในช่วงสายรัชต์และกีรติเข้าไปในงานศพของอาร์ม ทั้งคู่ขออโหสิกรรมกับคนตาย กีรติเงยหน้าขึ้นมองที่โลงศพ พร้อมกับขออโหสิกรรมในใจ พอหันกลับมาก็เจอเข้าอย่างจังรัชต์มองหน้าซีด ๆ ของเพื่อนสาวแล้วก็ก้มลงมาถาม
“เป็นอะไรอีกหน้าซีดมาก” กีรติยิ้มจืด ๆ กีรติเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ ยายพร้อมกับกุมมือให้กำลังใจ
“ยาย อาร์มเขาไปดีแล้ว ทางตำรวจเขาว่าอย่างไรบ้างคะ”
“เมื่อคืนโทร.มาบอกให้เก็บศพไว้ก่อน ไม่รู้ยังไงบอกว่าส่วนกลางเขาโทร.มาบอกให้ทำอย่างนี้ มันตกน้ำตายทำไมต้องสืบกันต่ออีกเล่า มันไม่ได้ทำร้ายใครนะ…หลานยายเป็นคนดี”
“ค่ะ อาร์มเป็นคนดี เขาไม่ได้ทำร้ายใครหรอกแต่คนอื่นอาจจะทำร้ายเขาก็ได้”คำตอบของกีรติทำให้ผู้สูงวัยมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“ปล่อยเป็นหน้าที่ตำรวจเถอะคะ ”กีรติบอกก่อนจะยกมือไหว้ลากลับ เธอเดินออกมาจากบริเวณงานจนมาถึงรถรัชต์ยืนรออยู่นานแล้ว เมื่อนั่งบนรถได้กีรติได้ถอนหายใจยาว
“เป็นอะไรทำไมทำหน้าอย่างนั้น ฉันเห็นเธอทำหน้าแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะ”รัชต์ถามน้ำเสียงเป็นห่วงเอาจริง ๆ
“พูดไปนายจะเชื่อฉันเหรอไง”
“ทำไมถึงจะไม่เชื่อละ”
“เพราะครั้งหนึ่งนายก็บอกไม่เชื่อฉันเหมือนกัน” คำตอบของกีรติทำให้รัชต์ขมวดคิ้วสงสัย เรื่องที่เคยไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ?
“ลองอีกทีซิเผื่อจะเชื่อ”
“ไม่ เหนื่อยอยากนอนแล้ว”พูดจบเธอก็หันหน้าไปที่กระจกมองรถที่แล่นสวนไป
เอลินลืมตาขึ้นมาเห็นเพดานห้องตัวเองแล้วก็ผ่อนลมหายใจหลับตาลงอีกครั้งแต่พอสำนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันปกติธรรมดาก็รีบลุกขึ้นมองนาฬิกาข้างเตียงนอนก็รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานในทันทีแต่พอคว้ากระเป๋าได้ก็เจอร่างของผู้ชายนอนขดตัวอยู่ที่โซฟา หญิงสาวอมยิ้มมองนัทที่นอนหลับไม่รู้เรื่องด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เธอเจอเพื่อน ๆผู้ชายมาเยอะแต่ก็ไม่เคยเจอผู้ชายอย่างนัทมากนัก เอลินตั้งใจปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากฝันที่ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ นัทงัวเงียลุกขึ้นมองหน้าเอลินที่ห่างกันไม่ถึงคืบพอนึกได้ก็รีบถอยหลังเต็มพิกัดกระแอมขึ้นเหมือนกับมีอะไรติดคอ
“ตื่นสาย อ่ะ เลยจะปลุกบอกว่าฉันจะไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวถ้าอยากอาบน้ำแปลงฟันก่อนกลับก็ในตู้ห้องน้ำมีผ้าขนหนูกับแปรงสีฟันอยู่ จะออกไปก็ช่วยล็อคประตูห้องให้ด้วย” เธอบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้
“ไปนะ”เอลินโบกมือหยอย ๆ ก่อนจะเดินออกไป นัทถอนหายใจยาวมองตาม
“ผู้หญิงอะไรเนี่ย? ทำเอาตกใจหมดเลย”นัทพูดพร้อมทั้งกุมหน้าอกด้านซ้าย .’ทำไมหัวใจมันเต้นแปลก ๆ’ นัทรีบสลัดความคิดแปลก ๆ นั้นออกไปจากหัวก่อนจะลุกขึ้นเข้าไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำ อาบน้ำแปรงฟันแล้วเดินออกมาสำรวจห้องของผู้หญิง ที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิง ? เขามองรูปที่อยู่บนโต๊ะทำงานด้วยความสนใจ ภาพของเอลินที่ถ่ายตามสถานที่ต่าง ๆ ดูเธอมีความสุขเอามาก ๆ แต่เขากลับสะดุดอยู่ที่รูปหนึ่งเอลินถ่ายกับผู้ชายคนหนึ่งท่าทางดีมากแต่คงไม่ใช่คนไทยแน่ ๆ ’แล้วนี่เราจะแปลกใจทำไม ถ่ายรูปกับผู้ชายก็ไม่เห็นแปลก?’นัทคิดในใจโต้แย้งตัวเองเสียอย่างนั้น พอถัดมาอีกรูปนัทกลับยืนนิ่งไป
“กี ”เขาอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ ภาพนั้นเป็นภาพที่เอลินถ่ายคู่กับใครอีกหลายคนแต่หนึ่งในนั้นมีกีรติรวมอยู่ด้วย ทุกคนที่อยู่ในภาพเป็นชาวต่างชาติผิวดำแทบทั้งสิ้นมีแต่กีรติกับเอลินเท่านั้นที่เป็นคนเอเชีย
“นี่มันอะไรกัน ” นัทนึกขึ้นได้เมื่อครั้งแรกที่เจอกับเอลินเธอบอกว่าเคยมีเพื่อนคนไทยที่เจอกันในต่างประเทศแต่ไม่ได้พบกันอีกหลังจากที่กลับเมืองไทย เธอหมายถึงกีรติหรือเปล่า คิดได้เขาก็รีบโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิททันทีแต่ทว่าปลายสายบอกว่าไม่สามารถติดต่อได้ นัทวางโทรศัพท์มือลงด้วยความเสียดาย
รัชต์ขับรถมาถึงหอพักในช่วงดึกกีรติหันมามองเพื่อนด้วยความรู้สึกบางอย่างเมื่อลงจากรถกีรติบิดตัวไปมาเพื่อคลายความปวดเมื่อย
“จะไปหาอะไรกินก่อนไหม”รัชต์ถามพร้อมกับหันไปมองร้านก๋วยเตี๋ยวข้างหอพัก กีรติพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามไป
“สั่งลาด้วยร้านก๋วยเตี๋ยวก็ไม่เลวเหมือนกัน”เธอพูดเสียงเบาพอที่จะได้ยินคนเดียวเมื่อนั่งลงได้คนที่ชวนก็สั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อสองชามแถมพิเศษอีกต่างหาก
“นี่หิวหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็นิดหน่อย คนมันขับรถนาน จะกินเยอะก็ไม่ได้นี่ ”รัชต์บ่นสีหน้ายิ้มๆ
“แต่ไปคราวนี้ก็คุ้มอยู่เหมือนกันนะ” รอยยิ้มนั้น กีรติพอจะเข้าใจความหมายของมันอยู่เช่นกัน
“คุ้มแน่นอนเรื่องของน้องดาวน่ะ ฉันเชื่อว่าคดีนี้จะได้รื้อแน่ ๆ นายส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้นิติเวชอีกครั้ง อย่าสนใจการชันสูตรของปานใจเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรนายได้นอกจากความสบายใจของนาย” รัชต์เลิกคิ้วสูงแปลกใจในสิ่งที่กีรติพูด
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละ ในเมื่อปานใจก็เป็นหมอ ”
“ใช่ แต่อาชีพอะไรก็ตามนะรัชต์ถ้าไม่ซื่อสัตย์ทำตามหน้าที่ตัวเองมันก็ไม่มีทางทีจะดีได้ มีคน ๆหนึ่งเคยพูดกับฉันว่า ฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหมอได้เพราะแค่ฉันคิดที่จะฆ่าคน แค่นั้นฉันก็หมดสิทธิ์แล้ว ช่วยชีวิตคนจะต้องไม่คิดว่าเขาเป็นใครมาจากไหนแต่เขาคือคนไข้ ถ้าเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องไม่ว่าอาชีพอะไร ก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จได้ ”
“แล้ว เรื่องที่เธอเคย เอ่อ ฆ่า ”
“แม้ผลสรุปจะออกมาว่า เป็นเรื่องของอุบัติเหตุแต่ฉันก็คิดที่จะฆ่าเด็กพวกนั้นจริง ๆ ”คำตอบนั้นทำเอารัชต์อึ้งไปเลย
“แล้วคุกที่เธอว่าละ ?”
“ฉันถูกพ่อขังไว้ในบ้านหลังหนึ่งนานเกือบปีก่อนที่จะส่งตัวไปที่อื่น เพราะเขาหาว่าฉันบ้า ” รัชต์ขมวดคิ้วกับความรู้ใหม่
“ทำไมทุกครั้งที่ฉันถามเธอไม่เคยตอบแต่วันนี้กลับตอบเอาง่าย ๆ อย่างนี้เล่า”รัชต์รู้สึกหัวเสียอยู่เหมือนกันเพราะเธอทำให้เขาสับสนไปหมด
“อ้าว นายถามฉันก็ตอบ นายเองที่หาว่าฉันไม่จริงใจ ฉันก็บอกอยู่นี่ไงเล่า”
“แล้วทำไมตอนแรกถึงได้บอกว่าติดคุกอยู่เล่า”
“แล้วนายไม่คิดว่าการที่อยู่กับความเจ็บปวดและรู้สึกผิดเป็นคุกดี ๆ นี้เองหรือไง แถมฉันยังโดนขังเดี่ยวในบ้านเก่า ๆหลังหนึ่งที่มีแต่ ”กีรติหยุดคำบางคำไว้ทำให้อีกฝ่ายสะดุดไปด้วย
“เอ่อ มีแต่ต้นไม้ใหญ่ ๆ ”
“แล้วทำไมพ่อเธอถึงได้หาว่าเธอบ้าละ”กีรติมองหน้าคนช่างอยากรู้นั้นด้วยแววตาออกจะรำคาญนิดหน่อย
“ เพราะ ตอนที่ฉันขับรถชนเด็กพวกนั้น ฉันเห็น เอ่อ เกิดอุบัติเหตุพอฟื้นขึ้นมาฉันก็เกิดภาพหลอนอะไรแปลก ๆ น่ะสิ ”
“ไม่ใช่เธอบ้าจริง ๆ เหรอ ”รัชต์ถามสีหน้าจริงจัง แต่ก็ทำให้กีรติถอนหายใจเพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าต้องการจะรวนเธอมากกว่า
“เออ บ้าอยู่แล้ว ฉันบ้าตั้งแต่ยอมช่วยนายโน่นแล้ว อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัวจริง ๆ”เธอบ่นสีหน้าเซ็งจริง ๆ รัชต์หัวเราะ
“แต่ยังไงฉันก็ขอบใจเธอมากนะ เรื่องนี้ไม่มีใครเชื่อฉันเลยแต่มีเธอที่เชื่อฉันและเป็นคนแรกที่ตั้งคำถามว่าดาวไม่ได้ฆ่าตัวตาย ขอบใจจริง ๆนะ”สีหน้าและคำพูดของรัชต์บ่งบอกว่าเขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ
“ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันนี่ ”คำพูดนั้นทำเอาคนฟังหน้าเจื่อนไปในทันที
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”น้ำเสียงนั้นเข้มจนคนฟังรู้สึกถึงอารมณ์โกรธของคนพูด กีรติกลืนน้ำลงลำคออย่างยากลำบากพลางคิดหาคำพูดดี ๆมาพูดกับรัชต์
“เอ่อ แล้วนายไม่ไปทำงานเหรอ”
“ลาพักร้อนเดือนหนึ่ง กะว่าถ้าเรื่องของดาวถูกรื้อคดีเมื่อไหร่ฉันก็จะกลับไปทำงานแล้วเธอละจะร้องเพลงอย่างนี้ไปตลอดเลยเหรอ”กีรติถอนหายใจนิดหน่อยเมื่อรัชต์ยอมเปลี่ยนเรื่องด้วย
“ก็ ไม่รู้เหมือนกัน”
“เออ ไปทำงานกับฉันไหม เธอมีวุฒิอะไรละ มาเป็นพนักงาน ประชาสัมพันธ์ก็ได้ อย่าทำงานอย่างนี้เลยนะมันอันตรายกลับดึกแถมผู้ชายก็แปลกหน้าก็เยอะ”
“อย่างฉันมันมีหน้าตาเป็นอาวุธอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“ไม่ห่วง แต่หวง ”คำตอบคราวนี้ทำเอาคนฟังแก้มแดงขึ้นฉับพลัน กีรติตัดสินใจไม่ตอบดีกว่า ยิ่งพูดก็จะยิ่งเข้าตัวมากไปกว่านี้
เอลินนั่งทำงานตั้งแต่เช้าเพราะเธอต้องวางแพลนการเดินทางไปต่างจังหวัดแถมยังต้องประชุมในตอนบ่ายอาการเมาค้างตั้งแต่เมื่อคืนไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแย่เท่าการที่ต้องนั่งประชุมอยู่ในห้องแอร์แน่ ๆ เมื่อไปถึงห้องประชุมคณะทำงานอยู่กันพร้อมหน้าหัวหน้าก็เริ่มแจกแจงงานทันที
“เออ เอลิน พรุ่งนี้ว่างไหมไปช่วยเป็นวิทยากรให้นักศึกษาหน่อย เขาทำหนังสือมาขอวิทยากรแต่ตอนที่หนังสือมาเอลินยังไม่มาเลยไม่ได้ตอบรับไป เมื่อวานพี่ตอบรับไปแล้วแต่ลืมบอกเราน่ะ”หัวหน้าเธอบอกสีหน้ายิ้ม ๆแต่เอลินทำหน้าเหมือนจะตายเสียให้ได้
“วิทยากรอะไรค่ะ ”
“สอนถ่ายภาพเด็กนักศึกษานิเทศฯ ก็เล่าเรื่องของเรานั่นแหละ ”คำตอบนั้นง่ายแสนง่ายแต่เอลินก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่นั่นเองเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องไปอยู่ต่อหน้าธารกำนัลจำนวนมาก ๆเลย เอลินพับสมุดเข้าเก็บในกระเป๋าหลังจากที่ประชุมเตรียมงานพร้อมแล้ว หญิงสาวรู้สึกเซ็ง ๆ เธอมองหน้าจอมือถือที่มีค้างสายที่ไม่ได้รับชื่อนั้นบอกว่าเป็นนัทเธอรีบโทร.กลับไปหาแต่ดูเหมือนปลายสายจะไม่ยอมรับโทรศัพท์เอาเสียเลย
“เอลิน ไปดื่มกันไหม เสาร์แห่งชาติ”เป้ตากล้องหนุ่มยักคิ้วให้เธอ
“เออ ได้กำลังโทร.หาเพื่อนอยู่พอดี”
“อ้าวนี่เรามีเพื่อนอยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ”
“มีคะ ลินก็เพิ่งรู้จักเหมือนกันแหละ แต่เขาไม่รับสายเลยสงสัยจะยุ่งอยู่”เธอบ่นแล้วก็เก็บของเดินตามรุ่นพี่ไป เป้พาเอลินไปเที่ยวผับแห่งหนึ่งซึ่งมีวัยรุ่นสาว ๆ เต็มไปหมด เท่านี้เอลินก็รู้แล้วว่าเป้คงคิดว่าเธอเป็นประเภทตีฉิ่งอย่างแน่นอนแต่ก็ขี้เกียจอธิบายคิดยังไงก็คิดไปดีกว่า เป้หันไปยกแก้วขึ้นส่งสายตาให้กับหญิงสาวโต๊ะตรงข้ามเอลินมองตามเห็นสาว ๆกลุ่มนั้นแล้วแต่ก็แอบเห็นผู้ชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วย สายตาเจ้าหนุ่มกลุ่มนั้นเอาเรื่องไม่น้อย ’หาเรื่องแล้วไหมละ’เอลินบ่นในใจ เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นเดินตรงเข้ามาหาคนทั้งคู่
“มองอะไร”เอลินวางแก้วเครื่องดื่มลงหันไปมองเจ้าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“มองไม่ได้เหรอ ทำอย่างกับเป็นของหวงห้ามซะอย่างนั้น”
“หาเรื่องหรือไงวะ”เอลินส่ายหน้า เป้สะกิดเธอเบา ๆ เป็นเชิงห้าม
“นี่ๆ ไอ้หนูใครกันแน่ที่หาเรื่อง มองดูให้เต็มตาฉันอยู่โต๊ะฉันดี ๆ พวกนายต่างหากที่เดินมาหาเรื่อง เอาอย่างนี้พูดกันแบบผู้ใหญ่พวกฉันไม่ได้ชอบกิ๊กกลุ่มนายหรอกเชิญกลับไปที่โต๊ะได้ ถ้าเมาก็กลับบ้านไปดื่มนมนอนได้แล้ว อายุถึงเกณฑ์หรือยังไม่ทราบ”เป้ทำหน้าแหยเมื่อผู้ร่วมทางพูดอย่างนั้น
“แกหาเรื่องอย่างนั้นเหรอวะ อยากลองดีหรือไง!!”คราวนี้เอลินลุกขึ้นบ้างเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้เด็กพวกนี้จะทำอะไรเธอได้แต่มีคนเดินเข้ามาคั่นกลางไว้เสียก่อน
“หยุดได้แล้ว”เสียงนั้นเข้มและมีอิทธิพลพอที่จะให้กลุ่มนั้นถอยหลังไปได้
“ขอโทษนะฮะ พอดีเพื่อนผมอาจจะเมา ”เด็กหนุ่มคนนั้นบอก เอลินยิ้มให้
“ไม่เป็นไร แต่อย่าบ่อยนะไอ้หนู”เขาเหลือบตามองคนที่เรียกว่าไอ้หนูเพราะรูปร่างเขาสูงเท่าคนพูดแต่ดันมาเรียกว่าไอ้หนู
“อย่าเรียกผมอย่างนั้น ผมชื่อหนึ่ง ”เขาบอกเสร็จก็เดินกลับไปหาเพื่อน ๆ ที่โต๊ะ เป้หัวเราะหันมาดึงเอลินให้นั่งลง
“ทำอย่างกับเป็นผู้ชายนะเธอน่ะ” เอลินหันไปยิงฟันใส่
“แล้วพี่ละทำอะไรเอาแต่สะกิดอยู่นั่นแหละ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเล้ย แถมยังหาเรื่องให้อีกนั่นแหละ”เป้ยิ้มแหย ๆ เมื่อเวลาล่วงเข้าสู่เที่ยงคืนเอลินก็ขอตัวกลับก่อนเป้ที่มีเพื่อนร่วมโต๊ะเป็นสาวสวยคนหนึ่งไปแล้ว เอลินเดินออกมาเจอเด็กกลุ่มเดิมนั้นกำลังมีเรื่องก็เลยเดินเลี่ยงไปที่ลานจอดรถเมื่อถอยรถออกมาก็เจอเด็กหนุ่มที่ชื่อหนึ่งกำลังถูกรุมอยู่ เอลินถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะถอยรถไปจนสุดแล้วเปิดประตูรถลงไปช่วยตามที่เคยเรียนยูโดมาตั้งแต่ไฮสคูลอย่างน้อยตอนนี้มันก็เริ่มมีประโยชน์แต่ก็พลาดที่โดนกระชากคอเสื้อกระดุมขาดกระจายโชคดีที่เธอสวมเสื้อกล้ามอยู่ไม่อย่างนั้นได้อายแน่ เจ้าคนที่กระชากเสื้อยืนอึ้งอยู่แม้แต่คนอื่น ๆ เอลินถอนหายใจยาวด้วยความโมโห
“ไอ้บ้าเอ๊ย ”เธอกระโดดถีบจนคู่ต่อสู้ล้มลง ไม่นานเสื้อแจ็คเก็ตของใครก็ไม่รู้ถูกเหวี่ยงมาถึงมือของเธอ เอลินหันไปมองต้นตอ เด็กหนุ่มที่ชื่อหนึ่งนั่นเองเขาวิ่งมาคว้ามือเธอวิ่งหนีกลับขึ้นรถไป
“กุญแจ!!”หนึ่งถามเสียงเข้ม เอลินรีบยื่นให้พอได้กุญแจหนึ่งก็สตาร์ทรถขับหนีทัน เอลินถอนหายใจยาวก่อนจะสวมเสื้อแจ็คเก็ตที่ได้มา
“ขอบคุณนะที่อุตส่าห์ไปช่วย ”หนึ่งพูดเมื่อขับรถออกมาได้ระยะหนึ่งและคิดว่าคงไม่มีใครตามมา
“เพื่อนผมน่ะมันชอบหาเรื่อง ผมก็เลยติดร่างแหไปด้วยเสมอ”
“ฉันไม่ค่อยชอบคนที่โดนรุมเท่าไหร่ สามต่อหนึ่งมันแย่ไปหน่อย”เอลินบอก
“แต่คุณก็ไม่น่าจะเข้าไปเพราะ คุณเป็นผู้หญิง”ดูเขาจะเน้นคำว่าผู้หญิงเป็นพิเศษเอลินเกาหัวออกจะรำคาญพวกที่ชอบพูดแบบนี้
“ไม่หนักหนาหรอก ”
“แต่ผมรู้สึกแย่เพราะ อยู่ดี ๆ ก็ให้ผู้หญิงเข้ามาช่วย”หนึ่งบอก เอลินเลยตบไปที่แขนเบา ๆ
“เฮ้ย กดขี่ทางเพศเหรอ ”
“เปล่า”หนึ่งตอบเสียงเบาหันมามองผู้หญิงข้าง ๆ เต็ม ๆ ตา ใช่ว่าเธอไม่สวย ออกจะสวยมากด้วยซ้ำถ้าผมยาว แต่นี่เธอเล่นตัดผมสั้นทรงผู้ชายไปเลย
“มองอะไร ”คำถามนั้นทำเอาหนึ่งสะดุ้ง เขาจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง
“เปล่า แค่สงสัยคุณก็ออกจะสวยแต่ทำไมถึงได้เปลี่ยนรสนิยมได้”
“ห๊า!!”เอลินร้องเสียงหลง
“โอย ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ตีฉิ่งหรอกนะไอ้หนู”เธอบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้ หนึ่งอมยิ้มเขาล้วงกระเป๋ากางเกงเอาโทรศัพท์ออกมา
“ขอเบอร์คุณหน่อยสิ”เอลินมองหน้าเด็กหนุ่มที่มองยังไงก็คงไม่ถึง21ดูยังไงมันก็ห่างไกลกับเธอเหลือเกิน
“เอาไปบูชาเหรอ ”คำตอบของเอลินทำให้หนึ่งหัวเราะอย่างอดไม่อยู่
“จะบ้าเหรอคุณ ใช่ คุณชื่ออะไร”เอลินหันไปมองหนึ่งอีกครั้ง
“อ่า ระหว่างชื่อกับเบอร์โทร.เนี่ยฉันว่า ฉันให้ชื่อดีกว่านะ ชื่อเอลิน ”หนึ่งยิ้มกว้างเผยให้เห็นลักยิ้มน่ารัก เอลินเลยเผลอยิ้มไปด้วย
“ชื่อคุณน่ารักจะตาย ”
“นายเป็นคนแรกนะที่ชมว่าฉันสวย แถมด้วยว่าชื่อน่ารัก แล้วนี่ถึงบ้านแล้วใช่ไหมฉันจะได้ไปเสียทีง่วงมากแถมพรุ่งนี้ต้องไปงานพิเศษอีก ”
“ครับผม ไม่ว่ายังไงแค่รู้ชื่อผมก็สามารถหาคุณเจอได้แน่ๆ”หนึ่งเปิดประตูลงจากรถโบกมือลา เอลินหัวเราะระหว่างการเลี้ยวรถกลับก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้คืนเสื้อให้หนึ่ง เธอถอนหายใจยาว
“เด็กหนอเด็ก ”เอลินไม่วายบ่นออกมาอย่างนั้น
นัทนั่งมองโทรศัพท์มาตั้งแต่เช้าตรู่รอคอยให้ถึงเวลาเขาจะต้องรีบโทร.หาเอลินเพื่อถามเรื่องราวของกีรติให้ได้พอเข็มสั้นชี้ไปที่เลขเก้าเขาก็จับมือขึ้นมากดหมายเลขโทร.หาหญิงสาวทันทีไม่นานก็มีเสียงปลายสาย
“สวัสดีคะ”
“เอ่อ ผมนัทนะครับ คือเมื่อวานขอโทษด้วยที่ไม่ได้รับโทรศัพท์พอดีติดงานด่วนอยู่น่ะครับ”เอลินยิ้มพร้อมกับขับรถไปด้วย
“ค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“คือรูปที่อยู่ในห้อง มีอยู่รูปหนึ่งที่คุณถ่ายกับคนไทย คุณรู้จักเธอไหม”คำถามนั้นทำให้แววตาของเอลินสั่นระริก เธอคิดหาคำอธิบายที่ไม่ต้องผิดคำพูดกับเพื่อนอยู่ในใจ
“อ๋อ รูปตอนที่อยู่เอธิโอเปียคะ กี เป็นเพื่อนคนไทยของฉันเราเจอกันที่โน่นเธอไปพร้อมกับเพื่อนที่ทำงานในสหประชาชาติแต่เธอเป็นนักศึกษาที่อเมริกาคะ มีอะไรหรือเปล่าคะทำไมถึงถามถึงเธอ” นัทได้แต่หยุดนิ่งการกระทำทุกอย่าง
“กี กีรติใช่ไหมครับ ”
“อ่า ค่ะ ใช่ ๆ” เอลินนึกขอโทษเพื่อนในใจ
“โอย ผมปวดหัวไปหมดแล้ว คุณว่างไหมผมอยากคุยด้วย”นัทถามพร้อมกับรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า
“อ้อ แย่จัง ลินติดเป็นวิทยากรพิเศษให้เด็ก ๆที่มหาวิทยาลัยค่ะ แต่หลังเที่ยงคงว่างค่ะ คุณนัทมาหาที่มหาวิทยาลัยได้ไหมคะ นั่งแท็กซี่มาก็ได้ขากลับจะได้ไปด้วยกัน”เธอออกความเห็น
“ครับงั้นเดี๋ยวเจอกัน”นัทวางสายไปโดยเร่งหาเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำทันที เอลินยิ้มกับถนนเสียอย่างนั้น เมื่อไปถึงมหาวิทยาลัยเอลินก็ตรงไปหาห้องประชุมที่จัดงานทันที งานนี้แม้จะเป็นกิจกรรมแสดงผลงานของนักศึกษาก็จริงแต่เธอก็อดชื่นชมผลงานหลาย ๆ รูปเช่นกัน การบรรยายเป็นการเล่าเรื่องชีวิตการทำงานมากกว่า หลังจากนั้นก็เป็นการซักถามของนักศึกษาที่สนใจเรื่องของการถ่ายภาพ เทคนิค ต่าง ๆ
“มีใครจะถามอีกไหม”อาจารย์สาวสวยหันไปทางนักศึกษาที่นั่งฟังห้องประชุมมีมือหนึ่งยกขึ้น เขาลุกเดินมาที่ไมโครโฟนส่งยิ้มให้คนที่อยู่บนเวที เอลินอ้าปากค้างเมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นใคร
“ผมชื่อ หนึ่งเดียว ครับ นักศึกษานิเทศศาสตร์ชั้นปีที่สี่อยากถามคุณเอลิน วิทยากรวันนี้นะครับว่า พี่ มีแฟนหรือยัง?”พอจบคำถามเพื่อน ๆในห้องประชุมต่างโห่ร้องขึ้นมาด้วยความคึกคะนอง เอลินก้มหน้าเก็บความรู้สึกโมโหเอาไว้
“ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย” เธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มให้
“เอ่อ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่เราพูดกันตอนนี้เอาเรื่องที่มันมีสาระกว่านี้ไหมคะ” หนึ่งยิ้มกว้าง
“งั้นแสดงว่าผมถามหลังเวทีได้สิครับ”
“...”
“หนึ่งเดียวกลับไปนั่งที่ของเธอได้แล้ว เอาละคะกิจกรรมวันนี้ต้องขอบคุณวิทยากรที่น่ารักของเรานะคะ คุณเอลิน ทานากะ ช่างภาพ นิตยสารอีส ”เสียงปรบมือนั้นเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิตเธอทีเดียว เอลินยิ้มลุกขึ้นไปรับของที่ระลึกก่อนจะลงจากเวที เธอบอกลาอาจารย์ที่มาต้อนรับแล้วเดินออกไปจากห้องประชุม
“คุณเอลิน!!” เสียงเรียกนั้นทำให้เธอหยุดชะงักหันไปมองต้นเสียงหนึ่งเดียววิ่งเข้ามาหาเธอ
“ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่เลยนะฮะ”หนึ่งพูดแม้จะหอบนิดหน่อยแต่เขาก็อยากคุยกับเอลิน
“ฉันก็ว่างั้นแหละ โลกมันกลมไง เสื้อนายเดี๋ยวส่งซักเสร็จจะเอาไปให้ที่บ้านละกันนะ วันนี้ฉันไปก่อนละ”เอลินรีบขอตัวแต่หนึ่งเดียวไม่ยอมให้เธอเดินหนีเขาแน่ ๆ หนึ่งเดียวคว้าข้อมือเธอไว้เอลินหันมามองพร้อมกับบิดข้อมือออกเบา ๆ
“ขอโทษครับ”หนึ่งเดียวบอกพร้อมกับปล่อยมือ
“คือ ผมอยากถามว่า เราเจอกันอีกได้ไหม”
“เอ่อ ถ้านายฟังตั้งแต่ต้นฉันจำได้ว่าฉันบอกอายุไปแล้ว ถ้าคำนวณไม่ผิดเราอายุห่างกันประมาณ4-5ปีได้ มันห่างไกลไปไหมน้องชาย” หนึ่งเดียวทำหน้าเหรอหรา
“หา?”
“ใช่ไหม”
“ไม่ ผมไม่คิดอย่างนั้น มาลองดูไหมละว่า เราจะไปกันได้ไหม”สายตาที่เด็ดเดี่ยวนั้นทำให้เอลินนิ่งไป เธอเคยเห็นสีหน้าและสายตาแบบนี้จากที่ไหนมาก่อน ?
“ลิน!!”เสียงเรียกนั้นทำให้เอลินต้องหันกลับไป นัทเดินเข้ามาหาเอลินจึงหันกลับมาจัดการกับปัญหาตรงหน้าอีกครั้ง
“เอาละ ตามใจนาย ฉันจะตอบคำถามที่นายถามบนเวทีให้นะว่าฉันมีแฟนแล้วนั่นแหละเขาน่ารักใช่ไหมละ ไปก่อนนะ บาย”เอลินโบกมือลาหนึ่งเดียวแล้วหันมาทางนัท
“รถจอดอยู่โน่นค่ะ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกันด้วย”เธอบอกนัทหันไปมองเด็กหนุ่มนักศึกษาด้านหลังด้วยความสงสัย สีหน้าและรอยยิ้มของเด็กหนุ่มคนนั้นทำให้รู้สึกแปลก ๆ
“แล้วผมจะโทร.หานะ”หนึ่งเดียวตะโกนบอกเสียงใส ทั้งคู่หันไปมองเอลินถอนหายใจยาว นัทชี้ไปที่หนึ่งเดียว
“ใครเหรอ?”
“อ้อ เด็กที่เข้าอบรมน่ะคะ”เอลินรีบดึงแขนนัทออกมาเพราะไม่อยากอยู่ตรงนั้นนานเกินเหตุเท่าใดนัก
“ว่าแต่มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“อ๋อ ผมอยากรู้เรื่องของกี” สีหน้างง ๆ ของเอลินทำให้นัทต้องหาคำอธิบายเพิ่มเติม
“คือ ผมกับกีเป็นเพื่อนกันสมัยที่เรียนมัธยมปลาย เธอหายตัวไปช่วงหนึ่งซึ่งเพื่อนสนิทของผมเขาตามหาตลอดแต่ก็ไม่พบ ตอนนี้เธอกลับมาแต่เราไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอหายตัวไปไหน เธอบอกกับรัชต์ เอ่อ เพื่อนสนิทของผมว่าเธอติดคุก แต่เมื่อคืนก่อนผมเห็นรูปคุณก็เลยแปลกใจ ในเมื่อคุณบอกว่าเธอเรียนที่อเมริกาอย่างนั้น ก็แสดงว่ากีโกหกว่าติดคุก ”เอลินพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่นัทพูด เธอควักเอากุญแจรถในกระเป๋าออกมาไข
“เธอไม่ได้โกหกหรอกคะ”เอลินพูดพร้อมกับเปิดประตูรถแต่นัทอ้าปากเหวอด้วยอาการงง
“เธอติดคุก แต่ไม่ใช่คุกแบบที่เราคิดหรอก ฉันรู้เพราะเรามีอะไรบางอย่างเหมือนกัน ”
“หา?” เอลินยิ้มกว้าง
“เพราะเราเคยทำผิดพลาดมาเหมือนกัน ”นัทได้แต่อึ้งเขาคิดไม่ออกว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องอะไรกันแน่
รัชต์เปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับถือเอกสารที่ได้รับจากนิติเวชเดินลงไปหากีรติในชั้นที่สองห้องของดาวนั้นอยู่ชั้นที่สี่ แต่เมื่อมาถึงหน้าห้องก็แปลกใจที่ประตูเปิดทิ้งไว้ เจ้าของหอพักเดินออกมาจากห้องพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา
“เอ่อ ป้าครับ แล้วกีละครับ” ป้าเจ้าของหอพักทำหน้าแปลกใจ
“หนูกีเหรอ ย้ายออกไปแล้วเมื่อวานเขาขนของออกไปแล้วนะ ”คำตอบนั้นทำให้รัชต์อึ้งวิ่งเข้าไปดูในห้องเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริง สภาพห้องว่างเปล่า ไม่เหลืออะไรเลย ’เธอหายไปอีกครั้ง เธอไปจากเขาอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะรักเธอ แม้ว่าเขาจะบอกรักเธอกี่ร้อยกี่พันครั้ง เธอก็จากไปอยู่ดี รัชต์ทรุดตัวลงนั่งขุกเข่าอย่าง
หมดแรง เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว กีรติคือสิ่งเดียวที่เขามี แล้วเธอก็ไปอีกครั้ง ทำไมเธอถึงทำให้เขาเจ็บปวดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในเวลาที่เขาขาดเธอกลับมาแต่สุดท้ายเธอก็จากเขาไปอยู่ดี แล้วจะกลับมาเพื่ออะไร กลับมาเพื่อให้เขาเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ กลับมาเพื่อทำให้เขารู้ว่า เขาไม่อาจที่จะลบเธอไปจากหัวใจได้เลย อย่างนั้นหรือเปล่า ’
‘เพิ่งจะรู้วันนี้ว่ารักมันไม่ช่วยอะไร ต่อไห้รักเท่าไรไม่อาจพาเธอไปถึงฝัน….’
ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2554, 17:30:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2554, 17:30:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 1909
<< ตอนที่ 7 สถานะที่เปลี่ยนไปแค่ข้ามคืน | ตอนที่ 9 ตามหาความจริง >> |
lovemuay 8 มิ.ย. 2554, 19:52:46 น.
นางเอกหายไปไหนน้า เอาใจช่วยพระเอกของเราค่ะ
นางเอกหายไปไหนน้า เอาใจช่วยพระเอกของเราค่ะ