ยอดรักเทพบุตรมาเฟีย
ยอดรักเทพบุตรมาเฟีย เรื่อง ที่ 5 ในซีรี่ส์มาเฟียยอดรัก โดย ผการุ้ง


เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวสองคู่ ทายาทมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล แห่งเกาะฮ่องกง

คู่แรกหลี่เทียนมาเฟียหนุ่มทายาทเพียงคนเดียวของหัวหน้าแก๊งหงส์ไฟ กับ มุกอาภาหรือน้องมุก ลูกสาวสุดที่รักของหัวหน้าแก๊งมังกร คู่สอง จางหมิง ทายาทหัวหน้าแก๊งมังกร ฉายาคาสโนว่ามาเฟีย กับ โยธกาหรือหนูยิ้มสาวน้อยชาวไทยสุดแสบ ที่จะมาลบลายคาสโนว่าไม่ให้เหลือลาย

หลี่เทียนมอบหัวใจให้มุกอาภาและจับจองตัวเธอเป็นเจ้าสาวของเขาตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน ยามนี้หญิงสาวเติบโต สวยพร้อม เขาจึงปรารถนาครอบครองมุกเลอค่ามาเป็นยอดดวงใจ ทว่า...สาวน้อยยังไร้เดียงสา เกินกว่าจะเข้าใจหัวใจรัก และแรงปรารถนาของมาเฟียหนุ่ม รักครั้งนี้จึงต้องใช้หัวใจบวกกับเสน่หาอันร้อนแรงเป็นบ่วงคล้องหัวใจสาวน้อยไว้
เธอเกิดมาเพื่อเขา และต้องเป็นของเขาผู้เดียว!

จางหมิงมาเฟียหนุ่มเจ้าของฉายา คาสโนว่ามาเฟีย ไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเสน่ห์อันร้อนแรงของเขาได้ แต่ยัยหนูยิ้มตัวแสบ อดีตคู่กัดวัยเด็กเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไม่เคยสนใจเขา หนำซ้ำยังก่อกวนให้เขาวุ่นวายได้ตลอดเวลา ถึงเวลาแล้วใช่ไหมที่เขาจะปราบพยศเด็กดื้อแสนร้ายกาจ ให้หลาบจำ แต่ไปๆ มาๆ คนที่โดนกำหราบ กลายเป็นมาเฟียหนุ่มเสียเอง
ในเมื่อเธอทำให้คาสโนว่าอย่างเขายอมสิ้นลาย เขาก็ไม่มีวันปล่อยเธอไปอีกแล้ว ...
เธอต้องเป็นดอกไม้ในมือมาเฟียอย่างเขาตลอดกาล!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1. พันธะสัญญาใจ 100%

ตอนที่1. พันธะสัญญาใจ

หลังจากหลี่ไท่หยางกับจางหลงจับมือเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน และร่วมมือกันจัดการกับแก๊งกิเลนและแก๊งพยัคฆ์สองแก๊งมาเฟียที่เป็นคู่แข่ง จนสามารถครองอำนาจสูงสุดร่วมกัน แก๊งหงส์ไฟของหลี่ไท่หยางดูแลกิจการท่าเรือทั้งหมด ส่วนแก๊งมังกรของจางหลงดูแลกาสิโนและกิจการอื่นๆ กว่าจะรวมอำนาจทุกอย่างจะเรียบร้อยเบ็ดเสร็จก็กินเวลาร่วมยี่สิบปี สองมาเฟียจึงให้ทายาทของตนเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากตน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

หลี่เทียน ทายาทคนเดียวของหลี่ไท่หยาง ผู้ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของเกาะฮ่องกง กำลังจะขึ้นครองอำนาจต่อจากบิดา เขาเป็นมาเฟียหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีทั้งฝีมือและความสามารถ ประกอบกับได้แรงเสริมจากบิดาทำให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้กุมอำนาจคนต่อไปของแก๊งหงส์ไฟได้โดยไม่มีใครโต้แย้ง

ชายหนุ่มดูแลกิจการท่าเรือและการขนส่งทั้งหมด และได้เปิดอู่ต่อเรือมีเรือสำราญสุดหรูเป็นกิจการที่เขาภาคภูมิใจ มากกว่าการเป็นหัวหน้าแก๊งหงส์ไฟแก๊งมาเฟียอันดับหนึ่งของฮ่องกง ซึ่งยามนี้ได้เก็บงำอำนาจมืดของตนไว้ภายใต้เงาของกลุ่มธุรกิจในเครือตระกูลหลี่ แทนการเปิดเผยตัวอย่างในอดีตสมัยหลี่เจิ้งผู้เป็นปู่ แต่ถึงกระนั้นอำนาจของแก๊งหงส์ไฟ ยังคงมีอิทธิพลต่อเกาะฮ่องกงไม่เปลี่ยนแปลง บ่อยครั้งหลี่เทียนมักจะเดินทางไปพร้อมกับผู้โดยสารในเรือสำราญในฐานะกัปตันเรือ ด้วยบุคลิกเคร่งขรึมจริงจัง ทำให้เขาดูน่าเกรงขามไม่ต่างจากผู้เป็นบิดา ใบหน้าหล่อเหลาเรือนร่างสูงสง่าเรียกความสนใจจากเพศตรงข้ามได้เสมอ แต่หลี่เทียนไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนใด ไม่เคยควงใครออกสื่อ จึงถูกจับตามองว่าผู้หญิงคนไหนจะสามารถพิชิตหัวใจของชายหนุ่มเช่นเขาได้

ไม่มีใครรู้ว่าเขามีคู่หมั้นแล้วซึ่งได้หมั้นหมายกันมานานตั้งแต่ชายหนุ่มยังเป็นเด็ก เรื่องนี้ถูกปิดเป็นความลับด้วยไม่ต้องการให้ล่วงรู้ไปถึงหูของศัตรู เพราะอาจจะเกิดอันตรายกับหญิงสาวผู้เป็นคู่หมั้นของทายาทแก๊งหงส์ไฟได้ หลังจากได้พบกับมุกอาภาเมื่อยี่สิบปีก่อน หลี่เทียนได้เอ่ยปากกับบิดาว่าอยากได้เด็กหญิงมาดูแล ในความหมายของเด็กชายวัยหกขวบคือต้องการน้องส่าวน่ารักสักคนมาเป็นของตัวเอง

หลี่ไท่หยางบิดาของหลี่เทียนกับจางหลงหัวหน้าแก๊งมังกรบิดาของมุกอาภา ได้ตกลงหมั้นหมายเด็กทั้งสองไว้ รอเวลาที่สองแก๊งจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันในอนาคต หลี่เทียนรู้เรื่องนี้เมื่อเขาโตขึ้น ชายหนุ่มไม่คัดค้านและแอบดีใจที่จะได้แต่งงานกับสาวน้อยแสนสวยอย่างมุกอาภาหรือน้องมุก โดยที่ฝ่ายหญิงไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย

จางหมิงลูกชายของจางหลงก็เติบโตเป็นหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาถอดแบบบิดาในวัยหนุ่มมาไม่ผิดเพี้ยน เขาเรียนจบปริญญาโทจากอเมริกา และก้าวเข้ามาดูแลธุรกิจกาสิโนต่อจากบิดา รวมถึงรับช่วงอำนาจในแก๊งมังกรในฐานะทายาทของหัวหน้าแก๊งมังกร มาเฟียหนุ่มรูปงามทรงเสน่ห์มีโปรไฟล์ดีและยังเป็นโสด จึงเป็นที่หมายปองของสาวๆ จากตระกูลดังทั้งหลาย รวมถึงดารานางแบบสาว ต่างเข้ามาพัวพันกับเขาอยู่เสมอ จางหมิงไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหน มากกว่าคู่ควงชั่วคราว เมื่อเขาเบื่อหน่ายก็มีคนใหม่มาแทน จนได้รับฉายาว่าคาสโนว่ามาเฟีย ฉายานี้ไม่ทำผู้หญิงหวาดกลัวต่างหมายมั่นปั้นมือหวังจะพิชิตหัวใจหนุ่มหล่อคนนี้ให้ได้

สองหนุ่มหล่อเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กและเติบโตมาพร้อมกัน วันเวลาผ่านไปยิ่งทวีความผูกพันสนิทสนมรักใคร่ประหนึ่งพี่น้อง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ร่างสูงสง่าพาตัวเองก้าวเข้ามาในร้านจิวเวลรี่ ใบหน้าหล่อเหลาระบายรอยยิ้มกระจ่างตา ให้หญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ จางหมิงพาตัวเองเดินตรงไปหาพร้อมกับทักทายอย่างสนิทสนม

“พี่มารับน้องมุกกลับบ้านครับคนสวย” จางหมิงโอบไหล่บางของน้องสาวสุดที่รัก มองใบหน้าสวยน่ารักด้วยแววตาเอ็นดู

จางลี่จู ชื่อไทยว่ามุกอาภาหรือน้องมุก เป็นน้องสาวต่างมารดาของจางหมิง อายุห่างจากพี่ชายร่วมห้าปี หญิงสาวใบหน้างดงามน่ารักชวนมอง รูปร่างเพรียวบางผิวขาวอมชมพูนวลละเอียดเหมือนไข่มุกสมชื่อ คนเป็นพี่ชายหวงน้องสาวมากจนต้องให้บอดี้การ์ดมาคอยเฝ้าดูแล ไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาเกาะแกะน้องสาว มีเพียงหลี่เทียนลูกชายของหลี่ไท่หยางเท่านั้น ที่จางหมิงยอมให้เข้าใกล้น้องสาว เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทในวัยเยาว์เติบโตมาด้วยกัน และวางใจให้ใกล้ชิดกับน้องสาวในฐานะพี่ชายอีกคน

“วันนี้วันเกิดพี่เทียนนี่คะ คุณแม่โทรมาบอกน้องมุก ให้ไปร่วมงานที่บ้านหลี่” มุกอาภาบอกพี่ชาย พร้อมกับหยิบกล่องของขวัญมาให้ดู

“นี่ของขวัญค่ะ น้องมุกเตรียมไว้เผื่อเฮียหมิงกล่องหนึ่ง อ้อ... ดูเหมือนคุณป้าม่านไหมจะจัดงานวันเกิดให้พี่หนูยิ้มพร้อมกับพี่เทียนด้วยนะคะ เขาเกิดวันเดียวกัน”

มุกอาภาเอ่ยถึงเจ้าของวันเกิดทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอสนิทสนมกับหลี่เทียนมาตั้งแต่เด็ก ไม่ต่างจากพี่ชายคนหนึ่ง เขาเป็นชายหนุ่มคนเดียวที่จางหมิงกับบิดายอมให้เธอใกล้ชิดด้วย ไม่นับอาชิงลูกชายของอารีย์และอาปิงที่มีศักดิ์เป็นน้าชาย ตอนเรียนก็เรียนโรงเรียนหญิงล้วน พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ถูกส่งไปเรียนที่ญี่ปุ่น มีเหม่ยเฟิ่งกับเรียวสุเกะผู้เป็นหลานคอยดูแล ชีวิตของมุกอาภาจึงเหมือนนกน้อยในกรงทองมาตลอด

รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาเจื่อนลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินน้องสาวเอ่ยชื่อคู่กัดตัวแสบของตน

“ยายตัวแสบนั่นมาด้วยเหรอ”

“พี่หนูยิ้มเพิ่งมาถึงเมื่อเช้าค่ะ แต่อาเมฆกับอาแยมไม่ได้มาด้วยติดงานสำคัญ”

มุกอาภาเห็นพี่ชายทำหน้าแบบนั้นก็อมยิ้มขำ จางหมิงถึงจะเจ้าชู้มีหญิงมากมาย แต่ผู้หญิงคนเดียวที่พี่ชายของเธอไม่กล้าแตะต้องคือโยธกาหรือพี่หนูยิ้ม แม่ดอกไม้เหล็กคู่ปรับคนสำคัญของจางหมิง

“ไปกันเถอะ เดี๋ยวผู้ใหญ่จะรอ” จางหมิงไม่อยากพูดถึงหนูยิ้มอีก จึงพาน้องสาวไปขึ้นรถ ขับตรงไปยังบ้านหลี่ทันที ระหว่างทางในสมองของมาเฟียหนุ่ม กลับมีภาพวีรกรรมของยายตัวแสบผุดพรายออกมา

จางหมิงรู้จักกับหนูยิ้มหรือโยธกาตั้งแต่ตอนเด็ก โยธกาเป็นเด็กผู้หญิงคนแรกที่กล้าต่อยเขา แถมยังเคยกัดแขนเขาจนเลือดออกมาแล้ว เวลาเจอกันทีไรเขาต้องถูกยายนี่ทำร้าย โดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจทุกครั้ง จางหมิงจำได้ว่าตอนหลี่เทียนอายุครบยี่สิบ โยธกาในตอนนั้นอายุสิบหก ทั้งสองเกิดวันเดียวกันผู้ใหญ่เลยจัดการให้พร้อมกันเหมือนตอนนี้ เพราะลายเมฆบิดาของโยธกาพาลูกสาวมาเยี่ยมครอบครัวของหลี่ไท่หยางและม่านไหมที่ฮ่องกง จางหมิงจำได้ว่าคืนนั้นเขากับ หลี่เทียนซึ่งกำลังเป็นหนุ่ม ชวนกันไปสังสรรค์หลังงานเลี้ยงเลิกที่ผับแห่งหนึ่ง เขานัดสาวๆ ไว้ โดยไม่รู้ว่าโยธกาแอบซ่อนอยู่ในรถและตามมาด้วย ขณะกำลังเมาได้ที่ และกำลังจะพาสาวๆ ไปหาความสุขกันตามประสาหนุ่มไฟแรง ร่างเล็กๆ ของโยธกาก็ปรากฏตัวขึ้นขัดขวางความสุข

“พี่เทียน หนูยิ้มจะฟ้องอาไหม ว่าพี่เทียนมาเที่ยวผู้หญิง” เสียงแหลมๆ ของโยธกาข่มขู่พี่ชายของเธอ ขณะดึงแขนผู้หญิงที่หลี่เทียนโอบอยู่ให้ออกห่าง ดวงตากลมโตส่งกระแสอำมหิตเข้าใส่สาวๆ เหล่านั้น

“หนูยิ้มมาได้ไงเนี่ย” หลี่เทียนเอ่ยถามน้องสาวเสียงขรึม ดวงตาคมจ้องมองอีกฝ่ายอย่างตกใจ

“มายังไงก็ช่าง แต่พี่เทียนต้องกลับบ้านกับหนูยิ้ม ถ้าพี่เทียนไม่กลับหนูยิ้มจะฟ้องอาไหม อ้อ... หนูยิ้มจะเล่าเรื่องนี้ให้น้องมุกฟังด้วย” โยธกาอ้างชื่อน้องสาวของจางหมิง มาข่มขู่พี่ชายอีกคน มันได้ผลเสมอ เมื่อหลี่เทียนมักจะห่วงความรู้สึกของน้องมุกจนถูกน้องสาวอย่างหนูยิ้มรู้แกวเข้า

“กลับก็ได้ ฉันกลับก่อนนะอาหมิง” หลี่เทียนหันไปบอกจางหมิง ที่ยืนหน้าหงิกอยู่ข้างๆ

“เทียน นายไม่ต้องกลับหรอก ฉันขออนุญาตลุงไท่หยางเรียบร้อยแล้ว” จางหมิงบอกเพื่อน เขามองหน้ายายตัวแสบอย่างขัดใจ “นี่หนูยิ้ม เราน่ะแอบตามพี่ๆมาแบบนี้ ไม่กลัวพี่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องมาดามหลี่มั่งเหรอ หรือจะบอกน้าแยมแม่เราดี”

เขาข่มขู่ยายตัวแสบกลับบ้าง ริมฝีปากกระตุกยิ้มร้าย เมื่อเห็นหน้าซีดๆ ของหนูยิ้ม ร่างสูงขยับเข้ามาจับไหล่บางของสาวน้อยไว้ ยื่นหน้ามาจ้องดวงตากลมโตใสแป๋วนั้นอย่างคนเหนือกว่า

“หนูยิ้ม พี่กับอาเทียนเราโตแล้ว มีสิทธิ์มาเที่ยวมาสนุกตามประสาผู้ชาย พ่อของเราสองคนไม่ว่าหรอกเพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายเขาทำกัน แต่เรานี่สิเป็นสาวเป็นนาง แอบมาเที่ยวผับเที่ยวกลางคืนแบบนี้ ไม่กลัวถูกผู้ใหญ่ลงโทษบ้างหรือไง”

ดวงตากลมโตของสาวน้อย ระริกไหวก่อนจะแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างคนไม่ยอมแพ้

“ไอ้พี่หมิง ตัวเองนิสัยไม่ดีก็อย่าชวนพี่เทียนทำตามสิ หนูยิ้มจะพาพี่ชายหนูยิ้มกลับบ้าน ตัวเองจะเดือดร้อนอะไรด้วย ฮะ” โยธกาโต้กลับ

“ไม่เดือดร้อน แต่ไม่ชอบใจ” จางหมิงยังคงยิ้มยั่ว เขาหันมาสบตากับเพื่อนสนิท “อาเทียนนายอยากกลับหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ให้บอดี้การ์ดไปส่งยายนี่ที่บ้าน แล้วเราไปต่อกับสาวๆ กัน ปล่อยยายเด็กนี่กลับไปกินนมนอนเหอะ”

หลี่เทียนส่ายหน้า มองสองคู่กัดอย่างระอา “เรากลับดีกว่าหมิง เราไม่อยากให้หนูยิ้มกลับคนเดียว นายจะไปต่อก็ตามสบายนะ”

คำตอบของพี่ชาย ทำให้คนเป็นน้องสาวยิ้มกว้าง สะใจที่พี่ชายยอมกลับบ้านกับตัวเอง โยธกาเชิดหน้าเข้าใส่จางหมิงขณะเดินไปควงแขนหลี่เทียนลากพาออกไปนอกร้าน จางหมิงหมดอารมณ์สนุกเลยตามกลับบ้านบ้าง แต่เรื่องไม่ได้จบลงแค่นั้น ยายหนูยิ้มตัวแสบเอาเรื่องนี้ไปฟ้องม่านไหมกับอิงอร และยังไปเล่าให้น้องมุกฟังอีก หลี่เทียนลอยตัวพ้นผิดไปเพราะอีกฝ่ายยอมรับผิดและหลี่ไท่หยางออกตัวว่าอนุญาตให้ไปเที่ยวเอง ส่วนเขาโดนยายตัวแสบใส่ไคล้จนถูกอิงอรแม่เลี้ยงกับน้องมุกโกรธ

“ยายตัวแสบ สนุกนักใช่ไหม ฮึ” เขาตามไปจัดการกับยายตัวแสบถึงบ้านหลี่

“สนุกโค ตะ ระ เลยล่ะ เป็นไงบ้างไอ้พี่หมิง ถูกน้องมุกกับน้าน้ำอิงเกลียดน่ะ สลดบ้างไหม” หนูยิ้มตัวแสบลอยหน้ายั่วโทสะ ขณะนั่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านหลี่

ยามนั้นจางหมิงอยากจะบีบคอเล็กๆ ของหนูยิ้มให้หักคามือนัก แสบตั้งแต่เด็กจนโตมายังไม่หาย

“อย่าคิดว่าพี่ไม่กล้าทำอะไรเรานะหนูยิ้ม”

“ไอ้พี่หมิง จะกล้าทำอะไรหนูยิ้มเหรอ ลองทำอะไรหนูยิ้มสิ หนูยิ้มจะฟ้องอาไหม ฟ้องน้าน้ำอิง ฟ้อง อุ๊บ!”

เรียวปากสีแดงสดถูกริมฝีปากร้อนผ่าวกดประทับปิดกั้นคำพูดที่เหลือไว้ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อถูกจู่โจม โดยไม่ทันตั้งตัว จางหมิงยิ้มกริ่มบดริมฝีปากหนักหน่วงขึ้นราวกับต้องการลงโทษยายตัวแสบให้เข็ดหลาบ แต่เมื่อสัมผัสรสชาติหอมหวานของเธอ เขากลับหลงลืมตัวดูดดื่มความหวานล้ำนั้นอย่างกระหายหิว ร่างเล็กถูกกอดรัดไว้แน่นจนเบียดแนบกับลำตัวหนาอ่อนระทวยสิ้นเรี่ยวแรงลงเรื่อยๆ เมื่อโดนขโมยจูบแรกในชีวิตไป

เพียะ !!!

ฝ่ามือน้อยฟาดเข้าใส่ใบหน้าของจางหมิง หลังจากเขายอมปล่อยยายตัวแสบแล้ว ใบหน้าของโยธกาแดงก่ำดวงตาคลอคลองด้วยหยาดน้ำตา

“หนูยิ้มเกลียด... เกลียดไอ้พี่หมิง เกลียดที่สุดในโลก!” เจ้าตัวแผดเสียงด่าว่าเขาทั้งน้ำตา ก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีไป

จางหมิงผ่อนลมหายใจออกมา เมื่อรู้ตัวว่าเขาไม่เคยลืมยายตัวแสบนามว่าหนูยิ้มได้เลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม หลังจากวันนั้นหนูยิ้มก็ไม่เหยียบย่างมาที่ฮ่องกงอีก เขากับหลี่เทียนถูกส่งตัวไปเรียนต่อที่อเมริกาอยู่หลายปี เมื่อเรียนจบก็กลับมาทำงานให้ครอบครัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับหนูยิ้มอีกครั้ง มาเฟียหนุ่มหันมามองน้องสาว ก่อนจะยิ้มบางๆ เมื่อเห็นน้องมุกนอนหลับตาพริ้มอยู่ น้องมุกคงจะเหนื่อยจากงานที่ร้านจิวเวลรี่เลยเผลอหลับไป ไว้ไปถึงบ้านหลี่เขาค่อยปลุกน้อง จางหมิงหันไปตั้งสมาธิกับการขับรถต่อ

///

ณ บ้านตระกูลหลี่

งานเลี้ยงวันเกิดขอทายาทคนเดียวของตระกูลหลี่ถูกจัดขึ้นที่สวนสวย ต้นไม้และดอกไม้ถูกประดับประดาด้วยหลอดไฟและริบบิ้นหลากสี แสงไฟกะพริบพราวส่องสว่างงดงาม โต๊ะจัดเลี้ยงถูกวางกลางสนามหญ้า มีอาหารมากมายวางเรียงรายให้ผู้มาร่วมงานได้รับประทานกันอย่างอิ่มเอม เค้กก้อนโตสองก้อนวางอยู่บนโต๊ะเตรียมพร้อมไว้สำหรับเจ้าของวันเกิดทั้งสอง คือหลี่เทียนและโยธกาสองพี่น้อง ที่เกิดวันเดียวกัน

“คุณเทียนมาแล้ว!”

เสียงใสๆ ของหญิงสาวหน้าตาสวยน่ารักคนหนึ่ง ร้องขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในงาน ใบหน้าของเขาหล่อเหลาจนทำให้สาวๆ ตาพร่า ยิ่งดวงตาคมกริบพราวระยับมองมาหัวใจของหญิงสาวหลายคนหล่นลงไปกองแทบเท้าคนมอง อย่างสะเทิ้นอาย

วันนี้หลี่ไท่หยางเชิญบรรดาแกนนำของแก๊งค์มังกรและแก๊งค์หงส์ไฟ รวมถึงนักการเมืองในพรรคที่เขาสนับสนุนพร้อมครอบครัว มาร่วมงานวันเกิดของลูกชายและหลานสาว หัวหน้าแก๊งค์หงส์ไฟนั่งร่มโต๊ะกับคนในครอบครัวและจางหลงหัวหน้าแก๊งค์หงส์ไฟพันธมิตรและญาติสนิทของเขา

“อาเทียนโตมาแล้วดูสง่างามน่าเกรงขาม เหมือนคุณหลี่ตอนหนุ่มๆ เลยนะครับ” จางหลงเอ่ยชม

หลี่ไท่หยางยิ้มรับ “อาหมิงลูกชายนายก็ดูดีไม่แพ้อาเทียนหรอก นี่ยังไม่มาอีกหรือ” เขาถามหาลูกชายของอีกฝ่าย

“อาหมิงไปรับน้องมุกครับคุณหลี่ เดี๋ยวสักครู่คงมาถึง” จางหลงยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นลูกชายกับลูกสาวเดินเข้ามาภายในงาน “พูดถึงก็มาพอดี”

สองพี่น้องกลายเป็นเป้าให้แขกภายในงานชื่นชมอีกราย ความหล่อเหลาของจางหมิงไม่ได้ด้อยกว่าหลี่เทียนเลย ดวงตาของเขาพราวพรายใบหน้าแต้มรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ จึงทำให้คนมองรู้สึกหลงไหลได้ง่าย ด้านมุกอาภาผู้เป็นน้องสาวก็สวยน่ารักจนหนุ่มมองตามตาระห้อย ร่างบางสมส่วนอยู่ในชุดราตรีสีครีมแบบเกาะอก เผยให้เห็นเนินไหล่ขาวผ่องนวลเนียน ใบหน้างดงามชวนให้คนมองแทบไม่อยากละสายตา

“สุขสันต์วันเกิดนะเทียน” จางหมิงโอบไหล่น้องสาวพาเดินไปหาเจ้าของวันเกิด แล้วส่งกล่องของขวัญให้

“ขอบใจมากอาหมิง” หลี่เทียนพยักหน้า แล้วรับกล่องของขวัญมาส่งให้ คนรับใช้นำไปเก็บ ดวงตาคมกริบทอดมองใบหน้างดงามของน้องสาวเพื่อนสนิทไม่วางตา

“สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่เทียน ขอให้มีความสุขมากๆ นะคะ” มุกอาภาอวยพรพร้อมส่องกล่องของขวัญกล่องเล็กเท่าฝ่ามือ ให้หลี่เทียน

“ขอบใจครับน้องมุก”

เจ้าของวันเกิดยิ้มกว้างรับกล่องนั้นไปสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อ ไม่ส่งให้คนรับใช้ไปเก็บเหมือนของขวัญกล่องอื่น

“ไปที่โต๊ะกันเถอะน้องมุก ผู้ใหญ่รออยู่”

หลี่เทียนจับข้อมือน้อยมาเกาะแขน แล้วพาเดินควงพาเดินไปยังโต๊ะด้านหน้าเวที ปล่อยให้พี่ชายของน้องมุกทำหน้าเซ็งจัด ที่โดนฉกน้องสาวไปต่อหน้า แต่ไม่กล้าโวยวายเพราะอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย ได้แต่เดินตามหลังมา

“เทียนพาน้องมุกมานั่งตรงนี้ลูก” ม่านไหมบอกลูกชาย ขณะหันไปยิ้มให้อิงอรแม่ของน้องมุก อย่างมีเลศนัย

สองหนุ่มสาวถูกจัดให้นั่งเก้าอี้ติดกัน โดยให้จางหมิงไปนั่งอีกฟากหนึ่ง สองแม่หันไปสบตากับพ่อของลูก หลี่ไท่หยางกับจางหลงยิ้มในหน้าสบตากันด้วยแววตาปลาบปลื้ม ขณะมองลูกชายและลูกสาวของตนที่นั่งเคียงคู่กันอย่างพอใจ

“อาเทียนกับน้องมุกเหมาะสมกัน ราวกับกิ่งทองใบหยก” หลี่ไท่หยางเอียงหน้ากระซิบคุยกับภรรยา

ม่านไหมพยักหน้ารับเห็นด้วย “เด็กสองคนนี่เหมาะสมกันมาก ถ้าแต่งงานกันไปหลานๆ ของเราคงจะหน้าตาน่ารัก ว่าไหมคะ” คนเป็นแม่วาดฝันถึงอนาคตของลูกไว้ล่วงหน้า

ด้านพ่อแม่ฝ่ายหญิงก็หันมาคุยกัน “อาหลงคะ ถ้าน้องมุกรู้ว่าคุณตกลงอะไรกับคุณหลี่ ลูกจะยอมรับหรือเปล่าคะ อาหมิงอีกคนแกจะยอมหรือคะ” อิงอรถามสามีเสียงเบาเกรงลูกชายกับลูกสาวจะได้ยิน

“ลูกต้องเชื่อฟังผม น้องมุกกับอาเทียนสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก คงรักกันไม่ยากหรอก ส่วนอาหมิงถ้ามีปัญหานัก ผมจะจับมันแต่งงานบ้าง” จางหลงบอกภรรยา เขาไม่ห่วงเรื่องนี้มากมายเหมือนที่ภรรยาห่วง เพราะเชื่อว่าลูกๆ ต้องยอมทำตามคำสั่งของเขาเหมือนที่เป็นมาตลอด

“หนูยิ้ม อยู่ที่ไหนเนี่ย ใกล้เวลาเป่าเค้กแล้วนะ” หลินหลินมองหาเจ้าของวันเกิดอีกคน

“หนูยิ้มไปรอรับไมค์กับแซนเดรียครับ วันนี้คุณเอ็ดเวิร์ดเขาไม่ได้มาเลยส่งลูกชายลูกสาวมาแทน” หลี่เทียนบอก

“ไมค์กับหนูยิ้มเขาสนิทกันค่ะ สองคนนี่เขาทำงานร่วมกัน” ม่านไหมเอ่ยขึ้นบ้าง พร้อมกับเล่าให้ฟังอีกว่า

“เฮียเมฆกับพี่เอ็ดเวิร์ดเขาร่วมหุ้นกันเปิดโรงแรมแห่งใหม่ เลยให้หนูยิ้มกับไมค์ไปดูแล สองคนนี่เขาสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ สงสัยพี่เอ็ดเวิร์ดกับเฮียเมฆมีสิทธิ์ได้ดองกันอีกชั้น””

จางหมิงเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ พอได้ยินประโยคสุดท้าย ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา เขากับไมค์และแซนเดรียเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แม้ไม่ได้สนิทสนมกันมากแต่ก็พบปะกันอยู่บ่อยครั้ง ไม่คิดว่าไมค์กับหนูยิ้มจะสนิทสนมกัน ถึงขั้นที่ผู้ใหญ่เอามาพูดว่าจะดองกันแบบนี้

“หนูยิ้มมาแล้ว ดูสิเดินควงกับตาไมค์เหมือนคู่รักกันเลย” ม่านไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม

ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่หันไปมองแล้วยิ้มให้กัน มีเพียงจางหมิงที่รู้สึกต่างจากทุกคน เขาเพ่งมองร่างสูงโปรงของหญิงสาวในชุดราตรีสั้นสีทองแบบเกาะอกอย่างหมั่นไส้ ผ่านไปหลายปียายตัวแสบสูงขึ้นกว่าเดิมแถมยังหน้าตาสวยเฉี่ยว ไม่จืดชืดเหมือนตอนเป็นเด็ก คงเป็นเพราะการแต่งหน้าช่วยให้กลายเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันแบบนี้ ท่าทางราวกับสาวมั่นที่เจ้าตัวแสดงออกขัดตาคนมองจนแอบเบ้ปาก ดวงตาคมจับจ้องเรือนร่างสมส่วนราวกับนางแบบไม่ละสายตา จากประสบการณ์ของคาสโน่ว่าหนุ่มทำให้เขารู้ว่าเรือนร่างงดงามของโยธกาไม่ได้ผอมบางแต่อวบอิ่มและงดงามไม่แพ้ใคร ริมฝีปากถูกขบเม้มเมื่อหญิงสาวเดินเบียดกระแซะกับหนุ่มลูกครึ่งร่างสูงใหญ่ราวกับคู่รัก หัวใจที่เคยสงบนิ่งกับร้อนเร่าด้วยความรู้สึกกึ่งหวงกึ่งหมั่นไส้

“สงสัยนายจะได้น้องเขยว่ะ เทียน” จางหมิงอดปากไม่ได้ หันไปเอ่ยกับเพื่อนสนิท

หลี่เทียนไม่ได้เป็นคนหวงน้องเหมือนจางหมิง จึงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเพื่อน

“ถ้านายไมค์เป็นแฟนหนูยิ้มจริง ลุงเมฆคงชอบใจ เห็นเขาลุ้นกันมานาน” หลี่เทียนเอ่ยยิ้มๆ หันไปมองหน้าสวยน่ารักของน้องมุก ด้วยแววตาอ่อนโยน

น้องมุกยิ้มให้พี่ชายใจดีของตัวเอง พยักหน้าเห็นด้วย “พี่หนูยิ้มกับไมค์เหมาะสมกันดีนะคะ พี่หนูยิ้มก็สวยไมค์ก็หล่อ พ่อแม่ก็ทำธุรกิจร่วมกันด้วย”

“แต่นายไมค์มันอายุน้อยกว่าหนูยิ้มตั้งสี่ปีนะ” จางหมิงเอ่ยท้วง

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ลุงเมฆก็อายุน้อยกว่าป้าแยมเหมือนกัน ความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุหรอก”

คำแก้ของหลี่เทียนทำให้คนฟังขัดใจอย่างรุนแรง ลุกขึ้นเดินหนีก่อนที่คู่สร้างคู่สมจะเดินมาถึงโต๊ะ

“เฮียหมิงเดินไปไหนครับนั่น” ไมค์เอ่ยถามเมื่อพาน้องสาวกับโยธกามาถึงโต๊ะ

“คงไปเข้าห้องน้ำน่ะ นั่งก่อนสิ” หลี่เทียนตอบแทน
ทั้งสามคนพากันทำความเคารพผู้ใหญ่แล้วหาที่นั่ง ไมค์นั่งเก้าอี้ติดกับโยธกาส่วนแซนเดรียนั่งตรงข้ามกับหลี่เทียนและมุกอาภา แซนเดรียมองหน้าเจ้าของวันเกิดด้วยแววตาอ่อนหวาน หญิงสาวแอบหลงรักหลี่เทียนมานานแต่ไม่กล้าบอกให้อีกฝ่ายรู้ ได้เพียงแต่พูดคุยปรึกษาเรื่องนี้กับพี่สาวอย่างมุกอาภาเท่านั้น มุกอาภาแนะนำให้เธอบอกความรู้สึกกับ

หลี่เทียนในคืนนี้ หญิงสาวจึงรอเวลาและหาโอกาสเหมาะที่จะได้พูดคุยกับเขาเพียงลำพัง

งานเลี้ยงดำเนินไปด้วยความสนุกสนาน ผู้ใหญ่พากันกลับหลังจากเจ้าของวันเกิดทั้งสองเป่าเค้กแล้ว เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้สนุกกันอย่างเต็มที่ หลี่เทียนขอมุกอาภาเต้นรำและไม่ยอมปล่อยให้เธอเต้นกับใครนอกจากเขาอีกเลย จาง หมิงกลับเข้ามาในงาน เขาไม่ได้พูดคุยกับโยธกาสักคำ มาเฟียหนุ่มสำราญกับสาวๆ ที่ผลัดเปลี่ยนมาเป็นคู่เต้นรำ ส่วนโยธกาก็เต้นรำกับไมค์และหนุ่มๆ คนอื่นหลายคน ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อพักเหนื่อย ระหว่างที่เดินกลับเข้าไปในงานอีกครั้งก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่ง กำลังนัวเนียกันอยู่ในมุมสลัว ข้างตึก

“คุณหมิงคะ คืนนี้ไปต่อกับลีน่านะคะ” เสียงหวานของหญิงสาวออดอ้อนชายหนุ่ม ที่กำลังซุกไซร้ซอกคอเธออยู่

“พรุ่งนี้นะ คืนนี้ผมไม่ว่าง” เสียงคุ้นหูของชายหนุ่มตอบเบาๆ

ทำให้คนแอบดูแอบฟังขมวดคิ้วด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขยับเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อจะได้เห็นและฟังชัดๆ พอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มถนัดตา โยธกานิ่วหน้ามองเขาตาขุ่น

“ไอ้พี่หมิงบ้ากามนี่เอง กี่ปีๆ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” หญิงสาวย่นจมูกใส่คนบ้ากาม ด้วยความรังเกียจ

ขณะจะหมุนกายเดินหนี ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในสมอง ริมฝีปากอิ่มยิ้มเมื่อเกิดอยากแกล้งคนนิสัยเสียขึ้นมา จากที่จะเดินหนีโยธกากลับเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งสองทันที แกล้งกระแอมกระไอเสียงดัง

“อะ แฮ่ม มาทำอะไรตรงนี้คะพี่หมิง” เสียงใสถูกดัดให้หวานกว่าปกติ

จางหมิงสะดุ้งรีบเงยหน้าจากทรวงอวบของหญิงสาวในอ้อมแขน ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“หนูยิ้ม”

“ใครกันคะ คุณหมิง” ลีน่าเอ่ยถามขณะจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ มองคนที่เข้ามาขัดจังหวะด้วยแววตาขุ่นเคือง ไม่ได้อับอายสักนิด

โยธกาตวัดสายตามองสองหนุ่มสาวด้วยแววตาเหยียดหยัน “ถ้าอยากสมสู่กันทำไมไม่ไปโรงแรม หรือว่าไม่จำเป็นเพราะตรงไหนก็ทำได้ ไม่เลือกที่และโอกาส” หญิงสาวเอ่ยขึ้น

จางหมิงร้อนวูบไปทั้งหน้า เมื่อเห็นสายตาดูแคลนของอีกฝ่าย นึกรู้ว่ายายตัวแสบกำลังหาเรื่องเล่นงานเขาอีกแล้ว

“พี่จะทำอะไรกับใครตรงไหน มันทำให้เธอเดือดร้อนหรือไงหนูยิ้ม”

“เดือดร้อนสิคะ เพราะพี่หมิงเป็นคู่หมั้นของหนูยิ้ม เรื่องอะไรหนูยิ้มจะปล่อยให้พี่ มายุ่งกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง”

คนที่อ้างว่าเป็นคู่หมั้น เดินเข้ามากอดแขนของชายหนุ่มไว้ เบียดกายกระแซะร่างหนา พร้อมกับดันหญิงสาวอีกคนให้ถอยห่าง ทำเอาคนถูกแอบอ้างตกตะลึงพูดไม่ออก ไม่นึกว่าจะถูกเล่นงานไม้นี้

“ไม่จริงใช่ไหมคะคุณหมิง ผู้หญิงคนนี้โกหกใช่ไหมคะ” ลีน่าเอ่ยถามเสียงสั่น

“จริงค่ะ ฉันเป็นคู่หมั้นกับพี่หมิงตั้งนานแล้ว ไม่เชื่อก็ไปถามลุงจางหลงกับน้าน้ำอิงดูก็ได้ หรือจะไปถามอาหลี่ไท่หยางอาเขยฉันดูสิคะ” โยธกายกผู้ใหญ่มาอ้างหน้าตาเฉย มองหน้าซีดๆ ของคู่ขาของจางหมิงด้วยแววตาสะใจ

“ฉะ ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

ลีน่าไม่เสียเวลาไปสอบถามอย่างที่โยธกาบอก ชื่อของสองผู้ยิ่งใหญ่การันตีความจริงโดยไม่ต้องสอบถามให้มากความ หากไม่ใช่เรื่องจริงผู้หญิงคนนี้คงไม่กล้ายกมาอ้าง

จางหมิงไม่ทันจะเอ่ยแก้ ลีน่าก็เดินหนีไปแล้ว เขาเลยหันมาหาคนต้นเรื่องที่กำลังหัวเราะคิกคักอย่างโมโห

“เล่นอะไรแบบนี้ฮะ หนูยิ้ม”

“เสียดายเหรอ คาสโนว่าอย่างคุณคงหาสาวๆ ได้อีกหลายคน จะต้องแคร์อะไร” โยธกายักไหล่ ทำท่าจะเดินหนี เมื่อจัดการป่วนจางหมิงได้สมใจแล้ว

แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้คนที่แกล้งเขาลอยนวลไปง่ายๆ จางหมิงจับข้อมือบางกระชากรั้งร่างงามมาปะทะอก กอดรัดไว้แน่น โยธกาตกใจพยายามดิ้นรนให้ลหุดจากปลอกแขนแข็งแกร่งนั้น แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น

“ปล่อยหนูยิ้มนะไอ้พี่หมิง!”

“ไม่ปล่อย คู่หมั้นจะกอดคู่หมั้น จะเป็นไรไป” จางหมิงแกล้งยกคำอ้างของเธอมาอ้างบ้าง เขายิ้มกริ่มขณะยื่นหน้าไปหาดวงหน้างดงามช้า จ้องตากลมโตของเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“ไม่นะ อย่าทำอะไรบ้าๆ นะไอ้พี่หมิง!” ฝ่ามือน้อยยกมือขึ้นป้องหน้า ไม่ยอมให้ชายหนุ่มทำตามปากว่า

จางหมิงจับมือเธออกจากหน้า ก้มลงหอมแก้มทั้งสองข้างฟอดใหญ่ ก่อนจะหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นแก้มนวลแดงปลั่งน่ารัก

“นอกจากกอดแล้ว คู่หมั้นอย่างพี่ก็มีสิทธิ์หอม มีสิทธิ์จูบหนูยิ้มได้ด้วย ใช่ไหม” เขายั่วต่อ

“บ้า ไอ้พี่หมิงบ้า ปล่อยหนูยิ้มนะ ถ้าไม่ปล่อยหนูยิ้มจะร้องให้คนช่วยจริงๆ นะ” โยธกาเกร็งตัวเบือนหน้าหนี ร่างบางสั่นเล็กน้อย แต่เจ้าตัวพยายามข่มอาการไว้ไม่แสดงออกให้อีกฝ่ายได้ใจ

จางหมิงหันไปมองรอบกาย ริมฝีปากยกยิ้มเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นสักคน เสียงดนตรีในงานก็ดังเกินกว่าใครจะได้ยินเสียงร้อง เขาหันกลับมามองยายตัวแสบในอ้อมกอด มาแกล้งเขามาอ้างว่าเป็นคู่หมั้นเขาดีนัก เดี๋ยวเถอะ จะแกล้งคืนเสียให้เข็ด มาเฟียหนุ่มไม่เสียเวลาคิดมาก เขาช้อนอุ้มร่างงามขึ้น

“ว้าย ! จะทำอะไรน่ะไอ้พี่หมิง” โยธกากรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อถูกชายหนุ่มช้อนอุ้มจนตัวลอย ใจเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น “จะพาหนูยิ้มไปไหน ปล่อยนะโว้ย ไอ้พี่หมิงบ้า”

“หุบปากนะหนูยิ้ม ถ้าไม่หยุดร้องพี่จะจูบเราให้ขาดใจตรงนี้แหละ” จางหมิงขู่ เสียงเข้ม ยื่นหน้าก้มลงมาหาเหมือนจะทำตามปากว่า โยธกาส่ายหน้ารีบยกมือปิดปากตัวเองไว้

มาเฟียหนุ่มอุ้มร่างงามพาเดินไปยังรถที่จอดอยู่ เปิดประตูแล้วยัดร่างบางเข้าไปข้างใน ก่อนจะวิ่งอ้อมมายังฝั่งคนขับ กดล็อคประตูไม่ให้หญิงสาวเปิดออกไปได้ แล้วนำรถแล่นออกไปจากที่แห่งนั้นตรงไปยังคอนโดหรูของเขา

๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มาอัพแล้วนะคะ

สำหรับใครที่เคยอ่านเรื่องนี้ในตอนพิเศษมาแล้วอ่านซ้ำกันสักรอบนะคะ เพราะเนื้อหาคงเดิมเพราะเป็นการเล่านำเรื่องก่อนจะมีเหตุการณ์ต่อมาค่ะ



ขออัพเพียงบางส่วนเป็นตัวอย่างนะคะ ไม่อัพจนจบ

ใครสนใจสั่งจองแจ้งมาได้ที่ อีเมล p_pakarung@hotmail.co.th ได้นะคะ

หรือจะอ่านเรื่องอื่น ในซีรี่ส์มาเฟียยอดรัก เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ อ่านได้ที่ลิ้งนี้ค่ะ


http://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=4210


ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา/ผการุ้ง








รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2556, 06:05:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2556, 06:05:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1674





<< บทนำ   ตอนที่ 2. สายใยพิศวาส 60% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account