อาญาซาตาน
ชาครีย์ หรือเสือ จากอดีตเคยเป็นคนจนๆ กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะได้เงินจากการขายที่ดินแถวหนองงูเห่าที่เมื่อก่อนราคาไร่ละไม่กี่แสน แต่พอสร้างสนามบินขึ้นมากลายเป็นราคาหลายสิบล้าน และเขาก็สร้างฐานะให้มั่นคงด้วยการจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคนรวยทั้งหมอ ทั้งนักการเมืองคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้สร้างตัวได้ในเวลาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น
เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี
แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก
เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน
เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว
กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว
และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม
และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ

Tags: พระเอกโหด เศร้า รัดทด

ตอน: ของกำนัลวันกลับบ้าน

ร่างระหงกับชุดเกาะอกเผยให้เห็นเนินเนื้อที่ยังขาวผ่อง เต่งเต็มของคนเป็นเจ้าของที่คอยดูแลไว้เป็นอย่างดี เมื่อเดินเข้างานวันเกิดของประสงค์ในวันถัดมา หม้ายสาวยิ้มเหยียดหยันในทันทีเมื่อเห็นคนบ้านใหญ่ยืนหน้าบานคู่กับสามีต้อนรับแขกอยู่หน้างานแล้วทำให้รู้สึกเกลียดนัก แต่ก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี จึงปั้นหน้ายิ้มเดินเข้าไปหาอย่างไม่คิดจะเกรงกลัวใครทั้งสิ้น
“เมื่อวานเธอทำงานได้ดีมากนะ ขอบใจจริง ๆ ดูสิดอกไม้พวกนี้จัดสวยมาก”
ถนัดศรีบอกทั้งรอยยิ้ม ทำให้สไบแพรมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อวานคงไม่ใช่เพราะธรรมชาติเรียกร้องเป็นแน่ แต่ป่วยการจะไปปรักปรำคุณนายบ้านใหญ่ หากไม่มีหลักฐาน แล้วจะไปหามาทำไมหลักฐาน รังแต่จะทำให้ประสงค์รังเกียจที่จะใช้ผู้หญิงคนเดียวกันกับคนสวนไปเปล่า ๆ
“ด้วยความยินดีค่ะคุณพี่ ความจริงน้องว่าคุณพี่เองก็เก่งนะคะ จัดการอะไรต่อมิอะไรได้ดีไปหมด”
คนบ้านใหญ่หาได้สะทกสะท้านกับคำพูดปนเหน็บแนมของหม้ายสาวเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังยิ้มแย้มใส่ประหนึ่งไม่มีอะไรค้างคาใจเลยสักนิด ประสงค์ได้แต่ยืนฟังผู้หญิงของเขาทั้งสองคนตีหน้ายิ้มใส่กันด้วยความไม่เข้าใจนัยของบทสนทนา และเมื่อเห็นแขกคนสำคัญมาเขาจึงปลีกตัวไปต้อนรับเพียงลำพัง
“คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าฉันเก่ง และจัดการเรื่องสารพัดได้ด้วยตัวเอง แต่บางคนก็ว่าฉันเก่งแต่ปาก ดีแต่สั่ง พอเอาเข้าจริง ๆ แล้วก็ทำไม่ได้เรื่อง แล้วเธอล่ะคิดอย่างนั้นมั้ย”
ถนัดศรียังคงต่อบทสนทนาด้วยความอารมณ์ดี เพราะรู้ว่าตัวเองเหนือกว่าในทุกด้าน ส่วนอีกคนก็หาได้หวั่นเกรงไม่ แต่ก็ยังตีหน้าตายกลับได้ไม่ยาก
“อุ๊ย!! น้องไม่กล้าคิดหรอกค่ะคุณพี่”
“เหรอ แล้วฉันจะคอยดู ตามสบายนะสไบแพร ขอตัวไปทางโน้นหน่อย อ้อ!! ฉันเกือบลืม อย่าเพิ่งหนีกลับไปเร็วนักนะ อยู่นาน ๆ จนกว่างานจะเลิก ฉันมีอะไรดี ๆ ไว้เซอร์ไพร้เธอกับสามีฉันและแขกในงานด้วยล่ะ”
สิ้นคำถนัดศรีก็เดินหนีทันที ทิ้งให้หม้ายสาวมองตามและครุ่นคิดในคำพูดที่ทิ้งท้ายไว้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเซอร์ไพร้นั้นจะเกี่ยวข้องกับตัวเองโดยตรง กระทั่ง
“คุณ ๆ พวกเด็ก ๆ อยากให้เราร้องเพลงคู่กันแหน่ะ สนใจมั้ยผมว่าก็ดีนะ เราไม่ได้ร้องนานแล้ว” ประสงค์เอ่ยชวนภรรยา
“ไม่ค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันร้องเพลงไม่เก่ง อายเค้า คุณไม่ชวนสไบแพรไปล่ะคะ เห็นว่าเสียงดีไม่ใช่เหรอ”

“ก็เด็กอยากฟังคุณร้องนี่ มาเถอะอย่าเล่นตัวนักแก่แล้วนะ” ประสงค์ยังคงไม่ยอมแพ้ แม้อยากจะร้องคู่กับอีกคนก็ตามที ส่วนสไบแพรก็ได้แต่นั่งยิ้มรอจังหวะเหมาะ ๆ ที่จะทำให้ตัวเองโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ในงาน เทียบเท่าคุณนายบ้านใหญ่
“เอาเป็นว่าฉันส่งสไบแพรไปเป็นตัวแทนก็แล้วนะคะ เธอจะทำให้ฉันได้มั้ยจ้ะ”
แล้วทั้งคู่ก็ขึ้นบนเวทีครวญเพลงเพราะ ๆ แถมส่งสายตาหวานฉ่ำให้กันและกันประหนึ่งผัวหนุ่มเมียสาว เพลงแรกผ่านไปด้วยดี ครั้นถึงเพลงสองประสงค์ก็ยกเวทีให้สไบแพรครองแต่เพียงผู้เดียว ส่วนเขาขอลงไปนั่งฟังดีกว่า อีกทั้งมีแขกผู้ใหญ่หลายคนต้องไปดูแล นักร้องหม้ายไม่ได้ทำให้ผู้ชมผิดหวังสักนิด ด้วยเสียงร้องอันเสนาะหูไม่แพ้นักร้องมืออาชีพ ทำเอาผู้ฟังต่างเคลิบเคลิ้มไปตาม ๆ กัน
แต่จู่ ๆ ผู้คนต่างเกิดอาการอึ้งจนอ้าปากเหว๋อไปทั้งงาน เมื่อมิวสิควีดีโอประกอบเพลงบนจอใหญ่ติดตั้งไว้ในงานหลายจุด เป็นภาพที่ไม่มีใครคาดฝันว่าจะได้เห็น โดยเฉพาะประสงค์ซึ่งแทบจะลมจับคาเก้าอี้อยู่ตรงนั้น นักร้องสาวเกิดความสงสัยในอากัปกิริยาของคนดู จึงพยายามมองสำรวจรอบ ๆ ตัว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติตรงไหน กระทั่งสายตาจ่ออยู่หน้าจอด้านหลัง
“ว๊าย!!!! นี่มันอะไรกัน ใครเอาภาพพวกนี้มา ปิดนะ ฉันบอกให้ปิด หูแตกหรือไง ปิดเดี๋ยวนี้!!!!!”

สไบแพรรีบวิ่งเข้าไปกอดขาไว้ทันที หลังจากประสงค์ปล่อยมือออกแขน เมื่อลากหม้ายสาวมาในบ้านแล้ว เพราะทนดูสายตาผู้คนไม่ได้ แถมสีหน้าก็บ่งบอกว่ารับกับภาพในจอเมื่อครู่ไม่ได้เอามาก ๆ
“คุณประสงค์คะ ฟังแพรก่อนค่ะ มันไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจนะคะ แม่เมียคุณอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด แพรถูกใส่ร้าย ได้ยินมั้ยคะแพรถูกใส่ร้าย”
“แต่ท่าทางคุณตอนนอนให้ไอ้พวกนั้นเอาไม่ได้ทำให้ผมคิดว่าคุณถูกใส่ร้ายเลยนะ” ประสงค์ไม่เชื่อ
“เมียคุณเอาน้ำส้มให้แพรกินค่ะ ในนั้นมียาอะไรสักอย่าง แพรถึงได้กลายเป็นแบบนั้น เชื่อแพรสิคะคุณประสงค์ แพรรักคุณ ไม่มีทางที่แพรจะเห็นไอ้พวกไพร่นั้นดีกว่าคุณหรอกค่ะ เมียคุณเป็นคนบงการทั้งหมด ไม่เชื่อลองถามดูสิคะ” สไบแพรชี้ไปทางถนัดศรีที่เดินตีหน้าเรียบเฉยเข้ามาในบ้าน ผู้เป็นสามีอดคิดตามคำบอกไม่ได้
“ถ้าคุณจะเชื่ออีนางบำเร่อมากชู้หลายผัวก็เชิญนะคะ ฉันไม่ว่า แต่คุณจะต้องเลือกเอาระหว่างฉันกับมัน ว่าคุณจะอยู่กับใคร ที่ผ่านมาฉันยอมให้คุณไปหาความสุขนอกบ้านมามากพอแล้ว แต่ครั้งนี้และกับนังนี่ฉันไม่ยอม” เมื่อประสงค์เจอไม้นี้เข้า ก็จำต้องเลือก และแน่นอนเขาจะเลือกใครอื่นไม่ได้ นอกจากเมียตบเมียแต่งซึ่งอุ้มชูกันและกันจนได้มาถึงวันนี้
“คุณประสงค์!! คุณจะทิ้งแพรไม่ได้นะคะ แพรไม่ยอม! แพรก็เป็นเมียคุณคนหนึ่งนะ แพรไม่ยอม แพรไม่ผิด อีนังเมียคุณมันเป็นคนวางแผนทั้งหมด คุณประสงค์ ๆ ๆ” ร้องเรียกและวิ่งตามประสงค์ที่เดินออกจากห้องแล้ว แต่ก็ไม่กล้าก้าวขาไปต่อ เพราะสองคนสวนเดินมาขวางทางเอาไว้ ตามด้วยหญิงเจ้าของร้านกาแฟที่ยิ้มเยาะเย้ยสไบแพรอย่างสาใจ
“แกเป็นใคร อย่าเข้ามานะ” โวยวายเสียงดังลั่นเมื่อเห็นท่าทีของคนแปลกหน้าเดินเข้ามาหาอย่างไม่เป็นมิตร แต่ก็มีเสียงถนัดศรีเอ่ยขึ้น
“นับว่าหล่อนเก่งนะ ที่อ่านเกมฉันออก แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วตอนนี้ เพราะผัวฉันไม่ทีทางจะเอาหล่อนมาเป็นนางบำเรออีกแน่ และนี่คือบทเรียนสำหรับผู้หญิงสำส่อนอย่างหล่อน ได้จำเอาไว้ หล่อนจะเที่ยวไปแย่งผัวใครก็ได้ แต่อย่ามายุ่งกับผัวฉันเป็นอันขาด เอามันออกไปได้ และสั่งสอนให้มันรู้จักเมียหลวงอย่างฉันด้วย แต่อย่าให้ถึงตายนะ เก็บไว้ให้มันเหมือนตายทั้งเป็นกับโทษฐานที่มันบังอาจคิดลองดีกับฉัน” สิ้นคำสองชายก็ตรงเข้ามาหาสไบแพรที่อยู่ในอาการหวาดกลัวกับคำพูดของถนัดศรี
“แกจะทำอะไรฉัน! แกจะพาฉันไปไหน! ฉันไม่ไป อย่านะ! ออกไปอย่ามายุ่งกับฉัน! ออกไป!!”
“หุบปากมันก่อนที่คนข้างล่างจะได้ยิน” ถนัดศรีสั่งเสียงดัง เพียงเท่านั้นกำปั้นหนัก ๆ ก็อัดเข้าหน้าท้องหม้ายสาวอย่างแรงจนฟุบหมดสติอยู่แล้วลากไปขึ้นรถ ลืมตาขึ้นอีกทีพบว่าตัวเองกำลังถูกพาตัวเข้าไปในกระท่อมร้างกลางป่าแห่งหนึ่ง แล้วโยนไปที่แคร่ไม้อย่างแรง
“นี่แกจะทำอะไรฉัน! ปล่อยฉันนะ! ไอ้บ้า!! ๆ ๆ ออกไป!!!! ๆ” สองชายที่เดินตรงเข้ามาหาเจ้าหล่อนคุ้นหน้าดี
“พวกแกเป็นใคร! จะทำอะไรฉัน! ออกไปให้หมด! ออกไป!!! ๆ ๆ” แต่กับอีกกลุ่มไม่ต่ำกว่าห้าที่เดินเรียงแถวเข้ามา สไบแพรไม่เคยเห็น และด้วยสัญชาตญาณรู้ดีว่า กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“ไม่นะ! ๆ ออกไป! ๆ ๆ ๆ อย่า! ๆ ๆ ๆ ช่วยด้วย! ๆ ๆ ๆ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย! ไม่!!!!! ๆ ๆ ๆ”

“ทำไมตื่นแต่เช้าจังพ่อภาพ ยังไม่สว่างดีเลย หน้าหนาวสว่างช้าแบบนี้ล่ะ” แต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนตื่นช้าสุดในบ้านเมื่อลงมาใต้ถุนเห็นทุกคนวุ่นกับการห่อขนมอยู่ก่อนแล้ว ยายกับเมียรักยังอยู่ในชุดเมื่อคืน ส่วนแจ้อยู่ในชุดนักเรียน จะหกโมงแล้วเมื่อดูนาฬิกาข้อมือ
“ผมพอจะช่วยอะไรได้บ้างครับ” นั่งลงไปใกล้ ๆ เมียอย่างจงใจ และผู้เป็นเมียก็ขยับหนีอย่างจงใจไม่แพ้กัน
“ถ้าจะช่วยก็เอาผ้าเช็ดใบตองพวกนี้แทนเจ้าแจ้ก็แล้วกัน รถใกล้มาแล้ว จะได้ให้มันกินข้าวก่อนไปโรงเรียนหน่อย”
แจ้รีบวางงานลง เพราะได้เวลาต้องไป อาหารเหลือจากเมื่อคืนที่ยายอุ่นไว้ให้ ถูกเด็กชายตักมาราดบนจานข้าวแล้วตักเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ สองสามครั้งแล้วกลืนทันทีด้วยความรีบ
“แจ้ไปนะครับยาย น้าหนู น้าภาพ” เขากลายเป็นน้าไปแล้วเมื่อแจ้ยกมือไหว้ลวก ๆ แล้ววิ่งไปหารถที่จอดหน้าบ้าน แต่ก็วิ่งกลับเข้ามาใหม่ ยายหัวเราะด้วยความขำ พิมมาดาก็พลอยยิ้มไปด้วย ส่วนเขาทำหน้างง
“เจ้าแจ้มันลืมเอาเงินค่าขนมไปไง แล้วมันก็จะต้องวิ่งกลับมาแทบทุกเช้า”
กระป๋องเก่า ๆ ถูกแจ้เปิดออกแล้วหยิบเงินไปตามจำนวนที่ได้รับอนุญาต เมื่อยายอธิบายสหภาพถึงกับยิ้มออกด้วยความขำเช่นกัน แล้วก็ขำเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเห็นมืออาชีพอย่างยายห่อขนมได้คล่องแคล่วและรวดเร็ว มองอีกคนที่นั่งเงียบ แม้ฝีมือการห่อจะไม่คล่องและไวเท่ายายด้วยไม่ได้ทำบ่อยและนานเท่า แต่เขาก็เห็นว่าเธอห่อได้สวยไม่แพ้กัน
“แม่หนูไม่เตรียมตัวไปสอนหนังสือเหรอ สายแล้วนะ” เพราะทุกเช้าเธอจะช่วยยายได้ไม่นานก็ต้องไปทำงานแล้ว แต่เช้านี้ชั่วโมงสอนมีสิบเอ็ดโมงและอีกอย่างรู้ดีว่ายายไม่สบายแต่ฝืนร่างกายมาทำขนม เธอจึงคิดว่าจะช่วยงานจนเสร็จ
“ยังค่ะหนูมีสอนตอนใกล้เที่ยง เลยจะช่วยยายให้เสร็จก่อนค่ะ”
แล้วทั้งสามก็อยู่ในอาการเงียบ และตั้งหน้าตั้งตาเร่งมือให้งานเสร็จเร็ว ๆ สหภาพเป็นหัวแรงได้ดีในการช่วยยกซึ้งขนมร้อน ๆ ออกมาวางไว้ให้ เพราะยายดูจะเคลื่อนไหวช้ากว่าทุกวัน พูดน้อยกว่าทุกวันเท่าที่เขาเห็นมา เมื่องานเช็ดใบตองจบลง เขาก็ช่วยจัดโต๊ะสำหรับวางขายหน้าบ้านให้ พิมมาดาเข้าครัวทันทีเมื่อขนมห่อหมดแล้ว จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน ยายเรียงขนมลงซึ้งเพื่อรอนึ่งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมด
“พ่อภาพไม่ไปอาบน้ำอาบท่าเหรอ” เพราะเขายังอยู่ในชุดเมื่อวาน แต่มีหรือที่เขาจะยอมหนีไปไหน ใกล้ได้เวลาเธอจะต้องไปทำงานแล้ว
“ยังครับ เอ่อ...คุณยายครับ แม่หนูของคุณยายจะไปสอนหนังสือยังไงครับ” แอบกระซิบถาม
“ขาไปจะนั่งสองแถวหน้าบ้านนี่ล่ะ ขากลับบางวันมีรถมาส่ง บางวันก็นั่งสองแถวมาเหมือนเมื่อวานไง พ่อภาพถามทำไม”
ให้สงสารเธอขึ้นมาจับจิต ถ้าให้เดาชีวิตของเธอนับตั้งแต่หนีจากเขามาก็คงจะดำเนินไปอย่างเรียบ ๆ ง่าย ๆ กับสองยายหลานแบบนี้นั่นเอง เขาไม่เถียงว่าเธอไม่มีความสุขกับบ้านหลังน้อยนี้ แต่มั่นใจว่าชีวิตที่ผ่านมาของเธอคงสุขสบายกว่านี้เป็นแน่ แม้จะทุกข์ใจกับการต้องอยู่ร่วมบ้านกับแม่เลี้ยงใจยักษ์ก็ตามที
“เอ่อ! พอดีผมจะออกไปซื้อของข้างนอก ก็เลยกะว่าจะไปส่งที่ทำงานให้ด้วยเลยครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ นั่งสองแถวก็สบายใจดี หนูไปนะคะยาย” เมื่อลงมาแล้วยายเป็นคนออกปากบอกว่าเขาจะไปส่งให้ เธอจึงรีบปัดอย่างไม่สนใจ แล้วเดินไปหาสองแถวที่มาจอดหน้าบ้านพอดี
“งั้นผมไปก่อนนะครับคุณยาย บ่าย ๆ จะกลับเข้ามา ยายเอาอะไรมั้ยครับ”
ถามไปอย่างนั้น แต่ตัวไม่รอช้ารีบตรงไปหารถแล้วขับตามในทันที และเขาไม่ยอมให้รถห่างสายตาไปแม้แต่เมตรเดียวกระทั่งเธอถึงหน้าที่ทำงานแล้วเดินหายเข้าไป ไม่ออกมาอีกเลย บ่ายโมงแล้วแต่เขาก็ยังไม่หนีไปไหน โชคดีที่กินข้าวเช้าพร้อมยายตอนสิบโมง ไม่งั้นคงหิวจนไส้กิ่วแน่
ส่วนคนที่อยู่ด้านในก็หาได้สบายใจไม่ เพราะรู้ดีว่ารถของเขายังไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะเตรียมตัวรับมือกับเขายังไงได้ เพราะรู้ดีว่าคงจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงสนาม ด้วยน้ำเงินของเขานั้นมีมาก และคงจะมากพอที่จะจ้างคนมาคอยจับตัวเธอไปขังไว้ได้แน่ หากธอเกิดเผลออยู่คนเดียว อาการครุ่นคิดและหวาดระแวงจึงติดอยู่ในหัวเธอแทบตลอดเวลา แต่ก็พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
กระทั่งถึงบ่ายโมงครึ่งซึ่งเป็นเวลาที่จะต้องออกไปทำงานข้างนอกแล้ว เขาก็ยังไม่ไปไหน จะเอ่ยปากบอกรัชนีก็ใช่เรื่อง จึงจำใจต้องเฉยไว้ก่อน และเธอจะพยายามไม่ให้ตัวเองอยู่ลำพังแน่ เพื่อความปลอดภัย อาการสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ จึงเกิดขึ้น ก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถตู้ที่จอดรอแล้ว
สหภาพจ้องมองความเคลื่อนไหวของเธอตาแทบไม่กรำพริบ ครุ่นคิดว่าเธอกำลังจะไปไหน สักครู่ก็ยิ้มออกมา เพราะถ้าให้เดาคงจะไปบ้านเบอร์เน็ทเป็นแน่ หรือไม่ว่าเธอจะไปไหน เขาจะขับตามไปแบบนี้ชนิดไม่ให้คราดสายตาเลยทีเดียว จริงอย่างที่คิดไว้ เขารอจนให้เธอเข้าไปในห้องกับนักเรียนโข่งและรถตู้ขับออกไปแล้ว จึงได้ลงรถและวิ่งตรงไปหาแม่ที่วันนี้ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน
“แม่ครับผมฝากช่วยดูครูของเบอร์เน็ทไว้อย่าให้คาดสายตานะครับ เดี๋ยวผมมา”
ไม่สนใจว่าแม่และคนในบ้านจะทำหน้ามีคำถามสักแค่ไหน เพราะไม่มีเวลาอธิบายมาก จึงรีบวิ่งไปห้องพักตัวเอง อาบน้ำอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าสองสามชุดกับของใช้ส่วนตัวถูกยัดลงในกระเป๋าแบบด่วน ๆ แต่สิ่งที่ไม่ลืมคือแล็ปท็อป วันนี้นั่งรอเธอจนจะหลับ ถ้าได้ทำงานไปด้วยคงดีไม่น้อย ยังจัดของไม่ทันเสร็จ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“แพทมีเวลาจะเล่าให้แม่ฟังอย่างละเอียดมั้ย”
เพราะเอาะใจนามสกุลครูสาวที่ลูกให้สุชาดาถามเมื่อวาน บวกกับการไม่กลับบ้านของลูกนอกจากจะโทรมาบอกว่าติดธุระสำคัญ คนเป็นลูกหันไปมองพร้อมยิ้มกว้างด้วยแววตาสดใสกว่าหลายวันที่ผ่านมา แล้วจูงมือแม่ไปนั่งลงกับเตียง
“ครูของเบอร์เน็ทก็คือเธอครับแม่”
“เวรกรรม! นึกแล้วเชียว ตามหาแทบตายที่แท้ก็อยู่ใกล้ ๆ เรานี่เอง ว่าแต่ตอนนี้แม่หนูนั่นอยู่กับใคร ที่ไหน ยังไงล่ะลูก” ข้อมูลเท่าที่เขารู้ถูกบอกกล่าวให้แม่อย่างไม่ปิดบัง
“เวรกรรม! ตอนนี้คงลำบากแย่ เคยอยู่อย่างสุขสบาย ไหนจะต้องหอบท้องโย้ ๆ มาทำงานอีก แล้วแพทจะทำยังไงต่อไปล่ะลูก จะพากลับบ้านเราเลยมั้ย”
อยากทำแบบนั้นใจจะขาด แต่มีหรือจะทำได้ดังคิด เพราะเธอไม่เอ่ยปากพูดอะไรด้วยแม้แต่คำเดียว อย่าว่าแต่พูดเลยแค่มองหน้าเขา เธอยังแทบไม่อยากมองด้วยซ้ำ ยิ่งเมื่อเขากลับเข้าบ้านแล้วพบว่ายายไม่สบายนอนอยู่ในห้องยิ่งแล้วใหญ่ เขาจึงหมดตัวแปรที่จะคอยหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดคุยด้วยเหมือนเมื่อวาน
“ให้ผมช่วยอะไรบ้าง ของพวกนี้ต้องล้างมั้ย”
“น้าภาพช่วยหั่นผักก็ได้ครับ แจ้จะไปล้างเอง” แจ้ยังพอช่วยให้เขาไม่ดูเก้ ๆ กัง ๆ เท่าไหร่นัก เมื่อพยายามจะช่วยงานเธอแต่ก็ถูกเมินเฉย และก้มหน้ากับการเตรียมหุงหาอาหารอยู่อย่างนั้น

“ตามสบายนะพ่อภาพ”
ยายยังอุตส่าห์ห่วงเมื่อรวมรวบกำลังที่มีลุกออกมานั่งร่วมกินมื้อเย็นด้วย เพราะยายดูจะลงไปข้างล่างไม่ไหวเธอจึงจัดขึ้นมาด้านบนแทน แต่ก็กินได้ไม่มากเท่าที่เป็น แล้วก็เข้านอนทันที อาหารเย็นเสร็จ แจ้กับเขาช่วยกันเก็บสำรับ พิมมาดาหายเข้าไปดูแลยายกลับออกมาเห็นแจ้นั่งทำการบ้านคนเดียว
“น้าภาพลงไปคุยโทรศัพท์ครับ” เมื่อได้คำตอบจากแจ้แล้วในใจอดสงสัยไม่ได้จนต้องแอบย่องลงไปตามบันได
“เผื่อฉันเผลอ ให้คนดูไว้ทุกที่นั่นล่ะ ไม่ว่าจะเป็นบ้านนี้ ที่ทำงาน หรือแม้แต่บ้านเบอร์เน็ท จำไว้นะสามารถครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของฉันแล้ว นายกำชับคนให้ดี อย่าให้พลาดเด็ดขาด”
เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ว่าการมาของเขาจะต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง และคงไม่ใช่แค่เรื่องลูกเพียงเท่านั้น อาจจะรวมถึงตัวเธอด้วย ก็คงจะเอาไปต่อรองอะไรสักอย่างกับพ่อเป็นแน่ ผู้ชายคนนี้ช่างน่ากลัวเกินที่คิดไว้อีก
‘นี่ตกลงเขาจะไม่ยอมปล่อยมือเลยใช่มั้ย’
คิดได้แค่นั้นจึงรีบกลับเข้าห้องด้วยความกลัดกลุ้มระคนเสียใจ ไม่รู้ว่าจะพาตัวเองหนีเขาพ้นได้ยังไง จะตะลอนไปไหนต่อไหนก็ไม่คล่องตัวแล้ว กำหนดคลอดแพทย์ก็แจ้งมาแล้ว ไหนจะห่วงสองยายหลานอีก ความเกลียดชังในการไม่ปล่อยวางของเขาถาโถมเข้ามา เมื่อทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ ก็มีเพียงน้ำตาคอยเป็นเพื่อนเท่านั้น
ภาพความโหดร้าย ทารุนต่าง ๆ นานาที่เขาเคยมอบให้ สร้างความหวาดกลัวขึ้นในจิตใจเธออีกครั้ง หลังจากที่พอจะลืมเลือนได้บางเวลาเมื่อไม่ได้อยู่ใกล้เขาแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีถึงจะมีโอกาสหลุดรอดจากสายตาเขาได้ ใจก็เพียงหวังว่าเขาคงจะไม่คิดทำอะไรรุนแรงกับเธอในตอนนี้ ด้วยเพราะยังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่นั่นเอง แต่ถ้าคลอดแล้วคงไม่ต้องคิด มันแน่อยู่แล้วว่าเขาคงจะโกรธมาก ที่เธอหนีมาแบบนี้ และคงจะทำให้เขาวุ่นวายตามหาไม่น้อย เขาจะต้องเอาคืนให้สาสมชนิดที่เธอเองก็เดาไม่ออกเลยทีเดียว
ยิ่งคิดน้ำตาแห่งความหวาดหวั่นระคนน้อยเนื้อต่ำใจก็ยิ่งไหลรินออกมา เมื่อคิดไปว่า เขาหาได้มีเยื่อใยในความสัมพันที่เคยมีด้วยกันไม่ ช่วงเวลาที่ได้อิงแอบแนบชิดไม่ได้ช่วยทำให้ความแค้นของเขาลดน้อยลงเลย จะถามหาความรักจากเขาน่ะหรือ เธออย่าได้ไปหวัง ดูเอาเถิดพิมมาดา หัวใจเธอเป็นอะไรไปนี่ เธอคาดหวังอะไรจากเขาหรือ ความรัก ความผูกพัน ความเมตตา ความอ่อนโยนอย่างนั้นหรือ
อย่าได้ไปหวังจากคนใจหิน ใจร้าย ใจเหี้ยมอย่างเขาเลย ไฟมันร้อน มันเผาไหม้ยังไง เขาก็ไม่ได้ต่างไปจากมันหรอก เธอเคยลิ้มลองมาแล้วไม่ใช่หรือ เวลาถูกเขาแผดเผา ว่ามันร้อนแสนร้อนยังไง มันทุกข์ทรมานสักแค่ไหน แล้วเธอยังจะมาหวังว่าจะได้อะไรที่มันตรงกันข้ามจากเขาอีกหรือ ไม่มีทาง ไม่มีวัน สิ่งเดียวที่เธอจะต้องทำคือ หาทางเอาตัวรอดจากไฟอย่างเขาให้ได้ เท่านั้น เพียงเท่านั้นจริง ๆ ที่เธอพอจะทำได้
สองมือรีบปาดน้ำตาทิ้งออกจากพวงแก้มก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยอาการของคนเหนื่อยอ่อน หญิงสาวบอกกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะใช้ความเงียบ สงบ สยบความหวาดกลัวในใจที่มี แล้วหาลู่ทางหนีให้ได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและลูกในท้อง แต่จะเป็นวิธีไหน โอกาสใด อันนี้เธอจะต้องรอคอย และต้องรอคอยอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2556, 08:30:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2556, 08:30:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1430





<< ไร้ซึ่งความปราณี   ของกำนัลวันกลับบ้าน ๒ >>
alecigor 20 ก.ย. 2556, 10:42:22 น.
ไม่ใช่หนูนิ่มอ่ะค่ะ แต่เป็นเรื่องของหนูเนย


sonakshi 21 ก.ย. 2556, 10:45:11 น.
ไรเตอร์ลงผิดเรื่องอ่าเป่าคะ


กันเกราธัญญรัตน์วรนัน 27 ก.ย. 2556, 19:53:22 น.
จ้าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account