หวานรักในลมหนาว
หวานรักในลมหนาวเป็นหนึ่งนิยายใน ชุดลัดฟ้าไปหารัก โปรเจ็กล่าสุดของ สนพ.กรีนมายด์ค่ะ โดยธีมเรื่องจะเกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยลาฌีนุสได้เลือกประเทศภูฏานและญี่ปุ่นมาเป็นโจทย์ความรักในครั้งนี้ของพระ-นาง สไตล์เรื่องจะเป็นแนวรักหวานๆ ค่ะ

ปล.พระเอกเป็นลูกครึ่งหนุ่มไทย-ภูฎานค่ะ หล่อลื้มมม คริๆ

+++++หากสนใจติดตามผลงานลาฌีนุส กดไลท์ไปที่แฟนเพจได้นะคะ ^^ https://www.facebook.com/lacheenus
Tags: หวานรักในลมหนาว,ภูฎาน

ตอน: บทที่ 10 เริ่มต้นเดินเครื่องเต็มกำลัง

บทที่ 10 เริ่มต้นเดินเครื่องเต็มกำลัง

สาวไทยร่างเล็กนั่งมองดูการแข่งขันกีฬาธนูซึ่งเป็นหนึ่งในการละเล่นของหนุ่มๆ ชาวภูฏานอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่กับเจ้าลักกี้กระรอกน้อยแสนน่ารักที่ทิ้งเธอหนีขึ้นไปนั่งแทะเมล็ดข้าวโพดอยู่บนต้นไม้

“ได้ของกินมีที่เล่นแล้วก็ไม่สนใจไยดีฉันเลยนะ” เธอแหงนหน้าขึ้นไปต่อว่าเจ้าตัวสีน้ำตาลขนฟูทั้งที่รู้ว่ามันคงไม่ได้ยินที่เธอพูดหรอก เพราะเจ้าตัวไปสนุกอยู่บนยอดต้นไม้เห็นแต่หางเป็นพู่อยู่ไหวๆ

ชนมนลดใบหน้าลงมองไปยังลานการแข่งขันตรงหน้าเธอสังเกตเห็นว่าหากมีฝ่ายใดได้แต่มากกว่าก็จะมีการโห่ร้องและทำท่าคล้ายเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้าม ดูๆ ไปก็เหมือนเวลาแข่งตะกร้อของคนไทยที่มักจะเย้ยหยันคู่ต่อสู้เพื่อเป็นสีสัน ดวงตากลมโตทิ้งสายตาไว้ที่ร่างกำยำในชุดประจำชาติที่เพิ่งได้จากเจ้าของบ้านที่นอกจากจะให้ที่พักพิงแล้วยังอุตส่าห์ให้ชุดมาคนละชุดอีก

หญิงสาวจิ๊ปากอย่างหมั่นไส้ที่ชายหนุ่มดูปกติมาก มากเสียจนชนมนเริ่มหงุดหงิด ทั้งที่เขามาทำอย่างนั้นกับเธอแท้ๆ แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แทนที่จะละอายในส่งที่ทำบ้างแต่กลับไปยืนโห่ร้องร่วมแข่งธนูอย่างสนุกสนานกับคนในหมู่บ้านเสียอย่างนั้น
เจ็บใจ ที่มีแต่เราที่คิดมากเรื่องเขา ไหนหล่อนบอกว่าพี่หล่อนไว้ใจได้ไงยัยเดียร์ หลอกกันนี่นา หญิงสาวโบ้ยความผิดไปที่เพื่อน
มือที่เท้าคางอยู่เปลี่ยนท่ามาเป็นนั่งกอดเข่าดูการละเล่นของหนุ่มๆ ที่ดูจะสนุกจนลืมโลกภายนอก แม้จะบอกว่าดูหนุ่มๆ แต่เธอรู้ดีว่าสายตาของเธอนั้นจดจ้องอยู่ที่บางคนเสียเป็นส่วนใหญ่ พอรู้สึกตัวก็จำต้องละสายตาไปมองคนอื่น นึกหงุดหงิดตัวเองอยู่ครามครันที่เป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียว

ร่างสูงกำลังง้างคันธนูสูดลมหายใจเพื่อเรียกสมาธิจู่ๆ ใบหน้าคมก็หันมาสบตากับร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่ในร่มริมฝีปากหยักส่งยิ้มมาขอกำลังใจ คนที่เอ็ดเขาอยู่ในใจถึงกับวางหน้าไม่ถูก นอกจากยิ้มแล้วดูเหมือนชายหนุ่มขยับปากพูดอะไรบางอย่างแบบไร้ซุ่มเสียงกับเธอ
ชนมนค้อนขวับใส่ทันทีที่จับใจความได้

ถ้าผมยิงตรงเป้า เตรียมรางวัลไว้ให้ผมด้วยนะครับ

หญิงสาวหน้าหงิกตอบอย่างไร้เสียงกลับไปว่า บ้า

หนุ่มหล่อยิ้มกว้างก่อนจะหันกลับไปเพ่งสมาธิที่เป้ายิง เหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะได้รับคำตอบอย่างไรจากเธอแต่ก็อดจะแหย่ไม่ได้ อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่อยากให้เธอคิดมากในเรื่องที่เขาทำไปเมื่อเช้า แม้มันคือความตั้งใจของเขาที่อยากจะทดสอบปฏิกิริยาของหญิงสาวเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขากำลังจะเริ่มต้นต่อไปนี้ไม่ใช่การคว้าน้ำเหลว

ปฏิกิริยาที่เขาได้รับเมื่อเช้าทำให้เขาเผลอยิ้มมุมปาก หัวใจชุ่มชื่นอย่างมีความหวังเหมือนต้นกล้าได้รับน้ำ เขาตัดสินใจได้ในทันทีนาทีนี้เขาจะเดินหน้าเต็มกำลัง ในอนาคตไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรเขาก็จะไม่เสียใจ เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้ลองทำตามความต้องการของหัวใจ

พอลคิดเสมอตั้งแต่ได้พบชนมนอีกครั้งว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนสองคนจะกลับมาเจอกันอีก ครั้งแรกอาจจะเป็นแค่ความบังเอิญ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ มันเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เขาและเธอเจอกันในเวลาที่เหมาะสม และครั้งนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเหมือนเมื่อหนึ่งปีก่อนอีก
บางทีเขาอาจจะตกหลุมรักความสดใสและความมีน้ำใจของเธอตั้งแต่ครั้งที่เจอกันก็ได้

ชายหนุ่มหลับตาตั้งสมาธิแล้วลืมตาเพ่งมองไปที่เป้ายิงก่อนจะง้างธนูจนสุดแขน ลูกธนูถูกปล่อยด้วยความแรงพุ่งเข้าตรงเป้ากลางจุดสีแดง เสียงเฮของเพื่อนร่วมทีมดังขึ้น รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่ใบหน้าของพอล เขากันไปยักคิ้วทวงของรางวัลจากหญิงสาวที่นั่งยิ้มค้างอยู่อีกด้าน

วันนี้ทั้งวันชายหนุ่มทำตามอย่างที่เคยบอกเอาไว้ไม่มีบิดพลิ้ว เขาให้เวลาทั้งวันในการเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวโคมาไม่ว่าจะเป็นการทอผ้า กีฬาธนู รีดนมวัวและการทำชีสสด เป็นอันว่าคราวนี้เป็นการเที่ยวที่ชนมนได้ความรู้กลับไปหลายอย่าง แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอสงสัยในเมื่อภูมิประเทศของภูฏานตั้งอยู่ในหุบเขาหิมาลัยที่อาการเย็นตลอดทั้งปี แน่นอนว่าในพื้นที่ที่สูงกว่านี้และมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีผ้าจากหมู่บ้านโคมาไม่น่าจะอุ่นพอที่จะสวมใส่ต่อสู้กับความหนาวได้

“แล้วอย่างนี้เมื่อถึงหน้าหนาวหรือหมู่บ้านที่อยู่สูงๆ เขาใช้ผ้าอะไรกันความหนาวคะ”

ผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังทอผ้าอยู่อธิบายให้เธอฟังว่า หากถึงฤดูหนาวพวกเขาก็จะห่มขนสัตว์หรือไม่ก็ใส่ผ้าที่ถักจากขนจามรี

“ผ้าที่ทำจากขนจามรีจะมีความหนาช่วยกันความหนาวได้ดีกว่าขนสัตว์ชนิดอื่นๆ เป็นที่นิยมของชาวภูฏาน เพราะประเทศของเราเหมาะแก่การเลี้ยงจามรีครับ ถ้าอยากเห็นต้องขับรถขึ้นไปอีกหน่อย ที่นั่นจะมีหมู่บ้านที่เลี้ยงจามรีเป็นร้อยๆ ตัว อากาศค่อนข้างจะหนาวหน่อยแต่เหมาะกับการเลี้ยงจามรีมากที่สุด”

เกริ่นออกมาขนาดนี้มีหรือคนอยากรู้อยากเห็นอย่างชนมนจะไม่ตื่นเต้นอยากไปเห็นด้วยตาตนเอง

“จามรีนี่ลักษณะคล้ายๆ วัวรึเปล่าคะไม่แน่ใจแต่เหมือนจะเคยเห็นในหนังสือ แต่ไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เลยค่ะ” อาการตื่นเต้นตาวาวถามอย่างกระตือรือร้นทำให้เจ้าบ้านเป็นปลื้มที่มีคนต่างชาติให้ความสนใจในเรื่องของตน

“คล้ายกันแต่จะมีขนยาวและหยาบกว่าครับ แล้วขาก็จะสั้นกว่า” พอลตอบแทนช่างทอผ้า

“ไกลจากที่นี่มากไหมคะ”

นั่นไง ถามอย่างนี้รู้เลยว่าประโยคต่อไปหญิงสาวจะพูดอะไร แล้วคิดว่าเขาจะขัดเธอได้ไหม ในเมื่อใจอยากจะใช้เวลาร่วมกับเธอนานๆ จนเผลอแสดงออกนอกหน้าไปก็หลายหน ฉะนั้นพอได้ยินคำถามแบบนี้ เขาจึงไม่รอช้าที่จะรีบอาสาพาไปด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด ยอมแม้กระทั่งฝากเจ้าลักกี้เอาไว้กับสองสามีภรรยาเพราะไม่อาจพามันขึ้นไปด้วยได้เพราะอากาศที่หนาวจัดกลัวว่ามันจะป่วยไปเสียก่อน

หลังจากตกลงว่าจะเดินทางไปดูตัวเจ้าจามรีแล้ว ทั้งคู่ก็ร่ำลาผู้มีอุปการคุณที่ให้ทั้งชุดอาหารและที่พักโดยพอลเองก็ไม่ลืมที่จะให้สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทน จริงอยู่ว่าน้ำใจวัดตีค่าเป็นเงินไม่ได้ แต่การให้ความช่วยเหลือที่เขาพอจะเอาไปใช้ในภายภาคหน้าก็ถือว่าเป็นการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ ดังนั้นทั้งคนให้และคนรับต่างก็มีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ช่างทอผ้าบอกกับหญิงสาวที่อยากจะเห็นจามรีตัวเป็นๆ สักครั้งในชีวิตว่าจุดที่เลี้ยงจามรีไม่ไกลจากตัวหมู่บ้านนัก เธอจึงเชื่อตามนั้น ไม่ทันคิดว่าไม่ไกลของเขามันจะกลายเป็นใกล้กว่าการเดินทางจากทิมพูมาโคมานิดเดียว

เรื่องระยะทางไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะที่ต้องกังวลคือยิ่งขึ้นมาสูงเท่าไหร่อากาศก็ยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น แม้จะตื่นเต้นกับการที่สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน แต่มันก็ไม่ช่วยให้อากาศที่หนาวไปถึงกระดูกทุเลาลงได้

“ไหวไหมครับ ข้างหน้ามีที่พักอยู่ที่หนึ่ง ผมว่าเราแวะกันก่อนดีกว่า ดูท่าคุณมินนี่น่าจะต้องการการปรับตัว”

ชายหนุ่มพูดถูกเพราะหากเธอฝืนขึ้นไปต่อละก็เลือดคงแข็งไปก่อนแน่ๆ ตอนนี้เธอก็เริ่มจะถูกความดันอากาศเล่นงานแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางความสูงในระดับเกือบ 3,300 เมตรจะมีโรงแรมเล็กๆ น่ารักตั้งอยู่ เมื่อเทียบกับโรงแรมแรกที่เธอพักโรงแรมนี้เล็กกว่าแต่กลับตกแต่งออกมาได้ดูดีกว่า ยิ่งกว่านั้นไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเจอคนไทยที่โรงแรมเล็กๆ ที่มีห้องพักเพียงแค่ 4 ห้องแห่งนี้

“ผมมาถ่ายทำรายการครับ มีทีมงานมาด้วย 4 คน มีไกด์ชาวภูฏานมาด้วยอีก 1 คนอย่างที่เห็นนี่แหละครับ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอคนกันเองที่นี่” โปรดิวเซอร์รายการท่องเที่ยวช่องฟรีทีวีช่องหนึ่งที่พอจะเคยคุ้นหน้ากันเอ่ยขึ้นมาขณะที่เธอรอพอลกำลังทำเรื่องเช็คอิน

“นี่จะไปถ่ายทำที่ไหนกันต่อคะ ใช่หมู่บ้านที่เลี้ยงจามรีหรือเปล่า เราสองคนก็กำลังจะไปเหมือนกันค่ะ”

“จริงหรือครับ บังเอิญจริงๆ อย่างนี้คงไปด้วยกันได้สบายเลย” ที่ชายหนุ่มกล้าชวนก็เพราะเขาเองก็รู้จักและคุ้นเคยกับชนมนดี แม้จะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ก็เคยร่วมงานกันและเคยเห็นหญิงสาวที่กองถ่ายของชวิน ซึ่งเป็นรุ่นน้องของเขาเอง

ชนมนเองก็ดีใจที่จะได้มีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้น แม้จะรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่คอยมองมาอยู่เนืองๆ ของหนุ่มลูกครึ่งไทย-ภูฏานบ้างเล็กน้อย

“นี่คุณมินนี่มากับเพื่อนหรือครับ” โปรดิวเซอร์มาดเซอร์วัย 35 เอ่ยถามเมื่อได้ยินหนุ่มหล่อหน้าตาดีคนนั้นเอ่ยภาษาท้องถิ่นกับเจ้าของโรงแรม

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนมินนี่เองค่ะ อาสามาเป็นไกด์ให้”

“พี่ชายคุณมินนี่สบายดีนะครับ ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอชินดูเหมือนเขาจะมีปัญหากลุ้มอกกลุ้มใจ” โปรดิวเซอร์หนุ่มชวนคุย

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่ชินเขาแค่ทะเลาะกับนางเอกโฆษณานิดหน่อยเป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้ว”

“แล้วคุณมินนี่มาภูฏานเพื่อมาเที่ยวโดยเฉพาะเลยหรือครับ”

“มินนี่มาทำงานค่ะ พอมีเวลาเหลือนิดหน่อยก็เลยเที่ยวเสียเลย” หญิงสาวเล่าให้ชายหนุ่มฟังอย่างคร่าวๆ พอดีกับที่พอลเดินหน้าเครียดมาหา

“มินนี่ครับ มีปัญหาเรื่องห้องนิดหน่อยครับ” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงกังวล ก่อนจะปรายตามองผู้ชายอีกคนที่ยืนคุยกับเธออยู่ โปรดิวเซอร์หนุ่มรู้โดยสัญชาตญาณทันทีจึงได้รีบเอาตัวเองออกมาจากวงสนทนา

“ผมขอตัวก่อนนะครับ ถือโอกาสราตรีสวัสดิ์เลยแล้วกันนะครับ”

คนถูกบอกราตรีสวัสดิ์พยักหน้างงๆ แล้วหันมาให้ความสนใจหนุ่มที่มาด้วยกันต่อ

“มีอะไรคะ”

“ตอนนี้ห้องพักเหลือเพียงห้องเดียวครับห้องเตียงคู่ อีก 3 ห้องที่เหลือมีคนเข้าพักแล้ว”
ชนมนแทบจะเอามือก่ายหน้าผากทันทีที่อีกฝ่ายบอกให้ทราบถึงปัญหา

“จากที่นี่ไปไม่มีที่พักแล้วใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มพยักหน้า

หญิงสาวเครียดขึ้นทันตาเห็น นี่ก็ค่ำมากแล้วหมอกลงจัดขนาดที่ส่องไฟยังมองอะไรไม่เห็น เรื่องความหนาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง อากาศข้างนอกหนาวชนิดที่เอาน้ำเปล่าไปวางทิ้งไว้แล้วขึ้นเกล็ดน้ำแข็งบางๆ ได้เลย

“เอาอย่างนี้แล้วกัน เพื่อความสบายใจของเราทั้งคู่ ผมจะออกไปนอนที่รถเองครับ ส่วนห้องนอนผมยกให้คุณ แต่ผมคงต้องขออาบน้ำทานข้าวที่ห้องก่อนได้ไหมครับ”

หญิงสาวตกใจในข้อเสนอของเขา อยากจะเอ่ยออกมาว่า จะบ้าหรือ ข้างนอกอากาศแทบจะทำน้ำแข็งได้ขนาดนั้น ต่อให้นอนในรถก็ไม่รอดที่จะแข็งตายหรอก

ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่เธอก็พูดอะไรไม่ออก ไอ้การจู่ๆ จะให้นอนร่วมห้องกับชายหนุ่มที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องมันไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงดีๆ ควรทำอยู่แล้ว แล้วไหนจะมีคนรู้จักอยู่ในสถานที่เดียวกันอันเสี่ยงต่อชื่อเสียงของเธอ แต่จะให้ปล่อยเขาไปนอนหนาวอยู่ด้านนอกก็ออกจะเกินไป
โอ๊ย ทำยังไงดี

“งั้นเอาตามนี้นะครับเดี๋ยวผมไปคอนเฟิร์มกับทางเจ้าของโรงแรมก่อน คุณมินนี่มีอะไรที่ต้องการอยู่ในรถอีกไหมครับเดี๋ยวผมไปหยิบให้ คุณจะได้ไม่ต้องออกไปเจออากาศหนาวด้านนอก”

ชนมนส่ายหน้า ใบหน้าคมเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ ร่างสูงหมุนตัวกลับไปคุยกับเจ้าของโรงแรมเพื่อทำการตกลงและจ่ายเงินค่าห้อง ก่อนจะหลับมาช่วยหญิงสาวยกกระเป๋าไปที่ห้องพัก

ห้องพักของโรงแรมแห่งนี้มีหลายอย่างที่ทำให้ชนมนรู้สึกทึ่ง ภายใต้ขนาดห้องที่กะทัดรัดถูกตกแต่งได้สวยงามกว่าที่คิด ผนังห้องที่ทาสีเหลืออ่อน ตกแต่งด้วยลายดอกไม้ หน้าต่างกระจก ส่วนเตียงคู่นั้นแยกกันอยู่คนละมุมที่ห่างกันเพียงครึ่งก้าว ขณะที่ปลายเตียงมีเตาผิงให้ความอบอุ่นแทนฮีตเตอร์ตลอดคืนที่ทางโรงแรมได้ติดไฟเอาไว้ให้พร้อมฟืนตะกร้าเล็กๆ วางอยู่ให้ลูกค้าใช้เติม ถัดจากเตาผิงเป็นห้องน้ำ ในห้องน้ำมีถังไม้ขนาดเท่าอ่างที่มีน้ำอยู่เต็มถังไว้ให้ลงไปแช่แต่พอหญิงสาวจุ่มมือลงไปในถังถึงกับหดมือขึ้นแทบไม่ทัน

“นี่เราต้องอาบน้ำเย็นขนาดนี้กันหรือคะ” หญิงสาวถามเสียงอ่อยเริ่มจะคิดถึงเครื่องทำน้ำอุ่นที่บ้านที่มีแต่ไม่เคยได้เปิดใช้เพราะอากาศในกรุงเทพฯ ไม่เคยหนาวให้เธอต้องเปิดใช้เสียที

เสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้น ก่อนจะบอกให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมาหน่อย “เปล่าหรอกครับ สักเดี๋ยวจะมีพนักงานเอาหินที่เผาจนร้อนจัดนำมาวางลงในถัง แล้วความร้อนจากหินก็จะทำให้น้ำที่เย็นอยู่เมื่อครู่อุ่นขึ้นมาทันที ไม่หนาวแน่นอน แต่ไม่รับประกันหลังอาบน้ำเสร็จนะครับ”

“อย่างนี้นี่เอง ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ” ขณะกำลังจะหันกลับมาที่เตาผิงร่างเธอชนเข้ากับร่างหนาของชายหนุ่มที่ยืนเท้ามือกับกรอบประตูเข้าพอดีจังหวะนี้ทำให้ร่างบางเซไปด้านหลังเล็กน้อยทำเอาคนเห็นตกใจรีบคว้าเอวบางเอาไว้ทันที

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยก้มหน้าลงไปใกล้เพื่อรอคำตอบ

คนถูกถามอึกอักรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องไม่กล้าเงยหน้ามองเขาได้แต่สั่นศีรษะไปมา อ้อมแขนแกร่งคลายออกในทันทีก่อนจะเดินถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวเพื่อหลีกทางให้หญิงสาวเดินมานั่งที่หน้าเตาก่อนจะจัดการกับอาหารที่ถูกจัดเอาไว้ให้

ความร้อนจากเตาผิงแผ่ออกมาทำให้อากาศภายในห้องอบอุ่นขึ้น ใบหน้าขาวเริ่มมีสีเลือด แก้มขาวๆ เริ่มจะอมชมพูน่าเอ็นดูที่สุดในสายตาของพอล

ชนมนรู้ตัวว่ากำลังถูกชายหนุ่มจ้องแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว ในใจพยายามหาเรื่องคุยเพื่อเบนความสนใจของนัยน์ตาพราวระยับให้ออกห่างจากใบหน้าของตน

“เมื่อครู่มินนี่คุยกับโปรดิวเซอร์รายการท่องเที่ยวที่ไทยค่ะ เขาบอกว่าเขาจะไปที่เดียวกับเรานะคะ ถ้าพรุ่งนี้เราจะออกพร้อมเขา คุณพอลคิดว่ายังไงคะ”

สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนทันที “คุณมินนี่อยากไปพร้อมพวกเขาหรือครับ”

หญิงสาวพยักหน้ายิ้มเหมือนเด็กที่เจออะไรถูกใจ

จริงๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายคิดเล็กคิดน้อยหรอกนะ อีกอย่างเท่าที่ดูสายตาของหนุ่มเซอร์คนนั้นก็พอจะดูออกอยู่ว่าไม่ได้คิดอะไรกับคนของเขา ฉะนั้นคราวนี้เขาจะยอมตามใจเธอก็ได้

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”

“ดีเลยค่ะ งั้นพรุ่งนี้เราคงต้องตื่นให้ทันพวกเขา ไปกันเยอะๆ อย่างนี้สนุกดีว่าไหมคะ” เธอเงยหน้าจากเตาผิงขึ้นถามความเห็นไกด์หนุ่มจำเป็น และเธอเพิ่งรู้ว่าเธอคิดผิดเพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเธอก็สบเข้ากับดวงตาคมกล้าที่หวานฉ่ำ แก้มที่อุ่นอยู่แล้วชักจะร้อนขึ้นมาทันใดจนหญิงสาวนึกหมั่นไส้ในความไร้เดียงสาของตัวเอง

“เวลาคุณมินนี่เขินนี่น่ารักดีนะครับ” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งขึ้นมา

คนถูกชมสายฟ้าแลบผงะไปเล็กน้อย นึกอยากจะเอานิ้วจิ้มตาวาวๆ ของเขาขึ้นมาจริงๆ เธอเริ่มจะสงสัยแล้วว่าที่หมู่บ้านโคมาเขาไปกินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าถึงได้ดูต่างจากทุกที เธอไม่ชอบเลยเพราะมันทำให้เธอทำตัวไม่ถูก

หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาจากห้องน้ำ ชนมนที่ใช้เวลานั่งทบทวนความสมเหตุสมผลในระหว่างที่รอเขาอาบน้ำก็ลุกขึ้นจากเตียงทันทีเมื่อเขาตั้งท่าหอบผ้าห่มผืนบางๆ กับหมอนอยู่บนเตียงตรงกันข้ามขึ้นมาถือไว้แนบอกกว้าง
อาการเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของหญิงสาวบวกกับสีหน้าเลิ่กลั่กทำให้เขาอดจะถามไม่ได้ว่าเธอเป็นอะไร

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“เอ่อ คุณพอลจะออกไปข้างนอกหรือคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างงงๆ ในคำถามของหญิงสาว

“คุณมินนี่จะได้จัดการธุระได้สะดวก เสร็จแล้วก็รีบเข้านอนด้วยนะครับ พรุ่งนี้เรายังต้องใช้แรงกันอีกเยอะ ฝันดีครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานบอกราตรีสวัสดิ์แล้วกระชับอุปกรณ์การนอนอีกรอบก่อนจะเดินจากไป

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจากที่เป็นเขาคงจะออกจากห้องนี้ไปแล้ว ทว่ากลับมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นมีมือเรียวที่คว้าเอาชายเสื้อด้านหลังของเขาเอาไว้ คิ้วดกดำเลิกขึ้นในทันที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองตั้งแต่มือเรียวที่รั้งชายเสื้อของเขาเอาไว้ขึ้นไปจนถึงใบหน้าเรียวที่ก้มงุด

ยิ่งเห็นสายตาเขามองมาอย่างแปลกใจคิดแล้วชนมนอยากจะตีมือตัวเองจริงๆ เจ้าของมือตัดสินใจปล่อยชายเสื้อคนร่างสูงพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับเขา

“ไม่ต้องออกไปไหนหรอกค่ะ นอนด้วยกันที่นี่แหละ” ในที่สุดเธอก็เอ่ยออกมาจนได้ หญิงสาวทั้งโล่งใจทั้งเคอะเขินเกิดมาไม่เคยชวนผู้ชายนอนด้วยสักที

ตุบ! เสียงหมอนและผ้าห่มหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นทันทีที่เสียงหวานเอ่ยจบ

มือหนาที่หอบหมอนและผ้าห่มอยู่เกิดหมดแรงขึ้นมาดื้อๆ

“นอนด้วยกันหรือครับ?” เสียงทุ้มทวนคำพูดเธออย่างไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจถูกหรือเปล่า

“นี่คุณ! มินนี่หมายถึงนอนที่เตียงโน้นน่ะค่ะ คุณพูดแบบนี้ทำให้มินนี่อยากเปลี่ยนใจ” หญิงสาวบ่นอุบให้คนตัวโตที่ยืนยิ้มแหยๆ

“ผมเปล่านะครับ ก็คุณมินนี่พูดกำกวมเองนี่นา โอเคครับ นอนร่วมห้องเฉยๆ คนละเตียงด้วย” ชายหนุ่มเสียงอ่อยเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของคนร่างเล็กตวัดสายตาขึ้นมามอง

หลังจากตกลงทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็คว้าเอาข้าวของส่วนตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

“ขอบคุณมากนะครับที่ปราณีไม่ทิ้งให้ผมต้องนอนหนาวอยู่ข้างนอก” ร่างบางชะงักตอบกลับเสียงอ้อมแอ้ม

“มินนี่ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นเสียหน่อย”

โธ่เอ๊ย ใจจริงก็ไม่อยากออกไปนอนข้างนอกตั้งแต่แรกแล้วก็ไม่ยอมบอก มัวแต่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ นี่ถ้าเกิดแข็งตายขึ้นมายัยเดียร์ไม่ฆ่าฉันตายหรือ ฐานปล่อยให้พี่ชายหล่อนหนาวตายท่ามกลางหิมะข้างนอกนั่น

“ผมทราบครับ แต่ก็อยากขอบคุณอยู่ดี ขอบคุณนะครับที่เชื่อใจผม”

ใบหน้าคมมองแผ่นหลังบางด้วยสายตาปลื้มใจก่อนจะล้มตัวลงนอนเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบอะไรอีกนอกจากเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
ที่เหลือก็หน้าที่ของเขาแล้วที่ต้องรีบนอนให้กลับจะได้ไม่ต้องจินตนาการเมื่อยามได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องน้ำ ไหนจะกลิ่นหอมเนื้อนวลหลังอาบน้ำของสาวๆ อีก ถ้าไม่รีบนอนตอนนี้เขาลำบากแน่ๆ ดีที่เขาเดินทางมาเหนื่อยเกินจะทนถึงได้หลับง่ายกว่าที่คิด



++++++++ตอนนี้ที่เพจมีเกมให้ร่วมสนุกเพื่อฉลองผลงานเล่มที่ 10 ของลาฌีนุสนะคะ ไปร่วมสนุกกันน้า ^^+++



ลาฌีนุส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2556, 11:05:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2556, 11:05:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1347





<< บทที่ 9 บรรยากาศเป็นใจ?   บทที่ 11 สารภาพ >>
จิรารัตน์ 28 ก.ย. 2556, 16:55:03 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account