ป่าหนาวไม่หนาวรัก
ความรักช่างเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ได้สบตากันครั้งแรก
นายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาวพยายามบอกหัวใจตัวเองมาตลอดเวลาทุกครั้งที่ได้เจอหน้าเธอว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรักใครได้อีกแล้วเพราะทั้งหัวใจตอนนี้มีเพียงแค่ปรายฟ้าคนเดียวเท่านั้นถึงแม้แฟนสาวได้จากเขาไปแล้ว หมอเคียวเพียงได้สบตานายหัวหนุ่มราวกับมีประกายไฟแล่นเข้าสู่ร่างกายเธอทันที ความรักทำให้เธอเข้าไปพัวพันกับการตายของปรายฟ้า และเหตุการณ์ครั้งนั้นนั่นเองผูกความสัมพันธ์ของเขากับเธอให้แน่นยิ่งกว่าเดิม เธอจะทำอย่างไรเมื่อเจอกับปัญหาใหญ่หลวง และเขาจะทำอย่างไรเลือกความรักครั้งเก่า หรือเลือกหัวใจตัวเอง
Tags: รักหวานแหวว แววตาซึ้ง ๆ

ตอน: ปรับตัว ปรับ (ความเข้า) ใจ

บทที่ 7 ปรับตัว ปรับ (ความเข้า) ใจ

ร่างบางของขวัญพรรษเดินออกจากบ้านพักได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนมองเธออยู่ ราวกับว่าหญิงสาวผู้นี้รอเธอมานานแล้ว ขวัญพรรษเดินตามทางเดินที่ทำด้วยอิฐแผ่นใหญ่เรียงกันอย่างสายงามแถมต้นไม้ที่ปลูกตามทางเดินนั่นอีกกล้วยไม้กำลังออกดอกชู่ช่อเป็นแถวยาวตามช่องระหว่างทางเดินยาวไปจนถึงหน้ารีสอร์ต
“คุณบุษมีอะไรหรือเปล่าคะ”
เสียงหวาน ๆ ของขวัญพรรษถามหญิงสาวที่ยืนกอดอกรอเธออยู่ด้านหน้าอย่างสงสัย
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกอะไรเธอบางอย่างแค่นั้นเอง”
เสียงราบเรียบของบุษราลัลน์ที่เปล่งออกมานั้นเหมือนปกติทุกอย่าง แต่ใครจะรู้ว่าภายในใจเธอตอนนี้ร้อนระอุราวกับมีใครเอาไฟกองโตมาสุมไว้ในหัวใจของเธอ
“เรื่องอะไรคะ ถ้าเรื่องงานเราเข้าไปคุยกันในห้องแลปก็ได้จะได้เงียบไม่มีคนพลุกพล่าน”
“เปล่า”
คิ้วเรียวยาวของขวัญพรรษขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย งั้นเรื่องอะไร เธอมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับหญิงสาวผู้นี้ถ้าไม่ใช่เรื่องงานแล้วมันเรื่องอะไร
“ฉันจะคุยเรื่องป่า”
ชื่อนั้นทำเอาขวัญพรรษเย็นตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า คุณป่า พนาพรรษหรือ
“เรื่องอะไรคะว่ามาได้เลย”
“เธอคงไม่รู้ว่าเมื่อก่อนป่าเขาเคยมีแฟนแล้วก็รักกันมาก แฟนเขาชื่อปรายฟ้าทั้งสองคนรักกันมาก และที่สำคัญปรายฟ้าเป็นเพื่อนรักฉัน ถ้าฟ้าเขายังมีชีวิตอยู่เขาคงไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ป่าอย่างที่เธอทำอยู่นี่หรอกนะ และที่สำคัญมากที่สุดคือป่าเขายังรักฟ้าอยู่ รักมาก คงไม่มีใครที่มาแทนที่ฟ้าในหัวใจของป่าได้หรอก ฉันมาเตือนเธอในฐานะรุ่นพี่ อย่าคิดว่าคำพูดหวาน ๆ ของป่าที่พูดกับเธอมันจะเป็นจริง แค่ตอนนี้เขาเหงาแค่นั้นเอง ฉันไม่อยากให้เธอเสียใจทีหลังเพราะหลงคำเชื่อของป่า เชื่อฉันเถอะอย่าถลำไปมากกว่านี้เลย รู้คงไม่รู้ลึกตื่นหนาบางของที่นี่หรอก แต่ฉันจะบอกให้เอาบุญว่าความจริงแล้วฟ้าไม่ได้จมน้ำตายหรอก เขาลือกันให้แซดไปหมดว่าความจริงแล้วมีคนฆ่าฟ้าก่อนจะโยนลงน้ำ แล้วเรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะป่าเพียงคนเดียว เขาจึงโทษตัวเองมาจนทุกวันนี้ และไม่ยอมมีความรักอีกเลย”
คำพูดแสนจะยาวนานของบุษราลัลน์ไม่เข้าหูเธอเลยนอกจากคำที่บอกว่าพนาพรรษมีแฟนแล้ว มีคนรักแล้ว และคนรักของเขาตายเพราะถูกฆ่า ไม่ใช่จมน้ำอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำ
“แล้วคุณมาบอกฉันทำไม”
“บอกไว้ก่อนล่วงหน้า เดี๋ยวเธอคิดไปเองว่า การที่ป่ามาเอาใจ พูดดีด้วย เป็นเพราะเขาพิศวาสเธออยู่ โดยนิสัยที่ดีเทคแคร์คนอื่นดีอย่างป่ามันเป็นเรื่องปกติของคนที่ป่าหนาว เพราะนายหัวป่าของเขาปฏิบัติอย่างนี้กับคนงานทุกคนเท่าเทียมกัน”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น บุษราลัลน์กำลังบอกอะไรเธอ สิ่งที่เธอได้รับจากพนาพรรษนั้นมันเป็นแค่สิ่งที่เขาปฏิบัติกับพนักงานคนนึงแค่นั้นเองหรือ นี่เธอคิดไปเองว่าเธอพิเศษกว่าคนอื่น แล้วคำรัก ที่เขาบอกเธอหล่ะ เป็นแค่คำลวงเท่านั้นเองหรือ
“ฉันไม่ได้คิดอะไร คุณวางใจเถอะ ฉันคิดเสมอว่าฉันเป็นใคร แทนที่ใครไม่ได้ คุณบุษไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
“ดี”
พูดจบแล้วร่างบางสมส่วนก็หันกลับไปยังบ้านพักของเธอเช่นกัน ปล่อยให้หญิงสาวอีกคนที่เพิ่งได้รับข่าวสารมาเมื่อสักครู่ยืนน้ำตาคลอตาด้วยความเสียใจ นี่เธอเป็นหมากตัวนึงให้พนาพรรษหยิบมาเดินเล่นหรอกหรือ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่บอกรักเธอเมื่อวันก่อน ผู้ชายอ่อนโยนคนนั้น เป็นคนที่ไม่มีความจริงใจ ไม่มีหัวใจ อ้อ..หัวใจมีแต่มีให้ผู้หญิงที่ชื่อปรายฟ้าเพียงคนเดียว
น้ำตาค่อย ๆ หยดลงไหลรินอาบสองแก้ม แต่เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็ปาดออกราวกับว่ามันไม่เคยไหลออกมา จะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ถูกในเมื่อใจเธอแอบชอบเขาเองก่อนหน้านั้นแล้ว เธอจึงยอมรับทุกอย่างที่เขาบอกอย่างไม่คิดสงสัย ราวกับมีใครเอามือมาปิดหู ปิดตา ไม่ให้เธอได้เห็น ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
“ฮึ.....อ่อนจริง ๆ แค่นี้ก็สิ้นเรื่องแล้ว อย่าหวังว่าป่าจะได้สงบสุข ป่าทำให้บุษเจ็บก่อน คราวนี้ก็ถึงทีป่าบ้างแล้วกัน ลองชิมความเจ็บปวดเหมือนที่บุษเคยได้รับบ้าง”
ร่างบางที่ดูเหมือนจะเดินไปไกลแล้วในความคิดของขวัญพรรษแต่ที่จริงแล้วหญิงสาวยังคงแอบดูอากัปกิริยาของขวัญพรรษอยู่ว่าหญิงสาวจะเป็นอย่างไร บุษราลัลน์เดินกลับที่พักของตัวเองอย่างอารมณ์ดี ผิวปากเป็นเพลงดังเบา ๆ ราวกับมีความสุขเสียเหลือเกินที่ทำให้ใครบางคนเศร้าจนไม่มีแรงเดินไปไหนได้
“ไอ้เคียว ไอ้เคียว แกเป็นอะไร”
เสียงห้าวของวินนี่ดังขึ้นหลังจากที่เขาจัดการกับข้าวของของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็อยากสำรวจที่ทำงานของตัวเองมากกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาเดินออกมาจากบ้านพักตอนแรกที่เห็นขวัญพรรษเขาดีใจเกือบจะตะโกนเรียกหญิงสาวอยู่แล้วถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นใครอีกคนที่ยืนคุยด้วยกัน สีหน้าเคร่งเครียดนั่นอีกทำให้เขาไม่กล้าเดินเข้าไปทักได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ แบบนี้ จนไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกันขวัญพรรษจึงมีอาการแบบนี้ ตาแดง ๆ นั่นอีก ร้องไห้แน่ ๆ
“ปะ..เปล่า แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ขวัญพรรษหายจากอาการเหม่แล้วถามเพื่อนรักอย่างร้อนรนเพราะไม่อยากให้วินนี่สงสัยอะไรมากไปกว่านี้
“อย่ามาโกหก ฉันเห็นหน้าแกตอนนี้ฉันก็รู้ว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้น บอกฉันมา”
“ไม่มีจริง ๆ ว่าแต่แกเถอะ อยากเดินเที่ยวชมรีสอร์ตก่อนมั้ย”
คำถามนั้นทำให้วินนี่พยักหน้า มองอีกฝ่ายอย่างยอมแพ้ ยายคนนี้ปากแข็งอย่าบอกใครถ้าไม่เต็มใจบอกแล้วต่อให้เค้นคอถามให้ตายก็ไม่บอกอยู่ดู
“เออ เออ ดีไปกันเลย”
วินนี่จูงมือเพื่อนสาวออกไปอย่างคุ้นเคยเขาทำแบบนี้มาตั้งแต่คบกันใหม่ ๆ สมัยเรียน แต่ก่อนพ่อจ๋าก็โวยวายทุกทีเวลาเจอภาพแบบนี้แต่ตอนนี้ถือเป็นเรื่องปกติของคนที่คุ้นเคยกัน ถ้ากับคนใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ ก็เป็นที่น่าจับตามองเหมือนกัน วินนี่มองตามนิ้วเรียว ๆ ของเพื่อนที่อธิบายแล้วชี้ภาพประกอบว่ารีสอร์ตนี้มีพื้นที่เท่าไหร่บ้านพักมีกี่หลัง
“วินนี่ดูนี่ นั่นเป็นบ้านพักของรีสอร์ตป่าหนาของเรา นายหัวป่าสร้างบ้านพักเอาไว้ประมาณเกือบเก้าสิบหลัง รองรับเฉพาะแขกต่างชาติและคนไทยบางส่วน ส่วนมากเป็นต่างชาติเสียมากกว่า เพราะต่างชาติชอบการพักแบบนี้ พักทีเป็นเดือน ๆ เลยนะ ในส่วนของรีสอร์ตคุณต้นน้ำ ซึ่งเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนอีกคนของนายหัวป่าเป็นคนรับผิดชอบส่วนนี้”
“โอ้โฮ ใหญ่โตน่าดูเลยนะ ไหนจะฟาร์มมุก แล้วฟาร์มนกนั่นอีก เรียกลูกค้าให้มาดูเยอะเลย รวยน่าดูเลยเจ้านายเรา”
หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ กับคำพูดของวินนี่ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ประชาสัมพันธ์ที่เธอเคยคุยด้วยสองสามครั้ง
“สวัสดีค่ะหมอเคียว วันนี้พาแฟนมาหรือคะ”
คำถามของประชาสัมพันธ์คนสวยทำให้สองคนมองหน้าหน้ากันแล้วก็มองมือที่จับกันแล้วก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“แหม...นึกว่าโสด อย่างนี้น้องนกของพี่ต้องอกหักแน่นอน โน่นมาโน่นแล้ว”
ขวัญพรรษหันไปตามคำบอกของพี่ปรางประชาสัมพันธ์หน้าเคาห์เตอร์ของรีสอร์ตป่าหนาว
“แหม หมอเคียวนึกว่าจะไม่มาแถวนี้เสียแล้วครับ”
นก หรือ กนก เบลบอยผู้ปฎิบิตหน้าที่ยกกระเป๋าแขกไปส่งยังบ้านพัก พูดตัดพ้อคุณหมอคนสวยทันทีที่เจอหน้า
“มาซิคะ พอดีเคียวพาวินมาแนะนำค่ะ สัตวแพทย์อีกคนนะคะ ชื่อคุณหมอวิทวัส เอกมนตรี หรือเรียกวินก็ได้นะคะ”
นกรีบยื่นมือมาจับทันทีเพราะว่าน่าจะอายุเท่า ๆ กัน
“สวัสดีครับ คุณวิน”
“สวัสดีค่ะ..เอ้ย..ครับ แหม คุณนกเนี่ยหน้าตาดีจังเลย น่ารักอ่ะ”
คำชมของวินนี่ทำให้ขวัญพรรษแอบหยิกหลังของเพื่อนแรง ๆ เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะให้กลับคืนสู่ปกติ ใบหน้าหล่อเหลาที่อยากเป็นหญิงมากกว่าเป็นชายบิดเบี้ยวไปกับแรงหยิกของเพื่อนรัก
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
นก หันไปถามวินนี่
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร แค่สงสัยมดไม่รักดีจะอยู่ในเสื้อแต่ผมตีมันตายแล้วครับ”
วินนี่ตอบกนกทันทีพร้อมกับมองด้วยสายตาแวววาว แต่พอนึกได้ก็ปรับเปลี่ยนการมองเสียใหม่
“แขกเยอะมั้ยครับวันนี้”
วินนี่แอบถามกนกที่เอาแต่มองหน้าขวัญพรรษไม่วางตา
“เยอะครับ เยอะทุกวันเลย ยิ่งช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ไม่ต้องบอกเลยครับ บ้านพักเต็มทุกหลัง”
ทุกคนหยุดพูดทันทีเมื่อสายตาหันไปมองหญิงสาวผู้หนึ่ง ซึ่งใส่เสื้อยืดสายเดี่ยวสีขาว ซึ่งเห็นเสื้อชั้นในด้านในเป็นสีดำอย่างชัดเจน ผิวขาว ขายาวเรียวสวยภายใต้กางเกงขาสั้น สั้นสุด ๆ เดินเข้ามาพร้อมกับแว่นดำตาโตรับกับใบหน้าหวาน ๆ ของอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะ ป่าอยู่มั้ยคะ”
เสียงหวาน ๆ เอ่ยทักพร้อมกับมือเรียวถอดแว่นออกจากใบหน้าที่สวยได้รูป พนักงานของป่าหนาวก็ต้องร้องอ๋อในใจ นี่มันน้องโม มนัญญา นางแบบที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ และอีกอย่างเคยมาที่นี่บ่อย ๆ จนคนหลายคนคิดว่าดาราสาวคนนี้มาติดพันนายหัวแห่งป่าหนาว จะมีเพียงน้อยคนที่ทราบว่าที่จริงแล้วดาราสาวคนนี้เคยมีความผูกพันทางใจกับคุณน้ำ หรือต้นน้ำ เพื่อนรักรวมทั้งหุ้นส่วนอีกคนของป่าหนาวรีสอร์ตแห่งนี้
“อ้าว...คุณโม ไม่เห็นนานเลยนะครับงวดนี้ นายหัวอยู่ฟาร์มมุกด้านในโน้นครับ ต้องไปอีกไกล คุณโมจะพักที่ห้องเดิมหรือว่าที่บ้านพักด้านในดีครับ”
“บ้านใหญ่ของป่าแล้วกันค่ะ โมอยากทำเซอร์ไพรส์ป่านิดหน่อย”
เสียงหวาน ๆ พูดติดหัวเราะหน่อย ๆ เพราะนึกถึงหน้าตาตกใจ ปนไม่พอใจของนายหัวแห่งป่าหนาวแล้วมันทำให้เธอนึกสนุกขึ้นมา
“ครับ...งั้นเชิญทางนี้ครับ”
กนกยกกระเป๋าของดาราสาวก่อนจะเดินนำหน้าไปบ้านพักของพนาพรรษ ซึ่งไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไรถ้ารู้เรื่องเข้ามีหวังเขาตายแน่ ๆ
“ป่าอยู่ที่ฟาร์มมุกหรือคะ ถ้างั้นช่วยบอกป่าด้วยนะคะ ว่าโมรออยู่ที่บ้านใหญ่ ”
กนกรับปากแล้วเดินยิ้มวิ่งไปตามนานหัวแห่งป่าหนาวทันที วันนี้มันวันอะไรกัน มีแต่คนสวย ๆ มาให้ดูเป็นขวัญตาทั้งนั้นเลย
“แกว่าดาราคนนั้นเป็นอะไรกับนายหัวป่าของเราว๊ะ เคียว”
วินนี่ถามเสียงกระซิบกับอีกฝ่ายทันทีหลังจากเดินออกมาจากส่วนของรีสอร์ตแล้วเดินกลับไปยังส่วนของฟาร์มมุก
“ไม่รู้ อย่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลย ไปกันเถอะ”
ขวัญพรรษจูงมือเพื่อนชายหัวใจหญิงของตัวเองเดินผ่านส่วนของออฟฟิศเลยไปฝั่งสะพานที่เชื่อมต่อไปฟาร์มมุกโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าภายในส่วนของออฟฟิศนั้นพนักงานแตกตื่นกันเป็นแถว ๆ เมื่อเห็นหญิงสาวจูงมือเพื่อนชายที่เพิ่งเริ่มงานวันนี้ไหนบอกว่าเป็นแต๋วไงหล่ะ แล้วทำไมหวานแหวเสียขนาดนั้น
“มองอะไรกัน”
เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลัง พนังงานทุกคนสะดุ้งกันระนาวด้วยความตกใจเพราะมัวแต่มองสองคนที่เดินไปเมื่อสักครู่
“หมอเคียวครับ หมอเคียวกับแฟน หวานกันซะ เดินจับมือกันไปฟาร์มมุกโน่นแล้วครับ”
คำตอบของมนูญทำให้ดวงตากลมโตของพนาพรรษใหญ่กว่าเดิมอีกหลายเท่าเพราะตกใจกับข่าวที่ได้ยิน ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันแน่น
“งานการไม่มีทำหรือไง ถึงคอยสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นแบบนี้”
ร้อยวันพันปีนายหัวของพวกเขาไม่เคยว่าแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เป็นอะไรไปแค่เห็นหมอเคียวเดินไปกับแฟนแค่นั้นนะเหรอ เอ...หรือว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น
“นายหัวครับ นายหัว”
กนกวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาส่วนของออฟฟิศหลังจากที่ไปตามนายหัวที่ฟาร์มมุกแล้วไม่เจอ
“อะไรกัน งานที่รีสอร์ตไม่มีหรือไงถึงได้มาวิ่งอยู่แล้วนี้”
อารมณ์พาล ๆ ของคนเป็นนายยังไม่หายไป นก จึงตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของพนาพรรษอีกคน
“เอ่อ..คือว่า คุณโม คุณโม มาหานายหัวครับ รออยู่ที่บ้านใหญ่ครับ”
“อะไรนะ แล้วใครพาไป ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามให้พาใครไปที่บ้านก่อนได้รับอนุญาต”
นก ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว ว่าแล้วระเบิดจะต้องลงที่เขาเป็นแน่แท้
“แล้วถ้าคุณโมเป็นโจร เข้ามาปล้นบ้านฉันป่านนี้ข้าวของคงหายหมดแล้วมั้ง”
เสียงตวาดดังลั่นทำให้พนักทุกคนในออฟฟิศนั่งนิ่งตัวแข็งกันเป็นแถบ นี่ความความซวยในรอบร้อยปีแล้วมั้ง เพราะไม่เคยเห็นนายหัวอารมณ์เสียหนักแบบนี้มาก่อนเลย ก่อนที่ร่างสูงสมส่วนจะออกจากออฟฟิศเดินกลับบ้านใหญ่อย่างอารมณ์เสียที่สุดในวันนี้ หนอย...มันจะมากไปแล้วนะ วันนี้เขาต้องคุยกับขวัญพรรษให้รู้เรื่องเสียแล้ว ร่างสูงเดินเข้าเปิดประตูบ้านเข้ามาแต่ก็เงียบ ไหนกนกบอกว่ามนัญญามาหาเขา แต่ทำไมในบ้านถึงเงียบแบบนี้
“ป้านิ่มครับ ป้านิ่ม”
ชายหนุ่มตะโกนเรียกสาวใช้ที่ทำงานอยู่กับเขามาหลายปี แต่เป็นที่ไว้วางใจของเขาได้
“ค่า คุณป่า นิ่มว่าจะไปบอกคุณป่าอยู่พอดี โน่นคะ อยู่ห้องรับแขกติดกับคุณป่าเลยค่ะ”
สำเนียงใต้ที่ออกจากปากนิ่มบอกอาการหวาดหวั่นนิด ๆ กลัวนายหัวที่เธอรักจะโกรธ เพราะตั้งแต่คุณฟ้าตายไม่เคยมีใครหน้าไหนได้รับอนุญาตให้พักที่บ้านใหญ่นี้เลย ถึงแม้คุณโมคนนี้จะเคยมาที่นี่บ้างแล้วก็เถอะ แต่ทุกครั้งจะพักที่รีสอร์ตนี่แต่ทำไมคราวนี้ถึงได้มาพักที่บ้านใหญ่แห่งนี้ก็ไม่รู้
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอง”
พนาพรรษเดินขึ้นบันไดเดินไปหยุดหน้าห้องรับแขกอย่างรวดเร็วพร้อมเคาะประตูเสียงดัง
“เข้ามาได้ค่ะ ไม่ได้ล๊อค”
พนาพรรษเปิดประตูเข้าไปแล้วชายหนุ่มก็ต้องเซไปสองถึงสามก้าวเมื่อร่างบางที่อยู่ในชุดพันผ้าขนหนูเพียงผืนเดียววิ่งถลาเข้ามากอดเขาไว้แน่นจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน
“ป่าขา โมคิดถึงป่าจังเลย ไม่เจอป่าตั้งนาน”
มนัญญาหอมแก้มซ้าย หอมแก้มขวา ชายหนุ่มพยายามผลักร่างบางนั้นออก เขาล่ะปวดหัวกับการกระทำของหญิงสาวที่ตัวสนิทเหมือนเพื่อน และรักเหมือนน้องสาวคนนี้
“อื๊อ...โมปล่อยพี่ก่อนโม ปล่อย”
ชายหนุ่มผลักร่างบางที่มือยาวและเหนียวยิ่งกว่าหนวดปลาหมึกอย่างทุลักทุเล ดึงมือนั้นมือนี้กอด ดึงมือนี้มือนั้นก็กอดอีก ชายหนุ่มผลักร่างบางของหญิงสาวลงไปนั่งบนเตียงอย่างแรง มนัญญาหันไปมองค้อนอีกฝ่ายที่กระทำรุนแรงกับเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
“ว่างหรือครับ แล้วไม่ถ่ายแบบหรือไง อ้อหรือว่า...คิดถึงไอ้น้ำ”
คำว่าไอ้น้ำทำให้ใบหน้าที่ยิ้มระรื่นเมื่อสักครู่ของมนัญญาสลดลง แต่ก็เพียงครู่เดียวใบหน้าสวยนั้นก็กลับมายิ้มหวานให้พนาพรรษเหมือนเดิม
“ว่างค่ะ โมพักร้อนเป็นเดือนเลยค่ะ นี่ก็กะว่าจะมาฉลองปีใหม่กับป่าที่ป่าหนาวด้วย”
คำบอกของหญิงสาวทำเอาเขาต้องเป่าปากออกมาฟู่ใหญ่ด้วยความหนักใจ ใช่สินี่ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว งานเลี้ยงจัดเตรียมไว้สองด้านอีกด้านหนึ่งจัดที่สระน้ำเพื่อให้แขกที่มาพักได้ร่วมดินเนอร์ใต้เสียงเทียน ส่วนอีกที่หนึ่งเป็นของพนักงานจัดกันที่ริมหาดด้านไกลออกไปจากตัวรีสอร์ตเพื่อเป็นการไม่ให้ไปรบกวนแขกที่พักได้
“โมพักที่บ้านพักไม่ดีกว่าหรือ อยู่กันสองคนแบบนี้ไม่ได้”
“สองคนที่ไหนกันคะ ป้านิ่มก็อยู่ นะให้โมนอนที่บ้านป่านะคะ นอนโน่นปลอดภัยหรือเปล่าก็ไม่รู้อีกอย่างโมเป็นนางแบบใคร ๆ ก็จำได้ โมไม่อยากเป็นข่าว เดี๋ยวพวกโรคจิตแอบตามโมมาอีกหล่ะทำไง”
มันเป็นเรื่องจริงที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ด้วย เนื่องจากมนัญญาเป็นดารากำลังดังถ้าพักที่บ้านพักตรงไหน หรือมีข่าวออกไปย่อมต้องมีคนเข้ามาติดตามอย่างแน่นอน และอีกอย่างเขาก็ไม่อยากให้รีสอร์ตของเขาแตกตื่น อยู่อย่างสงบ ๆ แบบนี้ดีแล้ว
“ก็ได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฏทุกอย่างเข้าใจมั้ย”
ร่างบางที่นั่งอยู่พยักหน้าเบา ๆ
“ห้ามเข้าไปป้วนเปี้ยนในห้องผมเด็ดขาด ห้องทำงานด้วย ส่วนเรื่องอาหารสั่งนิ่มทำได้อยากทานอะไรบอกเขาได้ทุกอย่างเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ขอแค่ข้อยกเว้นสองข้อที่ผมบอกคุณแค่นั้นเอง”
ร่างบางพยักหน้าแรง ๆ ยิ้มกว้างทันทีเมื่ออีกฝ่ายอนุญาตให้เธออยู่ได้ เธอกับเขารู้จักกันมานานแล้ว เธอก็เป็นเพื่อนอีกคนของปรายฟ้า แต่ไม่ถูกกับบุษราลัลน์เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับผู้ชายคนนี้ หลายครั้งที่เธอพยายามเตือนปรายฟ้าให้ระวังในตัวเพื่อนรักของปรายฟ้าคนนี้ แต่ปรายฟ้าก็บอกว่าเธอคิดมากไปเอง บุษราลัลน์ไม่ได้ร้ายกาจแบบนั้นและอีกอย่างบุษราลัลน์เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด เพราะพ่อเลี้ยงของเธอคอยแต่จะจ้องทำร้ายเธอ ถ้าไม่ได้มาอยู่บ้านเดียวกับปรายฟ้าในตอนนี้ บุษราลัลน์ไม่รู้เจอกับอะไรอีกมากมาย ดาราสาวเองก็แปลกใจกับการตายของปรายฟ้ามาก ปรายฟ้าว่ายน้ำไม่เป็นกลัวน้ำเป็นที่สุด แล้วมีอะไรทำไห้ปรายฟ้าต้องขับเรือออกไปจนเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา จนทุกวันนี้เธอเองก็ยังค้างคาใจกับการจากไปของเพื่อนรักคนนี้
“ผมคงต้องไปดูที่ฟาร์มมุกก่อน คุณพักก่อนแล้วกัน เย็น ๆ เจอกันนะ”
ร่างของพนาพรรษเอี้ยวตัวกำลังจะหมุนกลับออกไปที่ประตูก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายเอ่ยออกมา
“โมไปด้วยค่ะ ขอเวลาเปลี่ยนเสื้อสักสิบนาทีนะคะ เดี๋ยวเจอกันข้างล่างค่ะ”
มนัญญาพูดแล้วก็รีบเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที จนนายหัวแห่งป่าหนาวต้องส่ายหน้าน้อย ๆ กับความไม่ระวังตัวของอีกฝ่าย เขากับมนัญญารู้จักมาก่อน ก่อนที่เขาจะเจอกับปรายฟ้าเสียอีก แล้วพอมาเจอปรายฟ้าจึงทราบว่าทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม เฮ้อ.... ตอนนี้ไอ้น้ำก็ไม่อยู่เสียด้วย..พูดถึงไอ้น้ำแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมายาว ๆออกมาอีกครั้ง มันคงดีใจมากถ้ารู้ว่าหญิงสาวที่มันรักมาที่ป่าหนาวในวันนี้ หลังจากห่างหายไปนาน นานหลายปีก็ว่าได้ เขารู้ดีทีเดียวว่าเหตุใดที่ทำให้สองคนนี้ต้องผิดใจกัน ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเพื่อนของเขาที่โง่โดนผู้หญิงผู้หนึ่งหลอกมอมเหล้าจนไม่ได้สติ มาได้สติก็ตอนที่ดาราสาวคนนี้ไปเจอภาพเปลือยนอนอยู่บนเตียงของเพื่อนรักกับผู้หญิงคนนั้นเต็ม ๆ

สองร่างเดินไปตามแนวสะพานไม้ที่จะไปฟาร์มมุก ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง เพราะแดดแรงเหลือเกิน ขณะที่อีกสาวสวยเดินจับหมวกสานใบใหญ่ที่กำลังโดนลมตีอยู่นั้นไม่ให้หลุดออกจากศีรษะ ใบหน้าหวานก็มีแว่นกันแดดยี่ห้อดังสวมปิดดวงตาอยู่ เสื้อสายเดี่ยว กับกางเกงขาสั้น โชว์ขาเรียวสวยที่ผู้หญิงทุกคนต้องอิจฉาเมื่อได้เห็น ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปในบ่อมุกอย่างรวดเร็วเพราะใจเขานั้นร้อนรนยิ่งกว่าภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดเสียอีก เจ้าของรีสอร์ตป่าหนาวเร่งฝีเท้าตัวเองจนลืมนึกถึงใครบางคนที่เดินจนเกือบจะเป็นวิ่งอยู่แล้วเพื่อให้ทันเจ้าของรีสอร์ตชื่อดัง ใจจองพนาพรรษตอนนี้นั้นอยากให้ถึงบ่อมุกเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหตุการณ์หลายอย่างกำลังจะดำเนินผ่านไปได้ด้วยดีแล้วเชียว เฮ้อ..ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
“ป่าขา รอโมด้วยสิคะ”
ร่างบางเดินแกมวิ่งหมายจะให้ทันร่างสูงที่เดินจ้ำอ้าว ๆ ไปไกลจากเธอ
“พี่รีบ โมเดินมาเรื่อย ๆ แล้วกัน ตรงไปนั่นแหล่ะ ไม่หลงหรอกเคยไปอยู่แล้วนี่”
แล้วร่างสูงของพนาพรรษก็เดินไปยังบ่อมุกอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มสอดสายตาหาคนที่เขาอยากเห็นเป็นที่สุด นั่นไงอยู่นั่นเอง ชายหนุ่มก้าวยาว ๆ ข้ามแต่ละบ่อไปอย่างรวดเร็ว แต่พอใกล้ถึงฝีเท้าที่เร่งรีบเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเป็นช้าลงและหยุดอยู่กับที่เมื่อถึงร่างหนุ่มสาวที่กำลังก้มลงดูบ่อมุกไม่ได้สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
“สวัสดีครับ ขยันจังเลยนะครับ พักให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้นะ ที่นี่ไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกครับ”
เสียงทักของพนาพรรษทำให้ขวัญพรรษเหลือบหันมามองหน้าชายหนุ่มเพียงแวบเดียวแล้วหันกลับไปมองบ่อมุกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ พอดีเคียวกำลังพาชมป่าหนาวรีสอร์ตนะครับ ฟาร์มมุกที่นี่ใหญ่มากนะครับ ที่สำคัญรีสรอ์ตสวยด้วย”
อ้อ..อยากเดินกับแฟนว่างั้นเหอะ นี่คือสิ่งที่เขาพูดได้แค่ในใจเท่านั้นเพราะสายตาขุ่นเคืองของหญิงสาวที่มองมาทำให้เขาพูดอะไรไปไม่ได้นอกจากคำว่าขอบคุณ
“ขอบคุณครับ นี่ผมคงไม่ได้มาขัดจังหวะสวีตกันใช่มั้ยครับ”
คำประชดของอีกฝ่ายดูเหมือนหญิงสาวจะทำเป็นไม่ได้ยิน ทั้ง ๆ ที่เธออยากจะตะโกนบอกเขาเสียจริง ทีตัวเองมีตั้งสองคนเธอยังไม่พูดเลย แต่ก็ต้องเงียบทำเป็นไม่สนใจ
“เอ่อ...คือว่า”
วินนี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับกิริยาท่าทางของนายหัวคนใหม่ของเขา
“วินมานี่ซิ ดูนี่นะ ตัวนี้สวยสุด ๆ เลย มุกต้องออกมาดีแน่ ๆ”
วินนี่หันไปมองนายหัวรูปหล่อ แล้วยิ้มให้อย่างแหย ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กับหญิงสาว ภาพนั้นทำให้คนมองยิ่งโทโสขึ้นไปกันใหญ่ เจ้าของรีสอร์ตป่าหนาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แรง ๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองให้กลับมาคงที่ไม่อย่างงั้นเขาคงระเบิดอารมณ์โกรธที่กำลังสุมอยู่ในอกนี้ออกมาแน่ พนาพรรษเดินไปที่ทั้งคู่อย่างรวดเร็ว เขาเดินอ้อมบ่อไปหาหญิงสาวแล้วจับมือหญิงสาวขึ้นพร้อมกับบอกคนที่นั่งอ้าปากหวอกับการกระทำของนายหัวหนุ่มของตน
“ผมขอยืมตัวขวัญพรรษสักครู่นะครับ”
ชายหนุ่มบอกวินนี่ที่กำลังมองการกระทำของชายหนุ่มอย่างตกตะลึงปากหนาที่พยายามบีบให้ได้รูปบางเหมือนกับปากผู้หญิงนั้นอ้าค้างก่อนจะรีบหุบลง เมื่อเจ้าของป่าหนาวดึงตัวเพื่อนรักที่กำลังดิ้นให้พ้นจากการจับของนายหัวหนุ่ม
“นี่ปล่อยนะ ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่กับวิน”
“ได้อยู่กับมันแน่แต่ตอนนี้ขอคุยด้วยหน่อย เดินออกมาดี ๆ ไม่งั้นผมอุ้ม”
เสียงขู่ของอีกฝ่ายทำให้ขวัญพรรษมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกกว้าง เธอไม่เข้าใจกับการกระทำของเขาเลย เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้นยังทำเฉยเป็นไม่รู้จัก ไม่เคยเอ่ยคำรักกับเธออย่างนั้นแหล่ะ
“วิน ช่วยฉันด้วย”
เมื่อบอกกับอีกคนแล้วเขาไม่ยอมตามใจเธอ หญิงสาวก็ร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักทันทีทั้งที่ในใจก็รู้ว่าวินนี่คงไม่มีความสามารถในการช่วยเธออย่างแน่นอน ก็ดูตอนนี้ซิ ถึงจะตกใจแต่ดวงตาที่มองนายหัวของป่าหนาวก็หวานเยิ้มจนน่าผลักในตกน้ำเสียจริง ๆ
“ผมจะไม่ทำอะไรเพื่อนคุณหรอกคุณวิทวัส ผมแค่ขอเวลาคุยกับเขาแค่นั้นเอง แล้วผมจะพามาส่งกลับให้ถึงมือคุณเอง”
ชายหนุ่มบอกอีกฝ่ายทันทีเมื่อเห็นสัตวแพทย์คนใหม่ขยับตัวเตรียมเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนรัก เมื่อเห็นว่าวิทวัสยังยืนเฉย เขาก็เลยถือว่าเป็นคำอนุญาตของชายหนุ่ม พนาพรรษเดินลากหญิงสาวออกมาจากตรงนั้นทันที ผ่านมนัญญาที่กำลังอ้าปากถามเขาก็ไม่หยุด เขาหยุดไม่ได้ไม่งั้นยัยตัวแสบที่เขากำลังลากมานี้ต้องวิ่งหนีเขาไปอีกแน่นอน
“อ้าว ป่า ป่าขา ไปไหนคะโมไปด้วย แล้วนังนั่นมันเป็นใครคะ”
ไม่มีเสียงตอบนอกจากภาพที่ชายหนุ่มเดินลากหญิงสาวที่เธอไม่รู้จักออกไปอย่างไม่สนใจกับคำถามเธอ
“อ้าว...แล้วโมหล่ะ”
ดาราสาวเอ่ยเสียงหลง เพราะงงกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วสองคนนี้ไม่ใช่แฟนกันเหรอ ก็เธอเห็นที่รีสอร์ตนี่ คำถามนั้นไม่มีใครตอบได้ก่อนที่ร่างบางของดาราสาวจะหันไปยิ้ม แล้วเอ่ยทักทายใครอีกคนที่อยู่ตรงหน้า
“สวัดดีค่ะ เราเจอกันแล้วที่หน้ารีสอร์ตทำได้มั้ยคะ โม มนัญญาค่ะ”
เสียงหวาน ๆ เอ่ยอย่างเป็นมิตรทำให้วินนี่หันไปยิ้มแล้วเอ่ยทักทายอีกฝ่ายเหมือนกัน
“ชื่อวินนี่ครับ...เอ๊ย...ไม่ชอบเลยอ่ะ ชื่อวินนี่ค่ะ เอาแบบนี้ดีกว่า แสดงให้เห็นกันไปเลย อึดอัดค่ะอึดอัด”
กิริยาจีบปากจีบของคนตรงหน้าทำให้ดาราสาวถึงกับหัวเราะเบา ๆ กับการแสดงออกมาของอีกฝ่าย
“แล้วคุณวินนี่ทราบหรือเปล่าคะ ว่าสองคนนั้นเป็นอะไรกัน”
“วินนี่ไม่ทราบหรอกค่ะ แต่เดี๋ยวเราคงรู้ คุณโมเคยมาที่นี่บ่อยแล้วใช่มั้ยค่ะ จะเป็นอะไรมั้ยถ้าวินนี่อยากให้คุณโมเป็นไกด์ให้หน่อย”
“ยินดีเลยค่ะ แต่โมไม่ได้มานานแล้วนะคะ แต่ก็ยังพอจำได้เชิญค่ะ”
แล้วสองคนที่เพิ่งเคยเจอหน้าก็เริ่มสนิทสนมกันด้วยอัธยาศัยตรงกัน คุยกันถูกปากถูกคอ

ร่างบางของขวัญพรรษปลิวตามมือนายหัวแห่งฟาร์มป่าหนาวอย่างตุปัดตุเป๋ไปตลอดทาง ชายหนุ่มหยุดเดินทันทีจนร่างบางชนเข้ากับหลังหนาได้รูปของเขาอย่างจัง
“โอ้ย จะหยุดทำไมไม่บอก ไม่มีปากหรือไง”
“มี แต่เอาไว้ทำอย่างอื่น อยากรู้มั้ย”
“ไม่”
หญิงสาวรีบสั่นหน้าทันที เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าหาเธอจนร่างสองร่างห่างกันเพียงแค่คืบ
“พูดเพราะ ๆ หน่อยสิ ทีกับไอ้วิทวัส เคียวอย่างนั้น เคียวอย่างงี้ ทีกับผม ฉัน ฉัน ฉันอยู่ได้”
เงียบ
หญิงสาวต้องแปลกใจเมื่อชายหนุ่มจูงเธอลงเรือสีขาวลำใหญ่ที่สกรีนตัวหนังสือหนา ๆ สีน้ำเงินเข้มว่าป่าหนาวรีสอร์ตอย่างเห็นชัด
“จะไปไหนคะ”
“ลงมา เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“คุยกันตรงนี้ก็ได้”
“ได้จริงหรือ แล้วใครหล่ะหนีหน้า ใครที่ไม่อยากคุย ไม่อยากเจอผม คอยหลบตลอด ไม่ล่ะ..... ผมว่าเราไปคุยกันในที่ที่ไม่มีใครกวนดีกว่าคุณจะได้ไม่หนีผมไปไหนทั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบวันนั้น”
ปากบางเม้มเข้ากันแน่นเมื่อมีคนขัดใจ
“ลงไปครับ”
ยังยืนเฉย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง พนาพรรษอมยิ้มนิด ๆ กับท่าทีของอีกฝ่าย ดื้อจริง ๆ เลย
“ถ้าไม่ลงผมอุ้มนะ”
ร่างบางของขวัญพรรษรีบวิ่งลงเรืออย่างรวดเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายจะทำจริงอย่างที่พูด เธออายคนแถวนี้เป็นเหมือนกันนะ
“จะไปไหน”
เสียงหวานถามเบา ๆ
“กลางทะเล ถ้าคุยไม่รู้เรื่องผมจะจับคุณลงทะเลไปเลย”
คำตอบนั้นทำให้ร่างบางตัวสั่นด้วยความกลัว ลงทะเล หรือจะเหมือนตอนปรายฟ้าตาย หรือว่าชายหนุ่มคนนี้มีส่วนเกี่ยวกับการตายของปรายฟ้า
“ทำไม เวลาใครทำอะไรให้คุณโกรธ คุณจะจับลงทะเลให้จมน้ำตายไปเลยหรือไง”
คำว่าจมน้ำตายสะกิดใจชายหนุ่มเพียงนิดเดียวแล้วเขาก็กลับมาเหมือนเดิม
“ใช่ โดยเฉพาะคุณ เพราะฉะนั้นนั่งเฉย ๆ ขณะผมขับเรือเข้าใจมั้ย”
พนาพรรษขู่เสียงเข้มเมื่อเห็นคุณหมอคนสวยนั่งลงเงียบใบหน้าหล่อเหลาของนายหัวหนุ่มก็ลอบยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะออกเรือไปยังเกาะอีกเกาะหนึ่งซึ่งเขาไม่ได้ไปนานแล้วเพราะไปแล้วทำให้เขานึกถึงความหลังที่ทำให้เขาปวดใจ เกาะหนาว ซึ่งในขณะนี้มันก็หนาวสมชื่อเมื่อไม่มีปรายฟ้าอยู่ เกาะที่ปรายฟ้าชอบ อยากสร้างบ้านส่วนตัวที่เกาะแห่งนี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเป็นเพียงความฝันไปเสียแล้ว เมื่อคนต้นคิดเรื่องนี้ได้จากโลกนี้ไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับมา ชายหนุ่มขับเรือมาได้สักพักหนึ่งก็ดับเครื่องปล่อยให้เรือลอยบนท้องทะเลอย่างไร้คนบังคับแล้วเดินมานั่งตรงข้ามกับร่างบางที่นั่งขดอยู่อีกด้านหนึ่งท้องเรือ
“อะไรทำให้เคียวไม่พูดกับผม ไม่มองหน้าผม”
เงียบ
“ถ้าเคียวไม่บอกผมก็ไม่รู้ แล้วผมก็ไม่อยากให้คาใจอย่างนี้ ผมอยากให้เรื่องของเราเริ่มต้นในทางที่ดี ไม่มีอะไรปิดบังซึ่งกันและกัน”
คำบอกของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจก่อนจะบอกอีกฝ่าย
“เมื่อวานไปคุยอะไรกับคุณบุษในห้องตั้งนาน”
แค่คำถามแรกก็เรียกรอยยิ้มชายหนุ่มได้แล้ว
“หึง”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกฝ่าย แต่หญิงสาวกลับเงียบแถมยังทำแก้มป่องใส่เขาอีกต่างหาก
“คุยเรื่องงาน งานจริง ๆ ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น ผมกับบุษเราเป็นเพื่อนกันมานาน บุษสนิทกับคุณแม่ผม ที่อยู่ในเมืองและไม่นานนี้ผมจะพาคุณไปสนิทกับท่านอีกคนถ้าคุณโอเค”
“บ้า”
“แล้วเรื่องที่สอง”
“ทำไมถึงได้ทำมึนตึงกับฉันทั้งที่เราเพิ่งคุยกันเมื่อวันก่อนนี่เอง”
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มเป็นฝ่ายเม้มปากแน่นเองอย่างกดอารมณ์โกรธเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาและเห็นกับตาตัวเอง
“ก็เคียวบอกว่าไม่มีแฟน แล้วไอ้วินอะไรนั่นเป็นแฟนคุณได้ไง คุณหลอกผม”
ประโยคสุดท้ายทำให้หญิงสาวได้รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเสียใจแค่ไหนเมื่อรู้ว่าเธอหลอกลวงเขา
“ไม่ใช่นะคะ วินไม่ใช่แฟน แค่คุณถามคุณก็จะได้รู้ความจริง ไม่ใช่คิดเองเออเองแบบนี้ วินนี่ หรือวิน เป็นผู้ชายแต่จิตใจเป็นผู้หญิงค่ะ วินนี่ไม่ชอบผู้หญิง แต่ชอบผู้ชาย คุณก็ระวังตัวเอาไว้นะ ระวังจะโดนวินนี่แทะโลมจนเหลือแต่กระดูก เดี๋ยวจะหาว่าเคียวไม่เตือน”
คำเรียกแทนตัวเองแบบเดิมกลับมาแล้ว มันก็คงเป็นการเริ่มต้นที่ดีแน่นอน ชายหนุ่มเดินมานั่งตรงปลายเท้าของหญิงสาวที่เหยียดตัวนอนอยู่เมื่อสักครู่ พอชายหนุ่มนั่งลงหญิงสาวจึงหดขาขึ้นแล้วยกตัวขึ้นนั่งแทนการนอนเมื่อสักครู่
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ทำไมต้องเดินจูงมือกันด้วย มือนี้ผมจับได้คนเดียว”
แล้วเจ้าตัวก็จับมือของหญิงสาวขึ้นมาแนบตรงหัวใจของเขาที่กำลังเต้นอยู่อย่างแรง ก่อนจะสบตากลมโตของหญิงสาวราวกับถ่ายทอดความรู้สึกข้างในหัวใจ
“ก็เพื่อนกัน”
“ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่ได้ ยังไงเขาก็เป็นผู้ชายอยู่ดี เพราะฉะนั้นต่อไปห้าม”
“ไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว”
หญิงสาวย่นจมูกใส่อีกฝ่ายเมื่อปฏิเสธข้อห้ามของชายหนุ่ม พนาพรรษชะโงกหน้าค้ำตัวหญิงสาวไว้ทันทีเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธที่จะทำตามเขา
“ไม่ยอมใช่มั้ย”
จมูกโด่งของชายหนุ่มค่อย ๆ ลดระดับลงจนติดกับปลายจมูกโด่งของหญิงสาว ริมฝีปากห่างกันแค่ลมหายใจกั้นเท่านั้น
“ยอมมั้ย”
เสียงกระซิบดังข้างหูหญิงสาว ขวัญพรรษถึงกับถอยหนีทันที
“คุณป่าเล่นอะไร ออกไปได้แล้ว”
หญิงสาวผลักอกกว้างของอีกฝ่ายออกจากตัว แต่ยิ่งผลักก็เหมือนผลักกำแพงหนา ๆ ดี ๆ นั่นเอง มันไม่ขยับตามมือเธอเลย
“นี่ไม่ใช่การเล่น ถ้าไม่รับปากผมจูบจริง ๆ ด้วย”
เป็นคำขู่ที่หวานที่สุดเพราะเสียงที่ดังออกมานั้นกระซิบหวาน ๆ ข้างหูเล็ก ๆ ของหญิงสาวแค่นั้นเอง
“ฮือ....”
ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรทั้งนั้น ริมฝีปากหนาได้รูปของพนาพรรษก็ประทับลงบนปากสีชมพูเหมือนเชอร์รี่ของอีกฝ่ายทันที ปลายลิ้นของชายหนุ่มค่อย ๆ ไล้ไปตามเรียวปากหวานเพื่อให้อีกฝ่ายแย้มออกมาเผยความหวานให้เขาได้เชยชิม เสียงเล็ก ๆ ครางเบา ๆ เมื่อเขาส่งลิ้นหนาของตัวเองเข้าไปเกี่ยวกระหวัดหาความหวานกับลิ้นเรียวเล็กของหญิงสาว ขวัญพรรษตัวสั่นเทาด้วยเมื่อเจอนายหัวหนุ่มรุกเร้าอย่างเต็มที่ ร่างบางค่อย ๆ ตอบสนองชายหนุ่มอย่างไม่ประสาริมฝีปากเล็ก ๆ ขยับตอบรับริมฝีปากหนานุ่มของเขา ชายหนุ่มเกี่ยวกระหวัดดูดดื่มความหวานจากหญิงสาวอย่างเต็มที่ เสียงครางแหบ ๆ ของพนาพรรษดังออกมาเมื่อหญิงสาวค่อย ๆ ส่งลิ้นเรียวเล็กของตัวเองเข้าเกี่ยวกระหวัดเหมือนเมื่อครั้งก่อน ชายหนุ่มค่อย ๆ สอนหญิงสาวอย่างหวานฉ่ำ จนทั้งสองคนลืมทุกอย่างรอบตัว
“อืม...เคียวหวานเหลือเกิน”
เสียงครางของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวมือเล็ก ๆ เริ่มผลักอีกอีกฝ่ายออกห่างจากเธอ แต่มันก็เหมือนเธอเอามือไปแปะไว้กับอกกว้างของเขาเท่านั้นเอง เมื่อทำอะไรไม่ได้มือเล็ก ๆที่ผลักไสนายหัวหนุ่มเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนเกี่ยวกระหวัดรอบลำคอหนานิ้วเรียวเล็กลูบไล้ท้ายทอยและเส้นผมของเขาอย่างเผลอไผลราวกับว่าถ้าเธอทำแบบนั้นแล้วมันจะช่วยคลายอารมณ์ร้อนที่กำลังประทุขึ้น
ชายหนุ่มไล่จูบ ไล้ริมฝีปากของเขาผ่านซอกคอขาว ๆ หอม ๆ ที่เขาอยากลองตั้งแต่แรกที่เจอหญิงสาว ริมฝีปากหนาหยุดจูบแรง ๆ หนึ่งทีก่อนจะไล่เรื่อย ๆ จนถึงอวบอิ่มได้รูปของหญิงสาว ชายหนุ่มคลุกเคล้าอย่างหลงไหล มือหนาสอดเข้าใต้ชายเสื้อเพื่อสัมผัสกับของจริง หญิงสาวถึงกับผวาไปทั้งตัวเมื่อมือหนานุ่มของเขากอบกุมเนินเนื้อของเธอไว้เต็มมือ
“คะ..คุณป่าคะ..หยุดก่อนนะคะ”
เสียงหวานแหบพร่าเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกักกับความหวามใจที่กำลังเกิดขึ้น
“อีกนิดนะเคียว แล้วพี่จะหยุด อีกนิดนะ”
เสื้อตัวสวยเลิกขึ้นมาอยู่เหนืออกอวบของหญิงสาวโดยฝีมือของชายหนุ่มก่อนที่ใบหน้าคมเข้มจะก้มลงชิมความหวานของดอกบัวดอกงามด้วยปากของตัวเอง แค่สัมผัสชายหนุ่มก็รู้สึกได้ว่ายอดอกอวบอิ่มหดตัวขึ้นท้ารับอุ้งปากของเขา ทั้ง ๆ ที่ยังมีชุดชั้นในสีหวานตัวสวยปกปิดอยู่แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาเลย ลิ้นหนา ๆ ไล้วนรอบยอดอกที่ชูชันรับความหวานจากปากเขานั้นเบา ๆ ขวัญพรรษถึงกับสะดุ้งแอ่นอกขึ้นสุดตัว หญิงสาวกำลังกลัว กลัวกับอารมณ์ใหม่ ๆ ที่เธอไม่เคยเป็น ถึงแม้จะมีเพื่อคุยเรื่องนี้กันอย่างมากมายแต่พอเจอกับตัวเองเธอก็อดกลัวไม่ได้ เรื่องที่เพื่อน ๆ เล่าสู่กันฟังนั้นมันไม่ได้ครึ่งหนึ่งกับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่สักนิด
“คุณป่าขา.... เคียวกลัว พอเถอะนะคะ”
เสียงหวานเอ่ยขอร้องออกมาทำให้พนาพรรษต้องสะกดอารมณ์ต้องการของตัวเองที่ก่อขึ้นมาอย่างรุนแรง ชายหนุ่มซบหน้ากับอกอวบอิ่มของอีกฝ่ายอีกครั้งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ แล้วดันหน้าตัวเองขึ้นมองหน้าหวาน ๆ ของอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้แดงก่ำเพราะการกระทำของเขา ริมฝีปากแดงก่ำบวมเห่อเพราะฝีมือของเขาอีกนั่นแหล่ะ เห็นแล้วก็อดใจไม่อยู่ก้มลงไปจูบปากบางนั้นแรง ๆ นาน ๆ อีกหนึ่งทีก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าของหญิงสาวให้เข้าที่แล้วดึงตัวของหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักกว้างของตัวเองแทน
“เราเข้าใจกันแล้วใช่มั้ย”
เงียบ....พนาพรรษกำลังจะก้มหน้าลงหาปากบางนั้นอีกครั้ง
ร่างบางพยักหน้าแรง ๆอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือกลัวจะห้ามอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่หวั่นไหวกับการกระทำอันหวาดเสียเมื่อสักครู่นี้ต่างหาก แต่เธอไม่บอกเรื่องนี้ให้ชายหนุ่มรู้หรอก แค่นี้เธอก็ช้ำไปหมดทั้งตัวแล้ว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายแล้วก็ต้องหน้าแดงอีกครั้งเมื่อเจอสายตาเปลือยอารมณ์ของชายหนุ่มที่ไม่เก็บไว้เลย
“แต่เรื่องที่เดินจูงมือกับวินนี่ เคียวขอนะคะ”
“แต่...”
คำว่าแต่ของพนาพรรษหยุดลงทันทีเมื่อใบหน้างามก้มลงจูบริมฝีปากหนานั้นเบา ๆ จนชายหนุ่มมองริมฝีปากที่เพิ่งสัมผัสเมื่อสักครู่ตาปรอย
“นะคะ”
ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากสายตาหวานหยดย้อยของชายหนุ่มที่มองเธอไม่วางตาเล่นเอาหญิงสาวเขินแล้วเขินอีก หน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก แล้วเธอก็ต้องยิ้มเมื่ออีกฝ่ายพนักหน้าเบา ๆ แล้วก็ชี้นิ้วมาที่ปากตัวเองให้หญิงสาวจูบอีกครั้ง ขวัญพรรษหน้าแดงขึ้นมาอีกแล้วส่ายหน้าเบา ๆ ยิ่งเจอสายตาออดอ้อนของพนาพรรษอีก หญิงสาวก็ยังส่ายหน้าเหมือนเดิม จนชายหนุ่มทนไม่ได้เป็นฝ่ายจัดการหญิงสาวเอง ทั่วทั้งท้องทะเลกว้างจึงได้ยินเสียงร้อง อื้อ อ้า แค่นั้นเอง เพียงครู่เดียวก็เงียบสนิทได้ยินเพียงเสียงเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งแค่นั้นเอง
.......................................................



เอรินี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2554, 20:31:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2554, 20:31:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 2012





<< เพียงเพราะคำว่า...หึง    บทที่ 8 แค้นสุมใจ >>
ปูสีน้ำเงิน 10 มิ.ย. 2554, 00:40:27 น.
หว๊าน ...หวานนะ
ว่าแต่อัพบ่อยกว่านี้อีกได้ป่ะ


saralun 10 มิ.ย. 2554, 11:03:49 น.
หวานได้อีก จริง ๆ อิอิ!!


Zephyr 10 มิ.ย. 2554, 22:18:43 น.
ตามมาจากเด็กดีค่ะ ในนี้จะมีลงฉากแบบไม่เซ็นเซอร์มั้ย หุหุ


cherryfirm 18 มิ.ย. 2554, 23:08:54 น.
ว้าว ใจร้อนจิงนะนายหัวป่า....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account