Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: คุณเป็นใครที่ไม่รู้จัก

ผ่านมาหนึ่งวัน อิศยาก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่สวเนตรคุยกับปัณณ์ ถามกับใครก็ไม่ได้ความสักอย่าง และเธอก็ไม่ยอมพูดกับเขาอีก เหตุผลของเธอก็ง่ายๆ

‘ถ้าฉันต้องทำงานเกี่ยวกับดีเอส ต่อจากนี้ฉันจะไปด้วยตัวฉันเอง คุณห้ามอำนวยความสะดวกฉัน เจอหน้ากันในเวลางานก็ห้ามพูดห้ามคุย อยู่ให้ห่างๆ ฉันไว้ ฉันไม่อยากเป็นเด็กเส้น ฉันรู้นะว่าคุณก็ไม่ใช่เล็กๆ ในดีเอส’

แล้วทางนั้นก็ตอบมาง่ายๆ แค่ว่า ‘ผมไม่ได้โรคจิตวิ่งไล่ไปกับคุณได้ทุกวัน ผมเองก็มีการมีงานของผม อีกอย่าง ผมไม่มีทางช่วยเหลือคุณมากไปกว่านี้แน่ ผมไม่ได้มีจิตใจอุปการะใครขนาดนั้น’

ทำไมตอนที่เขาพูดประโยคนั้นมา อิศยาถึงรู้สึกว่าเขาใส่อารมณ์เป็นพิเศษ อย่างกับโกรธเธอ ไม่หรอก คนอย่างปัณณ์จะมานึกโกรธพาติชิเย่ธรรมดาๆ อย่างเธอทำไม

แต่เหตุผลจริงๆ ก็แค่อยู่ให้ห่างผู้ชายที่ชอบทำให้เธอวุ่นวายใจแปลกๆ เรื่องเป็นเด็กเส้นก็แค่เป็นหนึ่งในเหตุผลอีกข้อ สวเนตรเองก็มีท่าทีแปลกไป กลับมาจากการพูดคุยกับปัณณ์ นอกจากไม่พูดถึงเรื่องที่คุยมาแล้ว ยังไม่ซักไซร้ไล่เรียงจากเธอ

แปลก...มันแปลกเกินไป

อิศยาออกมาจากรถไฟฟ้าบีทีเอส ตรงดิ่งไปบริเวณตึกยุโรปสามชั้น เพียงแค่ลงบันไดเลื่อนของสถานี เดินตรงมาอีกนิดก็ถึง สถานที่นัดหมายของเธอกับมนุษย์หน้าโหดเขมรัฐ เขากำชับให้เธอต้องมาซักซ้อมให้พร้อมก่อนวันงานจริงในวันพรุ่งนี้ เมนูอะไรก็ให้มาเตรียมจากอุปกรณ์วัสดุในร้าน รายนั้นบอกว่าไม่ว่าอะไรที่ต้องการในดีเอสล้วนมีพร้อมสรรพ หากขาดอะไรจริง สั่งมาคำเดียว ภายในวันพรุ่งนี้จะมาถึงมือทันที...รวยเหลือเกิน

โชคดีที่ก่อนกลับมาหอพัก สวเนตรแวะไปที่บ้านมาก่อน คุณขจรฝากชุดเชฟชุดโปรดของเธอมากับพี่สาว ชุดพาติชิเย่แถบสีฟ้า ชุดนำโชคที่เธอมักใช้ไปแข่งขันตามที่ต่างๆ และใส่เวลาต้องลงมือทำขนมพิเศษของแขกสำคัญๆ ในวันพรุ่งนี้เธอจะใส่ชุดนั้น

ลูกค้าหลายรายเดินสวนเข้าสวนออกกันได้ตลอดเวลาบ่งบอกถึงอาหารรสชาติดีของภายในตึก และอาหารของที่นี่อย่างน้อยคนต้องมีฐานะระดับหนึ่งถึงจะเข้ามาทานได้ อิศยามองอย่างเบื่อหน่าย เธอไม่ชอบแบ่งชนชั้นฐานะกับใคร ก็เข้าใจว่าร้านแพง ส่วนหนึ่งมาจากวัตถุดิบ แต่ถ้าคิดค่าบริการดีๆ รวมไปด้วยอีก ก็เอาธรรมเนียมอันดีมาขายด้วยสิ

ถ้าเป็นสวีทเมจิกไม่ว่าใครรวยหรือจน ขนมหวานห้ามมีแบ่งชนชั้นทางการเงิน ทำไมขนมที่เลิศรสจะมาจากวัตถุดิบที่หาได้ง่ายๆ ในประเทศไทยไม่ได้ ให้กลายเป็นขนมเลิศรส ถูกลิ้นคนไม่ว่าฐานะใด

ขนมหวานก็เหมือนความสุข ที่กินเข้าไปต้องเคลิบเคลิ้ม อิ่มเอิบ จะเก็บความมีค่าของรสหวานๆ แสนอร่อยเหล่านั้น ไว้ให้เฉพาะคนมีเงินอย่างเดียว คงไม่ได้

“น้องเจ้าของชาอู่หลง” บุรุษตัวสูง ในชุดสีดำหนังมันทั้งชุดที่คนใส่น่าจะร้อนอยู่บ้างในสภาวะอากาศอบอ้าวของเมืองไทย เรียกไว้ในขณะที่มือจัดการดันประตูรถบีเอ็มปิดในที่จอดรถข้างร้าน เป็นลานโล่งขนาดใหญ่

บุคคลที่เธอเจอไปครั้งเดียวเมื่อสองอาทิตย์ก่อนยิ้มร่ามาแต่ไกล “มาทำอะไรที่นี่ แล้วเจ้าปั้นไม่มาด้วยเหรอ” ภีมกวาดตามองหาเพื่อนตัวดีที่บังอาจมาขอสร้างร้านขนมหวานแสลงใจในพื้นที่เขา แต่เพราะว่าปัณณ์เริ่มแปลกๆ ไป จนเขาเองอยากสังเกตอะไรขึ้นมา ถึงได้ยอมทำเป็นอนุญาต ใจจริงไม่คิดจะเฉียดใกล้ร้านนั้นแน่ๆ

“สวัสดีค่ะคุณภีม” อิศยายกมือไหว้นอบน้อม ถึงยังไงเจ้าของที่ร้านของเธอก็เป็นภีม ไม่ว่าชายตรงหน้าจะเต็มใจให้มีร้านมากน้อยแค่ไหน แต่เขาก็คือผู้มีบุญคุณสำหรับเธอ “พรุ่งนี้ดิฉันจะมาดูแลขนมในงานแต่งงานของคุณวสุธร”

“ไม่ต้องเรียกเป็นทางการแบบนั้นก็ได้ เรียกพี่ว่าพี่ภีม แทนตัวเองด้วยชื่อ มาดิชงดิฉันทำไม” ภีมว่าอย่างใจดี ดวงตาคอยมองอิศยา สำรวจว่าตรงไหนของผู้หญิงคนนี้ที่พังกำแพงของปัณณ์ลงได้ “นัดกับใครไว้ล่ะ” ยังไม่เลิกกวาดตามองหาเพื่อนรัก

“ย่านัดกับคุณเขมน่ะค่ะ กำลังจะเข้าไป พอดีต้องมาคุยกับเชฟของร้าน พรุ่งนี้ย่าไม่มีคนช่วยเลย พี่เบนเลยบอกให้ย่าลองมาทำงานร่วมกับทางดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ดู” ตอบอย่างคล่องแคล่ว ดวงตามีชีวิตสดใสยามพูดถึงการทำขนม

ภีมฟังคำว่าขนมหวานจนรู้สึกเริ่มคลื่นเหียนเล็กน้อย ยิ่งอยู่ใกล้ของหวานมากเท่าไหร่ ท้องไส้จะรู้สึกปั่นป่วน อยากอาเจียน “มาเสียเที่ยวหรือเปล่า วันนี้เชฟใหญ่ในร้านไม่มา ลูกเขาป่วยกะทันหัน นี่พี่ก็เพิ่งกลับมาจากพาเขาไปโรงพยาบาลมา มือก็เจ็บ พรุ่งนี้คงทำไม่ไหว พี่เห็นเขาโทรบอกทางร้านตั้งแต่ชั่วโมงก่อนแล้วนะ ร้านไม่ได้โทรบอกย่าไว้เหรอ”

“เอ่อ...ไม่เลยนะคะ บางทีคุณเขมอาจจะอยากให้ย่าไปเจอคนอื่นๆ ในร้านก็ได้” พาติชิเย่สาวตอบไปแบบไม่มั่นใจ

ภีมทำท่าคิดหนัก กับดีเอสตนแทบไมได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย นอกจากมีปัณณ์เป็นเพื่อน และรู้จักทั้งวสุธร และลัลริกาเพราะก็อยู่ในแวดวงธุรกิจเหมือนกัน แต่ไม่ได้ร่วมงานกับทางดีเอสมากนัก วันนี้ก็เป็นเรื่องบังเอิญที่เขาเองผ่านมาทางนี้ นึกครึ้มอยากจะทานอาหารไทยของร้านที่เทียบเท่าดาวมิชลินของต่างประเทศให้หายอยากหลังจากไปสิงคโปร์มาสองอาทิตย์ ดีเอสเองก็ร่ำๆ จะผลักดันเรื่องการจัดอันดับดาวมิชลินอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้สนใจนัก เพราะยังไงเรื่องชื่อเสียงและรสชาติก็ถูกแนะนำไว้ในไกด์บุ๊คส์ เป็นร้านแนะนำของประเทศอยู่แล้ว

ยังไม่ทันถึงร้านก็พบเหตุวุ่นวาย จับพลัดจับผลูไปช่วยคน ปรากฏว่าเป็นพาติชิเย่ใหญ่ในร้านดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่...สงสัยการที่เขามาวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ ใครอาจลิขิตให้เป็นแล้วก็ได้

“เดี๋ยวพี่ไปด้วย แต่ขอคุยอยู่แค่หน้าทางเข้านะ เผื่อนายเขมจะยังไม่รู้เรื่องเชฟไม่มา” ไม่วายทิ้งนิสัยขยาดขนมหวานให้อิศยารับรู้ได้
อิศยาอยากจะบอกภีมเหลือเกิน ว่าถ้าเขาฝืนใจกับขนมหวานนัก เธอไม่รบกวนเขาก็ได้...กับเขมรัฐ เธอเองก็พอรับมือได้บ้าง


พรพิรุณ...ทำไมเป็นเชฟใหญ่ของดีเอสแกรนด์เบอเกอร์รี่ไปได้

อิศยารู้สึกมึนงง นึกว่าเรื่องตรงหน้าเป็นเรื่องตลกร้ายในความฝัน หรือคงมีใครเอาค้อนปอนด์มาทุบหัวเธอให้แบะจนเห็นภาพหลอนของพรพิรุณมาอยู่ตรงหน้า แทนที่จะอยู่ที่ร้านคุณตา สายตาอีกฝ่ายมองตอบกลับมาก็งุนงง และตกใจไม่ต่างกัน ถึงพรพิรุณจะพยายามฉาบมันไว้ด้วยความนิ่งเฉย และมองผ่านเลยไป แต่มือสองข้างกลับสั่นกับการกลัวความจริงเปิดเผย

“นี่นายเขม นายแนะนำใครว่าอะไรนะ” ภีมที่ยอมเดินมาด้วยกัน แทนที่จะอยู่แค่หน้าทางเข้าบริเวณดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ ยอมไปเป็นเพื่อนเธอถึงในห้องทำงานโล่งๆ มีโต๊ะไม้กลมใหญ่ตั้งกลางห้อง ไว้ใช้รวมประชุมของเชฟกับเหล่าลูกน้องของที่นี่

“คุณพรพิรุณ เชฟใหญ่ของร้านเราครับ” เขมรัฐพูดย้ำชัด ตามหน้าที่ที่ได้รับมา เขาไม่จำเป็นต้องตรวจสอบร้านดีเอสที่ไม่เคยมีข้อบกพร่อง พนักงานทุกคนก็ยังดูปกติไม่มีใครมีพิรุธสักคน

“แน่ใจ...” คำพูดทั้งประโยคหยุดไว้เมื่ออิศยาทะลุกลางปล้องขึ้นมาแทนที่ “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณพรพิรุณ โชคดีจริงๆ ที่ได้พบกัน...ที่นี่” ตั้งใจเว้นเรียกชื่อสถานที่ ทั้งที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ

“แต่พี่ว่า...”

“ย่ารู้จักคุณพรพิรุณค่ะ” อิศยาหันไปบอกกับภีมเน้นย้ำชัด และบอกกลายๆ ให้เขาห้ามเปิดเผยเรื่องนี้เด็ดขาด ภีมนอกจากไม่เชื่อ ยังหันไปสำรวจคนที่เขาไม่คิดว่าเป็นเชฟใหญ่ของที่นี่ ก็ดูหน้าตาสิ ถึงจะเรียบนิ่งไม่แต่งอะไร ไม่มีรอยยิ้ม ออกจะจืดชืด ตรงกันข้ามกับความสดใสของอิศยา แต่อายุบนหน้าก็ไม่ได้มากพอจะทำให้เป็นเชฟใหญ่ของที่นี่ได้ หน้ายังกับเด็กอายุยี่สิบ...คนตรงหน้าหลอกเขา หรือคนที่เขาช่วยเมื่อชั่วโมงก่อนพูดไม่จริง งานนี้ภีมเองก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงใดๆ

ปล่อยให้คนที่นี่จัดการกันเอาเองละกัน

“ย่าแน่ใจนะ” ไม่วายถามย้ำอิศยา จนคนถูกถามต้องยิ้มปลอบใจ หากในความเป็นจริง อิศยาไม่มีทางสบายใจได้แน่ พรพิรุณกำลังทำอะไร เธออยากรู้ความคิดในใจของพรพิรุณที่สุด

“ยิ่งกว่าแน่ใจค่ะ ถ้ารู้ว่าเป็นอุ่น ย่าคิดว่าเราคงทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น”

อีกหลากหลายชื่อของคนในดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ถูกแนะนำให้รู้จัก แต่วินาทีนี้ อิศยาจำใครแทบไม่ได้ สายตาจดจ้องพรพิรุณทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ความเฉยชา ว่างเปล่า ตอบกลับมาแทนคำพูด หรือคำอธิบายใดๆ

หรือว่า...พ่อของเธอจะไม่รับรู้เรื่องนี้


“อาเข้าใจ ไม่เป็นไร อุ่นไม่ต้องกังวล พักผ่อนให้เต็มที่นะ” ขจรวางหูโทรศัพท์ พรพิรุณโทรมาบอกว่าจะขอลางานเพิ่มอีกหนึ่งวันในวันพรุ่งนี้
ชายกลางคนนั่งเอนหลังกับพนักพิงเก้าอี้ เวลาเก้าโมงเช้าวันนี้เขายังไม่ออกไปร้าน ต้องอยู่ทานอาหารฝีมือภรรยาสุดที่รักเสียก่อน และถ้าวันใดในร้านมีอิศยา หรือพรพิรุณคอยดูแล ตนก็ยิ่งวางใจ ตั้งแต่อิศยากับพรพิรุณเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ขจรก็ค่อยๆ ลดบทบาทตัวเองในร้านลง

แต่ในวันนี้ขจรคิดไม่ตก จู่ๆ ก็รู้สึกกลัวบางอย่างขึ้นมา ในเวลาอันใกล้นี้ ท้ายที่สุดร้านคุณตาที่ท่านสร้างมาเองกับมือ จะไร้ผู้ดูแล ไม่ว่าจากลูกสาว หรือหลานสาว

“คุณคะ กระดาษแผ่นนี้สำคัญหรือเปล่า ฉันเห็นทิ้งอยู่ในถังขยะห้องหนูอุ่น” กระดาษสีขาวที่ยับเล็กน้อย กับรอยปากกาที่กรอกรายละเอียดลงไปถูกขจรกวาดตาอ่าน ใจความในกระดาษตอกย้ำความกลัวในใจขจรให้หนักอึ้งยิ่งขึ้น

นี่หรือเปล่าต้นเหตุที่ทำให้พรพิรุณลาหยุดจากร้านไป ดีเอส บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเจ้านั่น...ผู้ชายที่ขจรไม่นึกชอบหน้าสักนิด นึกถึงตรงนี้ขจรยิ่งนึกพาลปัณณ์ขึ้นมาเท่าตัว ไม่ว่าทางตรงทางอ้อมกับการเกี่ยวข้องกับดีเอส ท่านไม่มีวันชอบปัณณ์ขึ้นมาเด็ดขาด...ผู้ชายที่มาแย่งลูกสาวสุดที่รักของเขาไป

กระดาษที่เขียนผิด แต่บอกชัดว่าลงแข่งขันในนามร้านคุณตาถูกขจรจดจำวันเวลาที่ต้องไปอวดฝีมือ วันพรุ่งนี้ท่านจะยังอยู่นิ่งๆ แต่ถ้าในวันที่แข่งขัน พรพิรุณไม่อยู่ที่ร้าน ขจรคิดว่าเขาควรต้องเริ่มทำอะไรสักอย่าง

ไม่อย่างนั้น สุดท้ายร้านคุณตา อาจเหลือไว้เพียงแค่ชื่อ


พรพิรุณนั่งหลับตา ศีรษะพิงเบาะ ครองที่นั่งด้านหลังแต่เพียงผู้เดียว เมื่อไม่กี่นาทีเธอเพิ่งถูกญาติผู้น้องบังคับให้มาด้วยกัน ทั้งที่เธอไม่เคยพิศวาสจะมาด้วยสักนิดเดียว ถ้าไม่ใช่เหตุผลใหญ่อย่าง

‘ถ้าเธอไม่มาด้วยกัน เรื่องนี้ถึงหูพ่อของฉันแน่ๆ ยกเว้นว่าเธอจะปล่อยร้านคุณตาไป ฉันก็จะได้บอกให้พ่อหาคนมาดูแลร้านคนใหม่’

หน้าตาเบิกบาน บทสนทนาที่คุยถูกคอกับภีม ผู้ชายอีกคนที่รู้ความลับครั้งนี้ ทำให้พรพิรุณรู้สึกว่าในเกมที่เธอแค่อยากเล่นสนุกๆ ถูกอิศยาคุมเกมไว้หมด จะกี่ครั้ง เธอต้องแพ้ให้อิศยาหรือไง

นิสัยของอิศยาใครๆ ต่างก็หลงรัก เอ็นดู ความสดใส มองโลกสวยงาม รอบข้างคอยโอบอุ้มประคองไว้ อิศยาอาจไม่รู้ตัวถึงความน่าอิจฉาของตัวเอง แต่พรพิรุณรับรู้ความรู้สึกนั้นดี ไม่ใช่หลังจากพ่อแม่ของเธอเสียไป แต่ตั้งแต่เธอเกิดแล้ว ทั้งที่เธอเองก็รักการทำขนมไม่ต่างจากที่อิศยารู้สึก แต่ไม่ได้ถูกให้ความสนใจได้เทียบเท่าอิศยา

ในวัยสิบขวบ ความอิจฉาของเด็กผลักดันให้เธอคิดแผนการโยนความผิดให้อิศยาที่อยู่ในวัยเดียวกัน ขนมปังไหม้ ถูกแอบส่งไปในงานของภรรยาท่านผู้ว่า แต่ผลตอบรับกลับสร้างความย่ำแย่แก่ใจของเธอเท่าตัว

ภาพอิศยาร่ำไห้บอกคุณขจรว่าตัวเองต้องทำขนมปังไหม้แน่ๆ และการก้มหัวของเจ้าของร้านผู้ยิ่งใหญ่อย่างขจรที่ยอมทุกอย่างเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้ อยู่ในสายตาคู่หนึ่งจากมุมเล็กๆ ในร้านอีกมุมหนึ่งเช่นกัน ทั้งที่เธอควรจะสะใจที่เห็นอิศยาร่ำไห้ราวกับขาดใจ แต่วินาทีนั้นพรพิรุณก็รู้ตัว ว่าเธอเองก็เจ็บปวด หัวใจเด็กๆ ของเธอสอนให้รู้ว่า นับจากนี้ เธอจะไม่ใช้ขนมเป็นเครื่องมือทำร้ายใครอีก

ถ้าหากจะชนะอิศยา เธอขอชนะด้วยฝีมือ ไม่ใช่แผนการสกปรกๆ ขนมที่เธอรัก ไม่ควรถูกใช้เป็นอาวุธร้ายอย่างในอดีตอีก

“สงสัยอุ่นจะหลับไปแล้วนะคะ” เสียงของอิศยาดังขึ้นด้วยบทสนทนาที่กล่าวถึงพรพิรุณโดยตรง คนที่เพียงแค่หลับตาเฉยๆ เพราะไม่อยากจะเห็นหน้าอิศยาให้อารมณ์เสียนิ่งฟัง พยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด จู่ๆ ต้องมาสวมบทเป็นคนนอนหลับจะว่าไปก็น่าอึดอัดเอาเรื่อง

“พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณอุ่นต้องโกหกมาสวมรอยเป็นเชฟใหญ่ แค่หน้าก็ดูเด็กจนไม่น่าปกครองใครเขาได้ ถึงจะพยายามทำตัวนิ่งให้ดูโตมากแค่ไหนก็เถอะ ไม่รู้นายเขมเชื่อไปได้ยังไง”

“ถ้าอุ่นได้ยินพี่วิจารณ์แบบนี้ คงโกรธนะคะ เห็นแบบนี้อุ่นเกิดก่อนย่าแค่ไม่กี่วันเอง จะยี่สิบสามกันแล้วค่ะ ที่ร้านของพ่อย่า อุ่นเขาก็เป็นเชฟใหญ่ดูแลร้าน ไม่เห็นแปลกเลย”

ทำเป็นแก้ตัวให้...นางเอกจริงๆ แต่อย่าคิดว่าคนอย่างเธอจะทำดีด้วย ไม่มีวันซึ้งในน้ำใจเด็ดขาด พรพิรุณเผลอเปลี่ยนสีหน้าเป็นขมวดคิ้วยุ่ง ลืมแสร้งหลับ และคนขับที่แอบมองผ่านกระจกมองหลังก็ถึงกับต้องกลั้นหัวเราะ...ท่าทางจะได้ยินครบถ้วน คุณเชฟใหญ่


รถจอดสนิท คนบนเบาะหลังก็เปิดประตูลงไปรอข้างล่างโดยไม่มีขอบคุณสักคำ อิศยาหัวเราะแหยๆ ใส่คนขับที่เพิ่งถอดกุญแจรถดับเครื่อง “ย่าขอโทษแทนอุ่นด้วยนะคะ อย่าถือสาเอาความเขาเลย”

“เอาเวลาไปใส่ใจสาวคนอื่นดีกว่า” หนุ่มกะล่อน นิสัยเจ้าชู้บอกชัดว่าระดับพรพิรุณไม่ได้อยู่ในสารระบบที่เขาต้องสนใจ ถ้าพูดในรถ ภีมคงไม่สะใจเท่ากับการออกมาพูดเสียงดังฟังชัดให้คนฟังสะบัดคอหนีแทบเคล็ด

จริงๆ อิศยาก็เป็นบุคคลที่สดใส อยู่ด้วยแล้วสดชื่น แต่ผู้หญิงของเพื่อน เขาไม่คิดแย่งเด็ดขาด

“อุ่น มาได้ยังไงเนี่ย” ไม่พูดเปล่า ร่างท้วมที่เพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยเดินผ่านน้องสาวแท้ๆ ไปกอดญาติผู้น้องอย่างสนิทสนม ทำเอาอิศยานึกหัวเราะมากกว่า แต่ไหนแต่ไรมา พรพิรุณก็เป็นน้องรักของสวเนตรเสมอ ส่วนเธอเป็นน้องที่มีไว้ให้ถูกบ่น ฟังจนหูชาไปข้าง “ไป ขึ้นไปข้างบน วันนี้มานอนค้างใช่ไหม ไปยังไงมายังไงถึงมาพร้อมเจ้าย่าได้ เมื่อวานซืนพี่ไปแวะที่บ้านมาก็ไม่เจอ อุ่นไปนอนอยู่ที่ร้าน ไม่ได้เจอกันหลายเดือนเลยนะ”

อิศยากอดอกมอง รู้สึกอยากจะหัวเราะเมื่อร่างของคนสองคนหายขึ้นไปบนตึก ภีมถามด้วยความสงสัยเต็มที่ “คนเมื่อกี๊ พี่สาวคุณอุ่นเหรอครับ”

“พี่ภีมคิดอย่างนั้นเหรอคะ” น้องตัวจริงถามกลั้วหัวเราะ ไม่ได้นึกโกรธสวเนตรสักนิด เธอรู้สึกดีที่พี่สาวกำลังทำให้พรพิรุณรู้สึกเป็นหนึ่งในครอบครัว “จริงๆ ก็ใช่แหละค่ะ อุ่นเป็นน้องพี่สาว แล้วก็เป็นเพื่อนของย่า อุ่นเป็นหนึ่งในครอบครัวของย่า พี่ภีมช่วยเก็บเรื่องเชฟใหญ่ไว้เป็นความลับจนกว่าจะผ่านพรุ่งนี้ไปได้ไหมคะ ย่าไม่อยากให้อุ่นเขาเดือดร้อนโดนคุณเขมเล่นงานที่ไปโกหกเขาแบบนั้น อีกอย่าง ย่าเองเชื่อว่าย่ากับอุ่นเราจะทำงานด้วยกันได้ งานพรุ่งนี้จะออกมาดีเยี่ยมแน่นอนค่ะ”

ถึงภาพทุกคนในครอบครัวจะพอรับรู้ว่าพรพิรุณไม่ชอบขี้หน้าอิศยา แต่ใจจริง อิศยาไม่เคยอยากให้เป็นแบบนั้น การทำดีต่อหน้าพรพิรุณ ยิ่งทำก็เหมือนน้ำหยดบนผืนทราย ทำไปก็ไม่ได้ผล เธอถึงตอบโต้ เหมือนพริกปะทะขิงกับพรพิรุณ ต่างคนต่างแรง เธอเองก็ไม่ใช่คนประเภททนทานรับความแรงของพรพิรุณได้ฝ่ายเดียว ทั้งที่เธออยากให้พรพิรุณเปิดใจมองเธอเป็นครอบครัวเสียที...ใครจะไปรู้ การไม่ถูกขี้หน้ากันมันยิ่งทำให้รู้จุดเด่น จุดด้อยยิ่งกว่าเพื่อนธรรมดาทั่วไป พรพิรุณเองก็อาจรู้จักอิศยาได้มากพอๆ กับที่อิศยารู้จักตัวหล่อน ต่างคนต่างคุมเชิงอยู่คนละฟาก

“สัญญา” ภีมยกนิ้วก้อยขึ้นมา รอให้ใครอีกคนมาเกี่ยวไว้ ไม่ทิ้งลายนิสัยเสือ เก็บไว้ไม่ค่อยมิดตลอด

“ย่าไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ แค่พูดกันก็พอ” คนฟังทำหูทวนลม ช้อนนิ้วก้อยมาไขว้โยกไปมาเอง ใจจริงอยากจะแกล้งผู้ชายที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่บริเวณทางขึ้นหอพักมากกว่า เสียงหัวเราะกังวานใสยามถูกยีหัวเป็นเด็กๆ ลอยลมไปเข้าหูปัณณ์แบบไม่ต้องสงสัย

“ย่าไม่ใช่สาวๆ ในฮาเร็มพี่ภีมนะ” ย่นจมูกใส่ ทั้งที่ปากยังไม่คลายยิ้ม รู้สึกสบายใจเหมือนได้คุยเวลาอยู่กับอิศราพี่ชายแท้ๆ ของเธอเอง จริงๆ ถ้าวันนั้นเธอกล้าพูดกับภีม เรื่องมันอาจจะจบลงอีกแบบ เธอกับปัณณ์อาจไม่ได้รู้จักกัน...แต่ใจจริงๆ แล้ว อิศยาต้องการแบบนั้นจริงๆ เหรอ

ถ้าย้อนกลับไปได้ คำตอบของเธอ ก็ยังอยากเลือกให้ปัณณ์เป็นคนช่วยทั้งหมดไว้อยู่ดี “พี่ไปทักทายเจ้าปูนหน่อยดีกว่า...คุยกันดีๆ นะ” ท้ายประโยคพูดเสียงเบา ก้มหน้ามาใกล้ ขยิบตาให้ทีหนึ่ง ร่างสูงมาดเพลย์บอยควงกุญแจรถจากไป

ปล่อยให้อิศยารับหน้าจากปัณณ์เพียงคนเดียว

“ขอร้องกับภีมเพื่อขอเปลี่ยนแบบร้านสินะ...คุณคงเกลียดแบบร้านนั้นมาก”

“อะไรนะคะ” อิศยาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ เธอไม่ได้พูดกับภีมเรื่องร้านสักคำ และต่อให้เธอไม่พอใจในแบบร้านนั้นมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังมั่นใจ ว่าสถาปนิกระดับเขาไม่มีทางออกแบบร้านมาให้ใช้ประโยชน์ไม่ได้ จากที่เธอไม่พอใจในแบบมันก็เพราะภายนอกมันแปลกตา แต่ดูการจัดสรรพื้นที่ เขาเองก็ตั้งใจออกแบบมาอย่างดี ถ้าเขาจะเก็บแพงๆ ยังได้

“คุยเรื่องร้านกับมันแล้วใช่ไหม”

“คุณเห็นฉันเป็นคนแบบไหน” จากอารมณ์มึนงง เริ่มแทนที่ด้วยความโกรธ เขามองว่าเธอเป็นพวกเอาแต่ได้ ทุกอย่างต้องได้ดังใจเสมอหรือไง

“คุณต่างหากที่เห็นผมเป็นคนแบบไหน จะเรียกใช้เมื่อไหร่ก็แค่มาแสดงตัว หมดประโยชน์ก็ไล่กันให้ไปไกลๆ สำหรับคุณ ผมก็เป็นได้แค่นั้นใช่ไหม”

อิศยารู้สึกว่าตัวเองพบเจอสิ่งประหลาดจากนอกโลก ไม่ว่าผู้ชายตรงหน้าจะหน้าตาเหมือนปัณณ์อย่างกับแกะขนาดไหน ในวันนี้เธอมั่นใจว่าเธอไม่รู้จักเขาเลยแม้แต่นิดเดียว...ไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร

“ใช่ คุณมันหมดประโยชน์สำหรับฉันแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะต้องขอร้องคุณอีก ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าคุณ ฉันมีพี่ภีม ก็ไม่จำเป็นต้องมีคุณ นี่ใช่ไหมที่คุณต้องการ” อิศยาระเบิดอารมณ์ เสียงสั่นเครือ ไม่เข้าใจว่าความผิดหวังมันพลุ่งพล่านมาจากไหนมากมาย แต่การเห็นหน้าของปัณณ์ในเวลานี้ ยิ่งทำให้อิศยารู้สึกแย่

“เรื่องร้านฉันก็ไม่ต้องการแล้ว คุณจะทำไปให้ใครก็เชิญ เราไม่มีสัญญากันตั้งแต่แรกเริ่ม จากนี้ฉันจะไม่หวังพึ่งคุณอีก คุณมันงี่เง่า ฉันเกลียดคุณ” น้ำตาคลอหน่วย อิศยารู้ซึ้งว่ายิ่งพูดออกไปความอึดอัดในใจบีบรัดจนตัวเองเจียนจะหายใจไม่ออก สองขาสั่นขณะที่ก้าวเดินกลับขึ้นไปทางหอ รับรู้ว่าตัวเองได้ละทิ้งความฝันด้วยคำไม่กี่คำ

และได้ทิ้งใครบางคนไว้เบื้องหลัง ไม่คิดหันกลับไปมอง...ใต้ตึกแบบนี้ หยดน้ำบนหน้าของเธอไหลมาจากไหนกัน อิศยานึกอย่างสมเพชใจ ความรู้สึกบางอย่างชัดเจนจนนึกกลัว ในเวลาที่เธอหันหลังให้เขา ความรู้สึกที่ไม่น่าเกิดขึ้นยิ่งกระหน่ำซัดใส่หัวใจให้ยิ่งกว่าโดนคลื่นอารมณ์สาดไปมา ปากเธอบอกว่าเกลียด แต่ใจของเธอกลับเพิ่งรู้ว่า...รัก รักผู้ชายที่ไม่ใช่คนหน้าเหมือนปัณณ์คนนั้น

ปัณณ์ที่เธอรู้จักจะไม่มีทางมองเธอด้วยสายตาตัดพ้อ ผิดหวังแบบนี้ อยากคิดว่าเธอเป็นแบบไหน ก็เชิญ...

.................................................................................
ตอนนี้ตัดจบได้ หึหึ บทที่แล้วอุ่นได้รับการตอบรับอย่างร้อนแรง บทนี้คาดว่า ปัณณ์โดนแน่ๆ
คุณ ariesleo มาร่วมสังคายนาปัณณ์กันเถอะค่ะ ฮา โผล่มาน้อยแต่เจ็บ(มั้ง)
คุณ ร้อยวจี งานนี้อุ่นกับย่าเขาต้องร่วมมือกัน ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย ตอนหน้านะคะ
คุณ Auuuu ตอนนี้กระหน่ำย่าอีกแล้ว จะพิสูจน์ความทนทานของย่าไปไหน
คุณ ใบบัวน่ารัก ได้ทำแน่ค่ะ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ต้องตามต่อไป
คุณ Ohlala ขอบคุณค่า ดีใจที่ชอบ ตอนเขียนครั้งแรกก็เพราะชอบขนมหวานเหมือนกัน เชียร์ย่าต่อไปนะคะ อีกหลายอึดใจ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เป็นคนแรกเลยนะคะที่เห็นว่าอุ่นดี อืม เรื่องหน้าไว้รอหลังเรื่องนี้จบเนอะ เรื่องนี้อุ่นทำกับย่าไว้ไม่น้อยนะ
คุณ lookpud รอดูผลสรุปตอนทำขนมนะคะ ผลเหนือความคาดคิดแน่ๆ
คุณ icewinter ย่าเขาต้องการกำลังใจมากเลยค่ะ เขียนๆ ไป ก็เริ่มสงสาร นี่แค่เริ่มๆ ดราม่าเอง T_T คนเขียนใจร้ายไปไหม
ขอบคุณที่เมนท์ ไลค์ และที่อ่านกันมาเสมอนะคะ อยากให้ทำใจ จะเริ่มดราม่าขึ้น แต่ปัณณ์จะ(เว้นไว้สองคำ)ขึ้น พรุ่งนี้เวลาเดิมเจอกันค่ะ ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2556, 00:15:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2556, 00:17:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1610





<< สัมภาษณ์งานใหญ่   คนขี้หึง >>
Auuuu 1 ต.ค. 2556, 00:26:43 น.
เหย ขนมปังไหม้ก็ฝีมืออุ่นหรอเนี่ย!!! ชักเริ่มไม่รู้สึกสงสารนางแล้วสิ
เชียร์ภีมแทนพระเอกได้มะ อิอิ


ariesleo 1 ต.ค. 2556, 00:39:14 น.
อารายกานหว่า ไหงเป็นงั้นไปได้


OhLaLa 1 ต.ค. 2556, 01:06:03 น.
ปัณณ์ผู้ชายคนนี้นับวันย่ายิ่งจะรับมือได้ยาก หึงจนเอาเรื่องนั้นมาผูกกับเรื่องนี้ผสมกับเรื่องโน้น


นักอ่านเหนียวหนึบ 1 ต.ค. 2556, 03:51:48 น.
เอ.... ไรเตอร์ใจดี หรือ เค้าเป๋นพวกซาดิสต์หว่า
ทำยังไงเค้าก็โกรธใครในเรื่องนี้ไม่ลงซักคน
อย่างว่านะ เรื่องนี้อ่านกี่ตอนๆ ก็แอบมีฉากให้ยิ้มได้ตลอด(แม้หลังๆ จะเริ่มไม่ยอมยิ้มแล้วก็เถอะ)
สรุปว่า รีบมาต่อเร็วๆ นะฮ้าฟฟฟฟ ตัดฉับแบบยี้ เหมือนใจเค้าจิขาดตาม 5555


ร้อยวจี 1 ต.ค. 2556, 05:09:40 น.
อ่านแล้วเศร้าจัง เข้าใจผิดแบบนี้จะทำขนมได้หรือ สู้ๆนะหนูย่า


ใบบัวน่ารัก 1 ต.ค. 2556, 05:48:59 น.
ย่าน้อยใจใครหรือเปล่าคะ
อยากกินขนมจัง><


wind 1 ต.ค. 2556, 07:13:39 น.
อุ่นร้ายกาจตั้งแต่เด็ก


icewinter 1 ต.ค. 2556, 12:14:31 น.
สงสารย่าจัง เห้ออ


lookpud 1 ต.ค. 2556, 19:31:59 น.
ย่าน่าสงสารที่สุด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account