Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: สัมภาษณ์งานใหญ่


ทำไมการจะได้รับจัดงานใหญ่สักงาน บรรยากาศการสัมภาษณ์งานถึงได้ เอ่อ...เหมือนห้องสอบสวน โดยที่เธอนั่งเปล่าเปลี่ยวกลางห้อง มีแสงไฟส่องมาบนหน้า และคนตรงหน้าสี่คน เรียงหน้ากระดานหลังโต๊ะ นำโดยผู้ชายหน้าบาก ติดนิ่งของเขมรัฐ ไม่ต้องมีการแสดงฝีมือทำขนมมาเป็นแบบอย่างว่าถูกปากหรือไม่ด้วยซ้ำ

หลายครั้งที่อิศยาอยากจะส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้านขวาสุดของโต๊ะ แต่ส่วนลึกบอกให้เธอต้องกล้า และอดทนต่อความรู้สึกกดดันนี้ให้ได้ จะไม่อ่อนแอต่อหน้าปัณณ์เด็ดขาด อิศยาเรียกแรงกายแรงใจมารวมเป็นหนึ่งพร้อมสู้กับผู้ชายตรงหน้าเธอ

“ผมสืบประวัติคุณมาแล้ว...ทั้งคุณวสุธร และคุณลัลริกาเห็นว่าเชื่อใจในรางวัลที่คุณเคยได้มา” เขมรัฐกล่าวเสียงห้วน ถึงเจ้านายทั้งสอง อิศยาหันไปยิ้มมั่นใจให้คนทางด้านซ้ายมือที่นั่งเป็นคู่ อิศยาเคยเห็นสองคนนี้ผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์อยู่บ้าง ทายาทหนุ่มแห่งเดชอนันต์สิทธิ์ และแฟนสาวที่เป็นหนึ่งในหลานสาวทั้งเจ็ดของนายแม่ธุวพรเจ้าของไร่ผืนใหญ่ทางเหนือ เป็นคู่รักไฮโซ แต่ไม่ได้ถือตัวอย่างที่อิศยาเคยคิดไว้ ก็ดูน้องชายเขาสิ การพบกันครั้งแรก อิศยายังไม่อยากจะเชื่อว่าเขาอยู่ในตระกูลใหญ่ระดับประเทศนี้ด้วย

“จริงๆ จะให้ฉันทำขนมเพื่อให้พวกคุณมั่นใจกว่านี้ก็ได้นะคะ ฉันไม่ลำบากอะไรเลยจริงๆ ค่ะ” คนทำการค้ามาแต่เด็ก และหัวใจของนักบริการเต็มเปี่ยมบอกออกไปจากใจ “ฉันไม่คิดว่ารูปในกระดาษ จะมีรสชาติที่ถูกปากคนทุกคน ใครจะไปรู้ล่ะคะ อาจจะมีคนไม่ชอบรสชาติขนมที่ฉันทำก็ได้ ถึงจะน่ายินดีที่รางวัลเก่าๆ เป็นใบเบิกทางให้ฉัน แต่ฉันว่ามันเป็นการเลือกคนทำงานที่ค่อนข้างแปลกไปสักนิด”

ลัลริกากลั้นยิ้ม ถูกใจวาจาฉะฉาน และบุคลิกที่คิดถึงผู้บริโภคเป็นหนึ่ง ดีใจที่บททดสอบของเขมรัฐมีคนสอบผ่านคนแรกเสียที แต่คนอย่างเขมรัฐ คงไม่คัดคนแบบสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นก็ลองทำขนมโดยที่ไม่มีขนมสิ...คุณทำได้ไหม”

“เอ๊ะ?” บททดสอบสุดประหลาดเล่นอิศยาที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนหน้า นอกจากมาตามที่ปัณณ์ว่าไว้ว่าเธอจะได้รับงานกระเป๋าหนัก ก็หนักจริงๆ แต่บททดสอบที่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยเจอมาก่อนแบบนี้ เธอจะทำได้จริงๆ เหรอ

ทำขนม โดยที่ไม่มีขนม...ตำราบทไหนมีเฉลยบอกไว้บ้าง

“ความฝันของคุณคืออะไร”

“เอ๋?” อิศยาอุทานออกมาอีกครั้งกับคำถามจากหนุ่มที่นั่งเยื้องเธอออกไป ปัณณ์ทำหน้านิ่ง แต่ยิ้มมุมปาก และยักคิ้วราวกับส่งสัญญาณบางอย่างบอกแก่เธอ...จริงๆ เขาจะถามคำถามนั้นทำไม ในเมื่อเขาเองก็รู้ดีว่าเธอมีความฝันอะไร

ความฝัน...Sweet Magic นั่นมัน ในที่สุดสมองอันว่างเปล่าขาวโพลน ถูกจุดสว่างด้วยคำถามตัวช่วยจากปัณณ์ เธอมั่นใจว่าที่เขาทำเพื่อช่วยเหลือเธอ ทำไมเขาถึงได้น่ารักอย่างนี้...อิศยาคิดอย่างลืมตัว ก่อนจะตั้งสติ และบอกย้ำกับตัวเองว่าจะไม่หลงรัก หรืออ่อนไหวไปกับปัณณ์ง่ายๆ เด็ดขาด

“คุณเคยมีความฝันไหมคะ” อิศยาถามย้อนผู้สอบสวนหน้าโหดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ ผมมีแต่หน้าที่ที่ต้องทำ จินตนาการฝันเฟื่องไม่เป็นหรอกนะ” เขมรัฐเคร่งเครียดกับการอำนวยการจัดงานแต่งงาน อะไรที่ผิดพลาดสักนิดเดียว คนๆ นั้นอาจเสี่ยงต่อการสาบสูญ

แผนสร้างวิมานในอากาศดูท่าจะล่มไม่เป็นท่า อิศยาไม่อยากให้ความหวังสูญสลายไปต่อหน้าต่อตา “ช่วยหลับตาหน่อยได้ไหมคะ เพื่อรับฟังเรื่องที่ฉันจะเล่า”

“ไม่!”

“นายเขม ฉันขอสั่งให้ทำ” วสุธรดุลูกน้องจอมโหดของตัวเอง ยอมยื่นมือเข้าช่วยทั้งที่ปกติไม่ค่อยยุ่มย่ามในการทำงานของเขมรัฐ แต่อีกไม่กี่วันจะถึงงานแต่งงานอยู่แล้ว เรื่องคนทำเค้กที่ญาติผู้น้องหามาให้คนนี้ก็ออกจะดูใช้ได้...และคงจะไม่ใช่แค่คนทำขนมธรรมดาแน่ๆ ไม่อย่างนั้น ปัณณ์คงไม่ยอมจัดการให้ทุกอย่างแบบนี้

อิศยายิ้มพอใจกับการเห็นเปลือกตาทั้งสี่คนปิดลงพร้อมกัน เสียงหวานเปิดปากอ้าขึ้น “ท่ามกลางความวุ่นวายมากมาย ที่มีแต่การจราจรติดขัด ผู้คนเร่งร้อน ทุกคนใช้ชีวิตทุกวันก็เพื่อเงินทอง และอำนาจ ในมุมเล็กๆ ของดินแดนนี้ กลับมีสถานที่วิเศษตั้งอยู่ ร้านค้ามากมายตั้งเรียงรายอยู่ในบริเวณเดียวกัน ใครที่อยากมาเรียนทำขนม ทำเครื่องดื่มก็จะไม่ผิดหวัง ใครที่อยากทานขนมเจ้าดังในประเทศ และร้านเครื่องดื่มมากคุณภาพที่นี่ก็จะมี”

“กลิ่นขนมปังที่ลอยอยู่รอบตัว เสียงหัวเราะของผู้คนยามที่ได้ทานขนมชิ้นโปรด พ่อจูงมือลูกเข้าร้านขนมปัง ซื้อขนมเค้กวันเกิดให้คนรัก กลิ่นชาหอมๆ หลังจากละเลียดบราวน์นี่หวานๆ เข้าไป ความร้อนและกลิ่นหอม ซับรสหวานก่อนหน้าลงไปด้วย ทั้งที่รายรอบไปด้วยลูกค้ามากมาย แต่ที่นั่นคุณกำลังดื่มด่ำกับขนมและเครื่องดื่มอันเลอค่าแต่เพียงผู้เดียว”

ปัง!

เขมรัฐลืมตาขึ้นมอง ดวงตาจ้องเขม็งมายังคนที่บรรยายเรื่องราวเสียยาวยืด ยกมือที่เพิ่งทุบลงไปบนโต๊ะ ขึ้นมากำไว้แน่น เริ่มบททดสอบสุดท้ายของวัน กับกระดาษว่างเปล่าตรงหน้า

“ถ้ากระดาษตรงหน้าเป็นขนมหวาน คุณจะทำอย่างไหร่กับมัน ในฐานะคนทำขนม”

อิศยายอมรับกับตัวเอง ว่าคำถามแต่ละอย่างของเขมรัฐทำเธอเครียดยิ่งกว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก กระดาษขนาดเท่าที่รองถ้วยขนมตรงหน้า ถ้าเป็นขนม เธอจะทำอะไรกับมันล่ะ

“พอเถอะ...ผมแนะนำให้คุณไม่ต้องทำอะไรแล้วอิศยา” ปัณณ์ลุกขึ้นเตรียมดึงคนที่ตัวเล็กกว่าให้กลับพร้อมกัน พอจะคิดได้ว่านิสัยห่ามๆ ของอิศยาต้องทำในสิ่งที่เขากลัว

“ไม่ได้หรอกค่ะ...ฉันยังไม่ตอบคำถามข้อสุดท้าย” อิศยาเบี่ยงตัวหลบ ยื่นมือไปชิงกระดาษชิ้นเล็กบนโต๊ะตัดหน้ามือใหญ่ไปแบบเฉียดฉิว ยกทาบริมฝีปาก โดยไม่สนเสียงอุทานจากลัลริกา

“ขนมชิ้นนี้ไม่ผ่านนะคะ...เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของขนม สำหรับฉันในฐานะพาติชิเย่คนหนึ่งคิดว่ามันอยู่ที่ฝีมือของแต่ละคน ขนมรสชาติแย่กว่าดิน อาจมีภาพสวยหลอกตาเป็นวิมานสวยในอากาศ ทำคนที่อยากกินให้น้ำลายสอ กระเพาะสั่นได้ แต่ขนมชิ้นนี้ นอกจากหน้าตาไม่ผ่าน รสชาติยังแย่ ฉันไม่สนับสนุนให้นำขนมชิ้นนี้ขึ้นร้าน”

อิศยากล้ำกลืนกับการเคี้ยวกระดาษรสจืดชืด และสากลิ้นด้วยความรู้สึกขื่นคอ แต่ยังปั้นยิ้มออกมา ยืดหลังตรงได้อย่างสง่าเมื่อบรรยายคำตอบข้อสุดท้ายออกไป

ทั่วห้องมีแต่ความเงียบ อิศยาคิดอย่างหวาดหวั่น สัมผัสบนไหล่ที่มีมือของปัณณ์วางไว้ช่วยให้ความว้าวุ่นใจลดลงไปได้มาก อิศยาต้องอดทนกับการไม่หันไปมองเขาแล้วยิ้มขอบคุณ เท่านี้จากความว้าวุ่นใจ เธอกลับเริ่มคิดมากในการที่มีเขาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ อยากปฏิเสธให้ตัวเองเลิกหวั่นไหว มันเริ่มยากขึ้นทุกที...ถ้าเพียงอิศยาจะเงยหน้าขึ้นมอง เธอจะพบกับแววตาสุดห่วงใยของปัณณ์ ที่ชายหนุ่มใช้มองโดยไม่ปิดบัง ทั้งวสุธร ลัลริกาต่างเห็นสายตาแบบนี้กันชัดเจน

คงมีเพียงเขมรัฐที่ยึดมั่นกับหน้าที่ตัวเองแบบไม่มีขาดตกบกพร่อง “คำถามสุดท้าย หัวใจของคนทำขนมของคุณคืออะไร”

ดวงตาดำขลับสวยเป็นประกายกล้า คิดว่าเธอเจอคำถามที่ง่ายที่สุดของวันนี้เสียแล้ว “ถ้าฉันกินได้ คนที่ทานถึงจะกินได้ การที่ฉันจะทำขนมออกมาขาย คนทำต้องชิมไปหลายครั้ง ทดสอบหาอุณหภูมิที่เหมาะสมในการอบขนม ส่วนผสมที่ลงตัว ทุกอย่าง ถ้าไม่ดีเต็มร้อย คนอย่างฉันจะไม่มีวันนำมันออกมาให้คนได้ทานเด็ดขาดค่ะ...นั่นคือหัวใจของฉัน”

“คนทุกคนจะถูกใจอย่างนั้นเหรอ?” เขมรัฐถามเจาะจง ดวงตาหรี่รอคำตอบ ในใจมีคำตอบมอบให้นายทั้งสองแล้ว ว่าคนทำขนมที่นั่งกินกระดาษต่อหน้านั้นผ่านหรือไม่

“ส่วนใหญ่ค่ะ ถึงฉันมั่นใจในขนมเต็มร้อย แต่ความชอบของคนฉันทำให้ชอบทั้งร้อยไมได้ ก็เหมือนกับผู้ชายเจอสาวสวยสักคน ใช่ว่าจะไปตรงจริตกับคนที่รักเพศชายเหมือนกัน หรือคนที่มองคนจากจิตใจ จริงไหมคะ”


ผ้าเช็ดหน้าขนหนูสีขาวสะอาดถูกยื่นมาให้จากทายาทสาวแห่งคุ้มนายแม่ อิศยารับมาเช็ดหยาดน้ำบนหน้า หลังจากจัดการบ้วนปาก ดีเท่าไหร่ที่เธอไม่กลืนกระดาษลงคอ

“ขอโทษแทนเขมด้วยนะคะ เขาจริงจังกับงานแต่งงานครั้งนี้ ไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด”

“ไม่หรอกค่ะ...เป็นเจ้านายที่รักและเคารพจะแต่งงานทั้งที คุณเขมต้องรอบคอบ ใส่ใจมากกว่างานปกติเท่าตัว” คนที่พบเจอลูกค้ามาหลากหลายพอจะเข้าใจได้ในจุดๆ นี้ ถ้าไม่เพราะว่าโตขึ้นในร้านขนมปัง อิศยาเองอาจไม่ได้มีความอดทนสูงในการรับมือ

“พี่คงไมได้รบกวนน้องย่ามากใช่ไหม” เรียกเป็นน้องเพิ่มความสนิทสนมให้เป็นกันเองมากขึ้น อิศยาหัวเราะ ส่ายหน้าให้รู้ว่าไร้กังวล

“เรื่องการทำขนมสำหรับย่าไม่ถือว่ารบกวนหรอกค่ะ ย่าเองต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เชื่อใจให้ย่าทำ แต่ว่า...เอ่อ คือ” คำพูดอึกอัก กับสีหน้าที่กริ่งเกรง ไม่มั่นใจในบางสิ่งแต่ยังไม่กล้าพูดออกไป

“มีอะไรบอกพี่ได้เลยนะคะ ไม่ต้องกลัว”

ได้รับคำอนุญาตจากปากเจ้าของงานอิศยาจึงกล้าเอ่ยถึงความในใจที่ยังติดค้าง ลูกมือในการทำขนม อิศยาไม่มีสักคน “ย่ามีแค่ตัวคนเดียว คือ ร้านของย่ายังไม่เปิด ยังไม่ได้รับสมัครคน แล้วก็...งานนี้ใกล้แล้ว ย่าเองก็กลัวว่าย่าอาจจะคุมไม่อยู่”

“ดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่จะอยู่ในมือน้องย่าตลอดวันนั้น เชิญน้องย่าสั่งการได้เต็มที่” ลัลริกาว่ามาด้วยรอยยิ้มเอ็นดู สีหน้าแตกตื่น เหมือนฟังเรื่องตลกร้ายของอิศยาน่าขันจริงๆ

“ดีเอสแกรนด์เบอเกอร์รี่เหรอคะ...ย่าว่า ย่าไม่เหมาะหรอกค่ะ”

“ฝึกคุมไว้ก่อนไม่เสียหาย ในอนาคตอันใกล้ย่าอาจต้องดูแล ถึงเวลาที่ดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่จะเปลี่ยนแปลงเสียที พี่เชื่อว่าระดับน้องย่าคุมไหวแน่นอน” ลัลริกาพูดใบหน้ายิ้มๆ สายตามองออกไปในห้องโถงของคอนโดตัวเองที่บัดนี้กำลังมีสามหนุ่มนั่งเสวนากัน ในที่นี้เธอไม่รู้หรอกว่าอิศยาจะได้มาเป็นเชฟใหญ่ของดีเอสไหม แต่ถ้าในฐานะอื่นที่ใหญ่กว่าเชฟ ก็ไม่แน่...

คนที่โดนฝากความหวังอันหนักหน่วงไว้ที่บ่าสองข้างหัวเราะฝืดเฝื่อน ไม่ได้คิดไปถึงใจความแฝงความหมายบางอย่างไว้ ใจจริงเธอคิดถึงพี่คู่หูลูกมือที่รู้ใจเธอที่สุดอย่างเจนจิราและร้อยกรองมากกว่า ถึงเจนจิรากับร้อยกรองจะทำพลาดบ้าง มือหนักน้ำตาล หนักเกลือไปนิด หรือจะชอบทำขนมไหม้อยู่บ้างถ้าหากเธอไม่คุม แต่ทุกๆ ครั้งที่มีเธอกำกับ ขนมที่ดีที่สุดจะออกมา

แต่เวลานี้ที่เธอออกมาจากร้านแล้ว อิศยาไม่มีความคิดกลับไปรบกวนพ่อเด็ดขาด อย่างน้อยๆ ถึงเธอจะอยู่ช่วยพ่อไมได้ แต่ก็ไม่ควรไปเอากำลังคนจากร้านพ่อมา เพิ่มภาระให้คุณขจรต้องเหนื่อยเพิ่มอีกเท่าตัวกับการรับมืออเดอร์มากมาย

อิศยาต้องอดทน และผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวของเธอเอง...แต่ถ้าอิศยาจะล่วงรู้อนาคตสักนิด บางที เธออาจยอมกลืนน้ำลายตัวเอง และรับความช่วยเหลือจากเจนจิราและร้อยกรองเสียยังดีกว่า

“พี่มีอีกเรื่องจะบอกล่ะ”

“อะไรคะ”

ลัลริกายิ้มกริ่ม กระซิบเสียงเบา กลัวความลับแพร่งพรายไปถึงหนุ่มหน้าบาก “จริงๆ แล้วตอนที่น้องย่าเล่าเรื่องร้านในจินตนาการ รู้ไหมว่าท้องของนายเขมร้องโครกครากเลย คงทนไม่ไหวถึงได้ทุบโต๊ะแบบนั้น”

อิศยาไม่อยากจะเชื่อ ผู้ชายมาดโหดแบบเขมรัฐน่ะเหรอจะท้องร้องโครกคราก ทำไมเธอไม่ได้ยิน

“เห็นชามผลไม้บนโต๊ะไหม นั่นล่ะนายเขมไปหยิบมากินตอนที่น้องย่ามาเข้าห้องน้ำ ไม่หิวไม่กินหรอกคนนี้” จบคำของลัลริกา อิศยาถึงกับหัวเราะ พอจะยืดขึ้นมาจากเดิมได้ เพราะนายเขมรัฐ เธอถึงต้องมานั่งเคี้ยวกระดาษอย่างกับสาวหน้าเงิน จริงๆ เธอเองก็แค่ไม่อยากยอมแพ้อะไรง่ายๆ...เรื่องเงินน่ะ เรื่องรอง จริงๆ นะ นึกแบบเสียงสูงๆ ในตอนท้าย


แย่แล้ว...อิศยามองเห็นร่างท้วมของพี่สาวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาว กระโปรงสีน้ำเงินกำลังยืนเท้าสะเอวเผชิญหน้ากับองศาแบบไม่มีใครยอมใคร ประโยคหนึ่งที่ได้ยินชัดเจนก็คือ

“ถ้าน้องฉันจะไปมีแฟน แล้วทำไมเธอต้องเดือดร้อน ไปแย่งแฟนเธอมาหรือไง” สวเนตรกราดมองคนผมซอยสั้นที่สูงไม่ถึงคอเจ้าหล่อนพลางส่งเสียงหึ “แต่งตัวเหมือนจะไปงานแฟนตาซี ถึงว่านิสัยเธอแปล๊กแปลก”

อิศยาเห็นด้วยกับทุกคำของสวเนตร ก็กางเกงลายขวางสีรุ้งสว่างสั้นเหนือเข่ามาคืบหนึ่ง กับเสื้อแขนกุดลายทางม้าลาย มีตัวม้ายิ้มร่าอยู่ตรงเสื้อ ถ้าไปเดินขบวนพาเหรตที่สวนสนุก แล้วหาหัวสัตว์มาใส่หัวสักหน่อย เธอเชื่อว่าเด็กๆ น่าจะวิ่งเข้าใส่เพื่อมาขอถ่ายรูป

“เจ๊อ้วน เงียบไปเลยนะ ไหนล่ะน้อง เอาพี่ชายคนอื่นไปนานแล้ว”

ปัณณ์เลิกคิ้วกับเสียงที่ดังลั่นได้ไม่เกรงใจใคร ไม่ต้องมองเห็นเขาก็รู้ว่าเสียงแหลมๆ นั้น อันตรายต่อการพบเจอตนแค่ไหน และใครที่กำลังละล้าละลังไม่อยากไปเจอยักษ์หน้าห้องทั้งสองตนยอมเสียมารยาทแอบฟังถูกคว้ามือมาจับไว้แน่น...ปัณณ์สัมผัสได้เกือบจะทันทีว่าอิศยาสะดุ้ง และขืนตัวไม่ยอมออกเดิน

“ได้เวลาเล่นละครแล้วนะน้องย่า” สรรพนามถูกเปลี่ยนก่อนหน้าโดยไม่ต้องรอให้องศาหรือสวเนตรได้ยิน

“ฉันไม่กลัวหรอกกับน้องสาวคุณน่ะ คนที่ฉันกลัวโน่น พี่สาวฉัน เห็นอย่างนี้บ่นวันนี้ได้ถึงชาติหน้าเลยนะคุณ” อิศยาพยายามขืนตัวออกจากการเกาะกุมของปัณณ์ สีหน้าหวาดหวั่นเต็มที่ เหมือนเด็กทำความผิดมาแล้วกลัวถูกจับได้...ตอนนี้สวเนตรน่าจะจับได้ว่าช่วงที่เจ้าหล่อนไม่อยู่ น้องสาวตัวดีไปก่อเรื่องอะไรไว้ เหลือแค่การเอาตัวมาลงโทษเท่านั้นเอง

“ไปเถอะน่า ผมรับหน้าเอง” ปัณณ์ไม่รอให้อิศยาได้อิดออดเสียเวลากลัวอีก กุมมือเล็กไว้แน่นขึ้น พาเดินเคียงกันออกไป

“พี่ปั้น”

“ยัยย่า” อิศยารู้สึกการเรียกของสวเนตรจะรื่นหูกว่านี้ ถ้าเป็นญาญ่านะ พาติชิเย่สาวรู้สึกอุ่นใจกับการมีปัณณ์อยู่ข้างๆ ในเวลานี้มากกว่าออกรบกับสองทางตรงหน้ามากนัก

“สวัสดีครับคุณสาว ผมปัณณ์ครับ” ค้อมศีรษะให้สวเนตรเล็กน้อย “ผมขอโทษแทนองศาด้วยที่เสียมารยาทกับคุณ”

“พี่ปั้น องศาก็โดนเจ๊อ้วนด่าไปเยอะนะ” ร่างเล็กวิ่งมากอดแขนญาติผู้พี่เรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง ปัณณ์ทำหน้านิ่ง ไม่ยอมคล้อยตามดังที่องศาว่ามา

“ขอโทษคุณสาวเขาเดี๋ยวนี้ ไปเรียกเขาแบบนั้นมันไม่ดี”

“พี่ปั้นอ่ะ” องศาร้องประท้วง ยิ่งนานวันเธอมีแต่จะยิ่งโดนรอบข้างกระหน่ำซ้ำเติม ไม่เห็นจะมีใครเข้าข้างเธอสักคน มองมือคู่นั้นที่กุมไว้แน่นด้วยความน้อยใจ ตั้งแต่เธอกลับมา จากน้องรักได้กลายเป็นน้องชังเพราะอิศยาคนเดียว

“ขอโทษ...เจ๊อ้วน” คำแรกดีๆ เจอคำต่อมาสวเนตรเกือบมีวิญญาณพลังช้างสารเข้าสิง อิศยารีบปรี่ไปห้ามทัพทัน ก่อนที่สวเนตรจะพังประตูห้องที่องศาจงใจทิ้งระเบิดแล้วชิ่งหนีเข้าไปในห้อง สวเนตรได้แต่ส่งเสียงร้องขัดใจ พานบ่นไล่หลังมั่นใจว่าคนอีกฟากประตูต้องได้ยิน

“ยัยนกแก้วปากมอม” สวเนตรหายใจฟืดฟาด หันกลับมาจ้องเขม็งน้องสาวที่กำลังรู้สึกอยากหดตัวให้เหลือเท่ามด กับชายหนุ่มข้างกาย สาเหตุที่ทำให้เธอมาแว้ดๆ ตอบโต้เด็กอวดดีข้างห้อง

“คุณกับฉันเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“แต่...พี่สาว ย่าว่า...” อิศยาพยายามทำให้คนทั้งคู่อยู่ห่างไกลมากที่สุด ลึกๆ เธอไม่อยากให้สวเนตรมาจับผิดเธอกับปัณณ์ หรือตั้งป้อม ไม่ถูกขี้หน้าเหมือนที่คุณขจรรู้สึก

ว่าแต่ทำไมเธอต้องเป็นห่วงในเรื่องแบบนั้นด้วย...มันก็แค่ละครนี่นะ

“ไปอยู่ในห้องห้ามออกมา ถ้ามีผีสางที่ไหนมารบกวน ก็แจ้งพี่ยามของหอพักให้มาจัดการ” สวเนตรจัดการสั่งเสร็จสรรพ เดินนำคนตัวสูงออกไป

“ย่าไปร้านหนังสือได้ไหมพี่สาว” ถามออกไปอย่างมีหวัง ไม่อยากอยู่กับที่ให้องศามาหาเรื่องปวดหัวกับเธอ

แต่ใครอีกคนกลับตอบแทนสวเนตรได้รวดเร็วยิ่งกว่า “ไม่!” ทิ้งจังหวะเมื่อสายตาคนสองคู่จ้องอย่างจับสังเกต ปัณณ์รีบยกเหตุผลมาอธิบาย “น้องชายผมกำลังสอบ อย่าไปรบกวนเขาบ่อยๆ สิ ย่าอยู่ที่นี่แหละ ถ้าองศามาทำอะไร ผมจะส่งองศากลับบ้าน”

ปัง! เสียงวัตถุหนักดังกระแทกประตูบานที่ปิดสนิทจากคนด้านใน บ่งบอกว่าประโยคสนทนาทั้งหมด ไปเข้าหูคนในห้องเรียบร้อย และเจ้าหล่อนหากก่อความวุ่นวาย ปัณณ์ไม่พูดเล่นแน่นอน


ชายวัยเกือบสี่สิบ ร่างผอม ผิวคร้ามแดด ใบหน้ามีแววเหนื่อยล้ายามที่ส่งยิ้มให้บุตรชายเดินเข้าโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ในย่านถนนอันพลุกพล่าน หนาแน่น ห่างจากสถานที่ทำงานของตนไปไม่ถึงกินโลเมตรดี ในเวลาอันเร่งด่วน ยามเช้าเจ็ดโมงเกือบแปดโมง หลายคนเช่นเขา ถนัดกับการนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีหน้าที่ทำงานและเดินย้อนขึ้นมาเพื่อส่งลูกชายที่โรงเรียนมากกว่า

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของลูกชาย เงินย่อมสำคัญเสมอ และมันทำให้เขา กำลังตัดสินใจบางอย่าง

เสียงโหวกเหวกโวยวายของฝูงชนเรียกความสนใจของดิเรกให้ต้องหันไปมองต้นเสียง ภาพเด็กชายวัยเกือบสิบขวบกำลังนอนชักอยู่ตรงนั้น ทำให้ดิเรกไม่รอช้าที่จะวิ่งกลับไป ในหัวสมองของดิเรกเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น และขลาดกลัว

โรคของลูกชายกำเริบ...มันกระตุ้นให้ดิเรกตัดสินใจคิดจะทำบางอย่างตั้งแต่นาทีนั้น ถึงมันจะผิดมากขนาดไหน ชีวิตลูกย่อมสำคัญกว่าเสมอ


ภาพความวุ่นวายฝั่งตรงข้ามถนนเพิ่งจะแยกย้าย หลังจากมีรถส่วนตัวเปิดไฟขอทางผ่านหน้าไป พรพิรุณเห็นเหตการณ์ทุกอย่างผ่านสายตาของเธอจากอีกฟากถนนภายใต้ร่มสีเทากันแดดของเธอ

ความรักของพ่อยามแบกลูกชายที่กำลังชัก โดยใช้มือไปง้างปากลูกชายไว้เพื่อไม่ให้เด็กกัดลิ้นตัวเอง ทั้งที่มืออาบไปด้วยเลือด แต่คนเป็นพ่อกลับไม่ร้องออกมา นอกจากน้ำตาของคนที่กำลังขวัญเสียกับอาการของลูก ร้องเรียกหาความเมตตาจากคนแถวนั้นเพื่ออาศัยพาไปโรงพยาบาล...โชคดีที่ยังมีคนจิตใจเมตตาหลงเหลืออยู่ในโลก รถคันหนึ่งที่ราคาไม่ใช่ถูกๆ ขับปราดฝ่าดงรถติดมารับ โดยใช้เสียงแตร และไฟขอทางวิ่งจากไป

พรพิรุณได้แต่ภาวนาให้เด็กคนนั้นปลอดภัย...อย่างน้อยๆ เด็กคนนั้นก็ควรจะอยู่ให้คนเป็นพ่อได้มีแรงที่อยู่ต่อไป หญิงสาวรู้ดีว่าการอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ทั้งที่แวดล้อมไปด้วยคนปรารถนาดีต่อเรานั้น..มันโหดร้ายเพียงใด ถึงอย่างไร ก็ทดแทนครอบครัวแท้จริงไม่ได้

มือขาวเนียนกำคันร่มยาวไว้แน่น ภาพความโหดร้ายยามที่พ่อแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุครั้งนั้นยังคงเป็นแผลให้ใจของเธอ ถ้าเพียงแต่แม่จะไม่กอดเธอไว้ในช่วงเวลาที่รถพลิกคว่ำ เอาตัวเองรับแรงกระแทกทั้งหมดไว้ เธอคงไม่ใช่แค่แขนหัก กระดูกเลื่อน...พรพิรุณเคยคิดหลายครั้งว่าทำไม พ่อแม่ถึงยังเลือกให้เธอมีชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่ใช่ของเธอ แต่คำตอบที่ได้คงมีแค่อากาศว่างเปล่า และความจริงที่ว่าเธอต้องอยู่ต่อไป พรพิรุณทรยศการเสียสละชีวิตของแม่ และพ่อไม่ได้

และเธอจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่าที่สุด...พรพิรุณหยุดมองตึกทรงยุโรปสามชั้น ป้ายยาวใหญ่บริเวณใต้หน้าต่างชั้นสามคือ ดีเอสเรสเตอรองแอนด์แกรนด์เบเกอร์รี่ สถานที่ที่รวมตัวกันได้ลงตัวระหว่างอาหารคาวและขนมหวาน ติดอันดับร้านแนะนำหนึ่งในห้าของประเทศ

ใบสมัครในนามร้านคุณตา แต่มีเพียงแค่เธอลงแข่งถูกยื่นส่งให้เจ้าหน้าที่ต้อนรับ พนักงานรับไปพร้อมรอยยิ้ม ให้ลงชื่อในแบบฟอร์มอีกแผ่น ส่งระเบียบการแข่งขันวันและเวลามาให้เสร็จสรรพ พรพิรุณรับไปดูผ่านๆ เก็บเข้ากระเป๋าไปตามเดิม ระเบียบการพวกนี้โหลดเอาในอินเทอร์เน็ตยังได้

เพราะว่าวันนี้พรพิรุณถือโอกาสลางานจากที่ร้านมาหนึ่งวัน ทั้งที่ไม่เคยลาหยุดนับตั้งแต่เรียนจบมา อาของเธอไม่ได้ถามอะไรมาก นอกจากบอกให้เธอพักผ่อนบ้าง เพราะช่วงนี้ที่ร้านไม่ได้มีออเดอร์หนักเหมือนช่วงก่อนหน้า การรีบกลับไปก็ไม่มีผลเท่าใดนัก เธอควรสำรวจสถานที่ที่อิศยาต้องมาในเวลาอันใกล้นี้

โทรศัพท์บริเวณเคาว์เตอร์ต้อนรับดังขึ้น บทสนทนาทางนั้นคงไม่สู้ดีนัก เพราะว่าพนักงานหญิงลุกขึ้น ทำสุ้มเสียงตกใจ “อะไรนะคะเชฟ เชฟมาทำงานไม่ได้ แล้วอย่างนี้ใครจะมาทำล่ะคะ วันนี้คุณเขมกำชับมาว่าแผนกทำขนมต้องอยู่ให้ครบทุกคนด้วย จะมีแขกสำคัญมา”

ดูเหมือนการสนทนาจะไร้ผล เพราะใบหน้าของพนักงานหญิงกลับยิ่งซีดเผือด บ่นกับเพื่อนร่วมงานอีกคน “ตายแน่ๆ คุณเขมต้องไล่ออกทั้งแผนก ก่อนกำหนดงานแข่งแน่ๆ ฉันจะทำยังไงดี” ท่าทีร้อนรนอยู่ในสายตาพรพิรุณ คนนึกสนุกคันไม้คันมืออยากทำขนมขึ้นมา เลือดในกายเต้นพล่านด้วยความตื่นเต้น

เดินกลับไปหาพนักงานทั้งสองด้วยท่าทีสงบ ทั้งที่ใจของเธอกำลังรู้สึกเต้นแปลกๆ ราวกับว่า จะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้น “มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยพวกคุณได้บ้างไหมคะ วันนี้ฉันว่างทั้งวัน” มุมปากยกรอยยิ้มขึ้นเพียงนิด รอคอยปฏิกิริยาตอบสนองจากทั้งสอง ในนาทีถัดมา พรพิรุณก็ไม่ผิดหวัง

“คุณเขมคงจะจับไม่ได้ ถ้าไม่ลำบากเกินไป ช่วยชีวิตพวกเราสักครั้งทีนะคะ...เชฟ”


..................................................................................................................................

มาตามเวลาค่ะ บทนี้อุ่นมาอีกครั้ง ไม่รู้จะมีคนเกลียดอุ่นเพิ่มไหม

คุณ Auuuu ตอนดึกๆ แบบนี้พูดถึงของกินอะไรก็หิวหมดค่ะ ไม่รู้อ่านกันดึกๆ เจอแต่ขนมจะหิวกันไหม
คุณ ariesleo แค่งับติ่งหูนะคะ ไว้ต้องติดตามวีรกรรมองศาอีก เธอจะไปทำอะไรอีก ใครมีลูกพี่ลูกน้องปวดหัวแน่ๆ
คุณ ร้อยวจี เรื่องร้านเป็นปัญหาเรื้อรังระดับชาติ ได้มาง่ายๆ ไม่สนุก (เริ่มโรคจิต)
คุณ ใบบัวน่ารัก ย่าอายุเกือบยี่สิบสามค่ะ คู่แข่งเยอะ แต่เจ๊ย่าไม่ยอมง่ายๆ อยู่แล้ว
คุณ icewinter มาแล้วน้าตามสัญญา เที่ยงคืนของทุกวัน จะพยายามปั่นมาอัพให้ได้ทุกวันค่ะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ย่าโกรธปัณณ์ไม่ลงเพราะอะไรน้า ฮา องศากับปูนรักกันไม่ได้ค่ะ ลูกพี่ลูกน้องกัน สองคนนี้เขาของแสลง กินกันไม่ลง

ขอบคุณทุมเมนท์ ทุกไลค์ ทุกวิวที่เข้ามาอ่านนะคะ พรุ่งนี้เที่ยงคืนเหมือนเดิม อีกยี่สิบสี่ชั่วโมงเจอกันค่ะ อย่าเพิ่งหนีหายกันไปน้าา :)




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2556, 00:10:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ย. 2556, 00:10:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1576





<< เกิดอะไรกับใจ...   คุณเป็นใครที่ไม่รู้จัก >>
ariesleo 30 ก.ย. 2556, 00:48:02 น.
มาแล้ว^^


ร้อยวจี 30 ก.ย. 2556, 01:03:38 น.
จะเรียกว่าฉวยโอกาสได้ไหมเนี่ย ชักหวาดเสียวแทนหนูย่าแล้ว


Auuuu 30 ก.ย. 2556, 01:06:38 น.
เหยยย ยัยพรพิรุณจะได้เข้าครัวก่อนนางเอกหรอเนี่ย ไม่ยอมๆๆ


ใบบัวน่ารัก 30 ก.ย. 2556, 07:46:12 น.
จะได้ทำขนมเค้กไหม
คู่แข่งมาเพียบ


OhLaLa 30 ก.ย. 2556, 11:59:17 น.
อ่านรวดเดียวจนถึงบทนี้เลยค่ะ เราเป็นคนชอบทานขนมหวาน ความฝันของย่าอุปสรรคเยอะจัง อุ่นจะได้แสดงฝีมือก่อนย่าหรอเนี่ย เชียร์ย่า สู้ๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 ก.ย. 2556, 18:25:33 น.
องศากะ ปูนไม่ได้ งั้นขอ อุ่น กะ นายเขม แทนละกันฮ่ะ
ตอนนี้ชอบอุ่นนิดๆ ละ ไม่เกลียดละ จิงๆ นางก็มีจิตใจดีมาก่อน อภัยได้ๆๆ


lookpud 30 ก.ย. 2556, 19:54:38 น.
อุ่นจะได้แสดงฝีมือก่อนแล้ว


icewinter 30 ก.ย. 2556, 23:12:21 น.
อุ่นยังคงคอยขัดขวางย่าเสมอ หวังว่าย่าจะผ่านอุปสรรคไปได้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account