Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: การพิสูจน์ฝีมือ

“แน่ใจว่าจะทำแบบนี้”

คำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบนอกจากความมั่นใจดังมาจากปากหนุ่มตาเล็กยิบหยี ปุณณ์มองโต๊ะพับได้ขนาดเกือบสองเมตรที่ตนต้องไปหามาให้ บนโต๊ะมีเตาเครปขนาดใหญ่วางอยู่ ถาดพลาสติกเริ่มนำมาจัดวางท็อปปิ้งและเครื่องทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบคาว ทั้งผักสด ไข่ต้ม แฮม ไส้กรอก ชีส และพริกเผาแบบไทย แบบผลไม้ก็มีทั้งกล้วยหอม สตรอเบอร์รี่ องุ่น และท็อปปิ้งแบบสุดท้าย ที่เน้นหนักเป็นพิเศษ ให้สมกับที่คนทำเสียแรงตื่นมาทำตั้งแต่ตีสาม ท็อปปิ้งขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็นบราวน์นี่ชิ้นเล็ก มาการองสีหวานลายน่ารัก และไอศกรีมที่ใส่กระติกเล็กมา ตั้งบนฐานบรรจุน้ำแข็งแห้ง

ร่มสีรุ้งบดบังใบหน้าเหนื่อยล้าของอิศยาหลังจากเพิ่งจัดเรียงทุกอย่างเสร็จเมื่อไม่กี่นาทีก่อน โชคดีที่ได้ปุณณ์กับพ้องเพื่อนของเขามาช่วยขน ช่วยเลือกซื้อโน่นนี่ให้ ส่วนคนที่ต้องบ่นเป็นหมีกินผึ้งจนอิศยาหูชาคือสวเนตร แต่กระนั้นก็ยอมขนของจากบนห้องมาตั้งที่นี่ด้วยอีกคน

“ไม่แน่ใจแต่ก็ทำแล้ว ทีนี้นายกับเพื่อนๆ ก็กลับไปได้แล้ว อีกครึ่งชั่วโมง พี่นายจะมาเปิดร้านไม่ใช่เหรอ”

“สู้คนเดียวไหวนะ” ปุณณ์ยังเป็นห่วง รู้ว่าวันนี้ปัณณ์จะลงมาเปิดร้านด้วยตัวเอง แต่คนเฝ้าร้านจริงๆ ก็ยังเป็นเขา บางครั้งก็ผลัดเป็นเพื่อนในกลุ่มทีมฟุตบอลของเขาที่เวลาเรียนไม่ค่อยจะตรงกันมาเฝ้าให้ แต่วันนี้ถ้าไม่มีใครสักคนอยู่ คนที่ต้องเฝ้าก็คือปัณณ์เอง

“จะบ้าหรือไง เราไม่ได้ไปออกรบ”

“ปล่อยคนดื้อๆ ให้ทำคนเดียวนั่นแหละ อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำร้านสำเร็จอีกกี่ปี มีร้านอยู่แล้วก็ไม่ทำ รอให้พ่อยกร้านให้ จะปรับปรุงให้เป็นแบบไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่เห็นต้องดันทุรังแบบนี้”

ปุณณ์กับเพื่อนอีกห้าชีวิตหันมองหน้ากัน ส่งเสียงเราะเจื่อนๆ สายตาสงสารอิศยาอย่างเห็นใจสุดซึ้ง มาเจอหน้ากันวันแรก แต่พวกตนได้ยินเสียงบ่นจากสวเนตรยาวแบบนี้ตลอด

คนที่โดนบ่นเป็นประจำยังคงยิ้มออก...เจอจนชิน หรือดื้อของจริง พวกเขาก็สุดจะรู้ “ย่าจะทำให้พ่อยอมรับตัวย่า เหมือนที่ย่ากำลังจะทำให้พี่ชายของปุณณ์ยอมรับย่านี่แหละค่ะ ย่าไม่ได้ทิ้งร้าน แต่ย่าจะทำให้ร้านของเรามีชื่อเสียงยิ่งกว่านี้ให้ได้”

“ทำยังไง พี่ก็เห็นว่าเธอเอาแต่พูด ยังไม่เห็นทำอะไรเป็นรูปเป็นร่างเลย”

“โอ้...” หกเสียงจากหกหนุ่มประสานกันร้องครางด้วยความเห็นใจยิ่งขึ้น อิศยายังคงยิ้มรับ สายตาจดจ้องพื้นที่ว่างด้านหน้า ที่ที่เธอมองเห็นบางอย่างที่ใครหลายคนมองไม่เห็น

“ย่าเชื่อว่าย่าจะทำได้...ก็ต้องทำได้” ทุกคำเต็มไปด้วยแรงใจที่เน้นย้ำ และย้ำเตือนอิศยาให้ตัวเองได้รู้สึก ไม่มีแรงกดดัน หรือคาดหวัง แต่เป็นความรู้สึกเชื่ออันแรงกล้าของตัวเอง ท้ายสุดสวเนตรก็ได้แต่ถอนหายใจยาวเหยียด

“พี่ขี้เกียจฟังเธอพล่ามแล้ว ขอตัวกลับไปอาบน้ำ เตรียมสอนก่อนแล้วกัน พวกนายใครมีเรียนก็ต้องเรียนเข้าใจไหม” หันไปดุกลุ่มนักศึกษาที่ต่างพยักหน้าถี่ รีบลากลับไปกันทั้งหมู่คณะ ปุณณ์ชูกำปั้นขึ้นให้กำลังใจอิศยาได้สู้เต็มที่

สวเนตรมองน้องสาวด้วยความเป็นห่วง ถึงเธอจะติดเรื่องปากร้าย ขี้บ่น แต่ท้ายที่สุดความเป็นครอบครัวไม่เคยทำให้พี่สาวอย่างเธอทิ้งน้องสาวจริงๆ ได้เลย

“ย่ารู้นะ...ว่าจริงๆ แล้วพี่สาวห่วงย่ามาก”

“ทำเป็นรู้ดี เอาตัวเองให้รอดตลอดไปแล้วกัน”

อิศยาหัวเราะคิก...นั่นล่ะคำอวยพรสไตล์สวเนตร “ขอบคุณนะคะ”


เกิดอะไรขึ้นที่หน้าร้านหนังสือของเขา...

ปัณณ์ขมวดคิ้วมุ่น เห็นคนต่อแถวประปรายอยู่บริเวณหน้าร้าน บางคนที่เดินสวนออกไปถือห่อกระดาษม้วน มีบางอย่างอยู่ในม้วนนั้น แต่ละชนิดไม่ซ้ำหน้ากัน

“เครปพี่ย่าเขาให้เยอะนะ ถูกด้วย ดูสิบราวน์นี่เป็นชิ้นๆ สตรอเบอร์รี่ก็โต๊โต”

“ของฉันเหมาะกับพวกโลแฟท ผักผลไม้ไข่ต้มเป็นไส้ เป็นมื้อกลางวันฉันเลยแก”

“ทำไมไม่เปิดร้านแถวนี้เลยเนอะ จะอุดหนุนทุกวัน ครั้งก่อนก็ทำแยมโรล ใช่ที่เราเพิ่งทำแบบสอบถามไปไม่กี่วันก่อนใช่ไหม”

“หวังว่าเรื่องเปิดร้านจะผ่านนะ ใครไม่ให้เปิดก็ใจร้ายไปแล้วแก คนเขาทำมาหากิน พวกเราก็อยากกิน” หลายเสียงผ่านหูของปัณณ์ไปหลายต่อหลายเสียง ทุกเสียงมีแต่คำชื่นชมถึงรสชาติ และการเปิดร้าน

แม่ค้าตัวเล็ก สวมผ้ากันเปื้อนลายนีโม่ กำลังยืนแจกยิ้ม มือสาละวนกับการทำขนมไม่ได้หยุด ทั้งการเกลี่ยแป้งบนกระททะ หรือการจัดแต่งหน้าเครป ทำไส้ม้วนเป็นห่อ ราดด้วยวิปครีม แต่งหน้าต่างจากร้านเครปทั่วไป รวมทั้งแผ่นแป้งที่เน้นนุ่มไม่เน้นกรอบ

“ปรบมือให้กับเจ้าของร้านหนังสือใจดีที่ยอมสละพื้นที่เล็กๆ ให้มาเปิดร้านเครปหน่อยค่ะ” อิศยาพยักพเยิดไปทางผู้มาใหม่ ส่งสายตาท้าทาย มีการยักคิ้ว ในขณะที่รอบข้างต่างปรบมือเกรียวกราว

“พี่ใจดีๆ มากเลยนะคะ พี่ใช่ไหมที่อนุมัติเรื่องร้านให้พี่ย่าได้ ทำเลยค่ะพี่ ทำเลย” หน่วยกล้าตายคนหนึ่งเป็นต้นเสียงนำ หลายเสียงต่างช่วยกันแย่งพูด ปัณณ์ไม่หืออือใดๆ รีบไขกุญแจเข้าร้านไปโดยไม่ตอบรับคำขอร้องจากคนอื่น

หยิบเครื่องมือสื่อสารกดหาเจ้าน้องชายตัวดี ไม่รู้ว่าป่านนี้ไปอยู่ที่ไหน เขาจะได้ไม่ต้องอยู่ทำหน้าที่เฝ้าร้าน แต่ทางนั้นปิดเครื่องตัดการติดต่อจากเขา...ปัณณ์เงยหน้ามองตัวต้นเหตุแห่งความวุ่นวาย งานนี้เธอกำลังสั่นประสาทคนอย่างเขาทีละนิด คนไม่ชอบอยู่หน้าร้านกัดฟันกรอด ยิ่งอิศยาหันมาแสยะยิ้มสาแก่ใจใส่ เขายิ่งรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา

สายตาคนรอบข้างจะมองเขาอย่างไรเขาไม่สนใจนักหรอก...แต่คนที่บังคับให้เขาต้องมองเห็นตัวเธออยู่ในสายตาของเขานี่สิ อิศยา ผู้รุกรานตัวจริง...

ทนได้ก็ทนไป...ปัณณ์ยกแบบแพลนพิมพ์เขียวขึ้นมากาง หัวสมองตอนนี้ไม่ว่าง โล่งพอจะนึกแบบใดๆ ได้ออก
ยัยตัวแสบ...


อิศยามองร้านที่หมุนป้าย close ด้วยอารมณ์น้อยใจ ซ้ำยังมีป้ายกระดาษแปะหน้าร้านว่าปิดครึ่งวัน ขนมชิ้นสุดท้ายของวันถูกขายออกไป แม่ค้าคนเก่งเริ่มเก็บของ การทำอะไรเพียงคนเดียวดูดพลังจากเธอไปหมด แม้แต่ยิ้ม อิศยายังรู้สึกเหนื่อย

เธอดื้อเกินไปหรือเปล่า...อิศยาเฝ้าถามตัวเอง นั่งพิงหัวกับประตูร้านที่ปิดสนิท ดึงม่านปิดมิดชิดจนมองไม่เห็นใครด้านใน เธอเองก็ดื้อ ส่วนเขาเองก็ใจแข็ง...การใช้เสียงรอบข้างจากลูกค้าบอกเล่าถึงฝีมือของเธอ ไม่ช่วยทำให้ปัณณ์ใจอ่อนยอมช่วยเธอได้เลย

เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเหนื่อย แต่เรื่องท้อ เธอจะไม่ท้อเด็ดขาด

ประตูที่ปิดผ้าม่านไว้จู่ๆ ก็เปิดออก อิศยาหันไปมอง สายตาปะทะกับปัณณ์ที่มองมาด้วยความเหนื่อยใจอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าติดจะหงุดหงิด...ร่างเล็กรีบลุกยืน เซน้อยๆ จากอาการขาดน้ำ ขายเครปแทบไม่ได้หยุด ยังดีที่ปัณณ์ไม่สั่งให้ใครมาไล่เธอไปจากตรงนี้

ไอเย็นฉ่ำภายในร้านพานให้คนที่พบปะความร้อนมาเกินครึ่งวันได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ปัณณ์เปิดประตูเบี่ยงตัวหลบเพื่อให้คนตัวเล็กได้เข้ามา “คุณมีเวลามาคุยเรื่องร้านแค่สิบนาที”

“หมายความว่า...”

“อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำ ตกลงจะเข้ามาไหม”

ไม่รอให้คนโลกส่วนตัวสูงลิบได้ปิดประตูใส่หน้าเธออีกรอบ อิศยาก็รีบพรวดพราดแทรกตัวเข้ามา ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง เผื่อแผ่ไปถึงคนได้รับ เธอไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มนั้นยิ่งทำให้คนมองต้องรู้สึกหงุดหงิด...หงุดหงิดที่ตัวเองถอนสายตาจากรอยยิ้มจริงใจของอีกฝ่ายไมได้

ปัณณ์เดินกลับไปนั่งด้านหลัง หันไปกดน้ำเย็นใส่แก้วพลาสติก ยื่นส่งให้อิศยา “ดื่มสิ...ไม่วางยาหรอก”

“แต่ฉันว่าคุณต้องถูกวางยาแน่ๆ” อดใจล้อปัณณ์กลับไม่ได้ พูดเสร็จต้องหลบสายตาดุๆ นั้นไปด้วย...รับน้ำมาดื่ม ความเย็นแล่นไปทั่วร่าง ขับไล่ความเหนื่อยล้าให้ดีขึ้น อย่างกับเขารู้ว่าเธอได้ดื่มน้ำไปแค่สองครั้งตลอดการขายเครป...รู้หรือไม่รู้ แต่ตอนนี้เขาดูน่ารักกว่าเวลาก่อนหน้าที่เจอเยอะเลย “ขอบคุณมากๆ ค่ะ”

“ก็แค่ไม่อยากให้ใครมาเป็นลมหน้าร้าน” หน้าซีดเป็นกระดาษยังไม่รู้ตัว...นึกค่อนขอดต่อในใจพานดุไปด้วย แต่ไม่อยากซ้ำเติม ส่วนหนึ่งที่อิศยาดื้อก็เพราะเขา

ถึงไม่อยากยอมรับ แต่การเห็นคนตัวเล็กทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว ไม่ยอมพักตลอดครึ่งวัน เขาก็พอจะรู้ว่าใครกันแน่ที่ทนไมได้...ถ้าขืนยังไม่ยื่นมือไปช่วย คนแถวนี้คงได้ก่นด่ากับความใจดำของเขา

“เรื่องที่ตรงนั้น ผมจะคุยกับเจ้าภีมให้”

“ขอบคุณมากๆ ค่ะ” อิศยาอยากจะกรีดร้องสะบัดพู่ให้กับความสำเร็จก้าวแรกของตัวเอง แต่ยังหรอก เธอยังอยากจะได้ความช่วยเหลือจากเขาอีกอย่าง...ปัณณ์ต้องเห็นว่าเธอเป็นประเภทได้คืบจะเอาศอกแน่ๆ

แต่เธอถูกใจผลงานของเขาจริงๆ

“ช่วยออกแบบร้านให้ฉันด้วยได้ไหมคะ” ปัณณ์ตาโตขึ้น จงใจใช้สายตากดดันคนพูด พร้อมจะเอาเรื่องและคืนคำที่พูดไปทั้งหมด “นะคะ...อีกแค่ครั้งเดียว จากสมุดสเก็ตซ์ที่ฉันเอามาคืนคุณ ฉันก็รู้ว่าคุณฝีมือไม่ธรรมดา”

ปัณณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าตาใสซื่อกำลังทำประกายตาอ้อนวอนไม่ต่างจากลูกแมวเชื่องตัวหนึ่ง...นอกจากเข้มแข็งได้ ยังออดอ้อนเก่งอีก อิศยาเป็นผู้รุกรานสายพันธุ์ไหนกัน

“ไม่”

“แต่...” ปากบางเบะออกเหมือนเด็กเล็กๆ ไม่ได้ดังใจหวัง พอจะปรับอารมณ์ตัวเองได้ รีบวิ่งออกไปที่โต๊ะ หยิบของที่เธอเตรียมทำไว้เป็นชิ้นสุดท้าย ยังอุ่นๆ อยู่เดินกลับเข้าไปในร้าน ส่งให้หนุ่มหน้านิ่ง “ฉันทำไว้ให้คุณค่ะ เป็นไส้รวมมิตร”

“ไม่ท้องเสีย?” เลิกคิ้วถาม

“จะให้ฉันลองแล้วคุณจะกล้ากินต่อหรือไง” ท้วงไม่เต็มเสียง

“รีบกินให้ดูก่อนสิ”

อิศยามองค้อนคนสั่ง ยอมกัดเครปที่มีรสเปรี้ยวหวานของผลไม้ วิปครีม ผสมกับพริกเผามีรสเค็มของแฮม และชีส เธอตั้งใจทำมาเพื่อแกล้งเขาแท้ๆ สีหน้าของอิศยาจืดเจื่อนกับรสปะแล่มๆ นี้แบบไม่ปิดบัง

“อร่อยไหม”

อิศยาถลึงตาใส่คนถาม ซ่อนสีหน้ากับรสชาติสุดจะบรรยาย พยักหน้าขึ้นลง “สุดๆ ค่ะ” แย่สุดๆ...

“ถ้าอย่างนั้นก็กินให้หมด”

“แต่...”

“ถ้ากินในมือหมด ผมจะยอมออกแบบร้านให้คุณ”

“ห้ามโกหกฉันนะคะ” ได้รับการพยักหน้ายืนยัน อิศยาว่ารสปะแล่มๆ ของเครปก็ดูจะอร่อยขึ้นมาทันตาเห็น ถึงจะมีอาการผะอืดผะอมเล็กน้อย แต่แค่นี้กับการได้แบบร้านสวยๆ ย่อมคุ้มค่าเสมอ

“แบบร้านแบบหนึ่งก็แสนนึง”

กระดาษกรวยเครปหลุดร่วงจากมือ อิศยาตาเหลือกลานแทบถลน กลืนคำสุดท้ายเข้าไปอย่างยากลำบาก นึกเกลียดผู้ชายตรงหน้าจับใจ “ฉันสร้างร้านกาแฟนะคะ ไม่ได้สร้างบ้าน”

“ไม่พอใจก็ไปหาที่อื่น”

“คุณนี่มันร้ายกาจที่สุด” อิศยาเม้มปากเป็นเส้นตรง กลัวว่าถ้าเธอเผลอเปิดปากอีกนิดเดียวจะกลายเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนเข้า...แค่ได้ที่มาก่อนในตอนนี้ ก็เพียงพอแล้ว

ปัณณ์มองบานประตูถูกดันออกไป ร่างเล็กใช้เวลาเก็บของเพียงห้านาที คณะเพื่อนของปุณณ์ก็รีบแห่มาช่วยอย่างกับคาราวาน ปัณณ์รู้สึกอารมณ์ดีกับการได้แกล้งคน แต่พอเห็นใครต่อใครมาพะเง้าพะงออิศยาไม่นานจนเจ้าตัวหายหงุดหงิด เขาเองกลับรู้สึกการแกล้งครั้งนี้มันไม่สนุกเสียเลย

อย่างน้อยๆ ผู้รุกรานน่าจะเต้าเร่าๆ ไม่ก็ออกอาการให้มากกว่านี้สิ...

“ป่านนี้ย่าคงเกลียดพี่มาก” ปุณณ์พูดปลงๆ

“มีสิทธิ์อะไรมาเกลียดฉัน แกก็เหมือนกันเจ้าปูนให้ท้ายกันเข้าไป วันนี้ร้านไม่เข้า โทรศัพท์ก็ปิด ตั้งใจให้พี่ประสาทเสียใช่ไหม”
ว่าเหน็บน้องชายตัวดีทันทีที่เสนอหน้าเข้ามาในร้าน ปุณณ์ไหวไหล่ลอยหน้าลอยตาไม่มีความรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ “ผมแค่พิทักษ์เจ้าหญิงจากจอมมาร”

“จอมมาร?”

“ใช่ นี่ผมไม่ได้ตั้งเองนะ ย่าตั้งให้พี่ จอมมารจอมโหด นิสัยเสีย ต่อจากนี้จะไม่เสวนาด้วยอีก” คัดลอกคำพูดตอนหลังให้เสร็จสรรพ
‘จอมมาร’ แทนที่จะนึกโกรธ กลับยิ้มออกมา อารมณ์บูดบึ้งหายเป็นปลิดทิ้ง แค่อิศยานึกถึงเขาแล้วอารมณ์เสีย เท่านี้ก็น่าจะพอทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง อิศยาชักจะทำให้เขากลายเป็นคนโรคจิตขึ้นทุกวัน

“งั้นจอมมารจะขอฝากสารไปกับผู้พิทักษ์ได้ไหม”

“ขอพิจารณาเนื้อสารก่อน”

ปัณณ์มองปุณณ์ด้วยอารมณ์หมั่นไส้จัด “เรื่องแสนนึงที่ว่าแค่ล้อเล่น ถ้าอยากได้ราคาถูกๆ ดีๆ ให้มาตกลงกันใหม่”

“คิดจะมาตกลงกันใหม่ด้วย จอมมารคงไม่คิดถูกใจเจ้าหญิงใช่ไหม”

“ฉันไม่ชอบผู้รุกราน” โกยแบบแพลนที่นำมากางอยู่ตรงนี้ครึ่งวันกลับไปยังมุมโปรดหลังร้าน แพลนงานที่วางว่าจะทำแทบไม่เดิน มัวแต่คอยชะเง้อดูว่าคนตัวเล็กจะใจแกร่งอดทนได้ถึงไหน

ครั้งนี้เขายอมแพ้ให้ผู้รุกรานสักครั้งก็แล้วกัน...รอยยิ้มมุมปากฉายชัด ดวงตามีรอยขำยามเห็นใครคนนั้นทำหน้าผะอืดผะอมกับเครปฝีมือตัวเอง

เร็วไปสิบชาติถ้าคิดจะแกล้งคนอย่างปัณณ์...คุณผู้รุกรานจอมจุ้น

แทนที่จะเริ่มทำงาน เครื่องมือสื่อสารถูกยกขึ้นมากดหาเบอร์ปลายสาย ปัณณ์ปลอบใจตัวเองว่าที่เขารีบโทรหาภีมให้ ไม่ใช่ว่าอยากช่วยให้อิศยาจัดการเรื่องร้านได้รวดเร็ว ที่รีบก็แค่อยากจะทำตามสัญญา เขาพูดคำไหนคำนั้น...เอนหลังรอปลายสาย มองโต๊ะขนาดกะทัดรัด หวนคิดถึงตัวต้นเหตุแห่งความวุ่นวายในชีวิต ใครคนนั้นที่กระโดดลงมาต่อหน้าเขาบนโต๊ะตัวนี้

ชายหนุ่มรีบสะบัดศีรษะไล่ภาพอิศยาออกไปจากหัว...เสียงปลายสายดังเรียกสติเขาอีกทาง

“มีอะไร อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะขึ้นเครื่องแล้ว”

“ฉันขอให้หอพักมีร้านขนมหวาน”

“ไม่เอาโว้ยย...แกอย่าหาเรื่องทะเลากับฉันดีกว่า” ภีมตอบโต้กลับมา น้ำเสียงจริงจัง “ฉันเกลียดขนมหวาน”

“ฉันรู้...แต่คนอื่นไม่ได้เกลียดเหมือนแก” ปัณณ์อดคิดไม่ได้ ทำไมเขาต้องมาทำหน้าที่อันได้รับเกียรตินี้แทนคนที่เกลียดเขาไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด

“คนมาอยู่มาเดี๋ยวก็ไป แต่ฉันเป็นเจ้าของ ต้องทนเห็นตลอดปีตลอดชาติแทนเนี่ยนะ”

“ฉันจะออกแบบร้านเอง” แววตาและสีหน้าเจ้าเล่ห์มีแผนยั่วโมโหอิศยาอยู่ในหัว “ร้านจะไม่เหมือนร้านที่ขายขนมหวานแน่ๆ”

ภีมนิ่งคิด ไม่ต่างจากปัณณ์ ความเป็นเพื่อนกันมานานทำให้รู้ว่าท้ายที่สุด ภีมก็จะต้องตอบรับ สิ่งที่เขาคิดตอนนี้คือแบบของร้านที่ไม่เหมือนร้านขนมหวาน

“เออ...ถ้าทำแบบนั้นได้ฉันก็ยอม”

“ว่าจะให้แกมาเปิดร้านด้วย...ดีไหม” พูดไปใบหน้ายังคงไม่คลายยิ้ม นิสัยขี้แกล้งถูกใครบางคนสะกิดให้ทำงานเข้าแล้ว ปกติเขาไม่ได้แกล้งใครพร่ำเพรื่อ ส่วนใหญ่จะขับไสไล่ส่งท่าเดียวเท่านั้น

“อย่าให้เจอหน้า ฉันไล่เตะแกแน่ไอ้ปั้น”

คนปลายสายขู่ แต่คนต้นทางกลับหัวเราะตอบกลับไปอารมณ์ดี ปัณณ์ว่าวันนี้เขาเริ่มบ้ามากขึ้นแล้วสิ...โลกของเขาโดนป่วนซะจนเพี้ยนไปหมด

“เจ้าของร้านใช่น้องเจ้าของชาเขียวหรือเปล่า”

วาจาไม่ต่างจากพวกรู้ทันแบบนี้ ปัณณ์รู้สึกไม่อยากจะตอบขึ้นมา “ใครก็ช่างเถอะน่า”

“ทำเป็นมีลับลมคมใน เดี๋ยวตอนฉันกลับมา ฉันอาจรู้อะไรมากกว่านี้ก็ได้”

รู้อะไรมากกว่านี้...อย่างเขาเนี่ยนะจะมีให้รู้มากกว่านี้ มีอะไรที่ภีมไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขาอีก เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย “ถ้าแกมาจริง ฉันจะพาแกเข้าร้านขนมหวานเอง” พูดแกล้งไปอย่างนั้น รู้ว่าภีมไม่มีทางเข้าไปจริงๆ

“เออ...วันนั้นจะลองเข้าดู” ภีมพูดเสียงกลั้วหัวเราะอย่างผิดคาด “ถ้ามันจะทำให้ฉันรู้ว่าใครทำให้แกยอมยื่นมือช่วย...มันไม่ใช่นิสัยแกเลย โดยเฉพาะเห็นเพื่อนร่วมโลกอยู่ในสายตา”

สรุปเจ้าภีมชมเขาว่าเป็นคนนิสัยดีสินะ...นึกค่อนขอดในใจ

.............................................................................................................................

วันนี้มาเย็นๆ เลย นั่งเชียร์วอลเล่ย์หน้าจอทีวีจนเสียงแหบเสียงแห้ง อิอิ

พามุมน่ารักๆ ของผู้ชายชื่อปัณณ์มาทักทายค่ะ

คุณ icewinter วันนี้มาเย็นๆ แล้วค่า อิอิ นางเอกสู้สุดฤทธิ์เพื่อความฝันจริงๆ

คุณ ariseleo วันนี้ลุ้นขึ้นแล้วน้า

ขอบคุณมากๆ ค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ย. 2556, 20:11:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2556, 20:11:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1516





<< กระตุกต่อมโกรธผู้รุกราน   เรื่องน่าอายยามเช้า >>
icewinter 21 ก.ย. 2556, 23:56:29 น.
นางเอกจะได้เปิดร้านแล้ว เย้ แต่ไม่รุจะเจออีกกี่ด่านค่ะ


ariesleo 22 ก.ย. 2556, 00:32:54 น.
และแล้วก็เสร็จย่าไป 1 มารอต่อไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account