ลิขิตฟ้าปาฏิหาริย์รัก (สนพ.กรีนมายด์) วางแผงเร็วๆ นี้
เมื่อย่างเข้าสู่วัยเบญเพสมักจะมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นกับมนุษย์ ซึ่งอาจจะมีทั้งดีและร้าย แต่สำหรับ ’กานต์พิชชา’ การได้พบกับวิญญาณของ ‘ศิวา ศิโรรัตน์’ ดาราหนุ่มรูปหล่อขวัญใจของสาวๆ ทั้งประเทศ เธอไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่ เพราะว่าเขาไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด แต่กลับน่ารักเสียจนเธอเผลอหลงรักวิญญาณเข้าเต็มเปา แล้วกานต์พิชชาควรจะจัดการกับหัวใจของตัวเองยังไงดี เพราะคุณวิญญาณรูปหล่อคอยวนเวียนตามป่วนหัวใจแถมหึงหวงเธออยู่ตลอดเวลา
“ผมหึงคุณหึงมาก ไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาใกล้ชิดคุณ แล้วก็ไม่อยากให้คุณพูดถึงผู้ชายคนไหนต่อหน้าผมด้วย” พูดจบศิวาก็ก้มหน้าลงมาหาใบหน้าสวยคมของคนที่กำลังมองสบตาเขาอย่างงุนงงทันที
กานต์พิชชายืนนิ่งตะลึงงัน เมื่อริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มประทับลงมาบนกลีบปากบางของเธอ ถึงแม้ว่าร่างของเขาจะโปร่งแสงเป็นเพียงวิญญาณที่ไร้เลือดเนื้อ แต่น่าแปลกเหลือเกินที่หญิงสาวกลับรับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาแสนนุ่มนวล และเจือปนไปด้วยความอ่อนหวานที่ค่อยๆ แทรกซึมลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ ก่อนจะลามไปทั่วร่างระหงราวกับถูกโอบกอดเอาไว้ในอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นของเจ้าของรอยจูบนั้น
แต่ความรักครั้งนี้จะสมหวังได้อย่างไร ถ้าเขายังกลับเข้าร่างตัวเองไม่ได้ ศิวาต้องไขปริศนาความทรงจำที่หายไป และหาวิธีกลับเข้าร่างของตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ชายหนุ่มจะทำได้หรือไม่ และความรักของทั้งสองคนจะลงเอยอย่างไร มาร่วมลุ้นและเป็นกำลังใจให้คนทั้งคู่ได้ใน ‘ลิขิตฟ้าปาฏิหาริย์รัก’

***เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้ว ขอลงให้อ่านแค่ครึ่งเรื่องคือ 12 ตอนนะคะ ส่วนครึ่งเรื่องที่เหลือรบกวนติดตามอ่านต่อในเล่มค่ะ จะวางแผงสิ้นเดือนกันยายนนี้แล้วค่ะ***
Tags: กุ๊กกิ๊ก,หวานแหวว,แฟนตาซี

ตอน: ตอนที่ 10

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กานต์พิชชาก็ลงมาทำหน้าที่นั่งสัมภาษณ์ศิวาเพื่อช่วยทบทวนความทรงจำให้ชายหนุ่ม โดยมีหนังสือเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ประวัติของเขาซึ่งลงในหนังสือแม็กกาซีนหลายเล่มที่ศิวาเคยขึ้นปก ซึ่งเธอยืมมาจากปรางทิพย์และมนตราท่ามกลางความงุนงงของทั้งสองสาวอยู่ในมือ

หญิงสาวเริ่มต้นถามตั้งแต่เรื่องโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนจบ จากนั้นก็ถามถึงโฆษณาและละครเรื่องแรกที่ศิวาเล่น ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบได้ถูกต้องทั้งหมด แล้วกานต์พิชชาก็ถามถึงงานโฆษณาชิ้นล่าสุดของเชา ซึ่งศิวาตอบว่าเป็นโฆษณามันฝรั่งทอดกรอบยี่ห้อหนึ่ง จากนั้นกานต์พิชชาก็ถามถึงละครของเขาเรื่องที่กำลังออกอากาศอยู่ ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบได้ถูกต้องอีกเหมือนกัน

จากนั้นหญิงสาวก็ถามถึงละครที่เขากำลังถ่ายทำอยู่ ศิวานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่าไม่มี เพราะละครเรื่องล่าสุดของเขาเพิ่งจะปิดกล้องไปก่อนหน้าวันที่เขาจะประสบอุบัติเหตุสองวัน ตอนนี้เขากำลังรอละครเรื่องใหม่ที่กำลังจะเปิดกล้องอยู่ กานต์พิชชาพยักหน้ากับคำตอบของเขา ก่อนจะเปิดหนังสือหน้าต่อไปเพื่อหาคำถามมาถามชายหนุ่มอีก

ในขณะที่ศิวากำลังนั่งมองดูใบหน้าสวยคมของคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจด้วยแววตาเอ็นดู และรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงสาวที่พยายามจะช่วยทบทวนความทรงจำให้เขา

กานต์พิชชาอ่านคำให้สัมภาษณ์ของศิวาไล่ไปเรื่อยๆ ทีละบรรทัดอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อที่จะหาคำถามมาถามชายหนุ่ม แล้วหญิงสาวก็ชะงักนิดหนึ่งเมื่อสายตามาสะดุดกับคำถามและคำตอบประโยคหนึ่งเข้า

“ผู้หญิงในสเป็คของคุณศิวาเป็นคนแบบไหนคะ?” นักข่าว

“ผมชอบผู้หญิงไว้ผมยาว หน้าตาสวยหวาน ที่สำคัญก็คือต้องเป็นคนนิสัยเรียบร้อยน่ารักนะครับ” ศิวา

“ทำไมคุณศิวาถึงชอบผู้หญิงเรียบร้อยล่ะคะ?” นักข่าว

“เพราะว่าเค้าดูน่าปกป้องและน่าทะนุถนอมครับ” ศิวา

“แล้วต้องเป็นคนในวงการรึเปล่าคะ?” นักข่าว

“ไม่ครับ ถ้าเป็นคนนอกวงการก็ดี เค้าจะได้มีเวลาอยู่กับผมมากๆ” ศิวา

“ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณศิวามีคนพิเศษคนนั้นอยู่ในใจรึยังคะ?” นักข่าว

“มีแล้วครับ” ศิวาตอบ

กานต์พิชชาเงยหน้าขึ้นมองหน้าชายหนุ่มทันทีเมื่ออ่านจบ แล้วก็พบว่าศิวากำลังนั่งมองเธออยู่ด้วยแววตาอ่อนโยนเสียจนหญิงสาวรู้สึกใจเต้นแรง

“ว่าไงครับ คุณหาคำถามให้ผมได้รึยังตอง” ศิวาถาม

“เอ่อ...คือ...” กานต์พิชชาเกิดอาการอ้ำอึ้งกะทันหัน ก็เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาเพราะว่าหาคำถามได้ซะหน่อย แต่เพราะบทสัมภาษณ์ที่เธอเพิ่งจะอ่านจบเมื่อครู่นี้ต่างหาก ที่ทำให้เธอได้รู้ว่าผู้หญิงในสเป็คดาราดังอย่างเขาเป็นอย่างไร

“คือ...ฉันว่าเราน่าจะทบทวนเรื่องในวันที่เกิดอุบัติเหตุได้แล้วล่ะค่ะ คุณลองนึกดูสิคะว่าวันนั้นคุณตื่นนอนตอนกี่โมง?” ในที่สุดกานต์พิชชาก็หาคำถามมาถามชายหนุ่มจนได้ ศิวานิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะบอกกับหญิงสาวว่าวันนั้นเขาตื่นประมาณแปดโมงเช้า หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมานั่งรับประทานอาหารเช้ากับคุณศศิกาญจน์สองคน เนื่องจากคุณอมรออกไปทำงานแล้ว

“แล้ววันนั้นคุณมีงานที่ไหนรึเปล่าคะ?” กานต์พิชชาถามเมื่อฟังชายหนุ่มเล่าจบ ศิวานั่งครุ่นคิดอยู่อีกครู่ก่อนจะส่ายหน้าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก

“ไม่น่าจะมีนะครับ เพราะละครที่ผมถ่ายเพิ่งจะปิดกล้องไป ผมน่าจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านมากกว่า”

“น่าจะ...ก็แสดงว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะมีธุระที่ไหนสักแห่ง คุณลองนึกดูสิคะ ว่าคุณมีงานด่วนอะไรเข้ามารึเปล่า คุณถึงได้ขับรถออกมาจากบ้าน” กานต์พิชชาพูด

ศิวาหลับตาลงนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วส่ายหน้าช้าๆ พลางตอบด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

“ผมนึกไม่ออก...”

“ถ้างั้น...ฉันขอถามใหม่ดีกว่า คุณคิดว่าคุณกำลังจะขับรถไปไหนคะ ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ เพราะเท่าที่ฉันรู้นี่ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านคุณ คุณจะไปหาคุณวิปัศย์เพื่อนคุณรึเปล่า?”

ศิวานิ่งอึ้งไปอีกครั้งกับคำถามของหญิงสาวก่อนที่เขาจะทวนถามชื่อถนนกับเธออีกครั้ง เมื่อกานต์พิชชาบอกชื่อถนนไปชายหนุ่มก็ส่ายหน้า ก่อนจะตอบกานต์พิชชาว่านี่ไม่ใช่ทางไปบ้านวิปัศย์แต่เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าตัวเองกำลังจะไปไหน

กานต์พิชชามองชายหนุ่มอย่างเห็นใจ ก่อนจะบอกกับชายหนุ่มว่าวันนี้ขอให้เขาพักผ่อนก่อน แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาทบทวนเรื่องความทรงจำกันใหม่ จากนั้นหญิงสาวก็หอบหนังสือแม็กกาซีนเดินขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง ส่วนศิวาก็เอนตัวลงนอนยาวบนโซฟาพลางถอนหายใจเบาๆ อย่างหนักใจที่เขายังไม่สามารถจดจำเรื่องราวในวันที่เกิดอุบัติเหตุได้เสียที



เช้าวันต่อมาในระหว่างที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าร่วมกับบิดามารดาปราณปรียาก็ถามคุณปานดาวถึงเรื่องดวงชะตาของกานต์พิชชาที่ท่านบอกว่าจะดูให้เมื่อคืนว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณปานดาวบอกกับปราณปรียาว่าดวงชะตาของกานต์พิชชากับศิวาคล้ายคลึงกันมากเพราะว่าทั้งสองคนเกิดในเดือนเดียวกันปีเดียวกัน ถึงกานต์พิชชาจะเกิดหลังศิวาถึงสิบวันแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในราศีเดียวกันและอยู่ในช่วง
เบญจเพสเหมือนกัน ทำให้พื้นฐานดวงของทั้งสองคนคล้ายคลึงกันมาก

คุณปานดาวยังอธิบายต่อไปอีกว่าดวงชะตาของทั้งสองอาจจะแตกต่างกันในรายละเอียดเนื่องจากวันที่เกิดและเวลาตกฟากดังนั้นจึงทำให้ศิวามีเคราะห์หนักกว่ากานต์พิชชา แต่สิ่งที่น่าแปลกอย่างมากก็คือการที่สองหนุ่มสาวได้มาพบเจอกันในลักษณะที่วิญญาณของศิวาหลุดออกจากร่าง ในขณะที่กานต์พิชชาเองก็สามารถมองเห็นและพูดคุยกับชายหนุ่มได้ ดวงของทั้งสองคนเชื่อมโยงกันได้พอดีจนทำให้คุณปานดาวนึกสงสัยและประหลาดใจเป็นอันมาก

“แม่สงสัยเรื่องอะไรเหรอคะ?” ปราณปรียาถามขึ้นด้วยความอยากรู้ทันทีที่ฟังมารดาพูดจบจนคุณพิชิตผู้เป็นบิดาถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ถ้าให้พ่อเดาพ่อว่าแม่ของฝ้ายลองผูกดวงสองคนนั้น ใช่มั้ยคุณ?” ท้ายประโยคคุณพิชิตหันมาถามภรรยา

“ค่ะ ฉันลองผูกดวงเด็กสองคนนั้นดู แล้วผลที่ได้ก็ดีมากด้วยเพราะดวงของทั้งสองสมพงษ์กัน แล้วก็สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ ถ้าหากว่าแต่งงานกัน” คุณปานดาวตอบตามตรง

“นี่แม่กำลังจะบอกว่าสองคนนั้นเป็นเนื้อคู่กันเหรอคะ?” ปราณปรียาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น คุณปานดาวมองลูกสาวคนเดียวก่อนจะพูดดักคออีกฝ่ายอย่างรู้ทัน

“แม่พูดตามดวงชะตาของทั้งสองคนที่แม่คำนวณได้นะฝ้าย แต่เรื่องของความรักและการแต่งงานมันเป็นเรื่องจิตใจของคนสองคน เพราะฉะนั้นแม่หวังว่าลูกคงจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับสองคนนั้นนะ ขอให้ทุกอย่างดำเนินไปตามโชคชะตาลิขิตจะดีกว่า เพราะว่าเราไม่มีสิทธิ์ไปลิขิตหรือชี้นำชะตาชีวิตของคนอื่น เพราะดวงชะตาของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทำของแต่ละคนได้ แม่คิดว่าลูกคงเข้าใจนะจ๊ะ”

“ค่ะฝ้ายเข้าใจ ฝ้ายจะไม่บอกเรื่องนี้กับสองคนนั้น จะไม่ลิขิต จะไม่ชี้นำ แต่ถ้าฝ้ายจะเชียร์ให้สองคนนั้นรักกันก็ไม่ใช่เรื่องผิด ใช่มั้ยคะแม่?” ท้ายประโยคปราณปรียาถามมารดาด้วยแวตาเจ้าเล่ห์ ทำให้ผู้เป็นบิดามารดาถึงกับมองสบตากันแล้วหัวเราะอย่างขบขันในความเจ้าเล่ห์ของลูกสาว

ก่อนที่คุณพิชิตกับคุณปานดาวจะพูดจากระเซ้าเย้าแหย่กันไปมาว่าปราณปรียามีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนใคร ส่วนปราณปรียาก็นั่งอมยิ้มฟังคำพูดกระเซ้าเย้าแหย่ระหว่างบิดามารดาอย่างมีความสุข



วันนี้เป็นวันหยุดของร้านหลังจากที่กานต์พิชชากับศิวาตักบาตรร่วมกันและกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ชวนชายหนุ่มออกไปเดินเที่ยวนอกบ้าน โดยให้เหตุผลว่าถ้าหากเขาได้ไปเห็นอะไรข้างนอก หรือไปในสถานที่อื่นๆ ที่เคยไปอาจจะทำให้ศิวาจดจำอะไรได้บ้าง

ศิวาเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาวเพราะตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา ตัวเขาเองก็ได้แต่วนเวียนไปที่โรงพยาบาล บ้านของตัวเอง ร้านเบเกอรี่ของกานต์พิชชา แล้วก็กลับมาที่บ้านของเธอเท่านั้น ซึ่งก็ไม่สามารถช่วยให้เขานึกถึงเรื่องราวก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุได้เลย บางทีการไปที่อื่นบ้างก็น่าจะช่วยได้อย่างที่หญิงสาวบอก

“ว่าแต่เราจะไปที่ไหนกันดีล่ะตอง?” ศิวาถาม

“ไปเดินเล่นห้าง...ไงคะ” กานต์พิชชาบอกชื่อห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุงกับศิวา

“เห็นมนกับปรางเล่าว่าคุณเคยไปเดินแบบที่ห้างฯ นั้น ถ้าเราไปที่นั่นคุณอาจจะจำอะไรได้บ้าง แล้วฉันก็ว่าจะแวะไปหาฝ้ายที่ร้านเค้าด้วย ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว”

ศิวาเลยพยักหน้ารับ แล้วในตอนสายทั้งสองคนก็เดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุง กานต์พิชชาพาชายหนุ่มเดินดูของภายในห้างฯ อย่างช้าๆ และคอยถามว่าเขาจดจำอะไรได้บ้างหรือเปล่า จนกระทั่งใกล้เที่ยงหญิงสาวจึงพาศิวาไปที่ร้านของปราณปรียาซึ่งเปิดอยู่ภายในห้างฯ แห่งนี้เช่นกัน



ปราณปรียาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจทันทีเมื่อเห็นกานต์พิชชาผลักประตูห้องทำงานส่วนตัวของตนเองเดินเข้ามาโดยมีศิวาเดินตามหลังเข้ามาด้วย ก่อนจะทักถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า

“อุ๊ยต๊ายตาย! ลมอะไรหอบเธอออกจากบ้านมาถึงร้านฉันได้เนี่ยตอง?”

“ลมคิดถึงไง ก็เธอไม่ได้แวะไปหาฉันตั้งหลายวันแล้วนี่” กานต์พิชชาตอบพลางทรุดตัวลงนั่งบนโซฟารับแขกตรงมุมห้องโดยมีศิวานั่งลงข้างๆ ส่วนปราณปรียาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเดินมานั่งลงที่โซฟารับแขกด้วย ก่อนจะแซวทั้งสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“อ้าว! ฉันก็นึกว่าเธอกับคุณศิวามาเดทกันซะอีก”

“บ้าแล้วยัยฝ้าย!!! เดทอะไรกัน ฉันพาเค้ามาทบทวนความทรงจำต่างหาก” กานต์พิชชาต่อว่าพลางมองค้อนเพื่อนรักด้วยใบหน้าที่ชักจะร้อนผ่าว ในขณะที่ศิวาอมยิ้มดวงตาเป็นประกายพราวระยับ

ส่วนปราณปรียาหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนจะหันไปถามศิวาว่ามาเดินในห้างสรรพสินค้าแบบนี้เขาพอจะจำอะไรได้บ้างหรือเปล่า ชายหนุ่มตอบว่าเขาจำได้ว่าเคยมาเดินแบบและเคยมาเดินซื้อของกับมารดาที่นี่

“แล้วเคยมาเดทกับใครบ้างมั้ยคะ?” ปราณปรียาถามอีกด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“คิดว่าไม่นะครับ ไม่อย่างงั้นคงเป็นข่าวใหญ่ไปแล้ว” ศิวาตอบพลางยิ้ม

“ถ้าอย่างงั้นวันนี้คุณก็มีความทรงจำใหม่เพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งแล้วล่ะคุณศิวา” ปราณปรียาพูดยิ้มๆ

“ความทรงจำอะไรเหรอครับ?” ศิวาถามอย่างงุนงง ในขณะที่กานต์พิชชาก็รอฟังคำตอบของเพื่อนรักอยู่ด้วยความสงสัย

“อ้าว! ก็ความทรงจำว่าผู้หญิงที่มาเดทกับคุณที่นี่เป็นคนแรกคือตองไงคะ” ปราณปรียาพูดจบก็หัวเราะเบาๆ ในขณะที่กานต์พิชชาใบหน้าเป็นสีระเรื่อขึ้นมาทันที พลางโวยวายเพื่อนรักด้วยความเขิน

“เลิกล้อเล่นซะทียัยฝ้าย!!! พูดจาเหลวไหลจริงๆ เลยเธอเนี่ย”

“ล้อเล่นแล้วก็เหลวไหลที่ไหนกัน ฉันพูดเรื่องจริงทั้งนั้น ใช่มั้ยคะคุณศิวา?” ท้ายประโยคปราณปรียาหันไปถามศิวา แล้วคนที่ถูกถามก็ตอบกลับมาหน้าตาเฉย แต่ทำให้กานต์พิชชาหน้าร้อนวูบวาบไปหมด

“ใช่ครับ ตองเป็นผู้หญิงคนแรกที่มาเดทกับผมที่นี่” ศิวาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดวงตาเป็นประกาย

กานต์พิชชาซึ่งเริ่มเขินจัดเพราะคำพูดของศิวาเลยรีบตัดบทด้วยการชักชวนปราณปรียาไปรับประทานอาหารกลางวันพร้อมทั้งดึงแขนเพื่อนรักให้ลุกขึ้นจากโซฟาทันที พลางทำท่าจะฉุดปราณปรียาให้เดินออกไปจากห้อง ท่ามกลางเสียงโวยวายลั่นห้องของปราณปรียาว่าขอไปหยิบกระเป๋าก่อน หญิงสาวบอกให้เพื่อนรักรีบไปหยิบกระเป๋าพร้อมทั้งบอกว่าจะออกไปรออยู่ข้างนอก จากนั้นกานต์พิชชาก็จ้ำพรวดๆ ออกไปจากห้องทันที ศิวาจึงรีบเดินตามหญิงสาวออกไป ในขณะที่ปราณปรียายืนมองตามทั้งสองคนไปแล้วพึมพำอยู่คนเดียวพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า

“หวังว่าโชคชะตาจะลิขิตให้สองคนนี้รักกันจริงๆ นะ”



หลังจากที่สองสาวรับประทานอาหารมื้อกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปราณปรียาก็ชวนกานต์พิชชากับศิวาไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมร่างของชายหนุ่ม และเนื่องจากข่าวการประสบอุบัติเหตุของศิวาผ่านมานานนับเดือนแล้ว ในวันนี้จึงมีนักข่าวที่อยู่คอยติดตามรายงานความคืบหน้าอาการของชายหนุ่มไม่มากเหมือนตอนที่เขาเพิ่งประสบอุบัติเหตุใหม่ๆ

กานต์พิชชาและปราณปรียาได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในห้องพักอย่างง่ายดาย เพราะพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าห้องจำทั้งสองสาวได้ คุณศศิกาญจน์ดีใจมากที่เห็นทั้งสองแวะมาเยี่ยมศิวา ซึ่งวันนี้กานต์พิชชาและปราณปรียาก็ได้พบและรู้จักกับคุณอมรบิดาของศิวาด้วย คุณอมรเป็นบุรุษวัยกลางคนที่ยังคงมีเค้าความหล่อและสมาร์ทอยู่มาก ดังนั้นกานต์พิชชาจึงไม่แปลกใจเลยที่ศิวามีหน้าตาหล่อเหลามากมายขนาดนี้เพราะว่าบิดามารดาของเขาเป็นคนที่หน้าตาดีทั้งคู่นั่นเอง

คุณศศิกาญจน์ก็เล่าเรื่องที่ท่านกับคุณอมรทำบุญและนั่งวิปัสสนากรรมฐานทุกวัน เพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของศิวาให้ทั้งสองสาวฟัง และหวังว่าบุญกุศลนี้จะช่วยทำให้ศิวาฟื้นขึ้นมาในเร็ววัน ซึ่งทั้งสองสาวก็ช่วยกันให้กำลังใจท่านว่าศิวาจะต้องฟื้นขึ้นมาในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน

“เอ๊ะ!!!” วิปัศย์ชะงักนิดหนึ่งเมื่อผลักประตูห้องพักของโรงพยาบาลก้าวเข้ามา แล้วพบว่ามีหญิงสาวอีกสองคนนั่งคุยอยู่กับบิดามารดาของเพื่อนรักภายในห้องด้วย

“อ้าว!!! ตาปัศย์มาพอดีเลย วันนี้หนูฝ้ายกับหนูตองแวะมาเยี่ยมตาศิวาจ้ะ” คุณศศิกาญจน์บอกชายหนุ่ม เขาจึงทักทายทั้งสองสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพอๆ กับสีหน้า

“สวัสดีครับ...”

“สวัสดีค่ะคุณวิบัติ เอ๊ย!!! คุณวิปัศย์ ขอโทษทีค่ะฉันพูดชื่อคุณผิดอีกแล้ว” ปราณปรียาพูด แต่วิปัศย์มองสบตาหญิงสาวอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายตั้งใจเรียกชื่อเขาผิด ในขณะที่กานต์พิชชาได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ อย่างอ่อนใจกับเพื่อนรัก ส่วนศิวากำลังหัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักของเขากำลังถูกหญิงสาวสวยกลั่นแกล้ง

“สวัสดีค่ะคุณวิปัศย์” กานต์พิชชาพูดทักทายชายหนุ่มบ้างเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ

วิปัศย์ส่งยิ้มให้กานต์พิชชานิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปบอกกับคุณอมรและคุณศศิกาญจน์ว่าคุณหมอเจ้าของไข้ศิวาเชิญท่านทั้งสองไปพูดคุยเรื่องอาการของศิวาที่ห้องทำงานส่วนตัว และจะแนะนำให้ท่านทั้งสองได้รู้จักกับคุณหมอคนใหม่ที่จะมารับช่วงทำหน้าที่ดูแลศิวาต่อจากคุณหมอเอกชัยซึ่งกำลังจะเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศด้วย คุณศศิกาญจน์จึงฝากทั้งสามคนให้ช่วยดูแลศิวาแทนสักครู่ ก่อนจะหันมาชักชวนคุณอมรไปพบกับคุณหมอเอกชัย

เมื่อคุณอมรและคุณศศิกาญจน์เดินออกไปจากห้องแล้ว กานต์พิชชาจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้ววิปัศย์ก็เปิดฉากถามปราณปรียาขึ้นทันทีเมื่อลับร่างกานต์พิชชา

“ไหนคุณบอกว่าไม่ได้คิดจะใช้เพื่อนผมเป็นเครื่องมือทำให้ตัวเองดังไง แล้วทำไมยังมาที่นี่อีก?”

หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มที่จ้องจับผิดเธอด้วยแววตาระอาใจ ก่อนจะตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทอีกฝ่ายว่า

“ถ้าคุณไม่ได้ความจำเสื่อม คุณก็น่าจะจำได้นะว่าเมื่อหลายวันก่อนคุณน้าบอกให้ฉันแวะมาเยี่ยมคุณศิวาที่โรงพยาบาลอีก”

“คุณแม่ท่านก็พูดไปตามมารยาทเท่านั้น คุณไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาเลย เพราะว่าคุณก็ไม่ได้รู้จักกับนายศิวาเป็นการส่วนตัวซะหน่อย ยกเว้นว่าคุณมีเจตนาอื่น” วิปัศย์พูด

“นี่คุณ!!! มันจะมากไปแล้วนะ ฉันเคยบอกคุณแล้วไงว่าร้านของฉันก็พอจะมีคนรู้จักอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาอาศัยเกาะคุณศิวาดังหรอกน่า ฉันรู้ว่าคุณเป็นพวกประเภทไม่เชื่อถือเรื่องโหราศาสตร์ คุณก็เลยพาลไม่ชอบฉันแล้วก็แม่ของฉันเป็นการส่วนตัวไปด้วย ซึ่งไร้เหตุผลสิ้นดี คุณไม่เคยได้ยินที่คนเค้าพูดกันบ้างรึไง ที่ว่าเรื่องพวกนี้ถึงไม่เชื่อแต่ก็อย่าลบหลู่น่ะ?” ปราณปรียาต่อว่าชายหนุ่มยืดยาวแล้วลงท้ายด้วยประโยคคำถาม วิปัศย์ยักไหล่นิดหนึ่ง ก่อนจะโต้กลับมา

“ผมเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้เท่านั้น ไม่ใช่อยู่ดีๆ แค่ใครต่อใครเอามาร่ำลือกันว่า คนนี้มีญาณวิเศษสามารถมองเห็นอนาคตได้แล้วก็ทำนายดวงแม่น หรือว่าคนนั้นมีประสาทสัมผัสที่หกสามารถมองเห็นวิญญาณได้แล้วผมจะต้องเชื่อง่ายๆ นี่ เรื่องแบบนี้ใครๆ ก็โม้ได้ทั้งนั้นแหละคุณ”

ปราณปรียามองสบตาชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แล้วพูดว่า

“ก็ได้...ถ้าอย่างงั้นฉันจะพิสูจน์ให้คุณดูว่าฉันไม่ได้โม้”

“คุณจะพิสูจน์ยังไง?” วิปัศย์ถาม

“เธอจะพิสูจน์อะไรเหรอฝ้าย?” กานต์พิชชาซึ่งเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำถามขึ้น

“ก็จะพิสูจน์ให้คนขวางโลกบางคนรู้ว่าถึงเขาจะไม่เชื่อเรื่องโหราศาสตร์หรือสัมผัสที่หก แต่เค้าก็ไม่ควรจะลบหลู่ความเชื่อของคนอื่นไงตอง” ปราณปรียาตอบเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปพูดกับวิปัศย์ต่อ

“ฉันจะบอกคุณให้นะว่าตอนนี้ฉันมองเห็นวิญญาณของคุณศิวา เพราะว่าวิญญาณของเค้าออกมาจากร่าง แล้วฉันก็สามารถพูดคุยสื่อสารกับวิญญาณของเค้าได้ด้วย”

“ฝ้าย!!! เธอพูดอะไรน่ะ?” กานต์พิชชาถามอย่างตกใจ เพราะคาดไม่ถึงว่าเพื่อนรักจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“วิญญาณออกจากร่างนี่นะ เหลวไหลน่าคุณ” วิปัศย์พูดพลางส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อถือเหมือนเดิม

“ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันจะลองถามคุณศิวาเรื่องที่เป็นความลับของคุณ ซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากคุณศิวาคนเดียวที่รู้ก็แล้วกัน” ปราณปรียาพูดกับวิปัศย์ ก่อนจะหันมาพูดกับศิวาว่า

“คุณศิวาคุณต้องช่วยฉันพิสูจน์ตัวเองหน่อยแล้วล่ะค่ะ ช่วยบอกเรื่องความลับของเพื่อนคุณมาสักเรื่องหน่อยสิคะ เอาเรื่องที่รู้กันแค่คุณสองคนก็พอนะคะ”

“พาสเวิร์ดเฟซบุ๊คของนายปัศย์ ใช้ชื่ออังกฤษของเค้าพิมพ์ย้อนกลับจากข้างหลังมาข้างหน้าครับ” ศิวาบอกหญิงสาวหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ปราณปรียาพยักหน้ายิ้มๆ พลางพูดกับวิปัศย์ว่า

“คุณศิวาบอกว่า...พาสเวิร์ดเฟซบุ๊กของคุณใช้ชื่อภาษาอังกฤษของคุณพิมพ์ย้อนกลับจากข้างหลังมาข้างหน้า ถูกต้องมั้ยคะ?”

วิปัศย์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างยอมรับแต่ก็ไม่วายแย้งขึ้นอีกจนได้

“แต่เรื่องนี้บางคนก็เดาได้ไม่ยากนักหรอก...”

ปราณปรียาพยักหน้าก่อนจะหันไปถามศิวาอีกครั้งว่ายังมีเรื่องอะไรที่เป็นความลับสุดยอดระหว่างเขากับวิปัศย์อีกบ้าง ศิวาบอกกับหญิงสาวว่าสมัยเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หกวิปัศย์เคยแอบเอาแหวนเพชรของมารดามาเล่นแล้วทำหล่นหายลงไปในท่อน้ำทิ้ง ปราณปรียาถ่ายทอดคำบอกเล่าทั้งหมดของศิวาให้วิปัศย์ฟัง ซึ่งคราวนี้ชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ อย่างเหลือเชื่อ

“เป็นไปได้ยังไงกัน ก็เรื่องนี้มีเรากับนายศิวารู้กันอยู่แค่สองคน”

“ก็อย่างที่ฉันบอกวิญญาณของคุณศิวาบอกฉัน แล้วฉันก็ขอบอกให้คุณรู้เอาไว้ตรงนี้เลยนะ ว่าที่คุณศิวายังไม่ฟื้นก็เป็นเพราะว่าวิญญาณของเค้าหลุดออกมาจากร่าง ตอนนี้ยังกลับเข้าร่างไม่ได้ ถ้าวิญญาณกลับเข้าร่างได้เมื่อไหร่คุณศิวาก็จะฟื้นทันที”

“คุณพูดอะไรของคุณ อย่าคิดว่าที่เมื่อกี๊คุณรู้ความลับของผมแล้วผมจะเชื่อเรื่องอื่นที่คุณพูดด้วยนะคุณปราณปรียา” วิปัศย์พูดเสียงเข้ม

“คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของคุณ แต่ฉันขอยืนยันว่าแม่ฉันทำนายดวงชะตาให้คนตามหลักโหราศาสตร์จริงๆ เราไม่ได้ต้มตุ๋นหลอกลวงใครเพื่อเงินหรือเพื่อผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น คุณก็เห็นอยู่ว่าแม่ฉันไม่ได้แนะนำให้คุณน้าทำพิธีสะเดาะเคราะห์หรือว่าต่อดวงชะตาอะไรให้คุณศิวาจนต้องเสียเงินทองมากมาย มีแต่แนะนำให้ไปทำบุญแล้วก็นั่งวิปัสสนาเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรเท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณก็กรุณาอย่าเหมารวมว่าหมอดูทุกคนเป็นนักต้มตุ๋นค่ะ” ปราณปรียาพูดยืดยาว ซึ่งก็ทำให้วิปัศย์ถึงกับนิ่งเงียบไปอีกครั้ง ก่อนที่กานต์พิชชาจะเสริมขึ้นว่า

“เราสองคนมาเยี่ยมคุณศิวาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเจตนาอื่นเลยจริงๆ นะคะคุณวิปัศย์ ”

วิปัศย์ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา ก่อนที่คุณศศิกาญจน์กับคุณอมรจะเดินนำนายแพทย์วัยห้าสิบเศษในชุดกราวน์สีขาวเข้ามา ตามด้วยนางพยาบาลหนึ่งคน แล้วนายแพทย์หนุ่มในชุดกราวน์สีขาวที่เดินตามเข้ามาเป็นคนสุดท้ายก็ทำให้กานต์พิชชาและปราณปรียาถึงกับเบิกตากว้าง ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ พร้อมกันว่า

“พี่ปุ่น!!!”

และปุณมนัสก็คือคุณหมอคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่ดูแลอาการของศิวาต่อจากคุณหมอคนเก่าซึ่งกำลังจะเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศนั่นเอง



แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2556, 21:17:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2556, 21:21:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1122





<< ตอนที่ 9   ตอนที่ 11 >>
phugan 28 ก.ย. 2556, 14:23:29 น.
คู่นี้ลับฝีปากกันตลอด.....555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account