เพลิงดอกรัก by แสนดี

Tags: เจ้าพ่ออ่าง,มาเฟีย,แสนดี,เพลิงดอกรัก,

ตอน: บทที่ 6 บุพเพหรือเล่ห์กรรม

กว่าจะเสร็จธุระจากสถานีตำรวจก็กินเวลาไปจนเย็น วโรตม์ตั้งท่าจะไปส่งนรีกานต์ แต่หญิงสาวอาศัยจังหวะที่สารวัตรเจ้าของสถานีตำรวจแห่งนี้ขอคุยกับเขาต่ออีกนิดชิ่งกลับก่อนโดยมีนายตำรวจร่างสันทัด ท่าทางจริงใจคนหนึ่งเป็นคนไปส่ง เพราะทางตำรวจกันหล่อนเอาไว้เป็นพยาน เนื่องจากเป็นคนเดียวกันที่เห็นหน้าคนร้ายนั่นเอง โดยในวันนี้เป็นการให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น จะนัดสืบพยานอีกในวันหลัง

วโรตม์ออกอาการผิดหวังเห็นได้ชัดเมื่อออกมาแล้วไม่เจอหล่อน

“ฉันรู้นะว่าพวกนายคิดอะไร แต่ที่ฉันอยากไปส่งเธอ เพราะอยากแน่ใจว่าเธอปลอดภัย”

“แต่ตำรวจเขากันเธอเป็นพยานแล้วนะครับ นาย”

“ฉันได้กลิ่นทะแม่งๆ กลิ่นแรงเสียด้วย ฉันกลัวแต่ว่า คนที่ไปคุ้มครองจะเป็นคนทำร้ายเธอเสียเองน่ะสิ”

“นี่นายกำลังจะบอกว่าตำรวจกับไอ้เสี่ยนั่น...” ศักดิ์ทำเสียงสงสัย วโรตม์ไม่ตอบอะไรนอกจากหยิบโทรศัพท์ออกมากดหานรีกานต์ตามหมายเลขที่หล่อนส่งรูปน้องสาวเข้ามา

“คุณถึงบ้านแล้วใช่ไหม”

“ใครคะ” ปลายสายถามท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจรอบตัว

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก็กรอกเสียงลงไป “ผมเอง”

“ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้ คิดว่าคุณคงโทรฯผิด”

“เอ พูดอย่างนี้ แสดงว่าคนพูดคงไม่ห่วงน้องสาวแล้วละมั้ง คงไม่มีประโยชน์ถ้าจะช่วยตามหา”

“แต่คุณสัญญากับฉันแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาเด็ดขาด” คราวนี้หล่อนร้องเสียงหลง จนเขาเผลอยิ้ม

“ต้องให้ขู่ ถึงจะยอมพูดด้วย”

“คุณมีธุระอะไรกับฉัน หรือมีความคืบหน้าเรื่องของยายฤดีแล้วคะ”

“ผมยังไม่ได้ออกจากโรงพักเลยคุณ แต่ที่โทรฯมา ผมแค่อยากแน่ใจว่าคุณกลับถึงบ้านปลอดภัยแล้วก็เท่านั้น”

“ทำไมฉันถึงจะไม่กลับถึงบ้านและไม่ปลอดภัยล่ะ ฉันไม่ได้มีศัตรูรอบด้านเหมือนคุณนี่ อีกอย่างฉันก็มากับตำรวจ”

“เขาพูดอะไรกับคุณบ้าง”

“ก็ไม่ได้พูดอะไรนี่คะ เขาดีจะตายไป...นี่คุณ ตำรวจน่ะไม่ได้เป็นทาสเงินของคุณทุกคนหรอกนะ”

“ยังไงคุณก็ต้องระวังตัวอยู่ดี ที่ผมถามคุณว่า คุณคิดว่ายังไงที่เกิดเหตุบนปลายจมูกของพวกเขา แต่พวกเขากลับนิ่งเฉย นั่นเพราะผมค่อนข้างมั่นใจว่างานนี้ตำรวจร่วมมือกับไอ้คนที่สั่งฆ่าผม”

ปลายสายนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก็กรอกเสียงสั่นๆลงมา

“คุณกำลังทำให้ฉันกลัวนะคะ”

“คุณจะยังปลอดภัย เขาจะยังไม่ทำอะไรคุณตอนนี้เพราะประชาชนกำลังจับตามองอยู่ ส่วนมือปืนคนนั้นก็บาดเจ็บหนัก”

“แล้วหลังจากนี้ล่ะคะ”

“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรเด็ดขาด ผมสัญญา” จบคำหนักแน่นนั้น เขาก็กดตัดสาย แล้วเดินไปขึ้นรถ สั่งให้ตรงกลับบ้านทันที

ระหว่างทาง อสูรแห่งราตรีใช้โทรศัพท์เกือบตลอดเวลา ทั้งสายจากที่บ้าน ตามด้วยดวงนุชที่เพียรโทรฯหาเขาหลังจากข่าวการถล่มยิงแสนอุกอาจนั้นแพร่ออกไป กว่าจะปลอบให้หล่อนยอมสงบและรับปากว่าจะไม่มาหาเขาได้ก็กินเวลาไปหลายนาที พอวางสายจากดวงนุช เมทินีก็โทรฯเข้ามาอีกคน ตามติดด้วยหลักเขตต์เป็นสายสุดท้าย ซึ่งรายนี้ พอรู้ว่าน่าจะเป็นฝีมือของเสี่ยอรรคพลก็ถึงกับเต้น

“ไอ้เสี่ยนี่ มันชักจะเล่นเราหนักแล้วนะครับ พี่พายุ พี่จะเอาคืนมันหรือเปล่า”

“ยังไม่ใช่ตอนนี้ รอให้ฉันแน่ใจอะไรอีกนิดก่อนก็แล้วกัน...” จากนั้นจึงวางสาย แล้วโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะด้วยท่าทีเหนื่อยล้า

พักใหญ่ต่อมา เก๋งคันงามก็เลี้ยวเข้าไปในเขตกำแพงหนาทึบและสูง ปิดกั้นความเป็นไปจากทุกสายตาภายนอก ประตูรั้วใช้รีโมทเปิดปิด ป้อมยามด้านหน้ามีชายฉกรรจ์หน้าโหดสองคนประจำการอยู่

‘อาณาจักร’ ของอสูรราตรีมีเนื้อที่ประมาณสามไร่ ด้านหน้าปลูกไม้ตกแต่งเน้นไม้ที่ไม่สูงนัก บางจุดทำเป็นแปลงก่อด้วยบล็อกซีเมนต์แล้วลงพืชล้มลุกหลากหลายพันธุ์ หลายจุดลงไม้ดอกสีสันสดใส ด้านข้างข้างหนึ่งของบ้านเป็นต้นปาล์มสูงใหญ่ ปลูกห่างๆกัน มีไม้พุ่มเตี้ยล้อมรอบต้นปาล์มอีกที อีกด้านเป็นโรงรถขนาดใหญ่มีรถจอดอยู่ประมาณสิบคัน รวมทั้งมอเตอร์ไซค์ด้วย ด้านหลังเป็นสนามหญ้าสีเขียวขจี แล้วจึงเป็นดงไม้ใหญ่ที่ขึ้นอย่างหนาแน่น

รอบๆบ้าน มีลูกน้องของเขาประจำอยู่หลายจุด เตรียมพร้อมเสมอสำหรับผู้บุกรุกที่จะเข้ามาทุกทิศทาง

รถของวโรตม์แล่นมาจอดหน้าบ้านตึกสามชั้น ทาสีเทาทั้งหลัง สตรีวัยกลางคนคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าประตูเข้าบ้านก่อนแล้วด้วยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล และทันทีที่รถจอดสนิทเธอก็เดินเร็วๆ มาหา และสวมกอดร่างสูงใหญ่ของเขาเอาไว้แน่นโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

“เป็นยังไงบ้าง ลูก แม่เป็นห่วงลูกมากเลยรู้ไหม ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า” แล้วเธอก็ผละออกเพื่อสำรวจตรวจตราร่างกายของเขา ใบหน้าของทั้งสองมีความละม้ายคล้ายคลึงมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์

“โดนยิงที่ขา ไหล่และที่หลังครับ แล้วตอนนี้ก็ตายไปแล้วด้วย” วโรตม์ตอบเสียงขรึม ยกมือกอดอกและมองอีกฝ่ายด้วยสายตารู้เท่าทันบางอย่าง แต่หญิงกลางคนทำเป็นมองไม่เห็น

“โธ่ ลูก ทำไมต้องประชดแม่ด้วยเล่า ที่ถามนี่ก็เพราะเป็นห่วงจริงๆนะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ แม่” ตรงคำว่าแม่เขาลงเสียงหนัก มองเธอขำเชิงระอาทว่าไม่จริงจังนัก จากนั้นจึงหมุนตัวเพื่อจะเดินขึ้นบ้าน

“เดี๋ยวสิ ลูก”

“ขอบคุณน้าสามากครับที่ช่วยทำให้ผมขำและผ่อนคลายขึ้น แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องต้องทำอีกเยอะเลย เอาไว้ว่างๆ ผมจะมาให้น้าสาเล่นด้วยใหม่ก็แล้วกันนะครับ”

“น้าสาอะไร นี่แม่นะ” อีกฝ่ายทำหน้าเบ้ แววตาตัดพ้อน้อยใจ แถมยังมีน้ำคลอๆที่ดวงตาที่ได้รับการตกแต่งประณีตนั่นด้วย “นี่ลูกคิดว่าแม่แกล้งทำเป็นน้าสาเพื่อมาแกล้งลูกอย่างนั้นหรือ แม่เสียใจนะ”

“ผมก็เสียใจที่วันนี้ผมเล่นกับน้าสาไม่ได้จริงๆ”

“น้าสาอีกแล้ว นี่แม่นะ แม่ของลูก” อีกฝ่ายยังยืนยันตัวตนด้วยสีหน้าละห้อย

สิ้นคำพูดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างในบ้าน ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินออกมา เจ้าของเสียงซึ่งมีวัย รูปร่างและใบหน้าพิมพ์เดียวกันกับหญิงกลางคนชนิดไม่ผิดเพี้ยน!

“ก็พี่บอกเธอแล้ว สา ว่ายังไงลูกเขาก็จำได้ว่าคนไหนคือแม่ของเขา เธอก็ยังอยากเล่นอยู่นั่นแหละ” ผู้มาใหม่เอ่ยขำๆ

“ก็นายคนนี้เขาไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลานี่คะ น้องก็อยากรู้ว่าเขาจะแยกแยะได้หรือเปล่า” คนเป็นน้องตอบด้วยหน้ามุ่ยๆ ก่อนส่งวงค้อนมาให้คนที่ตนเพิ่งทดสอบไป “ไหน เธอบอกมาซิ ว่าทำไมถึงรู้ว่าน้าไม่ใช่แม่ของเธอ”

คราวนี้วโรตม์หัวเราะในลำคอก่อนตอบ

“โธ่ น้าสา อยากได้ยินคำตอบแบบไหนครับนี่ เหตุผลก็เหมือนเดิมนั่นแหละครับ คนเราถึงจะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน แต่ก็คงไม่เหมือนกันไปเสียทุกอย่าง น้าสาของผมเปรี้ยวและคล่องแคล่วกว่าแม่ ยังไงก็ซ่อนไว้ไม่มิดหรอกครับ น้ำหอมก็คนละกลิ่น เท่านี้พอไหมครับ”

“พอและเบื่อมาก เล่นกับนายคนนี้ทีไรไม่เคยมีอารมณ์ร่วม จะแกล้งหลอกว่าเราเนียนให้เราดีใจหน่อยก็ไม่ได้ ผู้ชายอะไรยะ ไม่มีอารมณ์ขัน ไร้เสน่ห์สิ้นดี” พูดจบเธอก็สะบัดหน้าไปทางอื่นด้วยอาการเซ็งๆ วโรตม์กับมารดาหันสบตากันขำๆ ก่อนท่านจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจเอาเสียเลย

“ตกลงตำรวจเขาว่ายังไงบ้างจ๊ะ ลูก”

“เรื่องที่มีคนแจ้งความเรื่องกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดครับ แม่ ส่วนเรื่องลอบทำร้าย ตำรวจก็ชี้ไปที่เสี่ยอรรคพลนั่นแหละครับ”

“แล้วลูกจะทำยังไงต่อไป”

“แบบนี้มันต้องยกพวกไปเอาคืนสิ พี่วรรณ ถึงจะสะใจ เอาให้ไอ้เสี่ยหน้าหมูนั่นต้องหยอดน้ำข้าวต้มไปเลย” อรสาโพล่งขึ้น

“เอาอีกแล้วนะ สา ยุหลานแบบนี้อีกแล้ว มันถึงแค้นกันไปแค้นกันมาไม่จบสิ้นอยู่นี่ไง” คุณอารวรรณตำหนิเชิงปรามอยู่ในที “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะ”

“แล้วจะให้มันทำเราฝ่ายเดียวเหรอ พี่ คราวที่แล้วก็มันไม่ใช่เหรอที่ทำให้ตาพายุเจ็บปางตายน่ะ นี่ยังไม่ได้เอาคืนเลยนะ มันมาหาเรื่องเราอีกแล้ว” อรสาแย้งด้วยท่าทางเจ็บแค้น

“แต่...”

“พอเถอะครับ แม่ น้าสา ผมตัดสินใจแล้ว คืนนี้ผมจะไป ‘ถาม’ เสี่ยอรรคพลด้วยตัวผมเอง” ชายหนุ่มเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว “ว่าแต่วันนี้ ‘เขา’ เป็นยังไงบ้างครับ” ตอนที่ถามวโรตม์พยักหน้าไปทางด้านหลังบ้าน

“เหมือนเดิม” คนตอบคืออรสา “ไม่อยากคุยกับใครนอกจากเรา บ่นว่าอยากออกไปข้างนอกบ้าง ไม่ชอบที่ทำเหมือนเราขังเขาไว้”

อสูรแห่งราตรีทำเสียงรับรู้ ก่อนขยับตัว

“ผมจะไปหา ‘เขา’ สักหน่อย...ส่วนพวกนายสองคนไปพักผ่อนได้” ตอนท้ายเขาหันไปทางบอดี้การ์ดคู่ใจ จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็เดินอ้อมบ้านเพื่อไปทางด้านหลัง เดินผ่านดงไม้หนาแน่นนั้นไป พอพ้นดงไม้ บ้านหลังชั้นเดียวหลังเล็กที่มองเผินๆเหมือนบ้านร้างก็ปรากฏชัดแก่สายตา และอสูรแห่งราตรีก็ใช้เวลาอยู่ที่นั่นจนค่ำจึงกลับออกมา

เขาเดินยังไม่ถึงบ้านหลังใหญ่ด้วยซ้ำ ศักดิ์กับเพทายก็เดินเร็วๆตรงมาหา

“เราหาตัวมือปืนเจอแล้วครับนาย...”

+ + + + + + + + +

นรีกานต์ไปถึงคลินิกของหมอถวิลหาก่อนเวลาเปิดช่วงเย็นไม่ถึงสิบนาที ซึ่งหญิงสาวก็ขอโทษขอโพยภรณีเป็นการใหญ่ ที่ต้องให้มาเปิดร้านคนเดียว และตัดสินใจเล่าเรื่องให้ฟังเพียงคร่าวๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดอื่น
ท่าทางภรณีตกอกตกใจเป็นอย่างมากที่หล่อนช่างหาญกล้ากับอสูรแห่งราตรีถึงขนาดนี้ แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีเวลาคุยกันมาก เพราะเริ่มมีคนไข้เข้ามาแล้ว

กว่าคลินิกจะปิด กว่าจะเก็บของเสร็จก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่า เมื่อไปถึง สิ่งแรกที่ทำคือการกดฟังข้อความจากเครื่องโทรศัพท์บ้าน เผื่อมนฤดีจะติดต่อมาบ้าง แต่ก็ว่างเปล่า หญิงสาวได้แต่ถอนใจด้วยความเครียด ตกลงมนฤดีไปไหน อยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วนี่หล่อนจะตอบคำถามแม่ว่าอย่างไรดี

นรีกานต์คิดว่า พรุ่งนี้ หล่อนจะลองติดต่อสำนักงานนักสืบให้ช่วย หล่อนไม่กล้าหวังตำรวจอีกแล้วเมื่อได้เห็นสถานการณ์วันนี้

“ขอโทษด้วยนะคะ ตำรวจดีทั้งหลาย” หญิงสาวพึมพำ

ส่วนกับวโรตม์ มาถึงนาทีนี้ หล่อนยอมรับว่าแม้เขาจะทำให้หล่อนรู้สึกอุ่นใจได้บ้าง แต่หล่อนก็ไม่อาจเลิกระแวงในตัวเขา บางทีเขาอาจเก็บมนฤดีไว้จริง แต่เนื่องจากน้องสาวหล่อนอายุยังไม่ถึงยี่สิบ การโดนข้อหาพรากผู้เยาว์อีกกระทงหนึ่ง ย่อมไม่ดีกับเขาแน่ เขาจึงต้องปฏิเสธและทำทีว่าจะช่วยเหลือหล่อน

นั่งพักเหนื่อยสักครู่ หญิงสาวก็จัดการเรื่องอาหาร ซึ่งวันนี้หล่อนหิ้วมาจากปากซอยแทนการทำทานเองอย่างทุกครั้งที่มีเวลา

โต๊ะอาหารของหล่อนเป็นโต๊ะญี่ปุ่นใบเล็กที่เวลาปกติก็เป็นโต๊ะเขียนและอ่านหนังสือ หล่อนจะชอบทานข้าวไปด้วยและดูทีวีไปด้วย และหน้าจอทีวียามนี้ก็กำลังเสนอข่าวของอสูรแห่งราตรีอยู่ หญิงสาวเผลอทำหน้ามุ่ยเพราะเอียนหน้าเขาเต็มทน อย่างไรก็ตามหล่อนก็ฟังการวิเคราะห์ข่าวของผู้รายงานข่าวอย่างตั้งใจ

ทานข้าวเสร็จ จัดการล้างจานเก็บเรียบร้อย ก็เตรียมตัวซักเสื้อผ้า แต่ขณะที่กำลังเอาผ้าลงเครื่องนั่นเอง วโรตม์ก็โทรฯเข้ามาอีกครั้ง

“ค่ะ คุณพายุ มีข่าว...”

“ผมหาตัวมือปืนเจอแล้ว และก็จัดการมันเรียบร้อยแล้วด้วย”

“จัดการ? ด้วยวิธีไหนคะ” นรีกานต์ร้องถามเสียงตระหนก

“วิธีในแบบของผม” ปลายสายเอ่ยเสียงหนัก

หญิงสาวนิ่งอึ้งไปสองสามวินาที ก่อนครางเสียงแหบโหย “เหรอคะ”

“แต่ถึงผมจะหาตัวเขาเจอแล้ว คุณก็ต้องระวังตัวอยู่ดี เพราะเขายังไม่สารภาพว่าเจ้านายของเขาคือใคร เจ้านายของเขาอาจส่งคนมาจัดการคุณได้ทุกเมื่อ”

“แล้วฉันจะร้องขอการคุ้มกันจากตำรวจก็แล้วกันค่ะ”

“ผมให้คนของผมสืบประวัติไอ้มือปืนที่ตายทั้งหมดแล้ว คนหนึ่งเป็นลูกน้องของนายตำรวจคนหนึ่งในสถานีตำรวจนั่น”

นรีกานต์นิ่งอึ้งไปอีกครั้ง หดหู่กว่าครั้งไหนที่เคยหดหู่มา “มันน่าเศร้าจังเลย...”

“นี่แหละความจริงของโลกอำนาจละ”

“หลังจากนี้คงมีคนตายเพิ่มขึ้นอีก และคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆใช่ไหมคะ”

“มันเป็นวัฏจักร นรีกานต์ เราไม่ทำเขา เขาก็ทำเรา”

หญิงสาวระบายลมหายใจแรงๆ “ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมหยุด มันคงจะลดจำนวนคนตายได้เยอะเลย...เฮ้อ ฉันคงพูดมากไปแล้ว งั้นแค่นี้นะคะ ฉันหวังว่าคดีนี้จะจบโดยเร็ว และฉันคงไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีกแล้ว”

“อย่าเพิ่งพูดเลยคุณ ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน บางที...คุณอาจต้องใกล้ชิดกับสิ่งเหล่านี้มากกว่านี้ร้อยเท่าก็ได้”

“มากกว่านี้ร้อยเท่า? คุณพูดยังกับฉันจะผันตัวเองไปเป็นเจ้าแม่เหมือนเจ้าพ่ออย่างคุณงั้นแหละ”

“ทำไมล่ะคุณ เป็นเจ้าแม่ไม่ดีเหรอ คุณจะมีทั้งเงิน ทั้งอำนาจ ทั้งบารมีเลยนะ ใครๆ เขาก็อยากมีสามสิ่งนี้ทั้งนั้นแหละ”

“ไม่ปฏิเสธค่ะ ฉันอยากมีเงิน แต่ขอมีด้วยวิธีสุจริต อยากมีอำนาจ มีบารมี แต่ขอเป็นอำนาจและบารมีในทางธรรมดีกว่า”

“โอ๊ะ ผมก็ลืมไปว่าคุณเป็นแม่ชีน้อย...” จบคำพูดนั้นก็มีเสียงหัวเราะขำๆตามมา นรีกานต์เผลอส่งวงค้อนให้เขาทางโทรศัพท์

“เลิกเรียกฉันแบบนี้ได้แล้ว ฉันยังถือศีลไม่ครบข้อเหมือนแม่ชี แล้วก็ไม่ได้เคร่งธรรมะอะไรขนาดนั้นด้วย ถ้าเคร่งละก็ ฉันคงทำใจปล่อยวางเรื่องของพวกคุณได้แล้วสิ ว่ามนุษย์ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นแดนเกิด”

“ซ้าธุ...” เจ้าพ่ออ่างทองคำแกล้งเปล่งคำนั้นล้อเลียน “อืม...แล้วการที่เราได้มารู้จักมาเกี่ยวข้องกันเนี่ย คุณคิดว่าเพราะเรามีเวรกรรมต่อกันหรือเปล่าน่ะ นรีกานต์”

“แน่นอนที่สุด”

“หยุดคิดสักนิดก่อนตอบไม่ได้หรือไงคุณ แหม ตอบเร็วเชียว” วโรตม์อดเหน็บไม่ได้

“คุณมีธุระอะไรกับฉันอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มี วางสายนะคะ ฉันมีงานอื่นต้องทำต่อ สวัสดีค่ะ”

“เดี๋ยวก่อน นรีกานต์...” ชายหนุ่มรีบเรียกไว้ แล้วพูดต่อเร็วๆว่า “คุณเรียกมันว่าเวรกรรม แต่ผมเรียกมันว่าบุพเพสันนิวาส”

พูดจบเขาก็กดตัดสายไปทันที ปล่อยให้คนฟังได้แต่มองเครื่องมือสื่อสารตรงหน้าด้วยอาการอึ้งๆ

นอกเหนือจากความแปลกใจในคำพูดนั้นแล้ว หล่อนก็ยังแปลกใจที่เจ้าพ่ออ่างอย่างเขาใช้คำพูดว่า บุพเพสันนิวาส อีกด้วย ไม่ได้ยินกับหู หล่อนคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน ในเมื่อคนอย่างเขา ต้องเรียกว่า เงินสันนิวาสถึงจะถูก

อย่างไรก็ตาม หล่อนก็ไม่เอาคำพูดของเขามาคิดหรือรู้สึกต่อ เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ เขาไม่เพียงเหี้ยม โหด และดุเท่านั้น แต่ยังเจ้าชู้อีกด้วย ผู้หญิงคนไหนหลงลมปากเขาก็แค่รอเวลาเสียใจเท่านั้นเอง

หญิงสาววางโทรศัพท์ลงแล้วลุกขึ้น เพื่อเตรียมตัวไปทำงานที่ค้างอยู่ต่อ แต่โทรศัพท์ก็กรีดเสียงขึ้นอีกครั้งเสียก่อน หล่อนหยิบมากดรับ แล้วกรอกเสียงลงไปทันที

“แต่สำหรับฉัน มันไม่มีทางเป็นบุพเพไปได้หรอกคุณ มันเป็นเวรกรรมชัดๆ ที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับคุณน่ะ”

“กานต์ พูดอะไรกับใครน่ะ นี่พี่เองนะครับ” เสียงปลายสายกลายเป็นเสียงทุ้มอีกเสียงที่คุ้นหูกว่าเมื่อครู่ และนรีกานต์ก็นิ่งอึ้งไปนาน มือเท้าเย็น หัวใจชาวาบ

“พี่หมอ...”

“ครับ พี่เอง เมื่อกี้กานต์พูดเรื่องบุพเพ เรื่องเวรกรรมกับใครครับ มีใครทำให้กานต์ไม่สบายใจหรือเปล่า” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่คนฟังกลับรู้สึกทรมานเหลือคณาจึงได้แต่เงียบ “กานต์ ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”

นรีกานต์สูดลมหายใจยาวๆ ลึกๆ ก่อนตอบ “ตอนนี้กานต์ไม่สะดวกคุยค่ะ พี่หมอ”

“กานต์ไม่มีเวลาให้พี่เหมือนก่อนแล้วสินะ” ปลายสายตัดพ้อก่อนเปลี่ยนเป็นเว้าวอน “คุยกับพี่หน่อยนะ กานต์ พี่เหนื่อยและไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครแล้ว พี่อยากได้กำลังใจ อยากได้คนรับฟัง...”

“พี่หมอควรจะไปหาคนรักของพี่หมอนะคะ” หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างตัวเองจนรู้สึกเจ็บตอนที่เอ่ยคำว่าคนรักของเขา คนรักของเขา เพื่อนของหล่อน และเขาผู้เคยเป็นคนรักของหล่อนมาก่อน!

“อย่าพูดถึงเขาเลย เขาไม่เคยให้กำลังใจ ไม่เคยเห็นใจพี่ มีแต่นำเรื่องร้อนใจมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน ที่พี่เหนื่อยอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องเขานั่นแหละเป็นหลัก...”

“พี่หมอคะ...กานต์ขอวางสายค่ะ กานต์ไม่สะดวกคุย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน พี่หมออย่าทำให้กานต์รู้สึกแย่มากไปกว่านี้เลยค่ะ”

พูดจบ หล่อนก็กดตัดสายทิ้งและปิดเครื่องทันที พร้อมน้ำตาที่ไหลทะลัก ความเข้มแข็งที่แสร้งทำเมื่อครู่ถูกความอ่อนแอดีดเสียกระเด็น ไม่ว่าจะอย่างไรหล่อนก็ไม่เคยเข้มแข็งได้กับเรื่องของเขา ยังเจ็บยังปวดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงได้ยินชื่อ

คืนนั้นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว นรีกานต์ก็สวดมนต์นั่งสมาธิเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง เพื่อทำใจและปล่อยวางเรื่องของอดีตคนรักพร้อมกับแผ่เมตตาให้คนทั้งคู่ไปจากชีวิตของหล่อนอย่างจริงจังเสียที โดยไม่ลืมแผ่เมตตาให้มือปืนทั้งสี่ที่เสียชีวิตในวันนี้ด้วย


+ + + + + + + + + +

กลางดึกคืนนั้นปรากฏชายฉกรรจ์ยี่สิบกว่านายในชุดสีดำบุกเข้าไปในอาบอบนวดของเสี่ยอรรคพล ซึ่งหรูหราเป็นรองก็แค่อาบอบนวดของอสูรแห่งราตรีเท่านั้น แล้วก็เกิดการปะทะกันกับคนของสถานที่

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดและกินเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง กลุ่มผู้บุกรุกก็กลับออกไป ทิ้งความพินาศและย่อยยับไว้เบื้องหลัง!





(จบบทที่ 6 ค่ะ)

ทักท้ายค่ะ

น้องโอ๋...อิอิ อีตาเสี่ยเริ่มรุกแล้วจ้า

อ้อม...ฟันธงอารายค้าาาาาา

คุณ Sukhumvit66...555555 เสร็จแน่ๆ

คุณ ปลากัด...ฮิ้วววววววว มาลงต่อเวยๆเลย

คุณ รักเร่...อ๊ะ อันนี้ต้องติดตามอย่าได้กะพริบตานะค้า

คุณผักหวาน...อุ๊กรี๊ดดด พลาด ๕๕๕๕๕๕๕ ขอบคุณมากๆที่ช่วยปรู๊ฟค่ะ จุ๊บๆ เลย





วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2556, 23:11:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2556, 23:42:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1770





<< บทที่ 5    บทที่ 8 บุพเพจัดสรร >>
อสิตา 12 ก.ย. 2556, 01:50:06 น.
แวะมาเยี่ยม ...ยังไม่มีพล็อตย่อข้างบนหรือคะคนเขียนผู้น่าฮัก


konhin 12 ก.ย. 2556, 03:01:17 น.
หวังว่าจะไม่ใช่มือที่สามที่ยุให้เสือสองตัวห้ำหั่นกันเอง เข้าตำรา นั่งบนภูดูเสือกัดกัน


ตุ๊งแช่ 12 ก.ย. 2556, 08:49:34 น.
[อมยิ้ม ฟันธงว่าเขาทายถูก อุเหม่ มีทิ้งบอมส์ตอนท้ายด้วย


ดังปัณณ์ 12 ก.ย. 2556, 10:54:31 น.
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย เสี่ยขาาาาาาาาา เสี่ยน่ารักอ่ะ มีมุมนี้ด้วย 555+ กะจะกินไก่ล่ะสิเสี่ยยยยยย อิๆเค้ารู้ทันนร้าาาาาาาาาาาา พี่แก้วคร้าาาาาา สงสารพี่หมอคะ กระซิก (เทหัวใจไป 10%) 555+


Sukhumvit66 12 ก.ย. 2556, 11:50:25 น.
งานนี้ต้องมีมือทีสาม แหง่ม ๆ กลิ่นทะแม่ง ๆ ไงชอบกล


nasa 12 ก.ย. 2556, 18:31:20 น.
มาเฟียได้ใจมาก แต่ใจจริงแอบอ่อนโยนกะนางชี ช่วยดีดแฟนนางแบบออกไปเร็วๆ เถอะค่ะ


porpla 28 ก.ย. 2556, 13:55:59 น.
เพิ่งตามมาอ่านคะ สงสัยว่าทำไม นางเอก คุยโทรศัพท์ ด้วยชื่อเล่นพระเอกอ่ะค่ะ
ปล เนื่อเรื่องสนุกมากคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account