หัวใจที่ปลายฟ้า
หญิงสาวคนหนึ่งข้ามฟ้ามาตามหารักนิรันดร์ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธาแห่งรัก แต่ยิ่งนานวัน ความเชื่อมั่นและศรัทธาก็ยิ่งสั่นคลอนเพราะเขาคนนั้นช่างไม่ชัดเจนเอาเสียเลย
หรือบางทีอาจไม่ใช่เขาที่ไม่ชัดเจน อาจเป็นเธอเองก็ได้ ที่ไม่ยอมมองให้ชัดๆว่าในแววตาคู่นั้นซ่อนรักเอาไว้หรือเปล่า

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 4

“น้องแจนย้ายออกไปแล้วล่ะค่ะ เห็นว่าจะกลับอังกฤษค่ะ” อชิระแทบหมดแรงเมื่อจบเสียงหวานๆของพนักงานต้อนรับของคอนโดที่เจนนิเฟอร์อยู่ ไม่สิคงต้องบอกว่าเคยอยู่
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” อชิระไม่แน่ใจว่าเขายังมีแรงพูดออกมาได้อย่างไร อาจเป็นเพราะเวลาพูดไม่ต้องอาศัยหัวใจก็ได้เพราะเขารู้สึกว่าหัวใจของเขาปลิดปลิวไปพร้อมคำว่ากลับอังกฤษแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้หัวใจของเขาลอยไปถึงคนที่อยู่อีกฟากฟ้าหรือยัง
“ตั้งแต่เมื่อห้าวันก่อนค่ะ” แววตาของพนักงานต้อนรับสาวแฝงความสงสัยไว้เต็มเปี่ยม แต่อชิระก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่แม้แต่จะถามว่าเจนนิเฟอร์ฝากอะไรไว้ให้เขาหรือไม่ เพราะถ้าเจนนิเฟอร์จะฝาก ก็คงจะฝากกับพิชญามากกว่า และแน่นอนว่าพิชญาไม่ได้ให้อะไรกับเขา พิชญาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจนนิเฟอร์หายไปไหน
ห้าวันที่แล้ว วันเกิดเจนนิเฟอร์ วันที่เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา ก่อนหน้าวันเกิดเจนนิเฟอร์หนึ่งวัน เขาไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน แต่เนื่องจากไม่ได้ไปงานเลี้ยงใดๆมานานแล้วทำให้เขาดื่มไปคุยไปจนเพลิน และแม้จะรู้ตัวว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มทำงานแล้ว แต่เขาก็ยังดึงดันจะขับรถกลับคอนโด ความคิดสุดท้ายก่อนสติของเขาจะดับวูบไปคือ พรุ่งนี้วันเกิดแจน
เขาตื่นมาอีกทีก็พบว่าตนเองอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากจุดที่เกิดอุบัติเหตุไปไกลจากงานเลี้ยงนักและมีเพื่อนคนอื่นๆขับรถกลับบ้านพร้อมเขาด้วยเช่นกัน ทำให้เพื่อนของเขาช่วยเหลือพาเขาส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที แต่โชคชะตาคงอยากให้เขาสูญเสียอะไรสักอย่างให้ได้ ดังนั้น แม้ว่าตอนที่เจนนิเฟอร์โทรมาจะมีเพื่อนเฝ้าเขาอยู่ถึงสี่คน ผู้ชายสาม ผู้หญิงหนึ่ง แต่ทุกคนต่างพร้อมใจให้เนตรดาวรับสาย เรื่องคงไม่จบแบบนี้ถ้า หนึ่ง เจนนิเฟอร์จะไม่รู้ว่าเนตรดาวและเขาเคยคบกัน สอง ถ้าเนตรดาวใช้คำว่ายังไม่ฟื้นแทนที่จะใช้คำว่ายังไม่ตื่น เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเนตรดาวที่พูดไม่ชัดเจนและก็ไม่ใช่ความผิดของเจนนิเฟอร์ที่คิดไปเอง
แต่บางทีเขาก็แค่ไม่เข้าใจ เจนนิเฟอร์ไม่กล้าคิดไปเองในเรื่องอื่นๆ แต่กลับคิดไปเองในเรื่องนี้โดยไม่ลังเลเลย เขาก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ไม่แน่นะ บางทีสุธากรอาจเข้าใจ หรืออย่างน้อยก็น่าจะบอกเขาได้ว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไป

เขาไม่เคยสังเกตเลยว่ากาจราจรในกรุงเทพฯจะวิกฤติได้ขนาดนี้ อาจเป็นเพราะแต่ก่อนเขามีตุ๊กตาหน้ารถอย่างเจนนิเฟอร์อยู่ด้วยก็ได้ เสียงใสๆของเจนนิเฟอร์มักชวนคุยนั่นคุยนี่จนเขาไม่รู้สึกว่าไฟแดงมันนานเกินไป มือใหญ่เอื้อมไปเปิดเพลงแม้จะรู้ว่าต่อให้เสียงเพลงจากนักร้องที่ได้ชื่อว่าร้องเพราะที่สุดในโลกก็ไม่มีทางจะทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ได้เท่ากับเสียงใสๆของใครบางคนที่อยู่ไกลคนละฟ้า
~ผิดเองที่รู้ตัวช้า ที่จริงรักเธอเสมอ ขาดเธอ เพิ่งรู้ว่าฉันไม่เหลืออะไร~(1) เอาเข้าไป แม้แต่เพลงยังตอกย้ำเขา แต่ไม่ เขาไม่ได้รู้ตัวช้า เขารู้ตัวมาตลอด อาจไม่ได้เหมือนพระเอกนิยายบางเรื่องที่รู้ตัวว่ารักตั้งแต่ได้สบตาหรือได้รับรอยยิ้มหวานเป็นครั้งแรก แต่เขารู้ตัวว่ารักเจนนิเฟอร์ก่อนที่เธอจะบอกรักเขาเสียอีก อชิระถอนหายใจก่อนจะกดเปลี่ยนเพลง
~ฉันเป็นคนโง่เหนือใครๆ มีนักแท้อยู่ ดูแลไม่ได้~(2) ก็อาจใช่ เขาอาจเป็นแบบเพลงนี้ ตอนนี้เขาเริ่มอยากได้ประตูไปย้อนคืนวันเก่าๆจริงๆนั่นแหละ แต่อชิระก็ไม่ใช่คนซาดิสต์ขนาดจะมานั่งฟังเพลงตอกย้ำตัวเอง มือใหญ่จึงเอื้อมไปกดเปลี่ยนเพลงอีกครั้ง
~ยามเธอจากไปครานั้น รู้ไหมว่าเป็นเช่นไร วอนเธอกลับมาได้ไหม เพราะเพิ่งเข้าใจว่าตอนนี้รักเธอเหลือเกิน~(3) อชิระถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปปิดเพลง ถ้าเปิดต่อไปเขาคงต้องทำสงครามเปลี่ยนเพลงจนถึงบ้านของสุธากรนั่นแหละ ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วล่ะว่าเจนนิเฟอร์กว้านซื้อคลื่นวิทยุทั่วประเทศไทยก่อนกลับอังกฤษหรือเปล่า

สีหน้าของรุ่นน้องหนุ่มบอกให้อชิระรับรู้ว่าสุธากรรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก้าวตามรุ่นน้องเข้าไปในบ้านที่เขารู้สึกว่ามันใหญ่เกินไปที่จะอยู่คนเดียว ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิมเหมือนเมื่อครั้งสุดท้ายที่เขามาที่นี่...กับเจนนิเฟอร์ จากประตูรั้วมองไปยังหลังบ้านก็ยังคงเห็นชิงช้าตัวนั้น ตัวที่เจนนิเฟอร์ถลาเข้าไปนั่งตั้งแต่แวบแรกที่เธอเห็น แล้วก็เป็นชิงช้าตัวเดียวกันนี่แหละที่เขาไกวให้เธอระหว่างที่เสียงใสๆของเธอขับขานเพลงรักที่เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าเธอร้องให้เขาโดยเฉพาะ ขายาวๆของอชิระที่กำลังจะก้าวเข้าไปในตัวบ้านชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่เจ้าของบ้านเปิดค้างไว้
~อยากเจอเธอเหลือเกิน เพราะก่อนที่เราต้องเดินแยกทาง ฉันมีความคิดหลายๆอย่าง หลายอย่างเหลือเกินที่ฉันไม่ได้พูดไป~(4) ปลายสายตาของอชิระเห็นรุ่นน้องเจ้าของบ้านยิ้มบางๆกับอาการชะงักของเขาแต่ก็ไม่ได้เดินไปปิดเพลงแต่อย่างใด รุ่นน้องของเขาเพียงแต่ทิ้งตัวลงนั่งตรงโซฟาตัวโปรด แล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ
“แจนไม่ได้ฝากอะไรให้พี่ครับ เขาเขียนจดหมายลาแล้วก็ขอบคุณผมฉบับหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดถึงพี่” สุธากรเอ่ยขึ้นตั้งแต่อชิระยังไม่ทันนั่งดี
“ไม่มีสักประโยคเลยหรอ” เขาเอ่ยเสียงถามแผ่วๆ สุธากรไม่ได้ตอบอะไรแต่รอยยิ้มและสายตาที่บ่งบอกความเห็นใจก็ตอบแทนได้เป็นอย่างดี อย่าว่าแต่ประโยคเลย แค่คำเดียวยังไม่มี
เขาเงียบไป ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ที่ผ่านมาเขารู้ตัวดี เขารักเจนนิเฟอร์มาตลอด และเขาก็มั่นใจมากว่าตัวเองแสดงให้หญิงสาวเห็นอย่างชัดเจนมาตลอดว่าเขารักและใส่ใจเธอมากเพียงใด จริงอยู่ว่าเขาอาจไม่ได้พูดคำว่ารักออกไป แต่เขาคิดว่าบางครั้งการกระทำมันน่าจะบอกอะไรๆได้ชัดเจนมากกว่าคำพูด คำรักเอ่ยง่าย แสดงให้เห็นว่ารักต่างหากที่ยาก เขาเชื่อแบบนั้น แต่ดูเหมือนเขาคงต้องเปลี่ยนความเชื่อแล้วล่ะ ประสบการณ์ครั้งนี้ของเขาสอนให้รู้ว่า การแสดงให้เห็นว่ารักว่ายากแล้ว การแสดงออกให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเรารักยากกว่าหลายเท่า
~อยากให้ย้อนเวลาเพื่อคืนกลับมาได้ไหม แม้ต้องแลกด้วยหัวใจ ฉันต้องทำอย่างไรก็ยอม เฝ้ารอให้มีปาฏิหาริย์ ปรากฏการณ์ที่มันอยู่ในฝัน ฉันรออยู่ ฉันรออยู่ ฉันจะรอแค่เธอ~(5) เสียงเพลงที่แทรกขึ้นมาระหว่างความเงียบดึงอชิระออกจากภวังค์ ใช่ เขาจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากเฝ้ารอ ปาฏิหาริย์นั่นแหละที่เขาต้องการในตอนนี้
“ไม่มีใครย้อนเวลาได้หรอกครับ” สุธากรเอ่ยขึ้นราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “และบางครั้งปาฏิหาริย์ก็เป็นสิ่งที่เราต้องสร้างขึ้นมาเอง”
“ผมไม่รู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่หรือคิดจะทำอะไรต่อไป ผมรู้แต่ว่าถ้าผมเป็นพี่ ผมคงไม่นั่งรอปาฏิหาริย์อยู่เฉยๆหรอกครับ จริงอยู่ว่ามันเป็นไปได้ที่สักวันอาจมีปาฏิหาริย์ดลใจให้แจนกลับมา แต่ถ้าเป็นผม ผมจะไม่นั่งรอ ผมจะสร้างมันขึ้นมาเอง ปาฏิหาริย์สำหรับผม สำหรับแจน สำหรับความรักของเรา ผมว่าแจนวิ่งตามพี่มานานมากแล้วนะครับ มันอาจจะถึงเวลาที่พี่ต้องเริ่มวิ่งบ้าง พูดกันตรงๆอย่างลูกผู้ชายเลยนะครับ ผมว่าพี่เป็นฝ่ายรับความรักมามากเกินไปและแจนก็พยายามมามากเกินพอแล้ว”

มือใหญ่ของอชิระแกว่งไกวชิงช้าที่ตัวเองกำลังนั่งเบาๆ ความคิดลอยไปถึงวันวาน ณ ที่แห่งนี้ เสียงใสที่ยังกังวานชัดในหัวใจ แม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว
~เมื่อดวงใจมีรักมอบแด่ใครสักคนหมดทุกห้องหัวใจ ขอให้เธอมั่นใจรักจริง ฉันจะยอมมอบกายพักพิงแอบแนบอิงนิรันดร์~(6)

‘แจนรู้ค่ะว่าเรื่องของความรักมันบังคับกันไม่ได้ แต่แจนก็คงไม่ใช่นางเอกนิยายขนาดที่จะบอกว่าแจนรักพี่โดยที่ไม่ได้หวังว่าพี่จะต้องมารักแจนตอบหรอกนะคะ เพราะฉะนั้น ถ้าพี่ไม่รัก ก็แค่บอกมาว่าไม่รักก็พอค่ะ แล้วแจนจะไม่มากวนใจพี่อีก’
‘พี่อชิพักผ่อนบ้างเถอะค่ะ แจนรู้ว่างานสำคัญสำหรับพี่อชิมาก แต่พี่อชิก็สำหรับสำหรับครอบครัวของพี่อชิมากเหมือนกันนะคะ ห่วงตัวเองบ้างเถอะค่ะ’ ตอนนั้นถึงเธอจะไม่ได้พูดออกมาแต่แววตาเธอก็บอกชัดเจน ไม่ใช่แค่ครอบครัวของเขาเท่านั้น แต่เขาสำคัญสำหรับเธอเช่นกัน
‘ช่วงนี้ฝนตกหนัก ระวังไม่สบายนะคะ’ เธอมักส่งข้อความมาเตือนแบบนี้ช่วงหน้าฝน
‘อย่าเที่ยวเพลินจนลืมดูแลตัวเองนะคะ’ ข้อความนี้มักจะมาเวลาเขาไปเที่ยวไกลๆโดยที่เธอไม่ได้ไปด้วย
‘ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ’ อันนี้สำหรับวันที่เขาต้องขับรถกลับบ้านตอนดึกๆ
‘เข้มแข็งไว้นะคะพี่อชิ’ เวลาเขาล้มเหลวกับอะไรสักอย่างเธอมักพูดแบบนี้เสมอ เธอไม่ได้พูดต่อหรอกว่า แจนจะอยู่ข้างๆพี่ตรงนี้ แต่เธอก็ไม่เคยไปไหน
‘แต่ดวงอาทิตย์ก็ไม่ได้สาดแสงให้ดอกทานตะวันอย่างเดียวนี่คะ แต่ยังเผื่อแผ่แสงไปให้สิ่งอื่นอย่างเท่าเทียม แล้วดอกทานตะวันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคะว่าตัวเองสำคัญต่อดวงอาทิตย์แค่ไหนกัน’
‘ถ้าพี่อชิไม่พูด แจนจะไปกล้าคิดเอาเองได้ยังไงล่ะคะ’ สองประโยคสุดท้ายที่เฝ้าวนเวียนตอกย้ำเขาว่าเขาพลาดไป
สายตาของอชิระมองไปไกลที่เส้นปลายขอบฟ้า ถ้าเขาออกวิ่งตอนนี้มันจะยังทันอยู่หรือเปล่านะ...

-----------------------------------------------------------
(1) เพลงรู้ตัวช้า – โจ ป๊อป
(2) เพลงรักแท้ดูแลไม่ได้ – โปเตโต้
(3) เพลงวอน – เดอะพีชแบนด์
(4) เพลงความคิด – แสตมป์
(5) เพลงทวนเข็มนาฬิกา – กาย
(6) เพลงใจรัก – ก้อง สหรัถ





รวินทร์วรกาล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ต.ค. 2556, 22:58:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ต.ค. 2556, 22:58:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 939





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 (ตอนจบ) >>
minafiba 7 ต.ค. 2556, 00:13:07 น.
^_______________^


รวินทร์วรกาล 7 ต.ค. 2556, 00:52:08 น.
=)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account