จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: 17 ความรู้สึก



“อิ้งโกรธเราเหรอ”

อังศุมาลินไม่รู้ว่าทำไมพัฒนากรถึงตั้งคำถามนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเห็นหน้าเขาแล้วรู้สึกอยากจะอ้วกและเธอก็...

“อ้วก ๆ ๆ”

“อิ้งเมารถเหรอ ค่อย ๆ นะ”พัฒนากรลูบหลังให้อังศุมาลิน คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบ้างก็หันมอง บ้างก็หยุดยืนดู “ไปห้องน้ำไหวไหมคนมองใหญ่แล้ว”

แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นทำให้อังศุมาลินถึงกันอารมณ์ขึ้น หันมองหน้าสามีตาเขม็ง

“ไม่ไหว ไม่ไป คนอ้วกจะตายอยู่แล้วยังจะมาห่วงหน้าห่วงตาอีก นี่ห่วงเรานี่ อ้วก...”

“ไม่ใช่เราแค่ถามดู เดี๋ยวถ้ายามมาเห็นโดนไล่แน่ ๆ”

“ก็ให้มาไล่สิ จะอ้วกใส่เลย...อ้วก”

“คุณ ๆ หยุด ๆ ไปอ้วกที่อื่น”แล้วยามก็มาไล่จริง ๆ แต่มีหรืออังศุมาลินที่กำลังโมโหจะยอม

“เข้ามาสิ หนูจะเอาอ้วกปาหน้าพี่เลย ไม่เชื่อก็เข้ามา”อังศุมาลินตั้งท่าจะเอาอ้วกขึ้นมาจากพื้นจริง ๆ

“อิ้งไม่เอา พอแล้ว เขาทำตามหน้าที่ ดีขึ้นรึยัง”พัฒนากรจับมืออังศุมาลินไว้ หญิงสาวสะบัดหลายทีก็ไม่ออก “อยู่นิ่ง ๆ เลย พี่ยามครับขอโทษทีนะพี่เดี๋ยวผมจะมาตามคนมาทำความสะอาดเอง”

พัฒนากรจับอังศุมาลินยัดไปในรถ แล้วเดินไปตามแม่บ้านพร้อมให้เงินเป็นค่าน้ำใจแล้วกลับมาพาอังศุมาลินกลับบ้าน

ตลอดทางอังศุมาลินไม่พูดอะไรสักคำ นึกโกรธสามีอยู่ตลอดทางที่ไม่ได้มีท่าทีเป็นห่วงเธอเลย ลูกจ๋าแม่จะบอกพ่อลูกได้ยังไง ทำไมนะแม่รู้สึกว่าพ่อลูกไม่รักแม่เลย

“อิ้งเดี๋ยวขึ้นห้องไปเลยนะ เราจะกลับชลบุรีเลย”

“ทำงานเสร็จก็จะกลับเลย จะไม่อยู่ด้วยกันสักคืนเหรอ”หญิงสาวนึกโมโหขึ้นมา แต่ก็พยายามข่มใจ

“งานยังค้างอีกเยอะเลย อยู่ได้นะ”

“ไปเถอะ เราอยู่ได้”อังศุมาลินพูดเสียงเน้น ๆ ก่อนจะปิดประตูรถอย่างแรง ให้รู้ไปเลยว่าเธอโมโหมากแค่ไหน

ชายหนุ่มกัดปากแน่นอย่างเก็บอารมณ์ รถหนึ่ง งานหนึ่ง และคนรักอีกหนึ่ง เขาไม่อยากให้ใครมาทำแบบนี้แน่ ๆ แล้วถ้าเป็นคนรักที่ทำลายอีกสอองสิ่งที่เขารักล่ะ เขาจะทนเธอไหวไหม



พอขึ้นห้องมาได้ก็รีบเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าในทันที เป้าหมายคราวนี้ก็คือบ้านที่แสนอบอุ่นที่ไม่ได้กลับไปเลยตั้งแต่แต่งงาน

กว่าจะมาถึงบ้านก็มีแต่ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วยรถขนส่งสาธารณะที่คนใช้กับคลับคลั่งเสียงเหลือเกิน ป่านนี้ที่บ้านคงรู้กันหมดแล้วว่าเธอตั้งท้อง แต่ที่บ้านโน้นนะสิ คงจะไม่มีใครรู้หรอก

“แม่อยู่จนได้มีเหลนจนได้”ยายของอังศุมาลินลูบหัวหลานสาว อังศุมาลินกอดเข่ายายแล้วร้องไห้ออกมาอย่างเงียบ ๆ

“กินน้ำกินท่าเสียสิลูก”รวีดายกน้ำเย็นมาให้ลูกสาว เลยได้เห็นว่าน้ำตาของลูกสาวหยดลงพื้น “ทะเลาะกับพีมมาเหรอลูก อะไรกันหนูกำลังท้องอยู่แท้ ๆ มาทำให้เสียใจกันได้ยังไง”พูดอย่างอารมณ์เสียว่างแก้วกระทบโต๊ะเสียงดัง

“ไม่เอาไม่ร้องลูก หลานแม่คนเก่งจะมาเสียใจให้คนแบบนั้นง่าย ๆ ได้ยังไง คนใจร้ายก็ปล่อยเขาไป”

“แม่ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ อิ้งมันเพิ่งจะแต่งงานเองนะ”กลายเป็นศึกแม่ลูกไปเสียแล้ว เลยไม่ทันสังเกตว่าอังศุมาลินยิ่งเศร้าหนักขึ้นเมื่อได้ยินชื่อพัฒนากร

“พีมเขาไม่รู้หรอกจ๊ะ เขาไม่เคยฟังหนูสักคำ อะไร ๆ ก็งาน หนูไม่เข้าใจเลยว่าแค่ฟังหนูพูดให้จบประโยคเนี่ยมันจะตายไหม หนูอ้วกจะเป็นจะตายมันยังจะบอกว่าอายคนที่เดินผ่านไปผ่านมา หนูไม่รู้ว่าหลงไปแต่งกับมันได้ยังไง”พูดแล้วก็อดอารมณ์เสียไม่ได้ น้ำตาที่ร้องไปก็แสนจะเสียดาย ไม่รู้ว่าเธอรักเขาได้ยังไง เธอทิ้งคนดี ๆ อย่างอธิษฐานไปเอาคนใจร้ายแบบนั้นทำไม ทำไม ทำไม...ถ้าไม่ใช่เพราะรัก



หลายวันแล้วที่พัฒนากรโทรหาอังศุมาลินแต่ไม่ติด โทรหาที่บ้านอังศุมาลินก็เหมือนไม่มีใครอยากพูดอะไร พ่อของอังศุมาลินก็หายกลับบ้านไปหลายวันยังไม่กลับมา เขาก็มีบ่น ๆ ให้ที่บ้านฟังบ้าง แต่เหมือนจะบ่นมาก มากกว่า จนพรรณณีทนไม่ไหวโทรหาอังศุมาลินเองและโชคดีที่โทรติด

[[สวัสดีค่ะแม่]]

“สบายดีนะลูก หายไปเลย” น้ำเสียงแสดงความห่วงใย ปะปนกับมีความกังวน อังศุมาลินคิดทบทวนก่อนจะตอบกลับว่า

[[แม่คะหนูท้อง]]

“จริงเหรอลูก แม่ดีใจจังเลย”คนดีใจตะโกนเสียงดัง กรุงไทย พฤตินัย และญาดาที่เล่นเกมอยู่หันมามองเป็นตาเดียว “ใยไหมหนูกำลังจะมีน้องแล้ว อาอิ้งท้องแล้วลูก”

“เย้”ญาดาดูจะดีใจมากอีกคน “แล้วอาพีมรู้แล้วรึยังคะย่า”

“นั้นสิ อิ้งเจ้าพีมรู้รึยัง”ปลายสายเงียบไปหลายวินาที

[[ยังคะ หนูพยายามบอกเขาแล้ว แต่เขาไม่ฟังหนูเลย เอ่อ...แม่คะแค่นี้ก่อนนะหมอเรียกหนูเข้าห้องตรวจแล้ว หนูมาฝากท้องน่ะคะ]]

“จ้า ๆ รักษาตัวให้ดีนะลูก”

“วางไปแล้วเหรอแม่”พฤตินัยหันมาถาม ผู้เป็นแม่พยักหน้าตอบ “พีมมันไม่รู้ใช่ไหมแม่”

“ใช่ หนูอิ้งพูดเหมือนงอนเจ้าน้องชายเราเลย เมื่อกี้ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรหมอเรียกเข้าไปตรวจแล้ว แต่เจ้าน้องชายเราก็ไวนะแต่งงานปุ๊บท้องปั๊บ”

ทุกคนดูเหมือนจะมีความสุขกับข่าวดี แต่คนที่เป็นพี่ชายนี่สิรู้สึกกังวนใจอยู่ไม่น้อย ก็เจ้าน้อยชายมันมาบ่นให้ฟังแทบทุกวันว่าเมียมันเปลี่ยนไป



อังศุมาลินปักหลักอยู่ที่บ้านทั้งวันทุกวัน เพื่อแต่งนิยาย เธอตั้งใจจะแต่ให้ได้สักสามเรื่องในช่วงที่ท้อง แต่ไม่รู้ว่าจะทันรึเปล่านี่นะสิ

“ลุกออกเดินบ้างดีกว่าลูก ระวังเด็กจะคลอดยากนะนั่งนิ่ง ๆ ทั้งวัน”ระวีดาเตือนลูกสาว

“ก็อยากอยู่นะแม่ดา แต่ถ้าแต่งไม่ถึงไหนก่อนลูกคลอดเนี่ยอดตายแน่”พูดแล้วก็ยังพิมพ์ไม่หยุด แม้สมาธิจะหลุดแล้วก็ตาม

“พีมมันไม่ให้เงินบ้างเหรอ”

“หนูไม่เคยขอ ใช้เงินคนละกระเป๋าอยู่แล้วด้วย เขาก็เป็นอย่างงี้แหละแม่ เขาคงใช่ความคิดว่า อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ”อังศุมาลินหันมาตอบแล้วกลับไปทำงานต่อ

“มีเวลาก็พัก ๆ บ้างนะลูก ใครไม่เลี้ยงลูกแม่ แม่นี้แหละจะเลี้ยงเอง”

อังศุมาลินหันมามองหน้าแม่ตาแป๋ว เวลาจะทำซึ้งแม่เธอก็ไม่เบาเลยนะ



พิภพแทบจะไม่อยากกลับไปทำงานเมื่อรู้ว่าลูกเขยห่วงหน้าตัวเองมากกว่าลูกสาวเขา แต่อายุปูนนี้แล้วจะให้มาทำตัวงอนเหมือน ๆ เด็กก็คงจะไม่เหมาะ

“พ่อหายไปหลายวันเลยนะครับ”

“เออ”

พัฒนากรดีใจเมื่อได้เห็นพ่อตากลับมา หนึ่งเพราะงานที่ดูจะเหลวเมื่อพ่อตาไม่อยู่ สองเขาไม่แน่ใจว่าเมียสุดที่รักกลับบ้านที่เมืองกาญจ์หรือเปล่า แต่พอดูท่าทางเคืองขุ่นแล้วก็เดาไม่อยาก

“อิ้งอยู่ที่บ้านใช่ไหมครับ”

“เออ”

“แล้วพ่อรู้ไหมครับว่าเขาโกรธอะไรผม ผมโทรไปก็ไม่รับ”

“แกไม่รู้แล้วข้าจะรู้ไหมวะ แล้วแกรู้ไหมว่าไปทำอะไรให้ลูกสาวฉันโกรธ”

เจอย้อนแบบนี้พัฒนากรเองก็ไม่รู้จะตอบอะไร ก็เขาทำไปตั้งหลายอย่าง แต่ที่แล้ว ๆ มาอังศุมาลินก็ไม่เห็นจะโกรธอะไรจนเวอร์แบบนี้

“เยอะครับ แต่ทุกครั้งเธอก็ไม่เคยโกรธ หนูเดินดี ๆ ลูก แล้วก็อย่าเข้ามาเล่นในนี้อันตราย ไป ๆ หาแม่ไป”พัฒนากรหันมาพยุงเด็กที่วิ่งเล่นผ่านมาแล้วล้ม แล้วปัดเสื้อผ้าที่เลอะออกพอสมควรก่อนจะปล่อยเด็กไป พิภพเห็นแล้วก็นึกเรื่องพูดออก

“เธอชอบเด็กไหม”

“ครับ ผมอยากมีลูกมานานแล้ว แต่เวลาจะทำนี่สิครับแทบไม่มี”เขาพูดติดตลก

“วันก่อนพ่อไปหาหมอมา หมอบอกว่าผู้หญิงจะอารมณ์เปลี่ยนเร็วมีอยู่สองกรณี รู้ไหมอะไร”

พัฒนากรแปลกใจที่พิภพตั้งคำถามแปลก ๆ แต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือพ่อตาไปหาหมอเกี่ยวกับผู้หญิงทำไม

“พ่อป่วยเป็นอะไรครับ มดลูกพ่อไม่ดีเหรอครับ”

“ไอ้นี่…”พิภพอยากจะเอาค้อนปอนที่วางอยู่ใกล้ ๆ ทุบหัวลูกเขย แต่ก็กลัวว่าลูกสาว กับหลานที่กำลังจะเกิดมาเป็นกำพร้า เลยต้องข่มใจ “ฉันจะบอกแกให้นะ ผู้หญิงมีประจำเดือนหนึ่ง ผู้หญิงท้องหนึ่ง เอาไปคิดซะ”พูดจบแล้วก็รีบเดินหนี อยากรู้นักว่าเขามีลูกเขยเป็นคนหรือ ... กันแน่

“แล้วมาบอกเราทำไมวะ”พัฒนากรเกาหัวแหยก ๆ เอาคำพูดของพ่อตามาคิดดู “เอ๊ะ! พ่ออิ้งท้องใช่ไหมพ่อ”


ไม่ต้องมีใครมาด่าชายหนุ่มก็จัดการด่าตัวเองเสียเสร็จ จนคนที่คิดจะด่าต้องเป็นฝ่ายห้าม

“พอก่อนมั้งน้องชาย ฉันฟังแกบ่นมาเป็นชั่วโมงแล้ว นี่แล้วแกทำไมต้องให้ฉันขับรถมาให้ด้วยวะ ดูสิจะมาง้อเมียยังจะแบกงานมาทำอีก เป็นฉันนะไม่แต่งกับแกให้โง่หรอก”ว่าแล้วก็อดด่าไม่ได้

“อิ้งก็ใช่ย่อยพี่ ก่อนแต่งงานเธอก็บ้างานเหมือนกันนั้นแหละ”

“ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงตัวเองก็ต้องบ้าทำงานเป็นธรรมดาล่ะ พอได้แกเลี้ยงเขาก็ทำงานน้อยลงใช่ไหม”

“เปล่านะพี่ ผมไม่ได้เลี้ยงเธอ เธอก็ทำงานของเธอนะ”พัฒนากรตอบอย่างไม่คิดอะไร

“ไอ้ควายเอ๊ย”แต่ดูเหมือนพี่ชายจะเป็นเดือดร้อนขึ้นมา “แกเคยให้ตังเมียใช่รึเปล่า”

“ไม่ เธอไม่เคยขอ”

“ไม่ขอแกก็ต้องให้ แล้วอย่าบอกนะว่าแกเก็บเงินเอง”

“ใช่”พัฒนากรตอบอย่างง ๆ แล้วมันจะแปลกอะไร เงินเขา เขาก็ต้องเก็บเองเป็นธรรมดา มีเมียนะไม่ใช่มีแม่จะได้ให้มาเป็นกระปุกออมสิน “อิ้งเขาก็มีตังใช้ของเขาอยู่แล้ว ผมเองก็เก็บเงินเป็น บัญชีธนาคารก็เปิดไว้ตั้งหลายปีแล้วจะมาให้อิ้งเก็บทำไม”

“แล้วแกจะรู้สึกเชื่อฉันสิ”พฤตินัยทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วไม่พูดอะไรต่อ พอส่งน้องชายเสร็จก็มีเรื่องให้ต้องรีบกลับบ้านเพราะลูกสาวเกิดไม่สบายขึ้นมา


“คิดถึงจังครับ”พัฒนากรเดินเข้ามากอดเมียในห้องนอน ชายหนุ่มย่อตัวลง “ลูกพ่อล่ะสบายดีไหม พ่อขอโทษนะ ฝากบอกแม่เขาด้วยว่าพ่อเสียใจ”

“เขาเกือบจะได้ไปสบายแล้ว”ความงอนทำให้อดประชดไม่ได้

“ไม่เอาน่า แม่บอกว่าอิ้งนั่งทำงานทั้งวันเลยเหรอ รู้ไหมถ้าไม่ออกกำลังกายจะมีผลไม่ดีต่อเด็ก”น้ำเสียงเขาอบอุ่นน่าดู แต่อังศุมาลินกลับรู้สึกเวียนหัวอยากจะอ้วกขึ้นมาอีกแล้ว

หญิงสาวรีบผลักชายหนุ่มออกแล้ววิ่งมาอ้วก พัฒนากรวิ่งตามไปลูบหลังให้ อังศุมาลินพอได้กลิ่นตัวเขาก็ยิ่งเวียนหัวจะอ้วกใหญ่

“เป็นอะไรไปล่ะลูก มาอยู่บ้านตั้งหลายวันไม่เห็นจะมีอาการ”รวีดากับยายรีบเดินมาดู

“เหม็นพีมอ่ะแม่ดา เหม็นเป็นบ้าเลย”

รวีดากับคุณยายฟังจบแล้วก็ขำอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่พัฒนากรนี้สิหน้าเสีย ตัวเขาออกจะหอมขนาดนี้จะเหม็นได้อย่างไร

“สงสัยว่าจะแพ้กลิ่นผัวนะสิ พีมไป ไปที่อื่นก่อน”คุณยายหันมาสั่ง ชายหนุ่มเดินออกมาอย่างงง ๆ “ดีขึ้นไหม”

“ดีแล้วจ๊ะแม่”พูดเสร็จก็เช็ดปากเช็ดคอ “แพ้ผัวมันเป็นอย่างนี้นี่เองนะแม่ ฮา ๆ” อังศุมาลินนึกขำขึ้นมา สะใจจริง ๆ ที่เป็นแบบนี้ เพราะเธอจำได้ดีว่า

ตอนที่เริ่มชอบเขาใหม่ ๆ เธอแทบจะไม่อยากหยุดเรียน วันเสาร์-อาทิตย์ ถ้ามีนัดทำรายงานกับเพื่อน เธอจะนึกถึงโรงเรียนเป็นที่แรก เพราะบ้านของพัฒนากรอยู่ในโรงเรียน

“ไม่เห็นเลย”

“บ้าไปใหญ่แล้วอิ้ง”สุนิสาร้องเตือน “ทำงานเลย”

“ก็คนมันคิดถึงนี่หว่า นึกว่าจะได้เจอเสียอีก แต่ก็เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี”

“บ้า!”เพื่อนในกลุ่มประสานเสียงพร้อมกัน

แค่นี้ยังไม่ถึงที่สุดหรอก ความฝันทุกคืนของเธอยังเป็นเขาเลย ช่วงปิดเทมอนั้นอย่าให้พูด มองไปทางไหนชื่อเขาก็รอยเต็มไปหมด



“อิ้งขอนอนด้วยสิ ข้างนอกน่ากลัวจะตาย”พัฒนากรเคาะห้องมือเป็นระวิง เพราะเขาทนนอนกลางบ้านคนเดียวไม่ได้ บ้านของอังศุมาลินน่ากลัวที่สุดในสามโลกแล้ว

“ไม่ เราเห็นหน้าเธอแล้วจะอ้วกรู้ไหม ไปไหนก็ไปก่อนนะ วันนี้เราอ้วกจนไม่มีอะไรออกแล้ว”เสียงหญิงสาวบ่งบอกถึงความรำคาญ

พัฒนากรเดินคอตกกลับมาที่ที่นอน นอนก็ไม่หลับแน่เขาเลยคว้างานมาทำต่อ แต่ทำได้พักเดียวก็รู้สึกวังเวงขึ้นมาอีก แล้วไม่รู้ว่าหมาน้อยเจ้ากรรมแถวนี้มันนึกอะไรขึ้นมาถึงได้หอนกันระงม สายตาที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ดันเลื่อนมามองที่ปฏิทิน

“วันพระด้วย”

งานที่คิดว่าจะทำก็เลยถูกเก็บแล้วชายหนุ่มก็รีบคลุมโป่ง แต่แล้วก็มีเสียงคนเดินเบา ๆ มาจากปลายเท้า เดินเข้ามาจนใกล้ แล้วเขาก็รับรู้ถึงสัมผัสที่เท้า

“พีมเป็นอะไรตัวสั่นเชียว”อังศุมาลินนั้นเองที่เป็นคนเดินมา พัฒนากรพุ่งมากอดเธอไว้แน่ “เห็นหมาหอนเลยเดินมาดู เอ่อ...ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วปล่อยเราได้ไหมจะอ้วกอีกแล้ว”

“โธ่อิ้ง เราจะบ้าตายอยู่แล้วนะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันเราก็คิดถึงจะแย่ พอเจอกันกลับอยู่ใกล้ไม่ได้อีก”น้ำเสียงน่าสงสารเชียว อังศุมาลินคิดในใจ

“อยากเจอหน้าก็ทำไม่ได้ พอเจอกันก็เข้าใกล้ไม่ได้ ว้าว! ดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยที่ได้ยินคำนี้จากเธอ”

“หึ”พัฒนากรรู้สึกถึงไอแห่งความเศร้าจากอังศุมาลิน ดวงตาที่ส่งมาบกบอกถึงความท้อใจและสิ้นหวัง แต่มันก็ดูอุ่น ๆ อย่างบอกไม่ถูก

“ทรมานล่ะสิ ฮา ๆๆ”แล้วหญิงสาวก็ระเบิดขำออกมา ก่อนจะหยุดแล้วยิ้ม “เราก็เคยเป็น ตอนที่แอบชอบเธอ ตอนนั้นเราทรมานใจที่สุด เธอเหมือนกับคนของคนทั้งโรงเรียน เป็นอะไรที่ไม่ควรแตะต้อง มีไว้แค่เพียงบูชา”

“ขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุข ไม่กี่ครั้งที่หญิงสาวจะพูดถึงอดีต เขาเลยไม่รอช้าที่จะปรับความเข้าใจ ดึงเธอมานั่งตัก“ตอนนี้อิ้งก็รู้แล้วสินะว่าเราก็แค่คนธรรมดา ที่มีหัวใจ รู้สึกเป็น และตอนนี้เราก็รับรู้ถึงความทรมานนั้นแล้ว อิ้งไปอยู่กับเราที่โน้นนะ เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น”

“ทำไมเพิ่งมาชวนตอนนี้ล่ะ”อังศุมาลินหันหน้ามาถาม แต่พอเห็นหน้าเขาเธอก็รู้สึกไม่ค่อยดีเลยหันกลับแล้วอาการก็ดีขึ้น “เรารอคำพูดนี้จากเธอแทบทุกวัน”

“อย่างอนเลยนะ ตอนนั้นเห็นอิ้งยุ่ง ๆ เราไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ เราทำให้อิ้งเสียใจเราก็เสียใจ”

“อืม...ก็ได้”ตอบรับแต่ไม่กล้าหันมามอง “พีมเธอใช้สบู่อะไรน่ะ หอมจัง”

“สบู่อิ้งไง อ๋อแล้วก็ยาสีฟันอิ้ง แป้งอิ้ง”

“จริงด้วยสิ พีมเธอช่วยใช่ของเหมือนวันนี้นะ เรารู้สึกดีกว่ากลิ่นเก่าเยอะเลย”

“แต่มันเป็นกลิ่นของผู้หญิงนะ”แค่นึกก็ขนลุกแล้ว

“ไม่ได้เหรอ”

“ดะ...ได้จ๊ะเมียจ๋า”

แต่พอได้ยินเสียงไม่สบอารมณ์ชายหนุ่มก็ต้องยอม ก็คงแค่ไม่นานหรอกมั่ง แค่ช่วงแพ้ท้องแป๊บเดียวเอง



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ย. 2556, 17:44:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ย. 2556, 17:44:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1660





<< 16 มันเกิดอะไรกับความสัมพันธ์ของเรา (วะ)   18 ผู้ช่วยคนใหม่ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account