Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: คนขี้หึง

“โดนกระต่ายแทะหูมาเหรอเจ้าปูน ขึ้นเป็นรอยฟันเลย” เสียงหัวเราะของภีมสดใสเกินจริงยามนั่งเปิดการ์ตูนเล่มใหม่ เอาเท้าพาดยาวกับโต๊ะด้วยท่วงท่าอันเคยชิน น้องชายเจ้าของร้านยกมือลูบติ่งหู ทำสีหน้าสยดสยองเมื่อนึกถึงเจ้าของฟันตัวต้นเหตุของแผล

“รู้ไหมผมเกือบทุ่มยัยคุณพี่สาวอีคิวมีปัญหาลงพื้น ช่วยๆ มาเป็นแฟนเจ๊แกทีเถอะ พาเจ๊ออกไปจากชีวิตรักของพี่ชายผมให้พ้นทาง ไม่ไหวๆ มีแต่เรื่องวุ่น” ปุณณ์ส่ายหน้าบ่นอุบ

ภีมปิดหนังสือการ์ตูนลง สีหน้าครุ่นคิด อยากรู้เรื่องราวทุกอย่างในช่วงเวลาที่ตนไม่อยู่ “พี่พลาดเรื่องอะไรไปบ้าง นายเล่าให้พี่ฟังทีสิ พอดี พี่เพิ่งไปยั่วอารมณ์พาลพี่นายมา”

“อะไรนะ!” ปุณณ์สะดุ้งโหยง สีหน้าเริ่มหวาดเสียว ตอนตนเล่นๆ ก็แกล้งยั่ว แต่ไม่ถึงขนาดต่อหน้าต่อตา อย่างมากก็ชอบทำเป็นบอกชอบย่าเวลาอยู่กับปัณณ์แค่สองคน ไม่ได้ใช้ย่ามาทดสอบโดยตรง น้อยคนที่จะรู้ความลับของปัณณ์อีกอย่าง...เห็นเงียบๆ แบบนั้น เวลาหวงอะไรขึ้นมา น้องๆ องศาเชียวล่ะ แค่แสดงออกทางอารมณ์ต่างกัน

“พี่ไม่ได้ไปกวนน้ำให้ขุ่นใช่ไหม”

“ไม่นะ...จริงๆ ก็แค่นิดหน่อย ทำไมวะ สองคนนี้เป็นแฟนกันแล้วหรือไง” ถามออกอย่างสงสัย เพราะดูๆ แล้วสถานะแฟนน่าจะยังไม่ใช่ สมัยเรียนด้วยกัน ปัณณ์ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ก็มุ่งแต่วาดรูป สเก็ตซ์แบบ อยู่กับตัวเอง ใครมาเหยียบที่หวงห้ามเกินเส้นเป็นได้เปิดเปิงมานักต่อนัก

ใครที่ไปแตะต้องอะไรที่เป็นของปัณณ์ อาการก็จะออก จากคนไม่เคยเหวี่ยง เป็นได้กลัวกันหัวหดถ้วนหน้า แต่ก็เป็นกับแค่สิ่งของ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่อย่างนี่นา

“เหอะๆ มาแล้ว หน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้น พี่ไม่ใช่แค่กวนน้ำเล่นแล้วล่ะ ต้องใส่ยาพิษไปกระตุ้นต่อมขี้หวงมาด้วย ไม่สิ หวงใช้กับของ คนต้องใช้ว่าหึง” พูดจบ กลืนน้ำลายลงคออีกอึกโต

ปัณณ์เดินเข้ามาในร้าน มองเลยผ่านคนสองคนไปเหมือนไม่เห็นหัว เตรียมจะเข้าไปหลบภัยในที่ประจำของตัวเอง ระงับอารมณ์อันไม่ปกติของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง เสียงของภีมก็ฉุดรั้งไว้ได้ก่อน

“ฉันกับย่าไม่มีอะไรเลยนะเว้ย น้องน่ารักฉันก็แค่เอ็นดู เหมือนน้องเหมือนนุ่ง แกก็อย่าขี้หึงไปหน่อยเลยน่า แกคงไม่ใช้อารมณ์คุยกับน้องเขาใช่ไหม”

“ฉันไม่ได้หึง” คนปากแข็งให้เอาอะไรมาง้างก็ไม่ยอมรับง่ายๆ ทั้งที่ในใจกำลังสงสัยถึงบางอย่าง “ย่าเขาได้พูดเรื่องร้านกับแกไหม...บอกหรือเปล่าว่าร้านนั้น” ชี้ออกไปในฝั่งตรงข้ามกับร้านหนังสือ มีสิ่งก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จแต่ก่อรูปร่างไปได้ส่วนหนึ่งด้วยจำนวนคนงานที่ปัณณ์สั่งมาเร่งงานให้เสร็จโดยเร็ว “ขอร้องจากแก เรื่องอะไรก็ได้เกี่ยวกับร้าน”

ภีมส่งเสียงหืมในลำคอ สงสัยตามไปด้วย และคำตอบนั้นก็พานให้คนฟังรู้สึกตัวเองโง่เง่าขึ้นกว่าเดิม “ไม่นี่ ย่าไม่ได้พูดถึงร้านอะไรเลย ฉันรู้ว่าแกเป็นคนดูแล จัดการได้ดีอยู่แล้ว ถึงฉันจะไม่ได้อยากให้มีก็เถอะ”

แปลว่าทั้งหมดที่อิศยาว่ามา มันคือการประชด...แล้วคำพูดสุดท้ายที่ว่าเกลียด มันเป็นความจริงแค่ไหน

“ผมว่าผมพลาดอะไรไปใช่ไหมพี่ปั้น” ปุณณ์เริ่มตั้งข้อสังเกตอย่างผู้เชี่ยวชาญ สายตามองเพื่อนรุ่นพี่ กับพี่ชายไปมา “และคนที่ต้องไปง้อ คือพี่ปั้น ผมพูดไม่ผิดถูกหรือเปล่า”

คนที่เคยฟอร์มจัดไหล่ลู่ตก ถอนหายใจ เป็นครั้งแรกที่ปัณณ์ยอมรับออกมาง่ายๆ ว่าตนผิด “เออ”

“เดี๋ยวก่อน นายเคยบอกฉันว่านายชอบย่า”

ปุณณ์หัวเราะครืน สีหน้าสะใจเต็มที่ “ก็ถ้าผมไม่บอกว่าชอบย่า พี่จะทำตัวเป็นหมาหวงก้างขวางไม่ให้ย่ามาหาผมตลอดไหม ชอบเขา รักเขา หวงเขาก็บอกมาเถอะน่า ผมถอยให้ได้นะ” ยังไม่วายทิ้งระเบิดลูกเล็กๆ หย่อนลงไป

“อย่ามามั่วฉันไม่ได้ชอบเขา” ปัณณ์เถียงข้างๆ คูๆ ทั้งที่สายตาดุจัด จ้องเขม็งน้องชายไม่วางตา ตรงข้ามกับคำบอกว่าไม่ชอบทุกอย่าง...ไม่ชอบแต่หวง

“งั้นฉันจะลองจีบด้วยอีกคนได้ไหม...ฉันมันชอบ ยิ่งคนน่ารักสดใส อยู่ด้วยแล้วโลกสวยแบบย่า ใครปล่อยให้หลุดมือ...โง่ตาย” ภีมจงใจด่ากระทบคนพาลพาโล หึงหน้ามืดได้รู้ความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองเสียที

ถึงปัณณ์จะไม่พูดอะไรตอบโต้มาอีก แต่อาการหน้านิ่วคิ้วขมวด พร้อมเขมือบคนทุกคนที่ขวางหน้าก็บอกชัดว่ารับรู้ใจความประโยคนั้นดี และต่อมหึงหวง ก็เริ่มทำงานอีกครั้ง

“ผมชักสงสารย่าแล้วพี่ภีม” ปุณณ์นึกแบบนั้นจริงๆ ขนาดไม่ได้เป็นอะไรกัน ปัณณ์ยังขนาดนี้ แล้วถ้าขยับฐานะขึ้นมาอีก ตนไม่อยากจะนึก อยู่ที่อิศยาแล้วล่ะว่าจจะตัดสินใจอย่างไร “หมาตัวเบ้อเริ่มหวงขนมหวานชิ้นโปรดใครหน้าไหนก็เข้าไปแตะไมได้แบบนี้...ไม่รู้หรือไง ถ้าไม่รีบแสดงความรู้สึกให้ขนมหวานรู้ว่าอยากดูแล ขนมหวานชิ้นหวานๆ หน้าตาสวย ได้มีคนเอาไปรับประทานแน่ๆ อย่าหาว่าไม่เตือน”

และคำสั้นๆ จากปากสุนัขตามคำเปรียบเปรยก็คำรามเสียงต่ำออกมา “เออ”


คนสองคนมองหน้ากัน ในขณะที่ใครอีกคนมาถึงก็ขังตัวเองในห้องน้ำนานหลายนาที ออกมาตาแดงก่ำ แต่ไม่ยอมเล่าความใดๆ สวเนตรที่ไม่ได้รู้เรื่องราวยังรับรู้ได้ถึงกระแสอารมณ์อันขุ่นข้องหมองใจจากอิศยาได้ชัดเจน ใครล่ะต้นเหตุ...พ่อหนุ่มข้างห้อง

“ขออีกห้านาทีเดี๋ยวฉันไปช่วยเธอนะอุ่น” หลับตานอนหันหน้าเข้ากำแพง พยายามลบความรู้สึกเจ็บแปลบออกไปจากในอกให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเจ็บหนักแค่ไหน สำหรับอิศยา งานและหน้าที่ต้องไม่มีความบกพร่อง งานที่เธอได้มาเพราะใครคนนั้นติดต่อมาให้

คิดมาถึงตรงนี้ น้ำตาที่ปาดเช็ดออกไปหลายรอบก็เริ่มรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงสะอื้นดังเพราะกลั้นไม่อยู่ สวเนตรนั่งอยู่หน้าจอคอมยอมปิดงานการที่ทำไว้ทั้งหมด รับรู้สภาพอันย่ำแย่ของอิศยาพานทำอะไรต่อไปไม่ได้ “ถ้าวันนี้เหนื่อยนักก็นอนพักสักหน่อย จะอยากเล่าหรือจะเก็บไว้ พี่จะไม่ถาม พร้อมอยากเล่าก็เล่า ไม่เล่าก็ไม่เล่า” คำพูดปลอบประโลมยิ่งกระตุ้มต่อมน้ำตาให้แตกง่ายขึ้น อิศยากัดผ้าห่มไว้ไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอด พยักหน้าขึ้นลง

ห้านาทีผ่านไป หลังจากเช็ดขอบตาจนช้ำน่ากลัว อิศยาพาสภาพหัวฟูยุ่ง ขอบตาบวมของตัวเองลงมานั่งปุบนพื้นกระเบื้องในห้อง ตรงหน้าเป็นโต๊ะญี่ปุ่นกาง ตั้งกองกระดาษ วาดร่างแบบขนมด้วยฝีมือของพรพิรุณ

พรพิรุณส่งแบบที่ร่างไว้ก่อนหน้าให้อิศยาดู “จริงๆ จะเอาแบบอันนี้ไปใช้เลยก็ได้ สภาพอย่างเธอคงคิดอะไรไม่ไหวแล้ว”

อิศยาพิจารณาแบบในมือไม่ถึงนาที คำตอบสั้นๆ กับใบหน้าไม่ต่างจากคนช้ำรัก ทำคนออกแบบอยากลุกขึ้นมาวางมวย ปะทะคารมกับอิศยาสักยก “ธรรมดาไป เค้กห้าชั้นเรียบๆ ดูไม่มีอะไร ถึงจะแต่งสวย แต่ฉันไม่ให้ผ่านหรอกนะ”

“อิศยา เธอออกไปเองแล้วกัน เก่งนักนี่” พรพิรุณพูดวาจากระแทกกระทั้น สภาพแบบนี้ยังมีแรงทำงานทำการได้หน้าตาเฉย

อย่างน้อยในสภาวะอารมณ์แบบนี้ คนที่ร่ำไห้ออกมาทั้งที่ในเวลาปกติไม่เคยร้องไห้ กลับจับดินสอร่างขนม จับชนิด และวางรูปแบบออกมาได้อย่างเหมาะสมยิ่งกว่าจับวาง พรสวรรค์ทางด้านขนมหวานไม่เคยสิ้นสุดกับผู้หญิงที่ชื่ออิศยา

เพียงแค่เลื่อนกระดาษอีกแผ่นส่งกลับมา พรพิรุณยิ่งรู้สึกถึงความห่างทางความสามารถ “เธอว่าไง จากเค้กธรรมดาๆ เปลี่ยนเป็นวานิลลาฟองดู” ขนมสุดโปรดของใครหลายคนที่เปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอสำหรับคู่แต่งงาน ภาพครั้งหนึ่งที่เธอเคยทำให้สวเนตร ปุณณ์ ปัณณ์ทานไหวนกลับมา แค่นึกถึงปัณณ์ อกด้านซ้ายของอิศยาก็บีบอัดให้เจ็บหนืดอีกรอบ แต่งานตรงหน้าพอจะดึงความเศร้าออกไปจากใจได้บ้าง “ปกติตามงาน ก็ตัดเค้กปลอม แล้วเอามาจากห้องด้านหลังมาแจกคน แต่ถ้าเป็นฟองดู ไม่ว่าใครก็สามารถทานได้ เรื่องครีเอททำตุ๊กตาจากขนมฉันเองก็ไม่ได้ชำนาญเท่าเธอด้วย ฉันว่าถ้าเราเอาผลไม้มาเป็นไส้ หุ้มด้วยเยลลี่สักชั้น หรือของหวานหลายๆ ชนิดทั้งชอกโกแลต ขนมปังก่อนนำไปชุบกับวานิลา น่าจะได้รสชาติดีไปอีกแบบ เวลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวตัดเค้ก ก็เปลี่ยนเป็นเอาชอกโกแลตมาชุบหัวใจด้วยวานิลลา ใช้เป็นที่เสียบยาวไขว้กัน รอบฐานเครื่องทำฟองดูก็ใช้ดรายไอซ์ประดับให้มีมิติ ดูสวยงามขึ้นได้”

“เธอพูดมาเตรียมวันเดียวไม่ได้แน่ งานมีพรุ่งนี้” พรพิรุณดักทางด้วยข้อเท็จจริง จะว่าไป งานใหญ่ๆ บางงานต้องเตรียมวัสดุล่วงหน้าจากต่างประเทศอีก ไม่มีทางจัดหาได้ภายในหนึ่งวัน

“ฉันบอกคุณเขมไปตอนเมื่อวาน ทางนั้นเตรียมของพร้อมตั้งแต่วันนี้แล้ว” ไม่ได้สะทกสะท้านกับความรวยของอีกฝ่าย แค่มีของพร้อมให้จัดทำ เมื่อไหร่ก็ทำได้ และยิ่งงานคนใหญ่คนโตแบบนี้ อิศยาไม่มีทางกลัวกับเรื่องเวลา บอกสิ่งที่ต้องการออกไป คนทางนั้นทำหน้าที่หามาให้พร้อมสรรพเท่านั้นพอ

“แล้วเสียเวลาให้ฉันคิดแบบ เธอนี่มัน...” ส่งเสียงขัดใจ จะบ่นว่าอะไรที่ยาวกว่านี้ แต่เห็นสภาพผู้หญิงโทรมๆ คนหนึ่งที่เคยมีแววตาสดใส เก่งไปเสียทุกเรื่องทุกข์ใจ พรพิรุณก็เกิดอาการเงียบไป เธอไม่ชอบข้ามคนล้ม โดยเฉพาะเวลาคู่แข่งหมายเลขหนึ่งกำลังบาดเจ็บ

“ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกนะ”

“ฉันจะว่าอะไรได้ งานนี้เธอเป็นหัวหน้านี่” พรพิรุณเก็บความรู้สึกพ่ายแพ้ไว้ในใจ ไม่มีทาง เธอจะไม่มีวันแพ้อิศยาไปตลอดแบบนี้แน่ อีกอย่างถ้าทำมาขนาดนี้ จะต้องการคนช่วยทำงานไปเพื่ออะไร “จริงๆ เธอเหมาะจะทำงานคนเดียว เอาคนอื่นไปเป็นทาสทำไม”

“ไม่หรอก ทำงานคนเดียวไม่เห็นสนุก แต่ถ้าเธอเคืองเรื่องนี้” นิ้วจิ้มไปบนร่างกระดาษ บอกชัดถึงการให้เกียรติเต็มที่ “พรุ่งนี้อะไรที่เธอคิดว่าไม่ดี หรืออยากเพิ่มเติม ฉันจะรับฟัง และนำมาประยุกต์รวมกัน ขออย่างเดียว อย่าทะเลาะกันในงาน ฉันไม่อยากเสียงาน ถึงจะไม่มีร้านอะไรที่ฉันว่าไว้กับพ่อแล้วก็เถอะ”

“ไม่มีร้านหมายความว่ายังไง” สวเนตรแอบฟังมานาน ในที่สุดก็พอรับรู้อาการเยี่ยงคนอกหักนี้เสียที “เกิดอะไรกับร้าน มันยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ”

“เธอจะกลับร้านคุณตาหรือเปล่า” ไม่รอฟังเหตุผล ส่วนลึกในใจที่พรพิรุณนึกถึงมีเพียงพื้นที่ของเธอในร้านคุณตา ถ้าหากอิศยากลับไป เธอจะต้องกลับไปอยู่ในเงาเหมือนเดิม

“ฉันไม่มองร้านคุณตาเป็นร้านที่มีไว้ในเวลาที่ฉันไม่เหลืออะไรแล้วหรอกนะ ในเวลาที่ฉันมีพร้อม ฉันกลับเลือกทิ้งที่นั่นมา วันนี้ฉันไม่เหลือหน้ากลับไปเหยียบที่นั่นแล้ว ฉันเลือกเส้นทางของฉัน และต้องทำให้มันเป็นจริง โดยไม่ต้องยืมมือใครอีก”

สวเนตรรับรู้ได้ทันทีจากแววตาเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นเครือ สาเหตุของคนที่อิศยายืมมือมาเพื่อเปิดร้าน จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ปัณณ์


เวลาตีสี่ อิศยากับพรพิรุณต่างอาบน้ำเตรียมเดินทางไปยังสถานที่จัดงานในโรงแรมห้าดาวสุดหรูใจกลางเมือง เธอต้องทำขนมไทยซึ่งถือเป็นของมงคลสำหรับงานสมรสของคนไทยให้ครบถ้วนก่อนเวลาเก้าโมงเช้า ที่เป็นฤกษ์งานหมั้นและแต่ง และในเวลาเย็นของงานเลี้ยง เค้ก และขนมหวานจะเปิดตัวต่อหน้าแขกในงาน

พรพิรุณที่แม้จะไม่ถนัดกับการทำขนมไทยนัก แต่ไม่ยอมบกพร่องในหน้าที่ที่ตัวเองรับมาหลอกๆ เช่นกัน ลงเรือมาแล้วจะว่ายน้ำหนีลงทะเลให้หมดท่าก็ไมได้

สวเนตรนอนหลับอุตุส่งเสียงกรนเบาๆ แม้จะมีการเคลื่อนไหวภายในห้องตั้งแต่เวลาตีสองเกือบตีสาม แต่ทั้งสองก็ยังรักษามารยาทมากพอไม่ส่งเสียงรบกวนจนเจ้าของห้องต้องตื่น อิศยารับโทรศัพท์จากเขมรัฐ ทางนั้นยืนยันว่ารถที่มารับพาไปงานนั้นถูกส่งมารอรับด้านล่างหอพักแล้ว

“หอเธอนี่มันไฟน้อยไปนะ สว่างๆ หน่อยก็ดี” พรพิรุณกระชับกระเป๋าใบย่อมของตัวเอง คนกลัวความมืดพยายามเดินในที่แสงไฟส่องถึง นึกพาลไปถึงเรื่องยืมชุดเชฟของอิศยามาใส่ การมานอนค้างแบบไม่ทันตั้งตัวเพราะอยากเล่นเป็นเชฟใหญ่ให้สนุก พาเธอมาร่วมอาศัยนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ของอิศยาอีก

มีแต่เรื่องไม่น่าปลื้ม...

“ฉันไม่ใช่เจ้าของ แต่ถ้าอยากบอกไปบอกพี่ภีมนะ เขาเป็นเจ้าของที่นี่” อิศยาตอบทั้งที่สีหน้าสดใสได้ไม่เต็มที่นัก แค่หลับตา ประโยคสนทนาของเธอกับคำสุดท้ายที่บอกปัณณ์ว่าเกลียด ทำให้นอนฝันร้ายทั้งคืน ปากบอกเกลียด แต่ใจกลับบอกว่ารัก...ได้ยินเสียงหึ ของพรพิรุณก็พอรู้ว่าเจ้าตัวมีคนไม่ชอบขี้หน้าเพิ่มมาคนหนึ่ง

“ทำไมไม่รู้จักมีเพื่อนกับเขาไว้บ้าง เห็นเธอมีแต่คนไม่ชอบขี้หน้า อุ่นโลกนี้อยู่ตัวคนเดียวไม่ได้หรอกนะ” คำกล่าวเตือนที่เต็มไปด้วยความหวังดีเข้าหูซายทะลุหูขวาพรพิรุณไปไวยิ่งกว่าความเร็วแสง เพราะเธอไม่คิดจะเอาใจใส่กับคำสวยหรูแต่ทำไมได้นั้นสักนิด “ฉันอยากเป็นเพื่อนของเธอนะอุ่น มีอะไรก็ช่วยกัน ลองคิดดูสิว่าวงการขนมจะก้าวหน้าไปขนาดไหน ถ้าเราสองคนจับมือร่วมกันทำงาน”

“ยืนด้วยกันสองคน แต่คนที่ส่องแสงสว่างก็คงจะมีแค่เธอ และฉันก็เป็นเงาบนพื้น ไร้ค่า ไม่มีใครมองเห็น”

อิศยาพรูลมหายใจออกมาหนักอก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ หัวใจของพรพิรุณปิดมานาน หรือครอบครัวของเธอ ที่เอาทุกอย่างมาทุ่มเทให้เธอ ในช่วงชีวิตเดียวกับที่พรพิรุณเองกำลังขาด “คนทุกคนมีคุณค่าในตัวเองนะอุ่น ทำยังไงเธอถึงจะยอมเปิดใจให้ฉัน”

พรพิรุณเหยียดริมฝีปาก ตอบคำตอบจากใจ “ไม่มีวัน”

คนถูกปฏิเสธทำได้เพียงทำใจ เดินนำไปที่รถติดเครื่องยนต์คันสีดำมันวาวยาว ทะเบียนถูกตามที่เขมรัฐบอกไว้ “คันนี้แหละ”

พรพิรุณปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉย เชิดคอ ไม่ยอมแสดงความรู้สึกที่แท้จริงยามที่มีคนอื่นอยู่ด้วย เปิดเข้าไปนั่งด้านใน และปิดประตูข้างนั้นไม่รอให้อีกคนเข้ามา อิศยาต้องเดินอ้อมไปประตูอีกฝั่ง แต่ไม่อยากมานั่งเสียเวลาทะเลาะด้วยเรื่องเล็กน้อยอย่างประตูรถ

ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายอยากหาเรื่องให้เธอหงุดหงิดกับเรื่องเล็กน้อยนี้แค่ไหนก็ตาม

“วันนี้มีคนขับรถกิตติมศักดิ์เชียวนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างเริงร่า ปุณณ์นั่งอยู่ตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ พยักพเยิดไปทางอีกคน “หล่อด้วย”
ไม่ต้องมอง หรือชะโงกหน้าไปดูให้รู้ว่าใครขับอิศยาก็พอจะเดาได้ หัวใจที่คล้ายกับเจ็บจนชาเต้นจังหวะแปลกขึ้นมาวูบหนึ่ง ถึงตรงนี้เธอไม่อยากยอมรับเลยจริงๆ ว่ารักผู้ชายไร้เหตุผล และงี่เง่าอย่างปัณณ์เข้าแล้วจริงๆ อาการตอบสนองดับความหงุดหงิดของอิศยาคือการหยิบหูฟังขึ้นมาต่อกับโทรศัพท์กดฟังเพลง ตัดขาดจากการสนทนา เธอสังหรณ์ใจว่าปุณณ์จะต้องพูดมากในเรื่องของปัณณ์อีก...เวลานี้เธอยังไม่พร้อมฟัง

พรพิรุณกอดอกมองอาการนิ่งเงียบของอิศยาจับสังเกต รู้ว่าคนทั้งคู่กำลังมีปัญหากัน จากอาการหนักหน่วงของคนยิ้มง่ายเมื่อคืนนี้ แต่สิ่งที่เธอสงสัยไม่ใช่ว่าคนทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องอะไร ตรงกันข้ามเรื่องอาการออกชัดแบบคนอกหักนี้ต่างหากที่น่าสงสัยกว่า...คนทั้งคู่คบกันหลอกๆ ไม่ใช่เหรอ

หรือว่า...พรพิรุณหันมองออกนอกหน้าต่าง ซ่อนรอยยิ้มกริ่มไว้ เธอค้นพบจุดอ่อนของอิศยาแล้ว


อิศยาไม่มอง ไม่สบตา ไม่แม้แต่จะรับฟังคำใคร ตลอดการเดินทางก็เอาแต่หลับตา ฮัมเพลงในลำคอ ไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนของใครอื่น ปุณณ์เองยังจนปัญญาที่จะช่วย รถจอดสนิทหน้าโรงแรม ร่างของอิศยาก็เดินลิ่วไปด้านในโดยไม่รอพรพิรุณที่ตั้งใจลงช้าๆ ถ่วงเวลาให้อิศยาต้องทนรับความอึดอัดทางอารมณ์ให้มากๆ พอเจ้าหล่อนไม่สน พรพิรุณจึงต้องเดินเร็วเข้าโรงแรมตามไป

“ย่าโหมดนี้น่ากลัวแฮะ ว่าไหมพี่ปั้น” ปุณณ์ยิ้มแหย ส่ายศีรษะกับความสัมพันธ์ที่หาคำบรรยายแก่คนคู่นี้ไม่ได้ “ก็ใครแถวนี้ฟอร์มจัด รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองผิดเต็มประตูก็ไม่รู้จักขอโทษ ไม่รู้จักง้อ พูดสักคำก็ได้ นี่อะไร ติดต่อขอขับรถพาย่ามาโรงแรมเอง กลับไม่พูดอะไรเลย อ่อนหัดจริงๆ พี่ใครวะ”

คนถูกว่าอ่อนหัดมองน้องชายทางหางตา ออกมายืนรอให้คนนั่งจอมพูดมากได้ลงมาเสียที “เก่งนักวันหลังแกก็จัดให้ฉันอยู่กับย่าสองคนสิ เอาตัวแกออกไปไกลๆ ด้วย”

“เรื่องสิ เรื่องแบบนี้ป๋าดันไม่พลาดหรอก ถ้าป๋าจัดให้ แต่ว่าจากนี้จะไม่ช่วยอะไรแล้วล่ะ” ปุณณ์ยกนิ้วขึ้นมาห้านิ้ว ไล่เรียงไปทีละนิ้ว “ผมไม่ช่วยคนอ่อนหัดที่มีข้อบกพร่องตั้งห้าข้อหลักๆ หรอก”

“แกพล่ามอะไรเจ้าปูน”

“ขี้หงุดหงิด ขี้หวง ขี้แกล้ง ขี้หึง...” กระดิกนิ้วก้อยยั่วอารมณ์พี่ชายในข้อสุดท้ายที่เว้นไว้ แต่สองขาเตรียมวิ่งเข้าไปในโรงแรมจัดงาน หลบวิถีอันตรายของคนถูกจี้ใจดำ “พี่น่ะโครตขี้อาย ขี้หึงมากไม่พอ ยังขี้อาย ทำฟอร์มจัด ถ้ายังแก้ขี้ทั้งห้าของพี่ไม่ได้ ชาตินี้ทั้งชาติพี่คงได้กินหญ้าวัว แทนย่าที่เป็นคน”

ผู้ชายที่อุดมข้อเสียโดนว่ากลายๆ เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งทำหน้าคิดหนัก แต่ละอย่างที่พูดมาจากปากปุณณ์ ถึงไม่ยอมรับแต่มันก็จริง หรือถึงเวลาที่คนอย่างปัณณ์ต้องลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะต้องทำให้ใคร

แต่ถ้าให้ไปกินหญ้าแทน เขาขอใช้เวลาทั้งชีวิตง้อย่าของเขาดีกว่า อารมณ์แย่ๆ ในตอนนั้นนึกมาถึงตรงนี้ ยิ่งคิดถึงยิ่งรู้สึกถึงความโง่ของตัวเอง

ว่าแต่ถ้าเขาง้อเข้าจริงๆ อิศยาจะหนีไปทางไหน ทำนิ่งปิดประตูใส่ เขานี่ล่ะ จะหาทางแงะประตูบานนั้นให้สำเร็จ...อิศยาเตรียมพร้อมตั้งรับให้ดีก็พอ เตรียมรับสถานะผู้หญิงของนายปัณณ์คนนี้ให้ได้


ห้องน้ำสามห้อง ขนาดไม่ใหญ่มากแค่พอสำหรับให้พนักงานแผนกครัวของโรงแรมได้เข้าไปปลดทุกข์ กำลังมีคนสองคนใช้บริการอยู่ อิศยาเข้ามานั่ง ตั้งใจจะพักสมองให้หายล้าหลังจากตลอดทั้งวันเธอไมได้พักมือในการทำขนมเลยสักนาทีเดียว จะไปร่วมงานก็ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าลัลริกาและวสุธรไม่ชวน สองคนนั้นแทบจะบังคับให้เธอไปร่วมงานทันทีหลังทำขนมในงานเลี้ยงเสร็จ แต่เธอไปไม่ได้...สาเหตุก็มาจากคนที่อยู่ห้องน้ำอีกห้องหนึ่งไง

เมื่อหลายนาทีก่อนห้องน้ำอีกห้องก็มีคนใช้ แต่ออกไปแล้ว พรพิรุณที่เกิดปวดหนักก็ไม่ยอมออกมาง่ายๆ บอกแค่ว่า ‘แล้วเธอจะมารอทำไม’

แม้แต่ชุดนำโชคของเธอ ท้ายที่สุดพรพิรุณบอกอยากเอาไปใส่ เธอก็ต้องยอม “เป็นไงใส่ชุดนำโชคของฉันแล้วท้องร่วงเลยหรือไง”
อิศยาในชุดเสื้อยืดคอกลม กางเกงยีนส์ ถอดชุดเชฟออกเก็บเข้าที่เรียบร้อยอดกล่าวกระทบไมได้ คนอะไร ชอบหาเรื่องเธอได้ตลอดเวลา

“อย่ามาจุ้นน่า เพราะส้มเน่าที่เธอบอกว่าดีเอสจัดมาดีต่างหาก” คนอีกฟากสวนกลับมา เสียงชักโครกทำงานเป็นรอบที่เท่าไหร่อิศยาก็ขี้เกียจนับ โชคดีจริงๆ ที่เธอหาที่ปิดจมูกมากันกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้มาด้วย ผลไม้จากนอกส่งมาให้ทานเล่น กลายเป็นส้มเสีย จนคนท้องไม่แข็งออกอาการตั้งแต่ทำขนมไม่ทันเสร็จ

“ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันพาไปโรงพยาบาลเอง” คนมีน้ำใจหยิบยื่นไมตรีอย่างเป็นห่วง เอาฝาชักโครกลงปิดนั่งลงไปเพื่อรอดูอาการ หากพรพิรุณเป็นลมเธอจะได้หาทางช่วยทัน

ทางนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่เริ่มเคลื่อนไหวจากอีกฟาก เสียงเท้าของพรพิรุณบนรองเท้าเดินไปหน้าประตู เปิดเสียงดังกริ๊ก...และ “นี่เธอแกล้งฉันหรือเปล่า” พรพิรุณถามเสียงห้วน “เธอล็อกประตูห้องน้ำฉันจากด้านนอกใช่ไหม”

“จะบ้าหรือไง” อิศยาเห็นเป็นเรื่องตลก เดินมาเปิดประตูห้องของตัวเองบ้าง แต่มันถูกล็อกจากด้านนอกเช่นกัน ดันเท่าไหร่ก็เปิดไม่ได้ มีใครบางคนเอาของมางัดไว้ตรงบานประตู

“มาเปิดให้ฉันเดี๋ยวนี้ อิศยา”

อิศยาทำหน้ายุ่ง กัดริมฝีปากพลางใช้ความคิด ประตูจะเกิดมาฝืดเสียพร้อมกันสองห้องเป็นไปไม่ได้แน่ น่าจะคนที่เพิ่งออกไปตอนหลายนาทีก่อนแน่...เจตนาของคนทำคืออะไร ทำไปเพื่ออะไรกัน

“ฉันไปเปิดให้แน่...ถ้าฉันออกไปได้”

“อย่ามาเล่นลิ้นนะ” พรพิรุณฮึดฮัด เริ่มยัวะจัด “ฉันไม่ชอบห้องน้ำตอนนี้เลยให้ตายสิ รีบๆ มาเปิดที ให้ฉันมองส้วมที่เต็มอีกนานไหม”

คนฟังร้องยกมือมาอุดปากกลั้นเสียงหัวเราะในเวลาไม่ควรนี้ไว้เต็มที่ ทั้งสงสาร ทั้งน่าขัน “ฉันโดนแกล้งเหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะหาทางพาเธอออกมาจากมรสุมเจิ่งนองเอง”

“ศัตรูเยอะเหลือเกินนะเธอน่ะ” คนอีกฟากประตูแขวะเข้าให้ ครั้งนี้เธอเผลอโดนเล่นงานไปด้วย

“ก็ถ้าเธอเลิกเห็นฉันเป็นศัตรูไปสักคน คนไม่ชอบฉันก็จะลดลงไปหนึ่ง” อิศยาเริ่มหาลู่ทางเพื่อจะออกไปจากห้องน้ำนี้ ถ้าคิดให้ดีก็คงเป็นเพราะว่าคนที่แกล้งนึกอยากเล่นงานตอนที่เธอทำขนมเสร็จแล้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าพอจะโทรหาใครได้บ้างไหม หน้าจอสีดำสนิท เปิดเท่าไหร่ก็ไม่ติด...แบตหมด

“ทำอะไรอยู่ อย่าเงียบสิ” พรพิรุณส่งเสียงเรียก “ชอบอยู่ในห้องน้ำนักหรือไง มาอยู่ห้องนี้ไหม”

อิศยาหัวเราะครืน กลั้นไม่อยู่ พรพิรุณเองคงหงุดหงิดกับสภาพส้วมเต็มที่จัดการไม่ได้ ออกจากห้องน้ำก็ไม่ได้อีก “มาเล่นเกมเป่ายิงฉุบกันดีกว่า ใครแพ้ปีนกำแพงห้องน้ำ”

“นั่นมันของถนัดเธอ ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่เล่นหรอก อายุยี่สิบสามเล่นเป็นเด็กไปได้”

“หนึ่ง สอง สาม...กระดาษ”

“กรรไกร” คนบอกไม่เล่น ตอบชัดหลังเลขสามพร้อมๆ กับคำว่ากระดาษของอิศยา คนชนะถึงกับร้องเยสดีใจ สั่งการผู้แพ้ทันที “ปีนเร็วๆ เธอแพ้ฉันแล้ว” หัวเราะในลำคออย่างเปรมปรีดิ์ ชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ก็ทำให้พรพิรุณมีความสุขได้

อิศยาส่ายหน้าทั้งที่ยิ้ม รู้ดีว่ายังไงเธอก็ต้องปีนต่อให้ชนะ ร้อยวันพันปีอิศยามั่นใจว่าเธอไม่เคยมีบรรยากาศสนุกสนานแบบนี้กับพรพิรุณมาก่อน ถึงจะเกิดขึ้นในห้องน้ำที่โดนล็อก ชักโครกห้องหนึ่งเต็มก็ตาม

“เธอมีโทรศัพท์ไหม”

“ไม่มี เก็บไว้ในตู้ อย่าลีลาเยอะ รีบๆ ปีน” ได้ที พรพิรุณรีบออกคำสั่ง อิศยาย่นจมูกกับการได้ยิน เท้าข้างหนึ่งปีนขึ้นไปเหยียบบนฝาชักโครก โชคดีที่กำแพงด้านหลังมีที่สำหรับวางกระเป๋า เป็นปูนยื่นออกมาประมาณครึ่งฟุตได้ และสูงกว่าการเหยียบฝาชักโครกเฉยๆ ไปอีกหนึ่งไม้บรรทัด

มือเกาะกำแพงห้องน้ำได้อย่างง่ายดาย ภาพมุมสูงทำให้อิศยาเห็นความเป็นไปของห้องน้ำโดยรวม นอกจากอีกฟากของประตูห้องเธอ และพรพิรุณที่กำลังมองลุ้นขึ้นมา “ฉันว่าห้องน้ำอีกห้อง ก็น่าจะล็อกเหมือนกัน” ไม่พูดเปล่า เริ่มโหนตัวขึ้นไปนั่งบริเวณกำแพง โดยใช้กำลังแขนทั้งหมด อิศยาปาดเหงื่อจากหน้าผาก บริเวณกำแพงที่มีความกว้างไม่ถึงห้านิ้วจะยืนขึ้นเพื่อเดินไปลงตรงประตูก็ดูยากเย็น

“ระวังตัวด้วย...เดี๋ยวตกไปศพไม่สวย” พรพิรุณต่อให้ในท้ายประโยค ทั้งที่จริงๆ แล้วก็เป็นห่วงอิศยาเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ได้เกลียดอิศยาจนถึงขนาดจะทำให้ตาย “ไม่ต้องยืนหรอก นั่งไถ ไปเรื่อยๆ”

“ขอบใจที่เป็นห่วง” อิศยายักคิ้วให้อย่างรื่นเริงใจ ไม่ได้ตกอกตกใจกับการถูกขังในห้องน้ำนี้สักนิด ก็เธอถูกขังคนเดียวที่ไหน พรพิรุณก็อยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งคน...ร่างบางเริ่มไถไปเรื่อยๆ สองมือจับด้านหน้า และดันตัวเองเรื่อยไป จนมาสุดขอบ ได้ยินเสียงอีกฟากห้องน้ำถอนหายใจโล่งอก “อย่าลืมให้รางวัลนักปีนกำแพงมืออาชีพกับฉันด้วยล่ะ”

“ถ้าลงมาท่าสวยนะ เคยดูไหมกีฬายิมนาสติก เวลาเล่นก็ดีไปหมด แต่เวลาจบ มักจะลงท่าไม่สวย”

“ลงสวยไม่สวย แต่ถ้าฉันลงไปได้ เธอต้องเป็นกระบอกเสียง เรียกขอความช่วยเหลือด้วย ประตูทางเข้าห้องน้ำน่าจะล็อกเหมือนกัน” อิศยาว่าไว้แบบนั้น หลับตาเตรียมกระโดดลงจากความสูงเกือบสามเมตรลงไป โดยมีแค่พื้นกระเบื้องสีขาวสวยสะอาดรองรับด้านล่าง

แค่วินาทีเดียวร่างของอิศยาก็ทิ้งตัวลงบนพื้น แต่เพราะไม่มีอะไรรองรับอย่างที่นึกไว้ ขาสองข้างที่ควรจะรับน้ำหนักจึงรับเคราะห์ไปเต็มๆ ข้อเท้าข้างขวาที่เผลอรับน้ำหนักตัวไปข้างเดียวเนื่องจากลงมาก่อนอีกข้างมีอาการเจ็บแล่นปราดขึ้นมาจนหน้าเหยเก แต่หญิงสาวยอมกัดฟันทน ลากขากะเผลกเกาะขอบประตูที่มีไม้ถูพื้นมาขัดไว้ทั้งสามห้องออก

พรพิรุณดันประตูเปิดได้ มองสำรวจอิศยาทันที เห็นท่าทางที่แสร้งปกติ เหมือนไม่ได้เจ็บอะไรทั้งที่ข้อเท้าเจ็บจี๊ดมาก ก็ชมแกนๆ “เก่งดีนี่”

คนพูดไม่พูดเปล่า หยิบไม้ถูพื้นที่ขัดประตูไว้อย่างแค้นเคือง จับด้ามไว้มั่นเดินตรงดิ่งไปที่ประตู และเหนือความคาดหมายอื่นใด ไม้ในมือของพรพิรุณก็ฟาดลงไปที่บานประตูอย่างแรง “เปิดฉันบอกให้เปิด”

อิศยาส่ายหัวให้กับวิธีการอันรุนแรงนั้น จริงๆ เจ้าตัวก็คงโกรธที่มีใครไม่รู้มาเล่นพิเรนทร์แบบนี้ และไม่ต้องรอนานวิธีการของพรพิรุณก็ได้ผล เมื่อประตูห้องน้ำบานนั้นเปิดขึ้นมาจริง

และใบหน้าอันคุ้นเคย “พี่พล” อิศยากับพรพิรุณเรียกชื่อออกมาพร้อมกัน สีหน้าเคร่งเครียดของพลยิ่งกว่าเรื่องดีใจที่พาพวกเธอออกจากการถูกขังอยู่ในห้องน้ำนี้เสียอีก

“พวกเราเป็นคนทำขนมทั้งหมดในงานใช่ไหม”

“ใช่สิคะ...ฝีมือของพวกเราสองคนเอง” อิศยาตอบออกไป มือเอื้อมไปเกาะเสาค้ำร่างที่ยืนได้เอนเอียงเต็มที “นี่พี่พลคงมาทำอาหารในงานเหมือนกัน”

พรพิรุณเดินออกไป ไม่อยากร่วมวงสนทนาในห้องน้ำนี้อีก แต่ประโยคของพลหยุดทุกการเคลื่อนไหวในห้องนี้ให้จมสู่ความเงียบงัน...อิศยาไม่รู้สึกรื่นรมย์อีกต่อไป

“ผลงานวันนี้ของย่ากับอุ่น โดนคนอื่นขโมยไปแล้ว...พี่ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”


...........................................
บทนี้อุ่นกับย่าคุยกันได้นานสักที ฮา เจอพระเอกมาดนี้เข้าไปไม่รู้มีใครโห่ฮิ้วไหม
คุณ Auuuu ภีมก็น่ารักน้า แต่อย่าเลย แค่นี้ปั้นก็หึงน่ากลัวแล้ว สงสารย่ารับมือยาก
คุณ ariesleo บทนี้มาตอบแล้วว่าปั้นเป็นอะไรนะคะ รอดูว่าปั้นจะง้อยังไง
คุณ OhLaLa ผู้ชายคนนี้ขี้หึงมากกกก มาดูว่าย่าจะรับมือแบบไหนดีกว่า อิอิ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ออมเป็นคนใจดีค่ะ (พยักหน้าถี่ๆ) เป็นคนแรกอีกเหมือนเดิมที่โกรธใครไม่ลง งานนี้อุ่นโดนเล่นไปด้วยเรียบร้อยค่ะ จะสมัครเป็นคนรักอุ่นคนแรกก็ได้นะคะ ไม่ว่ากัน 
คุณ ร้อยวจี ย่าเขาเก่งค่ะ แยกงานกับความรู้สึกได้ แต่ก็ยังน่าสงสาร มารผจญเยอะ
คุณ ใบบัวน่ารัก ย่าน้อยใจตาปั้นค่ะ ร้องไห้เลย เขียนเองก็อยากกินขนมหวานเหมือนกันค่ะ ^^
คุณ wind นิสัยร้ายๆ นี้ไม่เถียงค่ะ ยังวางแผนเล่นงานย่าได้อีก เธอเกิดมาเพื่อขัดแข้งขัดขาย่า
คุณ icewinter อีกนิด ปัญหาจะจบแล้วค่ะ รอดูว่าย่าจะผ่านไปได้แค่ไหน
คุณ lookpud น่าสงสารมากค่ะ เพิ่งรู้ตัวว่าเขียนไปเขียนมาหนูย่าจะเป็นหญิงเหล็กแล้ว เจอเรื่องมาเยอะเลย
ขอบคุณสำหรับทุกเมนท์ ทุกไลค์ ทุกคนที่อ่านนะคะ จะพยายามทำให้ทุกบทไม่เครียดเกินไป ตอนหน้ารู้กันว่าใครขโมยงานค่ะ มาเจอกันพรุ่งนี้เวลาเดิมค่ะ ^_^ กระซิบๆ ตอนหน้าหวาน(หน่อย)แล้วค่ะ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2556, 00:07:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ต.ค. 2556, 00:21:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1770





<< คุณเป็นใครที่ไม่รู้จัก   เปิดโปงขี้ขโมย >>
Auuuu 2 ต.ค. 2556, 00:30:56 น.
ใครกัน มาขโมยผลงาน ย่าก็เจ็บขาซะด้วย


icewinter 2 ต.ค. 2556, 00:37:10 น.
ผลงานถูกขโมย โห้ๆๆ ใครขโมยเนี่ยย รอต่อไปค่ะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 2 ต.ค. 2556, 00:41:10 น.
อยากเห็นฉากส้วมเต็ม กะตอนหนูย่าปีนห้องน้ำ 5555
นิชั้นไม่ได้สนใจเรื่องขโมยผลงานเลยใช่มั้ยยย
ตอนนี้ไม่ได้ยิ้มอ่ะ แต่ขำเลย ฮาๆๆๆๆๆ


ร้อยวจี 2 ต.ค. 2556, 01:31:33 น.
จะมีใครรู้ไหม ว่าย่าโดนขโมยผลงาน แบบนี้ต้องหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้


ใบบัวน่ารัก 2 ต.ค. 2556, 06:47:07 น.
มีมารน้ององศาแน่ๆๆๆ
จัดการซะ ย่า กะอุ่น


OhLaLa 2 ต.ค. 2556, 07:21:50 น.
ทำขนมวันแรกที่ดีเอสย่าก็โดนแกล้งซะแล้ว หมั่นไส้ปัณณ์คนฟอร์มเยอะ รอดูว่าจะง้อย่ายังไง


ariesleo 2 ต.ค. 2556, 09:14:58 น.
ปัณณ์ จะง้อ ย่า อย่างไงน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account