♥ ♥ ♥ หัวใจร้อยดาว [ชุด ทางลัดสลัดโสด สนพ.อรุณ] ♥ ♥ ♥
อะไรนะ! ถ้าไม่แต่งงานภายในเก้าสิบวัน

เธอต้องขึ้นคานไปตลอดชีวิตเหรอ บ้าไปแล้ว!



ดอกเตอร์ โมนา วิมาลิน อยากอุทานเป็นภาษาต่างดาวชะมัด

แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เชื่อเรื่องงมงาย

แต่รุ่นพี่ที่เจออาถรรพ์ก็ขึ้นคานกันไปแล้วถ้วนหน้า

เธอจะเสี่ยงเป็นคนต่อไปจริงเหรอ...



นับว่าพระเจ้ายังไม่ใจร้ายจนเกินไป

เพราะท่านส่ง ชัชวิน มาจีบเธออย่างออกนอกหน้า

ตามมาด้วย เมอร์ซิเออร์ โนแอล เดอแบร์มองต์ สุดหล่อ

แถมยังมี เอกชัย เทรนเนอร์หล่อล่ำ

กับ กฤต นักดนตรี อารมณ์ศิลป์มาให้เลือกพร้อมเพรียง



โมนาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

เพราะระหว่างหาทางลงจากคาน

เธอกลับต้องเผชิญปัญหาเรื่องการงานหนักหน่วง



ในท่ามกลางมรสุมที่พัดจนเธอซวนเซ

โมนาจึงได้เห็นความรักของใครบางคน...ชัดเจนขึ้นในหัวใจ

อยากรู้ก็แต่ว่า...อีกฝ่ายจะรักเธอมากพอ

และชวนเธอลงจากคานทันเวลาไหมหนอ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เตรียมยิ้มและหัวเราะไปกับ ดอกเตอร์สาวตัวกลม ที่จะทำให้คุณเข้าใจนิยามของความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

หัวใจร้อยดาว - เจ้าสาวร้อยชั่ง ในชุดทางลัดสลัดโสด


เขียนโดย สิริณ - ดวงมาลย์

จ่อคิววางแผงต่อจาก ใต้ปีกรักสีเพลิง เลยค่ะ

เชิญติชมกันได้เต็มที่เช่นเคย



ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย

ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ

(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )

ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

www.facebook.com/SirinFC
Tags: โนแอล โมนา ขิมคราม รอยตะวัน สลัดโสด

ตอน: ตอนที่ ๒ (ครึ่งแรก)

การพูดคุยกับเทรนเนอร์ที่ฟิตเนสแค่ครึ่งชั่วโมงสร้างความฮึกเหิมให้โมนาจนเชื่อมั่นว่าจะต้องผอมสมใจแน่ๆ เอกชัยวัดส่วนสัดของเธออย่างละเอียดเพื่อนำไปออกแบบตารางออกกำลังกายที่เหมาะสม

แค่นึกภาพตัวเองผอมและสวยเริ่ดจนชัชวินตาค้าง มองเธอด้วยความเสียดาย โมนาก็ฮึกเหิมแล้ว ยิ่งวาดภาพพนักงานที่แผนกตกตะลึงจนไม่กล้านินทาเธออีก หญิงสาวก็ยิ่งกระตือรือร้นอยากสลัดไขมันออกเต็มที

วันรุ่งขึ้นโมนาจึงหยิบเสื้อผ้าสำหรับออกกำลังกายใส่กระเป๋าใบใหญ่ ออกจากคอนโดตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสาง โดยตั้งใจไปออกกำลังกายรอบเช้ากระตุ้นตัวเองก่อน ไว้ตอนเย็นค่อยไปดูตารางที่เอกชัยออกแบบสำหรับเธอ แล้วค่อยเบิลอีกรอบ ขยันคูณสองอย่างนี้ ไม่ผอมให้มันรู้ไปสิ!

โมนาใช้เครื่องออกกำลังกายไม่เป็นสักอย่าง จึงตัดสินใจเลือกลู่วิ่ง แม้จะมีผู้ชายตัวโตสวมเสื้อกล้าม กางเกงสองส่วนสีเข้ม กับรองเท้าผ้าใบจับจองลู่ติดกันไปแล้ว แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะฟิตเนสนี้มีลู่แค่สองตัว หญิงสาวศึกษาปุ่มบนหน้าจอไม่นานก็เข้าใจ ถึงไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน แต่...มันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว วิ่งๆไปเถอะ เดี๋ยวก็ครบชั่วโมงเองแหละ

โมนาเปิดเครื่องวิ่งแล้วเหลือบมองลู่ข้างๆด้วยหางตา สังเกตตัวเลขของอีกฝ่ายบอกความเร็วแปดกิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงปรับความเร็วให้เท่ากัน กะโชว์ว่า ‘วุ้ย! ฉันมาฟิตเนสบ่อยๆนะจ๊ะ ดูสิ วิ่งยังกับนักกีฬาแน่ะ!’

ผู้ชายคนนั้นเหลือบมามองเธอนิดเดียว โมนาแสร้งทำเมินไม่สนใจ แล้วเริ่มซอยเท้ายิกๆให้ทันกับความเร็วของพื้นยางที่เลื่อนผ่านรองเท้าไปอย่างรวดเร็ว

ห้านาที...ช่างยาวนานราวนิรันดร์ โมนารู้สึกเหมือนขาถูกถ่วงด้วยหิน มันหนักขึ้นเรื่อยๆ ขณะจมูกแสบร้อนประหนึ่งถูกสุมด้วยกองเพลิง ทั้งยังถูกบิดจนอากาศแทบไม่ผ่านไปถึงปอด ขณะรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตายในวินาทีข้างหน้า โมนารีบกระตุกสายนิรภัยให้ลู่วิ่งหยุดทำงาน สายพานยางหยุดกะทันหัน เป็นผลให้เธอหัวคะมำ เพราะมัวตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกจึงหลับตาปี๋ รอวินาทีที่หัวจะฟาดหน้าปัดเครื่องวิ่ง

หมับ! เกือบสองวินาที หญิงสาวจึงลืมตาขึ้นช้าๆ เพราะนอกจากจะไม่เจ็บตัวแล้ว ความรู้สึกยังบอกอีกด้วยว่าเธอถูกใครคนหนึ่งคว้าเอวฝั่งซ้ายไว้แนบแน่น อะไรสักอย่างเปียกๆแปะอยู่ตรงข้อศอกจนถึงต้นแขนขวา หญิงสาวเหลียวไปมองจึงเห็นว่าเป็นมือใหญ่ชื้นเหงื่อของคนลู่ข้างๆ ซึ่งบัดนี้กระโดดข้ามมายืนบนลู่ของเธอและกอดเธอแน่น!

ความคิดแรกที่แวบผ่านเข้ามาในหัวก็คือ...ผู้ชายคนนี้หล่อมาก! หล่อไม่บันยะบันยัง หล่อไม่เกรงใจใคร แต่ต่อให้เขาหล่อแค่ไหน เมื่อได้สติ โมนาก็รีบบิดไหล่นิดๆออกจากการโอบของคนตัวเปียกเหงื่อจนน่าอี๋นั่นอย่างไว้ตัว

“ปล่อยได้แล้วค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”

“คุณไหวแน่นะ” เขาถามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงหนุงหนิงสูงต่ำน่าฟัง

โมนาชื่นชมความหล่อและภาษาอังกฤษสำเนียงเพราะพริ้งนั่นจนลืมกระทั่งสงสัยว่าเขาเข้าใจประโยคแรกของเธอ หรือแค่บังเอิญเดาท่าทางของเธอออกกันแน่

เพราะมัวแต่เหม่อใจลอยนั่นเอง จึงไม่ทันระวัง เมื่ออุ้งมือแข็งแรงคลายออก พร้อมกับที่แรงยึดตรงบั้นเอวก็หายไป โมนาซึ่งวิ่งจนขาล้าจึงเข่าอ่อนทรุดลงเกือบจะกองบนพื้น แต่...

หมับ! คนข้างๆยื่นมือเข้ามาคว้าเธอไว้ได้ทัน ทว่าครั้งนี้มือขวาเขาเลื่อนสูงขึ้นมาจับอยู่ตรงต้นแขนขวา ขณะมือซ้ายก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นเช่นกัน ไม่ใช่เอว แต่เป็น...

“ว้าย! เอามือคุณออกจากหน้าอกฉันเดี๋ยวนี้นะ” โมนาตวาดเป็นภาษาอังกฤษโดยอัตโนมัติ

มือนั้นกระเด้งออกจากหน้าอกเธอทันที ส่วนอีกมือยังยึดต้นแขนไว้ “ขอโทษๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”

โมนาหน้าบึ้ง ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี

“งั้นคุณยึดราวจับไว้ทรงตัวด้วย เดี๋ยวผมจะปล่อยมือแล้ว คุณจะได้ไม่ล้มอีก” เขารีบบอก

“เดี๋ยวค่ะ ถ้าไม่รบกวนเกินไป ช่วยพยุงฉันไปนั่งก่อน คือ...ขาฉันไม่มีแรงน่ะค่ะ” ถึงจะอยากปั้นปึ่ง แต่สังขารมันไม่ไหวจริงๆ

ผู้ชายต่างชาติรีบพยักหน้า แล้วทำคล้ายๆหิ้วเธอไปยังม้านั่งใกล้ๆ ขาของเธอแทบไม่ติดพื้น ขณะเอวและร่างกายซีกขวาแนบชิดกับเนื้อตัวเปียกเหงื่อนั่นจน...โอเค ยอมรับก็ได้ว่ากล้ามเนื้อแข็งแรงของเขาไม่ยักน่ารังเกียจอย่างที่คิด โมนาว่าข้อศอกขวาของเธอกำลังสัมผัสซิกซ์แพ็คใต้เสื้อยืดสีเข้มนั่นแน่ๆ

แค่สี่ห้าก้าว ผู้ชายคนนั้นก็กึ่งลากกึ่งหิ้วเธอมาปล่อยบนที่นั่ง โมนารู้สึกเสียดายนิดหน่อย บางทีเธออาจอยู่คนเดียวมานานเกินไป จึงโหยหาสัมผัสและการโอบกอดจากมนุษย์ด้วยกัน แม้คุณฮีโร่จะมิได้กอดเธอด้วยสัมผัสเชิงชู้สาว แต่อย่างน้อยความรู้สึกว่าได้รับการปกป้อง ก็ทำให้หญิงสาวไม่เหงาหรือโดดเดี่ยวอย่างที่ผ่านมา

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ ฉันคงหัวฟาดลู่วิ่งไปแล้ว” ในเมื่อเขาใช้ภาษาอังกฤษ โมนาจึงต้องสนทนาด้วยภาษาเดียวกันต่อเนื่อง “แล้วก็ขอโทษด้วยที่ฉันเข้าใจคุณผิดเมื่อกี้”

“ไม่เป็นไรครับ” เขาทำท่าจะหมุนตัวกลับไปที่ลู่วิ่ง

โมนาเข้าใจ ฝรั่งก็อย่างนี้ ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่ว่า... “เอ่อ...คือฉัน...หิวน้ำมากเลย รบกวนคุณช่วยกดน้ำที่คูลเลอร์ให้ฉันสักแก้วได้ไหมคะ” เธออุบอิบบอก

คิ้วสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มขมวดนิดๆ ดวงตาสีน้ำเงินแกมฟ้าตวัดมองมาด้วยความประหลาดใจ เขาส่ายศีรษะไม่พูดอะไร แต่เดินไปปิดสวิตช์ลู่วิ่ง คว้าผ้าขนหนูมาซับเหงื่อ ก่อนไปรินน้ำจากคูลเลอร์สำหรับผู้ใช้บริการใส่ถ้วยกระดาษทรงกรวยมาส่งให้เธอ “จิบทีละนิด จะได้ไม่จุก”

โมนาแปลกใจนิดหน่อยที่เขามีน้ำใจเตือน เธอพึมพำขอบคุณพลางรับแก้วกระดาษมาดื่มช้าๆตามคำแนะนำ “ฉันเพิ่งมาฟิตเนสหนแรกน่ะค่ะ ก็เลยทำอะไรไม่ค่อยถูก” หญิงสาวเปิดหัวข้อสนทนาด้วยการชิงสารภาพ

“ครับ ผมก็พอจะเดาได้เหมือนกัน”

“แหม...ฉันไม่ได้แปะป้ายไว้ที่หน้าผากสักหน่อยนะคะ” หญิงสาวหัวเราะแก้เก้อ

“ใครเห็นก็ดูออกทั้งนั้นแหละ เพราะเสื้อผ้ารองเท้าของคุณไม่ใช่สำหรับออกกำลังกาย แล้วคุณก็ไม่ยืดกล้ามเนื้อวอร์มร่างกายก่อนด้วย” เขาชี้เสื้อยืดหลวมโพลกและกางเกงเลที่ขมวดชายพกจนเป็นก้อนนูนให้เห็นผ่านเสื้อยืดชัดเจน

“ต้องวอร์มร่างกายด้วยเหรอคะ เราแค่วิ่งนี่นา” โมนาตาโต เธอพลาดเรื่องง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย

ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาประหลาด “แปลกนะที่คุณไม่รู้เรื่องพื้นฐานพวกนี้”

โมนาผิดหูกับคำพูดมีนัยนั้น จึงกวาดตาสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียด

ฝรั่งคนนี้ตัวสูงมาก ไหล่กว้าง รูปร่างสมส่วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ขนาดใส่ชุดออกกำลังกายธรรมดายังดูมีออร่าเปล่งประกาย ผมสีน้ำตาลเข้มเปียกเหงื่อยาวเกือบระบ่าถูกเสยเปิดหน้าผาก ดวงตาสีฟ้าแกมน้ำเงินหวานซึ้ง จมูกโด่งชัด ขณะริมฝีปากสีสดตัดกับผิวขาวจัด ไรหนวดบางๆ และเคราเป็นปื้นตามแนวกรามเรียวทำให้เขาดูคมเข้มน่ามอง ออกแนวแบดบอยนิดๆ

หญิงสาวเห็นสายตาของเขา เมื่อนำมาประกอบกับคำพูดชวนคิดก็ใบหน้าร้อนฉ่า จึงฝืนหยัดกายลุกขึ้นยืน เชิดหน้ามองเขาด้วยสายตาเขียวปั๊ด “คุณคิดว่าฉันแกล้งทำเพื่ออ่อยคุณหรือคะ นี่คุณคงหลงตัวเองคิดว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องหลงเสน่ห์คุณงั้นสิ”

อีกฝ่ายเมินไปทางอื่น บอกได้ดีกว่าการรับคำเสียอีก เขาคิดว่าเธอทอดสะพานให้จริงด้วย!

ผู้อำนวยการสาวเม้มริมฝีปากด้วยความโกรธ ถึงเธอจะอ้วนและไม่สวย แต่ก็มีศักดิ์ศรีเกินกว่าจะมาทำเรื่องทุเรศๆแบบนั้นนะ(ยะ)! อีกอย่าง...เขาแต๊ะอั๋งเธอ ทั้งกอดแล้วก็จับหน้าอกด้วยนะ!

“ความคิดอุบาทว์มาก คุณต่างหากที่เมื่อกี้หลอกเอาเปรียบฉันน่ะ แค่จะช่วยประคองจริงๆ ไม่เห็นต้องใกล้ชิดขนาดนั้นเลย” โมนาวีน

“คุณตัวโตขนาดนี้ ถ้าขืนไม่ประคองด้วยสองมือ แขนผมคงจะรับน้ำหนักคุณไม่ไหว” เขาบอกหน้าตาย

โมนาอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดจาร้ายกาจขนาดนี้ ดวงตาวาวจ้าด้วยความโกรธ

“เชิญคุณกลับไปออกกำลังกายต่อเถอะค่ะ ขอบคุณมากที่กรุณาช่วยฉันไว้ ในเมื่อคุณพูดจาดูถูกฉัน เพราะฉะนั้นถือว่าเราหายกัน ไม่ต้องมีบุญคุณอะไรกันอีก” โมนาโวยรวดเดียวพร้อมกับหายใจถี่

แววตากระด้างของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเม้มปากนิดๆอย่างชั่งใจ ก่อนก้มศีรษะเป็นเชิงลุแก่โทษ

“ผมเข้าใจคุณผิด ขอโทษด้วย” เขาใคร่ครวญชั่วขณะ แล้วจึงเอ่ย “คุณทำอย่างนี้ไม่หายเหนื่อยหรอก คุณต้องยืดไหล่ตรง เอามือแตะที่ท้อง แล้วหายใจเข้าช้าๆจนรู้สึกว่าพุงป่อง แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกจนพุงแฟบ”

โมนาวัดใจกับเขา ในที่สุดจึงยอมทำตามคำแนะนำ เพียงสูดหายใจสองสามหน สีหน้าหญิงสาวก็ดีขึ้น “ขอบคุณที่แนะนำค่ะ” เมื่อความโกรธคลายลง โมนาจึงเสียงอ่อนอีกครั้ง กระนั้นก็มิได้อ่อนหวานเหมือนคราวแรก มือเธอบีบแก้วน้ำที่ดื่มจนหมดแล้วเพื่อระบายความหงุดหงิด

ชายหนุ่มยื่นมือมาตรงหน้าแล้วแบออก “ส่งมาให้ผมสิ เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้ คุณอยากได้อีกแก้วไหม”

ท่าทางเขาเป็นมิตรกว่าเมื่อครู่ ดูก็รู้ว่าคงจะต้องการไถ่โทษที่พูดจาไม่ดี ดูถูกว่าเธอจะทอดสะพานให้เขา

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเองได้ แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้ว” โมนาปฏิเสธ ไม่เห็นประโยชน์ที่จะไยดีคนหลงตัวเอง

ชายหนุ่มถอนใจนิดๆ “ถ้าผมทำให้คุณไม่พอใจ ขอโทษอีกครั้ง ผมไม่ตั้งใจจริงๆ เพียงแต่ว่าผม...” เขากลอกตาไปมา “ผมเจอลูกเล่นแปลกๆมาเยอะ ก็เลยไม่ค่อยจะไว้ใจใครง่ายๆน่ะ”

“ช่างมันเถอะค่ะ คุณคงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนโง่ๆอย่างฉันบนโลกนี้” โมนาอดประชดด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

สีหน้าเขามีร่องรอยรำคาญพาดผ่านแวบหนึ่ง “อยากคิดแบบนั้นก็ตามใจ แต่ผมยืนยันว่าไม่ตั้งใจดูถูกคุณเลยจริงๆ”

โมนาช้อนตาขึ้นสบสานกับเขานิ่งๆ เขาจ้องตอบโดยไม่หลบ ก่อนมุมปากข้างหนึ่งจะยกขึ้นนิดๆ นิดเดียวเท่านั้น แต่ทำให้โมนาแทบลืมหายใจ ผู้ชายคนนี้หล่อจนเธออยากกลั้นใจ เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นเพียงภาพฝัน และหากขยับตัวแรงเกินไป เธออาจตื่นจากฝันแสนดีนี้ และทำให้เขาปลิววับหายไปกับสายลม

“เราต่างมาทำเหมือนว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นดีไหม ผม...โนแอล” เขายื่นมือมาตรงหน้า ท่าทางดูผ่อนคลายเป็นกันเองขึ้น

โมนาเพิ่งตระหนักว่าพระเจ้าท่านคงบรรจงปั้นผู้ชายคนนี้อย่างประณีตไปเสียทุกส่วน เพราะมือของเขาขาวและนุ่มนวล นิ้วมือเรียวยาวสวยกว่ามือป้อมๆกลมๆของเธอพันเท่า ปลายเล็บเป็นสีชมพูสะอาดสะอ้านบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวสุขภาพดีอย่างยิ่ง นี่ถ้าไม่มีหนวดเครานั่น เขาคง ‘สวย’ จนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาแน่ๆ ยิ่งมองเขามากเท่าไร โมนาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด ทั้งผิวสวย หุ่นเพรียวผึ่งผาย ไม่มีข้อตำหนิสักนิด ขนาดปกติเธอไม่ชอบผู้ชายไว้หนวดเครา แต่คนนี้ก็เป็นข้อยกเว้น เพราะเขาเล็มตกแต่งไม่ปล่อยให้รุงรังน่ารังเกียจ ไม่แปลก...ที่เขาตั้งกำแพงไว้ระแวดระวังตัวเองจากคนภายนอกซึ่งหวังเข้าหาเพราะรูปสมบัติ

“ก็ได้ค่ะ ขอโทษที่ฉันงี่เง่าไปหน่อย ฉันโมนาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หญิงสาววางมือลงบนอุ้งมือที่คอยอยู่

โนแอลบีบกระชับเบาๆ รอยยิ้มเผยขึ้นบนใบหน้าดูผ่อนคลายยิ่งขึ้น แล้วเขาก็ทำสิ่งที่โมนาตกตะลึง เมื่อยกมือเธอขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะลงไปจรดริมฝีปากที่หลังมือเธอแผ่วเบา

โมนารู้สึกถึงความร้อนที่แล่นจี๊ดไปทั่วหน้า คำพูดดูราวจะวิ่งหนีปลิวหายวับจากสมองโดยสิ้นเชิง

“อ็องช็องเต โมนา” เขาปล่อยมือเธอ พร้อมกับเอ่ยด้วยสำเนียงหนุงหนิง

“ภาษาฝรั่งเศสใช่ไหมคะ” โมนาเดาจากภาษาต่างประเทศคำนั้น และกิริยาทักทายแบบที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของหนุ่มๆชาวฝรั่งเศส

“ครับ อ็องช็องเต ก็เหมือน Nice to meet you ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณโมนา”

หญิงสาวบิดมือออกจากอุ้งมือเขา พยายามเม้มริมฝีปากซ่อนยิ้มเพื่อรักษากิริยาไม่ให้ดูปลาบปลื้มเกินงาม

“รู้ไหมครับ ผมรู้จักผู้หญิงที่ชื่อโมนาอีกคน เธอก็...ยิ้มสวยเหมือนกัน แต่อาจจะน้อยกว่าคุณนิดหน่อย”

เพียงเห็นรอยยิ้มที่ริมฝีปากและในดวงตาคู่นั้น โมนาก็รู้แล้วว่า ที่เขาพูดไม่ดีและทำกิริยาดูถูกเมื่อครู่ เธอยกโทษให้หมดแล้ว การมีคนหล่อขนาดนี้มาทำดีและพูดหวานๆด้วยสักครั้ง มันดีกว่าความฝันครั้งที่ดีที่สุดของเธอซะอีก!

“มีคนชื่อเหมือนฉันด้วยหรือคะ แถมคุณเคยรู้จักคนคนนั้นมาแล้ว แหม...บังเอิญอะไรจะขนาดนั้น” โมนาแกล้งหัวเราะ ปัดไล่ความเขินอายอย่างยากเย็น

“ครับ ชื่อเต็มๆเธอคือโมนาลิซ่าน่ะครับ” คนพูดหมายถึงผลงานภาพวาดชื่อดังก้องโลกของเลโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งนักวิจารณ์ศิลปะเห็นว่ารอยยิ้มของเธอเป็นปริศนา เพราะสามารถมองเป็นอาการยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้ก็ได้

คนฟังกลั้นหัวเราะจนแก้มตุ่ย เผลอสะบัดค้อนอย่างมีจริต “แหม...คุณล้อเลียนฉันนี่คะ ฉันชักจะเชื่อซะแล้วสิ ที่ใครๆบอกว่าผู้ชายฝรั่งเศสน่ะปากหวาน”

“ไม่หรอก เราก็แค่มีสายตาสำหรับมองเห็นความสวยงามของทุกสิ่งบนโลกใบนี้ต่างหาก” เขาบอกเสียงนุ่ม ลดกำแพงที่กางกั้นเธอไว้ออกไปจนหมด ชายหนุ่มบุ้ยหน้าไปทางลู่วิ่งแล้วชวน “คุณน่าจะไปวิ่งต่ออีกหน่อยนะ”

“อย่าดีกว่าค่ะ ฉัน...” รอยยิ้มแหยปรากฏบนใบหน้ากลมอิ่มอัตโนมัติ “คือฉันยังไม่หายเหนื่อยเลย”

“งั้นคุณเดินเร็วๆระหว่างที่ผมวิ่งละกัน มาเถอะ” เมื่อเห็นเธอยังอิดออด ฝรั่งตัวโตจึงเอื้อมมาดึงข้อมือเธอไปยืนข้างลู่วิ่งอย่างเอาแต่ใจ จอมเผด็จการกดปุ่มเปิดเครื่องตั้งความเร็วแล้วบอก “ก้าวเท้ายาวๆ เหยียดแขนตรง พยายามแกว่งแขนให้ได้วงกว้างๆ จะได้ใช้พลังงานมากๆ”

โมนาเห็นเขาพยักพเยิดให้กำลังใจ ทั้งยังยืนกอดอกเหมือนคุณครูรอตรวจการบ้านเด็ก จึงถอนหายใจ จำใจก้าวขึ้นไปบนลู่ไฟฟ้าทั้งที่ไม่เต็มใจแม้แต่นิดเดียว!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2556, 01:12:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2556, 01:12:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1885





<< ตอนที่ ๑   ตอนที่ ๒ (จบตอน) >>
Sukhumvit66 28 ก.ย. 2556, 01:19:05 น.
สู้ ๆ น้า โมนา เอาใจช่วย


sai 28 ก.ย. 2556, 09:06:26 น.
อ๊ายยยยโนแอลลลลลล หุ่นน่ากินมากกก555


ree 28 ก.ย. 2556, 15:35:19 น.
เจอคนหล่อเข้าหน่อย มีเคลิ้ม


supayalak 28 ก.ย. 2556, 23:17:52 น.
มีแรงกระตุ้น วิวสวยๆ ให้ดูละ สู้ๆ เค้าน้าโมนา ท่องไว้ๆ ผอมๆ สวยๆ เริ่ดๆ เชิดๆ กินหนุ่มหุ่นล่ำ 5555


นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ต.ค. 2556, 02:37:27 น.
โอยยย ยัยโมนามาแท็กมือ เปลี่ยนตัวกันเด๋วนี้นะ!!!
ชั้นจะเซข้ามลู่วิ่งให้ดู โอยยยย หล่อ (จิ้นตามอย่างเทพ) 55


Zephyr 15 ต.ค. 2556, 16:30:55 น.
เธอไม่เดิน ชั้นจะไปเดินแทนนะยะ ชิ


ketza 5 ธ.ค. 2556, 08:38:10 น.
โฮ๊ะๆๆ บรรยายได้น้ำลายไหลย้อยยย ล่ำบึ๊ก >////<


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account