Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: เกือบจะเป็นวันฟ้าหลังฝน

“ย่า องศาฟื้นแล้ว พี่ปั้นบอกหรือยัง” คนอยากขัดความหวานเคล้าความเศร้าพูดโพล่งทะลุฉากที่ปัณณ์เพียรสร้างมาให้พังย่อยยับลงไปกับตา ปุณณ์ยิ้มกวนใส่ตาพี่ชาย “องศาไม่ได้เป็นอะไรมากเท่าไหร่ สภาพรถโดนฝั่งคนขับ พี่พลของย่าโดนหนักกว่าเยอะ นี่องศาก็เพิ่งให้ยานอนหลับ ฟื้นมาก็อาละวาดจะมาจัดการคุณพลยกใหญ่”

อิศยาพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของปัณณ์ราวกับต้องของร้อน ของแสลง น้ำตาแห้งเหือดไปอัตโนมัติ จากความอ่อนแอแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ นึกอยากให้พรพิรุณมาอยู่แถวนี้ จัดการด้วยวิธีอันรุนแรงที่พรพิรุณจะคิดได้

ปัณณ์กดหัวอิศยาไว้แนบอก รัดเอวไว้แน่น ไม่ยอมให้คนตัวเล็กหลุดรอดไปจากอ้อมแขนง่ายๆ “ห้ามคืนคำสิ รับปากจะแต่งงานแล้ว” รีบทวงออกมาอย่างร้อนตัว หันไปถลึงตา ย่นจมูกกับคนทำลายแผนการที่กำลังแลบลิ้นปลิ้นตาด้วยนิสัยเด็กๆ

“ไม่แต่งค่ะ ไม่เด็ดขาด ปูนช่วยย่าด้วย” พอเห็นท่าว่าจะไม่หลุดจากกรงเหล็กมนุษย์ ทำเสียงอ้อนวอนร้องขอไปยังน้องชายคนตัวโต “ถ้าปูนมาช่วย ย่าจะทำขนมให้กินมากเท่าที่ปูนต้องการเลยนะ”

“ไม่...ย่าต้องเอาตัวรอดเองสิ ระดับย่าห้ามกลัวพี่ปั้น รู้ไหมคนอย่างพี่ปั้น ยิ่งแสดงท่าทีอ่อนแอออกมา เรายิ่งโดนข่ม โดนคุม”

แผนการพิชิตปัณณ์ถูกถ่ายทอดออกมาต่อหน้าคนกำลังควบคุมเหตุการณ์ แต่คนพูดยืนห่างออกไปหลายก้าวพอที่จะพ้นวิถีแข้งขายาวยืดจากปัณณ์ได้...อิศยาหยุดดิ้น หัวสมองคิดหาวิธีที่จะมากำราบคนร้ายกาจ

“ถ้าไม่ปล่อยย่า ย่าจะเกลียดพี่ปั้นค่ะ” เงยหน้าขึ้นมองปะทะดวงตาเล็กแบบไม่เกรงอีกต่อไป ความเอาจริงเอาจังเด็ดขาดของอิศยาสั่นคลอนใจคนเจ้าเล่ห์ให้เหลวได้ยิ่งกว่าเทียนถูกลน

กรงเหล็กมนุษย์ปล่อยลงข้างตัว เผยอิสระให้อิศยาอีกครั้ง ปัณณ์มองอย่างน้อยใจผสมความเว้าวอน คล้ายอ้อนในที “ผมขอร้อง...อย่าพูดทำร้ายจิตใจกันแบบนั้นอีกได้ไหม ให้ทำอะไรก็ได้ ยกเว้นอย่าเกลียด อย่าไล่กันไปไกลๆ”

หญิงสาวนิ่งคิด ให้คนขอร้องได้ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ “ถ้าทำตัวน่ารัก อยู่ในโอวาท ย่าก็จะไม่ไล่ ไม่เกลียดพี่ปั้นแน่นอน เข้าใจนะคะ”

ปัณณ์หน้าซีด รู้สึกเหมือนมีใครมาใส่ปลอกคอไว้ วันใดที่เขาทำตัวนอกลู่ ได้ถูกปล่อยวัดไม่ได้รับการดูแลจากเจ้านาย ชายหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าสภาพตัวเองในวันนี้จะย่ำแย่ขนาดยอมให้คนตัวผอมที่มานั่งอยู่ในหัวใจชี้นิ้วสั่ง ขนาดยังไม่ได้คบกันอย่างเป็นทางการยังขนาดนี้...ไม่อยากคิดถึงอนาคตเลยจริงๆ

“ครับ...คุณแฟน”

“อะไรนะคะ!”

“เปล่าครับ” ปัณณ์หัวเราะจืดชืด ถอยออกห่างอิศยาไปคว้าตัวคนฝังความคิดน่ากลัวลงไปในหัวอิศยา ปุณณ์ที่เอาแต่หัวเราะสะใจโดนคว้าคอเสื้อ ล็อกคอไว้แน่น “หนูย่าครับ เดี๋ยวผมมานะครับ” ลงท้ายสุภาพทุกคำ

ลับหลังปัณณ์กับปุณณ์ที่คงไปจัดการกันนอกโรงพยาบาล อิศยาถึงกับหัวเราะออกมาได้ในรอบวัน หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ มามาก มือทาบลงบนตำแหน่งของหัวใจที่อุ่นซ่านขึ้น ถึงจะไม่ได้บ้าจี้ไปแต่งงานจริง แต่คำขอหวานๆ ที่บอกให้เธออยู่ข้างเขาก็ยังดังข้างหูแม้ตัวจะไม่อยู่ตรงนี้แล้วก็ตาม

“เรื่องคุณพลหนูไม่ต้องห่วงนะ ทางดีเอสของเราจะรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง จะไม่มีการเอาเรื่องดำเนินคดีใดๆ” อิศยาเลิกคิ้วมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างแปลกใจ รอยยิ้มเอื้ออารี และดวงตาที่ใจดี ดูสวยสง่า “ฉันปุณนาเป็นแม่ของปั้นกับปูนจ้ะ หนูคือ...”

อิศยายกมือไหว้อย่างนอบน้อม สติกลับมาครบถ้วน ผสมความหวาดหวั่นอย่างที่เธอก็คาดไม่ถึง ไม่รู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมามากมาย จะทำให้คุณปุณนาหักลบคะแนนของเธอไปมากแค่ไหน...จะเหมือนที่พ่อของเธอตั้งป้อมกับปัณณ์ไหม

“สวัสดีค่ะคุณปุณนา หนูชื่ออิศยา เรียกว่าย่าก็ได้ค่ะ เป็น เอ่อ...” สถานะถูกเว้นหายขาดช่วงไป อิศยาระบุฐานะจริงๆ ของเธอไม่ได้นอกจาก “เป็นเพื่อนของปูนค่ะ”

“แล้วหนูเป็นอะไรกับตาปั้นล่ะจ๊ะ” ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ใช้สายตาสำรวจว่าที่ลูกสะใภ้คนเก่ง ต้อนให้จนมุม เหมือนที่สมัยก่อนปัณณ์เคยใช้ได้ผลกับอิศยา

“เป็น เอ่อ พี่ปั้นเป็นคนที่ช่วยย่าทำร้านคาเฟ่น่ะค่ะ”

ปุณนาทำทีพยักหน้ายอมรับ ทั้งที่ในใจรู้แน่ชัดว่าถ้าคนคู่นี้ไม่ยอมเปิดปากออกมาง่ายๆ ล่ะก็ เธอนี่แหละจะยุเจ้าลูกชายตัวแสบให้ออกโรงอีกสักรอบ หมายมาดไว้แล้ว ว่าคนตรงหน้าเป็นคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะสมกับงานของทางดีเอสในส่วนของเธอ และกับลูกชายคนโตที่โดนกำราบให้เห็นกับตาในวันนี้

ผู้หญิงที่เพียบพร้อมคุณสมบัติแบบนี้ ใครปล่อยให้หลุดตำแหน่งลูกสะใภ้ในอนาคตไม่เท่ากับโง่หรือ

“ไปดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ เป็นเพื่อนแม่หน่อยได้ไหมลูกย่า...นะจ๊ะ”

อิศยาไม่ทันตอบรับ มือของผู้มากวัยวุฒิกว่าก็รั้งแขนเธอพาเดินไป คุยไป ไม่ให้การสังเกตขาดช่วง และยิ่งคุยปุณนาก็ยิ่งถูกใจ


อาการเจ็บร้าวระบมไปทั้งตัว จากศีรษะที่เจ็บจนต้องเบ้หน้า ไล่ลงมาถึงคอรู้สึกปวด แขนขาหนักเหมือนถูกใครทับไว้จนเขยื้อนตัวต่อไปไม่ได้ แต่น่าแปลก ที่จมูกของพลยังรับกลิ่นหอมอ่อนของแอปเปิลลอยอยู่ไม่ไกลจากจมูกนี้นัก

เปลือกตาอันหนักอึ้งขยับเปิดขึ้นด้วยการรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่มีมา ภาพไฟสีขาวสว่างเปิดอยู่บนเพดานปูนสะอาด นอกจากกลิ่นของแอปเปิ้ล กลิ่นยา และผ้าห่มที่สะอาดจากการซักแบบฆ่าเชื้อทำให้รู้ว่าตนอยู่ที่ไหน เสี้ยวหนึ่งของความทรงจำในการเกิดอุบัติเหตุกับองศา ตอกย้ำว่ารถของเขาโดนอะไร

“พี่พลตื่นแล้วเหรอคะ” เสียงหวานจากคนข้างเตียงดังขึ้นก่อนชะโงกหน้ามาให้อยู่ในสายตาคนที่คอยังต้องเข้าเฝือกเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้ รอยยิ้มหวานคล้ายน้ำทิพย์ชโลมใจที่บาดเจ็บหนักให้ทุเลาลง “พี่พลหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ เลยนะคะ”

“น้องย่า...ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” พลถามเสียงแหบเสียงแห้ง ดวงตาปรือมอง

รอยยิ้มดีใจของอิศยาถูกแทนด้วยความเศร้า รู้สึกผิด คำแรกของพลก็ยังเป็นเธอ “พี่พลคะ อย่าคิดอะไรมากเลยนะคะ ไม่มีอะไรแล้ว พี่พลต้องรีบหาย ไม่ต้องห่วงเรื่องอะไรทั้งนั้น” อิศยาแตะมือของพลอย่างแผ่วเบา กลัวว่าจะไปทำให้ร่างกายบอบช้ำนี้ต้องเจ็บ ไม่ใช่แค่เจ็บกาย แต่จะไปถึงใจ “ย่าขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับพี่พล วันนี้พี่พลเสียสละเพื่อย่ามากจนย่าไม่รู้จะชดใช้ยังไง ขอบคุณที่ปกป้องย่านะคะ พี่พลเป็นพี่ชายที่ดีของย่าจริงๆ”

ในเวลานี้นอกจากความรู้สึกนับถือ และเปิดใจให้พลในฐานะพี่ชายที่ดีแล้ว ตำแหน่งอื่นในหัวใจอิศยาไม่เหลือที่ไว้ให้ ที่ตรงนั้นจากแต่เดิมว่างมาตลอดแม้ว่าพลจะเพียรสู้มานาน แต่เธอกลับปิดล็อกไม่ยอมให้พลได้ก้าวข้าม เวลานี้ ณ ที่ตรงนั้นกลับมีใครเข้ามา และขังตัวเองไว้ในนั้น กันไม่ให้ใครได้เข้าไปยิ่งกว่ายักษ์หวงที่เสียอีก

ใครคนนั้นเข้ามาในใจแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว มาถึงเวลานี้ ไล่ไปก็คงไม่ทัน...

“ในฐานะพี่ชายก็ยังดี” พลตอบ พยายามยิ้มทั้งที่ยากเย็น ในช่วงนาทีของความเป็นความตาย เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดกลับมาเห็นรอยยิ้มน่ารักจากอิศยาด้วยซ้ำ “พี่ดีใจที่ยังมีชีวิต”

“ย่าก็ดีใจที่พี่พลยังมีชีวิต...ให้ย่าได้แก้ตัวกับเรื่องที่แล้วมา ไม่ต้องห่วงนะคะ ย่าจะอยู่ดูแลพี่พลจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล” อิศยาวางจานแอปเปิลไว้ข้างเตียงคนป่วย หยิบแก้วน้ำใส่หลอดลงไปให้คนเจ็บได้ดื่มสะดวกมากขึ้น

“พี่เองก็ขอโทษที่ทำให้น้องย่าผิดหวัง ทำอะไรไม่รู้จักคิด” พลหลุบตาลงต่ำ อาการเจ็บร้าวไปทั้งร่างตอกย้ำว่าเขายังมีชีวิต

“เดี๋ยวย่าเรียกหมอมาตรวจนะคะ พี่พลอย่าคิดมาก ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น” กดปุ่มเรียกพยาบาลตรงหัวเตียง พลใกล้จะหลับไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ชื่อของใครอีกคนหลุดมาแผ่วเบา

“องศาเป็นยังไงบ้างน้องย่า”

คนฟังยิ้มอ่อนโยน รู้สึกที่แล้วมาตัวเองใจร้ายกับผู้ชายที่หวังดีกับเธอมากคนนี้ไปได้อย่างไร เอาแต่คิดว่าเขาตามติดชีวิตเธอ แต่ถึงเวลานี้ เธอเองที่ทำให้พลต้องเอาตัวเข้ามาเสี่ยงกับความตาย “เขาไม่เป็นอะไรมากค่ะ แค่หัวแตก กับฟกช้ำ เดี๋ยวย่าจะไปดูเขาให้ แล้วกลับมารายงานพี่พล ว่าตัวร้ายของพี่เป็นยังไงบ้างนะ”

พลหัวเราะในลำคอ สายตาทอดมองดวงหน้าหวานที่เขาเฝ้ารักเฝ้าดูแลมาตลอดชีวิต “เขาเป็นคนดีพอจะดูแลน้องที่น่ารักของพี่ใช่ไหม”

“พี่พลรีบหาย แล้วรีบมาพิสูจน์ด้วยตัวของพี่เองนะคะ”

พยาบาลชุดขาวเข้ามา ตัดบทสนทนาของอิศยาและพล หญิงสาวยอมออกจากห้องมาชั่วคราว ให้พยาบาลกับหมอได้ทำหน้าที่ตรวจคนเจ็บ โทรมาบอกวรัชกับช่อแก้วที่เพิ่งกลับไปพักผ่อนไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า หลังจากวางใจที่มีเธอจะคอยทำหน้าที่เฝ้าลูกชายของทั้งสองให้จนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล

เสียงดีใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ตื่นเต้นชัดเจนเมื่อรู้ว่าพลฟื้นแล้ว บอกว่าจะรีบกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง จึงวางสายไป

“กินอะไรหรือยัง หรือดูแลคนเจ็บจนไม่ได้ดูแลตัวเอง” ปัณณ์ถาม ตนนั่งรอให้อิศยาออกมาจากในห้องของพลตั้งนานแล้ว สายตาไล่สำรวจว่าผู้หญิงที่นับวันจะคุมเขาให้อยู่ใต้อาณัติปกติดีทุกอย่างหรือไม่ “มากินข้าวกับผมก่อน แล้วจะขลุกตัวเฝ้ากับพลอีกกี่ชั่วโมงก็ตามใจ” ถึงทำทีว่าใจกว้าง แต่หน้านิ่งๆ ก็ไม่มีรอยยิ้มว่าชอบใจนักกับเรื่องนี้

“ย่าขอไปดูองศาได้ไหมคะ” การพูดจาไม่มีแววขู่เข็ญหรือบังคับ ยกเว้นสายตา...ปัณณ์ไม่ชอบเลยที่อิศยามีอำนาจกดดันเขาได้ ให้เธอบอกว่าอยากได้ท้องฟ้าเขาไม่ต้องไปหามาให้หรือ

“ไม่กลัวองศาจะอาละวาดใส่หรือไง องศาเองจะกลับบ้านได้วันนี้แล้ว ถ้าตรวจร่างกายเสร็จ” ร้อยทั้งร้อย คนทุกคนที่เกี่ยวข้องจะต้องแยกมวยคู่เอกอย่างอิศยาและองศาให้แยกห่างจากกัน

มือบางเอื้อมมาแตะข้อศอกของปัณณ์ สายตาอ้อนวอน รวมทั้งน้ำเสียงที่หวานจนสั่นหัวใจคนฟังให้หมุนคว้าง “นะคะพี่ปั้น...ย่าขอร้อง”

มาโหมดลูกอ้อนแบบนี้...ใครจะไปใจแข็งได้


โทรทัศน์จอใหญ่เปิดรายการเพลงสุดฮิตในช่วงเวลานี้กำลังดำเนินรายการต่อไป โดยที่คนบนเตียงนอนฟังนิ่งๆ ภาพผู้ชายที่นอนเจ็บหนักกว่าเธอหลายเท่าจากการไปเห็นมาเมื่อวานนี้ ทำให้ความตั้งใจแรกที่จะเข้าไปจัดการดึงทึ้งศีรษะคนที่บังอาจมาลักพาตัวเธอหยุดชะงัก...ภาพผู้ชายคนหนึ่งที่นอนเจ็บหนัก ทั้งตัวต้องดามเฝือก เย็บแผลไปไม่น้อย และข้างเตียงมีครอบครัวที่อบอุ่นคอยนั่งเคียงข้าง รวมไปถึงผู้หญิงที่เขารัก

สาเหตุที่ทำให้พลยอมเอาอนาคตในการทำงานมาแลก...อิศยา ผู้หญิงคนนี้ทำบุญด้วยอะไรกัน ถึงได้ความรักมากมายจากใครต่อใคร

เสียงประตูเปิด และงับปิดเบาๆ องศาคิดว่าคงเป็นพยาบาลมาตรวจร่างกายอีกรอบ “ไว้มาตรวจอีกทีชั่วโมงนะคะ ฉันอยากพักผ่อน”

“แล้วถ้าเป็นฉัน คุณยังอยากพักผ่อนอยู่ไหม” อิศยาที่กว่าจะบังคับให้ปัณณ์ไม่ต้องเข้ามาได้ก็จนเธอเติมพลังด้วยอาหารจากร้านสะดวกซื้อกับเขาจนอิ่ม และบอกให้เขาอยู่ข้างนอก ย้ำกับเขาว่าองศาเป็นคนไม่ใช่ปีศาจขนาดที่ควบคุมไม่ได้

เสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือในยามวิกฤตที่องศาถูกจับตัวไป ก็ทำให้เธอรู้ว่าจริงๆ องศาไม่ได้มีทิฐิแรงกล้าอะไรกับเธอนักหรอก

“พี่พลเขาเป็นห่วงคุณนะคะ...ก่อนที่เขาจะหลับไป เขายังถามถึงคุณ”

องศาลุกขึ้นนั่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ฉันทำให้เจ็บขนาดนั้นจะมาห่วงทำไม ห่วงตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ” ทำเสียงหึ ติดประชดประชัน “แต่คนแรกที่เขาห่วง ยังไงก็ต้องเป็นเธออยู่แล้วนี่”

“ฉันเกิดมา ฉันก็เจอพี่พลแล้ว พี่พลชอบบอกว่าฉันคือรักแรกของพี่พล แต่สำหรับฉัน พี่พลเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยมี”

“เธอมันโง่ คนที่รักขนาดถวายหัว ยกชีวิตให้ได้แบบนี้ยังไม่เห็นคุณค่า” คนเจ็บ เบ้หน้าเพราะบริเวณใบหน้ายังมีรอยช้ำม่วงบริเวณแก้ม และลามไปถึงแผลบริเวณหน้าผาก ที่เย็บไปหลายเข็ม

อิศยาเริ่มสังเกตถึงความแปลกไปขององศา ทีแรกท่าทีที่อิศยาคิดว่าจะพบเมื่อเจอองศาคือความเกลียดชังในตัวพล แต่นี่ นอกจากไม่เกลียด ยังพาลว่าเธอเรื่องไม่รักพล...แปลกมากจริงๆ

“คนบางคน ให้ทำยังไงก็รักไม่ได้หรอกค่ะ ความรู้สึกแรกของฉันที่มีต่อพี่พลคือพี่ชาย ฉันก็จะมองเห็นเขาเป็นพี่ชายไปตลอด กับคนอื่นสถานะอาจเปลี่ยนได้ แต่สำหรับฉัน ถ้าเปลี่ยนความรู้สึกได้ คงเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว”

คุณหนูตัวร้ายที่มีนิสัยเหวี่ยงวีนทำลายร้างชนิดจองล้างจองผลาญได้ไม่มีที่สิ้นสุดสงบลงได้ หัวใจที่เคยวิ่งไล่ล่าหวงครอบครัวของตัวเองจากอิศยาคล้ายหยุดลง “สัญญากับฉันได้ไหม ว่าเธอจะรัก และดูแลพี่ปั้นให้ดีๆ ช่วยป้าปุณนาดูแลงานทั้งหมด เธอจะทำได้ไหม”

องศาต้องได้รับการกระทบกระเทือนมาจากอุบัติเหตุแน่ๆ...อิศยาเองไม่มั่นใจกับคำตอบที่ต้องให้ไว้นั้นเลยสักนิด มันเปรียบดังเกลียวที่จะรัดตัวเธอไว้ที่ชีวิตของดีเอส ชีวิตของปัณณ์

“มันเป็นเรื่องของอนาคตนะคะ ฉันไม่รู้จริงๆ”

“ฉันถามใจของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิด ใจของเธอรักพี่ปั้นหรือเปล่า”

ขนาดเจ้าตัวยังไม่เคยถาม ไม่เคยบอก แต่เธอต้องมาตอบให้น้องสาวของเขาฟังก่อน “ค่ะ”

ร่างบนเตียงกอดอก ซ่อยยิ้มพอใจไว้ ถึงเวลาที่เธอจะปล่อยพี่ชายให้ได้พบใครสักคนเสียที ถ้าขืนเธอยังไม่ปล่อย ใครบางคนอาจบ้าลุกขึ้นมาทำอะไรเสี่ยงๆ คราวนี้อาจไม่โชคดีมีชีวิตรอดอีกก็ได้

“ถ้าเธอดูแลพี่ปั้นไม่ดี ฉันจะกรีดหัวใจเธอเอง...อีกอย่างฉันต้องการแลกบางอย่างกับเธอ”

“แลก แลกกับอะไรคะ”

“พี่ปั้นฉันยกให้ แต่กับพี่พลของเธอ ฉันขอ”


เรื่องราวทางฝั่งนั้นที่เล่ามาว่าเหลือเชื่อกับการเปลี่ยนไปขององศา “พี่พลปีนี้ปีชงหรือเปล่า” พรพิรุณกล่าวติดตลก หลังจากเรื่องวุ่นวายผ่านไป ชีวิตของเธอก็กลับมาเหมือนเดิม ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ บนร้านคุณตาก็ยังเป็นที่ที่อบอุ่น มีเตียงให้เธอนอนกลิ้งไปมาได้สบาย แม้ว่าจะนอนอยู่บนเตียงนี้ได้อีกไม่นาน...

อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คง...ความสัมพันธ์กับคนปลายสาย อิศยาจริงๆ ก็เป็นเพื่อนที่ดีของเธอได้

“แล้วเรื่องของเธอกับแฟนปลอมๆ ล่ะ ไปถึงไหน”

“นี่เธอรู้เหรออุ่น” ปลายสายย้อนกลับมาเสียงสูง พรพิรุณหัวเราะหึ รู้มานานตั้งแต่วันแรกของคนคู่นี้โกหกเชียวล่ะ

“พัฒนาไปถึงไหนแล้วล่ะ...คบกันจริงหรือยัง”

“เธอก็พูดอะไรไม่รู้ เปลี่ยนเรื่องเถอะ”

เสียงงุ้งงิ้ง บ่นแก้เขิน พรพิรุณส่ายหน้า นึกหมั่นไส้คนปากแข็งขึ้นมา ยอมเปลี่ยนเรื่องเข้าสู่ความจริงจังที่เธอใช้เวลาคิดอยู่หลายวัน และจะทำมันอย่างแน่นอน “ย่า ฉันอยากออกเดินทาง”

“จะไปไหน”

“ทั่วโลก”

“หืม”

“ฉันอยากออกเดินทางเหมือนที่ครั้งหนึ่งอาตาเขาเคยทำ...เธอว่าอาตาจะยอมไหม”

ปลายเสียงเงียบหายไปเหมือนสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาด และคำตอบของทางนั้นก็บ่งบอกได้ว่า...อิศยานี่แหละคือเพื่อนแท้ของเธอ

“ถ้าพ่อฉันขัดข้อง ฉันนี่แหละจะพาเธอหนีไปส่งให้ถึงตัวเครื่องบินเอง ฉันเชื่อในการตัดสินใจของเธอนะอุ่น เชื่อว่าเธอจะทำสิ่งที่ต้องการได้ดี”

“ขอบคุณนะ ขอบคุณ...เพื่อน”


อิศยายิ้มไม่หุบ นอกจากไม่รับคำกระทบกระทั่งจากพรพริรุณแล้ว ทางนั้นในที่สุดก็ยอมรับให้เธอเป็นเพื่อน...จะมีเรื่องไหนที่น่าดีใจไปกว่านี้อีก ความพยายามทั้งชีวิตของเธอสำเร็จผลเสียที

พลั่ก...ร่างของเด็กตัวเล็กชนอิศยาด้วยแรงเบาๆ ส่วนสูงของเด็กชายตัวเล็กสูงแค่เอวเธอเท่านั้น อิศยาก้มลงมอง พบว่ามีของบางอย่างตกลงไปบนพื้น...คัพเค้ก เนื้อครีมเปรอะพื้น หน้าขนมคว่ำ นำมาทานไม่ได้อีก

“ของพ่อผม ฮึก” เด็กชายผิวขาวซีดในชุดคนป่วยเริ่มสะอึกสะอื้น ก่อนปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาดังลั่น

หญิงสาวรีบย่อตัวลงไปนั่งเสมอหน้า ปลอบใจเป็นการด่วน “ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวพี่ทำให้ทานดีไหม พี่ทำขนมเป็นทุกอย่าง ทุกๆ อย่างเลยนะ หืม พี่ขอโทษนะ”

“ไม่มีใครทำขนมได้อร่อยกว่าพ่อแล้ว พ่อของผมทำอร่อยที่สุด ฮึก” เด็กชายวัยประถมที่ตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันมองอิศยาผ่านม่านน้ำตา จากการที่ร้องไห้หนัก ผนวกกับอาการลมชักกำเริบ ร่างเล็กของเด็กชายเริ่มหายใจไม่ทัน อิศยาทันรับร่างเด็กชายทัน ในใจเริ่มตื่นตระหนก

“หมอ พยาบาล มาตรงนี้หน่อยค่ะ ช่วยเด็กคนนี้ด้วย”


หมอพยาบาลเพิ่งออกจากห้องคนไข้ อิศยายืนละล้าละลังอยู่บริเวณหน้าห้อง ยังไม่กล้าเข้าไป เธอสงสัยว่าในเวลานี้ ผู้ปกครองของเด็กชายอยู่ที่ไหน ที่สำคัญคือเป็นใคร ทำไมถึงปล่อยให้ลูกที่เป็นลมชักแบบรักษายากทานขนมเค้กแบบนี้

อิศยาอยากจะโทรหาปัณณ์ บอกเล่าถึงเรื่องที่เจอมา แต่ตอนนี้เขาเองก็น่าจะวุ่นๆ เพราะต้องกลับไปดูแลงานของบริษัท ให้เธอใจจืดใจดำทิ้งเด็กไว้คนเดียวก็ทำไม่ได้อีก

พยาบาลก็บอกว่าพ่อของเด็กจะมาในเวลาเย็นเกือบค่ำไปแล้ว บางครั้งที่เด็กชายออกไปใช้ชีวิตปกตินอกโรงพยาบาล ไม่นานอาการก็จะกำเริบอีกครั้ง ค่ารักษาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่น้อยๆ

“ขอโทษนะครับ คุณเป็นอะไรกับเด็กในห้องนี้ หรือรู้จักคุณดิเรกเหรอครับ” ตำรวจสามนายเดินตรงมาถาม หยุดตรงหน้าอิศยา สายตาสอดส่องเข้าไปในห้องของเด็กชายที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง

“คุณดิเรก พ่อของน้องปังเหรอคะ”

“คุณไม่รู้จักเหรอครับ คุณดิเรกเชฟใหญ่ของดีเอสไงครับ พ่อของเด็กในห้องนี้” ตำรวจผิวสีแทน หน้าเข้มอธิบายอย่างใจเย็น “วันนี้คุณดิเรกโดนจับคดียักยอกทรัพย์ของทางดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ครับ”

“ยักยอกทรัพย์เหรอคะ” อิศยารู้สึกว่าลางสังหรณ์ของเธอมันเริ่มทำงาน การยักยอกเงินครั้งนี้ คุณดิเรกอาจทำเพื่อลูกชาย ภาพผู้ชายที่มักหลบสายตาเวลาทำผิดปรากฏชัด ถึงเธอจะเพิ่งพบเขาตอนแข่งเมื่อวานวันแรก แต่คนแบบนั้น ดูแล้วไม่น่ามีแรงจูงใจพอจะทำร้ายใครได้ หรือแม้แต่ยักยอกเงิน

เธอควรจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จักคนนี้ดีไหม...หรือเธอจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางของมัน

แต่จิตใจเบื้องลึกบอกว่าเธอเมินเฉยต่อเรื่องครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ


ปุณนาอ่านแฟ้มผลงานที่แล้วมาของอิศยาที่เขมรัฐเคยสืบมาอย่างละเอียด รอยยิ้มแต้มบนริมฝีปาก เธอไม่เคยมองหาว่าที่ลูกสะใภ้อย่างกับละครหลังข่าว ที่ว่าลูกสะใภ้ต้องมาจากบุคคลที่เท่าเทียม อยู่ในชั้นสังคมเดียวกัน ทำตัวกีดกันจนถึงที่สุดอย่างพวกรังเกียจกันมาแต่ชาติปางก่อน สำหรับเธอ แค่คนที่ลูกชายรักจะเป็นใครเธอก็รักทั้งนั้น...และบังเอิญ ที่คนรักของลูกชายเธอ เพียบพร้อมไปหมด

“คุณปุณนาคะ มีแขกมาขอเข้าพบค่ะ” เลขาหน้าห้องรีบรายงานต่อ “ชื่อคุณอิศยาค่ะ”

“รีบพาเข้ามาเลย อย่าให้เขารอล่ะ” ปุณนารีบเก็บแฟ้มประวัติของคนที่กำลังมาพบเธอบนโต๊ะไว้ให้เรียบร้อย พ้นตาผู้มาใหม่ อิศยาในชุดเรียบร้อย เสื้อเชิ้ต กระโปรงรีดเรียบสีครีม เดินเข้ามาสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ ขณะค้อมศีรษะบอกขอบคุณเลขาที่เปิดประตูให้เธอเข้ามาในห้อง

“สวัสดีค่ะคุณปุณนา” อิศยายิ้ม แต่ในรอยยิ้มยังเต็มไปด้วยความลังเล ถึงคิดว่าจะทำตามสัญชาตญาณในการช่วยเหลือคน แต่ก็รู้ว่าแค่สัญชาตญาณอาจเป็นเหตุผลที่เบาบางเกินกว่าที่ใครจะยอมช่วยเหลือ

“มีอะไรจ๊ะลูกย่า” ปุณนาถามเสียงหวาน เชื้อเชิญให้นั่งอย่างเป็นมิตร “มาถึงที่นี่เชียวมีอะไรหรือเปล่า”

“ย่าได้ยินมาว่าคุณดิเรกโดนตำรวจคุมตัวอยู่ใช่ไหมคะ”

“หนูรู้เรื่องนั้นได้ยังไง”

หญิงสาวเม้มปากตัวเอง นิ่งคิดว่าจะตอบอย่างไรให้ออกมาลื่นหูผู้ฟังมากที่สุด “คือย่าพบลูกชายคุณดิเรกที่โรงพยาบาล แล้วตำรวจเขามาดูอาการลูกชายคุณดิเรกให้ตามที่เขาขออ้อนวอนมาทั้งๆ ที่ถูกคุมตัวอยู่” เธอจะยอมช่วยใครสักคนที่ไม่เคยพูดกันสักครั้ง มันดูเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่เธอจะทำ “ให้โอกาสคุณดิเรกแก้ตัวสักครั้งได้ไหมคะ”

“เงินหนึ่งล้านบาทมันไม่ใช่น้อยๆ นะลูกย่า แม่รู้ว่าพวกเราอาจดูใจจืดใจดำ แต่ว่า เนื้อร้ายเราก็ต้องตัดทิ้ง หนูเข้าใจคำของแม่ไหม” หญิงกลางคนอธิบายอย่างใจเย็น แต่คนฟังแทนที่จะไหล่ตก ยอมแพ้ไป อิศยากลับส่ายหน้าคัดค้านท่าเดียว

“ย่าจะพิสูจน์ ว่าคุณดิเรกไม่ได้เลวร้ายขนาดกลับตัวไม่ได้ได้ไหมคะ”

“ก็ได้นะ...ถ้าหนูจะมาคุมดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ด้วยตัวเอง อำนาจทั้งหมดจะอยู่ในมือของหนู” ข้อเสนอที่ครั้งหนึ่งอิศยาเคยได้ยินมาจากปัณณ์ถูกพูดเสนอจากทางมารดาของเขาอีกครั้ง สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความเมตตา แต่คำพูดกลับปิดประตูใส่หน้าเธอดังโครม

“แต่หนูต้องหาทางใช้อำนาจในดีเอสแกรนด์ของเราให้ได้ แม่จะปล่อยตัวคุณดิเรกออกมาจากการคุมตัว ทำสัญญาไว้ว่าในระยะหนึ่งเดือนจากนี้ ถ้าหนูมาเป็นผู้นำในดีเอสแกรนด์ไม่ได้ เขาจะโดนจับกุมทันที”

อิศยาฟังข้อตกลงที่ออกจะแปลกหู ก็ข้อผูกมัดในสัญญามีเธอเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องให้เดินไปข้างหน้า “แล้วถ้าเกิดคุณดิเรกหาเงินมาใช้หนี้ได้ครบในเวลาแทนล่ะคะ” มันดูลดความเสี่ยงของเธอลงมา การหาเงินมันดูไม่น่าหนักหนาเท่ากับขึ้นไปสู่จุดสูงขนาดนั้นตามที่คุณปุณนากล่าวมา

“แม่เช็คที่มาของเงินได้นะ...แต่ว่าถ้าหนูขึ้นมาดำรงตำแหน่งในดีเอสได้ เงินของคุณดิเรกที่เอาไป ทางเราจะไม่เรียกร้องคืนเลยสักบาท หนูได้ทั้งงาน ได้ทั้งบุญกุศลครั้งใหญ่ในการช่วยคน วินวิน ว่าไหม” นักธุรกิจหญิงที่เป็นทายาทคนรองของเดชอนันต์สิทธิ์ ตระกูลธุรกิจใหญ่ เติบโตขึ้นมา เห็นความลำบากมามาก กว่าที่จะมาอยู่ในตำแหน่งเก้าอี้กรรมการบริหาร ที่ถือหุ้นใหญ่มูลค่ารองจากพี่ชายเพียงคนเดียว การต้อนลูกนกตัวน้อย สำหรับเธอมันไม่ยากเลย

ไม่ต้องใช้วิธีเอาเปรียบ บีบคั้นไม่ให้เหลือทางเลือก อย่างที่เจ้าลูกชายชอบใช้มานักต่อนัก แต่เป็นการให้อิสระในการตัดสินใจ ถือเป็นบททดสอบครั้งสำคัญที่เธอมอบให้อิศยา

ว่าที่หางเสือหลักผู้นำพาดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ และวงการเบเกอร์รี่ในประเทศไทยพัฒนามากขึ้น...เธอคิดว่าเธอดูคนไม่ผิด

“ถ้าอย่างนั้น ย่าขอทำอย่างนี้ได้ไหมคะ...” อิศยาเล่าถึงเจตต์จำนงของตัวเองออกไป เมื่อถึงคราวต้องพุ่งชนอุปสรรค อิศยาจะไม่มีทางหวั่นเกรงแน่นอน...ปุณนาตั้งใจฟังทุกอย่างที่หญิงสาวเล่ามา อดยิ้มมุมปากด้วยความถูกใจไม่ได้

“ถ้าหนูทำได้อย่างที่พูดจริง แม่จะถือว่าหนูชนะ”

อิศยาถอนหายใจที่ข้อเสนอของเธอสำเร็จลุล่วง จากนี้ เธอจะต้องพยายาม หากอิศยาจะเฉลียวใจกับเหตุการณ์ที่ดูมาบรรจบพร้อมกันหมดในวันเดียว ประจวบเหมาะกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของปุณนา เธออาจไม่ลงเล่นในสนามที่มีคนเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าคนเป็นลูกคอยล่อหลอกตลอดการแข่งขัน

ปุณนามองร่างผอมของอิศยาจากไป คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเลขหมายปลายทาง รอไม่กี่อึดใจ ดิเรกก็รับโทรศัพท์จากเธอทันที “เตรียมรับเงินห้าล้านบาทของฉันได้ ขอบคุณที่มาช่วยฉัน”

“ผมต่างหากต้องขอบคุณคุณปุณนาที่ไม่เอาเรื่อง ผมมันโง่ คิดอะไรโง่ๆ ถึงได้คิดขโมยเงินในร้านแบบนั้น ถ้าคุณปุณนาไม่ให้โอกาส ผมคงนอนในคุก”

“ฉันเข้าใจว่าคนเป็นพ่อ ก็คงต้องห่วงลูก แต่เธอต้องเข้าใจว่าฉันไม่ใช่แม่พระ เธอเองก็ไม่มีผลงานมาพัฒนาดีเอสของเราเลย...เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหมดิเรก”

“แค่ลูกของผมจะหายจากไอ้โรคลมชักนี้ได้ ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้วจริงๆ”

หัวใจคนเป็นแม่รับรู้ความเจ็บปวดดีว่าเวลาเห็นลูกในไส้เจ็บปวดทรมานไม่ว่าจากทางกายหรือทางใจ เป็นทุกข์มากแค่ไหน “เธอเป็นหนี้บุญคุณของหนูย่า อย่าได้คิดทำร้ายเขาอีก อย่างที่เคยรับใช้องศามาเข้าใจไหม”

“ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ไว้มีโอกาสผมจะไปขอบคุณและขอโทษคุณอิศยาด้วยตัวเอง”

ปุณนายุติการสนทนาจากดิเรก ใจจริงก็รู้สึกสงสารทางนั้น แต่นับตั้งแต่ที่ลูกชายของเขาป่วย พ่อที่เคยมีพรสวรรค์ด้านขนมกลับทำขนมหวานออกมาไมได้ดีเหมือนแต่ก่อน ขนมหวานที่ลูกชายเคยชอบทานต้องลดความหวานลง ในที่สุดลูกชายเพียงคนเดียวก็ต้องทานอาหารสูตรพิเศษอย่างเคโธเกนิกไดเอทที่ไว้ใช้รักษาเด็กที่ป่วยเป็นโรคลมชัก ฝีมือของดิเรกก็ลดต่ำลงไป คงเพราะใจของเขาหมดแรงบันดาลใจในการทำขนมอีก


......................................................................................
พาคุณแม่ปุณนาเปิดตัวอย่างจุใจค่ะ เจ้าเล่ห์กว่าคุณลูกชายมากกก เรื่องเริ่มคลี่คลายแล้วค่ะ
คุณ ariesleo มาแล้วนะคะ สรุปคุณแม่ปลื้มค่ะ
คุณ ร้อยวจี ตอนหน้าจะให้พลกับองศาเจอกันนะคะ บทนี้มาพลิกล็อกใครหลายคน ฮา
คุณ ใบบัวน่ารัก จริงๆ ออมชอบดูละคร แล้วศึกษาตัวร้ายนะ หลายๆ เรื่องชอบตัวร้ายมากกว่าตัวหลัก จริงๆ ก็ไม่ชอบพวกกรี๊ดเหมือนกัน แต่เพิ่งไปถูกใจบทแตงกวาค่ะ เธอดูไร้สติมาทั้งเรื่อง แล้วพอได้สติ เธอสวยมาก ฮา องศายังไม่ได้สติเท่าแบบนั้น
คุณ OhLaLa ตัดความหวังทุกคนในตอนต้น ย่าก็โดนคนตระกูลนี้หลอกต่อ มันเป็นในสายเลือดตระกูลนี้ค่ะ
คุณ wind อยากเห็นคนเจ้าเล่ห์หลุดไหมคะ ฮา ชอบพระเอกเจ้าเล่ห์ แต่ขี้หึงมากแบบปั้นนี่ยกให้ย่าเขาค่ะ
คุณ icewinter ตอนนี้ไม่เศร้าแล้วนะคะ เหลือปัญหาสุดท้ายให้ย่าตามแก้
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ พลองศา จัดไป ฮา
คุณ Auuuu มาแล้วค่า ^^
ขอบคุณทุกเมนท์ ทุกไลค์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ อีกไม่กี่อึดใจจะจบแล้ว T^T พรุ่งนี้เวลาเดิมนะคะ 



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ต.ค. 2556, 00:13:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2558, 22:12:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1538





<< แผนลวงคนขี้หวง   ผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ >>
ร้อยวจี 7 ต.ค. 2556, 00:35:36 น.
สรุปพลก็ได้คู่กับองศา ตกลงมีสามคู่ชู่ชื่น ส่วนว่าที่แม่สามีเหลี่ยมจัดยิ่งกว่าลูกชาย อ่านตอนนี้แล้วอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ ค่ะ อย่าลืมคู่ภีมกับอุ่นด้วยนะคะ สนุกมากค่ะ


wind 7 ต.ค. 2556, 00:41:44 น.
เหนือพี่ปั้นยังมีคุณแม่สินะ


Auuuu 7 ต.ค. 2556, 00:52:40 น.
โหววว คุณแม่มาเหนือเมฆมาก


OhLaLa 7 ต.ค. 2556, 01:03:19 น.
นิสัยเจ้าเล่ห์นี่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมใช่มั้ยคะ เลิฟพี่ปั้นตรงเพราะรักจึงยอมตามใจย่าทุกอย่าง


ariesleo 7 ต.ค. 2556, 01:15:20 น.
สุดยอดคุณแม่


ใบบัวน่ารัก 7 ต.ค. 2556, 07:38:25 น.
ร้ายจริงแม่ลูก
ย่าต้องทำใจนะ ร้านขนมคงไม่ได้ทำแล่วหละ
เศร้าจัง


icewinter 7 ต.ค. 2556, 11:24:44 น.
คุณแม่แผนการยิ่งกว่าลูกชายอีกค่ะ ถ้าใกล้จบขอตอนขององศากับพี่พลด้วยนะคะ อิอิอิ ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีค่ะ รอทุกวัน


ผักหวาน 18 พ.ย. 2556, 15:22:49 น.
โฮ่ๆๆๆ คุณแม่ปุณณาหลักแหลมจริงๆค่ะ ไม่งั้นคงไม่เป็นถึงนักธุรกิจหญิงที่เก่งกาจหรอกเนาะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account