Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: ไปให้ไกลเท่าที่ขาสองข้างจะเดินไปได้...

ลัมโบร์กินีสีบลอนด์ขับอวดสายตาชาวสวนชาวไร่ ลูกเด็กเล็กแดงได้หันคอตามจนเคล็ดกันไปข้าง อิศยากลั้นหัวเราะหน้าดำหน้าแดง ไม่คิดว่าการบอกทางให้ปัณณ์ขับตาม ถึงเป็นเส้นทางอ้อมโลก จากบ้านเธอขนาดไปต่างอำเภอ เจ้าของรถราคาแพงก็ยอมเชื่อ ทำหน้านิ่งไม่รับรู้สายตาชาวบ้านชาวช่องนอกรถที่ต่างส่งเสียงแตกตื่นกับรถนอกจากฝั่งกระทิงดุเป็นแถว

“เลี้ยวซ้ายสิคุณ เลี้ยวขวาทำไมก็ไม่รู้” คนแกล้งถ่วงเวลาหน้าเริ่มเผือด เลือดหายไปจากหน้า ถ่วงเวลามาได้สองสามชั่วโมง รถก็เลี้ยวกลับเข้าทางไปในเมืองนครปฐม กล่องขนมเปี๊ยะไข่เค็มเจ้าดังจากอำเภอบางเลนนอนแน่นิ่งหลายกล่องบริเวณที่วางของด้านหลัง "ฉันยังอยากกินไข่เป็ดอีก”

“สิบเอ็ดโมงแล้วนะคุณ ผมให้เวลาคุณทำใจก่อนไปพบพ่อมากพอแล้ว” เสียงเรียบเรื่อยไม่บอกว่ารู้สึกอะไร

แต่จากรูปประโยค ใจความของมันซึมซับสู่ใจอิศยาอย่างไม่น่าเชื่อ ความใส่ใจของเขาที่พาเธอตระเวนไหว้พระวัดดังหลายวัดริมแม่น้ำท่าจีน ซื้อของขึ้นชื่อจากต่างอำเภอ ดูชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านที่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองซึ่งประกอบอาชีพทำสวนทำนาเป็นหลัก...ทั้งเขาพาเจ้าลัมโบร์กินีเผชิญฝุ่นลูกรัง หลุมบ่อตามถนนในหมู่บ้าน ก็เพื่อให้เธอมีเวลาเตรียมใจ

หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อว่าเขาคือคนเดียวกับผู้ชายโลกส่วนตัวสูงคนนั้นเลยจริงๆ...ผู้ชายที่เอาแต่เรียกเธอว่าผู้รุกราน แต่การกระทำหลายๆ อย่าง เริ่มบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้รำคาญอย่างที่คิดมา

หรือว่า...ปัณณ์จะเก็บซ่อนความรู้สึกรำคาญไว้ เพราะยังมีประโยชน์ในการเอาเธอมาบังหน้าญาติผู้น้องของเขา ริมฝีปากที่เกือบจะยิ้ม ในช่องอกเกือบวูบไหวพลันหายเป็นปลิดทิ้ง ตีสีหน้าเรียบสนิท

“ขอโทษที่ทำคุณเสียเวลานะคะ” เบือนหน้า ไม่ให้แม้แต่หางตาเห็นคนขับ ซุกซ่อนความน้อยใจทางสายตา ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเธอเกิดอารมณ์ไม่อยากเห็นหน้าเขาแบบไร้เหตุผลขึ้นมาได้

อิศยาพยายามควบคุมอารมณ์ให้ปกติ ไม่ฟุ้งซ่าน ขับไล่คามรู้สึกสับสนวุ่นวายในอก รถที่แล่นเข้าเมืองปรากฎยอดเจดีย์สีส้มใหญ่ห่างออกไป สถานที่ยิ่งใหญ่ สัญลักษณ์แห่งการเผยแผ่ศาสนาพุทธในประเทศไทยที่แรก ดังชื่อจังหวัด นครปฐม ปฐมแห่งพุทธ

“ร้านของพ่อคุณอยู่ทางไหน”

“ไหว้พระกันก่อนได้ไหมคะ” ประกายตามีความหวัง ในใจกระหวัดให้เวลาอันน่าตระหนกกับการพบคุณขจรเลื่อนออกไปอีกนิด

“เด็กเขาชอบหนีความผิด...แต่ถ้าคนโต เขาต้องแก้ไขสิ คุณเป็นเด็ก หรือโต คุณอิศยา คุณต่อสู้เพื่อความฝันของคุณสุดใจ ทนตากแดด หน้าซีดขายเครป ปีนหลังคาก็เคย แต่กับพ่อที่คุณเคารพรัก ผู้ชายที่ถ่ายทอดฝีมือให้คุณ คุณกลับมานั่งใจฝ่อ อ่อนแอแบบนี้ ถ้าพ่อคุณเจอคุณคิดว่าพ่อของคุณจะเชื่อในสิ่งที่คุณพยายามเพื่อฝันของคุณหรือเปล่า องอาจให้เหมือนกับตอนที่คุณกล้ามาหาผม แบบที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปสิ...คุณผู้รุกราน”

เหมือนชมให้ตายใจ แล้วผลักเธอตกตึกจากชั้นสูง...ผู้ชายอะไรช่างเปรียบเปรย อิศยามองค้อนเข้าให้ แต่ในใจกลับเปิดรับฟังสิ่งที่ปัณณ์พูดไว้ทั้งหมด และน่าตกใจ ทุกครั้ง คำพูดของปัณณ์กระตุ้นความคิดของเธอได้เสมอ

เขาลงสาลิกาลิ้นทองไว้โดยที่เธอไม่รู้หรือเปล่า...

“สี่แยกข้างหน้า เลี้ยวขวาเลยนะคะ...ฉันไม่ถ่วงเวลาเป็นเด็กแน่ค่ะ” จงใจย้ำ คิ้วเรียวบางเลิกขึ้น ท้าทายความเชื่อของปัณณ์แบบที่สุด
คนขับกิตติมศักดิ์ส่ายหัวให้กับมุมเด็กอยากเอาชนะของอิศยา หัวเราะในลำคออารมณ์ดี ฟังเสียงเจื้อยแจ้ว นำทางอย่างถูกต้อง ไม่ให้สับสนกับการสัญจรเส้นทางเดียวรอบบริเวณตัวองค์พระปฐม พระโลหะทองเหลืองสูงเด่นสง่าท่าปางห้ามญาติเหนือบันไดหลายขั้นมีผู้สักการะ หิ้วตะกร้าเดินขึ้นไปด้านบนหลายคน

อิศยามองรถที่ไม่ต้องบอกนำเส้นทางเลี้ยวเข้าจอดเทียบหน้าที่หมาย เพราะป้ายร้านขนมคุณตาสีขาวสะอาด ตัวอักษรสีเหลืองเกือบส้ม เด่นสะดุดตาในระยะไกล อยู่ตรงข้ามกับประตูฝั่งพระร่วง ที่ใครผ่านไปผ่านมาต้องเหลียวมองอย่างสนใจ เนื่องจากจำนวนคนเข้าร้านมีมาเรื่อยๆ ไม่ได้ขาด เป็นร้านขนมขึ้นชื่อของจังหวัด ออกโทรทัศน์ก็หลายช่อง

ตึกสี่ชั้นสามคูหา บนชั้นสามของตัวตึกเป็นห้องพักประจำของเธอ ในเวลาทุ่มเทคิดค้นเมนูใหม่ๆ ออเดอร์เข้าร้านมามาก ที่นี่อิศยานอนพักอาศัยมากกว่าที่บ้านจริงๆ เสียอีก...อิศยาไล่สายตามองขึ้นไปอย่างคิดถึง ดวงตาสะท้อนหยาดน้ำจางๆ ที่เจ้าตัวอดทนกลั้นไว้ไม่ให้ขวัญกำลังใจของตัวเองเหือดหายไมปากกว่านี้

ปัณณ์มองเสี้ยวหน้าขาวใสดูละมุนตาขึ้น แววตาที่บอกว่า เธอกลับมาแล้ว ของอิศยาบอกชัดได้ดีแบบไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ถึงไม่ได้อยากจะขัดเวลาดื่มด่ำความรู้สึกคิดถึงของอิศยา แต่หากไม่เร่งรีบ เกรงว่าผู้หญิงผมซอยสั้นที่กำลังนั่งอยู่ในร้านด้วยชุดสะดุดตาที่ตอนนี้เห็นรถของตนแล้วจะบุกมาถึงในเวลาอันใกล้

“ละครเริ่มเล่นแล้ว จะเลิกตอนนี้ก็ไม่ได้”

“หมายความว่าไงคะ” อิศยาดึงสายตากลับมายังผู้พูด เครื่องหมายคำถามสงสัยเต็มหน้า

“เป็นปลาทองหรือไงคุณ...เรื่องที่หลอกว่าเป็นแฟน ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าพวกเราเล่นละครตบตา” ปัณณ์กดล็อกอัตโนมัติไม่ให้องศาเปิดประตูเข้ามาล่วงรู้ความลับระดับสูงไม่ได้เด็ดขาด ปัณณ์ปล่อยให้องศาเคาะกระจกรถไปด้วยความหงุดหงิด

“มาขนาดนี้ฉันก็ต้องเล่นไปตามเกม...แต่คุณระวังตัวให้ดีเถอะ เพราะพ่อฉันเอาคุณตายแน่” คนถูกเรียกปลาทองขู่ฟ่อ สีหน้าไม่ได้ดีขึ้นจากเดิม รู้ฤทธิ์คุณพ่อผู้หวงลูกสาวเป็นอาชีพดี ขนาดพลที่เพียรจีบ ใช่ว่าจะผ่าน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอปฏิเสธพลเด็ดขาด ไม่รับเขาเป็นฐานะอื่นนอกจากพี่ชาย คุณขจรอาจจะสั่งห้ามพลยุ่มย่ามกับเธออีก ครั้งหนึ่งอิศยาจำได้ว่าพ่อบอกกับเธออย่างสบายใจถึงเรื่องพลว่า

‘พ่อรู้ว่าถ้าย่าไม่ชอบอะไร ย่าก็จะไม่สนใจ พ่อถึงวางใจเรื่องพลได้ คบไว้เป็นพี่ได้ แต่อย่างอื่นอย่างเพิ่งเลย อยู่กับพ่อ เป็นลูกสาวที่น่ารักของพ่อดีกว่า อีกอย่าง พ่อนึกไม่ออกจริงๆ ว่าลูกสาวของพ่อเวลารักใครจะเป็นแบบไหน เพราะพ่อเองก็ยังไม่อยากให้มี’

ที่ผ่านมาอิศยาไม่เคยถูกใจใคร ไม่เคยให้ใครเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงกับขจร แต่กับปัณณ์ เขาเต็มใจเอาตัวมาวุ่นกับเรื่องหลอกๆ ครั้งนี้ ทั้งที่มีสิทธิ์เลือกไม่สนใจเรื่องของเธอก็ได้ อิศยาบอกไม่ถูกว่าดีใจกับเหตุผลของเขาดีหรือเปล่า ที่แน่ๆ ความรู้สึกหนึ่งชัดเจนก็คือ เธอห่วงเขา...ใครที่เคยเจอคุณขจร เรื่องอะไรก็ดีหมด ยกเว้น เรื่องหวงลูกสาวเข้าเลือด เหมือนที่ปัณณ์มีองศา น้องสาวที่หวงพี่ไม่ต่างกัน

“ถ้าผมหัวแตก คุณจะพยาบาลผมหรือเปล่า”

“เอ๊ะ?” อุทานแปลกใจ ดวงตาของปัณณ์มีแต่ความสุขุมและรอคอย

“เงียบแบบนี้ผมคงไม่ปลอดภัย”

“ตราบใดที่ฉันยังอยู่...ฉันคนนี้” ชี้นิ้วเข้าหาตัว รอยยิ้มระบายเต็มหน้า อิศยาไม่ใส่ใจเสียงเคาะกระจกอันน่าหนวกหู กระจกที่ฟิล์มดำเข้มทำให้คนจากภายนอกมองไม่เห็นภายใน “จะไม่ปล่อยให้คุณโดนพ่อฉันเล่นงานแน่ คุณอยู่ที่ไหน ฉันก็อยู่ที่นั่น”

ปัณณ์เบือนหน้า ไม่อยากรอยยิ้มที่ฉีกกว้างหลุดให้คนนั่งข้างได้มองเห็น คำถามลองใจเล่น ไม่คิดว่าคำตอบแสนซื่อของลูกสาวร้านขนมหวานพานให้เขายิ้มไม่หุบ นับวันการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของอิศยาเริ่มทำให้โลกเงียบๆ ของชายหนุ่มต่างไปจากเดิม

“ไปกันเถอะค่ะ ฉันสงสารน้องสาวคุณ เมื่อครู่เพิ่งเตะยางแล้วล้มไปนั่งจ้ำเบ้ากับพื้นแล้ว” อิศยาพูดกลั้วหัวเราะมากกว่ามานั่งนึกสงสาร เธอไม่ใช่นางเอกละครทีวีที่ดีไปหมดทุกอย่าง กับคนบางคน ที่ดูก็รู้ว่าเกลียดเธอเข้าไส้ เจอกันไม่กี่ครั้ง ก็ออกฤทธิ์ออกเดช อาละวาดไปหลายยก ไม่รู้ว่ากว่ามาถึงร้านองศาเดินทางมาอย่างไร แต่ถ้ามาพร้อมพล เธอก็ยิ่งสงสารพล

เจ้าของรถรีบเปิดประตูลงไปอย่างทันด่วน ปัณณ์มองร่างขององศานั่งยองกุมเท้ากับพื้น สีหน้าเจ็บปวด ดวงตาปริ่มน้ำ เงยขึ้นมองบุคคลที่เธอเรียกคอแทบแตกตลอดหลายนาทีที่ผ่านมา เสียงสั่นเครือเรียกความน่าสงสารเท่าทวี “พี่ปั้น องศาเจ็บเท้า”

อิศยาเปิดประตูออกมายืนมองการแสดงละครเรียกร้องความสนใจด้วยแววตาเหมือนดูมหรสพรื่นเริง หันไปทำดวงตาวาวหวาน อย่างที่คนรักควรจะทำให้ปัณณ์บ้าง “พี่ปั้นคะ...อย่าลืมเอาของที่ซื้อมาเข้ามาในร้านด้วยนะคะ ของโปรดของพ่อแม่ของย่าทั้งนั้น ว่าที่ลูกเขยต้องเอาใจพ่อตาแม่ยายเยอะๆ นะคะ” ยิ้มหวานหยาดเยิ้ม ทิ้งทวน จึงหันหลังเข้าไปในร้านท่าทีหลังตรงเยี่ยงนางพญาผู้ชนะ ลืมความกังวลใจก่อนหน้าที่กลัวการกลับบ้านไปเสียสิ้น

อิศยามั่นใจว่าการแสดงละครของเธอ ไม่แพ้นักแสดงเจ้าน้ำตาอย่างองศาแน่...


กลิ่นแป้งขนมปังลอยแตะจมูกของอิศยาตั้งแต่ย่างก้าวแรกผลักบานประตูเข้ามาในร้าน รอยยิ้มแต้มมุมปาก สายตากวาดมองทั่วบริเวณตามชั้นวางขนม รวมไปถึงตู้กระจกใส แสดงเค้กน่าทานหลายแบบ ความเป็นคุณตาไม่เปลี่ยนไปเลย...ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีเธออยู่แล้วก็ตาม

อิศยารู้สึกคันไม้คันมืออยากหยิบจับเครื่องมือในครัวหลังร้านมาทำสักครั้ง ภาพผู้หญิงในชุดเชฟสีขาวกระดุมแดงก็ผ่านมาในสายตาเสียก่อน พรพิรุณเพิ่งออกมาจากหลังร้านเพื่อเตรียมนำขนมชุดใหม่สดจากเตามาวางเรียงอย่างที่ทำในทุกวัน ไม่คิดฝันว่าจะได้พบคู่แข่งคนสำคัญของเธอ

“เธอคงโหยหาอยากกลับมาที่นี่มาก แต่ขอบอกให้รู้ ว่าต่อให้เธอกลับมา ไม่ได้หมายความว่าเธอจะได้ที่เดิมของเธอคืนไป” พรพิรุณหน้าเรียบสนิท แต่แววตาแข็งกร้าวอย่างเห็นได้ชัด มือประคองถาดกำแน่นจนเกร็ง พรพิรุณควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงออกว่าแท้ที่จริงเธอไม่ได้มั่นใจในประโยคที่พูดออกมาเลยสักนิดเดียว

การที่ใครๆ ต่างรอคอย และเอาแต่พูดถึงอิศยาในขณะที่เธอยืนอยู่ตำแหน่งเดิมของอิศยานั้น...มันตอกย้ำให้รู้ว่าไม่มีใครเชื่อในตัวเธอจริงๆ

“ฉันไม่ปฏิเสธว่าฉันคิดถึงที่นี่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงก็คือ การที่ฉันเลือกไปจากที่นี่ได้อย่างสบายใจ เพราะที่นี่มีเธออยู่ อุ่น ฉันไม่เคยคิดว่าเธอมาแทนฉัน ที่ของเธอ มันเป็นของเธอมานานแล้ว”

เดินไปพูดใกล้ๆ ไม่ให้เสียงรบกวนลูกค้าหลายคนเดินขวักไขว่เลือกหาสินค้าด้วยรอยยิ้ม พนักงานสองสามคนที่เห็นการปรากฎตัวของลูกสาวเจ้าของร้านต่างโบกมือมาให้ รอยยิ้มเบิกบาน อีกส่วนวิ่งไปบอกข่าวดีกับคนหลังร้าน ปล่อยให้เสือสองตัวทำสงครามกันด้านนอก

อิศยากับพรพิรุณ เป็นพาติชิเย่ฝีมือดี แต่ไม่เคยร่วมมือกันสรรสร้างเมนูขึ้นมาด้วยกัน ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างตั้งวางขาย และมักจะคู่กันให้ลูกค้ามาเลือกใกล้กันเสมอ เป็นโชคดีที่ต่างขายดีกันทั้งคู่ พรพิรุณฝีมือการทำเหมือนขจร มากกว่าคนเป็นลูกจริงๆ ที่ดัดแปลงเปลี่ยนวิธีการทำไปเรื่อย รางวัลเกินครึ่งในร้านล้วนมาจากฝีมือของอิศยา ไม่ใช่เพราะพรพิรุณอ่อนด้อยกว่าอิศยา แต่เพราะพรพิรุณไม่เห็นคุณค่าว่าการเสียเวลาไปลงแข่งทำขนมจะทำให้ร้านที่ยิ่งใหญ่ของคุณตาพัฒนาได้เท่ากับเอารางวัลที่ชนะมาตั้งขายในร้านที่แรก

แต่ยิ่งได้มาอยู่ตำแหน่งสูงในร้าน พรพิรุณยิ่งรู้สึกอยากเอาชนะอิศยามากขึ้น...

“เลิกทำตัวเป็นนางเอกเถอะ เพราะว่าฉันไม่สนคำพูดของเธอ” ญาติผู้พี่ปากบอกไม่สนใจ แต่อารมณ์กรุ่นในใจทั้งหมดสาเหตุเพราะการเห็นหน้าอิศยา ถาดขนมถูกวางใส่ในมืออิศยา กัดฟันพูดอดกลั้นต่อความเดือดดาล “ขอต้อนรับกลับบ้านเก่า คิดถึงนักก็ทำไปซะ”

พรพิรุณมองตาขวางใส่พนักงานที่เพิ่งเดินออกมาทั้งสอง แค่สายตาที่มองจิกก็ทำให้คนสองคนกระโดดหลบไปคนละทางจนกระแทกกับกำแพง ร้อยกรองกับเจนจิราโอดครวญ สีหน้าไล่หลังเชฟใหญ่ของร้านด้วยความไม่พอใจ

“นิสัยเสียจริงผู้หญิงคนนี้...ทำไมเราสองคนถึงโดนทำร้ายร่างกายตลอด ครั้งก่อนก็เพิ่งโดนบ่นหูชา แค่ใส่น้ำตาลเกินปริมาณไปครึ่งถุง” ร้อยกรองบ่นอุบ เดินมาประจบนายใหญ่ที่ตัวเองเคารพรักกันคนละข้าง โบ้ยความผิดทางสายตาของพรพิรุณว่าคือการทำร้ายทางตรง

“กลับมาเถอะนะคะน้องย่า พวกเราจะทนไม่ไหวแล้ว” เจนจิราทำปากบิดเบี้ยว ลูบต้นแขนตัวเองไปมาจากการกระแทกกำแพงเมื่อครู่
อิศยาไม่ตอบคำถามนั้น เลี่ยงไปถามหาใครอีกหลายคนแทน “พ่อแม่ลุงรัชป้าแก้ว ไม่อยู่เหรอคะ”

“อยู่ที่บ้านค่ะ วันนี้อาตาลงครัวทำอาหารเอง ถึงบอกว่าโอกาสพิเศษวันเกิดคุณช่อแก้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เพราะลูกสาวคนโปรดกลับมามากกว่า ทำเป็นปากแข็ง” ร้อยกรองกระซิบกระซาบ ช่วยอิศยาคีบขนมไปจัดเรียงตามชั้นให้เต็ม

ในขณะที่คนฟังพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก...มีเวลาหายใจหายคอเพิ่มขึ้นอีกนิด

“ย่า จะให้ผมเอาของไปไว้ที่ไหน” ปัณณ์เดินเข้ามาถามเงียบๆ สองมือถือของพะรุงพะรัง ร้อยกรองกับเจนจิรารีบกุลีกุจอมาช่วยถือกันขะมักเขม้น สายตาเพ้อฝันขณะมองสารถีหนุ่มที่พวกหล่อนทั้งคู่รับรู้มาจากแม่สาวขาวีนแต่งตัวเป็นซาหริ่มที่ไล่ลูกค้าออกนอกร้านด้วยอารมณ์บูดบึ้งไปหลายรอบ จนพรพิรุณต้องออกมากำราบเอง ถึงได้สงบปากสงบคำได้ ด้วยสายตากดดัน และการพาลูกน้องผู้ชายในร้านออกมาหิ้วปีกเจ้าหล่อนคนละข้างเตรียมไปใส่ท้ายกระบะรถ

‘พาไปส่งสวนสัตว์ที่กรงชะนีเลยนะ ไม่ถึงไม่ต้องกลับ ดูเหมือนจะมีชะนีหลุดออกจากกรงมาตัวหนึ่ง’

เท่านั้นอาการดิ้นรนอย่างกับสาวสติแตกขององศาถึงหยุดนิ่งลงได้ พลเองก็ร้ายไม่เบาพาตัวร้ายมาทิ้งในร้านแล้วหายไป ปล่อยให้แม่เจ้าประคุณองค์ลงจนน่ากลัว

ร้อยกรองกับเจนจิรามองผู้หญิงหน้ายักษ์เดินปึงปังตามหลังผู้ชายหน้าตาดีมา พร้อมใจผสานเสียงข่มขู่ด้วย “ผัว...ผัวๆๆ “ เลียนเสียงร้องชะนีในสวนสัตว์ ข่มขวัญองศาให้หน้าซีดปากสั่น สวนทางกับความแค้นในอก

“อันนี้ย่าซื้อมาฝากทุกคน” ถุงหลายใบยื่นไปให้ร้อยกรองกับเจนจิราไปถือไว้ อิศยาเหลือถุงไว้กับตัวอีกแค่สองใบ ของสำคัญสำหรับบุคคลที่อยู่ที่บ้าน “ฝากเก็บแยกไว้ทีนะคะ เดี๋ยวตอนกลับบ้าน ย่าจะให้เอาขึ้นรถไปด้วย”

ทั้งสองรับคำแข็งขัน สายตาไม่วายมองบุรุษแปลกหน้าอย่างสนใจ “ใครเหรอคะน้องย่า พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่า” เจนจิรายื่นหน้ามาถาม
อิศยาไม่ทันตอบ ใครอีกคนก็ชิงบทพูดของเธอไปได้หน้าตาเฉย “ผมปัณณ์ คนสำคัญของย่าครับ”

รุ่นพี่ของอิศยาปิดปาก สีหน้าตื่นตกใจ และยิ้มหน้าบานในนาทีต่อมา หันไปถลึงตาใส่นางสาวองศาที่เตรียมกรีดร้องกับการสูญเสียพี่ชายสุดหวงของตัวเองไป สองสาวรีบใช้หมัดเด็ดมาห้ามยกได้ทัน ร้องประสานกันเป็นลูกคู่อารมณ์ดี

“ผัวๆ...ผัวๆ”

องศาได้แต่เต้นเร่า กระทีบเท้าขัดใจ มองคนสองคนส่งสายตาหวานเชื่อม โดยที่ครั้งนี้ ไม่มีบทละครอย่างที่แล้วมา เกิดอาการอยากฉีกอกอิศยา เธอจะยอมให้ปัณณ์ชิงหนีไปให้ความสำคัญกับใครอื่นก่อนเธออายุยี่สิบห้าไม่ได้เด็ดขาด

อิศยาไม่รู้ตัวว่าหัวใจเธอเต้นแรงกับการแนะนำตัวของเขา รอยยิ้มนั้นก็เกิดขึ้นเองโดยที่หญิงสาวห้ามหรือยับยั้งไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกหวานแบบไร้ที่มาที่ไปเกาะกินใจทีละนิด อิศยาคิดว่าผลพวงความรู้สึกหวานแปลกๆ นี้น่าจะมีที่มาที่ไปจากร้านขนมหวานของผู้เป็นพ่อมากกว่า...ไม่ใช่เหตุผลจากปัณณ์หรอก


รั้วสีขาวล้อมอาณาเขตบ้านชั้นเดียวขนาดใหญ่สี่ห้องนอน หลังคาสีน้ำเงินสด บนพื้นที่สองร้อยตารางวาไม่ขาดไม่เกิน ด้านหน้าตัวบ้านมีลานปูน และโรงจอดไว้จอดรถได้สามคัน ข้างกันเป็นสนามหญ้าเขียวขจีพันธุ์มาเลย์ มีศาลาทรงหกเหลี่ยมสีเนื้อนวลตั้งตระหง่าน ข้างกันเป็นมะม่วงต้นสูงอายุเทียบเคียงกับลูกสาวคนเล็กของบ้านหลังนี้ได้ รถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดของพลจอดชิดริมรั้วบ้าน

อิศยามองเวลาที่เพียรยืดยาวมาตลอดวันด้วยความรู้สึกเหมือนมีมวนบิดเป็นเกลียวภายในท้อง มือเย็นเฉียบจนต้องกุมเข้าหากัน ความรู้สึกหนึ่งพุ่งเข้ามาคือความระทึก ตระหนก ถ้าเธอย่างเท้ากลับเข้าไปในบ้าน อิศยาคิดว่าเธอคงเหมือนนักโทษที่เป็นลูกนกตัวน้อย สั่นงันงก ต่อหน้าผู้พิพากษารอฟังคำวินิจฉัยจากคนเป็นพ่อ

“คุณเตรียมรับมือพ่อของฉันให้ดีๆ นะคะ” อีกปัญหาที่อิศยารู้สึกว่าโทษความผิดหนักพอๆ กับการหนีออกจากบ้านคือการกลับมาพร้อมผู้ชายแปลกหน้าในฐานะที่พ่อของเธอเคยบอกไว้นักหนาว่า ยังไม่ถึงเวลาห้ามมีเด็ดขาด อิศยาไม่รู้หรอกว่าเวลาของพ่อลากยาวไปถึงเมื่อไหร่ แต่งานนี้คุณขจรคงไม่ปลื้ม

ทั้งที่มันก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น...

“คุณห่วงตัวเองเถอะ ผมรับปากว่าจะช่วย ผมก็จะช่วยแบ่งเบาในส่วนของผม” คนพูดจอดรถต่อหลังรถญี่ปุ่น หันมาพูดด้วยประโยคแสนธรรมดา เหมือนคุยเรื่องฝนฟ้าอากาศ แต่ใจความของประโยคกลับสั่นคลอนใจคนฟังให้เต้นรัว

ถ้าเขาทำสายตาเจ้าชู้ อิศยาอยากจะเชื่อว่าเขาคงเป็นเสือได้ไม่ยาก รู้จักพูดเอาใจคนแบบเธอเสียด้วย...สัมผัสได้ว่าเขาจะไม่ทำให้ตัวเองเป็นภาระเพิ่มของเธอ

“มาถึงขนาดนี้แล้ว เพื่อความสมจริง” อิศยายื่นมือออกไปตรงหน้า ตัดสินใจได้ในวินาทีนั้นว่าหากคิดจะเล่นละครต่อไปให้จบ เธอก็ต้องเล่นให้สุดตัว อย่างน้อยก็จนกว่าพลจะเลิกยุ่งกับเธอ และเธอก็เริ่มสนุกกับการงัดข้อกับองศาเข้าแล้วเหมือนกัน

เธอกับปัณณ์ก็คงประมาณน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า...การมาพบพ่อครั้งนี้ ให้เธอเผชิญคนเดียว อิศยาคิดว่าตัวเองไม่ได้มีความกล้าขนาดนั้น สุดท้ายเธอเองก็เป็นแค่เด็กกลัวความผิด ไม่ได้ปีกกล้าขาแข็งอย่างเช่นตอนโบยบินจากบ้านหลังน้อยแสนอบอุ่นนี้ไป

“หนูย่า” ลุงวรัชโบกมือไหวๆ ให้จากบริเวณศาลาปูนหกเหลี่ยมยกพื้นสูงบันไดสี่ขั้น บุคคลที่เธอตามหาต่างนั่งรวมพลบนที่นั่งในนั้น อิศยายิ้มเจื่อน แต่แรงใจก็เหมือนพุ่งขึ้นกลับมาเพียงแค่ปัณณ์กระชับอุ้งมือเล็กของเธอไว้

อิศยากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง มองใบหน้าของปัณณ์ด้วยความมั่นใจว่าต่อจากนี้ เธอจะเผชิญหน้าปัญหาด้วยตัวเองต่อไป มืออันอบอุ่นจึงปล่อยให้อิศยาได้เดินต่อไป หลังจากประกาศสถานะต่อหน้าธารกำนัลเป็นที่เรียบร้อย

สิบนิ้วพนมไหว้ผู้อาวุโสทั้งสี่อย่างนอบน้อม ไม่กล้าสบตากับผู้เป็นบิดาที่นั่งอยู่ใกล้ทางลงศาลาโดยตรง “ขอโทษที่ย่าไม่ติดต่อกลับมาเลยนะคะ...ป้าแก้วคะ สุขสันต์วันเกิดค่ะ” ประโยคแรกอิศยาตั้งใจสื่อไปถึงผู้เป็นพ่อแม่โดยตรง ก่อนจะจบลงด้วยสาเหตุที่ทำให้เธอมาถึงที่นี่

“แล้วพ่อหนุ่มนั่นใครกัน พลเรารู้จักไหม” วรัชหันมาถามบุตรชายที่นั่งข้างกัน

พลสีหน้าเรียบเฉย เบือนสายตาจากภาพยืนไม่ไกลกันของคนที่ตนรัก กับคนรักของเจ้าหล่อนที่เขาเข้าใจแบบนั้น “ถามน้องย่าเองดีกว่าครับ”

อิศยาขยับตัวอย่างอึดอัดกับการถูกสายตาทุกคู่เพ่งเล็ง หญิงสาวมองสบตากับผู้หญิงร่างเล็กวัยกลางคนด้วยสายตาเว้าวอน

“เดินทางมาเหนื่อยๆ นะพ่อคุณ เข้าบ้านดื่มน้ำให้หายเหนื่อยสักหน่อย แล้วนั่นของอะไรเยอะแยะ เข้าบ้านกันเถอะพี่รัชพี่แก้ว พ่อพล เดี๋ยวอีกสักพักหนูอุ่นก็คงมาทำขนมแล้ว” คุณศิยาช่วยแก้สถานการณ์อย่างใจเย็น กดไหล่สามีลงนั่งที่เดิม โดยตัวเองปิดท้ายขบวน ตบไหล่ลูกสาวคนเล็กของตนเองด้วยความเป็นห่วง “แม่รู้ว่าลูกแม่มีเหตุผลถึงทำแบบนี้ และแม่ก็ไม่โกรธย่า แต่สำหรับพ่อ พ่อเขาคาดหวังกับย่าไว้มากเรื่องร้าน ย่าอาจต้องทำความเข้าใจกับพ่อ แม่ดีใจที่หนูกลับมานะ”

ศิยามองเห็นหยาดน้ำเป็นม่านบางในดวงตาของบุตรสาว แต่ความเข้มแข็งเป็นเกราะกำบังปกป้องตัวเองไว้ได้ชัดเจน เมื่ออิศยาเม้มปากแน่น ไม่ให้ความอ่อนแอออกมาประจานว่าจิตใจของเธออ่อนแอแค่ไหนเมื่อได้กลับมาสู่บ้านของเธอ

“ลูกของแม่โตขึ้นมากเลยนะ...ส่วนพ่อหนุ่มคนนั้น แม่จะขอสอดส่องดูพฤติกรรมก่อน แล้วค่อยบอกว่าผ่านไม่ผ่าน”

ศิยายิ้มเป็นกำลังใจให้อิศยาก่อนผละจากไป ปล่อยให้สองพ่อลูกได้คุยกันในรอบเดือนกว่า ร่างสูงสมส่วนเดินขึ้นบันไดด้วยย่างก้าวที่มั่นคง ภาพบิดาที่เหมือนไม่ได้ใส่ใจต่อการมีตัวตนของเธอมองผ่านเลยไปยังต้นมะม่วงโชคอนันต์ที่อยู่ใกล้ศาลา อิศยาทำใจไว้แล้ว เมื่อทรุดตัวลงนั่งบดบังสายตาของพ่อจากต้นมะม่วง เผชิญกับคุณขจรที่มีแววเหนื่อยล้าผ่านทางใบหน้า

“ย่าขอโทษค่ะพ่อ...ที่ตัดสินใจทิ้งร้านไปแบบนั้น” เอียงศีรษะวางสายตาไว้บนโต๊ะไม้ขัดเงากลางศาลาแทนการสบตากับคุณขจรโดยตรง สองมือกุมไว้แน่นเมื่อผ่านไปครึ่งนาที มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบให้เธอ “ย่ารู้ว่าย่าไม่ได้เรื่อง...พ่ออยากให้ทำอะไร แต่เล็กย่าก็มักจะแหกคอก เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเสมอ ถึงย่าดูมีความหวังที่พ่อจะฝากร้านคุณตาไว้ในมือมากที่สุด แต่สุดท้ายย่าก็ทำให้พ่อต้องผิดหวัง”

กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝือ น้ำอุ่นไหลย้อนกลับมาเต็มหน่วยตาสองข้าง อิศยากลั้นมันไว้จนปวดร้าวไปทั้งลำคอ สำนึกว่าการทำให้บุพการีผิดหวังเป็นบาปหนักเสมอ แต่การเดินไปในเส้นทางของเธอนั้น ให้ย้อนกลับมาทั้งที่ยังสู้ไปได้ไม่เต็มที่ อิศยาทิ้งความฝันตัวเองไปง่ายๆ ไม่ได้จริงๆ ในวันที่ดอกไม้แห่งความฝันของเธอเริ่มผลิดอก

“ย่าขอเวลาได้ไหมคะพ่อ ถ้าย่าทำไม่สำเร็จ ย่าจะกลับมา”

“ถ้าลูกเลือกจะไป ลูกก็ไม่ควรหันหลังกลับมา คนที่ไม่มีใจ พ่อรู้ว่ารั้งไปก็รั้งได้แค่ตัว พ่อรู้ว่าที่ร้านคงตอบสนองความฝันของลูกพ่อไม่ได้ และถ้าที่อื่นสามารถทำให้ลูกของพ่อเติมเต็มความฝันได้ พ่อจะไม่รั้งไว้ แต่จงจำไว้ ว่าถ้าความฝันนี้ไม่สำเร็จ ย่าอย่าหยุด อย่าท้อ เดินไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ขาสองข้างของลูกจะเดินไปได้” ดวงตาเรียบสนิท กับน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว พังทลายเกราะป้องกันในใจอิศยาที่เปราะบางอยู่แล้วให้ย่อยยับลงไปกับตา

หยาดน้ำตาที่เพียรอดกลั้นไว้หยดลงบนหลังมือหยดแล้วหยดเล่า อิศยารู้สึกตัวเองเป็นเพียงเด็กน้อยวัยไม่กี่ขวบ ที่ยังต้องมีพ่อคอยโอบอุ้มไว้ ทั้งๆ ที่เธอทรยศต่อความฝันของพ่อ พ่อก็ยังผลักดันให้เธอเดินหน้าก้าวต่อไป

“พ่อขอโทษที่ล้อมกรอบลูกมากเกินไป”

“ไม่เลยค่ะ...คนที่ผิดคือย่า พ่อไม่ผิดอะไรเลย” อิศยาสูดน้ำมูกเสียงดัง ยกหลังมือปาดน้ำตาเป็นเด็กน้อย ยิ่งปาด น้ำตากลับยิ่งไหล เมื่อเธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของพ่อดังขึ้น

“หยุดร้องก่อน แล้วเล่าเรื่องว่าความฝันของลูกเดินไปถึงไหนแล้ว หรือว่ายังไปไม่ถึงไหน ระดับนายขจรที่แหกคอกมาตั้งแต่เด็กจากครอบครัวข้าราชการสู่การเป็นพาติชิเย่ มีลูกสาวทั้งที ก็คงไม่อ่อนหัดหรอกจริงไหม”

อิศยายิ้ม และหัวเราะได้เสียงกังวานใส ความกังวล และวัตถุที่กดทับในใจจนหนักอึ้งถูกวางลงได้แล้ว ริมฝีปากบางสีชมพูกุหลาบเริ่มกล่าวถึงการกระทำอันมุ่งมั่นที่ผ่านมาของตัวเอง รวมทั้งการแนะนำผู้ชายที่อยู่ในบ้านกับแม่ด้วยโดยไม่รู้ตัว ก่อนจบลงทื่อๆ “พี่ปั้นเขาอยู่ข้างย่าเสมอ คอยช่วยทำให้ความฝันของย่าเป็นรูปเป็นร่างขึ้นค่ะ”

รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าคุณขจรหายวับไปกับตา อิศยาสัมผัสคลื่นรังสีอันตรายจากตัวบิดาได้ชัดเจน สมัยเรียนมหาวิทยาลัยหญิงสาวเจอความรู้สึกนี้ของพ่อบ่อยเสียยิ่งกว่าอะไร

“เรื่องความฝันของหนู พ่อพอจะยอมรับได้ เพราะพ่อเองก็เคยเป็น แต่เรื่องไอ้...” ยั้งปากเรียกคำหยาบไว้ได้ทันเมื่อเห็นลูกสาวหายใจเข้าลึก เกร็งแผ่นหลัง สีหน้าสยดสยอง เลี่ยงไปใช้คำอื่น “หมอนั่นน่ะ พ่อไม่อนุญาต ย่ายังเด็ก ยังต้องพบเจอใครอีกมาก ต่อให้เขาทำให้ย่ารู้สึกดีมากแค่ไหน หนูต้องไม่เคลิ้มเด็ดขาด”

คนหวงลูกสาวเข้าเลือดเหมือนโรคชนิดหนึ่งตาลุกวาบ กับบุตรชายคนโตที่เป็นครูสอนอยู่ตามเขา สอนเด็กผู้ยากไร้ หรือ สวเนตร บุตรคนกลางที่อ้วนอวบ เป็นว่าที่ศาตราจารย์ในเวลาอันใกล้ ทั้งสองคนนั้นตนไม่ห่วง เพราะก็ถึงวัยที่เหมาะสมทั้งคู่ แต่ก็ยังไร้วี่แววจะแต่งงานแต่งการ เพราะจมอยู่กับงานของตัวเอง ตรงกันข้ามกับอิศยา ที่เขาคอยล้อมกรอบมาเสมอตลอดชีวิต พอได้ห่างอ้อมอกของที่บ้านไปหน่อยเดียว กลับมาอีกครั้ง อิศยาพาผู้ชายแปลกหน้ามาแนะนำว่าเป็นคนสำคัญของตน

จะให้เขายอมรับได้อย่างนั้นเหรอ...ขจรพ่นลมหายใจ สั่งเสียงดังฟังชัด ตั้งใจให้ลอยไปถึงหูคนในบ้าน

“เลิกกันซะ!”


.........................................................................................................................

บทนี้พ่อลูกปรับความเข้าใจกันได้ แต่ก็ยังมีเรื่องที่พ่อไม่ยอม ฮาา ชื่อตอนบทนี้ยาวแท้ๆ วันนี้อัพตั้งแต่ตอนนี้ซะเลย

คุณ ariesleo กลัวมารอแต่เช้า เลยอัพให้ตั้งแต่กลางคืนเลยค่ะ หวังว่าจะถูกใจกับตอนนี้ ^^
คุณ Auuuu พระเอกออกอาการเยอะ แต่ไม่ยอมให้นางเอกรู้ค่ะ ท่าเยอะ ฮาาา
คุณ lookpud มาตามความน่ารักของคนคู่นี้กันต่อนะคะ อุปสรรคจะเริ่มมาเยือนคนทั้งคู่ หุหุ
คุณ icewinter ตอนนี้มาเฉลยแล้วว่าย่าเจออะไรกับที่บ้าน บอกได้คำเดียวว่าพ่อไม่ปลื้มพี่ปั้น ฮาา คุณตาเขาปลื้มใครบ้างเนี่ย
คุณ ร้อยวจี เผื่อมาอ่านตอนดึกๆ ตอนนี้ก็ถือว่าอัพสองตอนในวันเดียวแล้วนะคะ ฮาา
ขอบคุณสำหรับทุกเมนท์ทุกไลค์และทุกยอดวิวค่า มีกำลังใจไปปั่นต่อให้จบ สู้ๆ ^_^





ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2556, 00:35:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2556, 00:35:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2015





<< ถึงเวลาต้องเล่นละคร   เล่นนอกบท >>
ร้อยวจี 27 ก.ย. 2556, 06:36:00 น.
เล่นบทซึ้งอยู่ดี ว่าที่พ่อตาเข้าโหมดโหดซะแล้ว สนุกค่ะ อ่านแล้วบางทีเกิดความรู้สึกอยากทานขนม วันนี้มาอีกตอนดึกนะคะ


icewinter 27 ก.ย. 2556, 10:17:45 น.
คุณพ่อพูดแบบนี่ย่าจะจัดการยังไงคะเนี่ย ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ เข้ามาอ่านทุกวันเลย


Auuuu 27 ก.ย. 2556, 17:10:45 น.
ฮาอ่ะ จับไปปล่อยสวนสัตว์ เอิ๊กๆๆ


ariesleo 27 ก.ย. 2556, 17:21:45 น.
ขอโทดคะ วันนี้ยุ่งเลยเพิ่งได้เข้ามาอ่าน
f/c เพิ่มขึ้นแล้วน้า ดีใจด้วยคร่า


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ก.ย. 2556, 20:48:44 น.
ชอบจังเลยๆๆๆ


lookpud 29 ก.ย. 2556, 20:57:17 น.
คุณพ่อหวงลูกสาวน่าดู


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account