Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: เรื่องน่าอายยามเช้า

ล้อเล่น...อิศยาแทบจะทำของในมือที่มีเพื่อนของปุณณ์รวมทั้งตัวคนนำสารมาบอกกล่าวช่วยกันยกขนมาวางไว้หน้าหอที่เธอพักให้ร่วงหล่น มองค้อนคนที่วิ่งตามมาบอกทีหลังสายตาไม่ปลื้มเท่าไหร่...ตรงข้ามกับคนมาบอก ปุณณ์กำลังสงสัยมองหอพัก สายตาขมวดคิ้วมุ่น

“พักหอนี้จริงสิ”

“ทำไมมีอะไรหรือเปล่า หรือเราโดนสั่งห้ามพักที่นี่” เหน็บไปถึงหุ้นส่วนของหอพัก

ปุณณ์นิ่งคิด เริ่มนึกออกว่าอิศยาเคยบอกไว้ว่าพักที่ไหน และเลขห้องที่พักด้วย ถึงว่าเมื่อวานตอนเดินผ่านรู้สึกคุ้นเลข ปุณณ์ทำหน้ามีลับลมคมในจนอิศยาชักไม่ไว้ใจ ใช้ศอกกระทุ้งเอวอย่างหมั่นไส้

“มีอะไร”

“เดี๋ยวก็รู้เอง...พี่สาวลงมาแล้ว” เปลี่ยนเรื่อง ปล่อยให้อิศยามองเคลือบแคลง ตัดสินใจเลิกคิด เวลานี้ในอกรู้สึกอยากต่อยหน้าคนขี้แกล้งอย่างปัณณ์ให้ติดผนังสักครั้งมากกว่า ผู้ชายอะไร เห็นโลก ส่วนตัวสูงลิบ แค่เธอเอาเท้าไปเหยียบในพื้นที่ส่วนตัวตั้งท่าไล่ลูกเดียว ถ้าเธอหน้าไม่ทนขนาดนี้ ใครโดนไล่บ่อยๆ คงจะกระเจิดกระเจิงหนีหายไปหมด...ให้ร้ายกว่านี้ คนอย่างอิศยาก็ต้องรับมือปัณณ์ให้ได้

สวเนตรไม่ยอมให้ใครมาขึ้นห้องง่ายๆ ถึงกับสั่งกำชับว่าถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้อง ใครหน้าไหนก็ห้ามขึ้น...ร่างอวบเดินมาวางกะละมังใส่ผ้าลงตรงหน้า ชี้นิ้วสั่งการให้ทุกคนนำของที่ถืออยู่มาวางเรียงให้เรียบร้อย มืออีกข้างเท้าสะเอว ทำตัวไม่ต่างจากเจ้าแม่นางพญา

“พลโทรมาหาเรา บอกว่าให้ไปจัดเค้กงานวันเกิดให้แม่เขาที”

“แต่ว่าลุงรัชเขาก็เปิดร้านคาเฟ่นะคะ” ทำเสียงเง้างอด ภาพผู้ชายตาตี่อีกคนที่เธอเห็นมาตั้งแต่เกิด สมัยเด็กๆ ก็คอยแอบเนียนมากอดเธอ หอมแก้มเธอ แรกๆ เธอก็ไม่เอะใจอะไร คิดว่าพี่ชายคนหนึ่ง จนอายุสิบสอง พลก็ยังชีกอไม่เลิก เธอถึงเพิ่งจะรู้ ลูกชายเพื่อนพ่อคนนี้ที่เป็นถึงเชฟโรงแรมห้าดาว ชอบเธอ...ถึงจะเป็นลูกเพื่อนพ่อ ก็ไม่ได้สิทธิ์พิเศษใดๆ จากการเข้าหาเธอ ทุกคนต้องผ่านด่านพ่อของเธอทั้งสิ้น
แล้วนี่ใครคาบข่าวไปบอกเขาว่าเธอไม่ได้อยู่ที่ร้านของพ่อแล้ว...อย่าให้รู้เชียว

“พี่รับงานไปแล้ว จัดที่ร้านพ่อเรา”

“อะไรนะคะ!”

สีหน้าขาดความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งมารับฟังถึงคำสั่งอันเรียบนิ่ง บอกให้รู้ว่าเธอไร้สิ้นหนทางหนี “พี่ไม่อยู่ แต่พี่เช็คได้ว่าไปไหม งานนี้ที่พี่รับไม่ใช่อยากให้เราไปยุ่งกับเจ้าพล แต่พี่อยากให้ย่ากลับบ้านบ้าง ไปรายงานความคืบหน้ากับท่าน หรือจะยอมแพ้ซมซานกลับไปก็ได้นะ”

หกหนุ่มไม่ต่างจากวงบอยแบนด์ยืนเรียงหน้ากระดานบริเวณทางขึ้นหอพัก มองการกดดันกับวาจาสุดเผ็ดร้อน ทุกคนต่างเอาใจช่วยอิศยากันอย่างถ้วนหน้า เมื่อเช้านี้อิศยาก็หูชาเพราะสวเนตรไม่น้อย หากพวกเขาเจอวาจาแบบนี้ทุกวัน กำลังใจอาจจะหดหายไปได้ง่ายๆ

“ย่าไปหักหน้าพวกเขาแย่ ร้านก็ไมได้อยู่ มีสิทธิ์อะไรไปทำเค้กงานวันเกิดลุงรัชเขาคะ คนในร้านก็มีเป็นสิบ” ตั้งท่าเถียงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เรื่องกลับร้านสำหรับเธอไม่ได้น่าหงุดหงิดใจเลย เธอออกจะคิดถึงร้าน แต่พ่อจะอยากเจอลูกอย่างเธอหรือเปล่า หรือการที่จะต้องไปพบหน้าพล ให้เขาโยนมุขจีบเธอทุกๆ ห้านาทีอีก แค่นึกอิศยาก็รู้สึกอยากจะอาเจียนเอาเครปรวมมิตรออกมาเสียเดี๋ยวนี้

ประโยคไม่ยาวมาก พูดด้วยท่าทางสบายๆ แต่กระแทกใจอิศยาอย่างจัง ปุณณ์มองหน้าซีดเผือดของอิศยาอย่างเห็นใจ “ว่าที่พ่อสามีสั่งมา คิดว่าขัดได้หรือไง ลุงรัชขอมาเอง จะไม่เห็นความสัมพันธ์อันดีงามแก่กันก็ได้นะ”

ไม่มีใครรักย่าจริงสักคน...อิศยาเม้มปากเป็นเส้นตรง วิ่งขึ้นตึงตังไปบนหอพัก ถือแค่ของในมือเช่นกล่องใส่ท็อปปิ้ง กับถาดสแตนเลสไม่กี่ใบ

“มาช่วยกันก่อนอิศยา ไม่อย่างนั้นฉันเอาทิ้งไว้ตรงนี้แน่”

“ทิ้งไปเลยก็ได้ เหมือนที่พี่สาวทิ้งให้ย่าไปเจอพี่พลคนเดียวนั่นแหละ” สะบัดหน้า เสียงเริ่มสั่นเครือ ความรู้สึกหลากหลายที่พบในวันเดียวทำให้อิศยารู้สึกโกรธ ระคนน้อยใจจนหาคำบรรยายไม่ได้ ทำไมใครต่อใครถึงไม่มีใครเข้าใจเธอสักคน แค่สักคนที่พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วย หรืออย่างน้อยไม่ต้องตอกย้ำ ลากเธอไปหาเรื่องอันน่าอึดอัด...

ปุณณ์แอบถอนหายใจ กลัวว่าถ้าตนถอนหายใจเสียงดังจะไปกระทบโสตการฟังของนางพญาสวเนตรแล้วเป็นหมีกินผึ้งใส่พวกเขาทั้งหก
งานนี้องครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิงต้องยื่นมือเข้าช่วยอีกครั้งแล้วสิ...


บรรยากาศในร้านสีขาว มีชั้นวางขนม และตู้กระจกกระจายอยู่ทั่ว ตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด เสียงเพลงสากลยอดฮิตเปิดคลอขับกล่อมในร้านสไตล์โมเดิร์น...ชายกลางคนลงพุง กับผมน้อยเส้นยืนเหงื่อตก สะกิดภรรยาร่างผอมสูงอย่างขอความช่วยเหลือ ในเวลาที่เจ้าของใหญ่ในร้านกำลังนั่งคำนวณหน้านิ่งหลังเครื่องเก็บเงิน

“ตา เอ็งโกรธข้าเหรอ ข้าหวังดีนะ รู้ว่าเอ็งน่าจะคิดถึงหนูย่า ถึงได้ทำไปแบบนั้น”

“จริงค่ะ ฉันเองก็คิดถึงหนูย่า ถึงอยากจะชิมขนมฝีมือแก” ช่อแก้วรีบเสริมวรัชผู้เป็นสามีเมื่อขจรยังนิ่งเงียบ

“ทำไมต้องมาจัดที่นี่...รู้ไหมว่าทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติคนในร้านนี้”

วรัชยิ้มเจื่อน กลุ่มคนจากหลังร้านเดินมาเพิ่มขนมเข้าตู้กระจก และจัดเรียงตามมุมต่างๆ หนึ่งในนั้นมีสาวชุดเชฟแขนสั้นกระดุมแดง เด่นสะดุดตา ขับกับผิวขาวสว่างของผู้สวมใส่ ดวงตาสีน้ำตาลมองเลยผ่านแขกทั้งสองในยามที่นำทาร์ตผลไม้จัดวาง

“ถ้าจะจัดที่นี่ต้องให้อุ่นเขาเป็นคนทำ”

พรพิรุณเงยหน้าขึ้นจากบรรดาขนม ได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนานั้นด้วย เพื่อนของลุงตัวเองทั้งสองมีสีหน้าลำบากใจกับการมีเธออยู่ร่วมตรงนี้...จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ซ่อนรอยยิ้มสาแก่ใจ พาตัวเองไปหยุดยืนหน้าขจร ส่งแผ่นกระดาษที่มีออเดอร์จากลูกค้าให้

“เสร็จไปสามเจ้าแล้วค่ะ รอให้ลูกค้ามารับอย่างเดียว”

“ทำงานดีมากอุ่น” ขจรลูบผมหลานสาวด้วยความชื่นชม หลานสาวที่เสียพ่อและแม่ไปตั้งแต่อายุสิบห้า มีเขาคอยอุปการะจนเรียนจบปริญญาตรี รอรับปริญญาพร้อมกับลูกสาวคนเล็กของเขาอีกห้าเดือนข้างหน้า

“สรุปวันเสาร์นี้อุ่นว่างไหมลูก”

“ก็ว่างนะคะ ถ้าไม่มีออเดอร์ด่วนอะไร” ยิ้มหวานใสซื่อ

“ทำเค้กวันเกิดของป้าแก้วเขาทีนะ” หันไปมองหน้าเพื่อนรักสายตาแกมท้าทาย “เอ็งคงไม่ขัดข้องนะ”

วรัชมองเพื่อนแบบคาดโทษ บีบเขาด้วยวิธีนี้จะปฏิเสธอย่างไร ทั้งที่เขาอยากลิ้มรสชติขนมฝีมือลูกศิษย์คนเก่งที่เขาคอยสอนเรื่องเครื่องดื่มมาตลอด วิชาความรู้ที่เขาดั้นด้นไปเรียนถึงฝรั่งเศส ศิษย์เอกอันดับหนึ่งก็มีแค่อิศยาที่มักจะหาโอกาสแอบหนีไปเรียนกับเขาสม่ำเสมอ
“หนูอุ่นทำขนม แต่เรื่องเครื่องดื่มข้าขอให้หนูย่าทำ แกเองก็คงไม่ขัดใจเจ้าของวันเกิดนะ จริงไหมจ๊ะคุณช่อ”

“จ้ะ”

สองสามีภรรยาที่อยากจะรับลูกสาวคนอื่นมาเป็นลูกสาวอีกคนในครอบครัวรับคำอย่างแข็งขัน เจ้าของร้านตัวสูงใหญ่ มีกล้ามเนื้อแข็งแรงอย่างคนออกกำลังกาย ดูแลตัวเองดีเสมอ แม้วัยจะล่วงเลยเกือบถึงเลขหก ทำเสียงหึในลำคอ ไม่ค้านใดๆ อีก โดยไม่ทันสังเกต ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังกัดฟันกรอด สองมือกำเข้าหาจนแน่น

คนอย่างพรพิรุณไม่เคยเป็นรองใคร ...


โครม ครืด เคร้ง เพล้ง

เอาเข้าไป คนจะนอนเวลาปกติอย่างชาวบ้านชาวช่องบ้าง ก็มีคนตื่นมาจัดกระเป๋าตั้งแต่ตีห้า แล้วดันสร้างสงครามในห้องด้วยการเดินไปกระแทกโน่นนี่ อย่างกับไม่ใช่แค่จัดกระเป๋า แต่จะยกห้องพักติดหลังคารถไปทั้งห้อง

หรือยังเคืองที่เธอดื้อด้านใส่ตอนเมื่อวานนี้...อิศยานอนคว่ำหน้า ไม่มีแรงลืมตาในเวลานี้ อดทนฟังเสียงทำลายล้างห้องต่อไป

เดินสะดุด โน่นนี่ หาของไม่เจอ ก็รื้อของตรงบริเวณนั้น อิศยาในชุดนอนแขนยาวลายการ์ตูนพร้อยขยี้หัวตัวเองอย่างขัดใจ เมื่อเสียงสุดท้ายของคุณเธอเวลาเจอของก็จะ “กรี๊ดดด”

“พี่สาว นี่มันอะไร” ปรือตาง่วงงุนมองสภาพห้องที่เต็มไปด้วยกองเอกสาร รู้สึกบนกองนั้นจะมีทั้งรองเท้า กระเป๋าคุ้นๆ เหมือนจะเป็นของเธอ กระจายตัว แม้แต่ชุดชั้นใน ให้ตายสิ

มหกรรมลดราคาแห่งปีหรือไร...

เท้าในถุงน่องหนีบถุงพลาสติกบรรจุน้องสาบส่งที่เธอสั่งกำชับให้พี่สาวเอาไปทิ้งพร้อมขยะเมื่อวานซืนออกไปจากทางเดิน อิศยาเห็นแล้วจะลมจับ นับหนึ่งถึงร้อยไม่ให้กรีดร้องออกไป สภาพถังไอศกรีมที่ยังไม่ล้างมีมดเดินยั้วเยี้ยน่าขนลุก นี่แค่เธอเผลอผล็อยหลับไปเพราะหมดแรง สวเนตรก็ไม่ได้แตะต้องอะไรเลยนอกจากนำมาวางกระแทกลงตรงหน้าประตูระเบียงห้อง...เธอซาบซึ้งในความน่ารักของพี่สาวจริงๆ

สวเนตร เธอมันปีศาจ

“ฝากเก็บห้องด้วย อีกสิบห้านาทีรถออก พี่ไปล่ะ” และเธอก็รีบชิ่งไป ประตูไม่ทันปิดลงล็อก เฉียดฉิวกับเสียงกรีดร้อง จากคนน้องอัดอั้นด้วยการทึ้งหัวของตัวเอง เปิดปากออกมา

“กรี๊ดดด” ลากเสียงยาวไปห้าห้องแปดห้อง

อีย่าอยากย้าย นี่มันแดนนรกหลังจากผ่านสงครามชีวภาพปะทะเอเลี่ยนชัดๆ

“คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

นรกซ้ำกรรมซัด เสียงนี้มัน...ดวงตาของอิศยาเบิกกว้าง รู้สึกคุ้นหู คุ้นตาคนตรงหน้าที่เห็นผ่านช่องว่างประตูอย่างประหลาด ตั้งใจจะคลานไปดันประตูให้ปิด และล็อกประตูสามชั้นกั้นโลกของเธอออกจากปีศาจอีกตน หลังจากพึ่งระลึกได้ว่า คำว่าเดี๋ยวก็รู้ของปุณณ์คืออะไร
นี่ชีวิตของเธออยู่กับปีศาจในห้อง ข้างห้องยังมีจอมมารอีก เวรกรรมแท้ๆ

กระโจนมาถึงปลายเตียง มือเอื้อมคว้าลูกบิดอย่างกับหนังสโลว์โมชั่น ตัวของเธอโถมมาทั้งตัว เตรียมจะเข้าเส้นชัย แค่เอื้อมเท่านั้น ลูกบิดวาววับล้อแสงไฟ สะท้อนเงาหน้าเธอ และมันก็ผ่านหน้าเธอไป... เหยยย

ผัวะ...มือที่ไม่หยุดยั้งตาม ทำให้รั้งทั้งร่างของอิศยาเสียการควบคุม หน้าคะมำไปกับพื้น มือดึงรั้งบางอย่างติดลงมา สัมผัสนุ่มเหมือนผ้า เลื่อนสายตาลงมอง มันเป็นกางเกงขาสั้น ดวงตาเจ้ากรรมก็ยังมองสูงขึ้นไป ไม่ทันปะทะสายตาตกใจ แค่เห็นกางเกงลิงสีขาว อิศยาก็สิ้นสติ

“กรี๊ดดด”

ผัวะๆๆ ประตูทั้งชั้นเปิดพร้อมกันอย่างแตกตื่น และหลายเสียงก็ประสานกันอย่างกับเสียงเดียวก่อนหน้า ปัณณ์กัดฟันกรอด ดึงกางเกงขึ้นสวมแสร้งไม่อาย ขณะที่ลากร่างเพรียวตายังเบิกกว้างตกใจบนพื้น จัดการหิ้วปีกเข้าไปในห้องรกๆ ของเธอ และปิดประตูดัง...ปัง
เสียงโหยหวนระงมจึงยุติ

“นี่คุณ!”

หน้าหวานแดงก่ำ เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนี้มันเกิดจากความอาย หรือการกลั้นหัวเราะกันแน่ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันกำลังจะล็อกห้อง แล้วคุณดันเปิดเข้ามา”

“ผมผิด...ว่างั้นเถอะ” ข่มความคุกรุ่น ไม่ให้บีบคอเล็กๆ ตาใสแจ๋ว

อิศยาส่ายหัวค้าน แต่ยังไม่กล้าสบตาเพื่อนข้างห้อง เพราะภาพกางเกงลิงยังหลอกหลอนเธอ แค่นึกหูเหอเธอพานแดงเถือกหมด
“คิดอะไรลามกอยู่หรือไง”

“เปล๊า” เมื่อสำนึกได้ว่าคนโกหกมักพูดเสียงสูง อิศยาจึงตั้งหน้าตั้งตาส่ายหน้าไม่พูด หลบตาวาวๆ อย่างกับลูกไฟลูกเดียว ปากเม้มแน่น กลัวว่าจะอดทนกับการระงับเสียงหัวเราะไว้ต่อไปไม่ได้

ปัณณ์กุมขมับ บีบนวดให้ความเครียดคลายลง แค่ตั้งสติตอนดึงกางเกงขึ้นมา มือเขาก็สั่นแทบแย่ สายตานับสิบคู่ คงเล่าขานถึงเขาไปอีกนาน อิศยาทำเขาซวยตั้งแต่มาอยู่จริงๆ

มองสภาพห้องทำให้รู้ว่าเหตุใด จึงมีเสียงดังไปถึงห้องของเขาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง

“ไม่ยักรู้ว่ามีโรงขยะอยู่ในหอพักด้วย”

คนถูกทักรีบหันไปอย่างตกใจ ก็เธอจำได้ว่าบนกองนั้นมันมี... อิศยากระโจนตัวอีกรอบไปยังกลางห้องสุดรก ตะครุบเสื้อชั้นในลายตารางหมากรุกไปซ่อนไว้ข้างหลัง ก้มหน้าชิดอก ในใจก่นด่าคนขี้ทิ้งไว้ให้เธอเช็ด แช่งให้ฝ่ายนั้นนั่งทับขี้หมา เหยียบขี้คน ขี้นกหล่นใส่ปากเลยเพี้ยงงง

“พี่สาวฉันทำค่ะ ไม่ใช่ฉันทำ แถมฉันยังต้องมาเก็บ”

“โยนขี้ให้คนอื่นเชียวนะ”

กรี๊ดดด อิศยาทำได้แค่โหยหวนในใจ มองขี้คนอื่นกลายเป็นขี้ตนเองไปโดยปริยาย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อ...

“คัพบี” ยกทรงสีเขียวมะนาวอีกตัวของเธอที่อยู่ใกล้ฝ่าเท้าของปัณณ์ ถูกสองนิ้วหนีบขึ้นมา อ่านไซต์เสียงดังฟังชัด ไม่สนว่าได้ทำให้ใครอีกคนอยากลมจับ มุดโลกหนี แล้วยังสายตาพินิจพิจารณากวาดมองเธออีก “ไม่น่าเชื่อ”

อิศยาเม้มปาก กำหมัดแน่น กำยกทรงอีกตัวด้วยความคั่งแค้น หน้าร้อนวูบวาบอย่างกับไข้จับ ยอมโกหกออกไปทั้งที่มันเป็นของเธอก็ตาม “ของพี่สาวค่ะ ฉันแค่คัพเอเท่านั้น” คุมเสียงให้มั่นคง มือสั่นนิดๆ เมื่อยื่นไปรับยกทรงจากมือเขา

โถ่ลูกมะนาวของแม่ หนูเปื้อนมลทินจากมือผู้ชายเสียแล้ว...สาวซ่อนรูปรำพึงกับยกทรงที่แทบจะเอามากอดแนบอกอย่างโหยหาและอับอาย และมันไม่พ้นสายตาของปัณณ์ แค่เห็นอาการอัดอั้นอยากจะกรีดร้องหลายรอบ ความอับอายของเขาก็แทบปลิวหายไป รู้สึกเหมือนได้เอาคืน...

“พี่สาวไปไหนล่ะ” กรอบรูปรับปริญญาตั้งโต๊ะเด่นสง่า ยังมีกรอบรูปเล็กๆ อีกหลายรูป บอกได้ว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ไม่มีรูปของอิศยาอยู่ในนั้นสักใบ

“ไปสัมมนาอาทิตย์หนึ่งค่ะ แล้วก็ทิ้งกองขยะนรกพวกนี้ไว้ให้ฉันจัดการ” เสียงหวานแข็งขึ้น ช้อนตามามองก่อนจะสะบัดหนีคอแทบเคล็ด สายตามองมาราวกับจะถามว่า ในที่สุดก็รู้สักทีนะยะ...

อิศยาวางของหวงในถังเล็กไว้ซักแยกทั้งที่ซักตากแห้งเก็บเข้าตู้ไปแล้ว แต่คุณพี่สาวเล่นรื้อค้นจนมาจมในกองขยะใหญ่นี้ เธอยอมซักใหม่ ยิ่งมามีมลทินในมือผู้ชาย แค่นึกอิศยาอยากจะกรีดร้อง มือเริ่มสาละวนกองกระดาษรวบรวมมันเป็นตั้ง มั่นใจว่าสวเนตรจะไม่ต้องการมัน เพราะเอกสารสำคัญคุณเธอได้เอาไปแล้ว และอันไหนที่สำคัญจริง คุณเธอจะเอามันวางไว้บนตู้

เพียงสิบห้านาที ห้องรกมหารก ก็เรียบร้อย อิศยาเกามือเกาแขนยิกๆ เริ่มขึ้นรอยแดง จากงานสุดท้ายคือการสู้รบกับกองทัพมดแดงตัวจิ๋วกับถังไอศกรีม ได้กองกระดาษมาสามตั้งสูง ฝีมือการมัดเชือกของปัณณ์ อยู่ดีๆ เขาก็นึกครึ้มใจดีมาช่วยเธอ

แต่มันแก้ตัวที่ทำให้เธอเห็นกางเกงลิงไม่ได้หรอก มาได้ถูกเวลาซวยลูกกะตาของเธอจริงจริ๊งงงงง

“หิว”

มาบอกทำเพื่อ...แต่ปากของเธอกลับถามเสียงหวาน “อยากทานอะไรไหมคะ” สำนึกที่ว่าเธอยังต้องง้อเขาย้ำเตือนเธอทุกลมหายใจ เพื่อแบบร้านราคาถูกๆ

เจ้าของร่างสูงสวมเสื้อยืดสีขาว อวดกล้ามและหุ่นที่หนาแต่ไม่น่าเกลียดอย่างคนที่ออกกำลังกายประจำ นั่งเอนหลังบนเก้าอี้หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์สบายอารมณ์ เขาไล่สายตามายังโต๊ะประกอบอาหารที่สูงเพียงฟุต แต่ความกว้างตารางเมตรครึ่ง เครื่องมือประกอบอาหาร และเครื่องดื่มครบครัน ถูกจัดเป็นระเบียบ

“ทำอาหารคาวเป็นไหม”

“ปลานึ่งก็คาวแล้วค่ะ” ตั้งใจแกล้งรวนเขาเล็กๆ คืนบ้าง

“ไม่อยากมีร้านสินะ”

คนใจร้าย...ขมุบขมิบปากด่าในช่วงที่ปัณณ์หันไปมองทางอื่น ชูมือขึ้นทำท่าจะชกให้หายแค้น รู้ทั้งรู้ว่าสุดท้ายทำเก่งได้แค่เวลาอยู่ลับหลังเขาเท่านั้น

“สิบนาที พบกันหน้าห้อง ไปหาอะไรกินกันข้างนอก จะได้คุยเรื่องแบบของร้าน”

“เอ๋?...ฉันไม่ต้องทำแล้วใช่ไหมคะ”

ปัณณ์ทำหน้าเหนื่อยใจ อดนึกว่าทำไมคนตรงหน้าถึงชอบให้เขาพูดซ้ำๆ อยู่เรื่อยไป “ไม่ไว้ใจฝีมือ...เครปเมื่อวานไม่ทำให้ท้องคุณผิดสำแดงใช่ไหม”

“ถึงปะแล่มๆ แต่อาหารฉันถูกสุขลักษณะ สะอาด...อุ๊บ”

“เป็นอะไร” มองเจ้าของห้องปิดปากสีหน้าตกใจ ไม่รอให้ถามซ้ำร่างเพรียวก็วิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำ ส่งเสียงเบาอายๆ ออกมาให้ปัณณ์ยิ้มขำได้ยามเช้า

“ขอฉันล้างหน้าแปรงฟันห้านาทีนะคะ...ยังไม่ได้แปรงเลย”

“คุณคุยกับผมตั้งนาน ผมยังไม่เห็นคุณเหม็นปากผมเลย”

เสียงแปรงฟันหยุด และเธอก็แหวกลับมาอย่างคนรังเกียจ “ต๊าย อย่าได้ร่วมโต๊ะกับฉันนะยะ” และเธอก็กระแอมกระไอสองสามครั้ง เสียงหวานขึ้นกว่าเดิม “เพื่อสุขอนามัยที่ดีของช่องปาก คุณปัณณ์ไปแปรงฟันเถอะค่ะ”

ไม่ต้องรอให้อิศยาออกปากไล่รอบสอง ปัณณ์รีบหมุนตัวออกจากห้อง เข้าห้องที่ติดกัน เป็นห้องติดบันได และเริ่มต้นหัวเราะในลำคอ หุบยิ้มลงไม่ได้

ให้ตายสิ ผู้รุกรานตลกเป็นบ้า ...

................................................................................................................

จำได้ว่าตอนเขียนตอนนี้ เขียนเองก็รักพระเอกตามไปด้วย ฮาาา อิศยาก็แสบๆ ดี ตอนเขียนคืออยากให้เป็นนิยายที่อ่านแล้วยิ้ม แล้วก็ให้คนได้พยายามทำตามฝันตัวเองค่ะ ไม่รู้ว่าจะเกิดแรงสู้เหมือนอิศยาบ้างไหม มาถึงครึ่งที่แต่งไว้แล้ว ยังมีอยู่ในคลัง แต่ยังแต่งไม่จบ ฮาาา

คุณ icewinter อุปสรรคของย่ายังมีค่ะ เรื่องร้านจะจิ๊บๆ ไปเลย (Spoi อ่ะ ฮาา รอตามไปนะคะ)
คุณ ariesleo เสร็จไปหนึ่ง รอดูว่าปัณณ์จะยอมช่วยนางเอกแบบไหนกันต่อค่า อิอิ

ขอบคุณที่กดไลค์ด้วยค่า :)



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ย. 2556, 15:49:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ย. 2556, 15:49:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1561





<< การพิสูจน์ฝีมือ   มุมน่ารักของจอมมาร >>
icewinter 22 ก.ย. 2556, 22:51:16 น.
ตอนนี้นางเอกฮาจังค่ะ ลืมแปรงฟัน อิอิ


ariesleo 23 ก.ย. 2556, 11:27:39 น.
555 อย่างฮา


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ย. 2556, 20:01:26 น.
อ่านไปก็ยิ้มแก้มแตกไป น่ารักจิงๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ย. 2556, 20:02:15 น.
อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงโนดาเมะ พี่สาวน่าจะเป็นโนดาเมะได้เลยนะเนี่ย


sirynth 21 ต.ค. 2556, 03:00:51 น.
love this, it's so funny, thanks ka.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account