Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: แผนลวงคนขี้หวง

พรพิรุณรู้สึกว่าสายตานิ่งๆ ของอิศยากดดันตัวเธอโดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆ สมัยก่อนอิศยาเคยมีสายตาจับผิดแบบนี้ที่ไหน ท่าทางจะติดนิสัยมาจากแฟนปลอมๆ สิท่า

คนที่รู้เรื่องราวทุกอย่างถอนใจเฮือกโต ในห้องอาหารของร้าน ถูกบริการเต็มที่ด้วยขนม และเครื่องดื่มแก่ผู้เข้าแข่งขัน อิศยาไม่ได้แตะเลยสักอย่าง นอกจากจ้อง และจ้อง คาดคั้นด้วยสีหน้าและแววตา ขนาดคู่หูผู้เปรียบดังมือของอิศยาคนละข้างอย่างเจนจิราและร้อยกรองยังแขยงเกินกว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศคลื่นลมสงบ แต่มีคลื่นลูกใหญ่ซุกซ่อนอยู่

“เลิกมองฉันเหมือนคนทำผิดได้ไหม มีอะไรก็พูดสิ”

“ถ้าพูดแล้วเธอจะตอบใช่ไหมอุ่น” อิศยาพูดเสียงต่ำ ดวงตาจ้องคนที่เธอมั่นใจว่ารู้เรื่องทุกอย่างดีไม่เคลื่อนสายตาไปไหน “บอกมาว่ารู้เรื่องแผนการพวกนี้ได้ยังไง แล้วคุณดิเรกเชฟใหญ่ของดีเอสเกี่ยวอะไรด้วย”

“วันงานที่องศามาขโมยงาน คุณดิเรกเป็นคนรับสมอ้างว่าทำขนมพวกนั้นทั้งหมด วันนี้ก็คงใช้คนภายในเอาแป้งที่ใช้ไม่ได้มาวางบนโต๊ะพวกเรา” พรพิรุณยังไม่พร้อมเปิดเผยผู้นำความลับนี้มาบอก ยังไงซะ พลก็ขอไว้

“ฉันถามว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง...หมายถึงคนที่บอกเรื่องนี้กับเธอ”

อิศยามั่นใจว่าต้องมีคนคอยช่วยพวกเธออยู่ แต่จะเป็นใครเท่านั้น ถึงได้ส่งข่าวมาล่วงหน้า ถ้าพรพิรุณไม่เอะใจก่อนหน้า เธอเองก็คงลืมสังเกตความผิดปกติเรื่องแป้งไป...พรพิรุณเม้มปาก โดนอิศยาต้อนให้จนมุม อยากลุกหนีไปสูดอากาศข้างนอกก็คงไม่ทัน เพราะโทรศัพท์จากพ่อพระเอกขี่ม้าขาวขึ้นชื่ออยู่บนหน้าจอในตอนนี้แล้ว

พรพิรุณมีสีหน้าลังเล แต่ก็ยอมตัดใจ ส่งเครื่องมือสื่อสารให้คนที่อยากรับรู้เรื่องราวทั้งหมด “เอาไปคุย แล้วเธอจะรู้เอง”

ชื่อพลขึ้นหราอยู่ที่หน้าจอ อิศยาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย แต่พรพิรุณกลับหลบตา ไม่อยากรับรู้เรื่องใดๆ อีก...หรือว่าพลเป็นคนบอกความเคลื่อนไหวของทางองศาให้พรพิรุณรู้

“ทางนั้นเรียบร้อยดีไม่มีใครโดนองศาเล่นงานใช่ไหมอุ่น” หญิงสาวกดรับโทรศัพท์โดยไม่พูดใดๆ และทุกอย่างก็ชัดเจน

“พี่พลอยู่ที่ไหนคะ” เสียงเบาหวิว เริ่มรับรู้ความหวาดหวั่น จากน้ำเสียงตกใจจากคนปลายสายชัดเจน

“น้องย่า!...ทำไม”

“ย่าควรจะถามว่าตอนนี้พี่พลอยู่ที่ไหน ทำอะไร แล้วรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

“กรี๊ด! อิศยาช่วยฉันด้วย ไอ้ผู้ชายบ้านี่มันจับฉันมา กรี๊ด!”

มือที่จบโทรศัพท์อยู่เย็นเฉียบ ใบหน้าเครียดเขม็งซีดเผือดไร้สีเลือด “พี่พลรู้ไหมว่าพี่ทำอะไรลงไป ปล่อยคุณองศาเดี๋ยวนี้นะคะ” อิศยาลดเสียงพูดให้เบาลง ยกมือกุมขมับ “ย่าไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่พลถูกไล่ออกนะคะ...ทำแบบนี้ย่าไม่สบายใจสักนิด”

“พี่ยินดีโดนไล่ออก”

สัญญาณถูกตัดขาด อิศยาพยายามโทรกลับไปคนทางนั้นตัดปัญหาการติดต่อด้วยการปิดเครื่องหนีเสีย สีหน้าที่ย่ำแย่ ปราศจากรอยยิ้มถึงแม้ว่าตอนนี้ผลการแข่งขันจะบอกว่าผ่าน แต่หญิงสาวยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ

“พี่พลต้องถูกไล่ออกแน่ๆ”

“อะไรนะ!” พรพิรุณที่รู้แค่ว่าพลไปรับรู้เรื่องแผนการร้ายขององศามา แต่ไม่รู้ว่าทางนั้นจะจัดการตัวต้นคิดอย่างไรร้องเสียงหลง “พี่พลแค่มาบอก เขาทำอะไรผิด”

“ถ้าทำแค่นั้นฉันจะเครียดไหม...คุณองศาโดนพี่พลจับตัวไป”

“อะไรนะ!”

“ฉันกลัวว่าจะโดนมากกว่าไล่ออกอีกนี่สิ ฉันทนให้พี่พลมาเดือดร้อนเพราะช่วยเหลือฉันไม่ได้หรอกนะ คุณองศาก็ไม่ใช่เล็กๆ ถ้าเอาคืน พี่พลได้หมดอนาคตแน่ๆ”

พรพิรุณได้ฟังก็เริ่มเครียดตาม ยกมือแตะแขนอิศยาไว้ “ฉันเองก็มีส่วนผิดทำให้พี่พลเดือดร้อน ฉันจะไปเล่นงานยัยนั่นเอง”

“เธออยู่เฉยๆ เถอะอุ่น ให้ฉันจัดการปัญหาครั้งนี้เอง” อิศยาพูดจบเดินไปหาบุคคลที่ทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดีว่าใหญ่แค่ไหน ซึ่งยืนอยู่ด้านนอกห้องกระจกแห่งนี้ อิศยาลืมไปด้วยซ้ำว่าเวลาตอนนี้คือเวลาของการให้คะแนนขนม และคนที่ปัณณ์ยืนอยู่ละแวกเดียวกันคือผู้ที่ถูกคัดมาให้คะแนนในการแข่งขัน

ผู้หญิงที่แต่งชุดผ้าไหมเข้ารูป ทรงสวย คล้องกระเป๋าราคาหลายหลักไว้ข้างหนึ่งมองผู้หญิงที่วิ่งฝ่าคนมาหยุดยืนตรงหน้าลูกชายของเธอด้วยความสนใจ ปัณณ์เองถึงกับยอมยุติการเจรจากับแขกที่เหลือเดินหายไปกับเจ้าหล่อน สีหน้าของหญิงสาวคนนั้นมีรอยเครียดในแววตา

“คนนั้นแหละครับ คนสำคัญของพี่ปั้น”

“น่ารักดี...ว่าแต่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าเนี่ย แม่หนูถึงทำหน้าเครียด แบกโลกไว้แบบนั้น” ปุณนาขมวดคิ้วสงสัย แต่เธอเชื่อว่าลูกชายคงผ่อนสถานการณ์ตึงเครียดในใจว่าที่ลูกสะใภ้เธอได้หรอก ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงไม่มาหาแบบนี้ “ขนมสองชิ้นนี้ มีชิ้นไหนเป็นของหนูคนนั้นไหม”

สองชิ้นที่ว่าคือมูสชอกโกแลตเข้มข้น กับพุดดิ้งสีรุ้งสุดสดใส ปุณณ์ยื่นหน้ามามอง แค่เห็นรูปแบบของขนม แฟนรสมืออิศยาแบบหมายเลขหนึ่งอย่างตนย่อมรู้ “แล้วแม่ชอบอันไหนกว่ากันครับ ปูนมองปูนก็รู้แล้ว”

“อร่อยทั้งคู่ แต่ว่าสำหรับแม่ แม่ชอบรสแปลกใหม่ แบบอันนี้” พุดดิ้งสีรุ้งถูกชี้ตามหัวคุณแม่สมัยใหม่ ผู้ไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ
ปุณณ์กลั้นรอยยิ้มลุ้นคำตอบนั้นแทบแย่ “ดีใจด้วยนะครับคุณมาดามปุณนา เลือกขนมก็เหมือนเลือกว่าที่ลูกสะใภ้”

“จริงเรอะเจ้าปูน”

“รอดูตอนประกาศผลสิ ปูนมั่นใจว่าอันนี้เป็นของย่า ว่าที่ลูกสะใภ้ของมาดามแน่ๆ”

“ใครว่าที่ลูกสะใภ้ใครเหรอครับ” บุคคลมาใหม่ถามเสียงต่ำ แม้บนนหน้าจะแต้มรอยยิ้ม แต่ในใจคงกรุ่นโกรธไม่น้อย และต้องเก็บไว้แค่ในใจเท่านั้น

“ลูกชายฉันไงคะคุณขจร อีกไม่นานต้องมีข่าวดีแน่ๆ” สีหน้าปลาบปลื้มปิติสะท้อนออกมาบนดวงหน้าสวยไม่สร่างตามวัย “วันนี้โชคดีจริงๆ ที่คุณขจรตัดสินใจมาเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ให้อีก มีแต่เรื่องดีๆ ในดีเอสแกรนด์ของเราจริงๆ ดิฉันต้องขอบคุณคุณขจรมากเลยนะคะ ในวงการคนทำขนม ไม่ค่อยมีใครได้พบคุณขจรกันเลย ใครๆ ก็รอให้คุณขจรออกมาแสดงฝีมือตามหน้าสื่อกันอีกนะคะ”

“ผมเองก็ไม่คิดว่าคุณปุณนาจะยังไม่รู้” ขจรมองไล่หลังตามร่างสองร่างที่เดินหายไป อิศยาไม่ทันสังเกตว่าตนมาอยู่ในงานนี้ด้วยซ้ำ “ผมไม่ได้แสดงฝีมือ แต่งานนี้ทั้งลูกสาว ทั้งหลานสาวของผมก็มาทั้งคู่”

“ตาเถร!...อย่าบอกนะคะ” คำอุทานเดิมอันติดปากปุณนาหลุดออกมา ดวงตาโตขึ้น ไม่วายถามเย้าอย่างคนอารมณ์ดี โดยไม่ได้ดูสถานการณ์สักนิดว่าผู้สนทนามีอารมณ์ร่วมด้วยไหม “ว่าแต่ นั่นลูกสาวหรือหลานสาวคะคุณขจร”

“ลูกสาวครับ” ขจรกัดฟันตอบออกมา ปุณณ์เองยังเริ่มสังเกตบรรยากาศมาคุเล็กๆ นี้ได้ แต่แม่ของเขาคงอยู่คนละมิติกันแน่ ถึงได้ปรบมือยินดี หน้าชื่นตาบานเป็นจานดาวเทียมแบบนี้

“คนไม่ใกล้ไม่ไกล ครอบครัวกันเองแบบนี้ ดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ได้เติบใหญ๋ขึ้นแน่ๆ”


โทรศัพท์สื่อสารถูกโยนทิ้งไปเบาะหลัง เครื่องปิดสนิท พละกำลังรู้สึกความดันขึ้น เครียดกับสภาวะที่ต้องรู้ว่าอิศยารับรู้เรื่องราวที่เขาทำขึ้น กับการต้องทนร่วมหายใจกับผู้หญิงอารมณ์ร้ายอาละวาดคนนี้ ขนาดขับมาไกลจนถึงชลบุรี ยอมแก้มัด ผ้าปิดปากปิดจมูกให้องศาได้เคลื่อนไหวสะดวกขึ้น แต่ทุกนาที องศายังไม่ยอมหยุดกรีดร้องเลยสักครั้ง

“ท่าทางอิศยาคงไม่รู้เรื่องสิท่า ไงล่ะกลัวเขาจะผิดหวังเหรอที่ทำอะไรโง่ๆ แบบนี้”

“พอสักที!” พลตะโกนก้องในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็ก หลังจากนิ่งเงียบมานานให้ใครอีกคนอาละวาดได้สมใจอยาก รถแล่นมาติดสัญญาณไฟจราจรที่ยังขึ้นสีแดง และเลขที่เคลื่อนอีกหลายวินาที

“ไล่ผมออกแค่คนเดียว แล้วก็เลิกยุ่งกับย่าเขาซะ”

“ไม่!...เตรียมเด้งทั้งแผนก ฉันจะฟ้องคุณป้า และแกจะต้องโดนขึ้นแบล็กลิสต์ ส่วนอิศยา แกคิดว่าฉันจะไปทำอะไรได้สะดวกหรือไง ใครๆ ก็พร้อมกางปีกปกป้อง ถ้าพี่ปั้นรักอิศยา แล้วอิศยาทำให้ฉันมั่นใจว่าเขาก็รักพี่ฉันมากพอ ฉันก็ยอมแพ้ไปเองแหละ” องศากรีดเสียงร้อง ความรู้สึกในอกยามนี้เกลียดผู้ชายคนนี้อย่างที่ไม่เคยเกลียดใครมาก่อน

“ผมไม่คิดว่าคุณจะดีได้อย่างปากว่า”

“กรี๊ด! ไอ้บ้า แกนั่นแหละเลว ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับแกเลยนะ” ฟาดมือ ลงบนแขนคนขับไปหลายที พลพยายามใจเย็น เคลื่อนเกียร์กระปุก เหยียบคันเร่งให้รถมุ่งไปข้างหน้า หลังสัญญาณไฟจราจรขึ้นเป็นสีเขียว

องศาใช้เวลาคิดแค่เสี้ยววินาที เรียกร้องหาอิสรภาพของเธอ สองมือพุ่งเข้าใส่แขนที่กำลังบังคับพวงมาลัย ให้พุ่งไปผิดจากทางเดิม รถบรรทุกอีกเลนส์ที่จอดรอสัญญาณไฟอยู่ กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตามพวงมาลัยที่องศากับพลยื้อแย่งกันอยู่

พลหมุนพวงมาลัยเต็มกำลัง ให้พ้นรถบรรทุก เบรกถูกเหยียบเต็มแรงจนหมุนคว้างควบคุมไม่ได้

องศาหวีดเสียงลั่นเมื่อภาพตรงหน้าเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

โครมมม...


อิศยาเดินนำปัณณ์ออกมาคุยด้านนอกของตัวอาคาร ให้ไกลหูของชาวดีเอสมากที่สุด สีหน้ายังมีความเคร่งเครียดไม่หายไป

“ย่าขอโทษเรื่องที่พี่พลจับคุณองศาไป”

ปัณณ์เพิ่งวางสายจากเขมรัฐ งานนี้เขาจำเป็นต้องให้คนของญาติผู้พี่ตามหาเพราะมีสายข่าวอยู่มาก และจัดการได้ดีกว่าเขาแน่นอน สีหน้าและท่าทีอมทุกข์ไว้เพียงคนเดียวของอิศยาดูหม่นหมองกว่าทุกวันที่เขาเคยพบเจอ

“ไม่ต้องกังวลหรอก หนูย่าบอกผมเองว่าคุณพลทำเพื่อคุณ”

“ย่าขอได้ไหมว่าอย่าไล่พี่พลออก ย่ารู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับที่คุณองศาโดนจับตัวไป แต่ว่าย่าเองก็ไม่อยากให้พี่พลมาเดือดร้อนเพราะย่า”

“ท่าทางหนูย่าจะห่วงพี่พลของหนูย่ามากเลยนะ” ปัณณ์กอดอก ก้มหน้าต่ำ ให้สายตามองอยู่ระดับเดียวกับอิศยา “ผมปกป้องได้แค่คนอื่น ยกเว้นพี่พล ยังไงองศาก็น้องของผม ผมเห็นน้องผมโดนใครก็ไม่รู้มาจับตัวไป แล้วไม่โดนอะไรเลยไม่ได้จริงๆ”

อิศยาเม้มปากแน่น เข้าใจหัวอกพี่ชายดี แต่สิ่งหนึ่งที่เขาอาจไม่เข้าใจ คือสิ่งที่องศาจงใจกระทำกับเธอ “ได้แค่นั้นก็ดีแล้วค่ะ แค่ไล่ออกนะคะ อย่าให้พี่พลต้องเข้าคุก ไม่อย่างนั้น ย่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับทั้งดีเอส แล้วก็พี่ปั้น ย่าไม่อยากให้ใครก็ตามมาเดือดร้อนเพราะย่าอีก ย่าเองก็จะช่วยพี่พลอย่างสุดความสามารถด้วย” การกระทำของอิศยาบอกชัดว่าตัวเธอพร้อมยืนคนละฝั่งกับปัณณ์ หากเขาไม่ทำตามที่เธอต้องการ

ปัณณ์หงุดหงิดหัวใจ เมื่อเห็นอาการเป็นห่วงคนอื่นออกนอกหน้า อิศยาไม่เคยออกโรงปกป้องเขาแบบนี้สักครั้งด้วยซ้ำไป สักพักก็เริ่มรู้สึกน้อยใจขึ้นมา

“พี่พลของหนูย่านี่คงดีมากเลยนะ ขนาดทำให้หนูย่าหายไปจากชีวิตของผม”

“พี่ปั้น” อิศยาเรียกเสียงแผ่ว รู้สึกเจ็บหนักกับคำพูดสวนกลับมา ตอนพูดออกไปไม่รู้สึกเท่ากับรับรู้ว่าปัณณ์คิดอย่างไรกับประโยคนั้น สายตาที่มีแต่ความเจ็บปวดมองมาแบบตัดพ้อ หญิงสาวเบือนหน้าหนี รู้สึกตัวเองเป็นผู้หญิงใจร้าย แต่ถ้าเขาไม่ปกป้องพล อิศยาก็พร้อมจะทำร้ายหัวใจตัวเองเหมือนกัน

ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักเขา...แต่เธอไม่อยากรักเขา ทั้งที่ใครอีกคนที่เสียสละเพื่อเธอกำลังเผชิญความลำบาก

โทรศัพท์ของปัณณ์กรีดเสียงร้องขัดขวางอารมณ์อันขุ่นมัวของคนทั้งคู่ ชายหนุ่มกดรับทันที มั่นใจว่าเขมรัฐต้องมีข่าวที่ดีมาบอก

“รถที่องศานั่งเกิดอุบัติเหตุ!”

อิศยารู้สึกว่านับตั้งแต่นาทีนี้ไป ปัณณ์คงเกลียดเธอเป็นแน่แท้ เกลียดที่เธอให้เขาปกป้องผู้ชายที่พาญาติผู้น้องของเขาไปเจอเรื่องร้าย


ผลประกาศออกมาแล้ว ว่าทั้งพรพิรุณ และอิศยาต่างก็เข้ารอบต่อไปกันทั้งคู่ แต่เวลานี้พรพิรุณไม่ได้รู้สึกดีใจสักนิด เมื่อไม่กี่นาทีก่อนอิศยาโทรมาบอกกับเธอว่าเกิดเรื่องกับพล และทางนั้นกำลังไปดูอาการของพลที่โรงพยาบาล

ไม่ใช่แค่กับพล แต่องศาด้วยที่อาการหนักกว่า ยังไม่พ้นขีดอันตราย...

เจนจิรากับร้อยกรองช่วยกันเก็บของแทนผู้เป็นนายทั้งสองที่บัดนี้คนหนึ่งไปหาที่เกิดเหตุ กับอีกหนึ่งที่นั่งเหม่อเหมือนคนไม่มีแรง

“อาตา” คนสองคนเรียกผู้มาใหม่ดังลั่น พรพิรุณเงยหน้าขึ้นมองตาม ใบหน้าที่มีสีเลือดอยู่น้อยนิดคราวนี้ขาวซีด มือไม้สั่น ความลับที่เธอเฝ้าปกปิดเพียงเพราะอยากเอาชนะอิศยา ถูกขจรรับรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“อาตา...อุ่นขอโทษ อุ่นไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะคะ”

“อารู้ ไม่เป็นไรนะอุ่น ไม่เป็นไร” ขจรอ้าแขนปลอบหลานสาวที่คอยเดินตามตนเป็นเงามาแต่อดีต เด็กหญิงตัวเล็กที่รักการทำขนมโดยไม่ต้องขู่เข็ญ หรือหาอะไรมาล่อดังเช่นอิศยาในอดีต เด็กหญิงที่พร้อมทุ่มเททุกอย่าง แต่เขากลับมงไม่เคยเห็น จนกระทั่งพรพิรุณผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายจากการสูญเสียพ่อแม่ไป เขาก็คิดไว้ว่าจะเลี้ยงดูพรพิรุณให้เป็นลูกสาวอีกคน

แต่คงดี และเติมเต็มพื้นที่ว่างในหัวใจดวงน้อยนี้ไม่พอ “อาขอโทษ”

“อาไม่ผิด อุ่นคนเดียวค่ะ ทุกอย่างคือความผิดของอุ่น พี่พลถึงได้ทำอะไรแบบนั้น” พรพิรุณร้องไห้เงียบๆ รับรู้ดีว่านาทีวิกฤตช่วงอุบัติเหตุแบบนั้นมันโหดร้ายเพียงใด

“ไม่เป็นไรนะ...มันผ่านไปแล้ว ทุกคนมีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ ไม่มีเจตนาร้าย แต่ในเมื่อเรื่องมันผ่านมาขนาดนี้ พอเถอะนะ กลับบ้านของเรานะอุ่น อาเป็นห่วงหนูนะลูก” ลูบศีรษะหลานสาวเบามือ

หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้น ส่งเสียงอู้อี้ “อุ่นไม่อยากให้ย่าเผชิญหน้ากับปัญหาคนเดียว อุ่นเองก็เป็นสาเหตุหนึ่งของเรื่องนี้นะคะ อุ่นอยากช่วยย่า” พรพิรุณยอมแพ้ความจริงใจของอิศยาในที่สุด ผู้หญิงที่วิ่งวุ่นรับหน้าแก้ปัญหาให้ใครต่อใครมาเสมอ คนที่ไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของใครนอกจากตัวเองแบบอิศยา จะเครียดแค่ไหนในเวลานี้

“อารู้จักย่าดี เขาจะผ่านเรื่องครั้งนี้ไปได้ เชื่ออาสิ”

ขจรโอบหลานสาวไว้ ในขณะที่มองพนักงานในร้านที่เตรียมพร้อมไปด้วยกัน “ไปรอลูกย่าที่ที่พัก คอยเป็นกำลังแขนขา อย่าสร้างปัญหาให้ย่า เป็นลูกมือที่ดีให้ลูกของฉันได้ไหมแจน กลอน ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางอนุมัติคำสั่งไล่ออก เสียคนที่ทำงานจนรู้ใจกันอย่างเธอสองคนแน่”

“อาตา” เจนจิราและร้อยกรองเรียกอย่างซาบซึ้ง ถึงใจจริงจะคิดถึงร้านคุณตาที่ทำให้พวกเธอเติบโตมาจนมีวันนี้ได้ แต่ถ้าการได้ทำตามคำสั่งของขจร ด้วยการดูแลอิศยา พวกเธอก็ยินดี


การเดินทางที่มีแต่ความเงียบ รอบข้างถูกกดดันความนึกคิดมากมาย อิศยากุมมือเข้าหากันแน่น แม้แต่เสียงหายใจก็ไม่กล้าให้เกิดเสียงดังเกินไป เวลานี้อิศยากลัว กลัวว่าหากเธอทำอะไรผิดพลาดไปแค่นิดเดียว เธออาจจะถูกปัณณ์เกลียดมากขึ้น

“บางที เราทั้งคู่ไม่ควรมาพบกันเลยนะคะ” เมื่อถึงจุดเครียดสูงสุด คำพูดอ่อนแรง เบาหวิวก็เล็ดลอดออกมา ไม่ให้เสียงของแอร์ในรถทำงานอยู่เพียงฝ่ายเดียว “ถ้าฉันไม่หนีออกจากบ้าน ดูแลร้านของพ่อให้ดี มันคงดีกว่านี้ถ้าฉันจะไม่รู้จักคุณ” สรรพนามเหินห่างถูกนำมาใช้ อิศยารู้สึกเหมือนถือมีดกรีดใจตัวเองให้ขาดวิ่น

เธอเกลียดที่เขาไม่พูด ไม่ด่าว่าอะไรเธอเลย นอกจากความนิ่งเงียบของเขา...”ขอโทษที่ฉันเข้ามาสร้างความวุ่นวายในชีวิตของคุณ”

“ได้โปรดเถอะ หยุดพูดแบบนั้นสักที” คำพูดนุ่มนวลคล้ายปลอบประโลมใจให้ใจเย็นมากขึ้น ทั้งที่ปัณณ์เองกำลังเจ็บหนักกับประโยคของอิศยา “ผมดีใจที่ได้เจอหนูย่า เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกขอบคุณไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เราพบเจอกัน ชีวิตของผมไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม เพราะหนูย่า”

อิศยาอยากจะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเธอกลับจืดเจื่อน พลทำให้เธอตัดสินใจเห็นแก่ตัวเพื่อความรักของตัวเองไม่ได้...จนกว่าเธอจะมั่นใจว่าพลไม่โดนลงโทษจากทางดีเอสที่รุนแรง อิศยาจะขอยกหัวใจของเธอเป็นโล่ห์กำบัง

“ได้โปรด ช่วยพี่พลด้วยนะคะ”

ปัณณ์กัดฟันกรอด ในเวลานี้คนที่เจ้าตัวยังห่วงกังวล ก็คือพี่ชายร่วมโลกคนนั้น...ไม่มีวัน เขาจะไม่ช่วยศัตรูหัวใจเด็ดขาด ยิ่งอิศยาห่วงหมอนั่นมากเท่าไหร่ เขาจะยิ่งไม่ยอมช่วยง่ายๆ

“แต่งงานกับผม แล้วผมจะช่วยหนูย่า” ปัณณ์พูดออกมาด้วยอารมณ์หึงหวงเต็มที่ ทนให้อิศยามองเห็นแต่ใครอื่นอีกไม่ได้ “อำนาจส่วนหนึ่งในดีเอส จะอยู่ในมือของหนูย่าทั้งหมด”

“ไม่ค่ะ...ย่าไม่สิ้นคิดขนาดนั้น” อิศยาเปิดประตูลงจากรถรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ไม่สนว่าข้อเสนอของปัณณ์กับคำที่บอกว่าสิ้นคิดจะตอกหน้าหงายกลับมาแค่ไหน

ท่าทีท้าทายแบบนั้น เท่ากับประกาศศึก งานนี้ยิ่งอิศยาให้ความสำคัญกับพลมากเท่าไหร่ เขาเองก็จะบีบให้อิศยาดิ้นไม่หลุดกับข้อเสนอของเขามากเท่านั้น...ต่อจากนี้จะเป็นอิศยาเอง ที่ต้องให้เขาช่วย


พลนอนหลับไปเพราะฤทธิ์ยาสลบ ยังไม่ฟื้นขึ้นมา จากอาการหัวแตก กระดูกต้นคอเคลื่อน ต้องเข้าเฝือกดามแขนข้างหนึ่ง สภาพของพลตอนนี้ดูไม่ดีสักนิด กับรถที่พุ่งชนเสาไฟ การที่ทั้งสองคนรอดมาได้ก็ถือว่าบุญยังคุ้ม

อิศยาขอตัววรัชและช่อแก้วที่ตามมาหลังจากเธอมาถึงชั่วโมงหนึ่งออกจากห้อง สามชั่วโมงกับการนั่งเฝ้า และรอคอยให้พลฟื้นขึ้นมาช่างดูยาวนาน

“ผมคงไม่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากพลไม่ได้ ขับรถโดยประมาท ลักพาตัว อาจจะมากกว่านี้ถ้าผมให้ทางกฎหมายเล่น”

ปัณณ์ดักร่างของอิศยาไว้ที่หน้าประตู พูดข่มขู่ให้คนฟังนึกกลัว “องศาหมอบอกให้รอดูพรุ่งนี้ ตื่นขึ้นมาเขาอาจจะมีปัญหาในเรื่องของความทรงจำ”

“อะไรนะคะ” อิศยายืนพิงกำแพง ศีรษะวางราบ ความรู้สึกผิดยิ่งย้ำลงกลางใจ เพราะเธอ เหตุผลหลักของเรื่องนี้หากสาวไปถึงตัวต้นเหตุ...มันคือเธอ

“เพราะฉัน...เพราะฉันคนเดียว” อิศยารำพึงรำพันกับตัวเอง ความผิดครั้งนี้สลัดออกไปจากใจเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหาย

หัวใจที่เคยโกรธ และอยากเอาชนะอ่อนยวบลงทันตา เพียงเพราะว่าน้ำตากำลังเอ่อคลออยู่บริเวณหางตาสองข้างของอิศยา แผ่นหลังที่พิงกำแพงอยู่ถูกดึงเข้าหาตัวร่างสูง ปัณณ์กอดร่างที่เริ่มสั่นเทาด้วยแรงสะอื้นหนัก

“การได้เจอกับพี่ปั้น...ทำให้คนสองคนต้องเดือดร้อน ย่าไม่ต้องการให้เรื่องเป็นแบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้ง”

แขนข้างหนึ่งกระชับเอวบาง เพิ่มความเข้มแข็งในใจที่อ่อนแอให้รู้ว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว ปัณณ์รู้สึกอยากปกป้องอิศยามากขึ้น ไม่ใช่อารมณ์ประชด หรือหึงหวงอย่างที่แล้วมา เขารัก รักอิศยา มากพอที่ชีวิตต่อจากนี้จะยกให้คนในอ้อมกอดคนนี้ได้

“แต่งงานกับพี่เถอะหนูย่า...พี่อยากปกป้องหนูย่า พี่จะจัดการทุกอย่างเองต่อจากนี้ แค่หนูย่าจะอยู่ข้างๆ พี่...ได้ไหม”

หญิงสาวร้องไห้โฮราวกับเด็ก เพียงแค่คำขอแต่งงานอันนุ่มนวลเกิดขึ้นอีกครั้ง หัวใจที่เคยโดดเดี่ยว อ้างว้าง และเหนื่อยล้าอย่างกับได้ไปอยู่ในบ้านที่อบอุ่น บ้านที่มีคนที่เธอรัก

“อืม” คำเดียวที่อิศยาขานรับได้ เพราะว่าหาเสียง หรือคำพูดใดๆ มาระบายความในใจได้หมด


“ดีนะที่องศาปลอดภัย นี่ถ้าพยาบาลไม่หายาสลบมาทำให้หลับ แม่เชื่อว่าองศาได้มาบีบคอคนขับให้ตายคาเตียงแน่ๆ ใครนะไปบอกข่าวหลอกว่าองศาอาการหนัก โชคดีที่แม่ไม่โทรบอกพ่อเรา ไม่อย่างนั้นได้บินกลับจากอเมริกามาหาหลานรัก” ปุณนาเท้าสะเอวเดินขมุบขมิบบ่นตั้งแต่รู้ว่าองศาปลอดภัย นอกจากฟกช้ำ กับหัวแตกอีกเล็กน้อย “คนที่เจ็บหนักก็เป็นคนขับ เอาฝั่งตัวเองรับไปเต็มๆ”

“ก็จะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ลูกชายแม่ที่ปล่อยข่าวไป” ปุณณ์พยักพเยิดไปทางหน้าห้องคนไช้พิเศษที่อยู่ติดกัน มีคนสองคนกำลังกอดกันตัวกลมดิก คนหนึ่งปลอบอีกคนร้องไห้โยเย

“ว่าที่ลูกสะใภ้แม่นี่”

“ที่ทำไปก็คงอารมณ์หึงล้วนๆ” ปุณณ์ส่งเสียงเหอะ หมั่นไส้พี่ชายท่ามากเต็มแก่ ไม่รู้ว่าจะปล่อยให้คนรอบข้างต้องลุ้นใจหายใจคว่ำไปอีกนานแค่ไหน

ไอ้หมากินของหวานเอ๊ย...ดุชะมัด ขี้หวงด้วย


.......................................................................................
ไม่คิดว่าตอนนี้จะดราม่าขนาดนี้ T^T เขียนๆ ไปชักดาร์ก ดึงกลับมาโหมดเดิมแทบไม่ทันค่ะ
คุณ ariesleo ขอให้ย่าได้พูดกับแม่ปั้นตอนหน้านะคะ เชื่อได้ว่าถ้าย่ารู้ว่าปั้นหลอก หึหึ
คุณ Auuuu บทนี้เจ็บกันระนาวค่ะ แต่ย่ายังต้องทำขนมต่อ ใบ้ๆ
คุณ ร้อยวจี มาแล้วค่า แอบเหรต วันนี้มายาวๆ ให้เลย เพิ่งเสร็จสดๆ ร้อนๆ ค่ะ ^^
คุณ ใบบัวน่ารัก วุ่นวายมากบทที่แล้ว บทนี้เครียดอีก ออมก็ไม่ชอบของแพงค่ะ บอกเลย
คุณ OhLaLa ขอบคุณที่มาบอกจุดผิดนะคะ เจออีกบอกกันได้ เขียนเสร็จอัพเลยยังไม่ทันได้ตรวจทาน บทนี้องศากับพลรู้ผลกันแล้วเนอะ
คุณ icewinter พรุ่งนี้เจอน้า บอกไปก็ยังไม่ทันเขียน คืนนี้จะไปปั่นต่อค่ะ
คุณ ผักหวาน อ่านเมนท์ตอนแรก แล้วก็ในเรื่องสั้นแล้ว ขอบคุณมากๆ ที่ชอบนะคะ เป็นกำลังใจอย่างดี ^^
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ อย่าลืมมาอ่านน้า
ขอบคุณทุกเมนท์ ทุกไลค์ ทุกคนที่มาอ่านนะคะ อ่านๆ ไปชักเริ่มหมั่นไส้ปั้นขึ้นมา ฮา



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ต.ค. 2556, 00:22:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ต.ค. 2556, 00:37:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1711





<< จัดการอุปสรรคด่านที่หนึ่ง   เกือบจะเป็นวันฟ้าหลังฝน >>
ariesleo 6 ต.ค. 2556, 00:56:20 น.
มาแล้ว รอลุ้นตอนหน้า


ร้อยวจี 6 ต.ค. 2556, 02:12:06 น.
ตอนนี้เศร้าจัง สงสารพลค่ะ แต่ก็ยังมีหวานเล็กน้อย รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย


ใบบัวน่ารัก 6 ต.ค. 2556, 08:13:03 น.
โกหกอีกแล้ว มัดมือจับแต่งงาน คิดว่าจะได้แต่งง่ายๆหรือ
ผ่านด่านพ่อตายังเนี่ย
เบื่อนางร้ายเรียนจบสูง กรี๊ดๆๆๆเป็นนกหวีด ทำตัวไร้ค่า
จะมีการพัฒนานางร้ายแห่งประเทศไทยไหมนะ


OhLaLa 6 ต.ค. 2556, 08:52:42 น.
พี่ปั้นนี่วัยรุ่นใจร้อนจริงๆ ค่ะ รวบรัดย่าให้แต่งงานด้วย โดยไม่เกี่ยงวิธีการ ลางจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกแน่ๆ


wind 6 ต.ค. 2556, 09:47:28 น.
องศานี่ตัวยุ่งแบบน่ารำคาญ ไร้สาระ ดีนะพี่พลไม่ตาย

พี่ปั้นเจ้าเล่ห์ได้อีก


icewinter 6 ต.ค. 2556, 10:18:13 น.
เกือบเศร้ากับตอนนี้ละค่ะ. แต่พระเอกขี้หวงจิงๆๆ แทบเจ้าเล่ห์อีกต่างหากค่ะ


ผักหวาน 18 พ.ย. 2556, 14:25:23 น.
555 เรียกว่าได้ว่าหมากินของหวาน น่ารักจ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account