Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: เปิดโปงขี้ขโมย

ดิเรกยิ้มรับว่าเป็นผลงานของตัวเองจากปากขององศา แขกในงานพากันชื่นชมกับขนมรสชาติถูกปาก ทั้งที่ความจริงตนก็แค่ถูกคนให้ตามมาในงานเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า รับสมอ้างด้วยเงินสูงลิ่ว

องศากันไม่ให้เขาได้เข้าใกล้เจ้าของงาน รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องกับงาน มีแค่แขกใหญ่โตเท่านั้นที่องศารับโปรโมทให้เอง “ค่ะ ขนมอร่อยใช่ไหมคะ งานของคุณดิเรกเชฟใหญ่แห่งดีเอสแกรนด์ของเราค่ะ”

อาหารค็อกเทลที่เพิ่งถูกนำมาวางใหม่ด้วยฝีมือเชฟใหญ่ทางด้านดีเอสเรสเตอรองจ้องเชฟใหญ่ทางฝั่งขนมหวานไม่วางตา ถ้าไม่ใช่รูปแบบงานที่มีรูปแบบการออกแบบแตกต่างจากเดิม ดิเรกไม่เคยแสดงงานออกมาได้ยอดเยี่ยมแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ส่วนหนึ่งพลคิดว่าไม่ใช่ แต่ไม่คิดว่างานนี้องศาตัวแสบจะเล่นงานอิศยาด้วยเรื่องผลงาน โยนให้คนอื่นแบบซึ่งๆ หน้าไม่มียางอาย


อิศยาหลังจากถูกช่วยออกมาก็บอกแค่ว่า’ช่างเถอะ ย่าขี้เกียจทะเลาะกับคนพาล’ แต่กับใครอีกคนนั้น

“ยัยชะนีหลุดกรงนี่ใช่ไหมพี่พล” พรพิรุณในชุดเชฟสีน้ำเงินหน้าเรียบนิ่งสงบ เก็บความไม่พอใจได้อย่างยากเย็น อย่างในตอนนี้ ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังวาวโรจน์อย่างเห็นได้ชัด แฝงมาเป็นคนทางฝั่งอาหาร จัดการยกอาหารมาจัดวางบนโต๊ะ เมื่อฝ่ายนั้นไม่ตอบพรพิรุณจัดการคว้าแก้วคอกเทลทรงสูงมารองวานิลลา จนสีเดิมของคอกเทลผิดเพี้ยนไป

ร่างเพรียวเล็กเดินตรงดิ่งไปหาองศาโดยที่พลรั้งไม่ทัน “น่าแปลกนะคะ ฉันอยู่ในห้องครัวมาทั้งวัน ทำไมไม่เห็นเชฟใหญ่ทำขนมอยู่ในครัวของโรงแรมเลย ไปทำที่ไหนมาเหรอคะ ในเมื่อ ฟองดูพวกนี้ หรือแม้แต่ขนมไทยตอนเช้า ฉันไม่เห็นคุณเลย”

องศาตาเหลือก สีหน้าหวาดกลัวเมื่อเห็นชัดกับสองตาว่าใครเป็นคนพูด ภาพสีหน้าโหดสั่งการกับเด็กในร้านหิ้วปีกเธอส่งสวนสัตว์ยังหลอกหลอน ดิเรกเองก็หน้าซีด หลายเสียงของแขกในงานเริ่มไม่แน่ใจถึงที่มาที่ไปในงานนี้

พรพิรุณยิ้มเหี้ยม สายตาจิกกัดจนองศาหาเสียงตัวเองไม่เจอ “ถ้าต้องการขนม ร้านคุณตายินดีให้บริการค่ะ” ภาพอิศยาที่ทำเป็นส่วนใหญ่ย้ำชัด ให้เธอเอาผลงานเข้าร้านคุณขจรคนเดียวไม่ได้ “ผลงานส่วนใหญ่นี้มาจากลูกสาวเจ้าของร้านคุณตา พวกคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ลองถามคุณเขมรัฐดูได้ ไม่สงสัยเหรอคะว่าทำไมคุณองศาถึงจงใจอยู่ให้ห่างเจ้าของงาน ถ้าไม่ใช่เพราะคิดจะขโมยงานคนอื่น”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” องศาตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ รอยยิ้มมุมปากของพรพิรุณจี้ใจคนมองที่สุด ดิเรกรู้สึกสายตาประณามหยามเหยียดเริ่มมองเล่นงานทั้งสองจนเป็นเป้าสายตา “อยากได้งานนักก็เอาไปค่ะ...ขอให้อร่อย” สาดน้ำในแก้วใส่เต็มหน้าองศาจนคนโดนกรีดร้องเสียงดัง

พนักงานหลายคนเตรียมเข้าชาร์ตคนก่อความวุ่นวาย โชคดีที่ภีมอยู่ใกล้ที่สุด จึงมาพาพรพิรุณออกไปด้วยตัวเองได้ “ไอ้ปั้น แกรีบไปหาย่าเถอะ เดี๋ยวฉันพาเชฟใหญ่คนนี้ออกจากงานเอง” ภีมบอกเพื่อนที่เพิ่งเดินสวนเข้ามาพร้อมปุณณ์

“ยัยตัวแสบก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม” ปุณณ์กุมขมับ ลากลูกพี่ลุกน้องที่คอเหมือนกลืนนกหวีดไปหลายอันลงคออาละวาดเตะปัดป่าย จะเอาเรื่องพรพิรุณที่พอจัดการเปิดโปงเสร็จเชิดหน้ากลับไปพร้อมภีม องศาโดนปุณณ์ใช้มือปิดปากอุดเสียงหนวกหู พารั้งออกไปนอกงานอีกราย


อิศยาไม่มีแรงไปรบรากับใครอีก เธอเหนื่อยที่จะต้องมาทะเลาะกับอริทั้งหลาย แต่ป่านนี้พรพิรุณก็คงจัดการแทนเป็นที่เรียบร้อย สีหน้าเหม่อลอยขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งบีบนวดข้อเท้าให้อาการเจ็บทุเลาลงบ้าง

ตั้งแต่ตีปีกออกมาจากอ้อมอกของครอบครัว ทุกอย่างที่อิศยาพบเจอนั้นมันไม่ง่ายเลย ความฝันของเธอต้องพบเจออุปสรรคเรื่อยไป เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่อิศยาเริ่มรู้สึกเหนื่อย อยากกลับไปนอนกอดพ่อกับแม่ กลับไปหากรงรั้วอันแข็งแรง ที่จะปกป้องเธอให้พ้นเรื่องเหนื่อยใจเหล่านี้พ้น...มีพ่อคอยคุ้มครองใจให้เธอไม่ต้องวอกแวกกับใครหน้าไหน ดังเช่นเวลานี้

พ่อคะ...ย่าไม่รู้ว่าย่าควรจะเดินไปทางไหนต่อดี

“องศาสร้างเรื่องให้คุณอีกแล้ว...ผมขอโทษแทนเขาด้วย” หัวใจนิ่งสงบเริ่มเต้นโหมกระหน่ำ น้ำเสียงที่บอกว่ารู้สึกผิดของปัณณ์ทำให้ความเหนื่อยล้าถูกระบายออกมาเป็นน้ำตา

อีกครั้ง ที่อิศยาร้องไห้ให้กับความเหนื่อยล้า ได้แต่ก้มหน้าหลีกหนีสายตาที่มองมาอย่างเป็นห่วง อารมณ์โกรธของเธอที่มีต่อปัณณ์ยังไม่หายไปไหน จนถึงตอนนี้ เขากลับขอโทษแทนคนอื่น ราวกับเมื่อวานนี้เขาไม่ได้ทำผิดเหมือนคนถูกผีเข้าอย่างนั้น

“ฉันเหนื่อย ฉันขออยู่คนเดียวนะคะ” ยกมือป้ายน้ำตาเหมือนเด็กๆ พยายามลุกขึ้นยืน แต่อาการเจ็บตรงข้อเท้าเล่นงานเธออีกครั้งจนตั้งท่าจะทรุดลงไปกองกับพื้น ปัณณ์มาคว้าเอวเล็กไว้ สายตาสำรวจจนพบต้นเหตุ

“ปล่อยเถอะค่ะ ฉันไม่ต้องการให้คุณมาช่วย” ดันอกหนาไว้ ก้มหน้าไม่ยอมสบสายตาในระยะห่างเพียงน้อยนิด

“ผมทำไม...เจ็บขนาดนี้ยังดื้อไม่เข้าเรื่อง ถ้าอยากพักก็ซบอกผมหลับไปเลยก็ได้ ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเอง” ปัณณ์เองก็เริ่มหงุดหงิดกับอาการแขยงเขาที่อิศยาถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูด ใช้แขนช้อนร่างเบาหวิวขึ้นมาในอ้อมแขน อิศยาตัวแข็งทื่อ ไม่ยอมใช้มือเกี่ยวต้นคออีกฝ่าย จะตกล้มหัวทิ่มเพราะอีกฝ่ายเหวี่ยงทิ้งก็เรื่องของเขาเถอะ...อิศยาไม่เข้าใจว่าอารมณ์น้อยใจมากมายยามเห็นปัณณ์ดูแลตัวเองนั้นมาจากไหน

เสียงหัวใจมั่นคงดังอยู่ข้างหู ย่างก้าวพาเดินออกไปด้วยความแข็งแรง อิศยารู้สึกจิตใจสงบขึ้นมาในอ้อมแขนของปัณณ์ ทั้งที่ห้วงความรู้สึกหนึ่ง จะย้ำให้ตัวเองยังโกรธเขาให้กับความไร้เหตุผลนั้น เขาควรจะรู้ว่าเธอเสียน้ำตาไปมากเท่าไหร่ในรอบหลายปี ร้องไห้เป็นเด็กๆ เจ็บหัวใจทุกครั้งแค่เห็นหน้าเขา หลับตาฝันก็ยังมีเขาไปหลอกหลอน แม้แต่เวลาที่เธอกำลังอ่อนแอ ไม่เหลือแรง เขาก็ยังโผล่มาสั่นคลอนความรู้สึกนี้ให้โยกไหว และสงบเหมือนมีบ้านหลังอบอุ่นให้เธอได้พักพิง แขนของเขาเหมือนผ้าห่มที่จะไม่ปล่อยให้เธอต้องหนาวอีกต่อไป

เวลานี้เธอไม่มีเวลามาหลบหนีหัวใจตัวเองให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นอีก ขอเติมพลังในอ้อมแขนเขาสักพักก่อน..ได้ไหม

ร่างบางหลับตาพริ้ม ยิ้มน้อยๆ บนหน้ายามที่ปัณณ์พานอนลงบนเตียงคนป่วย นับตั้งแต่อุ้มพาขึ้นรถ อิศยายังมีความสุขในความฝัน ไม่มีอาการประท้วงให้เขาต้องหาวิธีมาปราบพยศอีก...หรืออิศยาจะให้อภัยเขาแล้ว

ปัณณ์ลูบผมที่มาปรกหน้าอิศยาไปทัดหูให้อย่างแผ่วเบา สายตาหวานล้ำจ้องมองคนที่ไปนั่งอยู่กลางใจตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็ไม่รู้...รู้แต่ว่านับจากนี้ อิศยาเป็นผู้หญิงของเขาคนเดียวเท่านั้น...ต่อให้ร่างเล็กตรงหน้าพยายามหนี เขาจะไม่มีวันปล่อยให้หนีไปไหนได้เด็ดขาด

ก้มไปกระซิบคำสั่งข้างหู ให้คนหลับพริ้มหน้าละมุนหวานได้ยิ้มถูกใจกับอาการส่งเสียงอืมรับกลับมา “อย่าไปฝันถึงใครนะ...แม้แต่ที่ในฝันของคุณ มันก็เป็นของผมได้แค่คนเดียว”


ท่าทางจะยังไม่หายโกรธ...ปัณณ์มองร่างผอมกะเผลกที่ตนอยากอุ้มไปส่งให้ถึงบนเตียงในห้องแต่เจ้าตัวมองตาขวาง จับไม้ค้ำยันเตรียมฟาดศีรษะเขาเต็มแรงแน่ถ้าบังอาจไปรุกล้ำที่ส่วนตัวของเธอเข้า

“เท่าไหร่คะ” อิศยากอดไม้ค้ำยืน ค้นเงินในกระเป๋าถือเพื่อหาเงินมาจ่าย “ฉันไม่อยากติดหนี้ใคร กี่พันก็ว่ามาเถอะค่ะ” คนเส้นเอ็นพลิกถามน้ำอีกรอบ

ปัณณ์เริ่มรู้ชะตาชีวิตตัวเองต่อจากนี้ลางๆ สาวว่าง่ายที่ในอดีตเขาว่าอะไรก็ว่าตาม เขาที่เคยเอาเรื่องโน้นนี้มางัดข้อบีบให้อิศยาต้องยอมเสมอ มาวันนี้ เขาไม่เหลืออะไรมาบังคับให้อิศยาต้องยอมได้อีก และเขาคงไม่กล้าทำนิสัยเดิมๆ ใส่

“ผมไม่ต้องการเงิน...แค่คุณหายดีให้ผมเห็นก็คือสิ่งตอบแทนเงินพวกนั้นแล้ว”

อิศยาก้มหน้างุด ทั้งที่พยายามปั้นหน้าเครียด ตีหน้ายักษ์ แต่ทำไมคำพูดกับเสียงนุ่มๆ นั้นถึงมีอิทธิพลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจเธอโดยตรงแบบนี้ ความอบอุ่นแล่นมาจับบนหน้า จนขึ้นสีชมพู แต่ไฟบริเวณทางเดินคงส่องไม่ถึง ขนาดจับรายละเอียด และพิรุธบนสีหน้านั้นได้

“ผมขอโทษเรื่องเมื่อวาน ผมก็แค่...” คำตรงนั้นหายไป อิศยาเงยขึ้นเพื่อรอฟัง แต่ปัณณ์กลับยกมือเกาผมด้วยท่าทีอย่างกับเด็กหนุ่มกำลังเขินอายกับเรื่องบางอย่าง...นี่เขามีมุมแบบนี้อยู่ในตัวเองด้วยอย่างนั้นเหรอ ไม่หรอก คงเป็นมุมของคนไม่กล้าขอโทษซ้ำสองเสียมากกว่า

“ผมขอโทษเรื่องร้าน ผมอารมณ์เสียจากเรื่องอื่นมานิดหน่อย” ก็แค่หึงจนฟิวส์ขาด...ปัณณ์หลับตาลง ลืมขึ้นมาอีกครั้ง อิศยากำลังจะเข้าไปในห้องพักของตัวเอง “ร้านนั้นมันเป็นของคุณ...มันเกิดขึ้นได้เพราะคุณ”

ปัง...เสียงปิดประตูใส่หน้าปัณณ์เป็นคำตอบที่ฝ่ายนั้นมอบให้ ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตจะต้องมาคิดหาวิธีทำให้สาวหายโกรธ


“หนุ่มมาง้อก็ไม่อภัยให้ง่ายๆ ระวังแห้วกิน” สวเนตรนั่งกระดิกเท้าอยู่ริมขอบเตียงนอน สีหน้าคนข้างห้องหน้าเสีย คอตก ช่วงเวลาที่ประตูเปิดออกชัดเจน ท่าทางน้องสาวของเธอจะกำหัวใจใครบางคนไว้ในกำมือได้แล้ว “เขาอาจจะหึงก็ได้ ถึงได้ทำอะไรไม่ดีออกไป เช่น พาล อารมณ์เสียใส่ ไง เขาเป็นไหม”

อิศยาทิ้งตัวลงนอน จนขาข้างหนึ่งรับน้ำหนักเข้าจนต้องร้องเสียงหลง แต่ยังเหลือแรงพูดน้อยใจ “จะมาหึงทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

“ถ้าเขาอยากเป็นเราจะทำไง”

อิศยาเบ้หน้า นอนหน้าคว่ำ แต่ในหัวมีคำพูดของสวเนตรตามมายิ่งกว่าเสียงแม่มดในหนัง ถ้าเขาอยากเป็นจะทำไง ...เธอเองก็ตอบไม่ได้ นาทีนี้ อิศยาหาคำตอบให้ตัวเองไม่เจอเหมือนกัน นอกจาก ยิ่งอยู่ใกล้เขามากเท่าไหร่ คำว่าหวั่นไหวยิ่งชัดเจน

“ถ้าไม่คิดอะไรกับเขาจริง ก็อย่าทำท่าเหมือนงอนคนที่รักสิ ทำเหมือนปกติ เขาทำให้เราโกรธอะไรก็หายๆ โกรธไป ไม่ดีกว่าเหรอ ยกเว้นว่าเขาสำคัญกับย่า ย่าถึงได้โกรธไม่เลิก ต่อให้เขาผิดมากผิดน้อยก็เถอะ เคยได้ยินไหมยิ่งเป็นคนที่เราแคร์ เวลามีเรื่องให้โกรธ ให้ผิดหวัง ความรู้สึกจะคูณเพิ่มกว่าปกติ”

เธอจะให้เขารู้สึกว่าตัวเองสำคัญกับเธอไม่ได้...”ได้ ย่าจะทำทุกอย่างให้ปกติอย่างที่พี่สาวว่า สำหรับย่าเขาเองก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรสักนิด...ไม่เลย” ที่พูดมาทั้งหมดหญิงสาวรู้ดีว่ามันเป็นคำโกหกคำโต ให้ทำเป็นปกติ ทั้งที่ยังรู้สึกโกรธ นี่เธอต้องแสดงละครอีกสินะ


โต๊ะอาหารกลมสลักลวดลายงดงามในห้องโถงกว้าง เก้าอี้หุ้มผ้ากำมะหยี่สีแดงมีคนประจำการห้าชีวิต โดยสายตาสี่คู่มองตรงไปยังองศา หญิงสาวที่กำลังนั่งส่งเสียงไม่พอใจ สีหน้าและท่าทางบอกชัดว่าเธอไม่มีทางคิดว่าตัวเองเป็นคนผิด

“ยัยนั่นมาหลอกว่าเป็นเชฟใหญ่ของดีเอส องศาคิดว่ายัยนั่นทำผิดที่สุด ทำไม นี่มันงานของดีเอส จะไม่ใช่ผลงานดีเอสได้ยังไง แล้วมีสิทธิ์อะไรเอาน้ำมาสาดหน้าองศา” สาวผมสั้นยังไม่เปลี่ยนจากชุดราตรีหน้าง้ำงอ

“แต่เธอขังย่ากับพรพิรุณไว้ในห้องน้ำ อย่ามาปฏิเสธความผิดของเธอนะองศา” ภีมทำหน้าดุ ในสายตาเขาองศาก็ยังเป็นเด็กที่เอาแต่ใจในสายตาไม่เปลี่ยน การที่เขาไปส่งพรพิรุณที่ท่ารถกลับไปบ้าน รายนั้นเล่ามาแค่ว่า ใครทำอะไร ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น ไม่ยอมสนทนาอะไรมากกว่านั้นอีก

“พี่ภีมก็เข้าข้างคนอื่นสิ แล้วที่ยัยนั่นโกหกเรื่องเชฟใหญ่ล่ะ ไม่มีความผิดหรือไง จริงไหมคะคุณเขม” เมื่อดูท่าจะไม่มีใครช่วยเหลือ บุคคลเดียวที่เธอคิดว่าเที่ยงตรงสุดน่าจะเขมรัฐ

“ผมตรวจสอบประวัติคุณพรพิรุณแล้ว เธออาจจะโกหกเรื่องเชฟใหญ่จริง คุณอิศยาไม่ได้โกหก อาจมีส่วนผิดที่ปกปิดความจริง แต่ผมเองอาจจะผิดที่ไม่ได้ตรวจสอบ เรื่องงานวันนี้ก็ต้องผ่านไปได้ดีเยี่ยม ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นซะก่อน” เขมรัฐตัดจบได้เจ็บปวดองศายิ่งยวด หน้าสวย ริมฝีปากสีส้มบิดเบี้ยว บทลงโทษที่เขมรัฐว่ามาต่อจากนั้นก็ดูไม่ได้หนักหนาเลยสักนิด “แต่โทษฐานที่มาโกหก ผมจะตัดสิทธิ์การแข่งประกวดขนมในงานออกแบบของเราที่จะจัดขึ้น”

“ผมคัดค้าน...งานนี้ผมเป็นคนดูแล คุณเขมรัฐไม่ควรล้ำเส้นอำนาจของผม เรื่องการประกวดขนมถือเป็นการใช้วิธีหนึ่งในการตัดสินใจผู้ชนะในการออกแบบ และคนทำขนมต้องเป็นคนที่ดีที่สุด ผมว่าคนที่ดีเอสควรพิจารณาไม่ใช่ทั้งคุณอุ่น หรือคุณย่า แต่เป็นเชฟใหญ่ของทางดีเอสเอง ผมได้ข่าวว่าเขาไม่ได้ทำผลงานอะไรที่น่าชื่นชมเลย” ปัณณ์พูดเสียงนิ่ง สายตาวาววับไปด้วยความท้าทาย ปกติตนไม่ใช่คนยกเรื่องอำนาจมาข่มขู่ใคร แต่ครั้งนี้ถ้าจะปกป้องให้ใครได้แสดงฝีมือไว้ เขาก็ต้องทำ

“ดีเอสเรสเตอรองกับดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่อยู่ในอำนาจของแม่คุณ ก็เหมือนอยู่ในมือของคุณด้วย คุณจะไล่ใครออกก็ได้ แต่เรื่องการประกวดผมไม่เห็นด้วย กับเรื่องแค่นี้คุณยังเข้าข้าง แล้วถ้าประกวดล่ะ ใครจะเชื่อใจผลการประกวดได้”

“เรื่องการประกวดผมกำลังอยากหาคนดูแลอยู่พอดี ทางดีเอสรอยัลจะดูแลในเรื่องนี้แทนผมได้ไหม ขออย่างเดียว อย่าตัดสิทธิ์ผู้เข้าแข่งขันของคนที่เข้ามาประกวดทุกคน รวมทั้งสองคนนั้น”

การประกาศออกมาแบบนั้นเท่ากับการเลือกข้างอย่างชัดเจน “พี่กำลังเอาตัวเองแลกกับพวกนั้น องศาไม่ยอมหรอกนะคะ”

“พี่เองก็คิดจะทำแบบนี้อยู่แล้ว...ถึงไม่มีองศามาก่อเรื่องวุ่นวาย พี่ก็คิดว่าตัวเองคงเป็นกลางได้ไม่มากพอ พี่ต้องการให้ย่าลงแข่งงานนี้ และพี่คงเป็นกลางไม่ได้ พี่ถึงยอมให้ดีเอสรอยัลเป็นคนดูแลในส่วนของการประกวดทั้งหมด รวมทั้งในเรื่องส่วนการออกแบบของโรงแรม พี่ขอทำหน้าที่ประสานงานพอ”

“ผมเห็นด้วย แต่คุณยังต้องส่งแบบลงประกวดตามที่คุณวสุธรว่ามาอยู่นะครับ” เขมรัฐนิ่งฟังอยู่พักใหญ่ ยอมรับในเหตุผลได้ง่ายๆ จากสายตายามพูดถึงคนที่ตนยอมเอาหน้าที่เข้าแลก อาจทำให้แสดงตัวเป็นกลางลำบาก ถึงผลการตัดสินจะไม่มีการโกง แต่สายตาคนนอกที่มองมาย่อมไม่ดี เรื่องการประกวดแบบด้วยเช่นกัน คนจัดการ เป็นคนเดียวกับคนออกแบบ...ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ใช้ได้

“ผมรู้ครับ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้ให้คุณเขมรัฐส่งคนมาเอาข้อมูล และรับช่วงงานต่อที่บริษัทดีเอสคอนสตรัคชั่นได้เลย”

เขมรัฐ เสือยิ้มยากยอมเผยรอยยิ้มยอมรับการตัดสินใจนั้นอย่างง่ายดาย “อีกเรื่อง เจ้านายของผมบอกไม่ถือสาเอาความ บอกกำชับมาอีกว่าถ้ายังมีงานครั้งหน้า จะให้คุณอิศยาและคุณพรพิรุณเป็นผู้ดูแลงานเหมือนเดิม ขนมวันนี้ถูกปากแขกในงานมากครับ กู้ชื่อดีเอสของเราที่ขนมช่วงนี้มีปัญหาไปได้มาก”

องศาลุกพรวดขึ้น อารมณ์เดือดดาล ถูกทุกคนรุมกระหน่ำ ไหนจะยังพูดถึงความสำเร็จของสองคนนั้นโดยที่เธอทำได้แค่ฟัง...นี่เธอจะต้องเสียปัณณ์ เสียความรักของทุกคนไปให้อิศยาจริงๆ ใช่ไหม

“ถ้ายังไปรบกวนย่าถึงที่หอพักอีก ฉันจะฟ้องแม่ถึงวีรกรรมวุ่นวาย บอกให้เอาเจ๊ออกงานไปด้วยทุกที่แน่” ปุณณ์กล่าวไล่หลัง สีหน้าและแววตารื่นเริงกับปฏิกิริยาที่แสดงออกชัดเจนของปัณณ์ ในขณะที่ใครอีกคนกำลังเต้นเป็นเจ้าเข้า...องศาหันกลับมาถลึงตาใส่ญาติผู้น้อง เก็บความพ่ายแพ้อันย่อยยับกลับไป เอาไว้ค่อยหาทางเล่นงานอิศยาใหม่

วันพระของอิศยาจะมีไปทั้งปีก็ลองดู...


โชคดีที่วันนี้ไปร้านเช่าหนังสือปันนาแล้วไม่เจอตัวคนพี่ ถึงได้มีเวลาเลือกนิยายมาอ่านให้หายเครียด ช่วงนี้ต้องเป็นเพราะเธออ่านนิยายน้อยลง หัวสมองไปคิดเรื่องอื่นมากขึ้นแน่ๆ ถึงได้เครียดเอาเครียดเอา มองไปทางไหนก็เจอแต่อุปสรรค แค่เห็นร้านที่เธอเชื่อมาตลอดว่าเป็นของเธอสร้างไว้ ภาพปฏิเสธร้านต่อหน้าปัณณ์ก็กลับมา...ปากพาไป มาตอนนี้ใจจริงเธอคิดถึงร้านนี้ที่สุด ได้ยินเสียงช่างคุยกันแว่วๆ ว่าไม่เกินสองอาทิตย์ร้านจะเสร็จ

เธอจะไปห้ามไม่ให้ปัณณ์ยกร้านให้คนอื่นได้เหรอ จะง้อขอร้านคืนก็ใช่ที่ ศักดิ์ศรีของอิศยายังค้ำคอ...พูดไปแล้วจะไม่คืนคำเด็ดขาด
นิยายเล่มที่สองจบไปของวัน ร่างผอมนอนเหยียดขาข้างที่เจ็บราบกับที่นอน เสียงโทรศัพท์เพลงโหมโรงของเธอก็ดังกระหึ่มขึ้นมาในความเงียบของห้องพัก อิศยากดรับโดยไม่ดูหน้าจอตามเคย “สวัสดีค่ะ”

“นี่ฉันเอง”

เสียงห้วนสั้น และไม่ค่อยเต็มใจจะพูดแบบนี้ ก็มีคนเดียวจริงๆ “ว่าไงอุ่น ติดใจกับการเป็นเชฟใหญ่เหรอ” เย้าไปอย่างอารมณ์ดี ตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์นั้นมาด้วยกัน อิศยาก็รู้สึกว่าเธอสามารถเป็นเพื่อนของพรพิรุณได้ ถึงแม้ทางนั้นจะยังตั้งป้อมหนากระแทกหน้าเธอ...ไม่นานนี้หรอก อิสยาเชื่อแบบนั้น

“อย่ามากวน ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอ” พรพิรุณพูดจริงจัง “เธอสมัครเข้าร่วมแข่งขันทำขนมของดีเอสหรือยัง...ถ้ายังก็รีบๆ สมัครซะ เธอกับฉันมาแข่งกัน”

“พ่อฉันรู้เรื่องนี้หรือเปล่า หรือเธอแอบทำอีกแล้ว” ใบหน้าของอิศยาเครียดขึ้น ไม่อยากคิดเลยว่าวันใดที่คุณขจรรู้ ท่านจะคิดเห็นอย่างไร

“ก็อย่าบอกสิ ฉันแค่อยากแข่งกับเธอ วัดกันไปใครเก่งกว่าใคร”

“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากเอาชนะเธอ กลัวเธอจะร้องไห้แงๆ ดิ้นพล่านไม่อยากยอมรับความจริง” คนพูดไปฮาลั่นต่อท้าย โดยไม่รู้เลยว่าคนปลายสายนอกจากไม่โกรธ หรือของขึ้น พรพิรุณยังแสยะยิ้ม

“ได้...ในสามวันเธอต้องวิ่งแจ้นไปสมัครแทบไม่ทัน สวัสดี กริ๊ก”

เฮ้อ...อิศยาส่ายหน้าทั้งที่ยิ้ม อย่างน้อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพรพิรุณก็ดีกว่าแต่ก่อนล่ะ ไม่ว่าเจ้าตัวจะรู้หรือไม่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พรพิรุณโทรมาหาเธอ

จะมาไม้ไหน ถ้าไม่สมัครซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้...จริงๆ อิศยาควรรู้สักนิด ว่าตัวเองไม่ควรดูถูกความสามารถในการคิดแผนการจากหัวสมองของพรพิรุณเกี่ยวกับการเล่นงานเธอ พรพิรุณอาจเชี่ยวชาญในการหาทางเล่นงานอิศยามากกว่าการทำขนมด้วยซ้ำ


ภาพผู้หญิงสองคนสะอึกสะอื้นตัวโยนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมอันคับแคบของเธอและสวเนตรบอกเล่าถึงเรื่องราวปวดใจทั้งสองให้เธอรับรู้...และรู้ดีด้วยว่าทำไมทั้งเจนจิราและร้อยกรองมาอยู่ตรงนี้ได้

พรพิรุณ...ร้ายกาจเสมอ อิศยาหัวเราะเหอะ ไม่น่าไปดูถูกความสามารถของพรพิรุณ ถ้าเธอตอบรับลงสมัครไปให้จบเรื่อง สองคนตรงหน้าคงไม่พบเจอชะตากรรมอันน่าสลด

“นอกจากจะเอาความผิดพลาดของพวกเรามาร่ายยาวตั้งแต่ต้น ทั้งตวงส่วนผสมผิดบ่อยๆ ทอนเงินลูกค้าขาด ทำขนมตกไปกี่ชิ้น ของแตกไปเท่าไหร่ กลางร้านแบบนั้นพี่ก็อับอายนะคะ” เจนจิราปล่อยโฮ หน้าเบ้ สูดน้ำมูกเสียงดัง ดวงตาอ้อนวอนร้องขอความยุติธรรมจากอิศยา ที่พึ่งหนึ่งเดียวของทั้งคู่

“ไม่ใช่แค่นั้น...ของพี่มีเอาเรื่องไปจีบหนุ่มร้านหมูสะเต๊ะลุงอ้วนด้วย บอกเอาเวลางานไปจีบหลายครั้ง แล้วก็ไล่พวกเราออก พอใครฟังแบบนั้นก็ต้องเห็นดีเห็นงามด้วย อาตาเองยังยอมให้พวกเราออกง่ายๆ ไม่ถามสักคำ ว่าพวกเราอยากออกไหม” ร้อยกรองมีแววโกรธผสมมาในน้ำเสียง

คนฟังได้ยินแล้วต้องคิดหนัก ใจจริงเธอเองไม่อยากแข่งขันอะไรกับใครอีก ไม่คิดว่าในอดีตที่มีความสุขกับการไปแข่งมาหลายเวที จะไปทำให้พรพิรุณรู้สึกตัวเองเป็นเงาของเธอ จนกระทั่งสะสมมาอยากเอาชนะคะคานในวันนี้ ไหนจะเรื่องการแข่งของดีเอส คนจัดหลักจึงไม่พ้นปัณณ์ และอิศยาไม่รู้จะปั้นสีหน้ายังไงถ้าต้องเผชิญกับเขาจริงๆ ใจหนึ่งก็ยังโกรธ แต่อีกใจกลับ...อิศยาสะบัดศีรษะขับไล่ความรู้สึกหวั่นไหวในใจเวลานึกถึงปัณณ์ไม่ได้สักที

พรพิรุณสร้างเรื่องให้วุ่นวายจนได้...ถ้าเพียงแต่จะเหลือทางเลือกดีๆ ให้บ้าง

“พี่แจนกับพี่กลอนอยากกลับไปที่ร้านใช่ไหมคะ” อิศยาจนใจถามออกไป จะให้ทั้งสองมาฝากอนาคตในการทำงานกับทางนี้ก็ไม่ได้ ในวันที่ความสัมพันธ์ของเธอกับปัณณ์อยู่ในสถานะครึ่งๆ กลางๆ มองหน้ากันไม่ถนัดใจแบบนี้ อิศยายังไม่พร้อมไปขอร้านคืน ร้านที่เธอแค่คิดจะสร้าง แต่คนออกแบบลงมือทำทั้งหมด...คือเขา

“พวกเราสองคนรักร้านนั้นมาก จากมาเหมือนขาดใจ” ร้อยกรองเพิ่มเสียงร้องไห้ให้น่าสงสาร น้ำตาไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก ในขณะที่เจนจิรายังคงโหยหวนร้องไม่หยุด

แล้วคนที่ไม่ได้ใจแข็งดั่งหินผา แต่กลับอ่อนนุ่มพร้อมยอมเอาตัวสู้กับปัญหาทุกอย่าง ต้องยอมลงสู่สนามแข่งขันตามเกมของพรพิรุณไปในที่สุด “ย่ารู้ค่ะว่าทำยังไงพวกพี่สองคนถึงกลับไปทำงานในร้านได้”

“จริงเหรอคะน้องย่า” เจนจิราไม่พูดเปล่า กระโดดกอดเจ้านายที่รักไว้แน่น ความซาบซึ้งใจ และนับถือน้ำใจของอิศยา แม้อีกฝ่ายจะเด็กกว่าก็ตาม

น้องอุ่นดีสู้ไม่ได้ครึ่งน้องย่าของพวกหล่อนเลยสักกระผีกเดียว


............................................................
ตอนนี้หวานนิดเดียว ตอนหน้าจะมาเพิ่มน้ำตาล(เหรอ) ให้นะคะ  มาซาวด์เสียงมีใครอยากอ่านเรื่องต่อไหมคะ ของคู่อื่นในเรื่อง จะเขียนหลังรีไรท์เรื่องนี้เสร็จ (คือวางไว้บ้างแล้วแต่ไม่รู้ตรงใจใครไหม)
คุณ Auuuu พาตัวร้ายมาเปิดตัว(อีกรอบ)ค่ะ โดนจัดการไปเรียบร้อย
คุณ icewinter ตอนนี้เฉลยแล้วค่า อุ่นบีบให้ย่าลงแข่งดีเอสไปแล้ว
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ อ่านแล้วฮาใช่ไหมคะ บอกแล้วคนเขียนใจดี ไม่อยากให้เครียดกัน ดีใจที่ขำนะคะ ^^
คุณ ร้อยวจี พี่พลช่วยอะไรไม่ได้ แต่อุ่นช่วยได้ ยิ่งเขียนอุ่น ยิ่งรู้สึกว่าเธอมีมุมไม่ควรแตะเยอะจริงๆ
คุณ ใบบัวน่ารัก เย้ๆ มีคนเดาถูกค่า เก่งจัง เหลืออุปสรรคไม่เยอะแล้ว สงสารย่าโดนมาเยอะค่ะ
คุณ OhLaLa บทหน้าจะไปดันปั้นให้รุกหนักกว่านี้นะคะ บทนี้น้อยๆ หวานหน่อยๆ แต่ปกป้องนางเอก 
คุณ ariesleo ยังไม่ทันง้อนางก็ดันหลับซะก่อน ตื่นมาก็ปั้นปึ่งต่อ ตอนหน้านะคะ จะเอาพระเอกไปตกถังน้ำตาล (จะทำได้ไหม)
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ทุกคอมเมนท์เลยนะคะ ไลค์ และทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วย เห็นแล้วมีกำลังใจเขียนต่อค่ะ อีกไม่นานน่าจะใกล้จบ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าอีกกี่ตอน แต่ก็ใกล้แล้วค่ะ ไวเหมือนกัน พรุ่งนี้เวลาเดิมมาเจอกันนะคะ ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ต.ค. 2556, 00:03:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2558, 22:12:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1536





<< คนขี้หึง   ผู้ชายในกำมือ >>
ร้อยวจี 3 ต.ค. 2556, 00:29:15 น.
เริ่มชักชอบอุ่นขึ้นมาตรงที่ (เอ จะเรียกว่ากล้าบ้าบิ่น) ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เป็นคนละแบบกับหนูย่า ค่ะ สะใจมากด้วยค่ะ สนุกมาก ชักอยากหาฟองดูร์ทานบ้างซะแล้ว


ariesleo 3 ต.ค. 2556, 00:33:56 น.
คู่อื่นในเรื่องนี่คู่ไหนค๊า ใช่ภีมกับพรพิรุณ อ่ะป่าวค่ะ


Auuuu 3 ต.ค. 2556, 01:25:23 น.
เลิศค่ะ ตอนนี้ชอบอุ่นเล็กๆ นางไม่เอาแต่ความดีเข้าตัวด้วย


นักอ่านเหนียวหนึบ 3 ต.ค. 2556, 03:18:46 น.
อยากเห็นคู่อุ่นกะพี่ภีม!!!!! เจ้อุ่นจะทำให้พี่ภีมเลิกกลัวขนมหวานได้หรือไม่!!! อุ้ยๆๆ อยากอ่านขึ้นมาเยย 5555
ว่าแต่ พี่กรองกะพี่เจน ดูเหมือนโดนจ้างมานะนั่น !!!!


OhLaLa 3 ต.ค. 2556, 10:16:09 น.
คุณปั้นพูดความรู้สึกในใจ เมื่อไหร่ย่าจะได้ยินค่ะ


ใบบัวน่ารัก 3 ต.ค. 2556, 10:17:03 น.
นึกว่าอุ่นไปตบองศา
น่าจะตบไปเลย คนอ่านชอบบบบ
เดี๋ยวก็มีคุณพ่อคุณแม่ของทั้ง2ฝ่ายมาแน่่ๆๆๆ


icewinter 4 ต.ค. 2556, 08:30:46 น.
ย่าโดนบีบให้ลงแข่งแน่เลต


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account