ใต้ปีกรักสีเพลิง {นวนิยายชุด ความลับของผีเสื้อ สนพ.อรุณ}
สร้อยผีเสื้อสีเพลิงจากคนแปลกหน้า
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนใหม่
เธอไม่รู้ว่ารักเขาจริงๆ
หรือเป็นเพราะอำนาจของผีเสื้อตัวนี้กันแน่
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๑๓ (ครึ่งแรก)
โดยปกติแล้วสุภัทรชามักใช้เวลาวันหยุดออกไปตะลอนกับพัทธ์ธนัย แต่เรื่องแบบนี้ก็มีข้อยกเว้นบ้าง อย่างเช่น...การที่ใครบางคนโทร.มานัดเธอกะทันหันในสายวันเสาร์ถัดมา
“คุณเกรซว่างไหมครับ วันนี้ผมอยากเจอคุณเกรซจัง” ภูผาพ้อผ่านสายโทรศัพท์มาแค่นั้น อันที่จริงไม่ต้องให้เขาใช้น้ำเสียงไม่สบายใจหรอก แค่ได้ยินเสียงเขา สุภัทรชาก็นึกอยากให้เธอเป็นแม่มดเลยด้วยซ้ำ จะได้ขี่ไม้กวาดไปปรากฏตัวอยู่ข้างๆในยามที่เขาต้องการเช่นนี้!
“เลียบทางด่วนค่ะ คุณภูอยู่ที่ไหนเหรอคะ เดี๋ยวเกรซไปหาก็ได้”
เพียงเขาบอกชื่อร้านอาหาร สุภัทรชาก็รีบบอกด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“ไม่ไกลกันเท่าไหร่ งั้นเดี๋ยวเกรซไปพบคุณที่ร้านเลยละกัน” จากนั้นหญิงสาวจึงตัดการติดต่อ
สีหน้าของผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอเหมือนเด็กชายเล็กๆจอมเอาแต่ใจไม่มีผิด ภูผาหน้ามุ่ยถ่ายทอดคำพูดของมารดาให้เพื่อนร่วมโต๊ะฟังโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
เมื่อฟังเรื่องทุกข์ใจของชายหนุ่มจบ สุภัทรชาก็หัวเราะอย่างมีจริต “แหม...เกรซนึกว่าเรื่องอะไรใหญ่โต คุณแม่อยากให้แต่งงาน คุณภูก็ต้องเริ่มจากหาแฟนเข้าสักคนสิคะ”
“หาที่ไหนล่ะครับ ผมยังไม่เจอผู้หญิงที่อยากได้มาเป็นแฟนสักที ส่วนคนที่เจอแล้ว บางคนก็อยู่ไกลเกินเอื้อม” สีหน้าเขากรุ้มกริ่ม ส่งสายตาให้เธออย่างเปิดเผย
“แหม...เสียดายว่าเกรซไม่ใช่สเป็คคุณภู ไม่งั้นเกรซจะเสนอตัวให้พิจารณาเลยนะเนี่ย” หญิงสาวทิ้งสายตาจงใจเปิดทางชัดเจนเช่นกัน
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ คุณเกรซไม่รู้เหรอว่าตั้งแต่เราเจอกันคราวก่อน ผมก็ไม่อยากมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย”
สุภัทรชาแต้มยิ้มเก๋ “แค่พูด ใครก็พูดได้ค่ะ บางเรื่องคุณภูคงต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำแล้วละค่ะ”
คนตรงข้ามจับมือเธอไปประทับรอยจูบที่หลังมือ ก่อนเงยขึ้นส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง แววตาบอกความชื่นชมชัดเจน “วันนี้...ให้เกียรติไปดินเนอร์กับผมสักมื้อนะครับคุณเกรซ”
หญิงสาวยิ้มเอียงอาย แสร้งดึงมือจากการเกาะกุมช้าๆ แต่แล้วก็กลับ...พยักหน้า!
คิรินทร์อยู่รับประทานอาหารจนอิ่ม แล้วยังมีน้ำใจเก็บล้างทำความสะอาดครอบจานให้อีกฝ่ายจนเรียบร้อย จากนั้นจึงลากเบาะพับได้มากางหน้าแคร่ตัวใหม่และเอนตัวลงอย่างสบายอารมณ์ ถือวิสาสะหยิบนิตยสารมากางอ่านเล่นเงียบๆ แม้ชายหนุ่มไม่รบกวนการทำงาน แต่พรนางฟ้าก็อึดอัด “เมื่อไหร่คุณจะกลับสักทีเนี่ย”
“อะไร พอใช้งานเสร็จก็จะไล่กลับเหรอ” เขาย้อนถามทั้งที่ไม่ขยับ
“ก็คุณจะอยู่ทำไมให้เปลืองน้ำเปลืองไฟฉันล่ะ”
“โอ้โห...คุณนี่งกเป็นบ้าเลย” คิรินทร์วางนิตยสารลงข้างตัว แล้วผุดลุกขึ้นนั่งทำหน้าบูด “ผมไปแล้วคุณจะเหงานะ”
“ฉันไม่เคยพูดอย่างนั้น” เจ้าของห้องเสียงแข็ง
“น่า...คุณไม่พูดผมก็เดาได้” คงจะดีกว่านี้ถ้าคนพูดจะไม่ทำสีหน้าทะเล้นประกอบด้วย
“ไม่กลับก็ตามใจ งั้นก็นั่งเงียบๆไปเลยนะ ฉันจะทำงาน” เธอกระแทกเสียงแหว ก้มใบหน้ามุ่ยๆลงสนใจกับคอมพิวเตอร์ตรงหน้าต่อ
พรนางฟ้าทำงานเพลินจนจิตรกรหนุ่มเป็นห่วง “งานของคุณน่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำต่อไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้หรอก นี่เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่งานแรกที่ฉันทำในฐานะผู้อำนวยการ ฉันต้องชนะประมูลงานนี้เท่านั้น และถ้าทำสำเร็จ ปลายปีคอมมิชชันพุ่งทะลุหลังคาแน่ๆ” สาวออฟฟิศวาดฝันสวยหรู
คนฟังพ่นลมหายใจพรืด “คุณจะงกเงินไปถึงไหนก๊าน...”
“ฉันไม่ได้งก ฉันแค่อยากมีเงินเยอะๆ ยังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ฉันอยากได้”
เงินเดือนขึ้นไม่ถึงเดือน พรนางฟ้าก็ดาวน์คอนโดมิเนียมทันที เขาเดาว่าแผนต่อไปของเธอคงต้องเป็นรถยนต์หรูคันใหม่แน่ๆ “ของที่คุณอยากได้น่ะ มันทำให้คุณมีความสุขหรือเปล่า”
หญิงสาวพยักหน้า “ก็ต้องสุขสิ คุณนี่ถามแปลก”
“ผมน่ะไม่แปลกหรอก คุณต่างหากที่แปลก”
“คนที่ใช้ชีวิตบนความพอใจของตัวเอง ทำงานตามอารมณ์ ไม่รู้กระทั่งพรุ่งนี้จะเป็นยังไงนี่ไม่แปลกเลยนะ ฉันว่าชีวิตแบบนั้นไม่มั่นคงเลย น่ากลัวจะตาย” พรนางฟ้าวิจารณ์ตรงๆ
“ความสุขของคุณขึ้นอยู่กับความมั่นคงเหรอ”
“เปล่า แต่ความสุขของฉันมาจากการได้สนองความต้องการของตัวเอง”
“แล้วถ้าวันหนึ่งคุณมีทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรที่คุณอยากได้อีกล่ะ คุณจะไปหาความสุขจากไหน”
พรนางฟ้ายกมือขึ้นเคาะขมับพยายามใช้ความคิด “ฉันคงไปเที่ยวรอบโลกมั้ง”
“สมมติว่าคุณไปมาสามรอบแล้วล่ะ”
“ถ้าฉันรวยขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ แต่คนเราคงไม่รวยกันง่ายๆหรอกมั้ง”
“ไม่ได้สิ ต้องสมมติไว้ก่อน ผมเห็นคุณมุ่งมั่นหาเงินเยอะๆเหลือเกินนี่นา”
“งั้นก็เอาไปบริจาค การเห็นคนมีความสุขก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน” เธอตอบง่ายๆ
ชายหนุ่มยิ้มมีชัย “เห็นไหม คุณเริ่มรู้จักมีความสุขจากการให้แล้ว”
“ใช่! มีความสุขจากการให้...” เธอเว้นวรรคเพื่อเน้นความสำคัญของประโยคนั้น ก่อนเสริมอย่างเป็นต่อ “ให้...เงิน”
คิรินทร์ถอนใจ อยากบีบคอผู้หญิงตรงหน้าเป็นกำลัง “คุณไม่เชื่อจริงๆเหรอว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างน่ะ”
“ถ้าคุณอยากให้ฉันเชื่อ ก็ลองยกตัวอย่างอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ให้ฉันฟังหน่อยสิ ขอทีนะ ไอ้พวกความรัก ความจริงใจ อะไรพวกนี้น่ะ ฟังแล้วฉันเลี่ยนแน่ๆ ขออะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษจะดีมากๆเลย”
คิรินทร์มองรอบตัวเพื่อหาตัวช่วย แล้วเขาก็นึกออกเมื่อเห็นตู้ที่อัดแน่นด้วยหนังสือสารพัดชนิด “เวลาว่างคุณชอบอ่านหนังสือใช่ไหม แน่นอนว่าคุณต้องมีนักเขียนคนโปรด คุณรู้หรือเปล่าว่านักเขียนคนนั้นชอบอ่านหนังสืออะไร”
“คิดว่าเดาได้” เธอเอียงคอ ”คุณถามทำไม นี่เกี่ยวกับของที่เงินซื้อไม่ได้หรือเปล่า”
ชายหนุ่มพยักหน้า “แล้วคุณเคยคิดไหมว่าต่อให้อ่านหนังสือเหมือนคนที่คุณชอบมากแค่ไหน แต่คุณก็ไม่มีทางจะคิดอะไรแบบเขาได้แน่ๆ”
“ก็มีบ้าง” เธอไว้เชิง ทว่าเมื่อเห็นท่าทางรู้ทันของอีกฝ่ายจึงเสริมอีกนิด “โอเค้...ก็...บ่อยเหมือนกัน”
“นี่ไง...สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ ต่อให้คุณมีเงินซื้อหนังสือที่ดีที่สุดในโลกเหมือนนักเขียนคนโปรดของคุณมาอ่าน ต่อให้คุณจ้างนักเขียนคนนี้มาสอนให้คิด คุณก็ไม่มีทางคิดอย่างเขา เพราะทัศนคติในการใช้ชีวิต วิธีการมองโลกในแง่ดีหรือร้าย เป็นสิ่งที่ซื้อหากันไม่ได้โดยเด็ดขาด จริงไหม”
เพียงเห็นพรนางฟ้าชะงัก คิรินทร์ก็อมยิ้ม เห็นโอกาสที่จะสะกิดให้เธอฉุกใจคิด เขาจึงตั้งคำถามทันที “คุณมีความฝันไหม”
“ฉันเหรอ...อืม...มีสิ ฉันอยากมีเงินเยอะๆ จะได้ซื้อได้ใช้ตามที่ต้องการ ไม่ต้องกลัวเงินจะน้อยลงหรือหมดไป” ขนาดเขาเพิ่งพูดเรื่องสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ให้เธอฟังจบไปแหม็บๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ยังคงตอบด้วยไดอะล็อกแบบเดิมไม่ผิดเพี้ยน!
“เงินอีกแล้วเหรอ ว้า...ทำไมความฝันของคุณมันถึงฉาบฉวยอย่างนี้ล่ะ” ชายหนุ่มแสร้งตีหน้าสลด
คนฟังกรี๊ดทันควัน “คุณถือดียังไงยะ ถึงมาหาว่าฉันเป็นคนฉาบฉวย”
“ก็หรือไม่จริง ความฝันของคุณน่ะธรรมด๊าธรรมดา แค่อยากมีเงิน”
“ฉัน...” พรนางฟ้าเถียงไม่ออก “เออ...จริง แค่ฝันอยากมีเงินเยอะๆ ใครๆก็ฝันกัน ไม่แปลก ไม่เด่นเลย” แม้เถียงไม่ได้ แต่เรื่องอะไรจะเงียบให้อีกฝ่ายข่ม หญิงสาวจึงสวนกลับ “แล้วคุณล่ะ มีความฝันไหม”
“ผมเหรอ...” สีหน้าคิรินทร์คล้ายลอยลิบไปไกล น้ำเสียงอ่อนละมุนทอดนุ่มนวลยามระลึกถึงบางสิ่ง “ผมอยากให้ภาพเขียนของผมชนะเลิศการประกวดวาดภาพระดับนานาชาติสักครั้ง”
“ยี้...ไม่เพ้อฝันไปหน่อยเหรอ”
“ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าความฝันเหรอคุณ”
หญิงสาวยักไหล่
“เมื่อมีความฝัน มันก็ง่ายขึ้นที่เราจะเดินไปหาจุดหมาย” เขาหันมาทางหญิงสาว เอ่ยอย่างจริงจัง “คุณถามตัวเองดีๆสิว่านอกจากเงินแล้ว มีอะไรอย่างอื่นในชีวิตที่คุณอยากทำอีกไหม”
“แหม...ใครจะมีเวลาว่างมานั่งฝันเหมือนคุณล่ะ” พรนางฟ้าเบ้หน้า
“ใครว่าผมว่าง คุณเคยได้ยินชื่อโรงแรมบุลินธารที่เชียงรายไหม”
“ไม่ใช่แค่ได้ยิน แต่รู้มาด้วยว่าเป็นโรงแรมที่สวยและหรูหราที่สุดของจังหวัดเลยด้วย ถามทำไม คุณไปเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ”
“เห็นผมว่างไปว่างมา มาวุ่นวายกับคุณอย่างนี้ ผมรับงานเขียนภาพของโรงแรมนั่นมาเชียวนา เพิ่งส่งมอบกันไปเมื่อเดือนก่อนนี่เอง ตั้งสามร้อยกว่าภาพ แขวนติดทุกห้องเลย”
“โอ้โห...งานใหญ่จัง ท่าทางจะสนุก”
“พอมันเป็นงานที่ต้องเขียนคล้ายๆกันทุกชิ้น มันก็แทบไม่ใช่ศิลปะแล้วละ”
“คุณมีความเป็นศิลปินในตัวสูงมากเลยนะ รู้ไหม” พรนางฟ้ามิได้ประชด แต่พูดตามความรู้สึกแท้จริง
“รู้...เหมือนที่คุณมีความเป็นสาววัตถุนิยมอยู่ในตัวนั่นแหละ คุณน่ะกลายเป็นคนแบบที่เคาะออกมาจากบล็อกเดียวกับคนในสังคมเมืองแล้ว สักวันคุณจะถูกกลืนกิน ไม่เหลืออะไรบอกตัวตนและความเป็นตัวคุณไว้อีกเลย”
“เลิกกระแนะกระแหนฉันได้แล้ว คุณทำยังกับตัวเองดีเลิศวิเศษกว่าคนอื่นยังงั้นแหละ ตราบใดที่ยังต้องอยู่ในสังคม คุณก็หนีไม่พ้นกติกาของสังคม ยังต้องบูชาเงินเป็นพระเจ้าอยู่ดีน่ะแหละ”
“ใช่! เงินสำคัญสำหรับผม แต่ผมจะไม่ปล่อยให้เงินบงการชีวิตเหมือนคนอื่นๆที่มาจากแม่แบบอันเดียวกันเด็ดขาด”
“การทำตัวเป็นบล็อกๆเนี่ย มันเลวร้ายนักหรือ”
“มันไม่เลวร้าย ผมเพียงแค่คิดว่าชีวิตคนมันมีอะไรมากกว่าแค่การเติบโตมาในแบบเดียวกัน ใช้ชีวิต มีค่านิยมแบบเดียวกัน คิดและดำเนินชีวิตในแบบเดียวกัน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการป้อนโปรแกรมใส่คอมพิวเตอร์หรอก ชีวิตมันก็ไม่เหลือความหมายอะไรให้รื่นรมย์สิ ผมเลือกที่จะทำในสิ่งที่มีความสุข เงินอาจจะน้อยหน่อย แต่มีความสุขก็พอแล้ว”
พรนางฟ้าเบ้หน้า “พูดกับคุณแล้วฉันรู้สึกเหมือนบทสนทนามันวนเวียนไปมายังไงก็ไม่รู้ ปวดหัว ฉันว่าคุณกลับไปเถอะ ฉันต้องทำงานอีกเยอะ มัวแต่คุยเรื่องไร้สาระเนี่ย เดี๋ยวงานฉันก็ไม่เสร็จกันพอดี”
เมื่อมั่นใจว่าเขาหย่อนเมล็ดพันธุ์ความคิดลงในใจหญิงสาวแล้ว คิรินทร์จึงยอมวางมือแต่โดยดี ด้วยรู้ว่าบางเรื่องต้องค่อยๆใช้เวลา ยิ่งกับผู้หญิงที่เติบโตโดยยึดค่านิยมของสังคมเป็นสรณะมาเนิ่นนาน จะให้เธอปรับเปลี่ยนวิธีคิดในฉับพลันทันทีคงเป็นไปไม่ได้
ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเตรียมกลับตามที่เจ้าบ้านสั่ง โดยมีคนตัวเล็กกว่าตามแขกมาที่ห้องรับแขกติดๆ
ทั้งที่เรียกร้องให้พรนางฟ้าเลี้ยงตอบแทนแรงงาน แต่เมื่อเธอยัดเยียดธนบัตรใส่มือเป็นค่าอาหาร คิรินทร์กลับวางคืนไว้ตรงชามเจียระไนที่หญิงสาวเก็บกุญแจบ้าน บอกแค่ “คุณเสียสละตัวเองไปลำบากที่จตุจักรแล้ว ถือว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงปลอบขวัญคุณก็แล้วกัน”
“เกือบดีนะ นี่ถ้าคุณมีน้ำเต้าหู้แถมให้อีกด้วยละก็ รับรองว่าจะแจ่มกว่านี้” พรนางฟ้าล้อเลียน
“โอ้โห...รู้สึกผิดเลยนะเนี่ย คราวนี้ฉุกละหุก อะไรๆก็เลยขาดตกบกพร่องไปบ้าง รับรองว่าโอกาสหน้าผมจะจัดมาให้ครบเลย ทั้งปาท่องโก๋ ซาลาเปาทอด สังขยา แล้วก็น้ำเต้าหู้ สัญญาเลยเอ้า!” อีกฝ่ายรับมุก
“ย่ะ! แล้วฉันจะคอยดู” เจ้าของห้องท้าทาย
คิรินทร์ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เขาชูมือสูงเป็นเชิงบอกลา ก่อนก้าวออกจากห้องอย่างว่าง่าย
ครั้นประตูห้องงับลงสนิท รอยยิ้มก็แต้มขึ้นบนใบหน้าพรนางฟ้าโดยไม่รู้ตัว อะไรแปลกๆในใจผลักดันให้เธอย่องมาแง้มประตูนิดๆ แอบยื่นหน้าไปจับตามองแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปยืนคอยลิฟต์อยู่เงียบๆ
แวบเดียวที่คิรินทร์เบือนหน้ากลับมา หญิงสาวก็รีบผลุบศีรษะเข้ามาในห้อง ยกมือทาบอกด้วยความตื่นเต้น พรนางฟ้ามัวแต่ตกใจที่ถูกจับได้ จึงไม่ทันสังเกตถึงจังหวะเต้นของหัวใจว่ามัน...เปลี่ยนไป! เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามควบคุมความรู้สึกให้กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างยากเย็น
เกือบสองนาทีผ่านไป ทั้งที่เดาว่าคิรินทร์คงลงลิฟต์ไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพรนางฟ้าจึงค่อยๆแง้มประตูอีกครั้ง...
“มีอะไรหรือเปล่าคุณแพน” เสียงห้าวดังขึ้นเหนือศีรษะ
พรนางฟ้าสะดุ้งโหยง ยืดตัวตรงแทบงับประตูปิดให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะมือใหญ่แข็งแรงดันมันไว้ก่อน เธอจึงทำได้เพียงถอยหลังมา ยอมเปิดประตูกว้าง ทำให้เห็นว่าคิรินทร์เท้ามือข้างหนึ่งที่กรอบประตู กำลังมองมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรสักหน่อย แล้วคุณกลับมาทำไมเนี่ย ลืมของเหรอ” คนหน้าแดงโวยลั่น เสียงสั่น
“ก็ผมเห็นคุณโผล่หน้าออกมาจากประตู นึกว่ามีอะไรก็เลยย้อนกลับมาดูน่ะสิ”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่จะดูให้แน่ใจเท่านั้นแหละว่าคุณไม่ได้ฉวยอะไรจากห้องฉันไปด้วย”
คิรินทร์เลิกคิ้วนิดๆ ก่อนโน้มตัวลงมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเธอ ดวงตาสีดำลึกล้ำสบสานกับหญิงสาวนิ่งๆ แล้วเจ้าตัวก็เอ่ย...
“ถ้ามีอะไรสักอย่างที่ผมอยากได้ ผมก็จะไม่ฉวยมันไปดื้อๆหรอก แต่ผมจะบอกให้คุณรู้ตัว ให้คุณเต็มใจยกมันให้ผม แบบนั้น...ดีกว่ากันเยอะเลย ว่าไหม” เอ่ยพลางมือใหญ่ก็วางแปะลงบนศีรษะเธอ โยกเบาๆ “คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักบ้างเถอะ งานน่ะ...ไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้ ผมว่า...ผมเป็นห่วงคุณนะ”
พรนางฟ้ายืนตัวแข็งชั่วขณะ เมื่อได้สติจึงปัดมือเขาออกจากศีรษะตัวเอง แล้วแสร้งลูบผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ บ่นพึมพำ “ฉันง่วงแล้ว กลับไปได้ละ”
“ราตรีสวัสด์ครับ คุณแพน” ชายหนุ่มโน้มตัวเฉียดหน้าเธอไปคว้าคันจับประตูอย่างจงใจ
พรนางฟ้ากระโดดเหยงถอยหลังกรูด มองรอยยิ้มทะเล้นและใบหน้ากรุ้มกริ่มซึ่งลับหายไปด้านหลังประตูที่ปิดลงด้วยใบหน้าร้อนฉ่า ความรู้สึกประหลาดลอบเร้นเข้ามาในหัวใจ มันซ่อนตัวอยู่ในนั้น หลอกให้เธอยิ้มเป็นสุข ไม่อาจรู้เลยว่าอีกไม่นาน...มันจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และสร้างความเสียหายแก่หัวใจและความรู้สึกงดงามของเธอ...จนพังทลายไม่เหลือชิ้นดี!
/ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /
ใครอยากรู้จัก โรงแรมบุลินธาร ที่คิรินทร์ไปวาดภาพให้มากขึ้น
ตามไปอ่านจาก เริงราตรีสีขาว ได้เลยจ้า อิอิ
นอกจากนี้ สิริณขอฝากผลงานอีกเรื่องนึงด้วยค่ะ
หัวใจร้อยดาว (ชุดทางลัดสลัดโสด)
ชุดนี้มีสองเล่มค่ะ
หัวใจร้อยดาว - เจ้าสาวร้อยชั่ง
เขียนโดย สิริณ และ ดวงมาลย์
จะวางแผงต่อจาก ใต้ปีกรักสีเพลิง เลยค่ะ
ตามไปอ่านกันได้ที่นี่เลย...
♥ ♥ ♥ หัวใจร้อยดาว ♥ ♥ ♥
สิริณจะลงให้อ่าน สลับกันวันเว้นวัน ค่ะ
ใต้ปีกรักสีเพลิง จะลง จันทร์ พุธ ศุกร์
หัวใจร้อยดาว จะลง อังคาร พฤหัสฯ เสาร์
ขอพักวันอาทิตย์วันนึงนะคะ
แต่หากวันไหนมีไล้ค์มากกว่า 20
สิริณจะลัดคิว เอาตอนถัดไป มาลงให้อ่านในวันรุ่งขึ้นเลย
ขอกำลังใจเป็นคำติชม หรือจะกดไล้ค์เบาๆคนละที
ก็จักเป็นกำลังใจที่ดียิ่ง
สิริณจะได้รู้ว่ามีคนอ่านอยู่ และเพื่อนๆชอบมากน้อยแค่ไหน
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆกำลังใจค่ะ
ใครยังไม่ได้ไปไล้ค์เพจของสิริณ
เร็วๆนี้จะแจกหนังสือนะคะ
ตามไปไล้ค์กันด่วนค่ะ www.facebook.com/SirinFC
“คุณเกรซว่างไหมครับ วันนี้ผมอยากเจอคุณเกรซจัง” ภูผาพ้อผ่านสายโทรศัพท์มาแค่นั้น อันที่จริงไม่ต้องให้เขาใช้น้ำเสียงไม่สบายใจหรอก แค่ได้ยินเสียงเขา สุภัทรชาก็นึกอยากให้เธอเป็นแม่มดเลยด้วยซ้ำ จะได้ขี่ไม้กวาดไปปรากฏตัวอยู่ข้างๆในยามที่เขาต้องการเช่นนี้!
“เลียบทางด่วนค่ะ คุณภูอยู่ที่ไหนเหรอคะ เดี๋ยวเกรซไปหาก็ได้”
เพียงเขาบอกชื่อร้านอาหาร สุภัทรชาก็รีบบอกด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“ไม่ไกลกันเท่าไหร่ งั้นเดี๋ยวเกรซไปพบคุณที่ร้านเลยละกัน” จากนั้นหญิงสาวจึงตัดการติดต่อ
สีหน้าของผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอเหมือนเด็กชายเล็กๆจอมเอาแต่ใจไม่มีผิด ภูผาหน้ามุ่ยถ่ายทอดคำพูดของมารดาให้เพื่อนร่วมโต๊ะฟังโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
เมื่อฟังเรื่องทุกข์ใจของชายหนุ่มจบ สุภัทรชาก็หัวเราะอย่างมีจริต “แหม...เกรซนึกว่าเรื่องอะไรใหญ่โต คุณแม่อยากให้แต่งงาน คุณภูก็ต้องเริ่มจากหาแฟนเข้าสักคนสิคะ”
“หาที่ไหนล่ะครับ ผมยังไม่เจอผู้หญิงที่อยากได้มาเป็นแฟนสักที ส่วนคนที่เจอแล้ว บางคนก็อยู่ไกลเกินเอื้อม” สีหน้าเขากรุ้มกริ่ม ส่งสายตาให้เธออย่างเปิดเผย
“แหม...เสียดายว่าเกรซไม่ใช่สเป็คคุณภู ไม่งั้นเกรซจะเสนอตัวให้พิจารณาเลยนะเนี่ย” หญิงสาวทิ้งสายตาจงใจเปิดทางชัดเจนเช่นกัน
“ใครว่าไม่ใช่ล่ะ คุณเกรซไม่รู้เหรอว่าตั้งแต่เราเจอกันคราวก่อน ผมก็ไม่อยากมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย”
สุภัทรชาแต้มยิ้มเก๋ “แค่พูด ใครก็พูดได้ค่ะ บางเรื่องคุณภูคงต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำแล้วละค่ะ”
คนตรงข้ามจับมือเธอไปประทับรอยจูบที่หลังมือ ก่อนเงยขึ้นส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง แววตาบอกความชื่นชมชัดเจน “วันนี้...ให้เกียรติไปดินเนอร์กับผมสักมื้อนะครับคุณเกรซ”
หญิงสาวยิ้มเอียงอาย แสร้งดึงมือจากการเกาะกุมช้าๆ แต่แล้วก็กลับ...พยักหน้า!
คิรินทร์อยู่รับประทานอาหารจนอิ่ม แล้วยังมีน้ำใจเก็บล้างทำความสะอาดครอบจานให้อีกฝ่ายจนเรียบร้อย จากนั้นจึงลากเบาะพับได้มากางหน้าแคร่ตัวใหม่และเอนตัวลงอย่างสบายอารมณ์ ถือวิสาสะหยิบนิตยสารมากางอ่านเล่นเงียบๆ แม้ชายหนุ่มไม่รบกวนการทำงาน แต่พรนางฟ้าก็อึดอัด “เมื่อไหร่คุณจะกลับสักทีเนี่ย”
“อะไร พอใช้งานเสร็จก็จะไล่กลับเหรอ” เขาย้อนถามทั้งที่ไม่ขยับ
“ก็คุณจะอยู่ทำไมให้เปลืองน้ำเปลืองไฟฉันล่ะ”
“โอ้โห...คุณนี่งกเป็นบ้าเลย” คิรินทร์วางนิตยสารลงข้างตัว แล้วผุดลุกขึ้นนั่งทำหน้าบูด “ผมไปแล้วคุณจะเหงานะ”
“ฉันไม่เคยพูดอย่างนั้น” เจ้าของห้องเสียงแข็ง
“น่า...คุณไม่พูดผมก็เดาได้” คงจะดีกว่านี้ถ้าคนพูดจะไม่ทำสีหน้าทะเล้นประกอบด้วย
“ไม่กลับก็ตามใจ งั้นก็นั่งเงียบๆไปเลยนะ ฉันจะทำงาน” เธอกระแทกเสียงแหว ก้มใบหน้ามุ่ยๆลงสนใจกับคอมพิวเตอร์ตรงหน้าต่อ
พรนางฟ้าทำงานเพลินจนจิตรกรหนุ่มเป็นห่วง “งานของคุณน่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำต่อไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้หรอก นี่เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่งานแรกที่ฉันทำในฐานะผู้อำนวยการ ฉันต้องชนะประมูลงานนี้เท่านั้น และถ้าทำสำเร็จ ปลายปีคอมมิชชันพุ่งทะลุหลังคาแน่ๆ” สาวออฟฟิศวาดฝันสวยหรู
คนฟังพ่นลมหายใจพรืด “คุณจะงกเงินไปถึงไหนก๊าน...”
“ฉันไม่ได้งก ฉันแค่อยากมีเงินเยอะๆ ยังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ฉันอยากได้”
เงินเดือนขึ้นไม่ถึงเดือน พรนางฟ้าก็ดาวน์คอนโดมิเนียมทันที เขาเดาว่าแผนต่อไปของเธอคงต้องเป็นรถยนต์หรูคันใหม่แน่ๆ “ของที่คุณอยากได้น่ะ มันทำให้คุณมีความสุขหรือเปล่า”
หญิงสาวพยักหน้า “ก็ต้องสุขสิ คุณนี่ถามแปลก”
“ผมน่ะไม่แปลกหรอก คุณต่างหากที่แปลก”
“คนที่ใช้ชีวิตบนความพอใจของตัวเอง ทำงานตามอารมณ์ ไม่รู้กระทั่งพรุ่งนี้จะเป็นยังไงนี่ไม่แปลกเลยนะ ฉันว่าชีวิตแบบนั้นไม่มั่นคงเลย น่ากลัวจะตาย” พรนางฟ้าวิจารณ์ตรงๆ
“ความสุขของคุณขึ้นอยู่กับความมั่นคงเหรอ”
“เปล่า แต่ความสุขของฉันมาจากการได้สนองความต้องการของตัวเอง”
“แล้วถ้าวันหนึ่งคุณมีทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรที่คุณอยากได้อีกล่ะ คุณจะไปหาความสุขจากไหน”
พรนางฟ้ายกมือขึ้นเคาะขมับพยายามใช้ความคิด “ฉันคงไปเที่ยวรอบโลกมั้ง”
“สมมติว่าคุณไปมาสามรอบแล้วล่ะ”
“ถ้าฉันรวยขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ แต่คนเราคงไม่รวยกันง่ายๆหรอกมั้ง”
“ไม่ได้สิ ต้องสมมติไว้ก่อน ผมเห็นคุณมุ่งมั่นหาเงินเยอะๆเหลือเกินนี่นา”
“งั้นก็เอาไปบริจาค การเห็นคนมีความสุขก็ทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน” เธอตอบง่ายๆ
ชายหนุ่มยิ้มมีชัย “เห็นไหม คุณเริ่มรู้จักมีความสุขจากการให้แล้ว”
“ใช่! มีความสุขจากการให้...” เธอเว้นวรรคเพื่อเน้นความสำคัญของประโยคนั้น ก่อนเสริมอย่างเป็นต่อ “ให้...เงิน”
คิรินทร์ถอนใจ อยากบีบคอผู้หญิงตรงหน้าเป็นกำลัง “คุณไม่เชื่อจริงๆเหรอว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างน่ะ”
“ถ้าคุณอยากให้ฉันเชื่อ ก็ลองยกตัวอย่างอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ให้ฉันฟังหน่อยสิ ขอทีนะ ไอ้พวกความรัก ความจริงใจ อะไรพวกนี้น่ะ ฟังแล้วฉันเลี่ยนแน่ๆ ขออะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษจะดีมากๆเลย”
คิรินทร์มองรอบตัวเพื่อหาตัวช่วย แล้วเขาก็นึกออกเมื่อเห็นตู้ที่อัดแน่นด้วยหนังสือสารพัดชนิด “เวลาว่างคุณชอบอ่านหนังสือใช่ไหม แน่นอนว่าคุณต้องมีนักเขียนคนโปรด คุณรู้หรือเปล่าว่านักเขียนคนนั้นชอบอ่านหนังสืออะไร”
“คิดว่าเดาได้” เธอเอียงคอ ”คุณถามทำไม นี่เกี่ยวกับของที่เงินซื้อไม่ได้หรือเปล่า”
ชายหนุ่มพยักหน้า “แล้วคุณเคยคิดไหมว่าต่อให้อ่านหนังสือเหมือนคนที่คุณชอบมากแค่ไหน แต่คุณก็ไม่มีทางจะคิดอะไรแบบเขาได้แน่ๆ”
“ก็มีบ้าง” เธอไว้เชิง ทว่าเมื่อเห็นท่าทางรู้ทันของอีกฝ่ายจึงเสริมอีกนิด “โอเค้...ก็...บ่อยเหมือนกัน”
“นี่ไง...สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ ต่อให้คุณมีเงินซื้อหนังสือที่ดีที่สุดในโลกเหมือนนักเขียนคนโปรดของคุณมาอ่าน ต่อให้คุณจ้างนักเขียนคนนี้มาสอนให้คิด คุณก็ไม่มีทางคิดอย่างเขา เพราะทัศนคติในการใช้ชีวิต วิธีการมองโลกในแง่ดีหรือร้าย เป็นสิ่งที่ซื้อหากันไม่ได้โดยเด็ดขาด จริงไหม”
เพียงเห็นพรนางฟ้าชะงัก คิรินทร์ก็อมยิ้ม เห็นโอกาสที่จะสะกิดให้เธอฉุกใจคิด เขาจึงตั้งคำถามทันที “คุณมีความฝันไหม”
“ฉันเหรอ...อืม...มีสิ ฉันอยากมีเงินเยอะๆ จะได้ซื้อได้ใช้ตามที่ต้องการ ไม่ต้องกลัวเงินจะน้อยลงหรือหมดไป” ขนาดเขาเพิ่งพูดเรื่องสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ให้เธอฟังจบไปแหม็บๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ยังคงตอบด้วยไดอะล็อกแบบเดิมไม่ผิดเพี้ยน!
“เงินอีกแล้วเหรอ ว้า...ทำไมความฝันของคุณมันถึงฉาบฉวยอย่างนี้ล่ะ” ชายหนุ่มแสร้งตีหน้าสลด
คนฟังกรี๊ดทันควัน “คุณถือดียังไงยะ ถึงมาหาว่าฉันเป็นคนฉาบฉวย”
“ก็หรือไม่จริง ความฝันของคุณน่ะธรรมด๊าธรรมดา แค่อยากมีเงิน”
“ฉัน...” พรนางฟ้าเถียงไม่ออก “เออ...จริง แค่ฝันอยากมีเงินเยอะๆ ใครๆก็ฝันกัน ไม่แปลก ไม่เด่นเลย” แม้เถียงไม่ได้ แต่เรื่องอะไรจะเงียบให้อีกฝ่ายข่ม หญิงสาวจึงสวนกลับ “แล้วคุณล่ะ มีความฝันไหม”
“ผมเหรอ...” สีหน้าคิรินทร์คล้ายลอยลิบไปไกล น้ำเสียงอ่อนละมุนทอดนุ่มนวลยามระลึกถึงบางสิ่ง “ผมอยากให้ภาพเขียนของผมชนะเลิศการประกวดวาดภาพระดับนานาชาติสักครั้ง”
“ยี้...ไม่เพ้อฝันไปหน่อยเหรอ”
“ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าความฝันเหรอคุณ”
หญิงสาวยักไหล่
“เมื่อมีความฝัน มันก็ง่ายขึ้นที่เราจะเดินไปหาจุดหมาย” เขาหันมาทางหญิงสาว เอ่ยอย่างจริงจัง “คุณถามตัวเองดีๆสิว่านอกจากเงินแล้ว มีอะไรอย่างอื่นในชีวิตที่คุณอยากทำอีกไหม”
“แหม...ใครจะมีเวลาว่างมานั่งฝันเหมือนคุณล่ะ” พรนางฟ้าเบ้หน้า
“ใครว่าผมว่าง คุณเคยได้ยินชื่อโรงแรมบุลินธารที่เชียงรายไหม”
“ไม่ใช่แค่ได้ยิน แต่รู้มาด้วยว่าเป็นโรงแรมที่สวยและหรูหราที่สุดของจังหวัดเลยด้วย ถามทำไม คุณไปเกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ”
“เห็นผมว่างไปว่างมา มาวุ่นวายกับคุณอย่างนี้ ผมรับงานเขียนภาพของโรงแรมนั่นมาเชียวนา เพิ่งส่งมอบกันไปเมื่อเดือนก่อนนี่เอง ตั้งสามร้อยกว่าภาพ แขวนติดทุกห้องเลย”
“โอ้โห...งานใหญ่จัง ท่าทางจะสนุก”
“พอมันเป็นงานที่ต้องเขียนคล้ายๆกันทุกชิ้น มันก็แทบไม่ใช่ศิลปะแล้วละ”
“คุณมีความเป็นศิลปินในตัวสูงมากเลยนะ รู้ไหม” พรนางฟ้ามิได้ประชด แต่พูดตามความรู้สึกแท้จริง
“รู้...เหมือนที่คุณมีความเป็นสาววัตถุนิยมอยู่ในตัวนั่นแหละ คุณน่ะกลายเป็นคนแบบที่เคาะออกมาจากบล็อกเดียวกับคนในสังคมเมืองแล้ว สักวันคุณจะถูกกลืนกิน ไม่เหลืออะไรบอกตัวตนและความเป็นตัวคุณไว้อีกเลย”
“เลิกกระแนะกระแหนฉันได้แล้ว คุณทำยังกับตัวเองดีเลิศวิเศษกว่าคนอื่นยังงั้นแหละ ตราบใดที่ยังต้องอยู่ในสังคม คุณก็หนีไม่พ้นกติกาของสังคม ยังต้องบูชาเงินเป็นพระเจ้าอยู่ดีน่ะแหละ”
“ใช่! เงินสำคัญสำหรับผม แต่ผมจะไม่ปล่อยให้เงินบงการชีวิตเหมือนคนอื่นๆที่มาจากแม่แบบอันเดียวกันเด็ดขาด”
“การทำตัวเป็นบล็อกๆเนี่ย มันเลวร้ายนักหรือ”
“มันไม่เลวร้าย ผมเพียงแค่คิดว่าชีวิตคนมันมีอะไรมากกว่าแค่การเติบโตมาในแบบเดียวกัน ใช้ชีวิต มีค่านิยมแบบเดียวกัน คิดและดำเนินชีวิตในแบบเดียวกัน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการป้อนโปรแกรมใส่คอมพิวเตอร์หรอก ชีวิตมันก็ไม่เหลือความหมายอะไรให้รื่นรมย์สิ ผมเลือกที่จะทำในสิ่งที่มีความสุข เงินอาจจะน้อยหน่อย แต่มีความสุขก็พอแล้ว”
พรนางฟ้าเบ้หน้า “พูดกับคุณแล้วฉันรู้สึกเหมือนบทสนทนามันวนเวียนไปมายังไงก็ไม่รู้ ปวดหัว ฉันว่าคุณกลับไปเถอะ ฉันต้องทำงานอีกเยอะ มัวแต่คุยเรื่องไร้สาระเนี่ย เดี๋ยวงานฉันก็ไม่เสร็จกันพอดี”
เมื่อมั่นใจว่าเขาหย่อนเมล็ดพันธุ์ความคิดลงในใจหญิงสาวแล้ว คิรินทร์จึงยอมวางมือแต่โดยดี ด้วยรู้ว่าบางเรื่องต้องค่อยๆใช้เวลา ยิ่งกับผู้หญิงที่เติบโตโดยยึดค่านิยมของสังคมเป็นสรณะมาเนิ่นนาน จะให้เธอปรับเปลี่ยนวิธีคิดในฉับพลันทันทีคงเป็นไปไม่ได้
ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นเตรียมกลับตามที่เจ้าบ้านสั่ง โดยมีคนตัวเล็กกว่าตามแขกมาที่ห้องรับแขกติดๆ
ทั้งที่เรียกร้องให้พรนางฟ้าเลี้ยงตอบแทนแรงงาน แต่เมื่อเธอยัดเยียดธนบัตรใส่มือเป็นค่าอาหาร คิรินทร์กลับวางคืนไว้ตรงชามเจียระไนที่หญิงสาวเก็บกุญแจบ้าน บอกแค่ “คุณเสียสละตัวเองไปลำบากที่จตุจักรแล้ว ถือว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงปลอบขวัญคุณก็แล้วกัน”
“เกือบดีนะ นี่ถ้าคุณมีน้ำเต้าหู้แถมให้อีกด้วยละก็ รับรองว่าจะแจ่มกว่านี้” พรนางฟ้าล้อเลียน
“โอ้โห...รู้สึกผิดเลยนะเนี่ย คราวนี้ฉุกละหุก อะไรๆก็เลยขาดตกบกพร่องไปบ้าง รับรองว่าโอกาสหน้าผมจะจัดมาให้ครบเลย ทั้งปาท่องโก๋ ซาลาเปาทอด สังขยา แล้วก็น้ำเต้าหู้ สัญญาเลยเอ้า!” อีกฝ่ายรับมุก
“ย่ะ! แล้วฉันจะคอยดู” เจ้าของห้องท้าทาย
คิรินทร์ไม่ต่อความยาวสาวความยืด เขาชูมือสูงเป็นเชิงบอกลา ก่อนก้าวออกจากห้องอย่างว่าง่าย
ครั้นประตูห้องงับลงสนิท รอยยิ้มก็แต้มขึ้นบนใบหน้าพรนางฟ้าโดยไม่รู้ตัว อะไรแปลกๆในใจผลักดันให้เธอย่องมาแง้มประตูนิดๆ แอบยื่นหน้าไปจับตามองแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปยืนคอยลิฟต์อยู่เงียบๆ
แวบเดียวที่คิรินทร์เบือนหน้ากลับมา หญิงสาวก็รีบผลุบศีรษะเข้ามาในห้อง ยกมือทาบอกด้วยความตื่นเต้น พรนางฟ้ามัวแต่ตกใจที่ถูกจับได้ จึงไม่ทันสังเกตถึงจังหวะเต้นของหัวใจว่ามัน...เปลี่ยนไป! เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามควบคุมความรู้สึกให้กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างยากเย็น
เกือบสองนาทีผ่านไป ทั้งที่เดาว่าคิรินทร์คงลงลิฟต์ไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพรนางฟ้าจึงค่อยๆแง้มประตูอีกครั้ง...
“มีอะไรหรือเปล่าคุณแพน” เสียงห้าวดังขึ้นเหนือศีรษะ
พรนางฟ้าสะดุ้งโหยง ยืดตัวตรงแทบงับประตูปิดให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะมือใหญ่แข็งแรงดันมันไว้ก่อน เธอจึงทำได้เพียงถอยหลังมา ยอมเปิดประตูกว้าง ทำให้เห็นว่าคิรินทร์เท้ามือข้างหนึ่งที่กรอบประตู กำลังมองมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรสักหน่อย แล้วคุณกลับมาทำไมเนี่ย ลืมของเหรอ” คนหน้าแดงโวยลั่น เสียงสั่น
“ก็ผมเห็นคุณโผล่หน้าออกมาจากประตู นึกว่ามีอะไรก็เลยย้อนกลับมาดูน่ะสิ”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่จะดูให้แน่ใจเท่านั้นแหละว่าคุณไม่ได้ฉวยอะไรจากห้องฉันไปด้วย”
คิรินทร์เลิกคิ้วนิดๆ ก่อนโน้มตัวลงมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเธอ ดวงตาสีดำลึกล้ำสบสานกับหญิงสาวนิ่งๆ แล้วเจ้าตัวก็เอ่ย...
“ถ้ามีอะไรสักอย่างที่ผมอยากได้ ผมก็จะไม่ฉวยมันไปดื้อๆหรอก แต่ผมจะบอกให้คุณรู้ตัว ให้คุณเต็มใจยกมันให้ผม แบบนั้น...ดีกว่ากันเยอะเลย ว่าไหม” เอ่ยพลางมือใหญ่ก็วางแปะลงบนศีรษะเธอ โยกเบาๆ “คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักบ้างเถอะ งานน่ะ...ไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้ ผมว่า...ผมเป็นห่วงคุณนะ”
พรนางฟ้ายืนตัวแข็งชั่วขณะ เมื่อได้สติจึงปัดมือเขาออกจากศีรษะตัวเอง แล้วแสร้งลูบผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ บ่นพึมพำ “ฉันง่วงแล้ว กลับไปได้ละ”
“ราตรีสวัสด์ครับ คุณแพน” ชายหนุ่มโน้มตัวเฉียดหน้าเธอไปคว้าคันจับประตูอย่างจงใจ
พรนางฟ้ากระโดดเหยงถอยหลังกรูด มองรอยยิ้มทะเล้นและใบหน้ากรุ้มกริ่มซึ่งลับหายไปด้านหลังประตูที่ปิดลงด้วยใบหน้าร้อนฉ่า ความรู้สึกประหลาดลอบเร้นเข้ามาในหัวใจ มันซ่อนตัวอยู่ในนั้น หลอกให้เธอยิ้มเป็นสุข ไม่อาจรู้เลยว่าอีกไม่นาน...มันจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และสร้างความเสียหายแก่หัวใจและความรู้สึกงดงามของเธอ...จนพังทลายไม่เหลือชิ้นดี!
/ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /
ใครอยากรู้จัก โรงแรมบุลินธาร ที่คิรินทร์ไปวาดภาพให้มากขึ้น
ตามไปอ่านจาก เริงราตรีสีขาว ได้เลยจ้า อิอิ
นอกจากนี้ สิริณขอฝากผลงานอีกเรื่องนึงด้วยค่ะ
หัวใจร้อยดาว (ชุดทางลัดสลัดโสด)
ชุดนี้มีสองเล่มค่ะ
หัวใจร้อยดาว - เจ้าสาวร้อยชั่ง
เขียนโดย สิริณ และ ดวงมาลย์
จะวางแผงต่อจาก ใต้ปีกรักสีเพลิง เลยค่ะ
ตามไปอ่านกันได้ที่นี่เลย...
♥ ♥ ♥ หัวใจร้อยดาว ♥ ♥ ♥
สิริณจะลงให้อ่าน สลับกันวันเว้นวัน ค่ะ
ใต้ปีกรักสีเพลิง จะลง จันทร์ พุธ ศุกร์
หัวใจร้อยดาว จะลง อังคาร พฤหัสฯ เสาร์
ขอพักวันอาทิตย์วันนึงนะคะ
แต่หากวันไหนมีไล้ค์มากกว่า 20
สิริณจะลัดคิว เอาตอนถัดไป มาลงให้อ่านในวันรุ่งขึ้นเลย
ขอกำลังใจเป็นคำติชม หรือจะกดไล้ค์เบาๆคนละที
ก็จักเป็นกำลังใจที่ดียิ่ง
สิริณจะได้รู้ว่ามีคนอ่านอยู่ และเพื่อนๆชอบมากน้อยแค่ไหน
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆกำลังใจค่ะ
ใครยังไม่ได้ไปไล้ค์เพจของสิริณ
เร็วๆนี้จะแจกหนังสือนะคะ
ตามไปไล้ค์กันด่วนค่ะ www.facebook.com/SirinFC

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2556, 17:50:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2556, 17:56:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 1384
<< ตอนที่ ๑๒ (จบตอน) | ตอนที่ ๑๓ (จบตอน) >> |

อัศวินนภา 24 ก.ย. 2556, 18:06:51 น.
เข้ามาเจิมนะคะ หนึ่งกำลังใจเล็กๆ
เข้ามาเจิมนะคะ หนึ่งกำลังใจเล็กๆ

Sukhumvit66 24 ก.ย. 2556, 18:15:12 น.
คิรินทร์นี่ น่ารักจังเลยเนาะ อิอิ
คิรินทร์นี่ น่ารักจังเลยเนาะ อิอิ

lovemuay 24 ก.ย. 2556, 23:38:45 น.
หายากนะคะผู้้ชายแบบคีรินทร์เนี่ย
หายากนะคะผู้้ชายแบบคีรินทร์เนี่ย

พันธุ์แตงกวา 25 ก.ย. 2556, 00:01:48 น.
ขำเวลานึกว่ากำลังเห็นภาพเกรซหัวเราะแบบมีจริต^^
ขำเวลานึกว่ากำลังเห็นภาพเกรซหัวเราะแบบมีจริต^^

จิรารัตน์ 25 ก.ย. 2556, 16:14:14 น.
นอกจากฉลาด เจ้าเล่ห์ แล้วยังเริ่มจะกรุ้มกริ้มด้วยเหรอเนี่ย
นอกจากฉลาด เจ้าเล่ห์ แล้วยังเริ่มจะกรุ้มกริ้มด้วยเหรอเนี่ย

นักอ่านเหนียวหนึบ 25 ก.ย. 2556, 18:24:17 น.
อัลไล ใครจิมาทำร้ายหัวใจพรนางฟ้า อั้ยย่ะ ติดตามๆๆๆ
อัลไล ใครจิมาทำร้ายหัวใจพรนางฟ้า อั้ยย่ะ ติดตามๆๆๆ