เพลิงดอกรัก by แสนดี

Tags: เจ้าพ่ออ่าง,มาเฟีย,แสนดี,เพลิงดอกรัก,

ตอน: บทที่ 8 บุพเพจัดสรร

(ประกาศก่อนอ่านค่า...

วิรัตต์ยาเป็นสมาชิกวีไอพีของเวบนี้ค่ะ (จะบอกทำไม)

สิทธิพิเศษอย่างหนึ่งของวีไอพีก็คือ สามารถเห็นได้ว่า ใครมากด "ติดตามนักเขียน" เรา ใครบ้างที่กด Like นิยายแต่ละตอน
ซึ่งช่วงนี้ คนกดติดตาม เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ นับไปนับมาก็เป็นร้อยกว่าๆเกือบสองร้อยแล้วค่ะ อันเป็นความซาบซึ้งใจอย่างสูง

พูดให้ฟังทำไม?

ประเด็นคือ วิรัตต์ยาจะแจกหนังสือเล่มนี้โดยคัดเลือกจาก 1.คนที่กดติดตามวิรัตต์ยา อันนี้จะแรนดอมหาผู้โชคดีค่ะ

2.คนที่กด Like แต่ละบท ซึ่งในส่วนของการกด Like นั้น ก็จะดูว่าใครกดมากที่สุด คือกดเยอะบทที่สุด คนนั้นก็จะได้หนังสือไปเลยค่ะ

ตัดสินกันที่วันสุดท้ายของการโพสต์เรื่องนี้

งงหรือเปล่าคะ ถ้างง ก็ย้อนกลับไปอ่านอีกครั้งและอีกครั้งค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕


ป.ล. หนังสือยังไม่ออกเร็วๆนี้นะคะ ยังเขียนไม่จบด้วยซ้ำ แต่แวะมาบอกกติกาการแจกของรางวัลกันก่อน เดี๋ยวจะลืม)

+ + + + + + + + +

บทที่ 8 บุพเพจัดสรร


วโรตม์ตั้งใจจะไปหานรีกานต์ที่ห้องตรวจ แต่พอเขาออกมาจากห้องทำงานได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นร่างแบบบางในชุดพยาบาลแบบกางเกง มัดผมแน่นเรียบร้อยกำลังเดินชะเง้อชะแง้เข้าไปในห้องสำหรับให้สาวๆคอยบริการนวดแขก จึงก้าวตามหล่อนไป

“สนใจอยากทำงานที่นี่หรือครับ”

ร่างนั้นสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนค่อยๆหันกลับมาเผชิญหน้าเขา หน้าหล่อนซีดไปเพียงนิดเดียว ขณะส่งวงค้อนมาให้เขา

“ใครจะอยากทำงานนี้กัน”

“คนอยากทำมีเยอะแยะไป ไม่อย่างนั้นพนักงานของผมจะเยอะอย่างที่คุณเห็นเหรอ ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไรลับๆล่อๆอยู่ตรงนี้ หาอะไรอยู่เหรอ” เขาถามเสียงขรึม มองหน้าหล่อนไม่วางตา

“ตกลงคุณเป็นสายให้เสี่ยอรรคพลใช่ไหม” ยังไม่ทันจะตอบ เสียงของศักดิ์ก็ดังขึ้น เขาเดินนำเพทายเข้ามา สายตาของทั้งคู่มองหญิงสาวอย่างไม่ไว้ใจสักนิด

“ฉันเปล่า” นรีกานต์รีบปฏิเสธ “ฉันแค่...มาตามหาเวียง นึกว่ามันติดทำงานอยู่ ฉันติดต่อมันไม่ได้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าจะถามอะไรหน่อย”

เมื่อวาน หลังจากกลับจากสถานีตำรวจ หล่อนได้โทรฯหาเวียงแก้วเพื่อจะถามย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่เพื่อนพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ทำไมวโรตม์ถึงได้ปฏิเสธแน่นหนักขนาดนั้น แต่ปรากฏว่าเวียงแก้วไม่รับสาย ตอนกลางคืนโทรฯไปอีกครั้ง ผลก็ยังเป็นเช่นเดิม ตอนเช้าก่อนมาทำงานก็โทรฯ คราวนี้ปรากฏว่าฝ่ายนั้นปิดเครื่องไปแล้ว ครั้นจะไปหาที่พัก หล่อนก็ไม่รู้ว่า เวียงแก้วพักที่ไหน แต่โชคก็เข้าข้างหล่อน เมื่อภรณีบอกว่าวันนี้คุณหมอมีนัดตรวจนอกสถานที่ ซึ่งก็คือที่นี่

“ที่นี่เริ่มงานตอนสี่โมงเย็น ตอนนี้เพิ่งสิบเอ็ดโมงเท่านั้น...ที่สำคัญ เพื่อนของคุณลาออกไปแล้ว” เสียงของเพทายซึ่งตอบแทนนายทำให้นรีกานต์ดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ แล้วก็เห็นว่าลูกน้องของวโรตม์คนนี้มองหล่อนอย่างสังเกตตาไม่กะพริบทีเดียว

“ลาออก? เป็นไปได้ยังไง”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเขามีคนเลี้ยงแล้ว...” เพทายยังคงเป็นคนอธิบาย แต่นรีกานต์ยังทำหน้างงๆอยู่ วโรตม์จึงขยายความให้ชัด

“เพื่อนของคุณได้แฟนชาวต่างชาติ ก็เลยลาออกไปดูแลครอบครัวแล้ว”

“ต่างชาติ? ชาติไหนเนี่ย ฝรั่งหรือเปล่า เวียงมันเกลียดฝรั่งจะตายไป...แต่ช่างเถอะ...มันอาจเปลี่ยนรสนิยมแล้วก็ได้” พยาบาลสาวพูดเองเออเอง ขณะที่สามคนนายลูกน้องหันสบตากันด้วยท่าทีครุ่นคิดกับคำพูดของหล่อน

“ว่าไงนะครับ เพื่อนคุณเกลียดฝรั่งงั้นเหรอ” ศักดิ์ถามด้วยความสงสัย

“ใช่ค่ะ แต่ก็ตั้งแต่เด็กมาแล้วละ โตขึ้นความคิดมันอาจจะเปลี่ยน...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ”

“เดี๋ยวก่อน นรีกานต์...ผมว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในนะ บางทีผมกับคุณ เราควรจะมีเวลาคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังเสียที” วโรตม์รีบเรียกไว้

“ลับลมคมในอะไรคะ” นรีกานต์ทำหน้างง

“จะคุยกันตรงนี้ตอนนี้จริงๆ นะหรือ คุณควรจะกลับไปทำงานต่อก่อน แล้วตอนเที่ยงเราค่อยคุยกันไม่ดีกว่าหรือ”

“ไม่คุยแล้วค่ะ เสร็จงานนี้ ฉันจะ...” นรีกานต์ยั้งปากว่า หล่อนจะไปสำนักงานนักสืบ ไว้ได้ทัน เพราะไม่อยากให้เขารู้ตัว “ฉันจะต้องไปทำธุระอย่างอื่นต่อ”

“แต่ผมมีข้อมูลของน้องสาวคุณนะ”

หญิงสาวตาโต “ว่ายังไงคะ น้องฉันอยู่ที่ไหน”

วโรตม์เงียบ ทำเป็นไม่ได้ยินที่หล่อนถาม นรีกานต์เลยได้แต่ส่งวงค้อนให้คนที่ยึกยักท่ามากเพื่อให้หล่อนยอมจำนนต่อข้อเสนอของตน

“ตกลงค่ะ งั้นตอนเที่ยงเจอกันนะคะ” พูดจบหล่อนก็รีบเดินจากไป เพราะตนละทิ้งหน้าที่ ปล่อยภรณีไว้กับคนไข้อีกเกือบสิบคนสักพักแล้ว

“นายครับ...” เพทายเรียกเจ้านายที่ยังมองตามพยาบาลสาวสวยไม่วางตา

“ฉันรู้ว่านายจะพูดอะไร แต่ฉันจะไม่ฟัง...” วโรตม์เอ่ยขัดอย่างดื้อดึงและเอาแต่ใจตัว “โทรฯไปจองร้านอาหารให้ฉันด้วย เอาร้านที่ไม่ต้องหรูนะ เน้นบรรยากาศสบายๆเป็นกันเองหน่อย”

คนเป็นนายเดินจากไปทันทีที่สั่งเสร็จ เพทายก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทันทีเช่นกัน เสียแต่เขายังไม่ได้กดสั่งจองที่นั่งในร้านอาหารอย่างนายสั่ง กลับโทรฯหาใครบางคนก่อน

“คุณน้าสาครับ ออกมาหรือยังครับ เร็วๆหน่อยนะครับ เดี๋ยวไม่ทันการณ์ เอ่อ...คุณนีน่าเหรอครับ ผมไม่ได้โทรฯครับ แต่ถ้าคุณน้าสาจะโทรฯละก็ ผมก็ไม่ขัดข้องครับ”


+ + + + + + +

ดวงนุชในชุดนอนกางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาว ผมเผ้าไร้ระเบียบ เดินสะลืมสะลือลงบันได เมื่อคืนหลังจากติดต่อวโรตม์ได้แล้วเขาก็ห้ามหล่อนไปหา หล่อนเกิดความน้อยใจ จึงใช้เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์และผองเพื่อนนางแบบเป็นที่ระบาย กว่าจะกลับเข้าบ้านก็เกือบเช้า และนอนตื่นสาย เนื่องจากวันนี้ไม่มีงาน

เท้าที่กำลังจะเดินเข้าไปในครัวชะงัก เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นผู้ให้กำเนิดทั้งสองในชุดสีขาวครีม นั่งตัวตรง และนิ่งแทบไม่ไหวติง นี่ถ้าหลับตาด้วย หล่อนคิดว่าท่านทั้งสองคงนั่งสมาธิอยู่แน่ๆ ตรงหน้าท่านทั้งสองมีหนังสือพิมพ์รายวันสองสามฉบับวางอยู่ และเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหล่อน คนเป็นแม่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง

“แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก”

“ด่วนหรือเปล่าคะ นุชขอกินน้ำก่อนได้ไหม คอแห้งมากเลย” ถามแล้วไม่รอคำอนุญาต หล่อนก้าวเร็วๆไปในครัว เปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบมาขวดหนึ่ง เปิดฝาแล้วเดินดื่มกลับมาหาผู้ให้กำเนิดทั้งสอง “มีอะไรหรือคะ”

แทนคำตอบ ลัดดาหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งยื่นส่งให้ ดวงนุชรับมาแบบงงๆ ก่อนจะก้มลงกวาดสายตาแล้วก็ถึงบางอ้อ

ข่าวชายฉกรรจ์บุกอาบอบนวดของเสี่ยอรรคพล ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือเจ้าพ่ออ่างคู่อริเจ้าของฉายา อสูรแห่งราตรีนั่นเอง

นางแบบสาวไม่อ่านรายละเอียดและไม่มีท่าทีตื่นเต้นแปลกใจแต่อย่างใด หล่อนวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้น

“พายุเขาก็มีข่าวทำนองนี้บ่อยๆนี่คะ พ่อกับแม่ตื่นเต้นอะไรคะ”

“นี่ลูกพูดอย่างนี้ได้ยังไง ทำราวกับว่าการทำร้ายผู้อื่น การทำตัวเป็นนักเลงโตเป็นเรื่องปกติอย่างนั้นละ” คนเป็นแม่ร้องเสียงตระหนก มองลูกสาวด้วยความผิดหวัง “แต่สำหรับสังคมคนดี นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ”

“พายุเขาไม่ใช่คนหาเรื่องใครก่อนนะคะ แม่” ดวงนุชรีบแก้ตัวแทนคนรัก “ทีเรื่องที่เขาโดนลอบยิงหน้าโรงพักเมื่อวาน ทำไมพ่อกับแม่ไม่พูดบ้างล่ะคะ เขาก็โดนกระทำเหมือนกันนะคะ”

“ยายนุช...” คราวนี้เป็นคิวของบิดา เขาลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินหน้าเครียดมาหาลูกสาวคนเดียว “แกก็รู้อยู่ว่าที่นายนั่นโดนลอบยิงไม่ใช่เพราะเป็นคนดีที่โดนคนชั่วกลั่นแกล้ง แต่เพราะเขาเป็นคนเลว เป็นคนชั่วคนบาป พ่อถามจริงๆเถอะ แกจะใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบนี้ได้จริงๆนะหรือ”

“ได้สิคะ พายุไม่มีวันปล่อยให้นีน่าเป็นอะไรอยู่แล้ว” หล่อนกล่าวเสียงมั่นอกมั่นใจ

“แล้วแกล่ะ แกจะทนเห็นเขาเป็นอะไรไปได้หรือ แกจะมีความสุขได้ยังไงถ้าต้องนั่งระแวงนอนระแวงว่าวันนี้แฟนแกจะโดนยิงหรือเปล่า วันไหนที่เขาจะถูกฆ่าตาย”

“คุณพ่ออย่ามาแช่งพายุนะ” หญิงสาวร้องห้ามเสียงสูง มองบิดาน้อยใจ “ตอนนี้พายุเขาทำอะไรก็ดูแย่ในสายตาคุณพ่อคุณแม่ไปหมดนั่นแหละ นุชขอร้องว่าเราจะไม่คุยเรื่องนี้กันจนกว่าพ่อกับแม่จะได้เจอพายุสักครั้ง”

เห็นอาการดื้อแพ่งของลูกสาวแล้ว ผู้ให้กำเนิดก็เกิดความอ่อนใจอีกครั้ง

“นี่คงเป็นเวรกรรมของแกที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ เพราะเวรกรรมทำให้แกหน้ามืดตามัว เห็นผิดเป็นชอบ เห็นคนเลวเป็นคนดี...บางทีพ่อคิดว่าแกควรจะไปปฏิบัติธรรม...”

“คุณพ่อคะ...” คนเป็นลูกก็อ่อนใจไม่แพ้กัน “มันไม่ใช่เรื่องเวรกรรมอะไรทั้งนั้น นุชยืนยันว่าพายุเป็นคนดี และนุชก็ดีใจที่ได้รู้จักและได้รักคนดีๆอย่างเขา...พ่อกับแม่ว่างวันไหนคะ นุชจะได้นัดพายุเสียที”

“แม่ไม่มีวัน...”

“หลังจากกลับจากปฏิบัติธรรมรอบนี้ แกนัดเขามาเจอพ่อกับแม่ได้เลย แต่...ต้องมีข้อแม้นะ” นารทแทรกผู้เป็นภรรยา

“ข้อแม้อะไรคะ”

“แกต้องไปปฏิบัติธรรมกับพ่อกับแม่”

“คุณพ่อ!” นางแบบสาวอุทานเสียงสูง มองหน้าผู้ให้กำเนิดไม่อยากเชื่อ “คุณพ่อตั้งใจแกล้งนุช คุณพ่อก็รู้ว่านุชทนอยู่แบบนั้นไม่ได้...”

“พ่อก็ไม่ได้บังคับแกนี่” นารทเอ่ยเสียงราบเรียบ

“ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ” ดวงนุชเดินไปกระแทกกายนั่งบนเก้าอี้แรงๆตามแรงอารมณ์ “ทำแบบนี้เหมือนจะฆ่านุชให้ตายเลยนะคะ”

“ฉันพาแกไปถือศีล ไปทำจิตใจให้สงบ ให้แกพบทางสว่าง ไม่ใช่เอาไปฆ่า”

“ก็นั่นแหละฆ่า ฆ่านุชให้ตายทั้งเป็น” คนเป็นลูกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แค่คิดว่าตัวเองต้องนุ่งขาวห่มขาว ไม่ได้แต่งหน้า แล้วก็ต้องนั่งสมาธิสวดมนต์ทั้งวันในสถานที่ที่เงียบเชียบ ไร้แสงสี ไร้เสียงเพลง หล่อนก็ทนแทบไม่ได้ “นุชไม่เอาเงื่อนไขนี้ พ่อกับแม่ยื่นใหม่ได้เลยค่ะ”

“เรามีเงื่อนไขเดียวเท่านั้นลูก” ลัดดาเอ่ยขึ้นบ้าง พลางก็นึกชมสามีในใจที่หาวิธีแยกลูกสาวกับชายคนรักอย่างชาญฉลาดและถูกวิธีที่สุด เธอไม่ได้หวังจะให้ลูกสาวต้องบวชตลอดชีวิต แต่อยากให้ธรรมะช่วยชี้ทางสว่างให้กับดวงตาที่บอดสนิทของลูกเท่านั้น

“โอ๊ย นุชตายแน่ นุชตายแน่ๆ” น้ำตาของดวงนุชจะไหลมิไหลแหล่ แล้วก็เหมือนนึกอะไรออก หล่อนกระเด้งตัวลุกขึ้น ดวงตาเป็นประกายด้วยความหวัง “รู้แล้ว งั้นนุชชวนพายุไปด้วยดีกว่า ดีไหมคะ คุณพ่อคุณแม่จะได้คุย ได้ใช้เวลาร่วมกับเขา แถมยังจะได้ช่วยขัดเกลาเขาด้วย”

นารทส่ายหน้าหวือ “งานนี้ แกคนเดียวเท่านั้น”

“คุณพ่อ...” นางแบบสาวลากเสียงยาวเชิงตัดพ้อ ดวงตาหม่นวูบลงด้วยความผิดหวัง

“พ่อให้เวลาแกตัดสินใจหนึ่งวัน แต่ตอนนี้ออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกันก่อน”

“ไม่ไปค่ะ” หล่อนส่ายหน้าทันที

“ถ้าแกไป พ่ออาจลดวันที่จะให้แกบวชชีพราหมณ์ลงก็ได้นะ อันหมายความว่า แกจะได้พาแฟนแกมาพบพ่อเร็วขึ้นไงล่ะ” นารทพยายามชัดแม่น้ำทั้งห้า ซึ่งก็ได้ผล สีหน้าคนเป็นลูกกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“พ่อสัญญาแล้วนะ ห้ามคืนคำเด็ดขาด”

“แน่นอน” เสียงคนเป็นพ่อหนักแน่น จึงทำให้หญิงสาวสบายใจขึ้นเปลาะหนึ่ง

“ถ้างั้นนุชก็ไม่มีปัญหาเรื่องออกไปกินข้าว ชวนพี่หนึ่ง พี่น้อยไปด้วยนะคะ...” หล่อนหมายถึงพี่ชายคนโตและคนรองนั่นเอง “อืม งั้นเอาเป็นมื้อเย็นที่ร้านประจำเราดีไหมคะ แต่ตอนนี้นุชขอไปหาพายุก่อน จะไปดูหน่อยว่าเขาเป็นยังไงบ้าง”

“พ่อให้เวลาลูกอาบน้ำแต่งตัวครึ่งชั่วโมง เราจะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน” นารทเอ่ยเสียงเด็ดขาด ดวงนุชชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยอมพยักหน้าง่ายดาย เรื่องแค่นี้หล่อนยอมได้ เพื่ออนาคตทางความรักของตัวเอง

แต่พอไปถึงร้านในอีกชั่วโมงกว่าๆต่อมา ดวงนุชก็ได้เรียนรู้ว่า แม้แต่คนธรรมะธัมโมก็เจ้าเล่ห์เป็นเหมือนกัน!

มันไม่ใช่การกินข้าวด้วยกันธรรมดาประสาพ่อแม่ลูก แต่เป็นการนัดบอดระหว่างหล่อนกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี ไม่ใช่ใครที่ไหน หนุ่มตาสวยคู่กรณีเรื่องรถของหล่อนนั่นเอง!

โลกกลมจนน่าเกลียดไปจริงๆ

“พ่อกับแม่รู้จักธีรพลที่วัด ตอนนั้นเขากลับไปเยี่ยมหลวงตาน่ะ” พ่อเริ่มต้นสาธยายสรรพคุณเขาด้วยน้ำเสียงชื่นชมเต็มพิกัด

“เคยเป็นเด็กวัดหรือมรรคทายกคะ” ดวงนุชถามกลั้วหัวเราะ สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความขบขันและไม่ให้เกียรติ

“ผมเคยบวชที่วัดนั่นครับ” ธีรพลตอบเสียงภูมิใจ ไม่สนใจสายตาชนิดนั้นของหล่อน

“ตอนหลังหลวงพ่อก็ส่งเรียนจนจบปริญญาโทที่อินเดีย แล้วก็สึกออกมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยจ้ะ ลูก” ลัดดาอธิบายเพิ่มน้ำเสียงชื่นชมไม่ต่างจากผู้เป็นสามี

“อ้อ...” นางแบบสาวทำเสียงรับรู้ แววตาที่มองเขาไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย

“วัดที่พ่อกับแม่จะให้แกไปปฏิบัติธรรมก็คือวัดที่คุณธีเคยอยู่นั่นแหละ ท่านเจ้าอาวาสท่านเป็นคนดี เป็นพระจริงๆ น่าเลื่อมใสมาก...”

ดวงนุชทำหน้าเบื่อหน่ายปนขำ นี่ใจคอพ่อกับแม่จะเอามรรคทายกวัดมางัดค้างวโรตม์ของหล่อนจริงๆนะหรือ คงจะสำเร็จหรอกนะ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้แม้เศษเสี้ยวของวโรตม์ ทั้งรูปร่างหน้าตา บุคลิก เสน่ห์และความน่าสนใจ โดยเฉพาะสองข้อหลังนี้ ธีรพลแพ้หลุดลุ่ยทีเดียว!




ใกล้เที่ยง วโรตม์เก็บงานแล้วออกไปยืนรอนรีกานต์ที่กำลังเก็บเครื่องไม้เครื่องมืออยู่ หันมาเห็นเขาเข้า หญิงสาวก็หันไปกระซิบกับภรณีว่า

“พี่หลิวคะ เสร็จงานแล้ว กานต์ขอตัวไม่เข้าคลินิกนะคะ พอดีมีธุระด่วนนิดหน่อยน่ะค่ะ” หล่อนตัดสินใจไปคุยกับวโรตม์ตามที่เขานัด เพราะชักเห็นด้วยว่าชักมีลับลมคมในอย่างประหลาด เมื่อครู่นี้หล่อนถามถึงที่พักของเวียงแก้วจากบรรดาหมอนวด แต่ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าเพื่อนหล่อนพักที่ไหน และบอกว่าคนที่รู้ก็ตรวจเสร็จและกลับบ้านไปแล้ว

ดูก็รู้ว่าหลายคนโกหก...โกหกและไม่อยากยุ่ง!

ทำไม?

ยิ่งพอหล่อนลองเลียบเคียงถามถึงน้องสาวในทำนองว่า มีญาติของเวียงแก้วมาทำงานที่นี่ด้วยใช่หรือไม่ หลายคนก็ยิ่งปิดปากเงียบ ให้ใจหล่อนเต้นแรงด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง เรื่องของน้องสาวหล่อนดูจะเป็นเรื่องใหญ่ ยุ่งยากและซับซ้อนกว่าที่คิดเสียแล้ว!

“ได้สิจ๊ะ ไม่มีปัญหา งานก็ไม่มีอะไรแล้วนี่ แค่เอาอุปกรณ์ไปเก็บเอง กานต์ไปทำธุระเถอะ” ภรณีว่าอย่างใจดี

“ขอบคุณมากค่ะ” หล่อนยกมือไหว้อย่างซึ้งใจ “พบกันเย็นนี้นะคะ พี่หลิว...เดี๋ยวกานต์จะช่วยขนของไปที่รถค่ะ”

ภรณีพยักหน้าให้หล่อน ขณะที่วโรตม์ก็พยักหน้าให้เพทายเข้าไปช่วยภรณีแทน

“ไปช่วยพยาบาลคนนั้นขนอุปกรณ์ลงไป แล้วไปเจอกันที่ด้านหน้าเลย”

เพทายไม่อิดออด ทำตามคำสั่งโดยเร็ว เพราะเขาก็ไม่อยากอยู่ตรงนี้ในเวลานี้สักเท่าไร กลัวสีหน้าท่าทางตัวเองจะเป็นพิรุธ เนื่องจากตอนนี้อรสากำลังเดินขึ้นมาชั้นนี้แล้ว

พ้นร่างของเพทายกับภรณีไม่กี่นาที อรสากับอรวรรณก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างที่วโรตม์กับนรีกานต์เดินเคียงกันเพื่อลงไปยังชั้นล่าง

“คุณแม่ คุณน้า” วโรตม์เรียกทั้งสองด้วยความแปลกใจ ขณะที่นรีกานต์มองหญิงกลางคนที่หน้าตาพิมพ์เดียวกันอย่างอึ้งๆ

“ก็น้ากับแม่น่ะสิ” อรสายิ้มตอบหลานชาย แต่ตาจ้องนรีกานต์อย่างจับสังเกต เพทายบอกว่าหญิงสาวคนนี้พยายามเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตหลานชายสุดที่รัก ซึ่งอาจเป็นใครสักคนส่งเข้ามาสืบเรื่องราวบางอย่าง หรืออาจจะหวังจับวโรตม์ จนอาจทำให้มีปัญหากับดวงนุช ซึ่งเธอก็ชอบดวงนุชเกินกว่าจะปล่อยให้หลุดจากตำแหน่งหลานสะใภ้ได้ น่าเสียดายที่วันนี้ดวงนุชมาด้วยไม่ได้เพราะติดทานข้าวกับครอบครัว ไม่อย่างนั้นละก็ จะพามาประกาศให้หญิงสาวหน้าจืดตรงหน้าได้ตระหนักว่าไม่ควรแม้แต่จะคิด!

“มาได้ยังไงครับ เราไม่ได้นัดกันไม่ใช่หรือครับ” ตอนที่ถาม วโรตม์ก็พยายามคิดหาเหตุผลที่มารดากับคู่แฝดจะมาที่นี่ในเวลานี้ไปด้วย

“พอดีมีหมายเรียกไปที่บ้านน่ะจ้ะ น้ากับแม่เราเลยเอามาให้” ว่าพลางอรสาก็ยื่นหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ยื่นให้หลานชาย วโรตม์รับมาอย่างไม่ใส่ใจนัก “ว่าแต่เราสองคนมาทันเวลาอาหารเที่ยงใช่ไหมจ๊ะ”

“ครับ...เรากำลังจะออกไปทานกันพอดี...นรีกานต์ นี่คุณแม่กับคุณน้าของผม คนที่มาถึงก็เอาแต่พูดคือน้าสา ส่วนคนที่เอาแต่เงียบ คือคุณแม่ของผม...” ชายหนุ่มปล่อยมุกพร้อมรอยยิ้มทรงเสน่ห์ “คุณแม่ น้าสาครับ นรีกานต์เป็นพยาบาลผู้ช่วยมาตรวจเด็กๆของเราครับ”

“สวัสดีค่ะ” นรีกานต์ยกมือไหว้ผู้อาวุโสทั้งสองอย่างนอบน้อม อรสารับไหว้พอเป็นพิธี ขณะที่อารวรรณเอียงคอมองหญิงสาวอย่างพิจารณา ก่อนทักขึ้นด้วยสีหน้ายินดี

“หนูกานต์...หนูกานต์จริงๆด้วย”

นรีกานต์ยิ้มกว้างเป็นการรับ “ใช่ค่ะ หนูเองค่ะ คุณป้า...ดีใจนะคะ ที่ได้เจอคุณป้าอีกครั้ง”

“อ้าว คุณแม่รู้จักคุณนรีกานต์ด้วยหรือครับ” วโรตม์แปลกใจอีกคำรบหนึ่ง เช่นเดียวกับอรสาที่หูผึ่ง มองทั้งสองสลับกันไปมาอย่างสงสัย

“รู้จักกันที่วัดที่แม่ไปปฏิบัตธรรมเมื่อสองอาทิตย์ก่อนจ้ะ แต่ตอนแรกแม่ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า เพราะเมื่อก่อนหนูกานต์ผมยาว หน้าก็ไม่ได้แต่งสวยอย่างนี้ด้วย”

“ส่วนหนูเองก็มัวแต่งง เพราะไม่แน่ใจว่า คุณคนไหนแน่ที่หนูเจอที่วัด” นรีกานต์ต่อประโยคของหญิงกลางคนด้วยเสียงกลั้วหัวเราะเล็กๆ

“ตอนอยู่ที่โน่น แม่ก็ได้หนูกานต์นี่แหละ คอยช่วยดูแลและเป็นเพื่อนสนทนาธรรม...นี่คงเพราะบุญที่เราร่วมสร้างกันมา จึงทำให้เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง” คุณอารวรรณกระชับมือเรียวของนรีกานต์บีบเบาๆ มองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาชื่นชม อันทำให้วโรตม์ยิ้มพอใจ สำหรับเขามันคือบุพเพจัดสรร จึงทำให้เขาได้มาพบหล่อน ทำให้หล่อนกับมารดาเขาได้รู้จักกัน

คนที่ยิ้มไม่ออกคือศักดิ์กับอรสา และต่างคนก็ต่างนึกถึงเพทายอย่างอดขำไม่ได้


งานนี้ ท่าทางแผนแยกวโรตม์กับนรีกานต์ของนายจะล้มเหลวเสียแล้ว!




วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2556, 01:42:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ย. 2556, 13:35:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1770





<< บทที่ 6 บุพเพหรือเล่ห์กรรม    บทที่ 12 >>
Sukhumvit66 19 ก.ย. 2556, 02:57:05 น.
5555 เพล้ง! หน้าแตกไปหลายคนเลย อิอิ


konhin 19 ก.ย. 2556, 03:51:51 น.
ฮ่าๆๆ แผนล้มไม่เป็นท่าเพราะนางเอกมีดี ฮ่าๆๆ


พันธุ์แตงกวา 19 ก.ย. 2556, 07:13:49 น.
มากดโหวตให้คะแนนค่า แต่ตัดสิทธิ์หน้าม้าคนนี้ไปเลยนะคะ555 ขออุดหนุนค่า^^


Hibara 19 ก.ย. 2556, 07:15:23 น.
เรื่อง "คนบนภู" สงสัยคนอื่นจะเข้าใจหมดแหละค่ะ แหะๆ ขอบคุณที่ช่วยไขข้อข้องใจค่า


ดังปัณณ์ 19 ก.ย. 2556, 08:24:48 น.
555+ เสี่ยขาเสี่ย แหมๆๆๆๆๆๆ อดไม่ได้วุ้ย หุบยิ้มซะหน่อยก็ดีนะค้าเสี่ยขา แหมๆๆๆๆๆ บุพเพหราจร้าาาาาาาาาา แม่ก็ชอบอย่างนี้เสี่ยขาก็บุกอย่างเดียวอ่ะจิคะ ฮิ้วววววววววววววววววว

พี่แก้ววววววววววววววว ขอเสี่ย เอ๊ย อยากอ่านเสี่ยตอนต่อไปแย้วคร้าาาาาาา เสี่ยจะกินไก่ เอ๊ย จะทำยังไงให้หนูกานต์ใจอ่อน หันมาสบตาวิ้งๆแบบไม่ต้องใช้ข้ออ้างอีกแล้วเนี่ยยยยยยยยยยยยย


ตุ๊งแช่ 19 ก.ย. 2556, 09:19:18 น.
เจ๊ๆ กติกา เจ๊ ชิลมากๆๆ ที่กดไลท์ทุกตอนน 55 แต่ไม่ชิลล อีตรงจับฉลากนี่แระ แพ้ดวงทุกที ขัดใจ

โลกอะไรจะกลมขนาดนั้น สองเด้งเลยทีเดียววว


นักอ่านเหนียวหนึบ 19 ก.ย. 2556, 20:58:45 น.
อ่านประกาศเสร็จก็รีบกดติดตาม รีบกดไลค์เลยจ้ะ 555
ป่าวนะๆๆๆ ไม่ได้อยากได้อะไรเลยจริงจริ๊งงง
ถ้าของเค้าไม่ดีใครจะชอบจริงมั้ย 5555
ว่าแต่เรื่องนี้ ดูๆ ไปแล้ว น้องนุชสุดท้องจะได้คู่กะเค้าด้วยนินาา



sonakshi 19 ก.ย. 2556, 22:44:01 น.
นึกว่าจะซดมาม่าซะแย้ว รอดไป


nasa 20 ก.ย. 2556, 21:35:34 น.
ปกติมาเมนต์จะไม่ค่อยกดไลค์ ชอบเขียนมากกว่าค่ะ

ขำบ้านนีน่า จะแยกลูกกับเจ้าพ่อโดยการดีงลูกเข้าหาวัด คนไม่มีใจจะสงบได้ไงหนอ ตกลงเสี่ยรักนีน่าจริงๆ เหรอ ทำไมเหมือนมีใจให้หนูกานต์เลย


ผักหวาน 24 ก.ย. 2556, 13:20:30 น.
อิอิ คุณลูกน้องจะจัดการยังไงต่อคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account