จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย
ตอน: 22 เมื่อเขาไม่สนใจ...
22 เมื่อเขาไม่สนใจ...
เวลาที่แห่งความสุขนั้นมักจะมีเรื่องราวแห่งความทุกข์มากลั้นกลางเสมอ อย่างเช่นครั้งนี้ก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะทำแบบนี้
“อะไรนะ เธอจะไปดูงานที่อังกฤษเดือนหนึ่ง นี่เธอจะบ้าเหรอ แล้วเรากับลูกจะอยู่ยังไง เธอไปตอบปฏิเสธเขาเลยนะ”
อังศุมาลินโมโหมากที่ได้ยินว่าสามีทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวอีกแล้ว พัฒนากรนิ่งเฉยไม่พูดอะไรตั้งใจดูทีวีเหมือนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
“อยากบอกนะว่าเธอเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ที่วันก่อนเธอหายไปทั้งวันเธอไปทำเรื่องการเดินทางมาใช่ไหม พีมเธอมันบ้าไปแล้ว ตาขาล”
แล้วก็เหมือนลูกน้อยจะรับรู้ความรู้สึกของคนเป็นแม่ ขันติร้องงอแงเสียงดังจนอังศุมาลินและพัฒนากรทำอะไรไม่ถูก
“อิ้งลูกเป็นอะไร”
“ไม่รู้สิ ตาขาลไม่เคยเป็นแบบนี้เลย โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะลูก แม่จะให้กินนมนะครับ”หญิงสาวนึกว่าลูกจะหิวนมแต่ไม่เลย เด็กน้อยไม่สนใจนมแม่
“แกปวดท้องรึเปล่า”
“พาไปหาหมอดีกว่าพีม ลูกไม่เคยร้องไห้เสียงดังเลยนะ โอ๋ ๆ”
เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่เด็กน้อยขันติร้องไห้ไม่หยุด ไม่ว่าใครปลอบยังไงแกก็ไม่มีท่าทางจะเงียบได้ คุณหมอก็บอกว่าร่างกายปกติดี
“แล้วลูกผมเป็นอะไรกันแน่ครับ”พัฒนากรถามอย่างร้อนรน ยิ่งเห็นลูกร้องเท่าไหร่คนเป็นพ่ออย่างเขาก็อยากจะร้องตาม แต่อย่าให้พูดถึงอังศุมาลินเลย ตอนนี้ร้องไห้หนักกว่าลูกอีก
“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็น ๆ นะครับ เอ่อ...ผมขอถามอะไรหน่อยนะครับ ก่อนที่น้องจะร้องพวกคุณทะเลาะกันรึเปล่า เพราะบางทีเด็กก็สามารถรับรู้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปลอดภัยได้ หมอขอตัวก่อนนะครับ”
คุณหมอเดินออกไปแล้วอังศุมาลินได้ยินทุกคำพูดของคุณหมอ หญิงสาวเดินไปหาลูกในห้องตรวจที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“ขาลหนูอย่าร้องเลยนะลูก พ่อเขาไปทำงานแป๊บเดี๋ยว หนูก็อยู่กับแม่ไงจ๊ะ หรือไม่เราก็ไปอยู่กับคุณยาย คุณทวดก็ได้ อย่าร้องอีกเลยนะลูกนะ ลูกรักของแม่”
ความเข้มแข็งที่ไม่รู้มาจากไหนส่งไปยังลูกน้อย ตอนนี้เด็กน้อยเงียบแล้ว ใช่ เธอต้องเข้มแข็ง จะปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอไม่ได้
ตลอดเวลาเธอมักจะลืมไปเสมอว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว หน้าที่ร้องไห้งอแงก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กไป และในเมื่อพัฒนากรเลือกแล้วที่จะไปทำงานในที่แสนไกล เธอก็ต้องอยู่ได้ เหมือนกับที่ผ่านมาหลายปีเธอยังอยู่ได้เลย
เมื่อถึงวันเดินทางอังศุมาลินกับลูกก็มาส่งพัฒนากรที่สนามบิน ผู้คนมากมายที่สวนกันไปมาไม่ได้ทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นเลย และหลายคนตรงนี้คงจะรู้สึกเหมือนกัน บางทีคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในประตูนั้นพร้อมสามีเธอ หลายคนคงจะต้องจากบ้านเกิดจากคนที่รักไปนานกว่าพัฒนากรก็ได้
แค่เดือนเดียว หญิงสาวพูดกับตัวเองในใจ พรุ่งนี้เธอจะกลับไปอยู่กลับที่บ้าน เมื่อวันก่อนพัฒนากรพาเธอไปเยี่ยมที่บ้านเขา แม่ของเขาชวนเธอไปอยู่ที่นั้น แต่หญิงสาวปฏิเสธเพราะเธออยากกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเองมากกว่า
“อุ๊ยขอโทษค่ะ”หญิงสาวเหม่อจนเดินไปชนกับคนที่ลากกระเป๋านำหน้า แต่แค่เห็นด้านหลังเธอกลับรู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน จนกระทั้งเขาคนนั้นหันมา
“อิ้ง”
“พี่ภีร์ เอ่อ...สวัสดีค่ะทุกคน”
ผู้ชายคนนั้นก็คือคัมภีร์ ส่วนคนที่อยู่รอบข้างเขาก็คือแม่ น้องชายทั้งสอง และน้องสาวบุญธรรมตัวน้อยวัยหกขวบ
“สวัสดีคะพี่อิ้ง”เด็กหญิงยิ้มน่ารักเดินมากอดอังศุมาลิน หญิงสาวย่อตัวลงไปหอมแก้มยุ้ยของเด็กหญิง
“สวัสดีค่ะน้องนิวไปเที่ยวมาเหรอคะ”
“ค่ะ พี่ภีร์พาไปเที่ยวเกาหลีมา น้องน่ารักจังเลยคะขอหนูอุ้มได้ไหมคะ”
“ไม่ได้หรอกคะ น้องยังเล็ก แล้วหนูก็ตัวนิดเดียว แต่พี่อิ้งให้น้องนิวหอมแก้มน้องได้นะคะ”ตอนที่อังศุมาลินเอ่ยห้ามเด็กหญิงถึงกับหน้าเสีย แต่พอได้ยินว่าหอมแก้มได้แกก็ดีใจใหญ่
“อิ้งมาทำอะไรที่นี่เหรอ”คัมภีร์ถาม
“อิ้งมาส่งแฟนนะค่ะ เขาไปดูงานที่ต่างประเทศ”
“ถ้าอย่างนั้นอิ้งก็ว่างนะสิ พอดีพวกเราจะไปหาของกินกัน ไปด้วยกันนะ”
“เอ่อ...”อังศุมาลินลากเสียงยาว “ด้วยความยินดีค่ะ”
หลังจากที่ไปทานข้าวกับครอบครัวของคัมภีร์แล้วอังศุมาลินก็เห็นว่าเวลายังเหลือมากพอที่จะกลับมาจังหวัดกาญจนบุรี เธอจึงเดินทางในวันนั้น
สามสี่วันแล้วที่หญิงสาวแอบนอนร้องไห้คิดถึงสามี เวลาคุยกันก็มีไม่มากเพราะด้วยเวลาที่ต่างกันและงานที่ยุ่งของพัฒนากร
วันนี้หญิงสาวพาลูกมาเดินเล่นที่ห้างในเมือง แน่นอนมุมที่เธอเลือกไปก็คือร้านหนังสือ วันนี้เป็นวันเสาร์ทำให้คนเยอะมากพอควร ทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดไม่น้อยแต่ก็พยายามสนใจแต่หนังสือเพียงอย่างเดียว
“คุณ ๆ คุณใช้คนในรูปนี้รึเปล่าคะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเรียกพร้อมส่งนิตยาสารเล่มหนึ่งให้ มันคือหนังสือซุบซิบดารา อังศุมาลินนึกขำขึ้นมาในใจเพราะเธอก็เคยลงหนังสือแบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าคนในรูปนั้นจะใช่เธอรึเปล่า
“นี่มันที่สนามบินนี่หนา”
คนในรูปนั้นใช่เธอจริง ๆ มันเป็นรูปที่เธอยืนอยู่กับครอบครัวของคัมภีร์ ในข่าวเขียนว่า ภีร์ซุกเมียซุกลูก บ้านี่มันเรื่องบ้า อังศุมาลินคิดในใจ
“รูปของคุณจริง ๆ ด้วย พวกเรามาดูเร็วนี่ไงคนนี้เมียกับลูกของภีร์ พระเอกที่กำลังเป็นข่าวอยู่”ผู้หญิงคนเดิมตะโกนลั่น
“นี่คุณจะตะโกนทำไมคะ ฉันไม่ใช่เมียพี่ภีร์นะ คุณหยุดฉันบอกให้หยุด”
กว่าผู้หญิงคนนั้นจะหยุดได้คนก็เดินมามุงกันเต็มแล้ว และแน่นอนทุกคนมาพร้อมอาวุธประจำตัวคือโทรศัพท์ที่เอามาถ่ายรูป
“หยุดถ่ายเถอะค่ะ ฉันไม่ใช่ดารานะคะ และฉันก็ไม่ใช่เมียพี่ภีร์ด้วย เราแค่รู้จักกันเฉย ๆ เท่านั้น ฉันขอตัวอยู่นะคะ”หญิงสาวเอามือปัดป้องพลางเอ่ยปากห้าม
อังศุมาลินเอามือโอบลูกไว้แล้วเดินฝ่าฝูงคนออกมา พอเดินมาถึงรถเท่านั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“คุณปู หรือว่าจะเป็นเรื่องข่าว”เธอกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป “สวัสดีค่ะคุณปู”
[[เห็นข่าวรึยัง รู้ไหมคนที่นี่ตามสืบกันใหญ่ว่าเธอเป็นใคร ไอ้หนังสือเล่มนั้นขายดีไปเลยรู้ไหม แหมมีลูกแล้วยังฮอตอีกนะเรา]]
“คุณปู อิ้งไม่ขำด้วยนะคะ”
หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวจะแตก ถ้าพัฒนากรกลับมารู้ข่าวนี้เขาจะคิดอย่างไง เขาจะโกรธเธอไหม
[[ตอนนี้เธออยู่ไหนล่ะ]]
“อยู่ที่เมืองกาญจน์ค่ะกลับมาเยี่ยมแม่”
[[กลับมาที่นี่ได้ไหม พี่จะจัดงานเปิดหนังสือ คราวนี้นักข่าวมาตรึมแน่]]
“ไม่ดีมั่งคะ อิ้งไม่เอาด้วยหรอก อิ้งจะเอาชื่อเสียงพี่ภีร์มาใช่ได้ยังไง แล้วเราก็คุยกันแล้วว่าหนังสือจะไม่มีงานเปิดตัวจนกว่าอิ้งจะผอม”
[[แต่นี่มันหลายเดือนแล้วนะ อิ้งไม่สงสารพี่เหรอ ยอดขายพี่หายไปตั้งเยอะ นะเห็นแกพี่เถอะนะ]] เสียงปลายสายอ้อนวอน อังศุมาลินยิ่งหนักใจ เธอยังไม่อยากเอาสาระร่างอ้วน ๆ นี่ไปอวดใคร
“แต่...”
[[ไม่มีแต่จ๊ะ พี่โทรไปขอภีร์แล้ว เขาบอกว่ายินดี ถือเป็นการแก้ข่าวให้เขาด้วย พรุ่งนี้เธอต้องมานะ...ตู๊ด ๆ ๆ]]
“นี่มันบังคับกันชัด ๆ ลูกจ๋าแม่จะทำยังไงดี แหน่ะหัวเราะอีก”
พอไม่มีใครให้โวยก็เอาไปลงกลับลูกจนได้ เด็กชายตัวน้อยดูเหมือนจะอารมณ์หัวเราะร่วนเชียว อังศุมาลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ที่งานเปิดตัวหนังสือวันนี้มีนักข่าวมาเยอะพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับเหล่าสาวกของอังศุมาลินแล้วกลุ่มนักข่าวก็แลดูน้อยลงไปเลย
“แฟนคลับมาเยอะจังค่ะน้องอิ้ง”นิตยาแอบหลบงานมาคุยด้วย
“ก็เพราะน้องอิ้งหายหน้าไปนานนะสิ วันนี้แฟนคลับก็เลยมาเพราะความคิดถึง”และแน่นอนคู่หูอย่างจันทิมาก็ต้องมาด้วย
“เธอมาทำไมยะ ไม่ทำงานรึไง”นิตยาหันมาว่า สายตาแอบไปเห็นหนังสือของอังศุมาลินอยู่ในมือ “แอบมาขอลายเซ็นนะสิ”
“เธอก็ด้วยใช่ไหมล่ะ ฉันเห็นนะยะหนังสือข้างหลังเธอนะ แถมยังมีตั้งหลายเล่มด้วย จะเอาไปขายล่ะสิ”
“พวกพี่อย่าเถียงกันเลยนะคะ พวกพี่มาก็ดีแล้วค่ะช่วยดูลูกอิ้งให้หน่อยนะ อิ้งต้องขึ้นเวทีแล้ว”อังศุมาลินยิ้มหวานพร้อมส่งลูกให้จันทิมา
แค่เพียงก้าวแรกที่ขึ้นเวทีเท่านั้นแสงแฟลชจากกล้องนับไม่ถ้วนก็แข่งกันส่งแสงแสบตา นี่เป็นครั้งแรกที่อังศุมาลินเห็นนักข่าวมากขนาดนี้ในงานตัวเอง
“อินฟินิก หรือ น้องอิ้งของพวกเรามาแล้วขอเสียงหน่อยค่ะ วู้ๆ”
วันนี้มีอะไรที่เปลี่ยนไปอีกหนึ่งสิ่ง นั้นคือพิมาน เธอแต่งสาวเต็มตัว อังศุมาลินเพิ่งรู้วันนี้เองว่าภาพที่เห็นอาจจะไม่ใช่ความจริงเสมอไป พี่ชายที่ดูแล้วอบอุ่นคนนี้ก็เช่นกัน
“สวัสดีค่ะพี่ตี้ สวัสดีค่ะทุกคน สวัสดีพี่ ๆ นักข่าวทุกท่านด้วยนะคะ อิ้งมีความยินดีมากที่ทุกท่านเสียสละเวลามางานเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่ของอิ้งวันนี้”อังศุมาลินพูดจบก็ส่งสัญญาณให้พิธีกรพูดต่อ
“น้องอิ้งช่วยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือหน่อยสิคะ”
“นิยายเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับสถาบันครอบครัวค่ะ ว้าย!”
ในระหว่างที่จะเริ่มเล่า ก็มีไข่ไก่รอยขึ้นมาบนเวที
“ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอ ปล่อยฉัน ๆ”
มันเป็นฝีมือของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่หน้าเวที แฟนคลับของอังสุมาลินที่อยู่ใกล้ ๆ ช่วยกันลากเธอออกไปในทันที ก่อนที่คนดูแลจะเดินเข้ามาถึงเสียอีก
นักข่าวที่ก็พากันถ่ายรูปอย่างมันมือ พิมานหันมาเห็นอังศุมาลินสีหน้าไม่ดีก็รีบเดินเข้ามาปลอบใจ
“ลืมมันไปซะอิ้ง พี่ยังอยู่ตรงนี้ แฟนคลับเธอก็อยู่ตรงนี้เธอไม่ต้องกลัว ขึ้นมาทำความสะอาดสิยะ”แล้วพิมานหันไปบอกคนที่ดูแลเวที หลังจากทำความสะอาดเสร็จ เธอก็ยิ้มหันมาที่หน้าเวทีต่อ
“เรื่องราวก็สงบแล้วเนอะ น้องอิ้งช่วยเล่าต่อดีกว่าค่ะ เชิญค่ะเชิญ”พิธีกรรีบแสดงสปิริตดำเนินงานต่อ อังศุมาลินเองก็ได้รับพลังนั้นมาด้วย
“ค่ะ เป็นเรื่องราว...”อังศุมาลินเล่าเรื่องคร่าว ๆ เกี่ยวกับนิยาย แม้จะแอบตกใจอยู่ไม่น้อยแต่พอเธอเห็นคนจำนวนที่มากกว่ากำลังจ้องมองเธอด้วยความยินดีเธอก็เลยคลายความกังวนกับเรื่องที่เกิดขึ้น และแจกรอยยิ้มให้กับทุกคนได้ต่อ
หลังจากที่เล่าเรื่องหนังสือจบ ก็มีการแจกหนังสือกับผู้โชคดีอีกนิดหน่อย ก่อนจะถึงเวลากล่าวปิดงาน
“สุดท้ายแล้วนะคะสำหรับวันนี้ ขอเชิญท่านใดที่เตรียมของขวัญให้น้องอิ้ง ก็ขอเชิญเลยค่ะ”
สิ้นเสียงพิธีกร นันธิตาก็เอาดอกไม้ช่อสวยมามอบให้อังศุมาลินเป็นคนแรก และต่อมาก็จะเป็นแฟนคลับที่มีทั้งดอกไม้ช่อเล็ก ๆ และตุ๊กตาเดินเรียงหน้ากระดานมาส่งให้เจ้าของงาน
แต่เจ้าของดอกไม้ช่อโตคนนี้สิที่ได้รับเสียงฮือฮาดังมาแต่ไกล บรรดานักข่าวที่เฝ้ารอเวลาก็รีบทำงานกันมือเป็นระวิง
“ยินดีด้วยนะครับ”
“พี่ภีร์มาได้ยังไงคะ เอ่อ...ขอบคุณมากนะคะ”หญิงสาวกล่าวขอบคุณและรับดอกไม้ เธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขามาที่นี่ แต่พอหันไปมองเจ้านายคนเก่งก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นฝีมือใคร
“ช่วยให้สัมภาษณ์คู่ด้วยได้ไหมครับ”นักข่าวคนหนึ่งถามนำ ตามด้วยเสียงอีกมากมายที่ถามคำถามทำนองเดียวกัน
“ได้ครับเชิญเลย”คัมภีร์พูดจบก็ดึงอังศุมาลินให้ลงจากเวที เป็นจังหวะเดียวกับที่จันทิมาอุ้มขันติที่ร้องไห้โยเยมาหาอังศุมาลิน
หญิงสาวหันมาอีกทีก็จ๊ะเอ๋กับไมโครโฟนที่แทบจะกระแทกหน้าเธอแล้ว
“ลูกของพวกคุณหน้าเหมือนพ่อมากเลยนะคะ”นักข่าวสาววัยสามสิบถามขึ้น
อังศุมาลินที่ปลอบลูกอยู่แทบจะหลุดขำ ลูกฉันออกจะตาโตได้แม่ ปากสวยได้พ่อ มันจะไปเหมือนตาคนข้าง ๆ ได้ยังไงกันยะ
“จริงเหรอเนี่ย คงเป็นเพราะตอนที่เธอท้องเราอยู่ด้วยกันบ่อยล่ะมั่งครับ จริงไหมครับอิ้ง”คัมภีร์พูดแหย่เล่น
“พี่ภีร์อย่าพูดอะไรสองแง่สองง่ามสิคะ”อังศุมาลินอดไม่ได้ที่จะพูดเอ็ด ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้อยากโดนสัมภาษณ์ด้วยเรื่องอะไรแบบนี้แท้ ๆ แต่เขาดันโผล่มางานนี้ได้
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงคะช่วยเล่าด้วยค่ะ ไปเจอกันที่ไหน และรักกันได้ยังไง”นักข่าวสาวประเภทสองถามบ้าง อังศุมาลินเคยเห็นเธอแต่ในทีวีมานานหลายปี บ่อยครั้งที่เห็นเธอคนนี้เคยสัมภาษณ์คัมภีร์ด้วยท่าทางสนิทสนม เธอน่าจะรู้จักคัมภีร์เป็นการส่วนตัวไม่ใช่เหรอ อังสุมาลินถามตัวเอง
“คือน้องเขาชอบผมมานานแล้วครับ เธอเคยเจอผมเมื่อหลายปีก่อน แต่ที่เรารู้จักกันได้เพราะเธอไปเขียนบทที่กองถ่าย ช่วงนั้นเราค่อนข้างสนิทกันมากแต่เสียดายอยู่เรื่องหนึ่ง”คัมภีร์ให้สัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนประโยคสุดท้ายเขาทำเสียงเศร้า
“อะไรคะ”พี่นักข่าวสาวประเภทสองคนเดิมถาม
“เธอมีสามีแล้วกำลังตั้งท้องเด็กคนนี้อยู่นะสิครับ น่าเสียดายไหมล่ะ”ดาราหนุ่มทำท่าทางขี้เล่น
นักข่าวต่างมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ กระซิบกระซาบกันให้วุ่น
“แสดงว่าคุณอิ้งไม่ใช่ภรรยาเก็บพี่ภีร์ใช่ไหมคะ”พี่นักข่าวสาวประเภทสองถามอีกครั้ง อังสุมาลินแน่ใจแล้วว่าคัมภีร์อาจจะนัดแนะเจ้คนนี้มา
“เรานับถือกันเป็นพี่ชายน้องสาวครับ ผมฝากถึงแฟนคลับทุกคนด้วยนะครับ ตอนนี้ผมยังไม่ได้มีภรรยาเก็บ หรือซุกลูกทั้งนั้นนะครับ ทุกคนสบายใจได้”
เรื่องราวทุกอย่างก็จบลงไปด้วยดี แฟนคลับอังศุมาลินจำนวนหนึ่งเข้ามาต่อว่าเรื่องที่เธอแต่งงานแล้วไม่บอกพวกเขา แต่ทุกคนก็ให้อภัยเพราะขันตินั้นน่ารักมาก
มีแฟนคลับเธอสองคนเดินมาขอตั้งแฟนเพจให้ แม้อังสุมาลินจะบอกว่าเกรงใจแต่พวกเขาก็ไม่ยอม ขอแค่ให้อังศุมาลินช่วยถ่ายรูปขันติส่งให้พวกเขาทุกวันก็พอ หรือถ้าพาน้องไปที่ไหนก็ขอให้บอก
“เป็นไงบ้างครับ”คัมภีร์ตั้งใจมาทักทายหญิงสาวก่อนจะกลับ
“พี่ภีร์เป็นเซอร์ไพรส์ที่เจ๋งที่สุดในชีวิตของอิ้งเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”หญิงสาวขอบคุณจากใจจริง
“ขนาดนั้นเชียว แต่พี่ก็ต้องขอโทษเรื่องที่อิ้งโดนปาไข่ด้วยนะ”
“พี่ภีร์เป็นคนปาเองรึคะ ไม่ใช่ใช่ไหมล่ะ อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาขอโทษหรอกคะ”
“แล้วแฟนอิ้งกลับมารึยังเขาว่ายังบ้าง”ชายหนุ่มนึกห่วงความสัมพันธ์ของคนที่เป็นข่าวด้วย
“เขายังไม่กลับ ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้ข่าวไหม พอดีเรายังไม่ได้คุยกันน่ะคะ”พูดถึงตอนนี้อังศุมาลินก็เก็บความเศร้าไว้ไม่อยู่
“อิ้งก็อยู่คนเดียวนะสิ”
“เปล่าสักหน่อย อิ้งอยู่กับลูกต่างห่าง ใช่ไหมตาขาล ใช่ครับคุณลุง”อังศุมาลินรู้ตัวว่าปล่อยความเศร้าออกไป เลยพยายามทำท่าร่าเริง และดัดเสียงเป็นเด็ก เล่นเอาคัมภีร์อดที่จะขำไม่ได้ “พี่ภีร์จะกลับแล้วใช่ไหมคะ”
“อืม แล้วอิ้งล่ะกลับยังไง”
“อิ้งเอารถมาน่ะคะ โชคดีนะค่ะไว้พบกันใหม่ บ๊ายบาย”หญิงสาวบอกลาพลางจับมือลูกน้อยโบกไปมา
คัมภีร์เดินหันหลังกลับไปได้สองก้าวก่อนจะเดินมาหาอังศุมาลินอีกครั้ง
“พี่ภีร์มีอะไรหรือคะ”
“ถ้าวันไหนที่เขาไม่สนใจอิ้ง อิ้งก็อย่าลืมพี่นะ พี่จะรอ”เขาพูดพร้อมยิ้มบาง ไม่รู้ว่ามันคือบทพูดของพระเอกละครที่เขาซ้อมให้เธอฟังหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงไปเหมือนกัน
ในเวลานั้นคนที่แอบมองจากที่ไม่ไกลนักก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่อก...มีคนที่คอยปกป้องเธอเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วสินะ
เวลาที่แห่งความสุขนั้นมักจะมีเรื่องราวแห่งความทุกข์มากลั้นกลางเสมอ อย่างเช่นครั้งนี้ก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะทำแบบนี้
“อะไรนะ เธอจะไปดูงานที่อังกฤษเดือนหนึ่ง นี่เธอจะบ้าเหรอ แล้วเรากับลูกจะอยู่ยังไง เธอไปตอบปฏิเสธเขาเลยนะ”
อังศุมาลินโมโหมากที่ได้ยินว่าสามีทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวอีกแล้ว พัฒนากรนิ่งเฉยไม่พูดอะไรตั้งใจดูทีวีเหมือนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
“อยากบอกนะว่าเธอเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ที่วันก่อนเธอหายไปทั้งวันเธอไปทำเรื่องการเดินทางมาใช่ไหม พีมเธอมันบ้าไปแล้ว ตาขาล”
แล้วก็เหมือนลูกน้อยจะรับรู้ความรู้สึกของคนเป็นแม่ ขันติร้องงอแงเสียงดังจนอังศุมาลินและพัฒนากรทำอะไรไม่ถูก
“อิ้งลูกเป็นอะไร”
“ไม่รู้สิ ตาขาลไม่เคยเป็นแบบนี้เลย โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะลูก แม่จะให้กินนมนะครับ”หญิงสาวนึกว่าลูกจะหิวนมแต่ไม่เลย เด็กน้อยไม่สนใจนมแม่
“แกปวดท้องรึเปล่า”
“พาไปหาหมอดีกว่าพีม ลูกไม่เคยร้องไห้เสียงดังเลยนะ โอ๋ ๆ”
เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่เด็กน้อยขันติร้องไห้ไม่หยุด ไม่ว่าใครปลอบยังไงแกก็ไม่มีท่าทางจะเงียบได้ คุณหมอก็บอกว่าร่างกายปกติดี
“แล้วลูกผมเป็นอะไรกันแน่ครับ”พัฒนากรถามอย่างร้อนรน ยิ่งเห็นลูกร้องเท่าไหร่คนเป็นพ่ออย่างเขาก็อยากจะร้องตาม แต่อย่าให้พูดถึงอังศุมาลินเลย ตอนนี้ร้องไห้หนักกว่าลูกอีก
“คุณพ่อคุณแม่ใจเย็น ๆ นะครับ เอ่อ...ผมขอถามอะไรหน่อยนะครับ ก่อนที่น้องจะร้องพวกคุณทะเลาะกันรึเปล่า เพราะบางทีเด็กก็สามารถรับรู้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปลอดภัยได้ หมอขอตัวก่อนนะครับ”
คุณหมอเดินออกไปแล้วอังศุมาลินได้ยินทุกคำพูดของคุณหมอ หญิงสาวเดินไปหาลูกในห้องตรวจที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“ขาลหนูอย่าร้องเลยนะลูก พ่อเขาไปทำงานแป๊บเดี๋ยว หนูก็อยู่กับแม่ไงจ๊ะ หรือไม่เราก็ไปอยู่กับคุณยาย คุณทวดก็ได้ อย่าร้องอีกเลยนะลูกนะ ลูกรักของแม่”
ความเข้มแข็งที่ไม่รู้มาจากไหนส่งไปยังลูกน้อย ตอนนี้เด็กน้อยเงียบแล้ว ใช่ เธอต้องเข้มแข็ง จะปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอไม่ได้
ตลอดเวลาเธอมักจะลืมไปเสมอว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว หน้าที่ร้องไห้งอแงก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กไป และในเมื่อพัฒนากรเลือกแล้วที่จะไปทำงานในที่แสนไกล เธอก็ต้องอยู่ได้ เหมือนกับที่ผ่านมาหลายปีเธอยังอยู่ได้เลย
เมื่อถึงวันเดินทางอังศุมาลินกับลูกก็มาส่งพัฒนากรที่สนามบิน ผู้คนมากมายที่สวนกันไปมาไม่ได้ทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นเลย และหลายคนตรงนี้คงจะรู้สึกเหมือนกัน บางทีคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในประตูนั้นพร้อมสามีเธอ หลายคนคงจะต้องจากบ้านเกิดจากคนที่รักไปนานกว่าพัฒนากรก็ได้
แค่เดือนเดียว หญิงสาวพูดกับตัวเองในใจ พรุ่งนี้เธอจะกลับไปอยู่กลับที่บ้าน เมื่อวันก่อนพัฒนากรพาเธอไปเยี่ยมที่บ้านเขา แม่ของเขาชวนเธอไปอยู่ที่นั้น แต่หญิงสาวปฏิเสธเพราะเธออยากกลับไปอยู่ที่บ้านตัวเองมากกว่า
“อุ๊ยขอโทษค่ะ”หญิงสาวเหม่อจนเดินไปชนกับคนที่ลากกระเป๋านำหน้า แต่แค่เห็นด้านหลังเธอกลับรู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน จนกระทั้งเขาคนนั้นหันมา
“อิ้ง”
“พี่ภีร์ เอ่อ...สวัสดีค่ะทุกคน”
ผู้ชายคนนั้นก็คือคัมภีร์ ส่วนคนที่อยู่รอบข้างเขาก็คือแม่ น้องชายทั้งสอง และน้องสาวบุญธรรมตัวน้อยวัยหกขวบ
“สวัสดีคะพี่อิ้ง”เด็กหญิงยิ้มน่ารักเดินมากอดอังศุมาลิน หญิงสาวย่อตัวลงไปหอมแก้มยุ้ยของเด็กหญิง
“สวัสดีค่ะน้องนิวไปเที่ยวมาเหรอคะ”
“ค่ะ พี่ภีร์พาไปเที่ยวเกาหลีมา น้องน่ารักจังเลยคะขอหนูอุ้มได้ไหมคะ”
“ไม่ได้หรอกคะ น้องยังเล็ก แล้วหนูก็ตัวนิดเดียว แต่พี่อิ้งให้น้องนิวหอมแก้มน้องได้นะคะ”ตอนที่อังศุมาลินเอ่ยห้ามเด็กหญิงถึงกับหน้าเสีย แต่พอได้ยินว่าหอมแก้มได้แกก็ดีใจใหญ่
“อิ้งมาทำอะไรที่นี่เหรอ”คัมภีร์ถาม
“อิ้งมาส่งแฟนนะค่ะ เขาไปดูงานที่ต่างประเทศ”
“ถ้าอย่างนั้นอิ้งก็ว่างนะสิ พอดีพวกเราจะไปหาของกินกัน ไปด้วยกันนะ”
“เอ่อ...”อังศุมาลินลากเสียงยาว “ด้วยความยินดีค่ะ”
หลังจากที่ไปทานข้าวกับครอบครัวของคัมภีร์แล้วอังศุมาลินก็เห็นว่าเวลายังเหลือมากพอที่จะกลับมาจังหวัดกาญจนบุรี เธอจึงเดินทางในวันนั้น
สามสี่วันแล้วที่หญิงสาวแอบนอนร้องไห้คิดถึงสามี เวลาคุยกันก็มีไม่มากเพราะด้วยเวลาที่ต่างกันและงานที่ยุ่งของพัฒนากร
วันนี้หญิงสาวพาลูกมาเดินเล่นที่ห้างในเมือง แน่นอนมุมที่เธอเลือกไปก็คือร้านหนังสือ วันนี้เป็นวันเสาร์ทำให้คนเยอะมากพอควร ทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดไม่น้อยแต่ก็พยายามสนใจแต่หนังสือเพียงอย่างเดียว
“คุณ ๆ คุณใช้คนในรูปนี้รึเปล่าคะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเรียกพร้อมส่งนิตยาสารเล่มหนึ่งให้ มันคือหนังสือซุบซิบดารา อังศุมาลินนึกขำขึ้นมาในใจเพราะเธอก็เคยลงหนังสือแบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าคนในรูปนั้นจะใช่เธอรึเปล่า
“นี่มันที่สนามบินนี่หนา”
คนในรูปนั้นใช่เธอจริง ๆ มันเป็นรูปที่เธอยืนอยู่กับครอบครัวของคัมภีร์ ในข่าวเขียนว่า ภีร์ซุกเมียซุกลูก บ้านี่มันเรื่องบ้า อังศุมาลินคิดในใจ
“รูปของคุณจริง ๆ ด้วย พวกเรามาดูเร็วนี่ไงคนนี้เมียกับลูกของภีร์ พระเอกที่กำลังเป็นข่าวอยู่”ผู้หญิงคนเดิมตะโกนลั่น
“นี่คุณจะตะโกนทำไมคะ ฉันไม่ใช่เมียพี่ภีร์นะ คุณหยุดฉันบอกให้หยุด”
กว่าผู้หญิงคนนั้นจะหยุดได้คนก็เดินมามุงกันเต็มแล้ว และแน่นอนทุกคนมาพร้อมอาวุธประจำตัวคือโทรศัพท์ที่เอามาถ่ายรูป
“หยุดถ่ายเถอะค่ะ ฉันไม่ใช่ดารานะคะ และฉันก็ไม่ใช่เมียพี่ภีร์ด้วย เราแค่รู้จักกันเฉย ๆ เท่านั้น ฉันขอตัวอยู่นะคะ”หญิงสาวเอามือปัดป้องพลางเอ่ยปากห้าม
อังศุมาลินเอามือโอบลูกไว้แล้วเดินฝ่าฝูงคนออกมา พอเดินมาถึงรถเท่านั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“คุณปู หรือว่าจะเป็นเรื่องข่าว”เธอกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป “สวัสดีค่ะคุณปู”
[[เห็นข่าวรึยัง รู้ไหมคนที่นี่ตามสืบกันใหญ่ว่าเธอเป็นใคร ไอ้หนังสือเล่มนั้นขายดีไปเลยรู้ไหม แหมมีลูกแล้วยังฮอตอีกนะเรา]]
“คุณปู อิ้งไม่ขำด้วยนะคะ”
หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวจะแตก ถ้าพัฒนากรกลับมารู้ข่าวนี้เขาจะคิดอย่างไง เขาจะโกรธเธอไหม
[[ตอนนี้เธออยู่ไหนล่ะ]]
“อยู่ที่เมืองกาญจน์ค่ะกลับมาเยี่ยมแม่”
[[กลับมาที่นี่ได้ไหม พี่จะจัดงานเปิดหนังสือ คราวนี้นักข่าวมาตรึมแน่]]
“ไม่ดีมั่งคะ อิ้งไม่เอาด้วยหรอก อิ้งจะเอาชื่อเสียงพี่ภีร์มาใช่ได้ยังไง แล้วเราก็คุยกันแล้วว่าหนังสือจะไม่มีงานเปิดตัวจนกว่าอิ้งจะผอม”
[[แต่นี่มันหลายเดือนแล้วนะ อิ้งไม่สงสารพี่เหรอ ยอดขายพี่หายไปตั้งเยอะ นะเห็นแกพี่เถอะนะ]] เสียงปลายสายอ้อนวอน อังศุมาลินยิ่งหนักใจ เธอยังไม่อยากเอาสาระร่างอ้วน ๆ นี่ไปอวดใคร
“แต่...”
[[ไม่มีแต่จ๊ะ พี่โทรไปขอภีร์แล้ว เขาบอกว่ายินดี ถือเป็นการแก้ข่าวให้เขาด้วย พรุ่งนี้เธอต้องมานะ...ตู๊ด ๆ ๆ]]
“นี่มันบังคับกันชัด ๆ ลูกจ๋าแม่จะทำยังไงดี แหน่ะหัวเราะอีก”
พอไม่มีใครให้โวยก็เอาไปลงกลับลูกจนได้ เด็กชายตัวน้อยดูเหมือนจะอารมณ์หัวเราะร่วนเชียว อังศุมาลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ที่งานเปิดตัวหนังสือวันนี้มีนักข่าวมาเยอะพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับเหล่าสาวกของอังศุมาลินแล้วกลุ่มนักข่าวก็แลดูน้อยลงไปเลย
“แฟนคลับมาเยอะจังค่ะน้องอิ้ง”นิตยาแอบหลบงานมาคุยด้วย
“ก็เพราะน้องอิ้งหายหน้าไปนานนะสิ วันนี้แฟนคลับก็เลยมาเพราะความคิดถึง”และแน่นอนคู่หูอย่างจันทิมาก็ต้องมาด้วย
“เธอมาทำไมยะ ไม่ทำงานรึไง”นิตยาหันมาว่า สายตาแอบไปเห็นหนังสือของอังศุมาลินอยู่ในมือ “แอบมาขอลายเซ็นนะสิ”
“เธอก็ด้วยใช่ไหมล่ะ ฉันเห็นนะยะหนังสือข้างหลังเธอนะ แถมยังมีตั้งหลายเล่มด้วย จะเอาไปขายล่ะสิ”
“พวกพี่อย่าเถียงกันเลยนะคะ พวกพี่มาก็ดีแล้วค่ะช่วยดูลูกอิ้งให้หน่อยนะ อิ้งต้องขึ้นเวทีแล้ว”อังศุมาลินยิ้มหวานพร้อมส่งลูกให้จันทิมา
แค่เพียงก้าวแรกที่ขึ้นเวทีเท่านั้นแสงแฟลชจากกล้องนับไม่ถ้วนก็แข่งกันส่งแสงแสบตา นี่เป็นครั้งแรกที่อังศุมาลินเห็นนักข่าวมากขนาดนี้ในงานตัวเอง
“อินฟินิก หรือ น้องอิ้งของพวกเรามาแล้วขอเสียงหน่อยค่ะ วู้ๆ”
วันนี้มีอะไรที่เปลี่ยนไปอีกหนึ่งสิ่ง นั้นคือพิมาน เธอแต่งสาวเต็มตัว อังศุมาลินเพิ่งรู้วันนี้เองว่าภาพที่เห็นอาจจะไม่ใช่ความจริงเสมอไป พี่ชายที่ดูแล้วอบอุ่นคนนี้ก็เช่นกัน
“สวัสดีค่ะพี่ตี้ สวัสดีค่ะทุกคน สวัสดีพี่ ๆ นักข่าวทุกท่านด้วยนะคะ อิ้งมีความยินดีมากที่ทุกท่านเสียสละเวลามางานเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่ของอิ้งวันนี้”อังศุมาลินพูดจบก็ส่งสัญญาณให้พิธีกรพูดต่อ
“น้องอิ้งช่วยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือหน่อยสิคะ”
“นิยายเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับสถาบันครอบครัวค่ะ ว้าย!”
ในระหว่างที่จะเริ่มเล่า ก็มีไข่ไก่รอยขึ้นมาบนเวที
“ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอ ปล่อยฉัน ๆ”
มันเป็นฝีมือของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่หน้าเวที แฟนคลับของอังสุมาลินที่อยู่ใกล้ ๆ ช่วยกันลากเธอออกไปในทันที ก่อนที่คนดูแลจะเดินเข้ามาถึงเสียอีก
นักข่าวที่ก็พากันถ่ายรูปอย่างมันมือ พิมานหันมาเห็นอังศุมาลินสีหน้าไม่ดีก็รีบเดินเข้ามาปลอบใจ
“ลืมมันไปซะอิ้ง พี่ยังอยู่ตรงนี้ แฟนคลับเธอก็อยู่ตรงนี้เธอไม่ต้องกลัว ขึ้นมาทำความสะอาดสิยะ”แล้วพิมานหันไปบอกคนที่ดูแลเวที หลังจากทำความสะอาดเสร็จ เธอก็ยิ้มหันมาที่หน้าเวทีต่อ
“เรื่องราวก็สงบแล้วเนอะ น้องอิ้งช่วยเล่าต่อดีกว่าค่ะ เชิญค่ะเชิญ”พิธีกรรีบแสดงสปิริตดำเนินงานต่อ อังศุมาลินเองก็ได้รับพลังนั้นมาด้วย
“ค่ะ เป็นเรื่องราว...”อังศุมาลินเล่าเรื่องคร่าว ๆ เกี่ยวกับนิยาย แม้จะแอบตกใจอยู่ไม่น้อยแต่พอเธอเห็นคนจำนวนที่มากกว่ากำลังจ้องมองเธอด้วยความยินดีเธอก็เลยคลายความกังวนกับเรื่องที่เกิดขึ้น และแจกรอยยิ้มให้กับทุกคนได้ต่อ
หลังจากที่เล่าเรื่องหนังสือจบ ก็มีการแจกหนังสือกับผู้โชคดีอีกนิดหน่อย ก่อนจะถึงเวลากล่าวปิดงาน
“สุดท้ายแล้วนะคะสำหรับวันนี้ ขอเชิญท่านใดที่เตรียมของขวัญให้น้องอิ้ง ก็ขอเชิญเลยค่ะ”
สิ้นเสียงพิธีกร นันธิตาก็เอาดอกไม้ช่อสวยมามอบให้อังศุมาลินเป็นคนแรก และต่อมาก็จะเป็นแฟนคลับที่มีทั้งดอกไม้ช่อเล็ก ๆ และตุ๊กตาเดินเรียงหน้ากระดานมาส่งให้เจ้าของงาน
แต่เจ้าของดอกไม้ช่อโตคนนี้สิที่ได้รับเสียงฮือฮาดังมาแต่ไกล บรรดานักข่าวที่เฝ้ารอเวลาก็รีบทำงานกันมือเป็นระวิง
“ยินดีด้วยนะครับ”
“พี่ภีร์มาได้ยังไงคะ เอ่อ...ขอบคุณมากนะคะ”หญิงสาวกล่าวขอบคุณและรับดอกไม้ เธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขามาที่นี่ แต่พอหันไปมองเจ้านายคนเก่งก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นฝีมือใคร
“ช่วยให้สัมภาษณ์คู่ด้วยได้ไหมครับ”นักข่าวคนหนึ่งถามนำ ตามด้วยเสียงอีกมากมายที่ถามคำถามทำนองเดียวกัน
“ได้ครับเชิญเลย”คัมภีร์พูดจบก็ดึงอังศุมาลินให้ลงจากเวที เป็นจังหวะเดียวกับที่จันทิมาอุ้มขันติที่ร้องไห้โยเยมาหาอังศุมาลิน
หญิงสาวหันมาอีกทีก็จ๊ะเอ๋กับไมโครโฟนที่แทบจะกระแทกหน้าเธอแล้ว
“ลูกของพวกคุณหน้าเหมือนพ่อมากเลยนะคะ”นักข่าวสาววัยสามสิบถามขึ้น
อังศุมาลินที่ปลอบลูกอยู่แทบจะหลุดขำ ลูกฉันออกจะตาโตได้แม่ ปากสวยได้พ่อ มันจะไปเหมือนตาคนข้าง ๆ ได้ยังไงกันยะ
“จริงเหรอเนี่ย คงเป็นเพราะตอนที่เธอท้องเราอยู่ด้วยกันบ่อยล่ะมั่งครับ จริงไหมครับอิ้ง”คัมภีร์พูดแหย่เล่น
“พี่ภีร์อย่าพูดอะไรสองแง่สองง่ามสิคะ”อังศุมาลินอดไม่ได้ที่จะพูดเอ็ด ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้อยากโดนสัมภาษณ์ด้วยเรื่องอะไรแบบนี้แท้ ๆ แต่เขาดันโผล่มางานนี้ได้
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงคะช่วยเล่าด้วยค่ะ ไปเจอกันที่ไหน และรักกันได้ยังไง”นักข่าวสาวประเภทสองถามบ้าง อังศุมาลินเคยเห็นเธอแต่ในทีวีมานานหลายปี บ่อยครั้งที่เห็นเธอคนนี้เคยสัมภาษณ์คัมภีร์ด้วยท่าทางสนิทสนม เธอน่าจะรู้จักคัมภีร์เป็นการส่วนตัวไม่ใช่เหรอ อังสุมาลินถามตัวเอง
“คือน้องเขาชอบผมมานานแล้วครับ เธอเคยเจอผมเมื่อหลายปีก่อน แต่ที่เรารู้จักกันได้เพราะเธอไปเขียนบทที่กองถ่าย ช่วงนั้นเราค่อนข้างสนิทกันมากแต่เสียดายอยู่เรื่องหนึ่ง”คัมภีร์ให้สัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนประโยคสุดท้ายเขาทำเสียงเศร้า
“อะไรคะ”พี่นักข่าวสาวประเภทสองคนเดิมถาม
“เธอมีสามีแล้วกำลังตั้งท้องเด็กคนนี้อยู่นะสิครับ น่าเสียดายไหมล่ะ”ดาราหนุ่มทำท่าทางขี้เล่น
นักข่าวต่างมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ กระซิบกระซาบกันให้วุ่น
“แสดงว่าคุณอิ้งไม่ใช่ภรรยาเก็บพี่ภีร์ใช่ไหมคะ”พี่นักข่าวสาวประเภทสองถามอีกครั้ง อังสุมาลินแน่ใจแล้วว่าคัมภีร์อาจจะนัดแนะเจ้คนนี้มา
“เรานับถือกันเป็นพี่ชายน้องสาวครับ ผมฝากถึงแฟนคลับทุกคนด้วยนะครับ ตอนนี้ผมยังไม่ได้มีภรรยาเก็บ หรือซุกลูกทั้งนั้นนะครับ ทุกคนสบายใจได้”
เรื่องราวทุกอย่างก็จบลงไปด้วยดี แฟนคลับอังศุมาลินจำนวนหนึ่งเข้ามาต่อว่าเรื่องที่เธอแต่งงานแล้วไม่บอกพวกเขา แต่ทุกคนก็ให้อภัยเพราะขันตินั้นน่ารักมาก
มีแฟนคลับเธอสองคนเดินมาขอตั้งแฟนเพจให้ แม้อังสุมาลินจะบอกว่าเกรงใจแต่พวกเขาก็ไม่ยอม ขอแค่ให้อังศุมาลินช่วยถ่ายรูปขันติส่งให้พวกเขาทุกวันก็พอ หรือถ้าพาน้องไปที่ไหนก็ขอให้บอก
“เป็นไงบ้างครับ”คัมภีร์ตั้งใจมาทักทายหญิงสาวก่อนจะกลับ
“พี่ภีร์เป็นเซอร์ไพรส์ที่เจ๋งที่สุดในชีวิตของอิ้งเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”หญิงสาวขอบคุณจากใจจริง
“ขนาดนั้นเชียว แต่พี่ก็ต้องขอโทษเรื่องที่อิ้งโดนปาไข่ด้วยนะ”
“พี่ภีร์เป็นคนปาเองรึคะ ไม่ใช่ใช่ไหมล่ะ อย่างนั้นก็ไม่ต้องมาขอโทษหรอกคะ”
“แล้วแฟนอิ้งกลับมารึยังเขาว่ายังบ้าง”ชายหนุ่มนึกห่วงความสัมพันธ์ของคนที่เป็นข่าวด้วย
“เขายังไม่กลับ ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้ข่าวไหม พอดีเรายังไม่ได้คุยกันน่ะคะ”พูดถึงตอนนี้อังศุมาลินก็เก็บความเศร้าไว้ไม่อยู่
“อิ้งก็อยู่คนเดียวนะสิ”
“เปล่าสักหน่อย อิ้งอยู่กับลูกต่างห่าง ใช่ไหมตาขาล ใช่ครับคุณลุง”อังศุมาลินรู้ตัวว่าปล่อยความเศร้าออกไป เลยพยายามทำท่าร่าเริง และดัดเสียงเป็นเด็ก เล่นเอาคัมภีร์อดที่จะขำไม่ได้ “พี่ภีร์จะกลับแล้วใช่ไหมคะ”
“อืม แล้วอิ้งล่ะกลับยังไง”
“อิ้งเอารถมาน่ะคะ โชคดีนะค่ะไว้พบกันใหม่ บ๊ายบาย”หญิงสาวบอกลาพลางจับมือลูกน้อยโบกไปมา
คัมภีร์เดินหันหลังกลับไปได้สองก้าวก่อนจะเดินมาหาอังศุมาลินอีกครั้ง
“พี่ภีร์มีอะไรหรือคะ”
“ถ้าวันไหนที่เขาไม่สนใจอิ้ง อิ้งก็อย่าลืมพี่นะ พี่จะรอ”เขาพูดพร้อมยิ้มบาง ไม่รู้ว่ามันคือบทพูดของพระเอกละครที่เขาซ้อมให้เธอฟังหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงไปเหมือนกัน
ในเวลานั้นคนที่แอบมองจากที่ไม่ไกลนักก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่อก...มีคนที่คอยปกป้องเธอเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วสินะ
![](/images/icons/guest.jpg)
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ต.ค. 2556, 15:52:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ต.ค. 2556, 15:52:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 4833
<< 21 ชัดเจน | 23 ไม่มีวันที่ฉันจะยอม >> |