Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: ผู้ชายในกำมือ

เครื่องมือสื่อสารพกพาถูกกดตัดสายเมื่อได้รับคำตอบอันน่าพึงพอใจจากทางอิศยา ใบหน้าคนรับกระหยิ่มมีชัยราวกับชนะการแข่งขันทำขนมเรียบร้อยแล้วก็ไม่ปาน ดวงตากลมโตมีประกายกล้าของการท้าทายชัดเจน

แผนไล่สองคนนั้นออก โดยที่อิศยารู้ดีว่าเธอต้องการอะไร จนกว่าการแข่งขันรอบสุดท้ายจะมาถึง คำสั่งของเชฟพรพิรุณแห่งร้านคุณตาจะยังมีผลต่อไป ถ้าเกิดเหตุผิดพลาดอะไรก่อนหน้า ทั้งเจนจิรา และร้อยกรอง ถูกลอยแพเท้งเต้งให้อิศยา

แต่หัวใจของสองคนนั้นผูกพันอยู่กับที่นี่...ถ้าผลยังไม่ตัดสิน พรพิรุณคนนี้ไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน ให้ผลออกมาว่าไม่ชนะยังดีกว่าการไม่ได้ลงแข่งตั้งแต่แรกเริ่ม


“จะไม่บอกอุ่นจริงๆ เหรอคะว่าคุณรู้เรื่องการประกวดแล้ว” ศิยามองหัวคิ้วขมวดของสามีที่มองหลานสาวจากบริเวณชั้นลอยของตัวอาคารไปด้านล่าง “ถึงกับยอมไล่สองคนนั้นออกไปง่ายๆ แบบนั้น ฉันว่าคุณต้องมีแผนการอะไรในใจแล้วใช่ไหมคะ”

ขจรหัวเราะเหอะ ผินหน้ากลับมามองภรรยาด้วยดวงตาแน่วแน่ ความรู้สึกถ่ายทอดออกมาชัดเจน รวมทั้งคำพูดซึ่งได้ตัดสินใจแล้ว ว่าจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ “ได้เวลาที่ผมจะทำให้เด็กสองคนนี้เติบโตขึ้นซักที”

“ทำยังไงคะ”

เสียงคำถามของภรรยาไม่ได้คำตอบ นอกจากขจรเลื่อนสายตามองร้านรอบตัวด้วยสายตาเรียบเฉย อีกไม่นาน ขจรจะให้บทเรียนสำคัญแก่อิศยาและพรพิรุณเสียที


อิศยาใช้ไม้ค้ำยันเดินพยุงกายจากที่พักขั้นบันไดเล็กๆ ขึ้นมาหลังจากเจรจายอมแพ้ ปฏิบัติตามข้อตกลงของพรพิรุณในที่สุด น้ำเสียงของทางนั้นสะใจกับการยอมลงให้ในครั้งนี้เหลือเกิน

“ไปทำอะไรตรงนั้นน่ะย่า” ปุณณ์ชะโงกหน้าลงมาจากในห้องข้างกัน...ห้องพักของปัณณ์

“มาคุยโทรศัพท์น่ะ” ยิ้มอ่อนบนใบหน้า แขนข้างซ้ายยกไม้เท้าขึ้นเดินอีกก้าวเดียวก็ถึงขั้นสูงสุด อาการเจ็บเมื่อสามวันที่แล้วทุเลาลงไปบ้าง เหลือแค่เจ็บแปลบปลาบยามเคลื่อนไหวตัวอีกเล็กน้อยพอให้รำคาญ

ประตูห้องเปิดออกกว้าง มีผู้ชายร่างหนา หลายคนซึ่งอิศยาพอจำได้ว่าเป็นช่างแอร์ และคนงานของหอพักเดินขนของเข้าออกไปมา จนห้องเกือบจะว่างถ้าได้ขนกองแบบ กระดาษกองโต ที่ขึงวาดแบบ กับอุปกรณ์อีกเล็กน้อย ห้องนี้คงจะโล่ง และพร้อมให้คนอื่นมาอยู่ต่อ

จู่ๆ ใจที่ไม่ได้เจอเรื่องราวให้คิดมาตลอดสามวัน เพราะคอยบังคับให้ลืมๆ ปัณณ์มาเสมอใจหาย นอกจากเขาจะไม่มาให้พบหน้า ยังมาย้ายออกไปทั้งที่ไม่มีบอกกล่าว...สำหรับเขา เธอเองไม่ได้สำคัญอะไรอยู่แล้ว

“จะไม่ถามเหรอว่าผมจะย้ายทำไม”

ผู้ชายคนนี้อายุยืนจริงๆ...อิศยาซ่อนสีหน้างอง้ำไว้ไม่ไหว จึงเลือกสะบัดหน้าหันมองทางอื่น ดีกว่าการรับรู้คนที่เพิ่งเดินขึ้นมาถึงห้องของตัวเอง...ไม่สิ ห้องกำลังจะกลายเป็นของคนอื่น

“ฉันไม่อยากรู้ค่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว ขอตัวนะปูน พอดีเรามีแขก อ้อ...ถ้าห้องนี้ว่างเราขอเช่าต่อ พอดีมีพี่ที่ร้านจะมาอยู่ที่นี่พักใหญ่ๆ พี่เขายังไม่มีที่พัก” การสนทนาที่เหมือนตัดขาดใครอีกคนในตอนท้ายเริ่มทำให้ปัณณ์อยู่ไม่สุข จังหวะที่อิศยาเตรียมหนีเข้าห้องถูกยกเอวตัวลอย จับล็อกไว้ข้างตัว เหวี่ยงไม้ค้ำโยนให้ปุณณ์รับไว้

“ฝากเอาไปเก็บในห้องย่าเขาด้วย มีไม้ค้ำมีชีวิตแล้ว ไม้นั่นก็ไม่จำเป็น” ที่จริงเขากลัวคนตัวผอมจะคว้ามาฟาดหัวเขาอย่างที่ขู่ไว้มากกว่า

“ฉันไม่ไปไหนนะ...คุณจะไปไหนมันก็เรื่องของคุณ อย่าเอาฉันไปยุ่ง ปล่อยสิคะ” ร่างน้ำหนักเบาพยายามขืนตัวไว้สุดกำลัง สองมือพยายามเอื้อมคว้าหาที่ยึดเกาะไว้ โดยไม่ใช่มนุษย์อดีตเพื่อนข้างห้องของเธอ

ปัณณ์มองอาการดื้อดึงอันไร้ผลนั้นด้วยรอยยิ้มขัน จัดการเก็บแขนยาวเหยียดที่ชอบมาผลักอกเขาไว้ไม่ให้ใกล้ชิดเกินไปแนบลำตัว ในวินาทีต่อมา ร่างดื้อรั้นก็ถูกพาดไหล่เดินออกไปจากหอพัก อิศยาทุบตีไม่ยั้ง ไม่อยากส่งเสียงดังออกไป แค่นี้ใครต่อใครก็มองเธอไม่ดีมากพอแล้ว

ถ้าขืนมาพบเจอภาพแบบนี้เข้ามีหวัง...”น้องย่ากับคุณปั้นนี่”

อิศยาก้มหน้างุด แนบไปกับหัวไหล่ของปัณณ์ ความร้อนแล่นระดับบนหน้า อยากหาเรื่องจัดการคนกระทำการอุกอาจต่อหน้าเจนจิราและร้อยกรอง เรื่องนี้ถ้าลอยไปถึงหูของพ่อมีหวัง บานปลายหนักกว่าเดิม

“ฉันสัญญาว่าจะไม่ดิ้นค่ะ”

“ย่า...” อีกฝ่ายสวนกลับมาเรียบๆ แต่คนฟังนึกไปว่าเขาเรียก ใช้มือจับหัวไหล่ปัณณ์ไว้เพราะกลัวตก

“คุณปัณณ์ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ...คุณหน้าหนาไม่อาย แต่ฉันหน้าบางอายนะคุณ”

“ย่า...พี่ปั้น”

ครั้งนี้อิศยาเข้าใจแล้วว่าคนตัวโตต้องการอะไร เดินลงมาถึงชั้นล่าง ป้าร้านซักรีดที่อยู่ห้องกระจกใสติดทางออกมองยิ้ม แต่อิศยาคิดว่าตัวเธอเองทนให้เขาเดินไปมากกว่านี้ไม่ได้

“พี่ปั้นคะ” เสียงหวานเรียกลื่นหู หลับตากลั้นใจทำ ทั้งที่ไม่เต็มใจ คำของสวเนตรบอกไว้ว่าถ้าเธอยังทำท่าโกรธเขา เท่ากับเธอให้ความสำคัญกับเขา ต่อให้โกรธมากแค่ไหน ทั้งเรื่องเมื่อหลายวันก่อน และเรื่องวันนี้ที่ปุบปับจะย้ายก็ย้าย...อิศยาหลอกตัวเองไม่ให้โกรธไม่ได้ แต่จะเล่นละครหลอกตาเขา “ปล่อยย่าเถอะนะคะ ย่าอายเขา”

ปัณณ์รู้สึกหวานในใจกับคำเรียกที่อิศยาเคยใช้แทนเล่นกับครอบครัว และแทนกับพล ใบหน้าเกือบจะยิ้มหายวับ ติดจะบึ้งเมื่อยอมปล่อยให้ร่างผอม มีกลิ่นขนมหวานหอมติดกายลงยืนบนพื้น ใช้แขนข้างหนึ่งรั้งร่างอิศยามาชิดกาย ให้ทรงตัวได้อย่างมั่นคง

“มีอะไรกับฉะ...ย่าคะ” เปลี่ยนการเรียกทันควันเมื่อสายตาของอีกฝ่ายวิบวับเตรียมเอาเรื่อง

แค่การเรียกชื่อ มันจะสำคัญอะไรนักหนา...เรียกไปก็ใช่ว่าจะเรียกจากใจสักหน่อย

“ทำไมไม่ถามว่าผมย้ายทำไม หายไปไหนมา เพื่อนข้างห้องไม่อยู่ คุณไม่เป็นห่วงเขาบ้างหรือไง หนูย่า”

นอกจากจะบ้าอำนาจบังคับให้คนอื่นเปลี่ยนการเรียกชื่อตัวเอง เขายังถือโอกาสแบบหน้าตายเรียกเธอเสร็จสรรพ ผู้ชายอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด...มีมาร้อนตัวกับการไม่ถูกใส่ใจ ตลกจริงๆ

อิศยาปั้นหน้ายิ้มหวาน ทั้งที่อยากแยกเขี้ยวใส่อย่างหมั่นไส้ “ย่าเป็นห่วงทุกคนแหละค่ะ แต่จะห่วงมากกว่านี้ถ้าคุ...พี่ปั้นปล่อยย่าก่อน” ถึงจะรู้สึกอยากยืนนิ่งๆ ในอ้อมแขนของปัณณ์แค่ไหน อิศยาก็ไม่ลืม ว่าเขาน่ะไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้

“ไม่ถูกใจผม หนูย่าควรพูดใหม่” ลอยหน้าลอยตาตอบกลับด้วยรอยยิ้มมุมปาก ประกายตาหวานที่ทอดมองมา อิศยามัวแต่เข่นเขี้ยวด้วยอารมณ์หมั่นไส้ ถึงไม่ทันได้มอง

“ยังไงก็ย้ายอยู่แล้ว ย่าไม่อยากรู้เหตุผลหรอกค่ะ เชิญพี่ปั้นย้ายไปได้เต็มที่” ทำใจใหญ่เท่ามหาสมุทร ทั้งที่ความจริงแล้ว อิศยาเองก็อยากรู้ไม่ต่างกัน แต่ปากหนัก ใจหนัก ไม่รู้ว่าจริงๆ ทำไมถึงได้ใจน้อยใส่ปัณณ์แบบนี้ ยิ่งเห็นเขาทำอะไรที่ไร้เหตุผล ก็อยากจะโกรธขึ้นมา

และไม่ต้องรอคำตอบนาน ปัณณ์ดึงร่างนุ่มมากอดไว้แน่น เสียงหัวใจของปัณณ์เต้นกระหน่ำดังทะลุอกออกมาจนอิศยาได้ยินชัดเจน ไม่เพียงแค่เขาหรอก อิศยามั่นใจว่าหัวใจที่ระรัวดังกลองของเธอน่าจะลอยไปเข้าหูของปัณณ์บ้าง

“เพราะหนูย่า ผมถึงต้องย้าย”

อารมณ์น้อยใจพานตีรวน คนโดนกอดเริ่มดิ้นขลุกขลัก “แล้วจะมาบอกทำไม ยังไงก็ย้ายอยู่แล้วนี่คะ”

“อย่าเพิ่งน้อยใจสิ” ปัณณ์กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น เผลอสูดดมกลิ่นหอมอ่อนที่คล้ายขนมหวานเพิ่งออกจากเตา คนทำอาหารทุกคนจะมีกลิ่นแบบนี้ติดตัวหรือเปล่า ปัณณ์ไม่รู้ แต่กลับเริ่มชอบกลิ่นนี้ขึ้นทุกครั้ง ให้เป็นอะไรที่เกี่ยวกับอิศยา เขาก็ชอบทั้งนั้น “ผมจำเป็นต้องใช้สมาธิเพื่อทำงานใหญ่”

“มาบอกทำไมคะ ย่าไม่อยากรู้” ปากสีชมพูเม้มเป็นเส้นตรง เขากำลังกล่าวหาว่าเธอทำให้งานเขาไม่เดินชัดๆ

“ผมจะย้ายไปอยู่บ้านเจ้าภีม ที่อยู่สุดซอย แต่ผมจะมาทำงานที่ลับของผมทุกวัน” จงใจเปิดสถานที่ที่มีไว้ให้อิศยาคนเดียวเท่านั้นที่รุกล้ำเข้าไปได้

มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ...

“เรื่องร้านผมทำให้หนูย่า”

“แล้วถ้าย่าไม่ต้องการล่ะ” เสียงสะบัด บอกชัดว่ายังงอนเรื่องนี้ไม่เปลี่ยน “ยกให้ใครก็เรื่องของพี่ปั้นค่ะ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ย่า”

“แน่ใจนะ” ปัณณ์ดึงร่างของอิศยาออกสุดแขน จ้องดวงตากลมโตสดใส ดวงตาที่เขาก็หวง อยากเป็นคนเดียวในสายตาคู่นี้

“ค่ะ แน่ใจมากๆ”

ปัณณ์หัวเราะหึ ก้มลงกระซิบให้อิศยาต้องเสียจังหวะการเต้นของหัวใจ ลมหายใจหยุดชะงัก อยากกางเล็บนิ้วทั้งห้าจัดการข่วนหน้าคนพูดให้เป็นรอย ระบายความโกรธแค้น ปัณณ์เก่งจริงๆ เรื่องยั่วอารมณ์ให้เธอหัวหมุน

“ในหนึ่งอาทิตย์ ร้านจะเสร็จ ถ้าหนูย่าไม่ต้องการ วันที่ร้านเสร็จ ผมจะสั่งให้คนทุบร้านทิ้ง อย่าคิดว่าผมพูดเล่น ของที่เจ้าของไม่ต้องการ มีไปก็ไม่มีใครดูแล ทุบทิ้งดีกว่า”

อิศยากัดฟันกรอด เบี่ยงตัวหนีออกจากอุ้งมือของปัณณ์ ปั้นหน้าแสดงละครได้ยากเย็นยิ่งยวด อาการเจ็บที่ขาไม่มากเท่าอาการอยากทึ้งหัวคนแถวนี้สักนิด แต่จะร้อนตัวให้ใครที่คิดปั่นหัว ยั่วให้ยอมแพ้เหรอไม่มีทาง เธอแพ้พรพิรุณมาคนหนึ่งแล้ว จะให้คนตรงหน้ามาหลอกอีกรอบ อิศยาไม่ยอมเป็นคนโง่ในสายตาเขาอีกแน่

“ตามสบายค่ะ จะทำอะไรก็ทำ ยังไงพี่ปั้นก็สร้างนี่คะ” รอยยิ้มหวานอันเสแสร้งเกิดเพียงแค่วินาทีเดียว อิศยารีบหมุนตัวกลับเข้าไปในตัวตึก ไม่สนสายตาล้อเลียนของทั้งลุงยาม หรือป้าเจ้าของร้านซักรีดที่คงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

เขามันบ้า...อิศยาเธอเองก็โง่ โง่ไปรักผู้ชายบ้าๆ แบบนั้นได้


ร่างสูงตรวจเช็คร้านด้วยตัวเองทุกจุด ทุกรายละเอียดที่ร้านๆ นี้ควรจะมี อะไรที่นายช่างทำขาดก็ถูกสั่งให้นำมาเพิ่ม ตรงไหนที่ไม่เหมือนจริง ปัณณ์ก็จะสั่งให้แก้ไขโดยด่วน ถึงมันจะไม่ใช่ร้านของเขา ดีเอสไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย แต่มันเป็นร้านของผู้หญิงคนสำคัญของเขา

บริเวณชั้นบนสุด เป็นลานกว้างหลังคาเปิดโล่ง พื้นกำแพงยกสูงครึ่งเอว กั้นด้วยแนวระเบียง ปลูกประดับเล็กๆ ในกระถางเพิ่มความสดชื่นแก่คนมอง และพอบดบังคนข้างล่างที่มองตัวร้านตาละห้อยให้มองไม่เห็นตัวคนนั่งด้านใน

ปัณณ์เกาะขอบราวกั้น เท้ามือลงไป สายตาเก็บรายละเอียดเจ้าของใบหน้าขาวเนียน ดวงตาสีดำสนิทด้วยความรู้สึกรัก...เธอจะรู้ไหมว่าการไม่เจอตลอดหนึ่งอาทิตย์มันทรมานสำหรับเขาขนาดไหน และอิศยาก็ใจแข็งมาก กับการเลือกไม่มาหาเขาในพื้นที่ลับหลังร้านหนังสือ ทั้งที่ปุณณ์บอกว่าอิศยามาร้านทุกวัน แต่ไม่มีขนม ไม่มีกองกำลังเสริมมาแจกจ่าย

การที่เขาเลือกย้ายออกจากห้องพักข้างๆ ก็เพียงให้เขาได้มีเวลาคิดถึงงานมากขึ้น การรับรู้ว่าใครอีกคนอยู่ไม่ไกล ห่างกันแค่กำแพงกั้น แต่ไม่สามารถไปหาได้อย่างใจคิด ไม่เป็นอันทำอะไรอย่างที่วางไว้

แต่การอยู่ห่างกันมากขึ้น ก็ไม่ช่วยให้ความคิดถึงของเขาที่มีต่ออิศยาลดลง ...อิศยาเป็นแม่มด หรือมีของดีติดตัว ความคิดมันถึงผูกติดไว้ที่อิศยาเพียงคนเดียว

แววตาเศร้าของอิศยาฉายชัด ในความเศร้ามีแววอาลัยอาวรณ์ชัดเจน มองคนงานเก็บของขึ้นรถ มีความระแวงฉายชัด...นี่คงคิดว่าเขาจะทุบร้านนี้ทิ้งจริงๆ คนขี้แกล้งหัวเราะในลำคอ ระยะเวลาที่เอาแต่ปฏิเสธร้านนี้ อิศยาน่าจะรู้ว่าสูญเสียไปไม่ได้

นายช่างใหญ่เดินไปเฉียดกรายใกล้อิศยา คนที่วางแผนการแกล้ง ก็ลงมือหย่อนเบ็ด รอให้เหยื่อตัวน้อยๆ น่ารัก มาติดกับจนดิ้นไม่หลุดอีก “คุณเกียรติครับ” ปัณณ์เรียกเสียงดังกังวาน นายเกียรติผู้ดูแลการก่อสร้างในครั้งนี้หันกลับมา แต่สายตาคนเรียกกลับหยุดจ้องไปทางอิศยาที่กำลังมีแววหวาดหวั่นเต้นอยู่ในนั้น

“พรุ่งนี้ให้คนมาทุบทิ้งได้เลยนะครับ...ผมขี้เกียจยื้อร้านนี้ไว้แล้ว ถือว่าผมทำหน้าที่ของผมสมบูรณ์เรียบร้อย ในเมื่อขายร้านไม่ได้ ก็ต้องทิ้ง...พรุ่งนี้มาทุบทิ้งเลยนะครับ” บอกย้ำอีกรอบ คุณเกียรติพยักหน้ารับ ทั้งที่ยังมึนงงไม่หาย แต่เห็นสายตาที่มองใครอีกคนตนก็พอเข้าใจ

คนรักทะเลาะกันล่ะมั้ง...นายใหญ่แห่งดีเอสคอนสตรัคชั่นโยนมาให้ถ้าไม่กระโดดรับไว้ ก็ไม่เนียนสิ “พรุ่งนี้ ผมจะสั่งเด็กมาทุบทิ้งนะครับ”
นายช่างใหญ่จากไป แต่ใครอีกคนที่ยืนฟังบทสนทนาตลอดกำลังยืนตาค้าง นิ่งงัน หัวสมองเหมือนถูกทุบด้วยค้อนปอนด์หนัก

และสิ่งที่ปัณณ์คาดไว้ก็ผิดมหันต์ เมื่อในที่สุดอิศยานอกจากมองตัดพ้อ แม้ฟ้าใกล้มืด แต่แสงในตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง และเสียใจก็กรีดใจคนขี้แกล้งให้รู้ตัว่วาวันนี้ ตนพลาดอีกครั้ง อิศยาไม่โวยวาย ไม่ร้องไห้ แต่กำลังเดินจากเขาไปเงียบๆ

ปัณณ์รีบวิ่งลงมาเพื่อจะขอโทษ และขอโอกาสอธิบายว่าทุกอย่างก็เพื่อให้อิศยามารั้งไว้ แต่อาจจะบีบคั้นเธอผิดวิธี

ความว่างเปล่าของเบื้องล่าง ไม่มีร่างของอิศยายืนอยู่อีกต่อไป ปัณณ์กระวนกระวายอย่างถึงที่สุด ไม่คิดว่าอิศยาจะสงบนิ่งได้ขนาดนี้

ในเวลาไม่ถึงห้านาที ร่างในเสื้อเชิ้ตมีหยาดเหงื่อเกาะพราวบริเวณหน้าผาก ลงมือเคาะประตูที่รู้ว่าหญิงสาวต้องเข้ามาพักแน่ และไม่ผิดหวัง บานประตูเปิดออกพร้อมใบหน้าเนียนซีดเซียว อมทุกข์ ดวงตาหม่นแสงจนปัณณ์ใจหาย

“เรื่องร้านผมแค่แกล้งหนูย่าเล่น...ผมอยากยั่วให้หนูย่าของขึ้น มาทวงร้านคืนไป” เฉลยออกมาหมดเปลือก เตรียมมือไวรั้งมืออิศยามาจับ เจ้าตัวรู้ทัน เบี่ยงตัวออกอย่างสุภาพ สีหน้าไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม

“พี่ปั้นจะทำอะไรก็สิทธิ์ของพี่ปั้น ย่าทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”

“ผมขอโทษ...หนูย่าผมยกร้านให้หนูย่าฟรีๆ เลยก็ได้ ให้ทำยังไงหนูย่าถึงจะหายโกรธ ผมรู้ตัวว่าเล่นแรงไป”

ท่าทางลู่ไหล่ตก หมดสภาพผู้บริหาร และสถาปนิกอันเก่งฉกาจ พ่ายแพ้ย่อยยับให้ผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้า

“อย่ามาหลอกย่าเลยค่ะ อีกอย่างย่าไม่ใช่พวกชอบของฟรี” เสียงเรียบกับสีหน้าเศร้าสร้อย กรีดย้ำใจคนทำพลาดไม่เหลือชิ้นดี

“ผมยินดี รับร้านของหนูย่าไปเถอะนะ จากนี้จะไม่เล่นอะไรแบบนั้นอีก”

“แน่นะคะ” ดวงตาของอิศยามีประกายแปลกไป แต่ปัณณ์ไม่ทันสังเกต

“ครับ”

“ไม่คืนคำ” รอยยิ้มเริ่มแตะแต้มบนริมฝีปาก

“ไม่คืนครับ”

“เอาสัญญามาให้ย่าเซ็นเลยนะคะ ค่าก่อสร้างฟรีทุกรายการ ไม่ฟรีสิ เพราะย่าจ่ายไปด้วยค่าแอ็คติ้ง” อิศยายิ้มแป้น จนดวงตากลมโตโค้งเป็นขีด ระริกไปด้วยความขำขัน และยิ่งหัวเราะสะใจมากไปอีกเมื่อปัณณ์กำลังยืนตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้างจนแมลงบินเข้าไปเล่นได้หลายรอบ

อิศยาสงสารคนขี้แกล้งขึ้นมา ไม่คิดว่าแผนละครโศก ที่เธอเฝ้านับวันรอให้ถึงวันนี้นับตั้งแต่วันนั้น จะตลบหลังเขาได้ ซ้ำยังทำให้เขาอึ้งกิมกี่ วิ่งมาง้อแทบไม่ทัน เอาน่า ถือว่า ให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ

“ขอบคุณนะคะ”

คนกระทำการตอกกลับไปแบบเจ้าเล่ห์ งับประตูปิดไป แต่ทิ้งให้คนหน้าประตูยืนตาค้าง ตัวเบาลอยกับสัมผัสที่อิศยาทิ้งไว้ที่แก้มข้างหนึ่ง มันไม่เหมือนกับตอนครั้งแรกที่อิศยาเล่นละครกับทางบ้าน

และครั้งนี้ปัณณ์มั่นใจ ถ้าขืนทิ้งผู้หญิงจอมแสบคนนี้ไปให้ใครอื่น หรือไปทำแบบนี้กับใครอีก เขานี่ล่ะได้อกแตกตาย...

อิศยาจะทำแบบนี้กับใครไม่ได้ทั้งนั้น ยกเว้นเขาคนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอิศยาเขาหวง

“หนูย่า...แข่งทำขนมพรุ่งนี้ โชคดีนะครับ”

อีกฟากประตู คนชิงแก้มคนอื่นมาหอมยืนบิดตัวไปมา สองมือตบแก้มร้อนผ่าวให้บรรเทาความแดงก่ำลง สายตาส่องลอดตาแมวมองใบหน้าของปัณณ์ที่กำลังยิ้มหวาน และคำอวยพรให้เธอในวันพรุ่งนี้ที่เธอจะต้องไปแข่งขันการทำขนมของดีเอสรอบแรก

อิศยากลั้นเสียงกรีดร้องดีใจไว้ รอให้แน่ใจว่าปัณณ์เดินจากไปแล้วแน่ กระโดดขึ้นเตียง กอดร่างท้วมของพี่สาวที่นอนอืด กรนเสียงเบาจนตื่นขึ้นมาเพราะแรงกอดรัด ทำเสียงอิ๊อ๊ะ ข้างหู

“เป็นบ้าอะไรยะ คนจะนอน” สวเนตรเคลื่อนตัวหลบวิถี จัดการฟาดขาสลาตันใส่เอวเล็กๆ ของน้องจนตกขอบเตียง หน้าเบ้เมื่อผงกขึ้นมา “เขามาบอกรักหรือไง”

“จะบ้าเหรอ เปล่าสักหน่อย” อิศยามองค้อนพี่สาว ไม่คิดว่าเรื่องที่พี่ว่ามาจะกระแทกใจอย่างจัง ระยะเวลาที่ไม่เห้นหน้าเขา แต่กลับรับรู้ว่าชายหนุ่มเพียรมาตรวจงานที่ร้านของเธออยู่บ่อยๆ ใส่ใจทุกรายละเอียด แม้ว่าจะกลับจากสำนักงานเย็นย่ำ ก็ใส่สูทเดินตรวจงานทั้งแบบนั้น เวลาที่เธอไปร้าน ก็ไม่อยากกวนเขา ขนมที่ทำไว้ก็ไม่รู้ว่าถึงมือหรือเปล่า

อ้างว่าทำมาฝากปุณณ์ แต่จำนวนเยอะๆ แบบนั้น ปุณณ์ก็น่าจะแบ่งไปให้ปัณณ์บ้าง ในอดีตเคยคะยั้นคะยอเรื่องเธอกับปัณณ์ตั้งเท่าไหร่ ดูเดี๋ยวนี้สิ ไม่มีรายงานความเคลื่อนไหวของเขาให้เธอทราบบ้างเลย อุบอิบเก็บเงียบ พอเธอจะลากเข้า ปุณณ์ก็จะลากออก

อารมณ์เคยโกรธๆ ก็หายไปเอง แล้วยิ่งวันนี้ อิศยาคิดว่าเธอดีใจเหมือนตัวลอยกับการทำให้จอมมารสิ้นฤทธิ์ได้ แต่นั่นสิ...คำที่เธอรู้ดีว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรต่อเขา แต่ทางเขากลับไม่ยอมพูดออกมา

“พี่สาวใจร้าย”

“ฉันใจร้ายยังไงยะ” สวเนตรเสยผมยุ่งๆ ให้ฟูฟ่องกว่าเดิม สายตาจิกกัดน้องสาว เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกล่าวโทษเธอด้วยเรื่องอะไร “แข่งกันท่าเยอะ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ โน่นแหละคงสมหวัง ไม่ต้องมาทำหน้าอกหัก ถ้าหมอนั่นไม่พูด ก็ไม่ต้องไปรักเขาหรอก”

“ใครรักใครเล่า”

สวเนตรส่งเสียงหึ สายตามองอิศยาเหมือนเป็นเด็กน้อยไม่กี่ขวบ “รู้อยู่แก่ใจดี...คิดเรื่องเธอ เอาเวลามานอนฝันถึงแบรตพิตส์สุดหล่อดีกว่า ปลุกฉันอีก คราวนี้นอกจากถีบจะแถมช้างทับซ้ำอีก ไม่เชื่อลองดู” และสวเนตรก็ขู่ออกมาด้วยเสียงร้องพลังช้างสาร



................................................
บทนี้พาปั้นย่ามาเต็มค่ะ หวานถูกใจใครไหมไม่รู้ เรื่องที่สองเป็นของภีมอุ่นค่ะ แต่ยังไม่ได้สร้างพล็อตอะไร มีแค่ชื่อเรื่อง ขอปั้นย่าจบลงให้สวยรีไรท์(ครั้งใหญ่)ให้เสร็จก่อน นี่ก็เพิ่งทำตอนนี้เสร็จสดๆ ร้อนๆ ค่ะ
คุณ ร้อยวจี อุ่นนิสัยจะคนละแบบกับย่าค่ะ ย่าจะซนๆ หน่อย แต่อุ่นจะร้ายๆ ฮา อยากทานขนมทุกชนิดในเรื่องเลยค่ะ เขียนดึกๆ ยิ่งหิว
คุณ ariesleo ใช่ค่ะ คู่อุ่นภีม แต่ไม่รู้เขียนจริงจะมีใครอ่านไหม
คุณ Auuuu วางบทอุ่นไว้แบบนี้ตั้งแต่แรกค่ะ จริงๆ ที่ร้ายก็เพราะมีปัญหาในอดีต
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ สองคนนั้นเขาไม่ชอบอุ่นจริงๆ ค่ะ ไว้รอสักปลายปีหรือต้นปีหน้า รออุ่นกับภีมนะคะ ตอนนี้ปั้นย่าก่อน
คุณ OhLaLa รอให้ปั้นกล้าพูดต่อหน้าย่าเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ย่าเขารออยู่ ให้ปั้นลดสารพัดขี้อย่างที่ปูนว่าไว้ก่อน ตอนนี้ก็หลุดไปเยอะแล้ว
คุณ ใบบัวน่ารัก ตบเลยเหรอ ระดับอุ่นก็น่าจะทำได้นะคะ องศายังไม่ยอมหยุดง่ายๆ ค่ะ ย่ายังต้องพบเจออีก
คุณ icewinter ตอนใหม่มาแล้วนะคะ เผื่อจะมาอ่าน ^_^
ขอบคุณทุกคนที่เมนท์ ไลค์ คนที่อ่านทุกคนนะคะ บทนี้ผลักย่าตกถังน้ำตาล แต่แอบซ่อนเปรี้ยวเล็กๆ ตอนท้าย หุหุ พรุ่งนี้จะพยายามมาให้ทันเวลาเดิมนะคะ ไปปั่นต่อค่ะ





ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ต.ค. 2556, 00:24:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ต.ค. 2556, 02:26:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1645





<< เปิดโปงขี้ขโมย   จัดการอุปสรรคด่านที่หนึ่ง >>
ariesleo 4 ต.ค. 2556, 01:04:54 น.
อย่างไรก็ตามอ่านคู่คุณภีม กันนู๋อุ่นคะ
อิจฉาย่าจัง ได้หอมแก้ม หนุ่มด้วย


ร้อยวจี 4 ต.ค. 2556, 01:33:59 น.
รอลุ้นพรุ่งนี้แข่งแล้ว วันนี้อ่านไปยิ้มไปกับปั้นย่า สนุกมากค่ะ


icewinter 4 ต.ค. 2556, 08:43:08 น.
มาละค่ะ พอดีมีเรื่องยุ่งๆเลยไม่ได้เข้ามาค่ะ ชอบตอนนี้มากๆเลยค่ะ ทั้งสองเข้าใจกันละค่ะ อิอิ รอเป็นกำลังใจให้ย่าลงแข่งในตอนต่อไป


OhLaLa 4 ต.ค. 2556, 15:17:55 น.
หนูย่าแสบใช่เล่นทำเอาคนขี้แกล้งรีบมาง้อแทบไม่ทัน งานนี้พี่ปั้นมีแต่คุ้มกับคุ้มได้ทั้งใจได้ท้ังจุ๊บที่แก้ม แต่ย่าน่าจะคุ้มกว่าได้ทั้งร้านทั้งคนเขียนแบบ 555


ใบบัวน่ารัก 4 ต.ค. 2556, 19:55:03 น.
ไงหละต้องอยู่ในโอวาทย่า ตลอดๆๆๆนะ
ต้องปกป้องด้วยนะห้ามทิ้งกันนะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 4 ต.ค. 2556, 21:48:21 น.
ยาย่า เอาแก้มพี่ปั้นคืนมาาาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account