Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: เกิดอะไรกับใจ...


วิธีการเอาขนมและน้ำสมุนไพรเย็นชื่นใจดับกระหายร้อนย่อมได้ผลเสมอ อิศยามองกลุ่มคนที่กำลังติดกับดักของเธอด้วยรอยยิ้มกริ่ม ตั้งแต่วานซืนที่กลับมาจากงานวันเกิดของป้าแก้ว อิศยาก็ยิ่งอยากรู้ว่าร้านของเธอเป็นอย่างไรบ้าง ภาระหนักอึ้งที่เคยกังวลเกี่ยวกับพ่อหายไป พานคิดไปถึงวันเปิดร้านที่เธอจะพาพ่อแม่มาตัดริบบิ้นให้เสร็จสรรพ โชคดีที่พอคุณศิยารู้ความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับปัณณ์ก็ไมได้มาตามนอนเฝ้าถึงกรุงเทพ และยังหน้าระรื่นบอกมาอีกว่า

‘กลับไป สาวก็มา แม่จะไปแย่งที่นอนลูกๆ ทำไม’

สวเนตรขี้บ่นอย่างกับอะไร...ถ้ารู้ว่าเธอโกหกอะไรที่บ้าน มีหวังเอาตาย นี่ยังดีที่แม่กำชับมาให้อีกว่า ‘แม่ยอมให้ย่าโกหกต่อไป ย่าก็รู้ใช่ไหมว่าพี่สาวรู้ไมได้เด็ดขาด ถ้ารู้เรื่องนี้ถึงหูของพ่อแน่ๆ ฉะนั้นลูกเป็นคนเริ่มเรื่อง ลูกก็ต้องเล่นต่อไปให้จบ’

ไม่ต้องรอให้สวเนตรกลับมาในเย็นวันนี้ อิศยาก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเล่นละครอยู่ตลอดเวลาอยู่ดี ถึงหกคนจอมหักหลังเธอจะรู้เรื่องความสัมพันธ์จอมปลอมระหว่างเธอกับปัณณ์ดีแค่ไหน ก็ทำเหมือนไม่รู้เสียอย่างนั้น คอยบังคับให้เธอต้องแสดงละครให้ดีเวลาอยู่ต่อหน้าองศา น้องสาวที่เพียรหาผู้หญิงมาให้พี่ชายตัวเองได้เลือกเหมือนสินค้า

ไม่รู้องศาจะจงเกลียดเธออะไรนักหนา ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรให้สักอย่าง...อิศยาสั่นศีรษะไล่ความคิดสะระตะในหัวออกไปชั่วคราว มองสิ่งก่อสร้างตรงข้ามร้านหนังสือด้วยหัวคิ้วที่เกือบชนกัน

การก่ออิฐทรงแปลก ฉาบปูนทรงโค้ง ไหนจะรูปทรงเหมือนชามข้าวญี่ปุ่นมาวางประกบกัน มันประหลาดจนอิศยาอยู่นิ่งไมได้ ไม่รู้เลยว่าจำนวนช่างมากมายที่ปัณณ์ไปติดต่อขนมาให้นั้น จะขยันสร้างได้รวดเร็วขนาดนี้ และมันออกจะแปลกกับการเห็นร้านของตัวเอง

พยายามไล่เรียงเอากับแก๊งค์ลิงหกคน พวกนั้นก็เอาเรื่องสอบมาเป็นข้ออ้าง ยัดนิยายเรื่องใหม่ของร้านใส่มือเธอ แล้วจัดการปิดร้าน ล็อกประตูไม่ให้อิศยาได้เข้าไป พวกนั้นไม่รู้หรอกว่าการกระทำแบบนี้มันยิ่งน่าสงสัย

ช่วงจังหวะที่นายช่างปล่อยแบบออกจากมือ อิศยาก็คว้าหมับด้วยการย่องเบาไม่ต่างจากแมวขโมย วิ่งหลบไปในตัวตึกอพาร์ทเมนท์ที่ทั้งสองร้านตั้งอยู่ ยิ้มทักทายให้พนักงานอย่างเป็นมิตร เพราะเธอมาป้วนเปี้ยนหยิบของติดไม้ติดมือมาฝากที่นี่เสมอ รอให้พ้นสายตาอยากรู้ด้วยการเข้าไปในร้านซักรีดที่มีแต่เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญทำงานเกือบสิบเครื่อง

“ขอพื้นที่ตรงนี้แค่แปบเดียวนะคะป้า” อิศยายิ้มหวานหยดให้ป้าเจ้าของร้านซักรีดอีกรอบ ยืนสงบนิ่งตรงบานประตู กระจก ค่อยๆ คลี่แบบในมือ ดวงตาจดจ้องลายเส้นดินสออันสุดแสนคุ้นตา แบบสเก็ตซ์ที่เสร็จในเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่มีราคาเทียบเท่าข้าวมันไก่หนึ่งจานในที่สุดก็เปิดเผยต่อหน้าเธอ

จากความอยากรู้ ใบหน้าสีขาวเริ่มขึ้นสีชมพู ลามไปจนถึงสีแดงก่ำ ปากเม้มแน่น ลมหายใจหยุดชะงักคราว ดวงตาถลึงมองนิ่ง ไม่แน่ใจว่าแบบตรงหน้าเธอ คือยานอวกาศจากดาวดวงไหน ถึงมันจะสวยงามด้วยความแปลกตา จากรูปทรงภายนอก และพื้นที่ภายในที่จัดสรรมาอย่างดี บนชั้นหลังคาที่เธอคิดว่าจะปิดสนิท เปิดเป็นลานโล่ง จัดโต๊ะตั้งได้อีกสี่ถึงห้าตัว รับบรรยากาศใต้เงาไม้ใหญ่ได้พอดี

อิศยายอมรับว่ามันดีในเรื่องการใช้พื้นที่ แต่รูปแบบร้านแรกในชีวิตของเธอ ทำไมถึงได้มีรูปทรงเป็นยานอวกาศ มือสองข้างกำกระดาษแบบจนเริ่มยับ ภาพผู้ชายที่คิดว่าใจดี เสนอราคาแบบแสนถูกกำลังหัวเราะเป็นมนุษย์ตัวร้ายในเรื่องหนังยอดมนุษย์เวลาจัดการตัวเอกได้อย่างสะใจขณะวาดเป็นอย่างไร ปัณณ์คงหัวเราะจนตกเก้าอี้ และรอให้ถึงวันที่เธอจะได้เห็นแบบนี้

เขามันร้ายกาจ...ทำเป็นตีหน้าคนดีในระยะนี้ ที่แท้ก็จอมมารเข้าสิง ไม่สิ จอมมารคือตัวจริงของเขา

อิศยาเบะปาก หายใจเข้าออกแรงด้วยอารมณ์ สองขาวิ่งพาร่างไปหาเป้าหมายที่เธอต้องเล่นงาน สวนกับนายช่างที่ใบหน้าซีดเผือดกับการเห็นแบบในมือของเธอ อึกอักแค่คิดจะขอแบบที่ตนวางไว้จนถูกหยิบไปดูคืน

ทั้งที่เจ้านายสั่งย้ำนักหนาว่าถ้าไม่จำเป็นก็ให้พกแบบนี้มาให้น้อยที่สุด และให้ห่างจากเจ้าของร้านมากที่สุด แต่การสร้างที่ออกจะผิดแผกไปจากร้านกาแฟทั่วไป ตามสไตล์ของปัณณ์ เขาจำเป็นต้องหยิบติดตัวมาเช็คโครงสร้างร้านอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้ ความลับรั่วไหลเสียแล้ว

“ผมคงเปลี่ยนแบบไม่ได้นะครับ แบบของคุณปัณณ์ พวกเราไม่คิดแก้อะไรอยู่แล้ว”

“จะให้ฉันรู้ตอนวันเปิดร้านเลยหรือไงคะ” เม้มปาก คุมเสียงไม่ให้ระเบิดอารมณ์ออกไป อิศยายังสำนึกว่าดีแค่ไหนที่คนพวกนี้ต่างมาลงแรงลงใจหลายแรงเพื่อร้านเล็กๆ ของเธอ

“เอ่อ...เป็นคำสั่งของคุณปัณณ์ครับ แต่คุณปัณณ์อาจจะอยากเซอร์ไพร้ส์คุณ”

“มากค่ะ...แต่เป็นโกรธมากนะคะ” ยัดแบบใส่มือนายช่างไป รู้ดีว่ามาหาความกับคนสร้างไปก็ไร้ประโยชน์ ตัวต้นเหตุต่างหากที่เธอต้องไปจัดการ รีบวิ่งกลับไปยังสถานที่ที่อิศยามั่นใจว่าเขาต้องอยู่

ปุณณ์เปิดประตูร้านหนังสือออกมา สีหน้าสยดสยองเมื่อพายุลูกย่อมผ่านไป ทั้งหกเกาะกระจกมองแต่ไม่กล้าเอาตัวเข้าไปขวางจริงๆ ตั้งแต่อิศยาวิ่งกลับมาพร้อมแบบในมือ คุยกับนายช่างไม่กี่คำแล้วจากไป

“พี่ปั้นท่าจะเดือดร้อนแล้วว่ะ” หนุ่มตัวเล็กที่สุดในกลุ่มกล่าวออกมาอย่างสยดสยอง ตบไหล่น้องชายเจ้าของร้านไปอย่างปลอบใจ “โทรไปบอกให้พี่แกเตรียมรับมือพายุลูกนี้จะดีกว่า”

จากสีหน้าสยดสยองเริ่มเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ มุมปากเหยียดเป็นรอยยิ้ม อย่างคนนึกสนุก “ไม่ว่ะ งานนี้พี่ปั้นก่อ พี่ปั้นก็ต้องแก้เอง ให้ย่าได้ฟิวส์ขาดบ้าง ดูซิว่าคนที่ไม่ชอบให้ใครมาอาละวาดใส่ ขี้รำคาญเป็นที่หนึ่งอย่างพี่ปั้น จะไล่ จะรั้ง หรือจะรัก”

อีกห้าคนส่งเสียงประท้วง โห่ไม่เชื่อกันถ้วนหน้า “อย่างพี่ปั้นเนี่ยนะ จะรัก ฉันว่าตูม ร้อนกับร้อนเสียมากกว่า ร้อยทั้งร้อยเชื่อสิ”

ปุณณ์หัวเราะหึ สายตามองพวกไม่ดันคนคู่นี้ด้วยสายตาเป็นต่อ “อยากหาอะไรแก้เครียดสักครึ่งชั่วโมงไหม ใครสนใจไปซุ่มดูคนวิวาท ก็ตามเฮียมาโลด”

หนุ่มตี๋หัวโจกวิ่งนำไป แล้วมีหรือเพื่อนลิงผู้อยากรู้จะไม่ตามติดกันเป็นขบวน


ปัง...ปัง...ปัง

เสียงเคาะประตูหนักหน่วงขึ้นตามแรงอารมณ์อันคุกรุ่น อิศยาคิดว่าถ้าเธอพังประตูข้างห้องเธอไปได้ หญิงสาวมั่นใจว่าเธอจะทำ แล้วกระชากคอเสื้อปัณณ์มาถาม ข่มขู่ให้หงอกันไปข้าง มีอย่างที่ไหนร้านของเธอแท้ๆ แต่ถูกออกแบบได้ทำร้ายจิตใจกันยิ่งยวด...ทั้งที่ไว้ใจในฝีมือของเขามาก แล้วดูเขาตอบแทนความไว้ใจของเธอ

กำปั้นเล็กลงมือทุบไปอีก ไม่สนว่าจะมีผู้ร่วมหอพักในชั้นเดียวกันเปิดประตูออกมาดูด้วยความอยากรู้ พอเห็นว่าเป็นเธอ ทุกคนก็ดูจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรถึงได้ถอยทัพกลับเข้าห้องอย่างเงียบสงบ ไม่วาย ผู้หญิงห้องตรงข้ามของเธอเอ่ยเตือนให้ใจเย็น แต่คนฟังกลับรู้สึกใบหน้าเห่อร้อนมีควันพวยพุ่ง

“ใจเย็นๆ นะคะ คนรักกันก็ต้องคุยกันดีๆ สมัยนี้ ผู้ชายก็แบบนี้แหละ ไร้ความรับผิดชอบ”

ไร้ความรับผิดชอบ...นี่คนพวกนี้คิดว่าเธอกับเขา อิศยากำมือแน่นขึ้น เผลอจิกเล็บเข้าเนื้อจนเจ็บ เม้มปากแน่นไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้อง สมองเริ่มทำงานเรียบเรียงได้ว่าคนพวกนี้ต้องคิดว่าเธอกับปัณณ์เป็นอะไรกัน...จากเหตุการณ์ห้องแตก กางเกงหลุด ชุดชั้นในของเธอเสียความบริสุทธิ์แน่ๆ

เธอเสียหายนะ...อิศยารู้สึกว่า ณ ตอนนี้อะไรที่เกี่ยวกับปัณณ์ ก็มีแต่ติดลบ และถาโถมเรื่องแย่ๆ ให้อิศยาต้องอดกลั้น นี่ก็อีก เคาะจนมือจะพัง คนในห้องก็ไม่ยอมเปิดออกมาเสียที

ปัง...”พอเลยนะ!”

กำปั้นคลายลงอัตโนมัติ ภาพผู้หญิงตีหน้ายุ่ง สีหน้าวาวโรจน์ยิ่งขึ้นยามที่เห็นหน้าเธอ

“คุณองศา” อิศยาจ้องผู้หญิงในชุดนอนเนื้อบาง ผมเผ้าไม่เป็นทรงด้วยอาการตะลึงงัน หัวใจจากที่โหมด้วยแรงโกรธราวกับมีใครไปหยุดการทำงานของมันให้จบลง หญิงสาวรู้สึกจังหวะหัวใจของเธอมันเต้นหน่วง ช้า และมีความเจ็บปวดแผ่ออกมาจนหายใจได้ลำบาก

แววตาของอิศยามององศาอย่างผิดหวัง แต่กับใครอีกคนที่บอกว่าองศาเป็นญาติผู้น้อง แต่ดูการกระทำของเขา...ปัณณ์ที่เธอรู้จักคงมีแค่เปลือก ซุกซ่อนสิ่งดำมืดไว้อย่างแนบเนียน

อิศยาหมุนตัวกลับ สมองยังรู้สึกมึนงงเหมือนโดนตีด้วยของหนักไม่หายกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ปิดประตูลงได้ก็ทรุดตัวนั่งลง หลังพิงบานประตู สีหน้าสับสน และหวาดหวั่นต่อความรู้สึกน่ากลัวของหัวใจเธอ

ผิวขาวเนียนไร้สีเลือด มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบอกซ้ายที่กำลังบรรเลงความเจ็บปวดออกมา ความผิดหวัง เป็นสิ่งที่อิศยากำลังรู้สึกชัดเจน ที่จริงแล้ว เขาเอาเธอมาขวางทางองศา ก็แค่ฉากหลอกตา

แล้วมันเรื่องบ้าอะไรที่เธอต้องมารู้สึกแย่กับการกระทำของปัณณ์...อิศยาหลับตา ภาพผู้ชายคนหนึ่งที่แม้จะไม่เต็มใจช่วยเธอสักอย่าง แต่ท้ายที่สุดเขาจะยอมลงให้เธอเสมอ

แต่ภาพความจริงที่เพิ่งรับรู้มันตอกย้ำใจอิศยา...กับน้องกับนุ่งเขาก็ยังไม่เว้น อิศยาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ไม่ยอมให้ความอ่อนแอเข้าครอบงำจิตใจของเธอได้นานนัก แม้ตอนนี้อิศยาจะมั่นใจว่าความรู้สึกแปลกประหลาดของตัวเอง คืออะไร

“มันต้องไม่ใช่...ไม่มีทางหรอก” อิศยาพูดเบาๆ กับตัวเอง ไม่อยากยอมรับถึงบางสิ่งในความรู้สึกของตัวเอง โดยเฉพาะกับผู้ชายที่เธอค้นพบข้อผิดพลาดของเขาในวันนี้อีกหลายข้อ

เขามันก็เป็นจอมมารตัวร้าย...เป็นได้แค่นั้นสำหรับเธอ อิศยาพยายามย้ำเตือน ทั้งที่ส่วนลึกบอกว่า เธอกำลังกลัวความรู้สึกบางอย่างของตัวเอง...

ปัง...ปัง กำปั้นหนักทุบลงบานประตูอย่างจงใจ เสียงคนเคาะดังห้วนชัดเจน “เปิดเลยนะ หน้าไม่อายมาเคาะห้องผู้ชาย นี่ถ้าพี่ปั้นอยู่ จะอ่อยเขาท่าไหนยะ”

วาจาแสลงหูดังได้ไม่เกรงใจใครหน้าไหน อิศยาขับไล่ความรู้สึกประหลาดไปด้วยความโกรธผู้ชายที่ชื่อปัณณ์ นาทีนี้แค่อยู่ใกล้เขาอิศยายังไม่อยากจะเฉียด

อิศยาลุกขึ้น เตรียมเผชิญกับผู้หญิงที่กำลัหงุดหงิดจากการถูกปลุกให้ตื่น ใบหน้ายุ่งเหยิง บิดเบี้ยว เพียงแค่อ้าปากอาละวาด เสียงย่างก้าวมั่นคงของปัณณ์ก็มาช่วยห้ามศึกเสียก่อน

ให้องศาอาละวาดยังจะดีเสียกว่า...ทั้งที่อยากปิดประตูใส่หน้าคนทั้งสองมากแค่ไหน แต่มือก็ยั้งไว้ได้ทัน เธอไม่อยากทำตัวผิดปกติให้ปัณณ์รู้สึกได้

เขาจะทำอะไรกับใคร มันเรื่องของเขา...อิศยาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะมีความน้อยใจ เสียใจในอกกับการมองเห็นดวงตานิ่งๆ ของปัณณ์
“เกิดอะไรขึ้น”

“องศากำลังนอนดีๆ ยัยผู้หญิงข้างห้องของพี่ก็จะถล่มประตูห้อง พอเปิดมาไม่เจอพี่ปั้น คงผิดหวัง” ร่างเล็กหัวกระเซิงยิ้มเย้ยปิดท้าย

“ขอโทษนะคะที่รบกวน พอดีฉันจำห้องผิด” อารมณ์พาไป อิศยาถึงตอบไปได้แบบเอาสีข้างถูจนเจ็บ และใครที่โดนปลุกให้ตื่นไม่ได้โง่ ตั้งท่าออกฤทธิ์ออกเดช ปัณณ์ถึงรีบปราม

“เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เป็นสาวเป็นนางมายืนแว้ดๆ แบบนี้ไม่ดี องศาไม่อายแต่พี่อาย ถ้าอยู่ที่นี่แล้วไม่สบาย ก็กลับบ้านไปก็ได้นะ พี่ไม่ว่า”

ปัณณ์ไล่เรียง สอนน้องน้อยที่ไม่ว่าผ่านไปเท่าไหร่ในสายตาเขาองศาก็เหมือนเด็กเล็ก พอโดนเข้าไปแบบหนัก องศากลับถลึงตามองอิศยาด้วยความแค้นเคือง เดินกลับเข้าไปในห้องด้วยความขัดใจที่เล่นงานอะไรอิศยาไม่ได้

“อารมณ์เสียจากไหนมา” ชายหนุ่มดันกรอบประตูไว้มั่นไม่ยอมให้ใบหน้าเรียบนิ่งของอิศยาได้ผลุบหายไปหลังบานประตู อิศยาใช้สายตาเหนื่อยหน่าย ตอบออกมาเสียงเบาแต่หนักแน่น

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” พยายามจ้องตาคู่สนทนาบอกว่าเธอไม่ได้โกหก แต่เพราะว่าแววตาเอาจริงของปัณณ์ที่มีแรงกดดันบางอย่างบอกว่าเขาไม่เชื่อ ท้ายที่สุดอิศยาจึงหลบตาเสียเอง “ฉันลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไร”

“ผมใช่ไหม”

“เกี่ยวอะไรกับคุณ” เชิดหน้าขึ้น เก็บซ่อนน้ำเสียงไม่พอใจไว้ไม่ได้

ปัณณ์มองอิศยาด้วยความไม่เข้าใจ “นี่แค่ผมไปนอนห้องอื่น คุณถึงกับหงุดหงิดที่หาผมไม่เจอหรือไง...ที่รัก”

“เอ๋?” สีหน้าประหลาดใจชัดเจน เมฆหมอกขมุกขมัวเหมือนจะถูกลมพัดหายไป คำเรียกสั้นๆ คำเดียววันนี้ดูจะมีคลื่นลมอ่อน ก่อตัวภายในใจของอิศยาด้วย ความร้อนไล่แตะผิวแก้มจนเป็นสีชมพูอย่างน่ามอง อิศยาคิดว่าเธอมองเขาดีขึ้นมาจากเดิมนิดหนึ่ง อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ใช่คนโรคจิต ที่คิดไม่ซื่อกับน้องสาวตัวเอง...

ปัณณ์มองอาการแปลกไปของอิศยาอย่างจับสังเกตโน้มตัวมาด้านหน้า รั้งไหล่อิศยาไว้ขณะที่เจ้าตัวตกใจก้าวหนีโดยอัตโนมัติ และคำพูดของปัณณ์ก็ทำให้อิศยาตั้งมั่นกับตัวเองอย่างแน่วแน่นับแต่นี้ไป...เธอจะไม่วอกแวก ไม่หวั่นไหวกับปัณณ์อีกเด็ดขาด จริงๆ นะ

“ออกไปธุระกับผมหน่อย อยู่ตรงนี้ผมคุยไม่สะดวก องศาจับสังเกตตลอด ผมอึดอัด” พูดกระซิบ ลมหายใจของปัณณ์เป่ารดหน้า หญิงสาวเจ้าของห้องหดคอหนี หลับตาปี๋ ภาพผู้หญิงตรงหน้ากำลังสร้างความขบขันให้ปัณณ์ หางตายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเอ็นดู แต่พออิศยาเปิดเปลือกตาขึ้นมา ใบหน้าเปื้อนยิ้มก็พลันเปลี่ยนเป็นดวงตาเจ้าเล่ห์

อิศยาดันอกปัณณ์ออก ขมุบขมิบปากบ่นพึมพำคนเดียวด้วยความรู้สึกเสียศูนย์ “ฉันไม่ไปไม่ได้เหรอคะ ไม่อยากโดนน้องรักคุณแหกอก”
“ผมให้เวลาคุณหนึ่งนาที เดินออกมาล็อกประตู แล้วเราออกไปกัน...แต่คุณจะไม่ไปก็ได้นะ” อีกครั้งที่ปัณณ์ยื่นหน้ามากระซิบชัดริมหู ให้คนฟังใจเต้นไม่เป็นส่ำ “ผมจะได้รู้ว่าคุณไม่อยากได้ลูกค้ากระเป๋าหนัก”

“ลูกค้า...กระเป๋าหนัก” อิศยาทวนคำ รอยยิ้มแต้มบนหน้า แววตาเป็นประกายจ้า เปลี่ยนมาคว้ามือของปัณณ์ดึงออกมาหน้าห้องเริ่มจัดการล็อกประตูห้องพักตัวเองเรียบร้อย “ถ้าบอกฉันให้เร็วกว่านี้ ฉันพร้อมจะไปกับคุณตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว”

“คุณนี่งกเข้าเลือดเลย”

โดนปัณณ์จี้ใจดำเรื่องเงินเข้าให้ ภาพร้านรูปทรงประหลาดที่เธอเผลอหลงลืมฉายชัดในความคิดทันที ปากบางเม้มเข้าเป็นเส้นตรง “จะได้มีเงินมาจ่ายร้านยานแม่ที่คุณออกแบบนั่นไง สัญญาก็ไม่มีเซ็น จะใช่ร้านของฉันจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ รูปทรงของมันทำภาพร้านในฝันของฉันสลายหมด”

หันหน้ามองไปทางอื่น แค่ต้องมองหน้าผู้ชายที่อยู่เหนือเธอทุกทางอย่างปัณณ์ อิศยายิ่งรู้สึกอารมณ์เสีย ตอนแรกเธอตกใจไม่น้อย ไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆ จากกองดินกองทราย จำนวนช่างที่มาทำจะเพิ่มขึ้นมาสร้างร้านได้รวดเร็วขนาดนี้ สัญญาอะไรก็ไม่มี ถ้าสรุปสุดท้ายเขายกร้านที่เธอทุ่มเทเพื่อให้ได้ที่ตรงนั้นมากับคนอื่น...เธอจะไปเรียกร้องอะไรกับใคร

จะว่าพิศวาสร้านแปลกประหลาดนั่นก็ใช่ที แต่การที่เธอเฝ้าที่ตรงนั้นยิ่งกว่าเจ้าที่ประจำศาลเพื่อร้านตัวเอง ทุ่มเทแรงกายใจมา ต่อให้ร้านเป็นรูปทรงประหลาดกว่านี้ เธอก็ไม่ปล่อยให้ใครเด็ดขาด ถึงยิ่งนึก ยิ่งโกรธคนออกแบบมากแค่ไหนก็ตาม

“คุณรู้แล้วเหรอ...ผมว่าร้านเหมาะกับคุณดีออก ผมตั้งใจเขียนแบบร้านให้คุณเลยนะ”

เห็นสีหน้า และท่าทางไม่รู้สึกผิด และคิดว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และถูกต้องที่สุดแล้ว อิศยาอยากหาอะไรมาปาอัดใส่หน้าของปัณณ์...ทั้งที่รู้ว่าเป็นความฝันของเธอ ในมุมมองของเขาร้านของเธอมีรูปร่างแบบยานอวกาศไม่พอ เขายังมีหน้ามาภูมิใจ

“พูดแล้วเดินหนี สงสัยจะปลาบปลื้มกับร้านจนพูดไม่ออก” ปัณณ์ยังสนุกกับการได้เห็นหน้าหวานสวยบิดเบี้ยวด้วยอารมณ์กรุ่น ปากเม้มเป็นเส้นตรง สองมือกำเข้าหากัน พร้อมปล่อยออกมาใส่หน้าเขาตลอดเวลา แต่ก็ทำไม่ได้

จะว่าไปก็น่าสงสาร...แต่ให้บอกว่าถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเจ้าของที่ตัวจริงจะไม่อนุญาต อิศยาก็ไม่โกรธ ตีงิ้วใส่เขาแบบนี้สิ

ชายหนุ่มเดินตามอิศยาโดยเว้นช่วงให้หญิงสาวได้หายใจคล่องจมูก หากจะพ่นควันออกแรงๆ ได้เพื่อระบายความกรุ่นโกรธ...คนอะไรแกล้งสนุกชะมัด

“เรื่องSweet Magicคุณยังอยากสร้างอยู่ไหม”

อิศยาหยุดเดิน มือเกาะราวบันไดไว้แน่น รู้สึกดีที่อย่างน้อยเขาก็ยังจำความฝันของเธอได้...”ทุกลมหายใจของฉัน ฉันฝันถึงแต่Sweet Magic” ดวงตาเปล่งประกายภาพฝันออกมาจนปัณณ์สัมผัสได้ ในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มตั้งท่าจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา ฝีเท้าเร็วแกมวิ่ง ของคนในชั้นเดียวกันไม่เอื้อให้ทั้งคู่อยู่เฉยได้อีก

ปัณณ์คว้าข้อมือเล็กฉุดให้ออกวิ่งไปด้วยกัน “ถ้าองศามา งานวันนี้ล่มแน่ ผมไม่อยากให้ฤกษ์วันนี้เสีย เข้าใจนะ”

คนโดนลากจนต้องวิ่งตามหลุดหัวเราะ สภาพของปัณณ์ดูไม่น่าเป็นแบบที่เธอคิดกังวลเลยสักนิดเดียว ตลอดเวลาที่ปัณณ์อยู่ต่อหน้าองศา เขาไม่เคยแสดงออกว่าปลื้มกับการกระทำขององศาสักครั้ง

ไม่รู้ว่าย่างก้าวของเธอก้าวไปเร็วขนาดไหน แต่สัมผัสอุ่นจากอุ้งมือของปัณณ์กำลังสั่นไหวหัวใจอิศยาให้เต้นโครมครามอย่างที่ไม่เคยเป็น...นี่เธอกำลังเป็นอะไร

“พี่ปั้นจะไปไหน ตอบองศาก่อนสิ หยุดเลยนะ” อิศยารู้สึกว่าเสียงแหลมแสบแก้วหูขององศาอยู่ไกลออกไปเรื่อยๆ ภายในรถที่เย็นฉ่ำ เคลื่อนตัวออกไป แต่ความอุ่น และสัมผัสชา คล้ายว่าปัณณ์ยังจับมือเธอไว้ไม่ปล่อยยังคงอยู่

“เรื่องร้าน ผมขอโทษที่ออกแบบแบบนั้นไป...แต่ความแปลกก็ดึงดูดคนได้ไม่ใช่เหรอ” เหมือนคุณ ปัณณ์ละคำสำคัญไว้หลังประโยค มองใบหน้าหวานละมุนตาทำปากยื่น ออกอาการงอนกับเรื่องร้านที่เขาทำไว้ไม่หาย “เอาอย่างนี้ไหม ถ้าคุณพิสูจน์ฝีมือต่อหน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาวงานนี้จนได้ดูแลขนมงานแต่งงาน ผมจะลดค่าก่อสร้างให้สิบเปอร์เซ็นต์ พร้อมเซ็นสัญญาเรื่องร้านทันทีหลังงานเสร็จ”

“นักธุรกิจ เรื่องต่อรองนี่เก่งเป็นที่หนึ่งจริงๆ ค่าแบบเท่าข้าวหน้ามันไก่หนึ่งจานทำฉันเจ็บจี๊ดๆ นี่ยังมาหน้าเลือดลดให้สิบเปอร์เซ็นต์อีก...ขอยี่สิบ ค่าเช่าที่ฟรีตลอดชีพ ถ้าคิดมายุ่งที่ตรงนั้น แล้วเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น จ่ายค่าชดเชยให้ฉันยี่สิบเท่าของรายได้ร้าน”

ปัณณ์หัวเราะหึ “ไม่ขอร้านฟรีๆ เลยล่ะครับ คุณพาติชิเย่”

อิศยามองค้อนขวับ...ไม่มีวัน นับจากนี้เธอจะระวังใจตัวเองให้แจ ผู้ชายร้ายกาจแบบนี้ เธอจะหวั่นไหวง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีวัน...จริงๆ นะ


“พี่ปั้น!” องศาวิ่งตามลงมาอย่างเดือดดาล เมื่อเห็นแค่ท้ายรถคันโตเคลื่อนตัวออกไป สาวผมสั้นยืนทึ้งผมตัวเองด้วยอารมณ์อันเดือดดาล การที่พี่ชายคอยตามใจน้องน้อยมาเสมอ ไม่ว่าเธอจะต้องการอะไรในอดีตนั้นปัณณ์ไม่เคยขัด อย่างตอนนี้ การที่เธอมาจัดการขอนอนในห้องเขา แล้วปัณณ์ต้องออกไปนอนที่อื่นเพื่อขัดขวางไม่ให้เขาอยู่ใกล้อิศยา ปัณณ์ก็ไม่ว่าอะไร

แล้วนี่คืออะไร...องศากระโดดเต้นเร่า งานหน้าเธอจะเล่นงานอิศยาให้มากกว่านี้จงได้

“ได้กลิ่นตุๆ แถวนี้ไหมเน้อพวกเรา” ปุณณ์เดินออกมาจากทางออกของหอพัก ผิวปากหวืออารมณ์ดี ขณะกอดคอเพื่อนไว้คนละข้าง หัวเราะอารมณ์ดีที่เพื่อนตัวโย่งในกลุ่มเป็นลูกคู่รับที่ดี

“รู้สึกจะมีคนไม่สระผมว่ะ”

“หวายๆ ใครหัวเน่า องศารู้ไหม” ปุณณ์ลอยหน้าลอยตาถาม จี้ใจดำลูกพี่ลูกน้องที่แก่ปีกว่าตนเล็กน้อยโดยไม่เกรง “ถ้าจะขวางทางรักสองคนนั้นล่ะก็ เราจะยิ่งผลักดันให้หนักขึ้น มาสู้กันสักตั้งไหมพี่สาว”

ปุณณ์เดินฮัมเพลง กอดอกเดินมาตรงหน้า ยิ้มกวนกับอาการพร้อมฉีกทึ้งอกเขาให้ขาดสะบั้นไปข้างขององศา “เจ๊น่ะก็โตแล้ว จะติดพี่ปั้นไปถึงไหน ติดผมบ้างก็ได้ เพื่อนตรึม สนใจไหมแนะนำให้ จะได้ไม่เป็นสาวโสดขี้หงุดหงิด หยุดรังควานเขาไปทั่วแบบนี้สักที”
“นายกล้าสอนฉันเหรอ” องศาจ้องเขม็ง เพื่อนทั้งห้าของปุณณ์พร้อมใจกันถอยหลังหนีรัศมีอาฆาตขององศากันไปหลายก้าว

หนุ่มใกล้ดวงซวยยังคงไหวไหล่ไม่เกรง ลืมอิทธิฤทธิ์พายุรุนแรงขององศาก่อนจะไปเรียนต่อต่างประเทศเสียสนิท “เจ๊น่ะตัวร้าย อยู่ที่ไหนก็วินาศ ใครได้เจ๊ไปเป็นแฟนนะ ซวยตลอดศก”

และหนุ่มซวยตลอดศกที่ว่า ไม่ต้องรอให้เป็นแฟน ปุณณ์ก็รู้นับจากวินาทีนั้น ภาพคล้ายหนังซอมบี้กระโดดขย้ำคอเหยื่อเล่นฉายสดต่อหน้าสายตาห้าคู่ที่ร้องหวาดเสียว ไม่มีใครกล้ามาห้ามทัพสยองในครั้งนี้ เพราะเหยื่อเองกำลังดิ้นทุรนทุรายกับการถูกรุมทึ้งหัว

“นายนั่นแหละที่จะซวย” องศาว่าไว้ก่อนจะงับติ่งหูหนุ่มดวงซวยตามที่เคยดูมาในรายการมวยปล้ำ ให้ปุณณ์ร้องลั่นหอพัก

“เจ๊หมาบ้า!”


.................................................................................

บทนี้พาองศารีเทิร์น ปุณณ์โดนจัดการแทนเลย รู้สึกอุ่นมีหลายกระแสตอบรับเลย อิอิ บทนี้พานางเอกมาหวั่นไหวบ้าง

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ปั้นท่ามากจริงๆ ค่ะ ฮาา ปล่อยให้ท่ามากต่อไป เรื่องพี่สาวไม่ได้คิดไว่้เลยว่าจะเขียน แต่แอบนึกภาคต่อให้เรื่องนี้ไปแล้วค่ะ เป็นคู่อื่น กระซิบบอกว่า เป็นตัวละครในเรื่องนี้แหละ อิอิ
คุณ Auuuu ดีใจจังมีคนสงสารอุ่นด้วย จริงๆ ก็ร้าย แต่ก็น่าสงสาร เอ๊ะ ยังไง
คุณ ariesleo คนเขียนก็อิจฉาค่ะ มีแต่คนช่วย ครอบครัวก็น่ารัก แต่ไม่ยอมให้ราบรื่นนานนัก หึหึ (หัวเราะแบบนี้หมายความว่าอะไร)
คุณ ร้อยวจี ต้องมาลุ้นกันว่าใครจะชนะ แต่กว่าจะรู้ผลคงอีกพักใหญ่ค่ะ จะทำคนอ่านลุ้นได้แค่ไหน อุ่นเขาไม่ยอมย่าง่ายๆ หรอกค่ะ
คุณ icewinter อนุญาตให้หวานได้ชั่วคราว ต่อจากนี้จะเพิ่มความดราม่าทีละขั้น โปรดเตรียมใจ

ขอบคุณที่โพสต์ ไลท์กันมากมายค่ะ วันนี้มาอัพให้แล้ววว เอาเวลาเที่ยงคืน เป็นเวลานัดของพวกเราดีไหมคะ อิอิ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ย. 2556, 00:39:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ย. 2556, 10:20:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1634





<< เล่นนอกบท   สัมภาษณ์งานใหญ่ >>
Auuuu 29 ก.ย. 2556, 01:00:39 น.
โอเคค่า นัดกันเที่ยงคืน อิอิ
พูดถึงข้าวมันไก่แล้วอยากกิน อิอิ


ariesleo 29 ก.ย. 2556, 01:58:02 น.
งับติ่งหูเลยหรา องศา


ร้อยวจี 29 ก.ย. 2556, 01:59:38 น.
คิดได้ไงเนี่ย ทำร้านแบบยานอวกาศ น่าจะสวย รีบมาต่ออีกน้า รอค่ะ


ใบบัวน่ารัก 29 ก.ย. 2556, 08:43:29 น.
ย่าอายุเท่าไรคะ
มีคู่แข่งเยอะจังเน้อ ย่า


icewinter 29 ก.ย. 2556, 09:11:50 น.
เตรียมตัวรอตอนต่อไปค่ะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 ก.ย. 2556, 11:47:48 น.
ตกลง ย่าก็โกรธไม่ลงสินะ อย่กเห็นฉากหวานๆๆๆๆ 5555
จะว่าไป ปุณณ์ กะองศาก็เหมาะกันดีน้า 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account