เพลิงดอกรัก by แสนดี

Tags: เจ้าพ่ออ่าง,มาเฟีย,แสนดี,เพลิงดอกรัก,

ตอน: บทที่ 12


ดวงนุชยังไม่พอใจในความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับวโรตม์ในวันนี้ ลางสังหรณ์เกี่ยวกับสาเหตุของการเปลี่ยนไปของเขายังเต็มเปี่ยม แม้ว่าวันนี้เขาจะให้เวลาหล่อนมากเท่าที่หล่อนต้องการ แต่ตลอดเวลานั้นเขามีระยะห่างเสมอ การให้เกียรติ การเป็นสุภาพบุรุษ แตะต้องร่างกายหล่อนเท่าที่จำเป็นกลับทำให้ห่างเหิน นำมาซึ่งความน้อยใจ และหลายครั้งที่รู้สึกว่าเขาเกรงใจหล่อนอย่างไรพิกล

“พายุคะ นีน่ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณ” ดวงนุชเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่ง ขณะนี้ทั้งคู่ย้ายจากร้านอาหารมาที่ผับใต้โรงแรมชื่อดังแห่งนั้นแล้ว

“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าและรอฟังอย่างตั้งใจ

“คุณพ่อคุณแม่ยินดีให้พายุไปพบท่านแล้วนะคะ”

คิ้วหนาเข้มยกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านคงไม่ได้ให้เข้าพบธรรมดาใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ ท่านยื่นข้อเสนอให้นีน่าไปปฏิบัติธรรมกับท่าน”

วโรตม์ยิ้ม “ก็ดีนะครับ ผมว่าคนเราควรจะหาเวลาไปทำอย่างนั้นบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อให้ร่างกาย จิตใจและสมองได้พักบ้าง”

ดวงนุชเบิกตากว้าง เป็นฝ่ายมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อบ้าง

“อะไรนะคะ นี่พายุสนับสนุนให้นีน่าไปบวชเหรอคะ พายุก็รู้ว่านีน่าไปอยู่แบบนั้นไม่ได้แน่ๆ...”

“ไม่ลองก็ไม่รู้นะครับ กลับมาคุณอาจจะกลายเป็นแม่ชีน้อยๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้” ตอนที่พูดประโยคนั้น ในหัวของเขากลับปรากฏภาพ ‘แม่ชีน้อย’ อีกคน

“พายุคะ!” นางแบบสาวกรีดเสียงแข่งกับเสียงเพลง “นีน่าทนไม่ไหวแล้วนะคะ ตกลงคุณมีคนใหม่จริงๆใช่ไหม ถึงได้พยายามผลักไสนีน่าแบบนี้ บอกมานะคะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

วโรตม์ทำหน้างง “อะไรนะครับ”

“คุณเหินห่าง คุณพยายามผลักไสนีน่า เพราะคุณมีคนอื่นใช่ไหม สองอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณไม่ได้โดนยิง แต่คุณไปกกผู้หญิงคนอื่นอยู่ใช่ไหม”

“ผมไม่เอาเรื่องโดนยิงมาล้อเล่นหรอก ข่าวก็ลงให้ครึกโครม...มันไม่มีอะไรอย่างที่คุณว่ามาทั้งนั้น อสูรแห่งราตรียังรักคุณคนเดียวเสมอ”

“นีน่าไม่เชื่อ...เพราะคุณเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมาก คุณไม่เหมือนคนเดิม คุณห่างเหิน คุณไม่ได้รักนีน่าแล้ว”

วโรตม์ยังไม่ทันอธิบายอะไรเพิ่ม โทรศัพท์ของเขาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเอื้อมมือจะรับแต่ไม่ทันนางแบบสาวที่จ้องอยากดูโทรศัพท์เขาอยู่แล้ว โทรศัพท์เป็นที่ค้นข้อมูลที่ได้ผลเสมอ

เมื่อได้มา หล่อนก็ก้มลงมองหน้าจอ ครั้นเห็นชื่อที่แสดงอยู่หน้าจอคือคำว่า นรีกานต์ ตาก็ลุกวาว

ชื่อผู้หญิง!

“ขอโทรศัพท์ผมคืน นีน่า” วโรตม์เอ่ยเสียงเยียบเย็น มองหล่อนอย่างไม่ใคร่ชอบใจนัก

“นรีกานต์ ใครคะ?” นอกจากไม่คืนแล้ว หล่อนยังถามเอาตรงๆอีกด้วย ขณะที่โทรศัพท์ยังคงกรีดเสียงร้องต่อไป

“กานต์โทรฯมาหรือ” ได้ยินชื่อนั้น วโรตม์ก็นึกเป็นห่วงเจ้าของชื่อ ด้วยกลัวจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น

“เขาโทรฯมาหาคุณตอนดึกๆ อย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ” ดวงนุชกรีดเสียงแหลม ความหึงความหวงแล่นปรูดปราดทั่วร่าง ยิ่งเห็นสีหน้ากังวลของเขา อารมณ์หล่อนก็ยิ่งพลุ่งพล่าน

“ก็หมายความว่าเขาอาจจะมีธุระสำคัญน่ะสิ นีน่า ขอโทรศัพท์ผม” ท้ายประโยคเขาสั่งเสียงเกือบตวาด ดวงตาคู่คมมีทั้งความโกรธ ปรามและตำหนิ ยังผลให้นางแบบสาวสะดุ้ง วูบหนึ่งหล่อนเกิดความกลัวขึ้นมา ก่อนจะถูกความน้อยใจที่ไหลบ่ากดทับ

มือเรียวยื่นโทรศัพท์คืนเขาด้วยมือสั่นๆ แต่วโรตม์ไม่มีเวลาสนใจ เขาหยิบเร็วๆจนเกือบเป็นกระชาก กดรับและยกแนบหูอย่างรวดเร็ว

“ว่าไง กานต์...”

แล้วคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อไม่ได้ยินเสียงจากปลายสาย

“กานต์...ได้ยินผมหรือเปล่า โทรฯมาไม่พูดหมายความว่ายังไง” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง ความเป็นห่วงคนปลายสายท่วมท้น

แต่ช่วงจังหวะที่เขากำลังจะเอาโทรศัพท์ออกห่างเพื่อเช็คว่าหล่อนวางสายไปหรือยังนั่นเอง เขาก็ได้ยินเสียงคล้ายของหลายอย่างหล่นกระทบพื้น ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องของหล่อนดังแว่วๆ

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

“กานต์!” วโรตม์ตะโกนก้องด้วยความตกใจ “คุณเป็นอะไร ใครทำอะไรคุณ กานต์”

ทุกคำพูด ทุกท่าทีของเขาทำให้หัวใจของคนที่มองอยู่ปวดหนึบ ในที่สุด ความจริงก็ปรากฏชัดแล้ว เขามีผู้หญิงคนอื่นจริงๆ!

ทางด้านวโรตม์ เพราะสังหรณ์ร้ายที่ทำงานหนักหน่วง ทำให้เขารีบกดตัดสายแล้วโทรฯหาเพทายเป็นการเร่งด่วน

“ขึ้นไปบนห้องของกานต์ให้เร็วที่สุด เธอกำลังมีเรื่อง ฉันจะตามไปเดี๋ยวนี้” สั่งลูกน้องเสร็จ เขาก็หันไปหาศักดิ์ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ “ศักดิ์ดูแลคุณนีน่าด้วย ฉันจะไปบ้านนรีกานต์ เสร็จแล้วนายรีบตามไปก็แล้วกัน...นีน่า ผมขอตัวก่อนนะครับ มีเรื่องด่วนจริงๆ แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรฯหา”

พูดจบ ร่างสูงก็วิ่งจากไปด้วยความรวดเร็ว นางแบบสาวถึงกับอ้าปากไม่ออก เพราะความผิดหวังเสียใจนั้นหนักหน่วงนัก ร่างเพรียวระหงค่อยๆ งอตัวลงด้วยความเสียใจ

“คุณนีน่าจะกลับบ้านเลยไหมครับ” ศักดิ์ถามด้วยความเห็นใจ

ดวงนุชเงียบด้วยท่าทีครุ่นคิด ครู่หนึ่งจึงพยักหน้า

+ + + + + + + + +


นรีกานต์พยายามมองหาสิ่งของในห้องที่พอจะเป็นอาวุธได้โยนเข้าใส่หญิงสาวลึกลับที่สวมหมวกปิดหน้ามิดชิด ในมือถือมีดสั้นคมกริบ พื้นห้องเกลื่อนด้วยข้าวของที่ถูกโยนก่อนหน้า ในใจพยาบาลสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิตกับความตายที่อยู่ห่างหล่อนออกไปเพียงหนึ่งช่วงแขน แม้จะเป็นพยาบาล พานพบคนตายมาไม่รู้เท่าไร ซึ่งหล่อนก็ปลอบโยนญาติของคนตายให้ทำใจยอมรับเสมอ แต่พอถึงคราวตัวเอง หล่อนทำใจไม่ได้จริงๆ แม้ตอนปฏิบัติธรรม หลวงพ่อจะเคยสอนให้ปล่อยวาง ระลึกไว้เสมอว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของตนที่แท้จริง แต่ยามนี้หล่อนยากจะปล่อยวางได้

“คุณเป็นใคร จะฆ่าฉันทำไม” หญิงสาวทำใจดีสู้เสือร้องถามฝ่ายนั้น ทั้งเพราะอยากรู้ ทั้งเพื่อเป็นการยื้อเวลาเผื่อห้องข้างๆหรือห้องที่อยู่ด้านล่างจะรับรู้ถึงความผิดปกติ แล้วมาช่วยหล่อนไว้ได้ทัน สลับกับร้องตะโกน โดยหวังว่าความเงียบจะช่วยให้เสียงของหล่อนถึงเพทายด้วย แม้มันจะน้อยนิดก็ตาม

“หน้าที่ฉันคือฆ่าแก ไม่ใช่ตอบคำถาม” ฝ่ายนั้นตอบกลับมาเสียงเยือกเย็น จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าหาหล่อนเมื่อเห็นว่าหล่อนใกล้จนมุมแล้ว

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” นรีกานต์ร้องตะโกนขึ้นสุดเสียงอีกครั้ง หวังสุดใจว่าต้องมีสักคนได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบอดี้การ์ดของวโรตม์

เพชฌฆาตสาวแสยะยิ้ม ขณะจ้วงมีดหมายที่ท้องของเหยื่อสาว เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมเสียงตะโกนถาม

“น้องกานต์ เป็นอะไรหรือเปล่า น้องกานต์”

นรีกานต์จำได้ว่าเป็นเสียงพี่ผู้หญิงข้างห้องซึ่งเป็นแม่ค้าขายกับข้าวปากซอย ใจหล่อนมาขึ้นเป็นกอง อ้าปากจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่นักฆ่ารีบใช้มีดกดเข้าที่ท้อง มืออีกข้างก็อุดปากหล่อนไว้ นรีกานต์พยายามสะบัดหน้าเพื่อให้ปากหลุดจากการปิดกั้น แต่ไร้ผล มือฝ่ายนั้นแข็งแรงไม่ต่างจากมือผู้ชาย

“กานต์ ได้ยินพี่หรือเปล่า เป็นอะไรไป” คนข้างนอกร้องถามอีก

“อื้อ อื้อ” นรีกานต์พยายามเปล่งเสียง แต่ก็ยากเย็นเต็มที พร้อมกันนั้นก็เริ่มขาดอากาศหายใจ

เพื่อนข้างห้องรอดูท่าทีอยู่ครู่ เมื่อเห็นว่าหล่อนยังเงียบ จึงร้องบอก

“ถ้าไม่มีอะไร พี่กลับนะ” จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป น้ำตานรีกานต์ไหลบ่า โอกาสรอดของหล่อนหมดสิ้นแล้วสินะ

มือสังหารสาวไม่ปล่อยโอกาสให้เนิ่นช้าออกไปอีก ทันทีที่ปล่อยมือจากปากของหล่อน มือที่ถือมีดก็ทำหน้าที่ แต่นรีกานต์ฉากหลบได้หวุดหวิด ก่อนที่ความรักตัวกลัวตายจะสั่งให้หล่อนใช้แรงที่เหลือพุ่งชนร่างอีกฝ่ายจนเซไป แล้ววิ่งไปที่ประตู แต่...ไม่ทันได้เปิด ผมของหล่อนก็ถูกกระชากจากด้านหลังเสียก่อน

“ฤทธิ์เยอะกว่าที่คิดไว้นะ แก” คำรามเสียงหงุดหงิดก่อนลากหล่อนกลับเข้ามาในห้องในลักษณะนักฆ่าอยู่ด้านหลัง เมื่อได้จังหวะก็เงื้อมีดขึ้นหมายที่ท้องของนรีกานต์อีกครั้ง แต่พลันนั่นเอง ประตูก็เปิดผางออกจากแรงถีบของเพทาย!

“หยุดนะ!” บอดี้การ์ดหนุ่มร้องสั่ง ปืนในมือเตรียมพร้อมทำงานเต็มที่ นักฆ่าสาวชะงัก ดวงตาภายใต้ผ้าคลุมสีดำวาวโรจน์ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ถูกขัดจังหวะ มือที่ถือมีดกำแน่นและยังไม่ยอมลดลง

“ปล่อยตัวผู้หญิง!” เพทายสั่งอีก

นอกจากไม่ปล่อยแล้ว เจ้าหล่อนยังมุ่งมั่นทำภารกิจให้เสร็จลุล่วงด้วยการทำท่าจะจ้วงแทงนรีกานต์อีกครั้ง ปืนในมือของเพทายจึงได้ทำหน้าที่ของมัน กระสุนลิ่วเข้าเจาะที่ข้อมือนักฆ่าสาวอย่างเหมาะเหม็ง มีดกระเด็นหลุดจากมือ เจ้าตัวเสียหลักเปิดโอกาสให้นรีกานต์สะบัดตัวหนี ขณะที่เพทายตรงเข้าจัดการคนร้ายต่อ ฝ่ายนั้นต่อสู้กลับสองสามกระบวนท่าก็เสียทีบอดี้การ์ดหนุ่ม เขาจับมือเจ้าหล่อนไพล่หลังด้วยมือเดียวของตน อีกมือก็ทำท่าจะกระชากผ้าคลุมหน้าออก แต่อีกฝ่ายใช้จังหวะนั้น เอาร่างตัวเองชนร่างเขา ตามมาถีบเต็มแรงจนเขาล้มลง จากนั้นจึงวิ่งออกนอกประตูไป บอดี้การ์ดหนุ่มลุกขึ้นได้ก็วิ่งตามไปทันที รอยเลือดของนักฆ่าสาวหยดเป็นทาง

ทางด้านนรีกานต์หล่อนทรุดกายลงนั่งอย่างหมดแรง ความรู้สึกทั้งใจหาย หวาดกลัว ตื่นตกใจ ประดังเข้ามาพร้อมกัน จนร่างสั่นสะท้าน

มีเสียงฝีเท้ามากกว่าสองตรงมายังห้องของหล่อน ร่างบางผวาเยือกด้วยความหวาดระแวง แต่ก็ผ่อนลมหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านคนที่มาเรียกหล่อนเมื่อครู่นั่นเอง ฝ่ายนั้นมากับสามีและลูก และมีเพื่อนห้องตรงข้ามซึ่งเป็นสามีภรรยาด้วยอีกคู่หนึ่ง

“ตายแล้ว กานต์ เกิดอะไรขึ้นน่ะ” สาวแม่ค้าร้องถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสภาพห้องที่เละเทะ และสภาพของเจ้าของห้องที่นั่งอ่อนระโหยโรยแรงอยู่กับพื้น

หล่อนยังไม่ทันตอบ วโรตม์ก็มาถึง ผมเผ้าที่กระเซิงไร้รูปทรง ทำให้รู้ว่าเขาขับมอเตอร์ไซค์มา

“กานต์ คุณปลอดภัยใช่ไหม มันทำอะไรคุณหรือเปล่า” ร่างสูงเคลื่อนไหวรวดเร็วมาจับมือหล่อนให้ลุกขึ้นยืนและกวาดตาสำรวจอย่างรวดเร็ว

“ไม่ค่ะ เพทายช่วยไว้ทัน”

วโรตม์ทำเสียงรับรู้ ก่อนหันไปส่งสายตาไล่เพื่อนบ้านของหล่อน ซึ่งทุกคนก็เกิดความรู้สึกเดียวกันคือ อย่ายุ่งกับผู้ชายคนนี้ดีกว่า ส่วนหนึ่งเพราะแววตาคู่นั้น ส่วนหนึ่งเพราะทุกคนจำได้ว่าเขาคือใคร ดังนั้นเอง ทั้งหมดจึงพร้อมใจกันถอยกลับเข้าห้องแต่โดยดี

ชายหนุ่มตามไปปิดประตู แล้วหันกลับมาหาเจ้าของห้อง “คุณต้องย้ายออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”

นรีกานต์ทำหน้าเหลอหลา ก่อนส่ายหน้า “ไม่...”

“คิดว่ามันจะปล่อยคุณไว้เหรอ มันต้องตามกลับมาจัดการคุณอีกแน่”

“นี่คงเป็นพรรคพวกของมือปืนคนนั้นใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามเสียงสั่น

“ถ้าคุณไม่มีศัตรูที่ไหนอีกน่ะนะ...อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เก็บของเถอะ”

“จะให้ฉันไปอยู่ที่ไหน หาที่พักใหม่ไม่ใช่ง่ายๆนะคะ”

“คุณไปอยู่บ้านผม...” ไม่พูดเปล่า เขายังเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่หญิงสาววางไว้บนหลังตู้เสื้อผ้าลงมา

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปอยู่กับเพื่อนก็ได้”

วโรตม์ไม่ฟังเสียงและไม่อธิบายอะไรอีก จัดการเปิดตู้เสื้อผ้าหล่อน ทำท่าจะหยิบเสื้อผ้ามาจัดให้ แต่นรีกานต์รีบวิ่งไปแตะมือเขาเป็นเชิงห้าม สีหน้าท่าทางของหล่อนบอกให้วโรตม์รู้ว่าหล่อนจะทำอย่างที่พูด

“ฟังนะ นรีกานต์ ถ้าคุณไปอยู่กับเพื่อน เพื่อนคุณจะพลอยได้รับอันตรายไปด้วย แต่ถ้าคุณไปอยู่บ้านผม คุณจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์”

เหตุผลของเขานั้นเข้าที แต่นรีกานต์ก็ลำบากใจอยู่ดี

“แต่ฉันก็ยังต้องออกมาทำงาน ยังไงก็ต้องเสี่ยงอยู่แล้ว”

“ผมจะติดต่อเจ้านายของคุณ ขอคุณมาเป็นพยาบาลพิเศษแม่ของผม”

หญิงสาวยังคงลังเลเพราะคิดโน่นคิดนี่หลายเรื่อง ถึงจะได้ยินชื่อเขามานาน แต่หล่อนเองเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่กี่วัน เห็นอย่างนั้น วโรตม์จึงเอ่ยขึ้นอีก

“คุณควรจะรู้ว่าผมไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องเจออะไรแบบนี้อีกแน่ๆ และสิ่งที่คุณเคยรู้แล้วแต่คงลืมไปก็คือ คนอย่างผม อยากได้อะไรแล้วต้องได้!”

พูดจบเขาก็ปัดมือหล่อนออกเพื่อจับเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋าให้ นรีกานต์ถอนหายใจยาวๆ อย่างตัดสินใจ ก่อนเอื้อมมือไปแย่งเสื้อผ้าจากมือเขามาจัดเสียเอง

ขณะนั้นเอง เพทายก็มาเคาะประตูห้องและเปิดเข้ามาทันที เพราะได้ยินเสียงเจ้านายอยู่ข้างในแล้ว

“จับตัวมันได้หรือเปล่า”

บอดี้การ์ดหนุ่มส่ายหน้าด้วยความเสียดาย “ไม่ทันครับ พอลงไปถึงข้างล่าง มันก็อาศัยความมืดหนีไป ผมตามเท่าไหร่ก็ไม่เจอ”

“น่าเสียดาย ไม่อย่างนั้นเราคงได้รู้ว่าเจ้านายของมันเป็นใคร” วโรตม์บ่นงึม เพทายพึมพำขอโทษ เขาเองก็เสียหน้าไม่น้อยที่ตามจับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างนักฆ่าคนนั้นไม่ได้ เล่าให้ศักดิ์ฟังคงได้เสียงหัวเราะเยาะเป็นแน่! "ว่าแต่ มันเข้ามาได้ยังไง"

เพทายนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบ "คงปลอมตัวเป็นคนเช่าน่ะครับ นาย ผมขอโทษที่ไม่ดูให้ดี ขอโทษนะครับ คุณนรีกานต์"

เมื่อรู้ว่าตัวเองผิด เพทายก็ไม่ลังเลที่จะขอโทษ เขาก้มศีรษะให้นรีกานต์เพื่อแสดงความจริงใจ

"ไม่เป็นไรค่ะ คนเราผิดพลาดกันได้ อีกอย่าง ถ้าคุณขึ้นมาไม่ทัน ฉันคงตายไปแล้ว ขอบคุณมากนะคะ" นรีกานต์ยิ้มให้เขาอย่างซึ้งใจ เพทายยิ้มรับ

"เก็บเสื้อผ้าต่อเถอะ กานต์" วโรตม์เอ่ยเตือน นรีกานต์รับคำแล้วผละจากไปทำตามคำของเขาทันที

“นายจะพาคุณกานต์ไปอยู่ที่ไหนครับ” เพทายถามพลางมองนรีกานต์ที่กำลังเดินไปหยิบของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำ

“บ้านฉัน นายโทรฯบอกแม่กับน้าสาด้วย ให้คนจัดห้องให้กานต์หน่อย เอาห้องใกล้แม่นะ เพราะกานต์จะเป็นพยาบาลพิเศษของแม่”

“แต่นายครับ...ที่นั่นมี...เอ่อ...คือที่นั่นไม่สะดวก” เพทายร้องเสียงตระหนก “เราหาเซฟเฮาส์ให้เธออยู่ไม่ดีกว่าเหรอครับ”

“แต่ฉันคิดว่าที่นั่นสะดวกมากที่สุดและปลอดภัยที่สุด เพราะคนต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าฉันจะพาเธอไปที่นั่น” คนเป็นนายเน้นชัดถ้อยชัดคำ เพทายจึงไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก ได้แต่เงียบ พร้อมกันนั้นก็มองเห็นเค้าลางของความวุ่นวายได้ชัดแจ๋วทีเดียว!

“อ้อ พรุ่งนี้ ขอที่อยู่บ้านกานต์ที่ต่างจังหวัดแล้วส่งคนไปคอยดูแลครอบครัวเธอด้วย อธิบายให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ทำแบบนั้นแม่ฉันจะยิ่งไม่ปลอดภัยหรือเปล่า คุณพายุ” นรีกานต์เดินออกมาได้ยินพอดี จึงเอ่ยขึ้น

“มีคนของผมอยู่ แม่คุณจะปลอดภัย”

“คุณจะบอกแม่ว่าอะไรคะ”

“ให้เป็นหน้าที่ของผม” เขาเอ่ยขัด มองหล่อนดุๆอยู่ในที “แล้วนับจากวันนี้ คุณก็ห้ามติดต่อใครเด็ดขาด เข้าใจไหม”

+ + + + + + + + + + +


ครู่ต่อมา ทั้งสามคนก็ก้าวออกจากลิฟต์ของอพาร์ตเมนต์ โดยมีเพทายเป็นคนถือกระเป๋า วโรตม์กับนรีกานต์เดินเคียงกันนำหน้า ไม่มีบทสนทนาต่อกัน ต่างเร่งฝีเท้าเพื่อออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

พอออกมาหน้าอพาร์ตเมนต์นั่นละ วโรตม์จึงเอ่ยขึ้น

“นายเอาเสื้อผ้าของกานต์ไปบ้านก่อนเลย กานต์จะไปกับฉัน”

“ครับ นาย”

พอรถที่เพทายขับแล่นพ้นไป วโรตม์ก็หันมาทางหญิงสาว เห็นสีหน้าหงอยๆ ระคนสับสนของหล่อนแล้วก็ให้เห็นใจนัก

“ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน พลางถอดแจ็คเก็ตของตนออกมายื่นให้ “นั่งมอเตอร์ไซค์ ลมแรง ตอนกลางคืนอากาศเย็น ใส่ไว้ซะ”

นรีกานต์พึมพำขอบคุณและทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย วูบนั้นความอบอุ่นก็แผ่วาบจากตัวเสื้อเข้าโลมไล้เนื้อตัวหล่อน หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยก่อนพยายามปรับให้เป็นปกติ แล้วสลัดสะบัดความอบอุ่นนั้นทิ้งไปเสีย

ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินไปที่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของวโรตม์นั่นเอง รถเก๋งคันหนึ่งก็แล่นปราดมาจอดใกล้ๆ วโรตม์ดึงร่างหญิงสาวให้มาอยู่ข้างหลังตนทันทีเพื่อปกป้องตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็หันไปมองรถคันนั้นอย่างระแวดระวัง มือข้างหนึ่งแตะที่ด้ามปืนซึ่งเหน็บไว้ที่เอวอย่างเตรียมพร้อม

นาทีต่อมา อสูรแห่งราตรีก็ได้รู้ว่า เขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ปืน ที่ต้องใช้คือคำพูดและความจริงใจล้วนๆ แถมงานยังหนักกว่าการสู้กับคนร้ายเสียอีก เพราะคนที่ก้าวลงจากรถคือดวงนุช!


(จบบทที่ 12 ค่ะ)

พบกับตอน 13 ในวันจันทร์นะคะ เสาร์อาทิตย์เว้นโพสต์ค่า ^^


ทักท้าย

อ้อม...บ่มีจ้า

คุณwinbkin...งานนี้เพทายเสียหน้าไปแล้ว ฮ่า

คุณSukhumvit66...ช่ายค่ะ นรีกานต์ประมาทไปนิดหนึ่ง

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ...หุหุ น่าจะสมใจแล้วนะค้า

น้องโอ๋...สู้ๆเรื่องงานน้า เอาใจช่วยจ้า ส่วนเรื่องเสี่ย...แหม...ไม่ได้หรอก เสี่ยขารุก ๕๕๕๕๕๕

คุณ sonakshi...มาให้ลุ้นต่ออีกนิดแล้วค่ะ

คุณkonhin...ประมาณนั้นค่ะ


พบกันใหม่วันจันทร์นะค้า



วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2556, 09:21:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2556, 09:21:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1685





<< บทที่ 8 บุพเพจัดสรร   บทที่ 13 >>
Hibara 27 ก.ย. 2556, 10:08:07 น.
เอ้า.. ซวย!!!


Hibara 27 ก.ย. 2556, 10:08:22 น.
หมายถึงแม่ชีน่ะนะคะที่ซวย >.<


ดังปัณณ์ 27 ก.ย. 2556, 10:08:46 น.
หู้ยยยยยยยยยยย เสี่ย งานเข้า ฉะนั้นแล แอร๊ยยยยยยยยยยยย พี่แก้วอ่ะ (ดีดดิ้น เพราะโดนขี้เถ้าโปรย55+) ทำม้ายทำร้ายจิตใจกันแบบนี้ค้า ฮือๆๆๆ น่ากลัวจะลงแดงกว่าจะถึงวันจันทร์ (กระซิกๆ) ทำตาปริบๆ เผื่อฟุล้ค


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ย. 2556, 11:21:44 น.
นีน่าก็แอบน่าสงสารอยู่นา หวังว่านางคนไม่ถูกยืมมือมาจัดการนางเอกนะ


ตุ๊งแช่ 27 ก.ย. 2556, 11:46:28 น.
งานนี้มีศึกชิงนาง เอ๊ย นายหรือป่าวนี่


sonakshi 27 ก.ย. 2556, 12:05:40 น.
อ้าว! รถไฟชนกัน


nasa 27 ก.ย. 2556, 15:38:46 น.
เริ่มงงว่าเจ้าพ่ออ่างรักคุณนางแบบจริงรึเปล่า ช่วงแรกเหมือนว่ารักมาก บางครั้งเหมือนว่ามีความจำเป็นต้องรัก แต่ที่แน่ๆ นางแบบได้กลายเป็นแม่ชีหนีรักแหงเลย


konhin 27 ก.ย. 2556, 19:57:03 น.
โอ๊ะ เอาหล่ะซิ รถไฟชนกันนนนนนนน


Sukhumvit66 28 ก.ย. 2556, 00:54:42 น.
วโรฒมีฝาแฝดป่าวค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account