Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: การมาเยือนของผู้รุกราน

ตอนก่อนหน้า(บทที่2) ก็อัพแล้วนะคะ อ่านย้อนได้ค่า

................................................................................................................................

อิศยาอยากจะบุกเข้าร้านไปแสดงตัวเสียเดี๋ยวนี้ โชคดีที่เธอตงิดใจ ไปซ่อนตัว แล้วทำตัวเป็นนักถ้ำมองอยู่ตรงข้างร้าน ทันเห็นประตูที่เธอมองข้ามไปในนาทีแรก

งานนี้ ต่อให้เสือตัวใหญ่หลบมุมอยู่ในมุมอับแค่ไหน คิดเหรอว่าจะหลบคนอย่างเธอพ้น

เขาอยากเป็นเสือ เธอก็จะเป็นคนล่าเสือเอง...อิศยาทุบมือไปบนกระจกด้วยความแค้นใจ เข่นเขี้ยวกับตัวเอง

หัวสมองคิดหาแผนการบุกถ้ำเสือให้ได้ ใครจะไปรู้ ปัณณ์ที่เขาว่าอาจจะแต่งหน้าทาปากแดง เสริมสวย จนไม่กล้าออกมาเปิดตัว

“จะกลับกันได้หรือยัง” แตะไหล่น้องสาว ลูบท้องที่มีชั้นไขมันนูนออกมาจากปกติเล็กน้อย ส่งเสียงครวญคราง “พี่หิว”

“กลับก่อนก็ได้ แต่ย่าจะกลับมาที่นี่อีก”

สวเนตรกลอกตา ความรั้นผสมดันทุรังของอิศยาแผ่ออกมาจนเธอยังสัมผัสได้ “ยังไงก็ต้องกลับมาอีก หนังสือนี่ก็ต้องคืน” ชูหนังสือที่คนเกาะกระจกฝากไว้ขึ้นโบกไปมา

“วันนี้ย่าจะกลับมาอีก” ดวงตาไม่มีแววหม่นหมองให้สวเนตรกังวล คงเหลือแค่หวังให้อิศยาไม่คิดทำอะไรแผลงๆ

อิศยาอวดรอยยิ้มแสนซนอีกครั้ง เดินส่ายหัวอารมณ์ดี ความคิดบรรเจิดแล่นมาในหัวเธอเรียบร้อย

งานนี้อิศยาสู้ตายไม่มีถอย...


“พี่ปั้นจะกลับเมื่อไหร่ ดมยากันยุงจมูกบานไปแล้วมั้ง” ปุณณ์ปากไว เลือกคำได้ทิ่มแทงมนุษย์ปลายจมูกโด่งให้หัวคิ้วสีเข้มตึงขึ้น ดวงตาเรียวยาวสีดำสนิทลืมตาขึ้นมา เจ้าของผมเส้นตรงสั้นชี้ไม่เป็นทิศ เปิดหน้าผากกว้าง ส่งเสียงหึในลำคอ มองโครงหน้าเรียวแหลมของน้องชาย ตาเล็กหยี ยิ้มมุมปากใส่

“อยากตาเล็กขึ้นไหม”

“วันหลังไม่ช่วยแล้ว...เล่นปมด้อยผม อยู่ดมยากันยุงไปคนเดียวแล้วกัน ผมกลับหอก่อน มีนัดกับเพื่อน” เดินกลับไปทางประตู ส่งเสียงแค่ว่าไม่ได้ล็อกประตูร้าน

ปัณณ์พักหลับตาด้วยการเอนศีรษะไปกับผนังร้าน นึกที่มาของร้านนี้ก็ตลก ก็แค่อยากจะอยู่ไกลๆ จากที่บ้าน ได้มีเวลาอิสระของตัวเอง ไม่ต้องเข้างานสังคม ชีวิตแบบนั้นเขาไม่ได้ต้องการสักนิด

และโชคดี ที่เขาเว้นสังคมหน้ากากนั่นได้ด้วยการมาหาที่สงบๆ แบบนี้ โครงการร้านหนังสือเงียบๆ ผ่านฉลุย เพราะทั้งน้องชาย และเพื่อนต่างก็เป็นพวกติดการ์ตูน หรืออีกนัยก็คือ ไม่ใช่แค่เขาเปิดตามความชอบของพวกนั้น แต่เป็นเพราะไม่มีใครกล้ามาขัดการสร้างโลกเล็กๆ ของเขามากกว่า

ชายหนุ่มซึมซํบกลิ่นใบหญ้า และอากาศของธรรมชาติ พัดด้วยลมเย็นอ่อนยามกลางคืน ดวงใจสงบ และปลอดโปร่งยากที่จะได้จากที่อื่น

กุก...กัก...กุก...กัก

คงจะเป็นเสียงนก...ปัณณ์นึก ทำใจหลับตาต่อไป

กุก...กรี๊ด...ตุบ

ไม่ใช่เสียงนกแล้ว...ชายหนุ่มลืมตา ใบหน้าที่แหงนขึ้นไปพบเพียงดวงดาว และแสงจันทร์ส่องแสงนวลท้าแข่งกับแสงไฟสีขาวติดหลังคา และอะไรบางอย่างที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่...ผู้หญิง

รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลเกือบดำข้างหนึ่งวาดทับหราไปบนแบบที่เขาอุตส่าห์สเก็ตซ์ไว้นานนับชั่วโมง อารมณ์สงบนิ่งถูกกวนให้ขุ่นโดยง่าย ตวัดตามองตัวต้นเหตุที่กำลังเกาะกระเบื้องหลังคาอย่างน่าหวาดเสียว “คุณคะ ฉันขออนุญาตนะ” ไม่รอคำอนุญาตอย่างที่ขอ มือที่เกาะกระเบื้องหลังคาก็ปล่อยตัวลงมายืนสง่าบนพื้นโต๊ะ อิศยาปาดเหงื่อบนหน้าออก พร้อมกับถอนหายใจ ไม่ได้สังเกตว่ารอบข้างตัวเธอ กำลังมีพายุก่อตัว...

“เธอเป็นใคร! มาทำบ้าอะไรเนี่ย ลงจากโต๊ะได้แล้ว” คนถูกตะคอกกระพริบตาปริบๆ รู้สึกกลัว แต่เวลาเธอใจกล้ามากๆ ขนาดปีนหลังคาร้านคนอื่นยามดึก โดยแอบไปเอาเก้าอี้มาต่อขา แล้วเกาะขอบหน้าต่างปีนขึ้นไป ถ้าไม่ใช่ว่าตอนเด็กเธอชอบหนีออกจากบ้านในวันที่พ่อไม่อยู่บ่อยๆ อำพรางตัวด้วยชุดสีดำทั้งชุดไม่ต่างจากโจรแบบนี้ อิศยามีอะไรต้องกลัวอีก

แต่ในฐานะผู้บุกรุก ที่สำคัญเธอเองก็มาก่อกวนความสงบของเขา งานนี้เธอเองก็ผิดเต็มประตู รีบลงจากโต๊ะ หยิบรองข้างหนึ่งที่หลุดจากขาไปถือ ค้างนิ่ง ดวงตาเหลือกลาญแทบถลน เธอว่าเธอพอจะเข้าใจว่าสิ่งใดที่ทำให้เขาโกรธมากขนาดนี้...หันมองเจ้าของผลงานออกแบบบ้านทรงแปลกที่มีรอยเท้าสีดำ เปียกชื้นจนภาพรอยดินสอมีรูปทรงผิดแปลกไป

“ขอโทษค่ะ” ก้มหน้าสำนึกผิด อารมณ์กล้าบ้าบิ่นถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดเต็มอก “ฉันจะชดใช้ให้นะคะ” พยายามคว้าหน้ากระดาษที่เธอฝากรอยเท้าไว้มารับผิดชอบ มือเจ้ากรรมของเธอก็ไปปัดโดนแก้วน้ำทรงสูงของเขา หกจนกระดาษชุ่ม จากแค่หน้าเดียว ...ผลงานทั้งเล่มของเขาถูกเธอทำลายไปอย่างสมบูรณ์

อิศยา...แกตายแน่ หลับตาอย่างหวาดเสียว

ทุกอย่างเหมือนภาพช้า ลมหยุดพัดชั่วขณะ รวมทั้งลมหายใจของอิศยา หญิงสาวเม้มปาก ไม่ให้ส่งเสียงกลัวผู้ชายตรงหน้า “ขอโทษ...ปัง!”
สติสตังปลิวหายไปหมด อิศยาถอยหลังอัตโนมัติหนึ่งก้าว มองเจ้าของสมุดตบโต๊ะเสียงดัง เงยหน้าขึ้นมามองเธอ แววตานิ่งสนิท “มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น”

“ฉันขอโทษค่ะ” ความฝันของเธอ สาบสูญแน่ๆ งานนี้ “ฉันจะรับผิดชอบเอง”

“ไม่ต้อง!” ปัณณ์ลุกขึ้นยืน สีหน้าเรียบสนิท เสียงต่ำย้ำชัด

“แล้วจะให้ฉันทำยังไงคะ”

ชายหนุ่มกวาดตามองสาวชุดดำ สีหน้าหวาดกลัวแต่ทำใจกล้าอยู่ในสายตาของเขาตลอด เห็นแล้วอยากจะกำราบนักย่องเบา... “มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” ย้ำคำเดิม ไม่มีวี่แววล้อเล่น ชี้นิ้วขึ้นไปบนหลังคา บอกว่าทางที่เขาต้องการให้กลับไป เป็นทางใด

“คุณปัณณ์คะ...ฉันขอโทษ ฉันแค่อยากมาขอความช่วยเหลือจากคุณ ไม่คิดว่า...” หยุดคำพูด ส่งสายตาเสียใจให้กับสมุดสเก็ตซ์ภาพ ถ้าตอนนั้น เธอไม่มัวแต่ตกใจ หลบซ่อนตัวเอง ไม่อยากให้นักศึกษาที่เฝ้าร้านได้พบเธอเข้า กลายเป็นว่าเสียหลัก จนร่วงตกลงมา

“ผมเพิ่งรู้นะว่าคนที่อยากได้ความช่วยเหลือ เขาทำตัวเหมือนโจรกัน”

คนถูกว่าเป็นโจรหน้าเสีย รีบค้นหาของจากเป้สีดำที่สะพายอยู่ด้านหลังออกมา เป็นโหลบรรจุคุกกี้รสกล้วย กับนมจืดแช่เย็นวางบนโต๊ะ ที่เตรียมเอามาใช้หลอกล่อให้เจ้าของร้านใจอ่อน “ฉันเอามาฝากค่ะ”

“ผมไม่ชอบรับของจากคนแปลกหน้า...โดยเฉพาะ คนแปลกหน้าที่มาทำลายงานของผม” ไม่พูดเปล่า จัดการหยิบสมุดสเก็ตซ์บนโต๊ะทิ้งลงถังขยะ ให้คนมองได้รู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม อิศยาจิกนิ้วตัวเองด้วยความอดกลั้น ถึงเขาไม่ทำรุนแรงใส่เธอ แต่แบบนี้มันต่างกับการด่าตรงๆ ที่ไหน...ด่าแรงๆ ยังไม่รู้สึกเท่าการกระทำแบบนี้เลย

“อยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไป ผมจะกลับ” หันตัวกลับไปทางประตู อิศยามองคนตัวโตที่เธอจำเป็นต้องพึ่งเดินถอยห่างออกไป
เหมือนความฝันของเธอเช่นกัน...รีบหยิบโหลคุกกี้กับขวดนมรวบไว้ในอ้อมแขน สมุดที่นอนเท้งเต้งในถังขยะถูกหนีบติดตัวมาด้วย วิ่งตามออกไป เฉียดฉิวกับที่เขาเตรียมท่าจะล็อกขังเธอไว้ด้านนอก

“อะไรกับผมอีก”

“เรื่องสมุด ฉันขอโทษจริงๆ นะคะ”

“...”

“ฉันอยากได้ความช่วยเหลือของคุณจริงๆ”

ปัณณ์นิ่งคิด นึกอยากแกล้งเธอขึ้นมา เขาแอบซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยามสั่งการตามความต้องการออกไป “กลับขึ้นไป แล้วก็รีบวกกลับมาเข้าให้ถูกที่ถูกทาง ผมไม่ชอบคุยกับโจร”

“คุณก็จะหนีฉันไปสิคะ ฉันไม่โง่หรอกนะ” ตีหน้ายุ่ง สายตาหวาดระแวง

“คุณไม่มีสิทธิ์ต่อรอง” ไหวไหล่ท่าทีสบายขึ้น

กรี๊ดดด...เขามันผู้ชายร้ายกาจ อิศยาบริภาษในใจ เส้นประสาทในหัวเต้นตุบๆ เธอมั่นใจว่าเขาจะหายตัวไปทันทีที่เธอกลับขึ้นไปบนหลังคา ไม่มีห่วงสวัสดิภาพผู้หญิงบ้างเลย หรือว่าเขาเป็น... สายตาที่มองแปรเปลี่ยน จากความหวาดระแวงเป็นสายตาจับผิด

ดูจากภายนอกไม่น่าเชื่อ แต่นิสัยที่บังคับให้ผู้หญิงปีนหลังคา มันเป็นนิสัยผู้ชายประเภทไหน...”ก็ได้ค่ะ ฉันจะขึ้นไป แต่ถ้าคุณขี้ขลาดหัวหด เป็นตุ๊ดไม่กล้าสบตาชะนีอย่างฉัน” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ไม่ใส่ใจว่าตัวเองถูกเรียกเป็นสัตว์ร้องหาสามี “จะหนีก็ได้นะ ฉันจะได้เข้าใจว่าคุณน่ะ เพศเดียวกับฉัน ติดแค่คุณไม่เดินตุ้งติ้ง กรีดนิ้วแค่นั้นเอง เอ๊...หรือว่าเป็นแต่ฉันไม่ทันสังเกต” ทำตาใสท้าทาย ภูมิใจกับการทำให้คนฟังเส้นเลือดบริเวณขมับขึ้นมาได้

อิศยาจัดการส่งขนม กับขวดนมให้เจ้าของร้านไปถือไว้ รีบถอยกรูดให้ห่าง เพราะไม่อยากรับของของตัวเองคืน เอาเป้สะพายหลังมาใส่สมุดสเก็ตซ์เปียกน้ำ ถ้าต้องให้มันไปนอนสงบในถังขยะ เธอนี่แหละที่จะไม่สบายใจ “ฉันขอโทษสำหรับเรื่องสมุดภาพนี้จริงๆ นะคะ จะพูดว่าไม่ตั้งใจก็เหมือนแก้ตัว ฉันขอรับความผิดทั้งหมดไว้เอง”

“ไม่ต้องคิดมากหรอก” ปัณณ์กระตุกยิ้มมุมปาก ไม่ได้ทำให้อิศยารู้สึกใจชื้นได้นาน สายตาจ้องคนที่มีความผิดติดตัวมาอีกอย่าง...ผู้หญิงที่หาว่าเขาเป็นเพศเดียวกับเธอ “เพราะไม่ว่ายังไง ในที่นี้ผมก็ไม่ผิด”

อิศยาสงบปากสงบคำ ยอมตัดสินใจเพื่อปีนกลับไป เดินออกไปบริเวณสวนขนาดเล็กอีกครั้ง เหยียบขึ้นโต๊ะ มือเกาะอยู่ที่หลังคา ไม่รู้ว่าน่าดีใจดีไหม ที่หลังคาร้านนี้ สูงจากพื้นดินแค่สามเมตร ความคิดหนึ่งก็แวบมา เธอควรแกล้งตกโต๊ะดีไหม ยังไงก็ไม่ตาย...

“อย่าคิดว่าผมจะเห็นใจถ้าคุณตกลงมา จะกลับไปเฉยๆ ก็ได้นะ”

เขากินน้ำมันตับปลาตั้งแต่สเปิร์มเริ่มปฏิสนธิเลยหรือไง... ตวัดตามองค้อนใส่ผู้ชายหน้านิ่งที่กำลังยั่วโมโหเธอ รู้แค่ว่าต่อจากนี้การขอความช่วยเหลือจากเขา...ยากสมที่ลุงผู้จัดการหอบอกไว้จริงๆ

แต่ถ้าคิดว่าคนอย่างอิศยาจะถอดใจง่ายๆ ล่ะก็ นั่นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า “คุณ ฉันโหนตัวขึ้นไปไม่ได้” คนที่พยายามกระโดด เพื่อเอาตัวเองขึ้นไปหันกลับมาสีหน้าละห้อย ทำตาน่าสงสารไม่ต่างจากลูกแมว อีกเรื่องที่ยากในตอนนี้ คือผู้หญิงที่สูงร้อยหกสิบนิดๆ ตามมาตรฐานหญิงไทย ต้องเอื้อมมือเกือบสุดแขนไปแตะกระเบื้องที่ยื่นมา แต่เธอไม่มีปัญญาจะโหนตัวเองขึ้นไปเนี่ยสิ

“ถ้าผมปีนขึ้นไปได้ แต่คุณปีนไม่ได้ เราเลิกเจรจากัน”

อิศยาไม่เข้าใจจนกระทั่งใครคนนั้นไปลากบันไดที่เลื่อนได้ ถูกเก็บซ่อนไว้ตรงซอกกำแพงมา มากางขาบันไดออก จนระยะห่างของบันไดกว้างเท่ากับความกว้างที่ยื่นโผล่พ้นของหลังคาพอดี หญิงสาวเข่นเขี้ยว อยากจะเต้นเร่าเป็นเด็กเล็กๆ ทำไมผู้ชายที่ชื่อปัณณ์ถึงได้ชอบทำให้ตัวเธอต้องรู้สึกว่าตัวเองโง่ขนาดนี้

คนไม่รู้ ไม่ใช่คนโง่หรอกใช่ไหม...อิศยากัดฟันกรอดยอมปีนขึ้นไปนั่งข้างบน ห่างจากเจ้าของร้านหนึ่งช่วงตัว อารมณ์ขุ่นมัวมลายหายไปกับสายลมเย็นยามดึก หญิงสาวต้องนั่งอย่างระวัง กลัวจะตกลงไปอีกรอบเหมือนไม่กี่นาทีก่อนหน้า

“คุณอยากเปิดร้านกาแฟใช่ไหม”

หาที่เกาะให้มั่นคงยังไม่ทันสำเร็จ ปัณณ์เริ่มยิงคำถามเหมือนเจ้านายสอบสัมภาษณ์พนักงานใหม่

“คุณรู้ได้ยังไง ในเมื่อฉันยังไม่ทันพูด”

ปัณณ์ทำขรึม ยื่นหน้ามาใกล้ พูดคำสามคำออกมา ให้คนฟังอยากจะออกฤทธิ์ออกเดช ทำไมเธอรู้สึกว่าเขาช่างยั่วโมโหโทโสเธอนัก “ผมเก่งมั้ง”

“ฉันแค่ขออนุญาตเจ้าของที่ วันไหนจะทำสัญญาเช่าพื้นที่ก็ได้ฉันพร้อมเสมอนะคะ”

ส่งสายตาน่าสงสาร กระแสมีความหวังลอยฟุ้งรอบตัว โดยมีสายตาเจ้าของร้านมองมาพร้อมกับถอนใจยาว “ขอโทษที่ทำให้คุณต้องผิดหวัง”
“คุณโกรธที่ฉันทำงานคุณพังใช่ไหม” เม้มปากอดกลั้น

“เพื่อนผม...เกลียดขนมหวาน ต่อให้เป็นผม ก็คงช่วยอะไรไม่ได้” เปลี่ยนเรื่องด้วยอีกอย่างซึ่งอิศยารู้ดีอยู่แล้ว

“แล้วเคยถามคนที่อยู่ละแวกนี้ไหมคะว่าเขาต้องการหรือไม่ต้องการ หัวใจของผู้บริหาร ลูกค้าต้องมาอันดับหนึ่งสิ” แม่น้ำสายไหน ยามนี้อิศยาต้องไปหามาโยงให้ได้ “เอาเป็นว่าฉันจะพิสูจน์ให้คุณดู”

“พิสูจน์?...แล้วถ้าผมไม่อยากดูล่ะ”

หญิงสาวยังคงยิ้มแย้ม ดวงตามีความฝันขับเคลื่อนเป็นประกายไม่ต่างจากดาวพร่างพรายบนท้องฟ้า ดวงตาที่ทำให้คนมองยังรับรู้ความรู้สึกนั้นได้ “แล้วคุณจะรับรู้ด้วยตัวเอง แต่สัญญากับฉันได้ไหมคะ แค่อย่างเดียวเท่านั้น”

ปัณณ์เสมองท้องฟ้า กับพระจันทร์ดวงโต ค่อยๆ หลับตาลงซึมซับความสงบ และลมเย็นๆ ต้องผิวกาย ที่โปรดปรานบนนี้ของเขา ถูกใครบางคนรุกรานตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้า

เธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่ชอบไปจุ้นเรื่องคนอื่นหรือไร เมื่อเที่ยงกับลูกค้าเจ้าปัญหา ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอเลย ดูเธอจะจำหน้าเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะยังตอนนี้ ที่บังอาจรุกล้ำเขตปลอดภัยของเขา...อยากจะรู้นัก ว่าคนมีความฝันคนหนึ่ง จะพยายามได้มากแค่ไหน

“อะไรล่ะ”

ถึงวาจาจะไมได้น่ายินดี ออกจะเนือยๆ แต่อิศยากลับหุบยิ้มไมได้ “ถ้าฉันทำให้คุณยอมรับได้ ที่ตรงนั้น ฉันขอเปิดร้านนะคะ”

“ผมไม่มีสิทธิ์ขาดขนาดนั้น”

“นั่นอยู่ที่คุณไปหาทางเคลียร์กับเพื่อนของคุณ” โยนภาระที่เธอไม่อยากรับไว้ให้กับปัณณ์โครมใหญ่ ก่อนที่อีกฝ่ายยังนั่งอึ้งกับคำสัญญาของเธอ อิศยารีบปิดเกมด้วยประโยคที่เธอคิดว่ามันสวยงาม “ส่วนหน้าที่ของฉันคือการพิสูจน์ให้คุณยอมรับความสามารถฉัน”

“ทำไมถึงคิดว่าตัวเองจะทำได้ คนมีฝัน แต่ทำมันไม่สำเร็จบนโลกนี้มีเป็นล้าน”

“นักวิ่ง ต่อให้แพ้ก็ยังต้องเข้าเส้นชัย ถึงไม่มีเหรียญ แต่พวกเขาได้ทำเต็มที่ หัวใจของพวกเขารับรู้ได้ แพ้ก็ช่างมัน ขอแค่ให้ได้ทำให้ได้ลงมือ ฉันเองก็เหมือนนักวิ่ง มีความฝันเป็นแรงขับเคลื่อนแรงกายแรงใจของฉัน ผลเป็นยังไง ก็จะไม่เสียใจ เพราะว่าฉันเริ่มทำมันแล้ว”
ปัณณ์หัวเราะหึ ส่งสายตามองฟ้ากว้าง รู้สึกว่าเขากำลังเห็นดาวดวงใหม่พยายามอวดแสงบนฟ้า...เขาควรจะเอาตัวเองไปพัวพันกับความฝันของคนแปลกหน้าคนหนึ่งหรือเปล่า...ปกติมันไม่ใช่วิสัยของเขาเลย

“แล้วจะคอยดู” เป็นประโยคเดียวในตอนนี้ที่เขาให้กับแม่สาวช่างฝันคนนี้ได้

“ฉันถามอะไรอีกอย่างสิ...จะได้ไหมคะ”

“อะไรอีก” เริ่มติดน้ำเสียงรำคาญอย่างเห็นได้ชัด

“ทำไมคุณถึงขึ้นมาบนนี้ล่ะคะ ฉันนึกว่าคุณไม่อยากคุยกับฉัน”

ปัณณ์ยิ้มมุมปาก ทำเสียงขึ้นจมูก หยันตัวเอง ตลกกับเหตุผลตัวเองเหมือนกัน “ผมก็พิสูจน์ว่าผมแมนพอ ไม่ใช่เพศเดียวกับคุณยังไงล่ะ เท่านี้ พอไหม”

คนได้ฟังถึงกับสะดุ้ง หัวเราะแหะ ยกมือลูบผมตัวเองให้ลู่ลงมาปิดหน้าด้วยความรู้สึกผิด มาพึ่งเขายังมิวายไปว่าเขาเพศเดียวกับเธอ

“ขอโทษนะคะ”

“ถ้ายังไม่เชื่อ นี่กะว่าต้องพิสูจน์ให้มากกว่านี้ซะอีก” การยื่นหน้ามาอย่างรวดเร็ว เล่นหัวใจอิศยาเต้นกระหน่ำ เกือบพลัดตกไถลลื่นหลังคารอบสอง โชคดีที่คราวนี้มีมือหนามาคว้าดึงต้นแขนไว้ก่อน

เสียงเข้มดุจริงจัง “ต่อจากนี้ไม่อนุญาตให้ขึ้นมาบนนี้อีก ที่นี่ที่ส่วนตัวของผม”

“ขี้หวง” ยื่นปากว่าไปตามความรู้สึก

“รู้ก็ดี”

ผู้หญิงอะไร คนเขาบอกให้ปีนขึ้นหลังคาก็ปีน จะกลัวสักนิดก็ไม่มี ลูกบ้าคนๆ นี้มีเยอะ ครั้งหน้าเขาจะไม่ยุอะไรส่งเดชอีก ถ้าเขาไม่ประกาศว่าหลังคานี้เป็นที่หวงห้าม เห็นที ไม่นานคงได้มีคนแถวนี้ตกลงมาเจ็บ หัวร้างข้างแตกบ้าง

กับสมุดสเก็ตซ์ภาพ ก็แค่สมุดวาดภาพธรรมดาแก้เครียดเขา ส่วนเรื่องที่เขาโกรธจริงๆ ดูเจ้าตัวจะไม่ได้รู้สึกถึงมันสักนิด
คนอะไรรุกรานที่ส่วนตัวคนอื่นได้ตามใจชอบ...ที่ส่วนตัวของเขามันแพงมีค่ายิ่งกว่าที่ตามสีลม หรือบนเกาะมัลดีฟต์เสียอีก
ว่าแต่ ผู้รุกรานที่แบกความฝันมาเต็มตัวคนนี้ ชื่ออะไร...ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ เรียก ’ผู้รุกราน’ ตามนิสัยที่เจ้าตัวเป็นไปก่อน
ผู้รุกราน...ที่มาจากดวงดาวแห่งความฝัน

“มากินคุกกี้ฝีมือฉันกันดีกว่า...คุณไม่เกลียดขนมหวานใช่ไหม”

แล้วเขาจะปฏิเสธผู้รุกรานจอมจุ้นคนนี้พ้นบ้างไหม...







ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2556, 07:46:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2556, 07:46:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1717





<< สถานที่ในฝัน   พบบุคคลไม่คาดฝัน >>
ariesleo 18 ก.ย. 2556, 18:49:43 น.
อ่านรวดเดียวเลย ชอบคะชอบ


icewinter 18 ก.ย. 2556, 23:51:29 น.
นางเอกเริ่มบุกละค่ะ รอต่อนะคะ


ผักหวาน 11 ต.ค. 2556, 15:39:09 น.
รุกรานไปถึงหัวใจด้วยรึเปล่าคะเนี่ย หุหุ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account