Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: ถึงเวลาต้องเล่นละคร

อาหารเย็นง่ายๆ อย่างข้าวผัด กระเพราไก่ และไข่ดาว ถูกตักแบ่งให้กับมนุษย์ทั้งหกชีวิตเป็นกำลังเสริมเพื่อต่อสู้กับการอ่านหนังสือยามดึก ปุณณ์ก้มหน้าลงไปเกือบชิดกระเพราในถาดสแตนเลส ทำหน้าเคลิ้มไปกับกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย รอยยิ้มละเมอ

“เป็นปีแรกของการสอบที่มีคลังอาหารสมบูรณ์พร้อม” น้องชายเจ้าของร้านหนังสือพูดเอาใจ รับแก้วที่รินนำตะไคร้เย็นเจี๊ยบส่งต่อจนครบทุกคนในกลุ่ม “โชคดีขอพี่ปั้นปิดร้านสามวันได้ ไม่อย่างนั้นไม่เป็นอันอ่านหนังสือแน่” คนทำธุรกิจร้านหนังสือแบบไม่หวังกำไรไหวไหล่ ที่สำคัญคือสามวันที่ร้านปิดไม่มีการคิดเงินเพิ่มด้วยนี่สิ ถ้าไม่ใช่คนจากเดชอนันต์สิทธิ์ หรือหุ้นส่วนของหอพักคงทำแบบนี้ไม่ได้

“ทำไมไม่กลับไปอ่านที่หอ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยก็ได้” อิศยาถามออกไปตามจริง ทั้งหกชีวิตมองหน้ากัน ดวงตาติดจะขำ ตอบออกมาเป็นเสียงเดียว

“ไม่สงบ”

ท่าทางคนหลงใหลความสงบในร้านหนังสือเล็กๆ แห่งนี้จะไม่ได้มีแค่ผู้ชายที่ชื่อปัณณ์เสียแล้ว...

อิศยาหัวเราะอารมณ์ดี มองกระเป๋าเป้บรรจุเสื้อผ้าวางอยู่มุมร้าน ไม่ไกลกันบริเวณโต๊ะที่ตั้งคอมพิวเตอร์ทำรายการให้ลูกค้าถูกวางแน่นด้วยตำราเรียน กระดาษหนาหลายปึกกระจาย ปากกาไฮไลท์สีสดใสขีดบนหน้ากระดาษ ล้อมด้วยเก้าอี้หกตัว บรรยากาศเคร่งเครียดของการสอบกลางภาค แต่ไม่ได้ถึงกับขาดอากาศหายใจ ก็ดูสิขนาดอยู่กันคนละคณะทั้งหกคนยังมานั่งอ่านหนังสือในพื้นที่เดียวกันได้...เธอเชื่อว่าคนทั้งหกจะช่วยทำให้การสอบผ่านไปได้ทั้งกลุ่ม เล่นนอนกันที่นี่ อาบน้ำตึกหอพักที่ร้านหนังสือตั้งอยู่ มีแอร์เย็นๆ เปิดเพลงจากคอมพิวเตอร์ฟังผ่อนคลายยังได้

บรรยากาศเพื่อนช่วยเพื่อนแบบนี้ดูน่าอบอุ่นเป็นไหนๆ...ดีกว่าพาเที่ยวผับเที่ยวบาร์ มีเรื่องชกต่อย อิศยานึกชื่นชม นึกอยากจะทำอาหารมาส่งให้ครบทุกมื้อ เป็นแนวกำลังเสริม

“พรุ่งนี้ย่าไม่อยู่ พวกเราคิดถึงอาหารของย่าแย่” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มของปุณณ์กล่าวเสียดาย

“ให้ยายมาทำแทนสิ” ปุณณ์สวนกลับอารมณ์ดี ยกมือตบไหล่เพื่อนตัวสูงโย่ง ผิวสีแทนปลอบใจ “พรุ่งนี้จัดพิซซ่าถาดใหญ่ ไม่อิ่มต่อเดลีฟเวอร์รี่ไก่ทอดต่อ พอใจไหม เดี๋ยวเงินฉันออกเอง” พ่อใจป้ำใช้มืออีกข้างตีอกตัวเอง ยืดหลัง ทำเสียงโอ่แสนภูมิใจ

แต่ไม่ทันสำหรับคำไม่เข้าหู มือเรียวของอิศยาพุ่งไปตีต้นแขนปุณณ์เสียทีหนึ่ง “ชื่อเล่นฉัน ใครอนุญาตให้มาล้อเลียนยะ เดี๋ยวครั้งหน้าจะเอาสลอทมาใส่อาหาร” แยกเขี้ยวปิดท้าย น้อยคนที่จะรู้ว่า’ย่า’ไม่ใช่’หญ้า’ ก็ตอนเห็นว่าเขียนอย่างไร แต่ไม่ต้องรอถึงตอนเขียน หากมีใครมาล้อเรื่องปู่ย่าตายายกับชื่อของเธอ เป็นต้องออกอาการทุกครั้งไป

ทำไงได้ล่ะ คุณขจร พ่อของเธอสุดแสนจะภูมิใจกับการมีชื่อว่า ‘ตา’ แต่ตอนปู่ย่าตั้งนั้นเธอมั่นใจว่า ตา ของพ่อ ต้องเป็นดวงตามากกว่า ก็พ่อของพรพิรุณมีชื่อเล่นว่า ‘ใจ’ คนอยากมีชื่ออาวุโสจึงอยากให้ลูกๆ โตก่อนวัยกันถ้วนทั่ว ทั้ง ลุง สาว และเธอแก่สุดต่างกับวัยวุฒิจริงๆ ‘ย่า’

“โอ๋ๆ หน้าก็เด็กทำไมใจน้อยเป็นย่ายายไปได้” ปุณณ์ยังนึกสนุก แกล้งหยอกอิศยาสนุกปาก มือข้างหนึ่งจัดการตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวตุ้ย คำต่อไปแกล้งเอาช้อนที่มีกระเพราะพูนๆ มายั่วน้ำลายใต้จมูกคนแสนงอนได้สะบัดคอหนี

เสียงกระดิ่งร้านบอกว่ามีคนเข้าแม้ป้ายจะหมุนว่าปิด ปุณณ์กวักมือเรียกผู้มาใหม่หน้าตาเบิกบาน “พี่ปั้นมากินด้วยกันเร็ว ย่าเขาทำมาเยอะ”
อิศยาตั้งใจจะส่งยิ้มไปให้ชายชุดลำลอง สวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงเท่าเข่าลายตารางอย่างเป็นมิตร สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความเฉยเมย ปรายตามองเธอแวบหนึ่ง ปัณณ์ก็แทบไม่ใส่ใจเธออีก อิศยาพยายามคิดใคร่ครวญว่าเขาใช่คนเดียวกับที่คะยั้นคะยอกลับพร้อมกับเขาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหรือเปล่า...รอยยิ้มเก้อกลายเป็นเรียบสนิท ไม่มีเหตุผลที่อิศยาจะค้นหาว่าเธอทำอะไรผิด บางทีปัณณ์อาจจะหงุดหงิดมาจากข้างนอกก็ได้

“ว้าว...อาหารจีน ลาภปากพวกเราแท้ๆ” คนใกล้ตัวของอิศยาพุ่งไปรับของจากมือคนเป็นพี่มาจัดการ ไม่วายสายตาคอยลอบสังเกตคนสองคนที่เริ่มมีอาการปั้นปึ่งออกมาให้เห็น “กินด้วยกันสิย่า พี่ปั้นคงไปกินกับยัยองศามาแน่”

“ไม่ล่ะ..เราไม่หิว กินให้เต็มที่นะ ไม่กวนนายกับเพื่อนๆ แล้ว” ไม่ต้องรอให้เหตุผลแวบเข้ามาในสมอง เสียงโทรศัพท์เพลงระนาดดังกรีดจนเจ้าของสะดุ้งโหยง นึกตำหนิที่เผลอเปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ด้วยความเคยชิน ไม่คิดว่า...เวลานี้จะมีใครอื่นโทรมานอกจากพี่ที่รักในร้านทั้งสอง

อิศยาเลี่ยงออกมาหน้าร้านกดรับโดยไม่ต้องมองหน้าจอ “พี่แจน พี่กลอนมีอะไรมารายงานย่าคะ”

“รับโทรศัพท์จากพี่สักทีนะน้องย่า” เสียงนุ่มหูกล่าวออกมาคล้ายตำหนิ อิศยาหายใจเข้าปอดลึก กันตัวเองจะพรูลมหายใจจนอีกฝั่งจับเสียงรำคาญ อิดหนาระอาใจของเธอได้ ถึงพลจะสุภาพ แต่เขาก็มักจะเรียกร้องจากเธอเสมอ...และเป็นคนๆ เดียวที่คุณขจรไม่เคยขัดขวาง
ลมเย็นยามหัวค่ำปัดเป่าความขุ่นข้องในใจอิศยาไปได้พอสมควร กลิ่นไอฝนอ่อนๆ ยังเหลือร่องรอยเป็นน้ำบนพื้น หญิงสาวมองตรงไปทิศทางตรงข้าม มีการเริ่มจัดเคลียร์พื้นที่โต๊ะ ลงมือเทหินกรวดเป็นกองเล็ก อีกไม่นานร้านของเธอจะเริ่มก่อสร้าง เท่านี้อิศยาพอมีแรงต่อปากต่อคำหาทางหนีทีไล่ในการโดนพลไล่ต้อนให้ได้

“ย่าไม่ว่างค่ะ”

“หรือว่าจะหนีพี่กันแน่” อิศยาหน้าง้ำลง อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าพลรู้ว่าเธอหนีเขาจริง แล้วจะตามตื๊อให้ได้อะไร...

“ไม่นี่คะ” ทำเสียงสูง ให้พลเข้าใจว่าเธอโกหก

“พรุ่งนี้พี่จะไปรับ น้องย่าจะได้ไม่ต้องลำบากมาเอง”

เฮ้อ...อิศยาสะกดกลั้นความอึดอัดไว้ไม่ไหวอีกต่อไป พลไม่ค่อยเว้นที่ว่างให้กับเธอมากนัก ถึงพ่อจะวางใจให้เธออยู่กับพลได้ ไว้ใจเหมือนพลเป็นลูกชายอีกคน แต่ขอโทษเถอะ...หากคิดมาเป็นลูกชายในฐานะลูกเขย จนวันนี้ พลยังทำสำเร็จ ต่อให้คุณขจรเห็นดี เธอนี่แหละจะหนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ย่ากลับบ้านเองได้ บ้านก็บ้านของย่าเอง พี่พลไม่ต้องกลัวย่าเบี้ยวนัดหรอกค่ะ”

“เมื่อไหร่น้องย่าจะมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้าง” พลดักทางทราบเหตุผลที่แท้จริงดี ยิ่งเวลาผ่านมานานมากขึ้น อิศยายิ่งตีตัวออกห่าง เขาว่าไปทาง อิศยาก็จะเลือกอีกทาง “พี่ปรารถนาดีต่อน้องย่าทุกอย่าง”

ความรู้สึกผิดวูบหนึ่งแล่นเข้ามาทำร้ายอิศยา ในความนึกคิดของหญิงสาว พลเป็นพี่ชายที่ดีมากคนหนึ่ง เขาทุ่มเทที่จะดูแลสารทุกข์สุขดิบของเธอได้ไม่ขาด แต่ว่า...อิศยากลับรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่พลต้องการมากกว่านั้น การได้พบกับพลมาตั้งแต่เกิด ทำให้อิศยามองเขาเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ

“เว้นที่ให้ย่าได้มีโลกของย่าบ้างได้ไหมคะพี่พล ย่าไม่ใช่เด็กที่พี่พลต้องตามติดทุกย่างก้าว...พี่พลก็น่าจะรู้ว่าย่าไม่ชอบชีวิตที่ทำให้ย่าอึดอัดขยับตัวไม่ได้ แต่พี่พลชอบทำให้ย่ารู้สึกแบบนั้น”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง อิศยาไม่คิดว่าในที่สุดเธอจะกล้าเผยความคิดออกไป แต่เสี้ยวหนึ่งยังย้ำเตือนเสมอ ถ้าคนที่ได้ฟังเป็นคนที่รู้สึกพิเศษต่อเธอ คำพูดของเธอไม่ต่างจากการทำร้ายจิตใจของคนๆ นั้น

“พี่ขอโทษ...พี่แค่เป็นห่วง”

เสียงอ่อย และน้ำเสียงที่บอกชัดว่ารู้สึกผิดจริงๆ สร้างความรู้สึกผิดให้อิศยาได้มากมายไม่น่าเชื่อ ไม่ว่ายังไงสำหรับเธอ พลย่อมเป็นพี่ชายที่ดีมากคนหนึ่ง ที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำผิดต่อเธอด้วยซ้ำ นอกจากคอยกำกับเธอ ตรวจตราทุกครั้ง นี่ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย พลที่กำลังคร่ำเคร่งกับการเตรียมจัดการอาหารชั้นเลิศหรูในงานระดับชาติ เก็บตัวอยู่พักใหญ่ พอเรื่องของเธอไประแคะระคายหูเข้า ไม่วายตามตรวจสอบความเป็นไปของเธอทุกย่างก้าว

“พรุ่งนี้เจอกันนะคะ...พี่พลไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ยังไงพี่พลก็เป็นพี่ชายที่ดีของย่าเสมอ ย่าขอบคุณที่คอยห่วงย่านะคะ”

ให้ตายสิ...สุดท้ายเธอก็ทำร้ายจิตใจของพลให้เจ็บหนักไมได้ อิศยาเก็บโทรศัพท์ด้วยความไม่สบายใจ รู้ว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อนง่ายๆ อย่างนี้เสมอ แต่เรื่องให้ทนกับสิ่งที่ไม่ชอบ อิศยาก็ไม่นึกทน

ถึงได้อยู่ทนให้พลมีความหวังลมๆ แล้งๆ โดยไม่จำเป็น ผู้ชายที่อายุเฉียดเลขสามแบบพี่พล ควรได้พบใครแบบจริงๆ จังๆ สักที
ว่าแต่ใครคนนั้น จะไม่มีวันเป็นเธอ อิศยามั่นใจ...

“ก็ดูรักกันดี...” อิศยาหันขวับ สายตาขุ่นข้องกับคนอุกอาจแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์...เขาต้มมารยาทกินบ้างหรือเปล่า

คนอะไรผีเข้าผีออก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย...ไม่เจอกันหลายวัน นิสัยเป็นคนแก่วัยทอง ตอนบ่ายแก่ๆ เขายังเป็นผู้ชายสุภาพบุรุษ มาตอนนี้กลายเป็นชายหน้าบึ้งเป็นหมีกินผึ้ง อะไรก็ไม่เข้าตาเสียได้ ไม่ทราบว่าสาเหตุหลักจะมากเธอด้วยหรือเปล่า...คงไม่หรอก อิศยานึกปัดปัญหาออกไปจากหัว สำนึกได้ว่าเธอไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับปัณณ์แม้แต่น้อย

“จะเข้าไปข้างในอีกทำไม...ปล่อยให้น้องชายผมได้อ่านหนังสือบ้าง” ไม่พูดเปล่าเอาร่างของตัวเองขวางประตูร้านไว้อีกชั้นหนึ่ง

อิศยาเองเริ่มรู้สึกอยากโกรธชายหนุ่มขึ้นมาบ้าง สัญชาตญาณบอกว่าปัณณ์ตั้งใจหาเรื่องรวนเธอ...”งั้นฝากบอกปูนด้วยนะคะว่าขอให้โชคดีตอนสอบ ไว้กลับมาฉันจะมาทำเสบียงให้ใหม่...ไม่สิ คนแถวนี้น่าจะถือโอกาสกินข้าวนอกบ้านอีกหลายๆ รอบ จะได้ไม่มีเวลามาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ ฉันก็ไม่ต้องเสียแรงทำ” หมุนตัวกลับ เดินจากไปทางหอพักที่พักอยู่ด้วยอารมณ์ไม่ปกตินัก...ไม่ทันสังเกตว่าตัวเองเผลอประชดเรื่องที่เขาออกไปทานข้าวกับองศาเข้าแล้ว

“ผมไม่ใช่คนส่งสารของใคร” ไม่พูดเปล่า ปัณณ์เลือกเดินตามอิศยา ก่อกวนอารมณ์คนนำหน้าให้ขุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“คุณจะเดินตามมาทำไม”

“ผมไม่ได้เดินตามคุณ ผมกลับห้องผมต่างหาก” ปัณณ์ยิ้มมุมปาก ซ่อนรอยยิ้มขำในความมืด เห็นอาการผู้รุกรานโดนก่อกวนกลับ รู้สึกรื่นเริงขึ้นมา...แต่นึกอีกมุม อิศยาก็ชอบทำตัวน่าถูกตี ผู้หญิงอะไรชอบออกมาข้างนอกมืดค่ำ อันตรายเยอะแยะไม่รู้จักกลัวเกรงบ้าง เจอกันครั้งแรก ก็ก๋ากั่นปีนหลังคา ดึกดื่นแบบนั้นถ้าตกลงมาจะมีใครช่วยทัน

“พรุ่งนี้เจอกัน” ปัณณ์เดินผ่านประตูห้องพักของอิศยาไป พูดทิ้งไว้กับฟ้ากับฝน แต่อิศยายิ่งตีหน้ายักษ์

“ใครจะไปอยากเจอ พรุ่งนี้ฉันไม่อยู่รกหูรกตาคุณหรอก” ไขประตูห้องตัวเองเข้าไป ไม่ทันเห็นว่ามีรอยขำในแววตาของปัณณ์ ชายหนุ่มมองประตูห้องของคนที่ช่วงนี้มักมาก่อกวนในความคิดของตนบ่อยๆ ส่ายศีรษะให้กับตัวเอง

รู้ดีว่าพรุ่งนี้ ไม่ว่ายังไงเขาต้องพบอิศยาอีกแน่...และก็คงจะพบพี่ชายที่แสนดีของเจ้าหล่อนด้วย นึกมาถึงตรงนี้ ดวงตาของปัณณ์นิ่งแข็งขึ้น

สิ่งที่ชายหนุ่มรู้อย่างเดียวก็คือ...เขายอมให้อิศยาหวั่นไหวกับใครอื่นไม่ได้เด็ดขาด โดยไม่คิดหาที่มาที่ไปว่าทำไมตนถึงรู้สึกแบบนั้น


‘พี่มารับย่า ตอนนี้รออยู่ข้างล่าง...ย่าจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปกับคนอื่น วันนี้พี่ก็กลับบ้านอยู่แล้ว’

ผู้ชายอะไรดื้อเป็นที่หนึ่ง...อิศยาถอนใจเฮือกยาว เก็บกล่องของขวัญขนาดกะทัดรัดใส่ไว้ในเป้ นึกถึงประโยคที่เธอพูดให้พลฟัง รายนั้นเหมือนจะเก็บไปคิดพินิจได้ไม่ถึงนาที เช้านี้ถึงได้รีบมาทำหน้าที่ตัวเองไม่ให้ขาด

สาวเสื้อยืดสีดำแขนกุด ทับเสื้อยีนส์แขนยาวพับแขนถึงศอก กระโปรงวินเทจลายดอกไม้ยาวเลยเข่า กับรองเท้าหุ้มข้อสีขาวสะอาดใหม่เอี่ยมเหยียบพันที่อิศยาไปช็อปแก้เบื่อไม่กี่วันก่อน ผมยาวปล่อยเคลียร์หลัง หมุนตรวจความเรียบร้อยหน้ากระจก ใบหน้าเนียนใสวันนี้ลงแป้งอ่อน เน้นความใสธรรมชาติอย่างที่อิศยานึกชอบ ปากอมชมพูเหยียดเป็นรอยยิ้มเมื่อพอใจกับรูปลักษณ์พร้อมกลับบ้าน

ประตูเปิดออก อิศยาแทบหงายตึง ยิ่งกว่าโดนผีหลอก ปัณณ์ชะงักมือค้างเตรียมเคาะประตูห้องไว้ ห่างจากตำแหน่งหน้าผากอิศยาไม่ถึงคืบ ปัณณ์ลดมือลง สำรวจการแต่งตัวที่บอกถึงวาระพิเศษ และเป้บนหลัง

“ผมจะถามแค่คำถามเดียวถึงจะปล่อยคุณไป” ปัณณ์จ้องอิศยาไม่วางตา เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ “คนข้างล่างที่มารอคุณ คุณเต็มใจไปกับเขาหรือเปล่า”

“เอ๊ะ?”

“คุณเต็มใจไปกับเขาไหม...อึดอัดใจหรือเปล่า” ปัณณ์ยิงคำถามใส่สาวเจ้าของห้อง อิศยารับฟัง กระพริบตากลมโตปริบๆ ไม่เข้าใจว่าคำถามนี้มีจุดประสงค์เพื่ออะไร

“ฉันกับพี่พลเรารู้จักกันค่ะ...แล้วการที่ฉันเต็มใจไม่เต็มใจไป เกี่ยวอะไรกับคุณ” อดใจย้อนถามกลับไปไม่ได้ เวลานี้ในหัวสมองของเชฟทำขนมอัดแน่นไปด้วยเครื่องหมายคำถาม มองเจตนาของผู้กุมชะตาร้านของเธอไม่ออก

“เต็มใจกับไม่เต็มใจ” สายตากดดันจากปัณณ์กำลังบอกกรายๆ ให้อิศยาจงพูดความจริง หากเธอบิดพลิ้ว หรือโกหก เขาย่อมรู้
อิศยาเบือนหน้าหนี เลือกคำตอบที่สบายใจที่สุด “ถ้าในฐานะพี่ชายฉันไม่ลำบากหรอกค่ะ...แต่ถ้าในฐานะอื่น ฉันไม่เต็มใจ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี...เราคงตกอยู่ในสถานะเดียวกัน” แม้ปัณณ์จะไม่ได้ยิ้ม แต่อิศยารู้สึกว่าการมองดวงตาเรียวแววตานิ่ง และมุ่งมั่นของเขา เหมือนมีบางอย่างบอกเธอว่า...เขาพอใจในคำตอบ

“ยังไงคะ”


นี่มันเรื่องบ้าอะไร...ยิ่งกว่าการมีไดโนเสาร์มาเดินกลางยุคปัจจุบันเสียอีก ตอนนี้ให้พระอาทิตย์เปลี่ยนทิศขึ้น อิศยาก็คงสนใจน้อยกว่าเรื่องที่ปัณณ์ขอ

‘ผมช่วยคุณ คุณก็แค่ช่วยผม’

‘คุณจะมาช่วยอะไรฉันคะ’

‘เป็นแฟนกัน...’ อิศยาจำได้ว่าเธอรู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงด้วยเครื่องเล่นให้พุ่งไปสู่จุดสูงสุด และร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก พุ่งชนสิ่งกีดขวางจนแทบยืนไม่อยู่ด้วยประโยครักษาหน้าของปัณณ์ ‘ผมช่วยคุณเรื่องผู้ชายของคุณ คุณก็มาช่วยปัญหาของผม’

อิศยาโกรธที่ตัวเธอเผลอคล้อยตามไปกับประโยคหลอกลวงของปัณณ์...สุดท้ายก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง

“เธออีกแล้วเหรอ เมื่อวานออเซาะพี่ปั้นไม่พอสิท่า” เสียงแหลมห้วนดังปลุกความคิดของอิศยาให้กลับมาหยุดที่บริเวณลานจอดรถของหอพักอีกครั้ง ภาพบุคคลสองคนที่ปัณณ์ว่าไว้ยืนไม่ไกลห่างกันนัก คนหนึ่งก็ยังเป็นสาวผมซอยสั้นสวมหมวกปีกกว้างสีเขียวมะนาว เสื้อเชิ้ตผ้าป่านสีเหลืองลายจุด กระโปรงสีชมพูบานพลิ้วสั้นคาดด้วยเข็มขัดเส้นโต ปิดด้วยรองเท้าส้นตึกสีม่วงเข้ม

อิศยาไล่มองชุดขององศาไปต้องกลั้นหัวเราะไว้สุดความสามารถ ประโยคหาเรื่องกวนอารมณ์อิศยาให้ขุ่นไมได้เลย ก็ดูชุดจัดจ้าน เหมือนเส้นซาหริ่มเดินได้แบบนี้ เป็นเธอเธอเลือกเฉิ่มเชยเป็นคนตกเทรนด์ดีกว่านำสมัยก้าวหน้าสังคมแบบคนตรงหน้าล่ะ...ล้ำจนเธอไม่คิดตาม

“ไม่ต้องออเซาะเขาก็เดินตามฉันต้อยๆ นะคะ...จริงไหม” อิศยายิ้มหวานยิงฟันใส่ปัณณ์ที่เกือบรับมุขตามไม่ทัน ปัณณ์เหลือบมองหน้าลูกพี่ลูกน้องด้วยความรู้สึกที่ตัดสินใจ

“ครับ”

“พี่ปั้น...น้องย่า” สองเสียงประสานชื่อคนของแต่ละฝ่ายด้วยความไม่พอใจ องศามองพลเหมือนมนุษย์เสื้อเชิ้ตขาวสุดธรรมดาตรงหน้าที่เจอกันมาเกือบชั่วโมงไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ กำลังเป็นบุคคลที่เธอต้องจับสังเกตขึ้นมาบ้าง

“น้องย่า พี่ว่าพี่กับน้องย่าเราต้องคุยกัน กลับบ้านพร้อมพี่เดี๋ยวนี้ คิดบ้างไหมว่าถ้าอาตารู้เรื่องนี้จะเกิดอะไรขึ้น ไหนจะที่น้องย่าพักที่เดียวกับผู้ชายคนนี้อีก น้องย่ากำลังทำให้พี่รู้สึกผิดหวัง อาตาเองก็คงรู้สึกแบบนั้น”

พลจบคำ เกือบกระโดดมาคว้าแขน ชิงอิศยาไปไว้ข้างตัว ถ้าไม่เพราะคนตัวสูงที่เดินลงมาก่อนหน้าแล้วครั้งหนึ่ง คุยกับผู้หญิงอีกคน ไม่ได้มีวี่แววว่าจะข้องเกี่ยวกับอิศยาสักนิด แต่ผลที่ออกมาทำให้โลกของพลกลับพลิกไป

อิศยาที่เขารู้จักไม่มีวันยอมให้ผู้ชายแปลกหน้าโอบไหล่ไว้แบบนี้แน่...

“พี่พลดูถูกย่าจบแล้วใช่ไหมคะ” อิศยาเชิดหน้าขึ้น กำมือจิกเล็บเข้าเนื้ออดกลั้น แสร้งเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ทั้งที่ในใจกรุ่นจวนจะเต้าเร่า อิศยารู้สึกชากับประโยคที่ฟาดเสี้ยวหน้าเธอให้หันไปได้หลายต่อหลายครั้ง พอกันทีกับความเกรงใจ...พี่ชายที่เธอนับถือ ไม่เคยรู้จักกันจริงๆ อย่างที่เคยนึกมา “ไปกันเถอะค่ะพี่ปั้น...ย่าจะนำทางไปเอง”

“นี่เธอจะเอาพี่ชายฉันไปไหน”

“พอทีเถอะองศา กรุณาให้เกียรติคนสำคัญของพี่บ้าง องศามาเองได้ก็กลับเองได้ใช่ไหม วันนี้พี่มีธุระ” ตัดบทสนทนาด้วยการเดินโอบคนตัวบางไปในรถลัมโบร์กินีสีบลอนด์ ที่ใกล้ตัวสุด อิศยาไม่ได้พินิจถึงความหรูหรา ราคาแพงของมันสักนิด ในตอนนี้แค่ควบคุมให้เธอไม่ใช้สายตาฟาดฟันใส่พลด้วยความโกรธจัด อิศยาแทบไม่รู้สึกอะไรอีก

องศาส่งเสียงร้องในลำคอขัดใจ มองรถของปัณณ์วิ่งผ่านหน้าไป ตรงข้ามกับใครอีกคนที่ยืนนิ่งงัน “นี่คุณ...ไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือไง ผู้หญิงคนนั้นลากพี่ชายฉันไปไหนแล้ว”

“พี่ของคุณต่างหากที่ลากน้องย่าไป” พลตอกกลับมาเรียบๆ เดินไปประจำที่รถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดของตัวเอง ไม่ได้ราคาแพงอย่างที่อิศยาเพิ่งนั่งไป สตาร์ทรถเตรียมเคลื่อนออกจากใต้ตึกหอพัก ประตูหลังเปิดออกโดยเร็ว...แม่สาวสุดมั่น

พลไม่รู้สึกสนุกกับการถูกสายตาเหยียดหยาม หรือมาหาข้อคัดค้านขวางเจ้าหล่อนอีก

“นี่ฉันต้องทนนั่งกระป๋องเหรอนี่...แต่ถ้ากระป๋องของนายพาฉันไปทวงพี่ปั้นจากหญ้าเน่าได้ ก็รีบพาไปซะ”

“ประทานโทษนะครับ ถ้าเรียกน้องย่าแบบนั้น ไปหารถสาธารณะขึ้นดีกว่า แค่คุณไม่ให้เกียรติผม ไปขึ้นนั่งข้างหลังก็มากพอแล้ว ยังมาว่าผู้หญิงที่ดูดีกว่าคุณอีก หรืออีกอย่างก็ช่วยนั่งเงียบๆ ไม่พูดเลยดีกว่า ผมไม่อยากหนวกหู”

“นี่นาย!”

“รถผมไม่รับนกหวีดสีรุ้งขึ้นรถนะครับ”

และนกหวีดสีรุ้งก็ได้ส่งเสียงสำแดงฤทธาให้คนขับหูชานานนับนาที


รถสองคันลับตาไป หนุ่มทั้งหกที่แอบส่องมาจากขอบกำแพงของตัวหอพักชะโงกหน้าออกมาด้วยความโล่งอก คนต้นคิดแผนการสุดแสนวุ่นวายปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ใบหน้ามีรอยยิ้มสมใจ

“ดีนะที่ขอความช่วยเหลือพี่ปั้นไว้...ทีนี้ล่ะยัยองศาเดือดได้รู้ที่ของตัวเองสักที ย่าเองก็จะไม่อึดอัดกับคนที่ไม่ได้ชอบ” ปุณณ์ยิ้มไม่หุบ บทสนทนาของคนสี่คนมีหูหกคู่ร่วมฟังด้วยตลอดเวลา

จะว่าไป นับตั้งแต่วันที่อิศยาทำเครปขาย รับรู้ว่าตนเองต้องไปร่วมงานวันเกิด งานที่มีบุคคลต้องห้ามสำหรับอิศยาอยู่ตั้งหนึ่งคน ผู้ชายคนนั้นชื่อ พล...จากรูปลักษณ์ภายนอก ดูไม่ได้โหดร้าย แต่จากวาจาที่ได้ยิน ปุณณ์รู้สึกว่าเขามักคาดหวังหลายๆ อย่างจากอิศยาอยู่เสมอ พอผิดหวัง คำพูดที่ออกมา ไม่สนว่ามันจะทำร้ายจิตใจคนฟังมากน้อยแค่ไหน

ปุณณ์มั่นใจว่าอิศยาต้องโกรธมากแน่...

“ยิ้มไม่หุบเชียวนะไอ้ปูน” เพื่อนร่างเล็กสุดในกลุ่มพูดกระเซ้า

“แน่สิ...เป็นนิมิตหมายที่ดี” ตาเล็กยิ้มเป็นเส้นขีดเดียว ไม่เสียแรงที่เขาโทรไปอ้อนวอนกับแผนการนี้

‘พี่ปั้น...ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องให้พี่ช่วยหน่อย’ ยกหูโทรศัพท์คุยกับผู้เป็นพี่ที่ต้องไปนั่งทำงาน ไม่ได้กลับหอพักนานหลายวัน

‘มีอะไร...ไม่สำคัญก็ไม่ต้องบอก’ ปุณณ์ยิ้มกริ่ม เสียงปลายสายถึงจะหงุดหงิด แต่ครั้งนี้ ถ้าปัณณ์ได้ยินขื่อใครอีกคนแล้วมีอาการล่ะก็ ติดกับดักโดนปูนฉาบติดกำแพงหาทางออกไม่ได้แน่

‘เรื่องของย่าเขา’

‘ฉันจำเป็นต้องรับรู้เรื่องของคนที่มาปั่นป่วนชีวิตสงบของฉันด้วยหรือไง’

‘ก็ตามใจพี่นะ...แต่ย่ากำลังโดนคนสำคัญตามติด ถ้าคนๆ นั้นพยายามทุกวันล่ะก็ น้ำหยดลงหิน หินมันยังกร่อน หัวใจของคนก็คงไม่ต่างกันว่าไหม...การกลับบ้านครั้งนี้ ในเวลาที่มีปัญหากับที่บ้าน หันหน้าพึ่งใครไม่ได้ ย่าอาจพบว่าใครคนนั้นอยู่เคียงข้างเขาเสมอมา’

คนช่างยุสร้างเรื่องได้ยาวเหยียด ไม่วายโยนระเบิดเวลาลงไปให้นาทีแห่งการตัดสินใจของปัณณ์สั้นลง ‘ผมไม่อยากให้ผู้หญิงที่ผมรู้สึกพิเศษด้วยตกไปในมือของคนอื่น ถ้าไม่ใช่พี่ปั้น ผมก็ไม่ไว้ใจใครหน้าไหนอีก พี่คิดว่าถ้าผมไม่มีสอบผมจะไม่ไปเหรอ’ โกหกพกลมด้วยสุ้มเสียงเอาจริงเอาจัง ในตอนนั้นปุณณ์ไม่รู้หรอกว่าปัณณ์คิดอย่างไร เพราะตัดสายไม่ฟังระเบิดอีกหลายๆ ลูกที่ปุณณ์เตรียมไว้แกล้ง
คนแบบปัณณ์ถ้าไม่มีระเบิดไปทำให้คลื่นน้ำสงบแตกตัว ผู้ชายคนนี้ก็จะยังไม่เริ่มแสดงตัว เปิดเผยความรู้สึกนึกคิดออกมา ตนก็แค่สร้างตัวเร่งให้เท่านั้น

วันนี้มันได้ผล...”ตามสัญญาที่ว่าไว้เมื่อวาน ใครอยากกินอะไรสั่งเดลิฟเวอร์รี่เต็มที่ ป๋าเลี้ยงไม่อั้น”

“จะมั่นใจได้เร้อ สุดท้ายถ้าแผนจับคู่ไม่สำเร็จล่ะ” เพื่อนตัวสูงโย่ง ยืนหลังสุดส่งเสียงถาม

“พวกนายก็ต้องเอาเงินมาเลี้ยงฉันคืน กินอะไรไปเท่าไหร่จ่ายคืนเท่าเดิม ยกเว้นว่าจะช่วยสนับสนุนพี่ปั้นกับย่าไปจนจบ” ปุณณ์จอมวางแผนผิวปากหวือเดินกลับไปร้านหนังสือ อารมณ์รื่นเริงกับความสำเร็จขั้นแรก ถึงต้องแลกด้วยความหวาดระแวงจากปัณณ์ หากฝ่ายนั้นจะเริ่มคิดอะไรกับอิศยาเกินผู้รุกรานทั่วไปจริง อาการย่อมออก...เวลาพี่ชายขี้เก๊กหลุด น่าดูน้อยเสียที่ไหน เขาเองก็เฝ้าหวังต่อไปให้คู่รักกำมะลอ เป็นคู่รักจริงๆ ในสักวัน

อิศยา...เป็นเพื่อนใหม่ที่เขาถูกใจนิสัยหญิงแกร่งของฝ่ายนั้น บางอย่างในความรู้สึกของปุณณ์เชื่อ ว่าอิศยาจะมาเปิดโลกแคบๆ หม่นๆ ของปัณณ์ได้สำเร็จ


..................................................................................................

บทนี้มายาวหน่อย เปิดตัวพี่พลอย่างเป็นทางการ หลังจากกล่าวถึงมาในหลายตอน พล พรพิรุณ องศา เป็นตัวละครสำคัญค่ะ และปูน ผู้สนับสนุนปั้นย่าอย่างเป็นทางการ ฮาาา

คุณ Auuuu ชื่อองศาครั้งแรกที่ได้ยินก็ชอบเหมือนกันค่ะ เป็นชื่อหลานสาวของเพื่อน (ไปเอาชื่อเขามาอีก) เลยเอามาแปะในนิยายเสียหน่อย ปัณณ์จะออกอาการอีกเยอะไหม แล้วย่าจะออกอาการรักเมื่อไหร่ รออ่านนะคะ :)

คุณ ariesleo เม้นท์แบบไหนก็ได้ค่า ยิ่งรู้สึกดีใจที่ชอบเรื่อนี้ขนาดนี้ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ ที่อ่านแล้วมีความสุข คนเขียนก็มีความสุขค่ะ :D

คุณ icewinter องศาเป็นตัววุ่นวายที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ ต้องคอยดูว่าองศาจะทำอะไรย่าหรือเปล่า หวงพี่อย่างกับหวงแฟน ฮาา

คุณ ร้อยวจี ขออัพวันละตอนนะคะ ตอนนี้ต้องปั่นเพิ่มแล้ว ใกล้หมดสต็อก ฮาาา ตอนนี้มาแบบยาวหน่อย ขอบคุณที่ชอบนะคะ

ขอบคุณทุกเมนท์ทุกไลค์ค่า :)



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2556, 12:47:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2556, 12:58:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1566





<< องศา(เดือด)   ไปให้ไกลเท่าที่ขาสองข้างจะเดินไปได้... >>
ariesleo 26 ก.ย. 2556, 13:57:37 น.
สมกับที่มารอแต่เช้า 555


Auuuu 26 ก.ย. 2556, 14:44:52 น.
คุณพระเอกกกก ออกอาการมากเลยนะจ้ะ 5555


lookpud 26 ก.ย. 2556, 21:26:18 น.
พี่ปั้น น้องย่า น่ารักคะ


icewinter 26 ก.ย. 2556, 22:17:16 น.
บวกแรกยุจากปูน พระเอกเริ่มแสดงตัวละคะ แต่สงสารย่ามากๆ ไม่รุจะเจอเรื่องไรอีกเมื่อกลับไปถึงบ้าน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account