ใต้ปีกรักสีเพลิง {นวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ.อรุณ}
สร้อยผีเสื้อสีเพลิงจากคนแปลกหน้า
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๑๐ (จบตอน)
“คุณเตรียมตัวประมูลงานเอ็ดดูเทนเม้นต์คอมเพลกซ์ไปถึงไหนแล้ว” แฟรงคลินถามพรนางฟ้าในอีกหลายวันถัดมา
พรนางฟ้าก้มหน้าฉับทันทีพร้อมกับเม้มปากแน่น ไม่ยอมให้เสียงลอดมาได้ แม้ยังไม่แน่ใจนักว่าเรื่องที่สุภัทรชาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพฤติกรรมคุกคามทางเพศของเจ้านายว่าเป็นจริงเท็จประการใด แต่เธอก็ไม่อยากถูกมองว่าโง่หรือเป็นเครื่องมือของใครอีกแล้ว
พรนางฟ้าตั้งสติเงยขึ้นฝืนยิ้มให้แฟรงคลิน หยั่งเชิงด้วยการเอ่ย “ฉันทราบมาว่าคุณแฟรงค์สั่งให้สุภัทรชาดูแลโครงการนี้แล้ว เลยคิดว่ามันไม่เหมาะถ้าฉันจะแย่งงานลูกน้องตัวเองมาทำน่ะค่ะ”
“คุณกำลังขัดคำสั่ง และปฏิเสธงานที่ผมมอบหมายงั้นเหรอ” แฟรงคลินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ถามสบายๆ
“ฉันแค่คิดว่ามันเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของบริษัทค่ะ หากใช้คนสองคนทำงานเดียวกัน”
แฟรงคลินหัวเราะเบาๆ “ตงยูพูดไม่ผิดเลยว่าคุณคิดอะไรรอบคอบจริงๆ เอาละ งั้นก็จงรู้ไว้ว่าเหตุผลที่ผมสั่งงานคุณซ้ำกับสุภัทรชา ก็เพราะผมอยากได้งานที่ดีที่สุดสองชิ้นมาเลือกว่าจะใช้อันไหน แทนที่จะมีอันเดียว ซึ่งผมว่ามันเสี่ยงเกินไปสำหรับโปรเจ็กต์ใหญ่ขนาดนี้ คำแนะนำของผมก็คือ คุณกับสุภัทราชาควรต่างคนต่างทำงาน เข้าใจไหม”
“ฉันว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา สูญเสียทรัพยากรของบริษัท ถ้าฉันเป็นคุณแฟรงค์ ฉันจะเลือกมอบหมายไปเลยว่าอยากให้ใครคนใดคนหนึ่งทำโครงการนี้ ไม่เหวี่ยงแหแบบนั้นหรอกค่ะ”
“แปลว่าคุณจะให้ผมยึดโครงการนี้คืนมาจากสุภัทรชา แล้วก็มามอบหมายให้คุณอย่างนั้นเหรอ”
“ผู้อำนวยการสมควรได้รับโอกาสรับผิดชอบกับงานใหญ่มากกว่าผู้จัดการไม่ใช่เหรอคะ”
แฟรงคลินหัวเราะหึๆ “คุณพูดถูก และผมก็เชื่อมือคุณด้วย ถึงได้แต่งตั้งให้คุณเป็นผู้อำนวยการ เพราะฉะนั้นผมจะยกงานนี้ให้คุณ”
พรนางฟ้ายิ้มกว้างสมใจ “คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ”
หลังสนทนากับเจ้านายอีกครู่ใหญ่ หญิงสาวก็ก้มศีรษะแทนการบอกลา เมื่อพ้นห้องทำงานซีอีโอ มือจึงเลื่อนขึ้นมากดจี้รูปผีเสื้อแนบกับอก รู้สึกถึงความอุ่นซ่านมั่นคง พรนางฟ้ายกมุมปากด้วยความพึงใจ แววตาปรากฏรอยเหี้ยมเกรียมอาฆาต เมื่อรำพัน “ลวนลานคุกคามทางเพศงั้นเหรอ? เราไม่เชื่อเธอหรอก คราวนี้แหละเราจะแสดงให้พี่พัทธ์เห็นว่าเขาคิดผิดที่มาดูถูกกันอย่างนั้น อยากได้นักใช่ไหมโครงการเอ็ดดูเทนเมนต์เนี่ย รอดูวันที่เราชนะประมูลก่อนเถอะ แล้วพี่พัทธ์จะรู้เองว่าเขาทำพลาดไปแล้ว! ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อนงั้นเหรอ จ้างให้เราก็ไม่มีวันเป็นคนใจร้ายแบบที่เกรซทำเด็ดขาด พี่พัทธ์ต้องเสียใจที่มองเราผิดไปทุกเรื่องเลย!”
คิรินทร์ชักชินเสียแล้วที่ต้องโผล่มายังสำนักงานของทีเอ็นเอสไทยแลนด์ตามคำเชิญของพรนางฟ้า ความที่ผู้อำนวยการสั่งประชาสัมพันธ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อมาแจ้งที่ล็อบบี้ เขาจึงได้รับบัตรผ่านและเข้ามาถึงส่วนสำนักงานง่ายดาย เพราะมาถึงก่อนเวลาเลิกงานของหญิงสาวเกือบยี่สิบนาที เขาจึงได้มาเป็นประจักษ์พยานกับเหตุการณ์ที่ไม่น่ารื่นรมย์เลยสักนิด!
“ชุ่ย! ทำงานห่วยแตก กะอีแค่ตรวจราคาสินค้าก่อนส่งให้ลูกค้าอีกรอบมันยากนักหรือไง ตกเลขศูนย์ไปตัวนึง บริษัทเสียหายตั้งเท่าไหร่ เธอพูดแค่ขอโทษคำเดียว มันไม่พอหรอกนะ” พรนางฟ้าเหวี่ยงแฟ้มลงบนพื้น อาละวาดเสียงดังชนิดที่คิรินทร์ได้แต่อึ้ง ได้ยินคนพูดกันมาเยอะว่าเจ้านายบางคนก็ใช้อารมณ์และไม่ไว้หน้าลูกน้องเลย แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนทำกิริยาแบบนี้ในสำนักงานจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนผู้นั้นคือผู้หญิงที่เขารู้จัก แถมยังเคยคิดว่าเธอเป็นแต่ทำท่าจ๋อยๆ หงอให้ใครเขาไปทั่วทั้งราชอาณาจักรเสียอีก
“หนูขอโทษค่ะคุณแพน หนูจะพยายามเจรจาประนีประนอมกับลูกค้าอีกครั้ง ให้เขาช่วยเรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เป็นส่วนต่างคนละครึ่ง แต่...คุณแพนอย่าไล่หนูออกเลยนะคะ”
“ฉันจะคาดโทษเธอไว้ก่อน แต่ถ้าผิดครั้งหน้า เธอจะไม่มีแม้แต่โอกาสเข้ามาอธิบายให้ฉันฟังอีก เข้าใจไหม” พรนางฟ้าขู่หน้าเข้ม
“ขอบคุณคุณแพนมากค่ะ หนูจะระวังไม่ทำผิดอีก” เด็กสาวท่าทางเหมือนเพิ่งเข้าทำงานไม่นานลนลานรวบรวมเอกสารที่ปลิวว่อนบนพื้นเข้าด้วยกัน แล้วออกจากห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยสีหน้าเผือดซีด
คิรินทร์ถอนหายใจ เขาไม่ชอบสิ่งที่พรนางฟ้ากำลังทำอยู่นี่เลย และเขาก็ไม่ปิดบังมันในสีหน้าเมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานของหญิงสาว รีบดักคอก่อนว่า “อย่าตะคอกใส่ผมอย่างที่ทำกับพนักงานเมื่อกี้นะ”
“เด็กนั่นทำงานผิดพลาด บริษัทเสียหายไปเกือบสองแสน นี่ฉันพยายามระงับอารมณ์ที่สุดแล้วนะ”
“พูดกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องตะคอก ประชด แล้วก็โวยเสียงดังขนาดนั้น ไอ้การโยนข้าวของนั่นอีก มันไม่ได้ทำให้ความผิดพลาดลดน้อยลง หรือทำให้บริษัทเสียหายน้อยลงหรอกนะ” เขาบ่นเอื่อยๆ ทำราวกับเปรยเล่น มิใช่กำลังอ้อมค้อมอบรมอีกฝ่าย
พรนางฟ้าเม้มปากนิ่ง ดวงตาวาวค่อยลดความร้อนแรงลง ก่อนหลบตาเขา “บางที...ฉันก็คิดว่าอำนาจจากสร้อยออกจะรุนแรงเกินไปนิด ฉัน...ควบคุมมันไม่ได้”
“โทษสร้อยอีกแล้ว อารมณ์เป็นของคุณ เสียงเป็นของคุณ มือไม้ก็เป็นของคุณ ถ้าคุณจะบังคับตัวเองซะอย่าง ไม่มีใครมาควบคุมคุณได้หรอกนะ ทำตัวรุนแรงก้าวร้าวแบบนั้น มีแต่จะทำให้พนักงานเกลียดคุณเปล่าๆ พระเดชต่างกับพระคุณ คุณออกฤทธิ์แบบนี้ ใครๆก็ยอมก้มหัวให้เพียงเพราะคุณตำแหน่งสูงกว่าเท่านั้นแหละ วันนึงหากมีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น ความกลัวเกรงพวกนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นเกลียดชัง แต่ถ้าทำให้คนรักและเคารพด้วยพระคุณ ไม่ว่าวันไหน คุณจะขึ้นสูงหรือเปลี่ยนไปยังไง เขาก็จะรักและเคารพคุณอยู่อย่างเดิม” เขายกมือหนึ่งวางบนโต๊ะเท้าคางเอ่ยปนยิ้ม พยายามให้ฟังดูสบายๆที่สุด ‘คนอย่างเขา’ ไม่บังอาจไปสั่งสอน ‘คนอย่างเธอ’ หรอก แค่เตือนกันน่ะพอได้
พรนางฟ้าตวัดตามองเขาอย่างกรุ่นเคือง คิรินทร์เกือบเกลียดสายตาแบบนั้นของเธอ รังเกียจความเห่อเหิมบ้าอำนาจของหญิงสาวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเบิกตาโต เอื้อมมาคว้าข้อมือเขาไปพินิจใกล้ๆ
“เอ๊ะ! นาฬิกาคุณถ่านหมดนี่ โอ้โห...ใส่ปาเต็ค ฟิลิปป์ ด้วย ซื้อที่คลองถมเหรอ”
เห็นได้ชัดว่าเธอจนด้วยเหตุผลโต้เถียง ทั้งยังยอมรับว่าเขาพูดถูก ทว่าคนเก่งคงไม่อยากยอมรับตรงๆว่าทำตัวไม่เหมาะสม เธอจึงจงใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อลดอาการเสียหน้าที่ถูกอบรมซะดื้อๆ แต่เพราะเรื่องที่เธอเปลี่ยนมา เป็นประเด็นที่คิรินทร์ไม่คาดฝัน ชายหนุ่มจึงตะกุกตะกักตอบไม่ถูก “เอ้อ...คือ...”
“ของปลอมละสิ ไม่ดีหรอก อย่าใส่เลย รู้หรือเปล่าว่าการละเมิดลิขสิทธิ์น่ะผิดกฎหมายนะ” เธอพูดเองเออเองเสร็จสรรพ
“มีคนให้มาอีกทีน่ะ” เขารีบแก้ตัวเมื่อตั้งสติได้
“นั่นแหละ ก็คงเป็นของปลอมอยู่ดี เอางี้ เดี๋ยวฉันซื้อนาฬิกาเรือนใหม่ให้คุณดีกว่า ยี่ห้อไม่หรูเท่าปาเต็คของคุณหรอกนะ แต่รับรองได้ว่าของแท้แน่นอน”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณแพน ผมเอาเรือนนี้ไปเปลี่ยนถ่านก็ใส่ได้แล้ว” คิรินทร์ชักอึดอัด
“ที่ฉันนัดคุณมาออฟฟิศวันนี้ก็เพราะจะชวนไปเลี้ยง รู้ไหมฉันเขี่ยเกรซออกจากโปรเจ็กต์เอ็ดดูเทนเมนต์คอมเพลกซ์เรียบร้อยแล้วนะ ถ้างานนี้ชนะ ฉันจะได้คอมมิชชันแบบที่อยู่ไปได้ทั้งปีเลย เพราะฉะนั้นซื้อนาฬิกาให้คุณแค่เรือนเดียวไม่หนักหนาเลยสักนิด”
คิรินทร์เออออไปตามเรื่องตามราว จากนั้นฟังเธอเล่าเรื่องโครงการใหม่ที่กำลังทำไปเรื่อย จนเลิกงานแล้วเธอก็ยังไม่ยอมขยับสักที สุดท้ายเขาจึงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นฟ้ามืดสนิท
“อ้าว! นั่นจะไปไหนล่ะ”
“ผมหิว คุณจะให้ผมมานั่งดูคุณทำงานทำไมเนี่ย น่าเบื่อ”
“โอเคๆ ไปเดี๋ยวนี้ละ” พรนางฟ้าอมยิ้มขัน แล้วรีบเก็บของ ออกมายืนคอยลิฟต์ที่โถง ในท่ามกลางความเงียบนั่นเอง เสียงประตูห้องน้ำซึ่งอยู่ในหลืบลึกเข้าไปราวสามเมตรจากโถงลิฟต์ก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงพูดคุยจ้อกแจ้ก ทำให้พอเดาได้ว่าสาวๆคงกลุ่มใหญ่พอควร จึงเปิดประตูไว้แล้วพูดคุยกัน ทยอยกันออกมา
“วันนี้ฉันโดนครูไหวเรียกไปด่า หมั่นไส้ชะมัดเลย เจ๊แกนั่งคอแข็งเปิดเอกสารทีละหน้าจงใจจับผิดกันสุดๆ ใครมันจะไปว่างมานั่งตรวจข้อมูลทีละบรรทัดเหมือนแม่นี่วะ คนโสดก็งี้แหละ ว่างจนน่าสมเพช พวกตัวรู้ไหม รีเซปชั่นบอกว่าไอ้หนุ่มที่มาเมื่อวันก่อนน่ะ วันนี้มาอีกแล้ว! หน้าตาดี๊ดี แต่แต่งตัวกระจอกชะมัด ฉันฟันธงได้เลยว่าเด็กเจ๊แกแน่ๆ สงสัยจะอุปการะไว้คลายเหงาตามประสาสาวโอลด์เมด น่าสงสาร”
คนพูดคงกำลังเดินมาที่ลิฟท์ เพราะเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ
“ใช่ เดี๋ยวนี้นับวันยิ่งบ้าอำนาจนะ เรียกเราไปด่าหาว่าวันๆเอาแต่เล่นโทรศัพท์ เฮอะ! ก็โทรศัพท์ตัวเองมีไว้ทับกระดาษนี่เนอะ ถึงได้คอยแต่อิจฉาคนอื่นไปทั่ว”
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของคนช่างนินทาหรือเปล่า เพราะประตูลิฟต์เปิดกว้างพอดี คิรินทร์ไม่หยุดคิดสักนิดที่จะคว้าข้อมือลากเธอเข้าไปในนั้นทันที ประตูลิฟต์ปิดและเลื่อนลงสู่ชั้นลานจอดรถอย่างรวดเร็ว
คิรินทร์ลอบมองเงาสะท้อนของสตรีผู้อยู่ในบทสนทนาผ่านทางกระจกด้วยความประหลาดใจ เพราะสีหน้าเธอเรียบเฉย ไม่บอกความรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจจากถ้อยคำปรามาสไม่ให้เกียรตินั้นเลยสักนิด
หากเพราะความที่ค่อนข้างอ่อนไหวและช่างสังเกต คิรินทร์รู้ว่าเธอเจ็บปวดจากถ้อยคำลับหลังนั่นพอควร อย่างน้อย...เธอก็ซ่อนมันจากดวงตา จากริมฝีปากที่เม้มแน่น และจากมือที่จิกจนเห็นข้อนิ้วนั่นไม่มิด!
คิรินทร์สอดมือลงในอุ้งมือเธอ ไม่ให้เธอจิกเล็บลงในเนื้อได้อีก ดวงตาสีดำลึกล้ำมองสบตาหญิงสาวจากกระจกนิ่งๆ แวบหนึ่งที่อยากรู้...
ความสำเร็จที่แลกมากับความโดดเดี่ยวเยี่ยงนี้...คุ้มกันแล้วหรือ?
ชายหนุ่มนึกว่าพรนางฟ้าลืมเรื่องนาฬิกาไปแล้ว แต่เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า เธอกลับมาสดใสได้ดังเดิมอีกครั้ง ทั้งยังลากเขาเข้าแผนกนาฬิกา ชี้นิ้วเลือกนาฬิกาสายหนังสนนราคาอยู่ที่สี่หลักกลางๆค่อนไปทางปลายๆออกมาให้เขาทดลองใส่อย่างจริงจัง
“คุณแพน ผมไม่อยากรบกวนคุณจริงๆนะ”
พรนางฟ้าเท้าเอวเอาแต่ใจ “นี่เป็นของชิ้นแรกที่ฉันคิดว่ามันเหมาะสมจะใช้แทนคำขอบคุณสำหรับรูปที่คุณยกให้ฉันที่สุด ไอ้อาหารมื้อยิบย่อยพวกนั้นเทียบกับราคาของรูปนั้นไม่ได้เลย รับไว้เหอะนะคุณคี ฉันอยากซื้อให้คุณจริงๆ”
น้ำเสียงและสีหน้าเธอจริงใจ ไร้ร่องรอยหรือวี่แววอวดรวยใดๆทั้งสิ้น เขาจึงจำต้องเลือกนาฬิกาเรือนที่ราคาถูกที่สุดเพื่อไม่ให้เธอเสียความตั้งใจ และก็ไม่ให้ตัวเองต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
“เรือนนี้ไม่สวย! ใส่แล้วทำให้ข้อมือคุณเทอะทะ เอาเรือนนี้แทนเถอะ” เธอชี้นาฬิกาที่สายทำจากยาง หน้าปัดเป็นทรงกลม มีเข็มจับเวลา และช่องบอกวันที่ตรงเลขสาม ซึ่งคล้ายกับเรือนเก่าของเขามากที่สุดในบรรดาทั้งหมดที่ลองสวมมา “ลองเรือนนี้ดีกว่า ดีกว่าเรือนเดิมของคุณอีกนะ”
คนเจ้ากี้เจ้าการจับนาฬิกามาคาดที่ข้อมือให้เขาอย่างเอาใจ “ชอบไหม”
“คุณคิดว่าไงล่ะ” คิรินทร์ไม่เคยถามความเห็นของใครมาก่อน เขาเชื่อมั่นในตนเองเสมอมา ทว่าครั้งนี้...น่าแปลกที่จู่ๆเขาก็อยากได้ยินความคิดเห็นของพรนางฟ้า
“ฉันชอบ เหมาะกับคุณ หน้าปัดสีดำขับผิว ตัวเรือนดูไม่บอบบางเกินไป แต่ก็ไม่บึกบึนจนน่าอึดอัด”
“ถ้าคุณชอบ ผมก็ชอบ” เขาตอบเอาใจเจ้ามือ รู้สึกหนักใจเล็กน้อยที่เห็นราคาหย่อนหมื่นไปแค่ไม่กี่พัน คิรินทร์จดไว้ในใจว่าถ้ามีโอกาส ต้องสั่งรังสฤษฏ์ทำรายละเอียดบัญชีเรื่องนี้แยกไว้ให้อีกรายการหนึ่ง เผื่อสักวัน...เขาอาจต้องรวบยอดหาทางชดเชยให้กับพรนางฟ้า!
เมื่อหญิงสาวชำระค่านาฬิกาเรียบร้อย เธอก็สั่ง “สวมเรือนใหม่ไปเลยสิ ส่วนเรือนเก่าฝากคนขายไปทิ้งให้เถอะ ของปลอมอย่าใส่อีกเลย”
คิรินทร์สะดุ้งโหยง รีบคว้านาฬิกาเรือนเก่ามาใส่กระเป๋ากางเกงทันที “ผมไปทิ้งเองดีกว่า”
พรนางฟ้าหัวเราะร่วน จับข้อมือเขาซึ่งสวมนาฬิกาที่เธอซื้อให้ไปมองเวลาด้วยสีหน้าพอใจ “คราวนี้เวลาใครถาม ก็บอกเต็มปากเต็มคำได้เลยนะว่าคุณใส่ไซโก้รุ่นมอเตอร์สปอร์ตของญี่ปุ่นแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
ชายหนุ่มถอนหายใจ รับคำอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านี้ เขาใช้อีกมือที่ว่างลูบหน้าปัดนาฬิกาเรือนใหม่ด้วยความรู้สึกนุ่มนวลที่แผ่เข้ามาในใจช้าๆ เพียงเสี้ยววินาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าไซโกมอเตอร์สปอร์ตเรือนละไม่ถึงหมื่นสวยไม่แพ้ปาเต็ค ฟิลลิปส์ อะควานอร์ต เรือนเก่าของเขาจนเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว!
พรนางฟ้าก้มหน้าฉับทันทีพร้อมกับเม้มปากแน่น ไม่ยอมให้เสียงลอดมาได้ แม้ยังไม่แน่ใจนักว่าเรื่องที่สุภัทรชาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพฤติกรรมคุกคามทางเพศของเจ้านายว่าเป็นจริงเท็จประการใด แต่เธอก็ไม่อยากถูกมองว่าโง่หรือเป็นเครื่องมือของใครอีกแล้ว
พรนางฟ้าตั้งสติเงยขึ้นฝืนยิ้มให้แฟรงคลิน หยั่งเชิงด้วยการเอ่ย “ฉันทราบมาว่าคุณแฟรงค์สั่งให้สุภัทรชาดูแลโครงการนี้แล้ว เลยคิดว่ามันไม่เหมาะถ้าฉันจะแย่งงานลูกน้องตัวเองมาทำน่ะค่ะ”
“คุณกำลังขัดคำสั่ง และปฏิเสธงานที่ผมมอบหมายงั้นเหรอ” แฟรงคลินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ถามสบายๆ
“ฉันแค่คิดว่ามันเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของบริษัทค่ะ หากใช้คนสองคนทำงานเดียวกัน”
แฟรงคลินหัวเราะเบาๆ “ตงยูพูดไม่ผิดเลยว่าคุณคิดอะไรรอบคอบจริงๆ เอาละ งั้นก็จงรู้ไว้ว่าเหตุผลที่ผมสั่งงานคุณซ้ำกับสุภัทรชา ก็เพราะผมอยากได้งานที่ดีที่สุดสองชิ้นมาเลือกว่าจะใช้อันไหน แทนที่จะมีอันเดียว ซึ่งผมว่ามันเสี่ยงเกินไปสำหรับโปรเจ็กต์ใหญ่ขนาดนี้ คำแนะนำของผมก็คือ คุณกับสุภัทราชาควรต่างคนต่างทำงาน เข้าใจไหม”
“ฉันว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา สูญเสียทรัพยากรของบริษัท ถ้าฉันเป็นคุณแฟรงค์ ฉันจะเลือกมอบหมายไปเลยว่าอยากให้ใครคนใดคนหนึ่งทำโครงการนี้ ไม่เหวี่ยงแหแบบนั้นหรอกค่ะ”
“แปลว่าคุณจะให้ผมยึดโครงการนี้คืนมาจากสุภัทรชา แล้วก็มามอบหมายให้คุณอย่างนั้นเหรอ”
“ผู้อำนวยการสมควรได้รับโอกาสรับผิดชอบกับงานใหญ่มากกว่าผู้จัดการไม่ใช่เหรอคะ”
แฟรงคลินหัวเราะหึๆ “คุณพูดถูก และผมก็เชื่อมือคุณด้วย ถึงได้แต่งตั้งให้คุณเป็นผู้อำนวยการ เพราะฉะนั้นผมจะยกงานนี้ให้คุณ”
พรนางฟ้ายิ้มกว้างสมใจ “คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ”
หลังสนทนากับเจ้านายอีกครู่ใหญ่ หญิงสาวก็ก้มศีรษะแทนการบอกลา เมื่อพ้นห้องทำงานซีอีโอ มือจึงเลื่อนขึ้นมากดจี้รูปผีเสื้อแนบกับอก รู้สึกถึงความอุ่นซ่านมั่นคง พรนางฟ้ายกมุมปากด้วยความพึงใจ แววตาปรากฏรอยเหี้ยมเกรียมอาฆาต เมื่อรำพัน “ลวนลานคุกคามทางเพศงั้นเหรอ? เราไม่เชื่อเธอหรอก คราวนี้แหละเราจะแสดงให้พี่พัทธ์เห็นว่าเขาคิดผิดที่มาดูถูกกันอย่างนั้น อยากได้นักใช่ไหมโครงการเอ็ดดูเทนเมนต์เนี่ย รอดูวันที่เราชนะประมูลก่อนเถอะ แล้วพี่พัทธ์จะรู้เองว่าเขาทำพลาดไปแล้ว! ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อนงั้นเหรอ จ้างให้เราก็ไม่มีวันเป็นคนใจร้ายแบบที่เกรซทำเด็ดขาด พี่พัทธ์ต้องเสียใจที่มองเราผิดไปทุกเรื่องเลย!”
คิรินทร์ชักชินเสียแล้วที่ต้องโผล่มายังสำนักงานของทีเอ็นเอสไทยแลนด์ตามคำเชิญของพรนางฟ้า ความที่ผู้อำนวยการสั่งประชาสัมพันธ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อมาแจ้งที่ล็อบบี้ เขาจึงได้รับบัตรผ่านและเข้ามาถึงส่วนสำนักงานง่ายดาย เพราะมาถึงก่อนเวลาเลิกงานของหญิงสาวเกือบยี่สิบนาที เขาจึงได้มาเป็นประจักษ์พยานกับเหตุการณ์ที่ไม่น่ารื่นรมย์เลยสักนิด!
“ชุ่ย! ทำงานห่วยแตก กะอีแค่ตรวจราคาสินค้าก่อนส่งให้ลูกค้าอีกรอบมันยากนักหรือไง ตกเลขศูนย์ไปตัวนึง บริษัทเสียหายตั้งเท่าไหร่ เธอพูดแค่ขอโทษคำเดียว มันไม่พอหรอกนะ” พรนางฟ้าเหวี่ยงแฟ้มลงบนพื้น อาละวาดเสียงดังชนิดที่คิรินทร์ได้แต่อึ้ง ได้ยินคนพูดกันมาเยอะว่าเจ้านายบางคนก็ใช้อารมณ์และไม่ไว้หน้าลูกน้องเลย แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนทำกิริยาแบบนี้ในสำนักงานจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนผู้นั้นคือผู้หญิงที่เขารู้จัก แถมยังเคยคิดว่าเธอเป็นแต่ทำท่าจ๋อยๆ หงอให้ใครเขาไปทั่วทั้งราชอาณาจักรเสียอีก
“หนูขอโทษค่ะคุณแพน หนูจะพยายามเจรจาประนีประนอมกับลูกค้าอีกครั้ง ให้เขาช่วยเรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เป็นส่วนต่างคนละครึ่ง แต่...คุณแพนอย่าไล่หนูออกเลยนะคะ”
“ฉันจะคาดโทษเธอไว้ก่อน แต่ถ้าผิดครั้งหน้า เธอจะไม่มีแม้แต่โอกาสเข้ามาอธิบายให้ฉันฟังอีก เข้าใจไหม” พรนางฟ้าขู่หน้าเข้ม
“ขอบคุณคุณแพนมากค่ะ หนูจะระวังไม่ทำผิดอีก” เด็กสาวท่าทางเหมือนเพิ่งเข้าทำงานไม่นานลนลานรวบรวมเอกสารที่ปลิวว่อนบนพื้นเข้าด้วยกัน แล้วออกจากห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยสีหน้าเผือดซีด
คิรินทร์ถอนหายใจ เขาไม่ชอบสิ่งที่พรนางฟ้ากำลังทำอยู่นี่เลย และเขาก็ไม่ปิดบังมันในสีหน้าเมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานของหญิงสาว รีบดักคอก่อนว่า “อย่าตะคอกใส่ผมอย่างที่ทำกับพนักงานเมื่อกี้นะ”
“เด็กนั่นทำงานผิดพลาด บริษัทเสียหายไปเกือบสองแสน นี่ฉันพยายามระงับอารมณ์ที่สุดแล้วนะ”
“พูดกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องตะคอก ประชด แล้วก็โวยเสียงดังขนาดนั้น ไอ้การโยนข้าวของนั่นอีก มันไม่ได้ทำให้ความผิดพลาดลดน้อยลง หรือทำให้บริษัทเสียหายน้อยลงหรอกนะ” เขาบ่นเอื่อยๆ ทำราวกับเปรยเล่น มิใช่กำลังอ้อมค้อมอบรมอีกฝ่าย
พรนางฟ้าเม้มปากนิ่ง ดวงตาวาวค่อยลดความร้อนแรงลง ก่อนหลบตาเขา “บางที...ฉันก็คิดว่าอำนาจจากสร้อยออกจะรุนแรงเกินไปนิด ฉัน...ควบคุมมันไม่ได้”
“โทษสร้อยอีกแล้ว อารมณ์เป็นของคุณ เสียงเป็นของคุณ มือไม้ก็เป็นของคุณ ถ้าคุณจะบังคับตัวเองซะอย่าง ไม่มีใครมาควบคุมคุณได้หรอกนะ ทำตัวรุนแรงก้าวร้าวแบบนั้น มีแต่จะทำให้พนักงานเกลียดคุณเปล่าๆ พระเดชต่างกับพระคุณ คุณออกฤทธิ์แบบนี้ ใครๆก็ยอมก้มหัวให้เพียงเพราะคุณตำแหน่งสูงกว่าเท่านั้นแหละ วันนึงหากมีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น ความกลัวเกรงพวกนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นเกลียดชัง แต่ถ้าทำให้คนรักและเคารพด้วยพระคุณ ไม่ว่าวันไหน คุณจะขึ้นสูงหรือเปลี่ยนไปยังไง เขาก็จะรักและเคารพคุณอยู่อย่างเดิม” เขายกมือหนึ่งวางบนโต๊ะเท้าคางเอ่ยปนยิ้ม พยายามให้ฟังดูสบายๆที่สุด ‘คนอย่างเขา’ ไม่บังอาจไปสั่งสอน ‘คนอย่างเธอ’ หรอก แค่เตือนกันน่ะพอได้
พรนางฟ้าตวัดตามองเขาอย่างกรุ่นเคือง คิรินทร์เกือบเกลียดสายตาแบบนั้นของเธอ รังเกียจความเห่อเหิมบ้าอำนาจของหญิงสาวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเบิกตาโต เอื้อมมาคว้าข้อมือเขาไปพินิจใกล้ๆ
“เอ๊ะ! นาฬิกาคุณถ่านหมดนี่ โอ้โห...ใส่ปาเต็ค ฟิลิปป์ ด้วย ซื้อที่คลองถมเหรอ”
เห็นได้ชัดว่าเธอจนด้วยเหตุผลโต้เถียง ทั้งยังยอมรับว่าเขาพูดถูก ทว่าคนเก่งคงไม่อยากยอมรับตรงๆว่าทำตัวไม่เหมาะสม เธอจึงจงใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อลดอาการเสียหน้าที่ถูกอบรมซะดื้อๆ แต่เพราะเรื่องที่เธอเปลี่ยนมา เป็นประเด็นที่คิรินทร์ไม่คาดฝัน ชายหนุ่มจึงตะกุกตะกักตอบไม่ถูก “เอ้อ...คือ...”
“ของปลอมละสิ ไม่ดีหรอก อย่าใส่เลย รู้หรือเปล่าว่าการละเมิดลิขสิทธิ์น่ะผิดกฎหมายนะ” เธอพูดเองเออเองเสร็จสรรพ
“มีคนให้มาอีกทีน่ะ” เขารีบแก้ตัวเมื่อตั้งสติได้
“นั่นแหละ ก็คงเป็นของปลอมอยู่ดี เอางี้ เดี๋ยวฉันซื้อนาฬิกาเรือนใหม่ให้คุณดีกว่า ยี่ห้อไม่หรูเท่าปาเต็คของคุณหรอกนะ แต่รับรองได้ว่าของแท้แน่นอน”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณแพน ผมเอาเรือนนี้ไปเปลี่ยนถ่านก็ใส่ได้แล้ว” คิรินทร์ชักอึดอัด
“ที่ฉันนัดคุณมาออฟฟิศวันนี้ก็เพราะจะชวนไปเลี้ยง รู้ไหมฉันเขี่ยเกรซออกจากโปรเจ็กต์เอ็ดดูเทนเมนต์คอมเพลกซ์เรียบร้อยแล้วนะ ถ้างานนี้ชนะ ฉันจะได้คอมมิชชันแบบที่อยู่ไปได้ทั้งปีเลย เพราะฉะนั้นซื้อนาฬิกาให้คุณแค่เรือนเดียวไม่หนักหนาเลยสักนิด”
คิรินทร์เออออไปตามเรื่องตามราว จากนั้นฟังเธอเล่าเรื่องโครงการใหม่ที่กำลังทำไปเรื่อย จนเลิกงานแล้วเธอก็ยังไม่ยอมขยับสักที สุดท้ายเขาจึงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นฟ้ามืดสนิท
“อ้าว! นั่นจะไปไหนล่ะ”
“ผมหิว คุณจะให้ผมมานั่งดูคุณทำงานทำไมเนี่ย น่าเบื่อ”
“โอเคๆ ไปเดี๋ยวนี้ละ” พรนางฟ้าอมยิ้มขัน แล้วรีบเก็บของ ออกมายืนคอยลิฟต์ที่โถง ในท่ามกลางความเงียบนั่นเอง เสียงประตูห้องน้ำซึ่งอยู่ในหลืบลึกเข้าไปราวสามเมตรจากโถงลิฟต์ก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงพูดคุยจ้อกแจ้ก ทำให้พอเดาได้ว่าสาวๆคงกลุ่มใหญ่พอควร จึงเปิดประตูไว้แล้วพูดคุยกัน ทยอยกันออกมา
“วันนี้ฉันโดนครูไหวเรียกไปด่า หมั่นไส้ชะมัดเลย เจ๊แกนั่งคอแข็งเปิดเอกสารทีละหน้าจงใจจับผิดกันสุดๆ ใครมันจะไปว่างมานั่งตรวจข้อมูลทีละบรรทัดเหมือนแม่นี่วะ คนโสดก็งี้แหละ ว่างจนน่าสมเพช พวกตัวรู้ไหม รีเซปชั่นบอกว่าไอ้หนุ่มที่มาเมื่อวันก่อนน่ะ วันนี้มาอีกแล้ว! หน้าตาดี๊ดี แต่แต่งตัวกระจอกชะมัด ฉันฟันธงได้เลยว่าเด็กเจ๊แกแน่ๆ สงสัยจะอุปการะไว้คลายเหงาตามประสาสาวโอลด์เมด น่าสงสาร”
คนพูดคงกำลังเดินมาที่ลิฟท์ เพราะเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ
“ใช่ เดี๋ยวนี้นับวันยิ่งบ้าอำนาจนะ เรียกเราไปด่าหาว่าวันๆเอาแต่เล่นโทรศัพท์ เฮอะ! ก็โทรศัพท์ตัวเองมีไว้ทับกระดาษนี่เนอะ ถึงได้คอยแต่อิจฉาคนอื่นไปทั่ว”
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของคนช่างนินทาหรือเปล่า เพราะประตูลิฟต์เปิดกว้างพอดี คิรินทร์ไม่หยุดคิดสักนิดที่จะคว้าข้อมือลากเธอเข้าไปในนั้นทันที ประตูลิฟต์ปิดและเลื่อนลงสู่ชั้นลานจอดรถอย่างรวดเร็ว
คิรินทร์ลอบมองเงาสะท้อนของสตรีผู้อยู่ในบทสนทนาผ่านทางกระจกด้วยความประหลาดใจ เพราะสีหน้าเธอเรียบเฉย ไม่บอกความรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจจากถ้อยคำปรามาสไม่ให้เกียรตินั้นเลยสักนิด
หากเพราะความที่ค่อนข้างอ่อนไหวและช่างสังเกต คิรินทร์รู้ว่าเธอเจ็บปวดจากถ้อยคำลับหลังนั่นพอควร อย่างน้อย...เธอก็ซ่อนมันจากดวงตา จากริมฝีปากที่เม้มแน่น และจากมือที่จิกจนเห็นข้อนิ้วนั่นไม่มิด!
คิรินทร์สอดมือลงในอุ้งมือเธอ ไม่ให้เธอจิกเล็บลงในเนื้อได้อีก ดวงตาสีดำลึกล้ำมองสบตาหญิงสาวจากกระจกนิ่งๆ แวบหนึ่งที่อยากรู้...
ความสำเร็จที่แลกมากับความโดดเดี่ยวเยี่ยงนี้...คุ้มกันแล้วหรือ?
ชายหนุ่มนึกว่าพรนางฟ้าลืมเรื่องนาฬิกาไปแล้ว แต่เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า เธอกลับมาสดใสได้ดังเดิมอีกครั้ง ทั้งยังลากเขาเข้าแผนกนาฬิกา ชี้นิ้วเลือกนาฬิกาสายหนังสนนราคาอยู่ที่สี่หลักกลางๆค่อนไปทางปลายๆออกมาให้เขาทดลองใส่อย่างจริงจัง
“คุณแพน ผมไม่อยากรบกวนคุณจริงๆนะ”
พรนางฟ้าเท้าเอวเอาแต่ใจ “นี่เป็นของชิ้นแรกที่ฉันคิดว่ามันเหมาะสมจะใช้แทนคำขอบคุณสำหรับรูปที่คุณยกให้ฉันที่สุด ไอ้อาหารมื้อยิบย่อยพวกนั้นเทียบกับราคาของรูปนั้นไม่ได้เลย รับไว้เหอะนะคุณคี ฉันอยากซื้อให้คุณจริงๆ”
น้ำเสียงและสีหน้าเธอจริงใจ ไร้ร่องรอยหรือวี่แววอวดรวยใดๆทั้งสิ้น เขาจึงจำต้องเลือกนาฬิกาเรือนที่ราคาถูกที่สุดเพื่อไม่ให้เธอเสียความตั้งใจ และก็ไม่ให้ตัวเองต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
“เรือนนี้ไม่สวย! ใส่แล้วทำให้ข้อมือคุณเทอะทะ เอาเรือนนี้แทนเถอะ” เธอชี้นาฬิกาที่สายทำจากยาง หน้าปัดเป็นทรงกลม มีเข็มจับเวลา และช่องบอกวันที่ตรงเลขสาม ซึ่งคล้ายกับเรือนเก่าของเขามากที่สุดในบรรดาทั้งหมดที่ลองสวมมา “ลองเรือนนี้ดีกว่า ดีกว่าเรือนเดิมของคุณอีกนะ”
คนเจ้ากี้เจ้าการจับนาฬิกามาคาดที่ข้อมือให้เขาอย่างเอาใจ “ชอบไหม”
“คุณคิดว่าไงล่ะ” คิรินทร์ไม่เคยถามความเห็นของใครมาก่อน เขาเชื่อมั่นในตนเองเสมอมา ทว่าครั้งนี้...น่าแปลกที่จู่ๆเขาก็อยากได้ยินความคิดเห็นของพรนางฟ้า
“ฉันชอบ เหมาะกับคุณ หน้าปัดสีดำขับผิว ตัวเรือนดูไม่บอบบางเกินไป แต่ก็ไม่บึกบึนจนน่าอึดอัด”
“ถ้าคุณชอบ ผมก็ชอบ” เขาตอบเอาใจเจ้ามือ รู้สึกหนักใจเล็กน้อยที่เห็นราคาหย่อนหมื่นไปแค่ไม่กี่พัน คิรินทร์จดไว้ในใจว่าถ้ามีโอกาส ต้องสั่งรังสฤษฏ์ทำรายละเอียดบัญชีเรื่องนี้แยกไว้ให้อีกรายการหนึ่ง เผื่อสักวัน...เขาอาจต้องรวบยอดหาทางชดเชยให้กับพรนางฟ้า!
เมื่อหญิงสาวชำระค่านาฬิกาเรียบร้อย เธอก็สั่ง “สวมเรือนใหม่ไปเลยสิ ส่วนเรือนเก่าฝากคนขายไปทิ้งให้เถอะ ของปลอมอย่าใส่อีกเลย”
คิรินทร์สะดุ้งโหยง รีบคว้านาฬิกาเรือนเก่ามาใส่กระเป๋ากางเกงทันที “ผมไปทิ้งเองดีกว่า”
พรนางฟ้าหัวเราะร่วน จับข้อมือเขาซึ่งสวมนาฬิกาที่เธอซื้อให้ไปมองเวลาด้วยสีหน้าพอใจ “คราวนี้เวลาใครถาม ก็บอกเต็มปากเต็มคำได้เลยนะว่าคุณใส่ไซโก้รุ่นมอเตอร์สปอร์ตของญี่ปุ่นแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
ชายหนุ่มถอนหายใจ รับคำอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านี้ เขาใช้อีกมือที่ว่างลูบหน้าปัดนาฬิกาเรือนใหม่ด้วยความรู้สึกนุ่มนวลที่แผ่เข้ามาในใจช้าๆ เพียงเสี้ยววินาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าไซโกมอเตอร์สปอร์ตเรือนละไม่ถึงหมื่นสวยไม่แพ้ปาเต็ค ฟิลลิปส์ อะควานอร์ต เรือนเก่าของเขาจนเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2556, 00:12:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2556, 00:12:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1474
<< ตอนที่ ๑๐ (ครึ่งแรก) | ตอนที่ ๑๑ (ครึ่งแรก) >> |

สิริณ 16 ก.ย. 2556, 00:16:24 น.
เพื่อเป็นการขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามอ่าน ใต้ปีกรักสีเพลิงกัน หนาแน่น
สิริณอยากแจกโปสการ์ดจ้าาาาาาาาา
วิธีการง่ายมากเลย
แค่เข้าไปกดไล้ค์ facebook.com/SirinFC
จากนั้นส่งที่อยู่ไปไว้ที่กล่องข้อความของสิริณได้เลย :D
ระบุให้นิดนึงนะคะ ว่ามาจากเว็บไหน และใช้ชื่ออะไรในเว็บ
เพราะการแจกครั้งนี้
สิริณแจกให้กับเพื่อนนักอ่านจาก "ทุกเว็บ" ที่ลงใต้ปีกรักสีเพลิงเลย เย้ๆๆๆ
กราบงามๆสำหรับทุก "ชอบก็จิ้มเลย"
ขอบคุณสุดหัวใจสำหรับทุกคอมเม้นต์
หรือแค่แวะมาอ่าน ไม่ทิ้งรอยไว้
สิริณก็ประทับใจอย่างยิ่งไม่แ้พ้กัน
หมดเขตรับที่อยู่ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 56 ค่ะ
สิริณจะได้ทยอยเขียนโปสการ์ดแล้วทยอยส่ง ^_^
เพื่อเป็นการขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามอ่าน ใต้ปีกรักสีเพลิงกัน หนาแน่น
สิริณอยากแจกโปสการ์ดจ้าาาาาาาาา
วิธีการง่ายมากเลย
แค่เข้าไปกดไล้ค์ facebook.com/SirinFC
จากนั้นส่งที่อยู่ไปไว้ที่กล่องข้อความของสิริณได้เลย :D
ระบุให้นิดนึงนะคะ ว่ามาจากเว็บไหน และใช้ชื่ออะไรในเว็บ
เพราะการแจกครั้งนี้
สิริณแจกให้กับเพื่อนนักอ่านจาก "ทุกเว็บ" ที่ลงใต้ปีกรักสีเพลิงเลย เย้ๆๆๆ
กราบงามๆสำหรับทุก "ชอบก็จิ้มเลย"
ขอบคุณสุดหัวใจสำหรับทุกคอมเม้นต์
หรือแค่แวะมาอ่าน ไม่ทิ้งรอยไว้
สิริณก็ประทับใจอย่างยิ่งไม่แ้พ้กัน
หมดเขตรับที่อยู่ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 56 ค่ะ
สิริณจะได้ทยอยเขียนโปสการ์ดแล้วทยอยส่ง ^_^

พันธุ์แตงกวา 16 ก.ย. 2556, 01:14:27 น.
คุณใหญ่น่ารักจังเลย
อยากให้้พรนางฟ้า cool down ลงซักนิด แล้วฟังให้มากอีกหน่อย จะได้ชนะแบบใสๆ
คุณใหญ่น่ารักจังเลย
อยากให้้พรนางฟ้า cool down ลงซักนิด แล้วฟังให้มากอีกหน่อย จะได้ชนะแบบใสๆ

ree 16 ก.ย. 2556, 01:15:18 น.
จะร้ายกาจไปอีกนานไหมเนี่ย ร้ายจนเหมือนไม่เคยเป็นลูกน้องเค้า แถมยังโชว์โหดต่อหน้าพระเอกอีก อ่านแล้วกลุ้ม
จะร้ายกาจไปอีกนานไหมเนี่ย ร้ายจนเหมือนไม่เคยเป็นลูกน้องเค้า แถมยังโชว์โหดต่อหน้าพระเอกอีก อ่านแล้วกลุ้ม

นักอ่านเหนียวหนึบ 16 ก.ย. 2556, 03:20:09 น.
พระเอกมาแว้วววววว
เข้าใจอารมณ์คนเพิ่งเคยมี เคยดี เคยได้ เคยสบาย เป็นครั้งแรกในชีวิตนะคะ
มันเหมือนนิสิตปี 1 ที่เพิ่งเข้ารั้วมหาวิทยาลัย มันตื่นเต้น มันตื่นตัวอยู่ตลอด ตอนเด็กเรายังมีเพื่อนร่วมชะตากรรม แต่ตอนโต เจ็บก็เจ็บคนเดียว จะตายก็ตายคนเดียว แถมมีคนคอยซ้ำเติม
ถ้านางเอกจะเก่งกาจ จัดการตนเองได้ดีขนาดนั้น พระเอกของเราก็ไม่ได้โชว์อะสิ 555
เค้าแอบเห็นนะ มีฉากแอบหวาน แบบจับมือด้วยอ่ะ
จะรอฉากที่หวานกว่านี้นะฮว้าฟฟ
พระเอกมาแว้วววววว
เข้าใจอารมณ์คนเพิ่งเคยมี เคยดี เคยได้ เคยสบาย เป็นครั้งแรกในชีวิตนะคะ
มันเหมือนนิสิตปี 1 ที่เพิ่งเข้ารั้วมหาวิทยาลัย มันตื่นเต้น มันตื่นตัวอยู่ตลอด ตอนเด็กเรายังมีเพื่อนร่วมชะตากรรม แต่ตอนโต เจ็บก็เจ็บคนเดียว จะตายก็ตายคนเดียว แถมมีคนคอยซ้ำเติม
ถ้านางเอกจะเก่งกาจ จัดการตนเองได้ดีขนาดนั้น พระเอกของเราก็ไม่ได้โชว์อะสิ 555
เค้าแอบเห็นนะ มีฉากแอบหวาน แบบจับมือด้วยอ่ะ
จะรอฉากที่หวานกว่านี้นะฮว้าฟฟ


lovemuay 16 ก.ย. 2556, 05:25:06 น.
นางเอกอาจจะเก็บกดที่ถูกเกรซทำมาก่อน ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้จะถูกเกลียดเอานะเอ้อ
การเป็นเจ้านายไม่ได้ใช้พระเดชอย่างเดียวนะคะ ต้องใช้พระคุณด้วย
นางเอกอาจจะเก็บกดที่ถูกเกรซทำมาก่อน ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้จะถูกเกลียดเอานะเอ้อ
การเป็นเจ้านายไม่ได้ใช้พระเดชอย่างเดียวนะคะ ต้องใช้พระคุณด้วย

Sukhumvit66 16 ก.ย. 2556, 17:16:44 น.
พรนางฟ้าจะเหลิงและบ้าอำนาจมากไปกว่านี้ไหมค่ะ กลัวเธอเปลี่ยนไป๋
พรนางฟ้าจะเหลิงและบ้าอำนาจมากไปกว่านี้ไหมค่ะ กลัวเธอเปลี่ยนไป๋

จิรารัตน์ 16 ก.ย. 2556, 22:00:28 น.
คิดว่าพรนางฟ้ารู้ว่าตัวกำลังทำอะไรนะ แต่ตอนตำแหน่งเล็กคงเก็บกดน่ะ เข้าใจเลยมีหัวหน้าแบบเกรซเป็นใครก็คงเก็บกดมาก
คิดว่าพรนางฟ้ารู้ว่าตัวกำลังทำอะไรนะ แต่ตอนตำแหน่งเล็กคงเก็บกดน่ะ เข้าใจเลยมีหัวหน้าแบบเกรซเป็นใครก็คงเก็บกดมาก

goldensun 17 ก.ย. 2556, 13:44:32 น.
ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กที่เกลียดพ่อขี้เมา แล้วโตขึ้นทำตามเลย
การโตแบบก้าวกระโดดของแพน ปรับตัวไม่ทัน แย่เลย
การเตือนของคุณใหญ่กับการนินทาลับหลัง จะช่วยปรับพฤติกรรมได้มั้ยเนี่ย
ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กที่เกลียดพ่อขี้เมา แล้วโตขึ้นทำตามเลย
การโตแบบก้าวกระโดดของแพน ปรับตัวไม่ทัน แย่เลย
การเตือนของคุณใหญ่กับการนินทาลับหลัง จะช่วยปรับพฤติกรรมได้มั้ยเนี่ย