อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 28.

28.



สองหนุ่มเดินเกาะบ่าออกจากผานกแอ่นมาลานพระแก้ว พระปางลีลา นั่งลงก้มกราบสวดมนต์บทสั้น ๆ ทำจิตให้สงบแล้วเดินกลับที่พัก ล้างหน้าตา หาอาหารแล้วเตรียมตัวเดินทางไปน้ำตก วกกลับมาเช่าจักรยานแล้วก็ปั่นไปทางผาหล่มสัก ถ่ายรูปสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึงแล้วรีบปั่นจักรยานกลับก่อนที่จะมืดค่ำ กิจกรรมโดยส่วนตัวเป็นเช่นนี้ เมื่อกำลังเก็บของจะลงเขาในวันรุ่งขึ้น สุริยาจึงสรุปว่า ไม่ควรที่จะทำกระเช้าไฟฟ้า เพราะอะไรที่ได้มาง่าย ๆ ค่าของมันคงน้อยลง

รุ่งโรจน์ตั้งใจจะไปจังหวัดเลย ไปเที่ยวภูเรือ เข้าหนองคายแล้วไปสักการะพระธาตุพนม แต่สุริยาห้ามไว้ ด้วยรู้สึกผิดที่ตัวเองออกมาหาความสุข แล้วปล่อยให้แสงทองทำงานตามลำพัง รุ่งโรจน์จำนนต่อเหตุผล ค่ำคืนสุดท้าย สุริยารู้ว่ารุ่งโรจน์แกล้งปวดเมื่อยตามร่างกายเพื่อให้ตนเข้าไปบีบนวดดั่งวันวาน

แต่ชายหนุ่มปฏิเสธ โดยอ้างว่า..ผมก็ปวดเหมือนกัน..

“งั้นผมนวดให้คุณ..”

“ผมบ้าจี้” สุริยาบ่ายเบี่ยง รุ่งโรจน์จำต้องนอนในถุงนอนท่ามกลางความหนาวเหน็บและละอองน้ำค้างที่รวมตัวกันบนผืนผ้าใบแล้วกลายเป็นหยดน้ำลงมาใส่หน้า สุริยามาสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อประมาณสามสี่ทุ่ม..เพราะเสียงโทรศัพท์..เป็นเสียงของเจ้าแก้วที่โทรมาบอกเล่า..

“มีลูกทัวร์เป็นลมพี่ยา กำลังกินข้าวอยู่ดี ๆ ตาค้างล้มลง ตกใจซะ แต่ก็ดีที่แกฟื้นมาเอง จัดทัวร์กับคนแก่นี่ปัญหามันเยอะนะ คนนี้จะเอาอย่างนั้น คนนั้นจะเอาอย่างนี้ เอาแต่ใจตัวเองกันจัง..แล้วนี่อยู่ที่ไหนไม่กลับมาช่วยแสงทองเจ้าคะ”

“อยู่บ้าน” สุริยาจำใจโกหก

“หนูเห็นแสงทองร้องไห้นะ แต่มันไม่บอกว่าร้องไห้เรื่องอะไร..กลับมาได้แล้ว มีแต่คนคิดถึง..อกหักจากใครหรือเปล่าถึงได้หนีหน้าขนาดนั้น” เจ้าแก้วยังพูดอะไรอีกยืดยาว แต่คำพูดของมันทำให้ สุริยานอนไม่หลับ ต้องเอามือก่ายหน้าผาก คิดและก็คิด นึกตำหนิตัวเอง และคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ เห็นแต่ประโยชน์ตัวเองจึงไม่ได้นึกถึงหัวใจของคนอื่น

“เป็นอะไร”

“ผมรู้สึกผิดเท่านั้นเอง เราไม่ควรเอาแสงทองมาร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย”

“ก็เรื่องมันผ่านมาจนถึงวันนี้แล้ว แก้ไขอะไรได้”

“ต่อไปผมคงต้องดีกับเธอให้มาก ๆ ให้สมกับที่เธอดีกับผม อดทนเพื่อผม..”

“คุณอยากแต่งงานกับเธอไหม ผมจัดการให้ได้นะ”

“คุณพูดอะไร..”

“ก็คุณไม่ได้อยากเป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น คุณก็แต่งงานมีครอบครัวไปซิ”

“แต่ผมไม่ได้นึกชอบเธอในลักษณะนั้น ผมเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น..”

“แล้วคุณคิดกับผมในลักษณะไหน ผมจูบคุณก็ไม่ว่า แต่ถ้าผมจะอย่างอื่นคุณก็ไม่ยอมอีก..มีผู้หญิงมาจีบคุณก็ไม่สนใจ คุณเป็นอะไรของคุณ”

สุริยาถอนหายใจออกมาแล้วพลิกตะแคงหันหลังให้..

“คุณรุ่ง แต่งงานก็มีภาระอันยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า ผมมันคนจน..ผมไม่ปรารถนาที่จะให้ใครมาลำบากด้วย ผมยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบอะไรกับใครทั้งนั้น..เคยแอบคิดแอบฝันอย่างเด็ก ๆ ..มันก็เหมือนในเทพนิยาย มีเจ้าชายเจ้าหญิง แต่เมื่อเราเป็นแค่ยาจก แต่เราอยากเป็นเจ้าชาย อยากเป็นผู้ให้เมื่อได้รักเหมือนที่คุณเป็น เราทำอย่างใจเราไม่ได้ สู้อยู่คนเดียวดีกว่า ดีกว่าดึงคนอื่นมาร่วมทุกข์มากกว่าสุข..รึบางครั้งผมก็ยังนึกอยากที่จะมีอารมณ์แบบรักฝ่าฝันฆ่ากันให้ตายไปข้าง แต่มันก็ไม่มี”

“แล้วคุณทนกับความกำหนัดได้อย่างไร”

“ผมอยู่วัดมานานมั้ง หรือผมคงบวชมาหลายภพหลายชาติแล้วก็ได้ จึงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากมาย แต่ก็เกือบจะพลาดพลั้งเสียหลายหน” สุริยาพูดจบ รุ่งโรจน์ก็โถมตัวเข้ากอด

“กับผมใช่ไหม..”

สุริยาไม่ตอบ เมื่อไม่ตอบรุ่งโรจน์จึงจูบเบา ๆ ที่ใบหน้า

“คุณยะ คุณเคยอธิษฐานไหมว่าชาติหน้าขอให้ใครสักคนในเรา เป็นผู้หญิงเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันรักกันมีความสุข”

สุริยารีบเอามือจับปากรุ่งโรจน์ไว้

“อย่าพูดอย่างนั้นคุณรุ่ง..การได้เกิดมาเป็นผู้ชายถือว่าประเสริฐนัก..เพราะเป็นเพศที่แข็งแกร่ง เป็นเพศที่สามารถบรรลุธรรมได้ง่าย เป็นเพศที่สามารถจะเป็นได้ถึงพระพุทธเจ้า..เป็นเพศที่ไม่มีความทุกข์จากการท้อง จากการออกลูกออกเต้า จากการมีเมน คนที่จะเกิดมาเป็นชายได้นั้นต้องมีเนกขัมมะบารมีมาไม่ใช่น้อยเหมือนกัน อย่าคิดที่จะวกกลับไปเป็นหญิง รึที่ใจเป็นอย่างนี้ เป็นผลมาจากอำนาจกรรม..เกิดมา บ่อย ๆ ก็อดที่จะสร้างกรรมบ่อย ๆ ไม่ได้ ส่วนใหญ่คนก็จะทำแต่กรรมดีกับไม่ดี มากกว่าดีสุด ๆ ในศีล ในทาน ในสมาธิ..ผมบวชนานอ่านเยอะ ผมจึงต้องรู้จักหักห้ามใจตน”

รุ่งโรจน์ค่อย ๆ เลื่อนตัวออกจากร่างของสุริยา แล้วก็นอนเอามือก่ายหน้าผากในที่ของตน

“คุณรุ่ง คนเราจะสุขขนาดไหน ก็หนี แก่ เจ็บ และตายไม่พ้นหรอก วันนี้ยังหนุ่มยังสาวก็ยังน่ารัก แก่เฒ่าไปก็จะน่าเกลียดไม่น่ากอดรัด ไม่น่าจูบหรอก แต่น้อยคนนักที่จะมีปัญญานึกเห็น หรือกว่าจะได้นึกเห็นก็แก้ไขวิบากส่วนมากแต่เก่าไม่ได้เสียแล้ว..บุญกุศลที่ทำใหม่ก็น้อยนิดไม่พอให้ไม่เกิดมาน้อยด้วยกามอีกสุดท้ายก็วน ๆ เวียน ๆ ในกงกรรมไม่จบไม่สิ้น และการบังเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ด้วย..จึงยากที่จะสว่างไสว เดินทางถูกมรรคผล..หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ”

“ผมไม่อยากฟังแล้ว ..”

“หมดอารมณ์ใช่ไหม..” สุริยาแกล้งถาม

“หมดอารมณ์เซ็กซ์ แต่มีอารมณ์บวชขึ้นมาแทนนะซี่”
-------------------------------------------------------------------------
วันเวลาเหมือนมีปีกบิน..หลังจากกลับจากภูกระดึงแล้ว สุริยาก็พารุ่งโรจน์และคณะไปทอดกฐินสามัคคีที่วัดบ้านเกิดสมทบทุนสร้างรั้ววัด..กลับจากงานกฐิน สุริยาก็ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับงานและหนังสือกองมหึมา..อ่าน ศึกษาเพื่อจะได้ลืมใบหน้าหล่อเหลาเฝ้ามาคลอเคลียนั่น

แต่ยิ่งอยากลืมยิ่งกลับจดจำ เพราะรุ่งโรจน์เองก็เหมือนที่จะไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

รึเขาต้องการที่จะเห็นตนเจ็บจนตายอย่างนั้นนะรึ

สุริยาพยายามไม่ทบทวนทุกสิ่งอันที่เขาทำดี ๆ ให้ ด้วยรู้ว่ายิ่งคิดก็ยิ่งร้อย ยิ่งรัดให้รักไปเรื่อย ๆ ..แต่ยิ่งหลบยิ่งเลี่ยง เขาก็ยิ่งย่างสามขุมเข้าหา ประหนึ่งว่าเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิด เขาต้องรีบมีชัย

ชนะไปเพื่ออะไร

“เพียงคุณพูดคำเดียวว่าคุณรักผม ต้องการอยู่กับผมเพียงสองคน ผมจะพาคุณไป จะพาคุณหนี..ไปในที่ไม่มีใครรู้จักเรา..ผมรักคุณนะคุณยะ”

ความเงียบ เป็นคำตอบตลอดมา


กำหนดการเดินทางสู่ภาคใต้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ช่วงหลัง ๆ แสงทองสนิทสนมกับดาราวดีเป็นอย่างมาก หญิงสาวอ้างว่า

“ผู้หญิงด้วยกันคุยกันไม่ยาก..”

ไม่ใช่ทริปฮันนีมูน แต่เป็นทริปสำรวจเพื่อหาแนวทาง ข้อมูลในมือสุริยามีมากพอ..ไล่ตั้งแต่ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ นครศรีฯ พัทลุง สงขลา..ตรัง สตูล กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง..ยกเว้นสามจังหวัดชายแดนที่ข่าวยิงกันรายวัน

โลกมันหมุนไปอะไรก็เกิดขึ้นได้ บริบทโดยรอบกายเปลี่ยนไปแต่ใจอย่าเปลี่ยน มุ่งให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องแผ้ว หาสุขในแบบไม่อิงอามิสให้ได้

“พี่ยารู้ไหม พี่ไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนไปนะ”

“พี่”

“ทำท่าเหมือนอยากกลับไปบวช”

“ไม่หรอก ..แค่เบื่อ ๆ โลกนิดหน่อย อีกหน่อยคงดีขึ้น ไม่มีอะไร..แล้วเรื่องของเธอกับหมวด
ก้อง..ถึงไหนแล้ว..

“เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ” แสงทองไม่ตอบ แสดงว่ามีความคืบหน้า

และในงานลอยกระทงที่อยุธยา สุริยาก็ได้เห็นผู้หมวดคนโก้ถือกระทงเคียงคู่กับหญิงสาวที่เคยหมายปองตน ใจแป้วนิด ๆ เมื่อเห็นคนควรเป็นของตน กำลังจะเป็นอื่น

“เหมาะสมกันดีนะคะ” ใบหน้าดาราวดียิ้มแย้ม ผิดกับรุ่งโรจน์ ที่มีใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์

“คนเราเมื่อพร้อมก็อยากมีครอบครัว มีคนไว้ครอบครอง ดูแลสุขทุกข์ อยู่เป็นเพื่อนกันไปจนแก่เฒ่า”

ใจจริงสุริยาอยากจะพูดต่อว่า “สุดท้ายก็ตายห่าแยกย้ายกันไปตามเวรตามกรรม”

..รู้แต่ตัดใจให้ละไม่ได้ ..รู้แต่ก็คิด..ทุกข์มันจึงได้เกิด..ยิ่งได้เห็นคนสองคู่ถือกระทงจุดธูปเทียนยืนเคียงกัน ใจก็ยิ่งหดหู่

เมื่อเขาไปกันหมด ตนจะเป็นอย่างไร?

อ้างว้างเดียวดาย..จะไปทางไหน จะอยู่อย่างไร จะอยู่เพื่อใคร

เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นพระพุทธรูปพระพักตร์อ่อนโยน ท่ามกลางซากปรักหักพัง จึงได้สติ..ระงับความอาดูร..อยู่เพื่อธรรมะ..ซิ ทำพระนิพพานให้แจ้ง อย่ามัวเสียเวลากับโลกีย์เลย สุริยาวางกระทงลงน้ำแล้วผละออกมาจากกลุ่มไปจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและอธิษฐานจิต

“เกิดชาติหนึ่งภพใด ให้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ..ให้มีความเบื่อหน่ายคลายจากความกำหนัด มุ่งทำพระนิพพานให้แจ้ง เมื่อถึงคราวออกบวชประพฤติปฏิบัติธรรมให้เป็นผู้รักศีล เจริญด้วยสมาธิ ถึงพร้อมด้วยปัญญา สอนตนและคนอื่นได้เป็นอัศจรรย์”

ปักธูป..สบพระพักตร์ อธิษฐานเช่นนี้ รู้ว่าภาระข้างหน้ามีอีกยาวไกล หันไปรายรอบ มีมนุษย์ที่รู้ในธรรมที่ทรงค้นพบอยู่น้อยนิด หน้าที่ของตนคือ ต้องทำให้รู้เฉกเดียวกัน

เคยมีประโยชน์เกื้อกูลแต่ชาติปางไหนให้มาพานพบ

‘สักวันท่านต้องไปจัดทัวร์ พาคนไปไหว้พระธาตุเจดีย์ ท่านมีความรู้เรื่องพระธาตุเจดีย์แยะเชียว’

‘ไม่จริง ไม่รู้อะไรเลย’

‘จะมีคนมาช่วย..เคยทำบุญร่วมกันไว้..ผมไปละ’ ชายนิรนาม จู่ ๆ เจอะกันในวัดแล้วก็ทำนายทายทัก พอเดินออกมาจากวัดเรื่องราวมันเป็นไปในลักษณะนั้นอย่างไม่คาดคิด..และก็อดคิดไม่ได้ว่าเขารู้ได้อย่างไร..ยังมีสิ่งอัศจรรย์พันลึกบนโลกใบนี้อีกเยอะแยะ..ตัดจากกามเสียได้..คงมีเรื่องอีกแบบได้สนุก..

หลังคืนวันลอยกระทงในทริป 2 วัน 1 คืน โคราช เขาใหญ่ สระแก้ว อรัญฯ และปราจีนบุรี สุริยาก็ได้เห็นสุขในรักแบบชายแท้และชายไม่แท้..หมวดก้องดูแลเอาใจใส่แสงทอง ชนิดหน้าชื่นตาบาน..สำหรับรุ่งโรจน์กับดาราวดี นั้นดูไม่เป็นธรรมชาติ

เขาและพ่อกับแม่ของรุ่งโรจน์ผิดหรือไม่ ที่ดันให้รุ่งโรจน์สู่เส้นทางสายนั้น
-------------------------------------------------------------------------
เดือนธันวาคม 2547 วันที่ 4-5-6 เป็นวันหยุดต่อเนื่องสามวัน รุ่งแสงสุริยาทัวร์จึงได้จัดเที่ยวไหว้พระธาตุในจังหวัดลำปาง ลำพูนและเชียงใหม่ วันที่ 10-11-12 เป็นทริปไหว้พระธาตุเจดีย์ในจังหวัดแพร่-พะเยา-และเชียงราย..อากาศหนาวเย็นกับเสื้อผ้าแพรพรรณและกับทิวเขาสายหมอกและดอกไม้..วิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรม..

“สงสารพี่รุ่งนะ..”

“ทำไม..”

“พี่ดี้นี่ พออยู่ด้วยนาน ๆ จึงได้รู้ว่า..แกกระแดะ.. นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ อย่างว่าแหละเขาเกิดมาบน กองเงินกองทองจะให้มายืนกินอาหารข้างถนนอย่างเรา ดูไม่ดีไม่มีชาติตระกูล..เขาก็ทำไม่ได้..”

หลายครั้งที่สุริยาเห็นรุ่งโรจน์พยายามกลั้นความโมโห เมื่อหญิงสาวชอบพูดซ้ำ ๆ เรื่องความไม่ดีของคนอื่น..หรือตำหนิคนอื่นทันทีที่มาไม่ทันขึ้นรถในเวลาที่ไกด์กำหนดให้

“คนอื่นพูดได้คุณดี้ แต่เราเป็นเจ้าของทัวร์เราต้องอดทน..”

“ถ้าไม่พูดเขาก็ยิ่งได้ใจซิคะ แล้วอย่างนี้คนดี ๆ ตรงต่อเวลาก็ต้องมารอคอยพวกไร้ระเบียบวินัย เขาก็เบื่อ และก็ไม่อยากมากับเราอีก จริง ๆ แล้วคนไหนที่ไม่ดี ก็น่าจะทำบัญชีดำไปเลย ไม่ต้องมาด้วยกันอีกแล้ว..จัดไป ๆ ทัวร์ของเราจะได้เหลือแต่คนมีระเบียบวินัย”

“มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาช้าทุกเที่ยว ทีเที่ยวที่คุณช้าไม่เห็นมีใครว่าคุณ หรือไม่เห็นคุณต้องขอโทษใคร ๆ เขาเลย”

“คุณกำลังเข้าข้างคนอื่นนะคะ”

สุริยารู้ว่าแท้จริงแล้ว ดาราวดีหึงหวงลูกทัวร์บางคนคนที่ทำท่าหลงใหลได้ปลื้มกับหนุ่มไฮโซนามรุ่งโรจน์

“คุณดี้ คุณยังทำใจไม่ได้อีกรึ คุณก็รู้นี่ว่าคนที่อยู่ในวงการบันเทิงเป็นธรรมดาที่ต้องมีคนมา
ห้อมล้อมชื่นชม”

“ต่อหน้าคู่หมั้นเขาเนี่ยหรือคะ ดี้จะพยายามทนค่ะ”

อีกหนึ่งความน่าเบื่อหน่ายในอารมณ์รัก


แล้วทริปสำรวจภาคใต้ที่แสงทองลอยคอรอคอยก็มาถึง

“ไม่ชวนหมวดก้องไปด้วยรึ”

“หลายวันค่ะ ไปไม่ได้หรอก อีกอย่างหนูก็ไม่อยากให้ไปด้วย เพราะบางทีอยู่ใกล้ ๆ กันมากเกินไปมันก็ไม่ดี เห็นธาตุแท้กันหมด ใช่ไหมคะ” คล้ายแสงทองจะเหน็บให้ใครบางคน

รุ่งโรจน์ถอนหายใจออกมา

“แต่โดยรวมแล้วเขาก็ทำให้เธอพอใจ มีความสุข”

“ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่าค่ะ ลำพังหนูแล้ว ไม่ได้โหยหาที่จะต้องรีบแต่งงานอะไร เที่ยวไปไหว้พระ จัดทัวร์ทำบุญ เราเป็นไกด์เราต้องอ่านนั่นอ่านนี่ ไปวัดก็เจอะหนังสือ อ่านไปอ่านมา หูตาก็พอสว่างบ้าง.. มีรักร้อย มีทุกข์ร้อยไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย มองยาว ๆ มองไกล ๆ เราจะเห็นว่าชีวิตข้างหน้าเป็นเพียงพยับแดดที่จับต้องไม่ได้ คาดว่ามันจะเป็นอย่างนั้น มันอาจจะเป็นไปเสียอีกอย่าง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงเกิดขึ้นตั้งอยู่และก็ดับไปเป็นธรรมดา ท่องอยู่ทุกวันว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เข้าใจ แต่มันสบายใจดี”

“รอบ ๆ ตัวผมมีแต่คนใกล้บรรลุธรรมทั้งนั้นเลย อยู่แต่ผมคนเดียวเท่านั้นเอง..บาปหนาปัญญาหยาบ”

“กรรมมันมีเวลาของมัน เมื่อคราวที่กรรมเบาบางบุญส่งผลคุณอาจจะเข้าถึงธรรมโดยไม่รู้ตัวก็ได้”

ถ้าอยู่กันสามคน เอ่ยเรื่องโลกีย์ ๆ รัก ๆ ใคร่ ๆ สุริยาจะไม่ผสมโรง แต่ถ้ามีเรื่องวัดวาอาราม..พิธีกรรมกับพระคุณเจ้า สุริยาเป็นเสนอหน้าเข้ามาออกความคิดเห็นด้วย

“พี่รุ่งอ่านเรื่องพระนางปฏาจาราหรือยัง..”

“ทำไม”

“เหตุที่ให้นางบรรลุธรรมก็คือ ลูกสอง สามีหนึ่ง ตาย เป็นบ้าเป็นหลังไป..ได้พบพระพุทธเจ้าได้ฟังธรรมและแค่เอาน้ำล้างเท้าเห็นว่า น้ำขันแรกไหลไปแค่นี้แล้วก็ซึมสู่ดิน อีกขันไหลไปไกลหน่อยแล้วก็ซึมสู่ดิน..บรรลุธรรมค่ะ มีความสุข หาสุขได้ในความทุกข์ คนเราเอาแน่ไม่ได้ บางทีวิกฤตอาจจะเป็นโอกาสก็ได้นี่คะ..จบค่ะ พูดเรื่องเที่ยวต่อดีกว่า..เจ้านายว่าอย่างไรคะ..เริ่มต้นเมื่อไหร่ไปไหนบ้าง”

“22 ธันวา ออกแต่เช้า นอนชุมพร..เช้าไประนอง เส้นเลาะอันดามัน พังงา อ่าวพังงา เขาตะปู เขาพิงกัน เกาะปันหยี อาจจะนอนสักคืนแล้วก็มาสำรวจภูเก็ต นอนภูเก็ตสักคืนแล้วก็วันที่ 25 วันคริสต์มาส เราเกาะดีเลย์*(*เกาะสมมุติ) ไปหาฉลองกับพวกฝรั่งมังค่า ..ก็ยี่สิบหกกลับมาภูเก็ต ไปนอนกระบี่สักคืน แล้วไปตรัง สตูล สงขลา พัทลุง นครศรีฯ สุราษฏร์ สมุย พะงัน เขื่อนเชี่ยวหลาน แล้วก็กลับบ้านเรา ..โปรแกรมนี้ หลายวัน ไม่ต้องนอนหรูมาก กินดีมาก เพราะเราต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าเรือเยอะ เอาพอประมาณนะครับคุยกันไว้ก่อน..”

“บางทีไปเที่ยวแล้วใช้เงินเยอะ ๆ กับพวกที่พักอาหารนะ หนูอดที่จะย้อนถามใจตัวเองไม่ได้ว่า..เราเอาเงินส่วนที่ฟุ่มเฟือยเกินจริงตรงนี้ไปให้คนที่เขามีน้อยกว่าบ้างจะดีกว่าไหม”

“ดีกว่าอยู่แล้วแหละ เพียงแต่เราจะทำได้อย่างที่คิดหรือไม่เท่านั้นแหละ..”

“เอาอย่างนี้ไหมพี่รุ่งพี่ยา ทริปนี้เรามาประเมินค่าที่พักและค่าอาหารกันว่าอยู่ที่เท่าไหร่ ตั้งงบไว้ แล้วเราก็พยายามที่จะบังคับตัวเราให้ประหยัด ๆ เพื่อที่จะได้เอาเงินที่เหลือไปทำบุญค่าอาหารบ้านเด็กกำพร้า”

“เป็นความคิดที่วิเศษมากเลยนะแสงทอง..”

“เตรียมตัวเป็นนักสังคมสงเคราะห์เสียแล้ว ก็ไหนว่า..ไม่หรอก ยังไม่คิด..พี่เขาคนไกล ..แต่นี่..เฮ้อ..”

“คนล่ะเรื่องแล้วพี่รุ่ง ว่าแต่พี่เถอะอธิบายให้คุณดี้ฟังเองละกัน”
-------------------------------------------------------------------------
วันเดินทางมาถึง...รุ่งโรจน์เกี่ยงให้แสงทองเป็นคนอธิบาย..

“ไม่เห็นจะต้องอย่างนั้นเลย ลำบากเรา จะได้บุญรึ..ที่ใช้ก็ใช้ไป ที่ทำบุญจะทำเท่าไหร่ก็ทำไป”

“แต่นี่เรากำลังคิดจะเล่นเกมส์ประหยัดนะคะ จะได้เที่ยวสนุกด้วย”

“งั้นส่วนที่ดี้ต้องจ่ายเองอย่าเอาไปคิดด้วยนะคะ”

“ผมรู้ว่าคุณจ่ายได้ เราจ่ายได้คุณดี้ แต่เรากำลังจะเล่นเกมส์ประหยัดกันอยู่ ถ้าคุณไปกับเราแล้วคุณไม่ปฏิบัติตามเสียงของคนส่วนใหญ่ แล้วเราจะเดินทางด้วยกันอย่างไร เราแค่เล่นเกมส์ประหยัดค่าอาหารกับที่พักเท่านั้น รถเรือเรายังเอาสบายปลอดภัย จริง ๆ ถ้าจะให้สนุกมาก ๆ นะ เราต้องโบกรถไปถึงจะดี” รุ่งโรจน์เสียงแข็งขึ้น ส่งให้ดาราวดีหน้างอฉึ่ง

“งั้นดี้ไม่ไปด้วยหรอกคะ มันเกินไป”

“ตกลงทริปนี้คุณจะไปหรือไม่ไป” รุ่งโรจน์ถามเสียงเบาลงมานิด

“ไปเถอะครับคุณดี้..เราไม่ได้ประหยัดจนเกินขนาดหรอกครับ..แค่สมมุติเฉย ๆ ..และการที่เราทำแบบนี้เพื่อเป็นการฝึกระเบียบการใช้เงินของพวกเราด้วย อีกอย่างเราจะได้เข้าใจว่าการมีเงินจำกัดจำเขี่ยแล้วนึกอยากเที่ยวกับอยากทำบุญ ใจมันต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้าง” สุริยาช่วยกระตุ้น เมื่อพูดจบ รีบมองไปทางอื่นด้วยไม่อยากสบตาเจ้าเล่ห์ของรุ่งโรจน์

“ก็ได้ค่ะ เกมส์ก็เกมส์”

แล้วรถซีอาร์วีคันสีดำก็แล่นออกจากนวนครในเวลาสายของวันพุธที่ 22 ธันวาคม 2547 วิ่งตามจุดมุ่งหมายที่ใจวางไว้..หาดทราย สายลม แสงแดด..เสียงเพลงกับการขับรถไปเรื่อย ๆ ผ่านร้านอาหาร ผลไม้ ไก่ย่าง ข้างถนนไปอย่างหน้าตาเฉย..

“หิวแล้วค่ะ อยากกินชมพู่สีแดง ๆ นั่นจัง..” ดาราวดีเอ่ยปาก

“เพิ่งจะห้าโมงเช้าเองนะครับ ใกล้เที่ยงก่อนค่อยแวะ”

รุ่งโรจน์พูดจบก็ยักคิ้วเจ้าเล่ห์ให้กับสุริยาซึ่งนั่งอยู่เบาะด้านหลัง สุริยาเคี้ยวหมากฝรั่งเมินสายตาไปข้างทาง พยายามที่จะไม่เห็นความสนุกกับการได้แกล้งคู่หมั้นของรุ่งโรจน์

หลังอาหารกลางวันกับร้านข้าวผัดริมถนนหัวหิน รุ่งโรจน์ก็ให้แสงทองเปลี่ยนขับ โดยตัวเองไปนั่งเบาะหลังคู่กับสุริยา ..แรกทีเดียวสุริยาจะขอมานั่งแทนที่ดาราวดี แต่รุ่งโรจน์บีบต้นแขนไว้และจ้องมาด้วยสายตาเขียวปั้ด

“ทำไมทั้งรถมีแค่เพลงพี่เบิร์ดหรือคะ..เห็นเปิดตั้งแต่ออกมาไม่จบสักที..” ดาราวดีเอ่ยขึ้น ส่งผลให้แสงทองหัวเราะกิ๊ก ๆ ไม่ตอบคำถามนั่นและทุกคนก็ร่วมใจกันเงียบ ปล่อยให้ดาราวดีนั่งฟังด้วยใบหน้าบึ้งตึงจนกระทั่งหญิงสาวอดใจไม่ไหว จนต้องกดปิด แล้วก็เอ่ยว่า

“เป็นการช่วยกันประหยัดน้ำมันค่ะ”

“แต่เครื่องเสียงมันกินไฟจากแบตนะครับ”

“แบตมันชาร์ตด้วยน้ำมันไม่ใช่หรือคะ”

รุ่งโรจน์ค่อย ๆ มานั่งกึ่งกลางเบาะแล้วบอกกับแสงทองว่าจะได้เห็นถนนหนทาง

“เปลี่ยนมานั่งข้างหน้าแทนดี้ก็ได้นี่คะ”

“ไม่หรอกครับ คุณดี้จะได้นั่งสบาย ๆ เห็นเมืองไทยเต็ม ๆ ตา” พูดไปมือข้างขวาของรุ่งโรจน์ก็โอบอยู่ที่ไหลของสุริยา...ที่นี้เจ้าตัวต้องค่อย ๆ แกะออกแต่เขาก็ยังยุ่มย่ามดึงมือซ้ายสุริยามาประสานบีบจนแน่น..เมื่อเห็นรูปการณ์เป็นดังนี้สุริยาจึงแกล้งพิงพนักและหลับลง จะได้ไม่เห็นสายตาของใคร ๆ ..

“คุณยะ ตกลงอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอดกับเมืองประจวบจะแวะไหม..”

“เอาไว้ขากลับก็ได้ แต่วันนี้ต้องแวะที่บางสะพานนะ พระเจดีย์พุทธประกาศบนยอดเขานะครับ ผมอยากไปมานานแล้ว”

“ดูคุณอยากไปมานานแล้วเกือบทุกที่เลยนะครับ”

“ดับความอยากเสียได้เป็นดี..” สุริยายอมรับความจริง

“ได้ยินสุภาษิตบอกว่า อย่า อยู่ อย่าง อยาก แต่จริง ๆ วันนี้ไหน ๆ ก็ผ่านเมืองประจวบแล้ว แวะขับรถมองเมืองเขาสักหน่อยเถอะค่ะ...คนเราเอาแน่ไม่ได้ ขากลับเราอาจจะยุ่งเหยิงจนไม่ได้แวะเสียก็ได้..”


ค่ำคืนนั้นในเกมส์ประหยัดทำให้ทั้งสี่คนต้องพักในห้องเตียงคู่ซึ่งราคาสุดแสนประหยัดเช่นกัน..

“มันมากไปหรือเปล่า” ดาราวดีเริ่มไม่พอใจ

“คุณดี้ ประหยัดไปตั้งหกร้อยบาท คุณคิดดูซิครับ ถ้าเงินหกร้อยบาทเราเอาบริจาคเข้ากองทุนมูลนิธิอาหารเด็ก ๆ ผู้รับจะดีใจขนาดไหน ถ้าซื้อไข่ไก่ก็ได้สองร้อยฟองเลยมั้ง..” เรื่องปรับความรู้สึกของดาราวดีเห็นทีจะมีแต่รุ่งโรจน์เท่านั้น..ส่วนสุริยากับแสงทอง ได้แต่แอบขำกิ๊ก ๆ ในวงหน้า

“โอเคเพื่อไข่สองร้อยใบของเด็ก ๆ นะคะ..” ดาราวดีถือเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สบอารมณ์

“จะมากไปหรือเปล่า”

“ผมว่านี่มันยังน้อยนะ จริง ๆ อยากจะนอนกระท่อมเล็ก ๆ ริมทะเลด้วยซ้ำ คืนหนึ่งแค่ห้องละสองร้อยบาทเอง”

“นั่นมันก็เกินไปแล้วพี่..” แสงทองโอดครวญ

“แล้วใครเป็นคนคิดเกมส์..”

เย็นวันนั้นสุริยายอมรับว่าเป็นวันที่ตนมีความสุขเหลือกำลัง..ด้วยพอพระอาทิตย์ยอแสง ทั้งสี่คนก็นุ่งกางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอกลมตัวสีขาวล้วน ๆ ซึ่งรุ่งโรจน์ซื้อมาให้โดยอ้างว่าเป็นเสื้อทีม ออกมาเดินเล่นบนผืนทรายละเอียดมองออกไปเป็นเกลียวคลื่นสีขาวซัดน้ำทะเลสีครามเข้าหาฝั่ง..แสงทองกระโจนลงทะเลเป็นคนแรก สุริยาถัดมา ตามด้วยรุ่งโรจน์ จะอยู่บนชายหาดก็มีแต่ดาราวดีที่พยายามทาสารพัดครีมก่อนจะกระโจนตามไปเล่นหมาบ้าไล่ขับ...คือคนที่เป็นหมาบ้าก็จะต้องพยายามวิ่งไล่ตามจับคนอื่นให้ทำหน้าที่วิ่งไล่ขับคนอื่นแทนตนให้ได้..ด้วยเกมส์นี้ทำให้ดาราวดีสำลักน้ำไปหลายอึก และเกือบจะจมน้ำไปหลายครั้ง ดีแต่ว่ารุ่งโรจน์รีบกระโจนเข้าไปช่วย

สุริยาเห็นภาพต่าง ๆ ก็อดที่จะสะท้านในอกนิดหนึ่งไม่ได้ อย่างไรเสียวันข้างหน้าเขาก็ต้องอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกัน เป็นคน คนเดียวกัน ส่วนตนเป็นเพียงคนอื่น การได้ออกมาอย่างนี้ ก็จะได้เป็นการเรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกัน..ดาราวดีถึงแม้จะเจ้ายศเจ้าอย่างไปสักนิด แต่เรื่องของความมีน้ำใจต่อเพื่อนด้วยกันหญิงสาวมีไม่น้อยกว่ารุ่งโรจน์เลย อะไรก็ตามที่เจ้าหล่อนเป็นคนออกเงิน เจ้าหล่อนจะซื้อมาให้เผื่อคนอื่นด้วยเสมอ

“คิดอะไรหรือคุณยะ”...

“อยากไปถึงแหลมพรหมเทพไว ๆ อยากไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่นั่น..”

“คุณว่ามันแตกต่างกันรึ..”

“ไม่หรอก...ตกตรงไหนก็เหมือนกัน..ตรงที่คนนั่งดู แก่ลงอีกวันนะซิ”

“ถ้าพระอาทิตย์มันมีหลาย ๆ ดวงคงจะดีนะ..” รุ่งโรจน์ตั้งประเด็น..สุริยามองหน้า..

“อ้าว..มันจะได้ผลัดกันเข้ากะบ้างซิ ผมสงสารมันจังเลยนะคุณยะ คิดดูเถอะ ออกกะที่ประเทศไทย ต้องไปเข้ากะที่ยุโรปต่ออีก..เหนื่อยไหมน่ะ..”

“คร้าบเหนื่อย..”

“คุณคิดแปลก ๆ ได้ผมก็คิดแปลกได้....วิ่งแข่งกันไหม ..ใครจะไปถึงตรงนู้นก่อนกัน..”

ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็ตั้งท่าสตาร์ท สุริยาเห็นดังนั้นจึงทำตาม ..แล้วสองหนุ่มก็วิ่งแข่งกันไปที่ไกลตาสองสาว ซึ่งกว่าสุริยาจะรู้ตัวว่าถูกหลอก พระอาทิตย์ก็ลับหายไปจากแผ่นฟ้าเสียแล้ว

ท่ามกลางความมืดสลัวขณะเดินกลับมาที่บ้านพักริมทะเล..รุ่งโรจน์จึงขอจูงมือของสุริยาให้เดินเคียงกัน

“เวลาของเราเหลือน้อยลงแล้วนะคุณยะ ขอบคุณที่คุณทำให้ผมมีความสุข..”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2554, 10:48:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2554, 10:48:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1707





<< 27.   29. >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account