Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: พบบุคคลไม่คาดฝัน



“ผมไม่ได้ใช้เส้นสายในการเป็นหลานของคุณชเยศ เดชอนันต์สิทธิ์” กวาดตามองผู้เข้าร่วมการประชุมที่มีทั้งผมหงอกผมดำ และตรงกลางของโต๊ะมีเขานั่งเด่นเป็นสง่า “ทุกคนมีสิทธิ์ส่งโมเดลของดีเอสทาวเวอร์ และเราจะเปิดโอกาสให้คนนอกมีสิทธิ์เข้าร่วมการส่งโมเดลด้วย ที่จริงผมไม่ควรได้รับสิทธิ์พิเศษนั้นด้วยซ้ำ ใครจะหาว่าผมมีเส้นสายได้”

“ถ้าไม่มีคำสั่งสายฟ้าแลบจากเบื้องบนลงมาว่าคุณปัณณ์ต้องส่งเข้าร่วมด้วย พวกผมก็คงไม่เห็นด้วยหรอกครับ”

“แต่คุณปัณณ์มีความสามารถจริงๆ แบบโรงแรมล่าสุดที่ไปสร้างอยู่สิงคโปร์ นั่นก็ฝีมือคุณปัณณ์ ทีนี้จะว่าเป็นเด็กเส้นได้ยังไง”

“ของแบบนี้มันวัดกันที่ตอนตัดสิน ว่าจะเปิดเผย หรือปิดบัง” คนที่ชอบงัดข้อกับเด็กรุ่นหลานด้วยเอาความอาวุโสของตนเข้าขมไม่เกรงกลัวกับการวิจารณ์แบบตรงไปตรงมา

ทุกคนเริ่มแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ทั้งเห็นด้วย และบางเสียงก็คัดค้าน เพราะเชื่ออยู่แล้วว่าสุดท้ายคนที่จะชนะก็คงไม่พ้นหลานชายคนโปรดของคุณชเยศ กรรมการบริหารคนสำคัญคนหนึ่งของธุรกิจในเครือเดชอนันต์สิทธิ์ พ่วงตำแหน่งสถาปนิกคนเก่ง เป็นการรับจ๊อบอิสระไม่ได้ผูกมัดกับธุรกิจใดๆ

ชายสูทเนี้ยบสีดำ ผมสั้นตัดเรียบร้อย หน้านิ่งขรึม ไม่ได้มีสีหน้าหวั่นไหว ขึ้งโกรธ ยกมือข้างเดียวขึ้นในท่าปางห้ามญาติ ไม่ต้องพูดคำใด ห้องทั้งห้องก็เงียบกริบ

“ผมถือว่าที่พูดคือการตัดสินสูงสุด กรรมการตัดสินจะคัดมาจากประชาชนทั่วไปหนึ่งพันคน งานเปิดตัวจะต้องมีเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า โมเดลขั้นแรกจะใช้กรรมการภายในและกรรมการกิตติมศักดิ์ที่เชื่อถือได้ ทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้” ไล่สายตาดุไปพวกชอบแขวะเขาบางคนอย่างรู้ทัน “จะมีโมเดลไม่เกินสามโมเดลที่ใช้ในงาน ส่วนโมเดลอื่นที่พลาดจากงานนี้ จะถูกนำไปสร้างที่อื่นถ้าฝีมือผ่านจริง”

การรายงานสรุปจากปัณณ์จบลง ร่างสูงขยับสูทให้เข้าที่ เลขาคนสวยรีบกุลีกุจอลุกตาม กระชับแฟ้มงาน ก้มหน้าน้อยๆ รอประโยคสุดท้ายของผู้เป็นนาย

“เลิกประชุม ขอบคุณที่ตั้งใจทำงานกันนะครับ ฝากประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่ผมว่าไปในเว็บไซต์ด้วย ดูแลการประชาสัมพันธ์ให้ดี วันตัดสินรอบแรกจะมีอีกสามอาทิตย์” ปัณณ์เดินนำหน้าเลขาสาวเปรี้ยวจี๊ด กระโปรงคืบครึ่งไป ทุกคนนั่งเกร็งหลังตรง กลั้นหายใจรอให้คนดุเงียบออกไป

พ้นไปสามก้าว เสียงถอนหายใจจะมาพร้อมกัน “เฮือก”

ปัณณ์ทำหน้าขรึม สีหน้าตกใจของผู้ร่วมประชุมจากการกลั้นลมหายใจให้กลับเข้าไปครึ่งทางดังพร้อมเพรียงเมื่อเขาหันกลับมา ใบหน้าอันลงตัวบนผิวขาวเหลืองกล่าวทิ้งท้าย ปิดอย่างรู้ทัน

“หวังว่าวันงาน จะไม่ได้มีแค่โมเดลของผม เข้าใจที่ผมพูดนะ...” ยิ้มมุมปากกระชากใจสาวเล็กสาวใหญ่ของหัวหน้าแผนกต่างๆ จนละเมอเพ้อพก ตรงข้ามกับผู้ชายส่วนใหญ่ ได้ถอนหายใจพร้อมกัน เสียงหนึ่งบ่นขึ้นมา และทุกคนก็เห็นด้วยเต็มที่

“ผู้ชายตระกูลนี้ดุทุกคน”


วันนี้เป็นอีกวันที่ปัณณ์ต้องใส่สูททำงานนั่งแท่นประธานแทนคนเป็นลุง และลูกชายของเขา พักหลังมันชักจะบ่อยมากขึ้น เพราะคนหนึ่งก็เริ่มๆ วางมือ อีกคนกำลังสนุกกับการดูแลธุรกิจอย่างอื่นกับว่าที่เจ้าสาวคนเก่งที่อ่านตลาดโลกออกฉลุย ปล่อยให้ธุรกิจครอบครัวหลายๆ อย่างอยู่ในมือของซีอีโอรับจ้างหลายคน แต่บริษัทดีเอสคอนสตรัคชั่น บริษัทแรกเริ่มแหล่งเงินของเดชอนันต์สิทธิ์ ทุกคนโยนใส่เขาให้นั่งแท่นบริหาร สั่งการคนหัวหงอกหัวดำ พร้อมหุ้นเพิ่มจากที่มีอยู่เดิมยี่สิบเปอร์เซ็นต์ เป็นสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตามที่วสุธร ลูกชายของลุงชเยศ พอได้ฤกษ์แต่งงานอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า จัดการโยนหุ้นมาเพิ่มให้เขาอย่างเต็มใจ ไม่วายทิ้งระเบิดให้เขาหาทางบิดพลิ้วไม่ได้

‘ถ้านายไม่ส่งแบบเข้าประกวด แล้วปฏิเสธที่จะดูแลโปรเจ็กต์นี้ล่ะก็ ฉันจะขายหุ้นให้กับแม่ของนาย ในที่สุด อำนาจใหญ่สุด สุดท้ายก็จะอยู่ที่นายอยู่ดี’

ส่วนหนึ่งที่เขาต้องทำงาน ทนถูกลูกน้องประจานทั้งต่อหน้าลับหลังอยู่หลายครั้งในเรื่องส่งผลงานเข้าประกวด ทั้งที่นั่งแท่นประธานใหญ่นี้ เหตุผลหลักก็คือเขาไม่ต้องการอำนาจล้นมือแบบนั้น อิสระที่มีน้อยนิดอยู่แล้วในตอนนี้คงไม่มีเหลือ แม่ของเขาไม่มีทางปฏิเสธความต้องการของพี่ชาย แต่ไม่เคยเอาตัวเองมาดูแล แล้วสุดท้ายอำนาจจะไปตกอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่เขา คอยดูถ้าเจ้าปูนเรียนจบเมื่อไหร่ นั่นคือรายต่อไปที่จะถูกเขาเคี่ยวเข็ญ

อาทิตย์หนึ่งต้องมาทำงานสี่วันต่อสัปดาห์ สำหรับเขามันก็มากพอแล้ว ให้กลับไปประจำตำแหน่งแค่ผู้ร่วมฟังดังเดิมยังจะดีเสียกว่า
ไม่ใช่มาดำเนินการประชุม สรุป และสั่งออกไปแบบนี้ หลับตาตื่นขึ้นมาอีกที อำนาจทุกอย่างต้องผ่านมือเขาหมด

“เที่ยงแล้ว คุณปัณณ์จะรับอาหารอะไรคะ” นุชรีเดินตามเจ้านายร่างสูงที่แอบกระหวัดเอาผู้เป็นนายมาเพ้อฝันเหมือนสาวๆ ในที่ทำงาน ถึงปัณณ์จะดุเงียบ แต่ในมุมหนึ่ง เขาก็อ่อนโยน ถึงคนส่วนใหญ่จะสัมผัสในมุมนั้นไม่ค่อยได้ก็ตาม แม้จะมีคำพูดเจ็บๆ ทำร้ายจิตใจคน ปัณณ์จะไม่เหยียดหยามออกมาโดยตรง ปล่อยให้คิดเอาเอง

คนประเภทนี้เหมาะแค่จะมองห่างๆ ซึ่งเธอก็คิดเช่นนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหัวหน้าฝ่ายบุคคลเป็นสามี...ห้าปีกว่าที่ได้ทำงานให้ปัณณ์ นับตั้งแต่เขาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่ ถึงจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศทางสายบริหารธุรกิจตามคำขอของมารดาคุณปัณณ์ หลังจากยอมให้ลูกชายคนโตได้ร่ำเรียนสิ่งที่รักตลอดห้าปี ขณะเรียนอยู่อังกฤษ ทุกครั้งที่มีการประชุมใหญ่ เธอจะต้องจัดคิว และทำเป็นวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ฉายภาพไปถึงคนทางอังกฤษ การตัดสินใจส่วนใหญ่ในเวลานั้นอำนาจยังอยู่ที่วสุธร ต่างกับปีนี้เป็นปีแรกที่งานหนักที่สุด ครึ่งแรกของปี ปัณณ์ขึ้นแท่นผู้บริหารใหญ่อย่างเป็นทางการด้วยอายุยี่สิบหกปี

“เดี๋ยวเคลียร์งานให้หมด สักบ่ายๆ ผมจะขอกลับก่อน” ไม่ได้ตอบคำถาม แต่นุชรีก็รู้คำตอบ รับคำด้วยการนั่งหิ้วท้องหิวรอจนกว่าผู้เป็นนายจะออก เธอค่อยชิ่งไปทาน “คุณนุชไปหาอะไรทานเถอะครับ ไม่ต้องรอผม”

“นุชจะไปทานได้ยังไงคะ” เสียงอ่อนไม่มั่นใจ

“เอาเถอะ ถ้าไม่ไปตอนนี้ แล้วถึงเวลาเข้างาน ผมรู้ว่าแอบหนีไปกิน ผมสั่งตัดเงินเดือนนะ”

หญิงวัยห่างจากผู้เป็นนายกว่าห้าปี แต่งหน้าสวยจัดจ้าน แต่มักจะหน้าซีดตัวสั่นเวลาถูกนายดุรีบหดคอ พยักหน้าถี่รัว วางแฟ้มงานบนโต๊ะตัวเองจึงวิ่งออกไปขาแทบขวิด

ลับหลังร่างของนุชรี ปัณณ์หัวเราะหึอารมณ์ดี ส่ายหน้า ไม่เข้าใจว่าทำไมใครๆ ต้องหัวหดเวลาอยู่กับเขา ถ้าเป็นวสุธรหรือลุงชเยศก็ว่าไปอย่าง บุคลิกมาเฟีย โหด ดิบ เถื่อน ต่างจากเขา พูดน้อยกว่า ไม่ชอบตะโกนใส่หน้าใคร แต่ถ้าใครทำอะไรขัดคำสั่ง หรือขัดความต้องการเขา เขาก็จะหาวิธีตอบโต้ได้อย่างไม่เสียเลือดเสียเนื้อ

ใครจะรู้ว่างานอดิเรกของเขาจะตรงกันข้ามกับอาชีพตัวเองสุดขั้ว...ปัณณ์มองแก้วกาแฟบนโต๊ะตัวเองที่ว่างเปล่า กระหวัดคิดถึงใบหน้าที่เขาแอบมองในร้านกาแฟเมื่ออาทิตย์ก่อน รสชาติกาแฟของคนที่ทำหน้าที่สอน ยังชงได้ดี ถึงจะปะแล่มๆ ไปบ้าง แต่มันก็มีรสขมนุ่มลิ้น เกือบจะถูกใจเขา

พอตกเย็นก็มาทำทีเป็นโจรใส่เขาอีก มาดแมนยิ่งกว่าชายแท้บางคนด้วยซ้ำ แม่สาวผู้รุกราน...ป่านนี้จะเดือดพล่านที่เขาหายหน้าไปเลยหรือเปล่า ปัณณ์ส่ายหัวไล่ภาพเธอผู้นั้นไปจากหัว แค่มองแก้วกาแฟหน้าดวงตาสดใส เปล่งประกายแห่งความฝันคู่นั้นก็ลอยมา มือหนาจึงจัดการวางแก้วใส่ลิ้นชัก เริ่มตั้งสมาธิทำงาน หวังว่าตอนเย็นของวันนี้ ผู้รุกรานจะไม่รุกล้ำโลกส่วนตัวของเขาอีก


กล่องทับเปิลแวร์สีชมพูปิดทึบ บรรจุของบางอย่างที่น้องสาวจงใจหลบเลี่ยงจากผู้เป็นพี่ ด้วยท่าทางพิรุธเห็นๆ ยิ่งซ่อนไว้ข้างหลังแบบนั้น...

“อะไรน่ะย่า แล้วนี่จะไปไหน”

จะรีบกลับมาทำไม... คนทำช็อกโกแลตฟองดูเพลินตั้งแต่สี่โมงเย็น จนนาฬิกาเคลื่อนเกือบถึงหกโมง เพราะมัวแต่พิถีพิถันกับการเสียบผลไม้ ทำเผื่อผู้เป็นพี่ เหลืออยู่อีกครึ่งหม้อเล็ก ใครจะคิดว่าคึกอยากกลับหอเร็ว

จริงๆ ก็ไม่เร็วหรอก เธอไหวตัวออกจากห้องช้าเองมากกว่า...

“จะไปข้างนอก”

“แน่นะ ไม่ได้นัดผู้ชายที่ไหนใช่ไหม”

ปากบางบิดเบี้ยว “พูดเหมือนน้องสาวจะขายออก”

“แล้วซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง” สายตาของอาจารย์กวาดจ้องมายังกล่องเจ้าปัญหา อิศยาย่นจมูกขัดใจ เบนสายตาหลบความผิด หัวคิ้วขมวดมุ่น มองวัตถุประหลาดบนพื้นสีน้ำตาล ดวงตาเหลือกลาน ขนลุกตั้งแต่คอจนถึงขนแขน

ชี้นิ้วไปยังทิศมุมประตู ข้างรองเท้าแตะพี่สาว หายใจถี่รัว ยิ่งมันกำลังกระดิกหนวดดุกดิกใส่หน้าเธอ อิศยาอยากจะเป็นลม ถ้าไม่ใช่ชอกโกแลตฟองดู เธอจะโยนทุกอย่างทิ้ง วิ่งหนีตัวปัญหาจอมอึดแน่

“น้องสาบส่ง” ชื่อแปลกใหม่ของแมลงสาบถูกเรียกขานจากปากอิศยา ตั้งแต่เด็กจนโต คนอยู่ในครัวต้องพบเจอเสมอ และเธอไม่คุ้นชินกับมันสักครั้ง มองได้สามวินาทีก็หันหน้าหนี หลับหูหลับตาวิ่งฝ่ามันไป

แผละ...เสียงน้องสาบส่งถูกส่งไปยังยมโลกต่อหน้าต่อตา ไส้ทะลักสีเหลือง หนวดและปีกแบนติดพื้น ขาสิ่งมีชีวิตชักกระตุก ต่อหน้าต่อตาคนขวัญอ่อน อิศยาตาเหลือก หน้าซีดเตรียมเป็นลมล้มพับ แต่สำนึกสุดท้ายบอกว่าห้องนี้ กับซากน้องสาบส่ง ไม่เหมาะจะเป็นลม

โดยเฉพาะใต้ฝ่าเท้าที่ยังสวมรองเท้าหนังมีส้นของนางพญามารสวเนตรด้วยแล้ว อิศยาเปิดห้องน่าคลื่นเหียนเจียนจะพาอาหารกลางวันออกมาละเลงบนพื้นห้อง ช็อกทั้งการพบสัตว์ร่วมโลกน่าขนลุก และโศกนาฏกรรมสุดขนพอง

“อย่าลืมเก็บซากมันด้วยนะ” บอกไปหน้ามึนๆ ยังไม่หายหวาดกลัว

“ทำฟองดูเหรอ” เสียงตื่นเต้นหลังจากนั้นร้องว้าวด้วยความดีใจ อิศยาเดินออกมาไกลโดยไม่คิดจะหันกลับไปดูสวเนตร กระชับสายเป้บนหลังไว้ ระงับอาการมือสั่น นึกได้ต่อว่าพี่ที่รัก คงจะวิ่งโร่หาของอร่อยโดยไม่ได้เก็บซากตัวสาบส่งแน่ๆ

พี่สาวของเธอ ได้ยินของกิน ก็ลืมสอบสวนน้อง แถมยังลืมสัตว์ใต้ส้นรองเท้า

ฮึ่ย...ขนลุก อิศยาหลับตาหายใจเข้าออกช้าๆ เรียกสติ ใช้มือข้างหนึ่งตบแก้มสองที ขับไล่ภาพฆาตกรปลิดชีพสัตว์หนวดกระดิกออกไป เป็นการทำตัวเองสงบจิตสงบใจ เหมือนกับการเข้าสู่โหมดดาร์ก ที่เธอจะเพ่งจิตอยู่กับตัวเอง ปล่อยใจให้โล่ง ไม่พูดกับใครจนที่บ้านกลัวกัน ทั้งที่มันเป็นวิธีเรียกพลัง หรือไม่ก็เอาไว้ใช้เรียกร้องบางอย่างจากคนที่เธอต้องการ

แต่เธอจะยังใช้วิธีนั้นกับปัณณ์ไม่ได้...ลองเงียบใส่ เขาก็แค่เงียบกลับ เรื่องที่หวังได้จบตั้งแต่ไม่เริ่ม

ใช้เวลาเพียงห้านาที เธอก็มาถึงร้านอย่างคุ้นเคย ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา อิศยาปฏิบัติภารกิจไม่ได้ขาด ตั้งแต่ทำขนมแจกฟรี ขนาดพอดีคำ โปรโมทขนม รวมทั้งแบบสอบถามเพื่อถามความต้องการว่าต้องการให้มีร้านกาแฟและขนมเกิดขึ้นบริเวณนี้ไหม ที่เธอออกปากว่าไว้ใช้ยื่นเสนอกับทางเจ้าของ จนหลายๆ คนชื่นชม และต่างบอกว่าจะเอาใจช่วย เปิดเมื่อไหร่มาอุดหนุนแน่นอน

และความอร่อยของขนมและเครื่องดื่มฝีมือเธอ ก็ทำให้ใครคนหนึ่งติดมันตั้งแต่วันแรกๆ...

กรุ๊ง...กริ๊ง กระดิ่งเหนือประตูร้านปันนาดังขึ้นแค่อิศยาดันเข้าไป ผู้ชายตาตี่ยิ้มแป้นส่งมาให้ วิ่งมาต้อนรับถึงที่

“ฟองดูใช่ไหมย่า” กระซิบถามเสียงเบา สายตาคอยเหลียวมองคนอีกคนในร้านตลอดเวลา

“เดี๋ยวนี้ไม่มีระแวงกลัวว่าเราจะเป็นโจรแล้วใช่ไหม” เอ่ยเย้าใส่ปุณณ์ ที่สามสี่วันแรกยังออกอาการระแวงจนออกนอกหน้ากับการพบหน้าเธอ แต่ยิ่งได้คุย มีขนมนมเนยเป็นของสมานไมตรี ถึงอายุของอิศยาจะมากกว่าหนึ่งปี แต่รุ่นน้องหน้าล้ำอายุหลายปี ขอสมัครเป็นเพื่อนเธอ กับข้อแลกเปลี่ยนที่ว่า เธอต้องทำขนมมาเซ่น...เอ้ย มาให้เจ้าตัวทานตลอด เมื่อวานเธอเองก็เพิ่งทำเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนๆ ของปุณณ์
แลกกับการที่เขาจะต้องมาคอยสนับสนุนในการทำร้านของเธอ และคัดค้านความเห็นพี่ชายตัวเอง หากรายนั้นไม่เห็นด้วย อิศยานึกกระหยิ่ม...เธอได้คนมาอยู่ข้างเดียวกันตั้งหนึ่งคน

แต่น่าแปลกที่วันนี้ ปุณณ์ไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนทุกที

ผู้ชายมาดเพลย์บอยผมจัดทรงตั้ง สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน ปลดกระดุมลงมาสองเม็ด ถลกแขนยาวพับขึ้นจนถึงข้อศอก กางเกงยีนส์ขาเดฟอวดขึ้นวางพักบนโต๊ะเหยียดยาว สวมรองเท้าหนังอย่างดี สองมือแหวกการ์ตูนอ่านหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ถึงจะมีเธอเข้ามาในร้าน แต่ไปแทรกโลหแห่งจินตนาการของเขาไม่ได้เลย...ใครกันอีกล่ะนี่

“พี่ภีม”

เสียงกระซิบชื่อที่ได้ยินทำอิศยาเกือบพุ่งเข้าใส่ อ้อนวอน บอกถึงสิ่งที่ต้องการเสียเดี๋ยวนั้น...ปุณณ์รีบเข้าขวาง ดึงสายกระเป๋าเป้ของอิศยาพารั้งออกไปด้านนอก คว้ากล่องทับเปิลแวร์มาถือซ่อนไว้ข้างหลัง

“ปูน เราจะเข้าไปหาเขา เชื่อสิว่าอย่างน้อยๆ ต้องมีเห็นใจกันบ้าง”

“ไม่สำเร็จหรอก” ตอบเร็วแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด เห็นสีหน้าชะงักกลางอากาศ ปุณณ์เกิดอาการเห็นใจ แต่โกหกไม่ได้ “ถ้าไม่อยากถูกไล่ ห้ามไปคุยกับพี่ภีมเด็ดขาด ทางที่ดีรอพี่ปั้นกลับมาจัดการให้”

“นายก็จัดการให้เราสิ”

“คุณผู้หญิงครับ” ปุณณ์ชูกล่องขึ้น สาธยายความในใจ “ฟองดูแลกกับชีวิตกระผมมันไม่คุ้มหรอกนะครับ”

“นายกินขนมสาบานเป็นเพื่อนไปแล้วนะ” ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ปุณณ์หัวเราะเสียงดัง แตะไหล่บางตบลงสามทีคล้ายปลอบใจ แต่วาจาเสียดแทงใจคนฟังให้อยากคว้าขนมทุกมื้อที่ทำให้ทุกวันคืนมาจากกระเพาะลำไส้ของเขา “เพื่อนไม่ใช่แฟน ตายแทนกันไม่ได้หรอกนะ”

...............................................................................................................

จะทำยังไงถ้าคนที่จะช่วยได้ดันเกลียดขนมหวาน และคนที่นางเอกขอร้องให้ช่วยดันฟอร์มจัด ฮาาา เอาใจช่วยย่ากันต่อไปนะคะ

ขอบคุณ คุณ icewinter ตามกันมาถึงตอนที่สามแล้ว ขอบคุณมากค่ะ อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องเลยนะคะ :)
คุณ ariesleo อ่านรวดเดียวเลย อย่าลืมตามกันต่อนะคะ

จะพยายามมาอัพบ่อยๆนะคะ ขอบคุณค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2556, 00:26:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ย. 2556, 00:26:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1569





<< การมาเยือนของผู้รุกราน   กระตุกต่อมโกรธผู้รุกราน >>
sugar 19 ก.ย. 2556, 02:16:31 น.
เพ่ิงเข้ามาอ่าน สนุกดีค่ะ ^^


icewinter 19 ก.ย. 2556, 09:08:02 น.
พี่ภีมเปนใครเอย


ariesleo 19 ก.ย. 2556, 18:38:07 น.
มาแล้วๆๆๆๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ย. 2556, 13:33:27 น.
น่าร๊อกอะ


ผักหวาน 11 ต.ค. 2556, 15:56:36 น.
น่ารักทั้งพี่ทั้งน้อง และพี่ภีมเลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account