อาญาซาตาน
ชาครีย์ หรือเสือ จากอดีตเคยเป็นคนจนๆ กลับกลายมาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย เพราะได้เงินจากการขายที่ดินแถวหนองงูเห่าที่เมื่อก่อนราคาไร่ละไม่กี่แสน แต่พอสร้างสนามบินขึ้นมากลายเป็นราคาหลายสิบล้าน และเขาก็สร้างฐานะให้มั่นคงด้วยการจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเพื่อนๆ ที่เป็นลูกคนรวยทั้งหมอ ทั้งนักการเมืองคอยช่วยเหลือด้วย ทำให้สร้างตัวได้ในเวลาแค่สิบกว่าปีเท่านั้น
เขาจึงตามมาแก้แค้นคอบครัวของยุพาพร ซึ่งเป็นแม่ของวิโรจน์เจ้านายเก่าของพ่อเขา และมีเคยมีคดีความกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเรียนไม่จบ เพราะวีรดา (มิว) ในวัยแปดขวบซึ่งเป็นลูกสาวของวิโรจน์กับเสาวรส และเป็นเด็กสปอยมาก วันนั้นไปเล่นที่ท่าน้ำ น้องของเสือก็ไปเล่นด้วย เพราะพ่อแม่ของเขาอยู่ห้องแถวในโรงงานของวิโรจน์ เลยรู้จักมักคุ้นกับลูกเจ้านายดี
แต่เพราะความสปอยของมิว จึงผลักน้องสาวเสือตกน้ำต่อหน้าต่อตาเขา และเขากับพ่อแม่ก็แจ้งตำรวจเอาเรื่องพ่อแม่ของมิว ยุพาพรใช้เงินอุดให้เรื่องเงียบ เสือกับพ่อแม่เสียใจมากเลยออกจากงานย้ายกลับบ้านที่หนองงูเห่า ปีต่อมาพ่อของเสือมาหาเพื่อนที่โรงงานเลยถูกวิโรจน์ขับรถชน เสือเสียใจมากฟ้องตามเคย และแพ้คดีตามเคย เพราะยุพาพรใช้เงินอุด ทำให้เสือโกรธมาก
เลยกลับมาเล่นงานครอบครัวนี้ด้วยการช้อนซื้อบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องของวิโรจน์ที่จะเจ้งแหล่ไม่เจ้งแหล่ รวมทั้งคฤหาสน์ราคาเป็นร้อยล้าน เสือก็ซื้อมาในราคาแค่เจ็ดสิบล้าน เพราะวิโรจน์ติดการพนัน ติดหญิง ไม่สนใจจะทำงานสานต่อกิจการครอบครัวเหมือนเมื่อก่อน ลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ลูกสาวคือมิวก็ถูกส่งไปเรียบต่อเมืองนอกตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อน
เสือยื่นข้อเสนอให้ยุพาพรกับวิโรจน์ว่าจะให้หุ้นในบริษัท 25% ถ้าวิโรจน์ยอมทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทต่อ และยกหนี้ให้ 25ล้านบาท ถ้าวิโรจน์ส่งมิวที่กำลังเรียนอยู่เมืองนอกให้มาเป็นนางบำเรอเขาสองปี วิโรจน์ยอมทำตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสไม่ยอม และให้วิโรจน์ไปหาลูกเมียน้อยที่วิโรจน์เคยมีอะไรด้วยมาแทนมิว
กัณหา(นิ่ม) ที่เป็นลูกของวิโรจน์ที่เกิดจากกันยาเด็กรับใช้ในบ้าน และถูกยุพาพรไล่ออกจากบ้านตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว และวิโรจน์ก็ไม่เคยสนใจจะติดตาม แต่ยุพาพรกับเสาวรสคอยจับตามองเสมอๆ ว่ากันยาพาลูกไปอยู่ที่ไหนกับใคร และกันยาก็มีลูกชายกับผัวใหม่คือ ชาลี อีกคนแล้วทิ้งลูกทั้งสองให้แม่ (ยายจำปา) เลี้ยงดูตามลำพังจนโตเป็นสาว
และเป็นช่วงที่ยายจำปาเกิดป่วยหนัก หลานทั้งสองต้องหาเงินเป็นล้านไปจ่ายให้โรงพยาบาล กัณหาต้องยอมตามที่พ่อกับย่าขอร้องเพื่อแลกกับการรักษายายให้หาย และให้บ้านฟรีๆ อีกหนึ่งหลังจะได้ไม่ต้องเช่าห้องแถวในสลัมอยู่ และมีเงินเดือนให้สี่หมื่นตลอดสองปี กัณหาจึงได้เข้าไปอยู่กับเสือในคราบของมิว เด็กสปอยที่เสือเกลียดมาก และคิดจะเล่นงานกลับคืนให้สาสม
และเสือก็ทำอย่างนั้นจริงๆ แม้จะแปลกใจว่าทำไมเด็กนอกอย่างมิวถึงยังบริสุทธิ์อยู่ และทำไมถึงยอมอยู่บ้านหลังเล็กๆ ที่เขาเตรียมให้แทนตึกใหญ่ ทำไมถึงทำกับข้าวกินเองได้ งานบ้านก็ทำได้ เดินออกไปปากซอยไกลๆ ก็ทำได้ เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าความยากจนทำให้คนเปลี่ยนไป เลยไม่คิดจะหาคำตอบจริงๆ จังๆ

Tags: พระเอกโหด เศร้า รัดทด

ตอน: ของกำนัลวันกลับบ้าน ๒

“คงยังไม่ตื่นล่ะมั้ง เพราะเมื่อคืนแอ้ดว้านซ์ให้ผมหนักไปหน่อย เพิ่งจะได้หลับก็ตอนฟ้าใกล้จะเปิดนี่ล่ะ ถ้าไม่รีบร้อนอะไรก็เชิญนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันก่อนสิ เดี๋ยวจะสั่งเด็กไปตามให้ แต่คงต้องใช้ถึงสองคนละมั้ง จะได้ช่วยกันหิ้วปีกออกมาเพราะคงจะไม่มีแม้แต่แรงจะเดินหรอกมั้ง กลับไปพวกคุณก็อย่าลืมช่วยหยอดน้ำข้าวต้มให้ด้วยล่ะ เดี๋ยวจะตายก่อนผมใช้งานครบสองปี ผมยกเลิกข้อเสนอจริงๆ ด้วยนะ โทษฐานที่พวกคุณไม่ดูแลของแลกเปลี่ยน”

ชาครีย์ให้คำตอบพร้อมกับยิ้มเย้ยหยันคนทั้งสามที่มาตามเวลานัด แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคุณหนูมิวเดินมาหา กรองแก้วเองก็ส่งยิ้มสาสมใจให้คู่อริ แม้จะไม่ได้ล่วงรู้เป็นที่แน่ชัดว่าลูกชายแผงฤทธิ์อะไรกับนางบำเรอไว้เมื่อคืนนี้ แต่เท่าที่วัดจากเสียงเอะอะโวยวายที่ดังกว่าค่ำคืนไหนๆ แล้ว ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงจะหนักเอาการ

“คงไม่รบกวนหรอก ฉันจะนั่งรอแถวนี้ก็แล้วกัน ช่วยให้คนไปตามยัยมิวมาเร็วๆ ด้วย”

แต่คำว่าเร็วๆ ของยุพาพรนั้น ก็กินเวลาเกือบชั่วโมงอยู่ดี ถึงได้เห็นเจียงถือกระเป๋าเดินคู่มากับหลานสาวสายเลือดต่ำ เสาวรสต้องรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อแม่สามีให้สัญญาณสั่ง แล้วตีหน้าเศร้ามองไปหาลูกกำมะลอพร้อมกับโผลเข้าไปกอดประหนึ่งว่ารักปานจะกลืน

“ยัยมิวลูกแม่”

หากคนที่อยู่ในสภาพบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจไม่ได้พูดหรือกอดตอบแต่อย่างใด นอกจากยืนนิ่งๆ ให้แม่กำมะลอกอดอยู่อย่างนั้น ตามติดด้วยคุณย่ากำมะลอ ที่เล่นละครตบตาสองแม่ลูกคู่อริได้อย่างแนบเนียน

“ยัยมิวหลานย่า!! เป็นยังบ้างลูก!!” คนเป็นหลานไม่ได้ตอบถ้อยคำใดๆ ออกมา นอกจากยืนนิ่งเท่านั้น

“งั้นเรากลับกันเถอะครับคุณแม่ ยัยมิวจะได้รีบกลับไปพักผ่อน”

วิโรจน์ที่ทนเห็นภาพลวงตาของแม่กับเมียไม่ได้จึงรีบตัดบท แล้วเอื้อมมือไปรับกระเป๋าจากเจียงเดินนำไปที่รถ กัณหาจึงถูกย่ากับแม่กำมะลอประคองเดินตามไป โดยมีชาครีย์กับผู้แม่มองตามแทบไม่วางตา ยุพาพรรู้ดีจึงเล่นละครตบตาสองแม่ลูกต่อไปเรื่อยๆ

“ย่าสั่งในครัวทำของโปรดมิวไว้เยอะแยะเลยล่ะ แล้วย่าจะให้แม่เราพาไปช้อปปิ้งให้หนำใจเลยนะลูก ดูสิมาอยู่นี่ไม่เท่าไหร่ผอมลงไปตั้งเยอะแน่ะ” ครั้นเข้าไปนั่งในรถแล้ว ทุกคนกลับเงียบกริบ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ยุพาพรถึงได้สั่งเสียงแข็งใส่หน้าหลานสายเลือดต่ำ

“รอแถวนี้นะ ฉันจะให้คนรถไปส่งบ้าน แล้วอีกสองวันจะไปรับ”

กัณหาใช้ความเงียบเป็นคำตอบ แต่วิโรจน์เห็นท่าทีเหนื่อยอ่อนของลูกแล้วก็ให้สงสารขึ้นมาจับใจ จึงรีบเอ่ยทันที

“ผมไปส่งเองก็ได้ครับคุณแม่ นายเพิ่มกำลังล้างรถอีกคันอยู่คงยังไปตอนนี้ไม่ได้”

แล้วเขาก็รีบควบรถออกทันที โดยไม่สนใจว่าแม่กับเมียจะโต้แย้งอะไรอีก กัณหาเองก็ไม่สนใจเช่นกัน เพราะอยากจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด และอยากจะให้การกลับครั้งนี้เป็นการกลับแบบถาวรด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องไปอยู่ร่วมกับผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้น แต่ผู้เป็นพ่อกลับเลี้ยวรถเข้าไปจอดในร้านอาหารหรูระหว่างทางแทน แล้วหันมาบอกลูกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ

“พ่อว่าเรากินอะไรที่ร้านนี้ก่อนแล้วค่อยกลับดีกว่านะนิ่ม พ่อมีเรื่องอยากจะคุยกับนิ่มเยอะแยะเลย”

“แต่นิ่มอยากจะกลับบ้านค่ะ นิ่มไม่มีอะไรจะคุยทั้งนั้น ได้โปรดไปส่งนิ่มเถอะนะคะ หรือถ้าพ่อหิวก็กินคนเดียวนิ่มจะนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้”

แต่คนเป็นลูกกลับส่งน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง สองดวงตาเอ่อล้นด้วยหยดน้ำใสๆ ไม่นานมันก็หลั่งไหลออกมา เมื่อภาพความรุนแรงของเขาลอยมาตอกย้ำให้เจ็บช้ำน้ำใจอีก และตัวเองเพิ่งจะได้คิดว่าเพราะเหตุนี้เอง พ่อกับย่าถึงยอมควักเงินเป็นล้านเพื่อรักษายายแทนที่จะให้คุณหนูมิวตัวจริงไปเผชิญกับผู้ชายร้ายๆ เช่นนั้น

“ก็ได้ ถ้านิ่มยังไม่อยากจะคุย”

วิโรจน์ไม่กล้าขัด เมื่อเห็นน้ำตาของลูก จึงรีบออกรถไปทันที บ้านเงียบเชียบเมื่อไปถึง ร่างที่อ่อนแรงหิ้วกระเป๋าเดินไปผลักประตูรั้วที่ไม่ได้คล้องกุญแจไว้นั่นแปลว่ามีคนอยู่ด้านใน

“นิ่ม!!!”

และคนคนนั้นก็คือชายที่เธอพยายามหลบเลี่ยงมาเป็นเดือนนั่นเอง สองหัวใจรักที่พลัดพรากจากกันต่างกระตุกเต้นอย่างรุนแรง ดวงตาทั้งสองคู่ต่างจ้องมองกันและกันแน่นิ่ง กัณหาไม่อาจห้ามน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้ได้อีกแล้ว

“นิ่ม!!!”

ธีระนัยไม่รอช้ารีบโผลเข้ากอดคนรักทันที เมื่อเห็นน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ไม่นานน้ำตาของเขาก็ไหลตามมาเป็นทาง วิโรจน์ที่ยังไม่ได้เคลื่อนรถไปไหนเพราะเอาแต่จ้องมองสองร่างที่ซบเข้าหากันแล้วร้องไห้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านั่นคงจะเป็นคนรักของลูก

มันช่างเป็นภาพสะเทือนใจระคนละอายใจเหลือเกิน เพราะนอกจากตัวเองจะไม่เคยได้มาดูดำดูดีลูกแล้ว ยังหยิบยื่นเรื่องร้ายๆ ให้อีก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหนีหน้าด้วยการควบรถจากไปเพียงเท่านั้น ทิ้งให้สองคนรักประคองกันและกันเดินเข้าบ้านตามลำพัง

“ยายชวนหนุ่มกับชลไปตลาด บอกว่าจะทำของโปรดให้นิ่มกินทุกมื้อ เราเลยขออยู่รอนิ่ม แล้วเป็นยังไงบ้าง ทำไมนิ่มไม่รับสายเราเลย ทำไมนิ่มทำแบบนี้ นิ่มไม่รักเราแล้วเหรอ”

“นิ่มเอ่อ...”

“ยัยนิ่มมาหรือยังจ้ะนัย!!”

เสียงยายจำปาดังมาตั้งแต่อยู่ประตูรั้วแล้ว ซึ่งกัณหาถือว่าเป็นเสียงระฆังมาช่วยไว้ เพราะไม่อยากจะตอบอะไรเขาไปตอนนี้ จึงรีบลุกขึ้นเดินหิ้วกระเป๋าเข้าห้องเพื่อล้างหน้าล้างตา ด้วยไม่อยากให้ยายต้องมาเห็นสภาพอันเจ็บปวดของหลานตอนนี้ และพยายามตีหน้ายิ้ม เมื่อออกมาเห็นยายกำลังรื้อของออกจากตะกร้า

“ยาย!!!” หลานสาวจึงรีบวิ่งไปโอบกอดยายด้วยความคิดถึง

“ยัยนิ่มมาถึงนานหรือยัง” ซึ่งคนเป็นยายก็มีอาการเดียวกัน แถมหนักกว่าด้วยการรีบรื้อของออกแล้วยกโชว์หลานกับทุกรายการด้วยสีหน้าของคนมีความสุข

“ดูนี่สิยายไปจ่ายตลาดมา เที่ยงนี้จะทำขนมจีนน้ำยาผสมของโปรดนิ่ม มื้อเย็นจะนึ่งปลากับน้ำพริกผักจิ้ม พรุ่งนี้เช้าข้าวต้มกุ้ง เที่ยงก็ทำข้าวคลุกกะปิ โอ้ย! แล้วก็อีกหลายอย่างของชอบนิ่มทั้งนั้นเลย ยายสั่งพ่อนัยกับยายชลว่าวันหยุดนี้ไม่ต้องไปไหนให้มากินข้าวบ้านเราทุกมื้อเลย แถมจะใส่ถุงให้เอาไปฝากคนที่บ้านด้วย”

ชาลี ธีระนัยและชลธิชาต่างมองด้วยความสะเทือนใจ เพราะเดาไม่ออกว่าถ้ายายจำปารู้ที่มาของเงินล้านแล้ว ยังจะยิ้มอย่างนี้ได้อีกหรือไม่ แต่ไม่มีใครคิดที่จะเปิดปาก และกับสองวันที่กัณหามาอยู่บ้านนั้น แม้ธีระนัยอยากจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบยังไงก็ไม่กล้าและไม่สบโอกาสเหมาะๆ เลย เพราะมียายอยู่ใกล้หลานตลอดเวลา แม้จะหลงเหลืออีกค่ำคืนเดียวที่จะต้องกลับไปแล้ว คนเป็นยายก็ยังคุยจ้อสารพัดเรื่องให้หลานฟังไม่หมดสักที



“เสียดายจริงที่นิ่มไม่ยอมให้ยายทำอาหารไปเก็บใส่ตู้เย็นไว้กินหลายๆ วัน ของฝากเจ้านายก็ไม่ยอมให้ทำ ยายว่าดูจะแล้งน้ำใจไปหน่อยหรือเปล่า เอาเงินเขามาตั้งเยอะแยะแกงสักถุงก็ไม่ถึงมือ”

ถึงตอนเช้าที่หลานจะต้องกลับแล้ว ยายยังไม่วายห่วงเรื่องปากท้องของหลานที่จะต้องไปทำงานไกลๆ อยู่ดี แถมยังห่วงผู้มีพระคุณอีกด้วย สองหนุ่มสองสาวให้สะเทือนไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มีใครเปิดปากอยู่ดี

“นิ่มซื้อกินสะดวกกว่าจ้ะยาย แล้วตอนนี้เจ้านายก็ไปพักผ่อนต่างจังหวัดกับครอบครัว อีกนานกว่าจะกลับ พอดีของฝากเน่าหมด” กัณหาจึงเป็นคนโกหกคำโตกับยายอีกครั้ง ระหว่างยืนรอรถมารับ แต่ยายก็ยังไม่ยอมแพ้เรื่องนี้อยู่ดี

“งั้นคราวหน้ายายจะทำพวกของแห้งที่เก็บได้หลายๆ วันไว้รอนิ่มดีกว่า ฝากเจ้านายได้ด้วย”

“ยายไม่ต้องทำอะไรหรอกจ้ะ พักผ่อนให้มากๆ จะได้หายเป็นปกติเร็วๆ แล้วนี่จ้ะ ยายเก็บไว้เป็นค่ายากับค่าใช้จ่ายในบ้านนะจ้ะ แล้วนี่ก็ค่าใช้จ่ายของหนุ่มนะ”

หลานสาวจึงต้องเปลี่ยนเรื่องด้วยการควักเงินที่เตรียมมาส่งให้ยายกับน้อง ยายจำปารับเงินมาแล้วก็โผลเข้ากอดหลานด้วยความรักความขอบคุณที่หลานไม่ทิ้งยายด้วยการรู้จักกตัญญูอย่างไม่ต้องทวงถามเลย

“ขอบใจนะลูก ไปทำงานก็ให้ตั้งใจทำดีๆ นะ เจ้านายจะได้รักจะได้เมตตา แล้วก็กลับมาหายายบ่อยๆ ด้วย ยายคิดถึง อยู่บ้านสองคนกับเจ้าหนุ่มมันเงียบพิลึก ดีหน่อยที่พ่อนัยกับหนูชลเทียวมาหาบ้าง”

“จะไม่เงียบยังไงได้ล่ะ หนุ่มเปิดเพลงทีไรยายก็ไล่ปิดทุกที” ชาลีที่ยืนอยู่ไม่ห่างรีบท้วงด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ

“จะไม่ให้ไล่ยังไงไหว เปิดจนดังคับบ้านแล้วเพลงอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นเพราะตรงไหน แถมฟังไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก”

ยายจำปาเองก็รีบแก้ต่างทันควัน ทำเอาทุกคนต่างหัวเราะออกมา แม้จะเป็นการหัวเราะแบบฝืดๆ แต่ก็ยังดีทีได้หัวเราะบ้าง โดยเฉพาะกัณหานี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกในรอบเดือนกระมังที่ได้ยิ้มได้หัวเราะออกมา

“รถมารับแล้วมั้งนิ่ม”

ธีระนัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้านิดๆ เมื่อมองไปเห็นรถหรูแล่นมาจอดกึกอยู่ตรงประตูรั้ว กัณหาหันไปมองก็เห็นพ่อกำลังเปิดประตูรถเพื่อจะเดินเข้ามาในบ้าน ทำเอาทุกคนตกใจไม่น้อย ด้วยกลัวยายจะจำได้ เพราะเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วยายจำปาเคยตามกันยาผู้เป็นลูกสาวไปเรียกร้องค่าเสียหายจากครอบครัวผู้มีอันจะกิน

แต่กลับถูกยุพาพรโยนเงินก้นถุงให้แล้วไล่กลับมาประหนึ่งเป็นหมูหมากาไก่ ทำให้ยายจำปาโกรธและเกลียดคนบ้านนี้มาก แต่ก็ไม่เคยปิดบังหลานสาวในเรื่องน่าสลดหดหู่จิตใจเลย ตรงกันข้ามกลับบอกทุกอย่างให้หลานรู้และตัดสินใจเอาเองว่าควรจะอยู่ให้ใกล้หรือไกลจากครอบครัวผู้พ่อ

ซึ่งแน่นอนว่ากัณหาเลือกอย่างหลัง แต่กระนั้นก็ยังไม่วายที่ครอบครัวพ่อจะตามมาทำร้ายอีกวาระ แม้ครั้งนี้จะมีชีวิตยายมาเป็นของแลกเปลี่ยนก็ตาม แต่กัณหาก็ยังอดเสียใจ สะเทือนใจ สลดหดหู่ใจในโชคชะตาอันอาภัพนี้ไม่ได้อยู่ดี

“งั้นนิ่มไปนะจ้ะยาย เดี๋ยวเข้างานสายเจ้านายจะว่าเอา”

กัณหารีบยกมือไหว้ลายายโดยเร็ว แล้วรีบเดินไปขวางพ่อไว้ โดยมีธีระนัยหิ้วกระเป๋าไปส่งอีกคน ชาลีเองก็รีบช่วยกันดึงความสนใจของยายที่กำลังจ้องมองร่างสูงในสูทหรู

“ยาย! เข้าบ้านไปกินยาหลังอาหารดีกว่านะ เลยเวลามานานแล้ว หนุ่มจะได้รีบไปเรียนด้วย”

“จริงด้วยจ้ะยาย แล้วชลก็จะขอปูหลนที่เหลือเมื่อคืนไปกินกับเพื่อนที่ออฟฟิศด้วย ยายช่วยตักให้ทีได้หรือเปล่าจ้ะ”

ยายจำปายอมเดินเข้าบ้านตามแรงรั้งของทั้งสอง แม้ยังคาใจกับหนุ่มใหญ่ที่เดินเข้ามาอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ให้ความสนใจกับเรื่องอื่นจนหมดสิ้น

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ขออภัยอย่างแรงค่ะ เนื่องจากว่าไรเตอร์เริ่มแก่หูตาฟ่าฟางมองไม่ค่อยเห็นและหลงๆ ลืมๆ จ้า ที่ทำงานได้ทำวันนี้ ใช้ใจทำล้วนๆ จ้าาาาาา



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2556, 12:56:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2556, 12:56:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1230





<< ของกำนัลวันกลับบ้าน   กลับมาพร้อมกับความเจ็บช้ำ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account