Sweet Magic เวทมนตร์...รสหวาน
ความฝันที่อยากจะทำร้านขนมหวานครบสูตรของอิศยา ทำให้เจ้าหล่อนยอมหันหลังให้กับชีวิตของครอบครัว...และความฝันสุดยิ่งใหญ่ของเธอจะเกิดขึ้นได้ อิศยาต้องยอมทุ่มเทกายใจเอาชนะกำแพงหนาของป้ณณ์ให้ได้...งานช้างแบบนี้ อิศยาไม่มีทางยอมแพ้เขาเด็ดขาด แล้วจะได้รู้ว่าคนอย่างอิศยารุกรานโลกของเขาได้มากขนาดไหน
Tags: เวทมนตร์,รสหวาน,อิศยา,ปัณณ์,ปวรา

ตอน: ทบทวนความทรงจำ (ตอนจบ)

ร้านคุณตาคุณยายเปิดขึ้นมาวันแรกลูกค้าก็เข้ามาอุดหนุนกันเต็มร้าน โปรโมชั่นหลากหลายรูปแบบถูกนำเสนอไม่ได้ขาด และความพิเศษของร้าน อิศยามือระวิงอยู่ในส่วนของครัวกับพรพิรุณ มีคนเสิร์ฟเป็นหนุ่มหล่อทั้งหกที่อาศัยความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องไปร้องขอปุณณ์ให้ผลัดกันมาช่วย ในช่วงเวลาที่กำลังเปิดรับสมัครพนักงานของร้าน เจนจิรากับร้อยกรองขะมักเขม้นกับการบรรยายสรรพคุณของเมนูต่างๆ อย่างถึงพริกถึงขิง สีหน้ายิ้มแย้มกับมุขตลกสอดแทรกทำให้ผู้ฟังเพลินหู

เวลาหกโมงเย็นร้านจึงขอปิดก่อนเวลาจริง เพราะของที่ทำมาหมดไปหลายอย่าง และสภาพทั้งคนเสิร์ฟและคนทำก็พานเหนื่อยกันจนแทบไม่มีแรง ตอนที่อิศยามาถึงก็ถูกลากมาอยู่ในบริเวณครัวเล็กๆ จัดการทำขนมเมนูพิเศษไปจัดวางบนตู้กระจกไม่ได้ขาด

“ไหนเอาขนมมาให้ยายทานบ้างซิ” คุณยายกัลยาเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มภูมิใจ กลิ่นขนมไทยลอยมาแตะจมูก ผสมกับขนมตะวันตก ข้างกายคือศิยา ไม่มีอะไรที่คนเป็นแม่จะภูมิใจกับความสำเร็จของลูกไปมากกว่านี้แล้ว

อิศยากับพรพิรุณเพิ่งเดินออกมาจากบริเวณครัวเล็กๆ ของทั้งคู่ พบหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองท่านรีบเดินเข้ามาหา อ้อมกอดจากทั้งสองเติมพลังที่หายไปตลอดวันให้กลับมา พรพิรุณยอมเดินเข้าสู่อ้อมแขนของอาหญิงด้วยอีกคน

“เก่งนี่นา มาวันแรกก็ลงครัวจนไมได้ออกมาดูลูกค้าเลยสิ” อิศยาหัวเราะเขิน ยิ้มตาเป็นประกายไปด้วยความสุข น้ำพั้นช์เย็นฉ่ำถูกยกมาเสิร์ฟเคียงกับขนมอาลัวแปลกตา สีสันที่เข้มขึ้น และกลิ่นที่ไม่ได้มีแค่ความหวานกับกลิ่นมะลิทำให้หัวหลายหัวที่ล้อมวงกันทั่วโต๊ะมองคนต้นคิดทั้งสองด้วยความสงสัย

พรพิรุณรีบโบ้ยทันที “ย่าเขาคิดทั้งหมดค่ะ อุ่นแค่ช่วยเฉยๆ”

อิศยายืดหลังตรง ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันตรงนี้เป็นที่แรก “ขนมอาลัวคุณตาคุณยาย จะเป็นขนมที่ย่าเอาไว้ใช้แข่งในวันพุธนี้ค่ะ...การแข่งขันทำขนมของดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ ยังไม่จบหรอกอุ่น” อธิบายเพิ่มให้เพื่อนที่ฟังได้ตาโตมากขึ้น

“ก็ไหนเธอว่า...” พรพิรุณไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อน

“ข้อตกลงของฉันกับคุณปุณนาก็คือ ฉันจะลงแข่งกับผู้ที่ชนะการแข่งในวันนี้ตอนวันงานจริง ถ้าขนมห้าร้อยชิ้นของฉันหมด ฉันจะได้อำนาจในดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่”

“ด้วยอาลัว” พรพิรุณมองขนมตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

“ย่าอยากจะพิสูจน์ ว่าขนมที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจากนอก กรรมวิธีการทำที่เยอะแยะหลายขั้นตอน ย่าอยากจะทำขนมที่ทำให้คนเราคิดถึงบ้าน คิดถึงขนมไทยๆ พวกนี้ดูบ้าง ย่าใช้รสชาติในขนมตะวันตก พวกชอกโกแลตครีม ใส่ลงไปในอาลัวที่หอมกลิ่นมะลิกับควันเทียน”

ขนมอาลัวถูกบีบเป็นเป็นรูปต่างๆ ที่ไม่ให้จำเจจากแต่เดิม เจนจิรากับร้อยกรองยกนมร้อนหลายแก้วที่วางเรียงในถาดกลมแจกจ่ายไปทีละคนนจนครบ “ลองดูนะคะ เป็นอาหารว่างอร่อยๆ”

“กลิ่นขนมหอมออกไปตั้งแต่หน้าประตูเลยนะครับ” พลเดินเข้ามา โดยมีองศาที่ตามติดเป็นไม้ค้ำมีชีวิต มือข้างที่ว่างของคนทั้งคู่มีอาหารจากร้านดังติดมือมาด้วย ให้พลลงครัวเองสภาพร่างกายก็ไม่ค่อยไหว

“เดี๋ยวเอาไปจัดเรียงด้านบนดีกว่า ด้านล่างแออัด” องศาออกคำสั่งกับปุณณ์ที่อยู่ใกล้สุด และถือเป็นพี่น้องจอมทะเลาะกันอยู่แล้ว ปุณณ์รับไปทั้งที่ปากขมุบขมิบบ่น “อย่าบ่น เดี๋ยวขึ้นไปช่วย” องศาหันมายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนตามมารยาทที่ควรกระทำ เวลานี้อะไรดีๆ ที่พอทำให้พลมองเธอในแง่ดีขึ้น ต้องทำทั้งนั้น

“เดี๋ยวทุกคนขึ้นไปด้านบนกันก่อนเลยนะคะ ข้างบนยิ่งเปิดไฟยิ่งสวย อากาศก็ดี” ขบวนกลุ่มคนย่อมๆ เห็นดีเห็นงาม กลุ่มเพื่อนปุณณ์ช่วยกันถือขนม กับถาดนมร้อนกันคนละไม้ละมือ บางคนยังเคี้ยวขนมอาลัวแก้มตุ่ย ชูนิ้วโป้งกันเป็นแถว

“ถ้าไปดีเอสแล้วร้านนี้ล่ะ” พรพิรุณยังไม่คลายสงสัย “ท่าทางไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ คุณปุณนาเขาต้องไม่ปล่อยเธอไปแน่”

อิศยายังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตากวาดมองร้านทรงแปลกร้านนี้ จะเรียกว่าร้านแห่งความรักของเธอกับปัณณ์ยังได้ “ฉันต้องดูแลความรักของฉันให้ดีสิ” คำตอบกอปรดวงตาที่มีความรักวิ่งอยู่ในนั้นทำให้พรพิรุณได้แต่ยอมรับ...ที่ผ่านมาอิศยาได้พิสูจน์แล้วว่าเธอทำในสิ่งที่ต้องการได้เสมอ ไม่ว่าจะได้มายากลำบากแค่ไหน สุดท้ายก็ผ่านพ้นมาได้

“เจอกันข้างบน อ้อ ว่าแต่ เธอเห็นรูปตรงทางขึ้นบันไดหรือยัง สวยดีนะ” พรพิรุณยิ้มล้อเลียน ก่อนจะเดินตามคนอื่นๆ ขึ้นไป

เจ้าของร้านนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด วันนี้ทั้งวันได้ทำงานเธอถึงไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น แต่พอว่างมือ อิศยาก็เริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อคืน...ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น เธอกับปัณณ์คืนดีกันได้อย่างไร ในฝันของเธอก็มีแต่หน้าเขา จึงไม่รู้ว่าเรื่องไหนเรื่องจริง เรื่องไม่จริง ตื่นขึ้นมาก็ลืมหมด จำได้แค่ว่าออกจากร้านกลับไปนอน หลังจากนั้นเรื่องก็ดูเลือนๆ

‘ฝันดีนะครับ เจ้าหญิงขนมหวานของผม ตื่นขึ้นมาผมมีของขวัญพิเศษมอบให้ อีกนิดจะเสร็จแล้ว ผม...’

ประโยคเดียวในฝันที่อิศยาจำได้จากปัณณ์ ในภาพฝันเธอยิ้มเขิน สองมือถูกปัณณ์กุมไว้แน่น หรือว่าเธอไม่ได้ฝัน

ไปดูภาพวาดที่พรพิรุณว่าไว้ก่อนดีกว่า...ร่างผอมลุกขึ้นเดินไปตรงบันไดทางขึ้นไปชั้นบน ภาพดอกไม้ สัตว์น้อยใหญ่น่ารัก หรือแม้แต่มนุษย์ต่างดาว ฝีมือการวาดจากพวกเพื่อนของปุณณ์ ยังมีรูปตรงกลางที่เธอเว้นที่ไว้ให้ใครบางคน ที่ตรงนั้น สวยเด่นสง่าที่สุด

คนมองน้ำตาคลอหน่วย ภาพผู้หญิงผมยาวเลยบ่า ในชุดแม่มดสีดำ หมวกทรงสูง ดวงตาเป็นประกาย มีรอยยิ้มหวาน นั่งอยู่บนกองขนม ในมือข้างหนึ่งที่แบอยู่ตรงนั้น มีผู้ชายตัวเล็กจิ๋วชุดสีเขียวแต่งตัวคล้ายภูติน้อยตามเทพนิยายยืนอยู่ วางหัวใจสีแดงลงไปบนมือ

มีข้อความเขียนไว้ใต้ฝ่ามือของผู้หญิงในรูป อิศยาลูบมือลงไปด้วยความรู้สึกเดียวกับในข้อความ ในใจอ่านข้อความด้วยความรู้สึก...รัก


“หัวใจของผม...โดนเวทมนตร์ของคุณสะกด ให้รักแค่คุณคนเดียว” เสียงทุ้มอ่านข้อความบนกำแพงที่ตนเขียนไว้เอง เอื้อมมือมากอดร่างนุ่มจากทางด้านหลังที่กำลังเกร็งตัวขึ้นมาทันที

“คิดถึงจัง กว่างานจะเสร็จ ขอเติมพลังหน่อย” ไม่ใช่แค่พูด แต่เอื้อมหน้ามาหอมแก้มนุ่มให้สมใจอยาก อิศยาตั้งสติได้ หัวใจก็พานเต้นระบำเป็นกลองรบ

เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น...ปัณณ์ไม่เคยแสดงออกขนาดนี้ “พี่ปั้นปล่อยย่าก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย” อิศยาหมุนตัวกลับมา ซ่อนสีหน้าร้อนผ่าวด้วยอาการเม้มปาก ไม่กล้าเงยหน้าสบกับตาของปัณณ์ ในขณะที่เขาก็ไม่ยอมปล่อยเอวเล็ก กลับแกล้งรั้งเข้าหาตัวให้ใกล้กันมากขึ้น กลิ่นหอมหวานของคนที่อยู่กับขนมมาทั้งวันดึงดูดให้ปัณณ์ต้องหลงเสน่ห์ยิ่งขึ้นไป

สายตาของอิศยาหยุดแค่คอเสื้อ บ่นอุบอิบ ไม่กล้าสบตาคมกล้าของอีกฝ่าย “เมื่อคืนมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมย่ากับพี่ปั้นดีกันแล้ว”

“หืม...หนูย่าลืม” ปัณณ์ประหลาดใจ วิ่งออกมาจากห้อง ลืมใส่รองเท้า ละเมอวิ่งออกมาหรือไง แต่แค่เสี้ยววินาที ดวงตาเริ่มเป็นกายเจ้าเล่ห์ กระซิบข้างหูให้คนฟังใจสั่น “ถ้าอย่างนั้นต้องทบทวนความทรงจำกันหน่อย”

อิศยาเงยหน้าอย่างประหลาดใจ เป็นจังหวะที่ปัณณ์รอคอยอยู่แล้ว ผิวขาวก้มลงมาประทับริมฝีปากลงไปบนหน้าผากเนียนอย่างอ้อยอิ่ง ละเลียดลงมาช้าๆ โดยที่อิศยาคิดว่าตัวเองเหมือนมีไข้ ใกล้จะเป็นลม ลืมไปด้วยซ้ำว่าเธอต้องต่อต้าน

จมูกสัมผัสกับส่วนเดียวกัน ปัณณ์จึงหยุดนิ่งค้าง มองดวงตาที่หลับปี๋ แต่ผิวแก้มขึ้นสีเข้มอย่างน่าดู “น่ารักเกินไปแล้วรู้ตัวไหม” ชายหนุ่มรำพึงให้คนหลับตาได้หน้าแดงหนักขึ้น “ขออนุญาตนะครับ”

“ตาเถร!”

เพียงแค่แตะลงไปบนริมฝีปากนุ่ม ยังไม่ทันทำอะไรมากกว่านั้น เสียงแหลมอุทานด้วยความตกใจ อิศยาผลักอกปัณณ์ออกไป แต่ก็ยังไม่พ้นอาณาเขตอ้อมแขนของเขา ปัณณ์นึกเสียดาย บรรยากาศที่อุตส่าห์สร้างขึ้นพานพังทลายไปหมด

อิศยาก้มหน้างุดไม่กล้าสบตากับผู้มาใหม่ พยายามหยิกมือปลากหมึกที่รัดเอวเธอแน่นไม่ปล่อยออก นึกโกรธตัวเองที่ยอมให้ปัณณ์ทบทวนความทรงจำอยู่ได้ตั้งนาน เอาเข้าจริง ไม่เห็นจะรื้อฟื้นความจำเธอตรงไหน

จำไม่ได้ก็ช่าง...แค่เวลานี้เธอกับเขาไม่ทะเลาะกันก็พอ ขืนให้เขาทบทวนความจำอีก รู้สึกว่ามีแต่เธอที่จะเสียเปรียบ

“แม่จะมาบอกว่าพ่อหนูก็มานะ อยู่ด้านล่าง ถ้ามาเห็นช็อตที่แม่เห็น ลูกชายแม่ตายแน่” อิศยายกมือขึ้นปิดปาก สายตาหลบผู้ใหญ่อย่างปุณนา หน้าร้อนเห่อ พยายามดิ้นให้แรงขึ้น และยิ่งตกใจหนักขึ้นกับคำขาดของปัณณ์

“งานนี้เป็นไงเป็นกันครับแม่ ลูกเสือมาอยู่ในมือเราแล้ว”

ลูกเสือตัวน้อยมองหน้าสองแม่ลูกที่กำลังส่งสายตาเข้าใจแก่กัน คนกลางอย่างเธอยามนี้จะทำอะไรได้อีก ได้แต่อยากให้ร่างตัวเองหดเหลือสักสองนิ้ว จนหลุดจากที่นี่วิ่งกลับไปนอนบนเตียงให้สบายใจ ไม่ต้องมองหน้าคุณขจรเดินขึ้นมาถมึงทึงเพียงแค่เห็นเธออยู่ในวงแขนของใคร...ไม่ว่าเจ้าของวงแขนนั้นเป็นใคร คุณขจรก็ไม่ปลื้มทั้งนั้น

“ลูกย่ามานี่” เสียงเข้มตะเบ็งลั่น โกรธหน้าดำหน้าแดง ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวจากคนชั้นบน หลายชีวิตกรูกันมายืนออตรงบันได คุณศิยาอีกคนอุทานออกมากับภาพหนุ่มสาวที่ดูเหมือนกอดกัน หากไม่ได้เห็นว่าแท้ที่จริงเป็นปัณณ์ที่ไม่ยอมปล่อยร่างของบุตรสาวเธอให้เป็นอิสระ กับอีกหนึ่งคนตรงประตูร้าน ประกายไฟแล่นเปรี๊ยะๆ กลางอากาศ

ปัณณ์ประกาศศึกชัดเจน ไม่ยอมปล่อยคนที่เริ่มดิ้นอีกครั้งให้หลุดลอดเด็ดขาด “ผมจะปล่อยหนูย่า ถ้าคุณพ่อจะยอมอนุญาตให้เราคบกัน จากนี้ผมกับหนูย่าเราอาจสวีทกันมากขึ้น ผมไม่อยากให้คุณพ่อต้องโกรธทุกครั้ง ยอมรับพวกเราเถอะนะครับ” จัดการตอกย้ำคำว่าสวีทด้วยการหอมแก้มนุ่มๆ ด้วยอารมณ์หมั่นเขี้ยว

“ไม่! ลูกย่ามานี่ ลูกจะเลือกมันหรือพ่อ ตรงนี้วันนี้ ตอบ”

อิศยารู้แน่ว่าถ้าวันนี้เธอเดินออกจากอ้อมแขนของปัณณ์โดยไม่ลุกขึ้นสู้ ต่อให้ร้านนี้เปิดขึ้นมาอย่างไร พ่อจะไม่มีวันให้เธอกลับมาเหยียบที่นี่อีก แต่ถ้าเลือกปกป้องความรัก พ่อจะยิ่งมีแต่เกลียดหน้าของปัณณ์มากขึ้น

น้ำตาของอิศยาถูกกลั้นไว้ด้วยความอัดอั้น คิดอะไรไม่ออก ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นจากการแสดง แต่เพราะโดนกดดันจากสองทางมากๆ เข้า “ก็ได้ ย่ายอมแพ้ พี่ปั้นปล่อยย่าเถอะ ย่าทำร้ายน้ำใจพ่อไม่ได้” ยิ่งพูดคนเกือบจะร้องไห้ออกมาเสียงเริ่มเครือ

“นี่จะเกินไปแล้วนะ ถ้าคนคู่นี้คบกันไม่ได้ ฉันจะให้แม่ยาไปรอหย่าที่อำเภอพรุ่งนี้เลย” คุณยายกัลยาเดินลงมาด้วยความกราดเกรี้ยวบ้าง “เลือกเอา จะให้ลูกได้เติบโตด้วยตัวเอง หรือจะกักขังลูกให้แก่เป็นยัยป้าทึนทึก อยู่กับตัวเอง พ่อตาเอ๊ย ลูกน่ะเราเลี้ยงได้แค่ตัว หัวใจของเขาโตขึ้นมา ไม่มีใครบังคับได้หรอกนะ แล้วพ่อปั้น เสียหายตรงไหน รวยก็รวย เก่งก็เก่ง ที่สำคัญรักลูกพ่อตาเท่านั้นไม่พอรึ”

อิศยาดันแขนของปัณณ์ลง สายตาขอร้องแทนคำพูดทั้งหมด แต่ก่อนที่อิศยาจะเดินออกไป ชายหนุ่มดึงแขนอิศยาไว้ แล้วส่งให้ทางศิยา และสวเนตรเป็นคนดูแล

“ผมเสียหนูย่าไปไม่ได้” คำพูดจริงจังบอกชัดว่าถ้าวันนี้เขาจัดการปัญหาได้ไม่จบ จะไม่ปล่อยตัวอิศยาไปเด็ดขาด

อิศยาตาค้าง มองปัณณ์เดินไปหาพ่อของเธอโดยที่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แค่สวเนตรล็อกแขนไว้ข้าง คนตัวบางกว่าไม่ต้องออกแรงสู้ก็หลุดไปจากแรงรั้งนี้แน่นอน

“พี่สาวปล่อย ย่าจะออกไปห้าม พ่อต้องเล่นงานพี่ปั้นแน่ๆ”

“ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกผู้ชายคุยกันเถอะลูกย่า” คุณปุณนายิ้มปลอบใจ ถึงจะหวาดหวั่นอยู่บ้างว่าเรื่องจะจบลงไม่ดี...”เชื่อในตัวพี่ปั้นของลูกย่านะ”

สายตาของอิศยาพลันหยุดมองที่ภาพวาด ที่เธอเป็นแม่มด มีผู้ชายตัวเล็กยืนอยู่บนฝ่ามือ หัวใจสีแดงสดดวงนั้นที่เขามอบให้มา พร้อมประโยคหวานบนกำแพง ทำให้จิตใจหวาดหลัวสงบลงได้

หัวใจของผม...โดนเวทมนตร์ของคุณสะกด ให้รักแค่คุณคนเดียว

ย่าเชื่อพี่ปั้นนะคะ...ย่าขอโทษที่ไม่เชื่อในความรักของเรา


“ฉันรักลูกย่ามาก ไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนกอดมาก่อน”

“ครับ”

“ฉันไม่เคยไว้ใจใครที่ไหน ไม่เคยคิดว่าใครจะดูแลลูกของฉันได้ดี...เท่าฉัน”

“ครับ”

“สัญญาได้ไหมว่าจะรักลูกของฉันให้ยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง”

“ครับ...หืม” บรรยากาศร่มรื่น กับพื้นยกสูงที่โดนล้อมอาณาเขตเป็นส่วนหนึ่งร้านคุณตาคุณยายช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง ลมยามเย็นพัดพาคำพูดที่คุณขจรว่ามา จนปัณณ์คิดว่าตัวเองอาจจะหูฝาด

“พ่อว่าอะไรมานะครับ”

“ใครพ่อนาย” คนหวงลูกสาวก็ยังหงุดหงิดไม่เลิก ภาพสีหน้าอิศยาที่จำใจในนาทีสุดท้ายเลือกตนยังติดตา ถึงตั้งใจเลือกพ่อ แต่สายตาเศร้าสร้อย น้ำตาคลอหน่วย แฝงความตัดพ้อระคนน้อยอกน้อยใจมาแบบนั้น สายตาแบบนั้นที่อิศยาไม่เคยมี แสดงออกชัดเจน “รักให้มากกว่าชีวิตของตัวเอง ทำได้ไหม”

ปัณณ์ยืดหลังตรง ดวงตาจริงจังไม่มีวี่แววล้อเล่น ภาพใบหน้าของอิศยาปรากฏชัดอยู่ในใจ “ด้วยชีวิตทั้งหมดของผม นอกจากพ่อแม่ คนแรกที่ผมรักมากขนาดนี้ ก็คือหนูย่าครับ”

“ดีนี่มีคนหนุนหลังเป็นแม่ยายฉัน” คนโดนขู่เรื่องหย่านึกเข่นเขี้ยว แต่สายตาของคนทั้งคู่ที่บอกให้รู้ว่าขาดจากกันไม่ได้ สายตาที่เขาเคยมีมาในอดีต เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยโดนคุณกัลยายื่นด้วยข้อเสนอเดียวกัน ตอนรักกับคุณศิยา...เขาขอเอาคืนบ้างเถอะ “สามปี ฉันขอเวลาสามปี”

“หมายความว่าไงครับ”

“แค่รับปากฉัน จะไม่รับปากก็ได้นะ ฉันจะได้พาลูกสาวกลับบ้าน”

คนถูกยื่นข้อเสนอคิ้วขมวด คิดหนัก ไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธ สังหรณ์มันบอกว่าสามปีนี้หมายความว่าอะไร “หนึ่งปีไม่ได้เหรอครับ”

“ไม่ได้ ต้องสามปี ถามแบบนี้รู้แล้วสิ”

ปัณณ์ไม่อยากตอบออกไป แต่คนที่กอดอก ยิ้มมุมปากกับการต้อนเขาให้จนมุม ดูยังไงก็ใช่ “สามปี ก็ได้ครับ”

“ห้ามแต่งก่อนสามปี หมั้นกันก่อนก็ได้นะ แต่หมั้นไว้สามปี ใครได้ยินจะครหาหรือเปล่า” สีหน้าสะใจเต็มที่ที่ได้เล่นงานคืน เมื่อครู่ตอนอยู่ด้านใน เขารู้สึกเหมือนเป็นหัวเดียวกะเทียมลีบ ไม่มีใครเข้าข้างสักคน “แล้วเรื่องล่วงเกินลูกสาวฉัน อย่าให้รู้ว่ามี ให้นายแบ็คดีมีแม่ยายคอยหนุนยังไง ถ้าก่อนสามปีนายล่วงเกินลูกสาวฉันก่อนเวลาแต่งงานล่ะก็ นายได้ตายแน่”

“ครับ...ผมจะรอให้ถึงสามปี”

“แค่สามปีเองนะ” ขจรยิ้มร่า เบิกบานขึ้นทันตา ได้เห็นเวลาทรมานของว่าที่ลูกเขยยาวนานถึงสามปีนับจากนี้ ถ้าทนได้ วันนั้นเขาอาจจะยอมทำใจส่งลูกสาวให้ปัณณ์ดูแลจริงๆ ก็ได้...ของแบบนี้ต้องดูไปนานๆ

ตรงกันข้ามกับปัณณ์ ถึงโล่งอกกับคำอนุญาตให้คบกันได้ แต่ความใกล้ชิดกับอิศยา นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เอะอะก็อยากกอด อยากจูบ ไม่อยากให้ห่างตัว อิศยาเองก็ช่างอ้อนน้อยเสียที่ไหน ไม่ว่าเจ้าตัวจะรู้หรือไม่...จากนี้ตนต้องอดทนให้มากขึ้น ปัณณ์คอตก พยายามคิดในแง่ดีเท่าไหร่ แต่คำนั้นก็ยังหลอกหลอน

ตั้งสามปี...อีกตั้งสามปี

“ห้าปีย่าก็ไม่ว่านะคะ” อิศยายิ้มทั้งน้ำตา กระโดดกอดปัณณ์จนตัวลอย ปัณณ์อ้าแขนรับไว้อย่างเต็มใจ แขนเรียวคล้องคอคนตัวสูงไว้แน่น ดวงตาเปล่งประกายความรักยามได้สบกัน เหมือนโลกนี้มีเพียงสองคน

“ลูกย่า ลงมาเลย” ขจรมองลูกสาวจอมแสบ ที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรลอยหน้าลอยตา หอมแก้มปัณณ์ซ้ายขวาไม่ให้ข้างใดน้อยหน้ากว่ากัน

“ย่าเองก็ยังไม่อยากแต่งงานหรอกค่ะ แต่มาห้ามไม่ให้ย่ากับพี่ปั้นหวานใส่กันไม่ได้หรอกนะคะ ไม่อยู่ในข้อตกลง” เอาหน้าผากชนกัน หวานอวดให้คนเป็นพ่อที่ตั้งใจเล่นงานให้ปัณณ์กระอักเลือดจากความอดทนถึงสามปี แต่ตอนนี้ยืนมองลูกสาวยิ้มกวน กระโดดกอดผู้ชายตรงหน้า แค่สามนาทีเขาแทบจะวิ่งไปกระชากลูกสาวกลับบ้าน

“หน็อย บังอาจมาใช้ข้อเสนอของแม่ฉันเรอะ ที่ตอนนั้นใช้ข้อเสนอแบบนั้น ก็เพราะวันๆ คุณเอาแต่ทำงาน เดินทางไปต่างประเทศ ฉันไม่มั่นใจในชีวิต กลัวแต่งๆ กัน คุณจะหายไป ทิ้งฉัน” ไม่พูดเปล่า คุณศิยาออกโรงมาบิดหูผู้เป็นสามีให้ร้องโอย หน้าเหยเกเข้าไปในร้านเอง มีเสียงหัวเราะสะใจจากคุณกัลยา

สองหนุ่มสาวมองตาม ปัณณ์เผลอหัวเราะออกมา อิศยาบิดแก้มคนที่อุ้มเธอไว้อยู่อย่างหมั่นเขี้ยว “อารมณ์ดีเชียวนะ กล้าหัวเราะพ่อย่าเหรอ”

“หนูย่า”

“หืม”

คนตัวโตทำหน้าออดอ้อน หน้าผากชนกันขณะเอ่ยออกมา ปากยื่นน้อยๆ “ไม่เอาสามปีได้ไหม มาช่วยกันชนะใจพ่อหนูย่ากัน”

อิศยาหัวเราะเหอะ ยิ้มกวนกลับไป แต่ก็จูบหน้าผากพอให้เขามีแรงใจในการฝ่าฟันไปพร้อมกับเธอ

“ย่าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอก แต่ไม่ใช่ในสามปีนี้แน่ๆ ถ้ายังไม่มีสวีทเมจิก ย่าไม่แต่งหรอก”

“ใจร้าย” คนโดนว่าหัวเราะคิก ซบหน้าลงกับบ่าของปัณณ์อย่างวางใจ

“ทบทวนความทรงจำอีกสักรอบไหม โดนขัดจังหวะไป”

“ย่าจะฟ้องพ่อ”

ปัณณ์ใช้มือข้างหนึ่งทำท่ากำปั้นอยากเขกมะเหงกคนขี้ขู่ แต่ไม่ทันโดน เสียงหวานขู่ต่ำมา “กล้าเหรอ นี่ย่านะ”

“จ้ะ” ลดกำปั้นไว้ข้างตัว สีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเต็มที่

ในชีวิตนี้ท่าทางจะหือไม่ขึ้นกับผู้หญิงที่ชื่ออิศยาอีกต่อไปแล้วสำหรับผู้ชายที่ชื่อปัณณ์

ไม่ได้กลัว...แค่เกรงใจ จริงๆ นะ


จำนวนคนหนึ่งพันคนในบริเวณสี่เหลี่ยมใหญ่หน้าห้างหรูใจกลางเมือง มีการลงทะเบียนเข้าหน้างานเพื่อรับของที่ระลึก มีการชิมอาหาร จวบจนกระทั่งการฟังการพรีเซนต์แบบโรงแรมหรูใจกลางเมืองทั้งสามแบบที่เข้ารอบ เป็นชาวต่างชาติทั้งสามคน การตัดสินมีขึ้นในเวลาต่อมา จำนวนขนมอาลัวที่เหลืออยู่ตรงหน้าไม่ได้เหนือความคาดหมายของอิศยานัก

“ดูไม่สะทกสะท้านกับการพ่ายแพ้ครั้งนี้เลยนะ” พรพิรุณมองจำนวนที่เหลือนับร้อยชิ้น ทีแรกคาดว่าจะได้เห็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง ผู้ที่ไม่เคยแข่งอะไรแพ้อย่างอิศยาหน้าเสียเสียอีก

“ก็คาดไว้ว่าจะแพ้ ถ้าฉันชนะ ฉันต้องดูแลดีเอสน่ะสิ แพ้น่ะดีแล้ว” ตอบด้วยใบหน้ายิ้ม

สังคมสมัยนี้ต่างจากแต่เดิม คนมักจะเลือกอะไรที่ดีที่สุด เป็นวัตถุนิยม ถ้าเอาขนมของเธอไปตั้งอยู่กลางงานอนุรักษ์ความเป็นไทย วันนั้นล่ะถึงจะชนะเค้กแปลกตาของอีกทีม

“ย่าทำแบบนี้อาตาคงแย่” พลพอจะเดินได้เองแล้ว ปลีกตัวจากองศาได้สำเร็จ มาหาน้องสาว ที่นับจากนี้คงเป็นได้แค่นั้นจริงๆ ความรักของอิศยา ไม่เหลือที่ให้ใครแทรกได้อีกต่อไป แต่พอเขายอมรับสถานะนี้ได้ ใจของเขาก็ไม่เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน...การกระทำที่หวังดีในทุกวัน มันเป็นความหวังดีแบบไม่หวังผลอีกต่อไป

อิศยากับพรพิรุณเลิกคิ้วมองหน้ากัน ไม่เข้าใจความหมายนั้น “พ่อของย่าเกี่ยวอะไรคะ”

“ก็คนที่แข่งกับน้องย่า คืออาตา อาตาลงแข่งแทนทั้งน้องย่าทั้งน้องอุ่นในรอบชิง ถ้าน้องย่าแพ้แบบนี้ ตามสัญญาจะผูกมัดอาตาให้ดูแลดีเอสแทนน่ะสิ”

“เฮ่ย!” อิศยาอุทานลั่น เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางศีรษะ เชื่อได้ว่าพ่อของเธอไม่มีทางทนรับสัญญานั้นได้

“เพราะว่าแม่คิดไว้แล้วว่าหนูอาจจะแพ้ ถ้ารู้ความจริงเรื่องดิเรก แม่เลยให้คุณขจรเป็นคนแข่งครั้งนี้ หนูคงไม่ยอมให้พ่อเสียเงินเพราะผิดสัญญาไปหลายหลัก เนื่องจากมาดูแลดีเอสไม่ได้หรอกจริงไหม”ว่าจบคุณปุณนายิ้มหวานใส่ตาคนมอง ตรงข้ามกับคนแพ้ที่ต้องกลายเป็นคนแบกรับภาระทั้งหมด ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ

สำหรับคุณขจร อิศยาพอจะเข้าใจว่าคงลงแข่งแทนเธอกับอุ่น ด้วยชื่อเสียงของร้าน แต่เดี๋ยว “พ่อของย่ารู้เรื่องลงแข่งได้ยังไงคะคุณปุณนา”

“แม่สิจ๊ะ”

“ค่ะ...คุณแม่” อิศยาท่องไว้ว่าเขาเป็นแม่ของปัณณ์ ดีต่อเธอทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องบีบให้เธอเป็นส่วนหนึ่งของดีเอส...ให้ตายสิ นี่เธอจะตามคุณปุณนาไม่ทันเลยหรือ

“พ่อของหนูมาเป็นกรรมการในรอบแรกด้วย แล้วก็กลายเป็นผู้แข่งในรอบชิง ทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉันวางไว้ เพอร์เฟ็กต์ ขอบคุณนะจ๊ะลูก มาดูแลอาทิตย์ละสามวันก่อนก็ได้ แม่ไม่ว่า แม่เข้าใจ แม่ไปก่อนนะ”

หูของอิศยาแทบไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากความรู้สึกคล้ายโดนน็อคคาเวที...คอยดู เธอจะให้ปัณณ์รอเธอจนรากงอก ไม่ตงไม่แต่งไปอีกสักเจ็ดปี

“เหนื่อยหน่อยนะ หนีคนลูกไม่พ้น นี่ยังโดนคนแม่บีบทางเลือกอีก” พรพิรุณกลั้วหัวเราะ แต่สีหน้าของอิศยานิ่ง ไม่หัวเราะตามนอกจาก
“พี่พลคะ...กอดย่าเดี๋ยวนี้”

“เอ๊ะ”

อิศยายิ้มเหี้ยม ใส่ผู้ชายที่กำลังพูดปิดงาน หลังจากมอบรางวัลผู้ชนะแบบที่ใช้สร้างโรงแรมไปเป็นที่เรียบร้อย...กับคุณปุณนาอิศยาเกรงใจเกินกว่าจะเล่นงานคืนได้ แต่เมื่อเธอโกรธ คนที่ต้องรับอารมณ์ไว้ทั้งหมด ย่อมต้องเป็นลูกของคุณปุณนาแน่นอน

อิศยาดึงพลมาตรงลานโล่ง พอให้คนบนเวทียกพื้นได้เห็นชัดๆ ร่างผอมเขย่งตัวกอดหนุ่มตี๋ไว้แน่น นึกบทสดๆ “ย่าคงไม่มีโอกาสอยู่ใกล้พี่ชายที่แสนดีแบบพี่พลอีก....พี่พลรู้ไหมพี่พลห่วงย่ายิ่งกว่าอีตาพี่ลุงพี่ชายแท้ๆ ของย่าที่ไม่รู้ไปหลงอยู่ดอยไหนแล้วอีก”

พลหัวเราะ ยกมือขึ้นกอดร่างผอมตอบ “ดูแลตัวเองดีๆ นะ แต่มั่นใจเหรอว่ากอดกันตรงนี้จะปลอดภัย”

“ไม่ปลอดภัยไงครับ” เสียงที่ดังก้องออกไมค์ตอบกลับ อิศยารีบคว้าพลไว้แน่นขึ้น เริ่มรู้จากเสียงกดต่ำของปัณณ์ จากเส้นขนคอที่ลุกเอาในยามนี้ ปัณณ์อาจจะอยู่ห่างจากเธอ...ไม่ถึงก้าว “สวีทพอหรือยังครับ...คนนี้ผมหวง”

เสียงโห่ร้องรอบข้างดังขึ้น อิศยาโดนเกี่ยวเอวออกไปไว้ข้างกายคนขี้หวงที่ประกายตาลุกเป็นไฟ มือข้างหนึ่งถือไมค์พูดต่อไป สายตาจดจ้องพลแบบไม่ชอบใจนัก “ขอโทษแทนเด็กเกเรด้วยนะครับ พอดีอยากยั่ว”

“เปล่านะพี่ปั้น” อิศยาแหวลั่น หน้าแดงก่ำลามไปถึงหู คิดผิดที่ไปเล่นต่อมขี้หึงของปัณณ์เข้า

“ก็ผมหึง” ปัณณ์ยังเกี่ยวเอวไว้แน่น สายตานับพันคู่จดจ้องคู่รัก โดยที่หนุ่มตี๋โดนองศาแยกไปยืนไว้ข้างตัวเรียบร้อย “หึง หวง แล้วก็รักมากด้วย”

อิศยาเงยหน้าสบกับดวงตาดำขลับอีกคู่ สีหน้าตื่นตะลึง เธอรู้สึกเขินจนพูดไม่ออก ถึงไม่ใช่คำแรกที่ได้ยิน แต่การได้ยินพร้อมหูอีกพันคู่แบบนี้...เขาไม่อาย แต่เธออาย

“พี่รักย่า...หมั้นกับพี่นะ จริงๆ ตั้งใจจะขอหลังงานเลิก แต่ตอนนี้ใครแถวนี้ทำให้เสียเรื่อง ขอตอนนี้เลยแล้วกัน” ปัณณ์รู้ใจอิศยามากพอที่จะไม่พูดออกไมค์ให้คนรักอายม้วนหนักกว่าเดิม ชี้นิ้วขึ้นฟ้า ส่งสัญญาณให้คนที่ดูแลจอโปรเจ็กเตอร์เปิดบางอย่างขึ้นมา

ปัณณ์กุมมืออิศยาไว้มั่น พาออกเดินไปหยุดบนเวทียกพื้น เพื่อให้เห็นภาพที่กำลังแสดงในตอนนี้ชัดเจน

แค่ตัวอักษรสีขาวบนก้อนเมฆสีดำปรากฏขึ้นบนพื้นหลังที่เป็นสีลูกกวาด ด้วยคำว่า Project Sweet Magic คนข้างกายยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาปิดปากร้องไห้เงียบๆ ไม่ว่าแบบสามมิติที่กำลังเล่นอยู่ตรงหน้าจะเล่นไปถึงขนาดไหน และจบเมื่อไหร่

สิ่งที่ปัณณ์ทำ คือการสร้างความฝันของเธออีกครั้ง

“วันที่ผมสร้างสวีทเมจิกเสร็จ จะเป็นวันที่เราสองคนแต่งงานกัน” อิศยาแทนคำบอกออกไมค์ของปัณณ์ด้วยการกระชับมือไว้ที่อุ้งมือใหญ่ หัวใจของเธอยอมแพ้ให้ปัณณ์จริงๆ อิศยาร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง

“และวันที่ผมออกแบบสวีทเมจิกเสร็จ คือวันนี้ จะเป็นวันที่เราสองคนหมั้นกัน”

อิศยาพยักหน้ารับโดยไร้ข้อแม้ใดๆ รอบข้างปรบมือเกรียวกราว มีปุณณ์เดินออกมาส่งแหวนให้อย่างเตรียมพร้อม ไม่วายขยิบตาให้ผู้หญิงขี้แยทีหนึ่ง

หญิงสาวมองแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายด้วยความรู้สึกสงบ หัวใจของเธอเหมือนมีปัณณ์โอบกอดไว้ การกระทำต่อหน้าธารกำนัลนับพันแบบนี้ เป็นทางหนึ่งที่ทำให้คุณขจรไม่กล้าออกมาตีโพยตีพาย...แสบนักนะ

“หมั้นไว้ก่อนสามปี บอกให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของผม” จูบทะนุถนอมบนหลังมือทำให้อิศยาพยักหน้า แย่งไมค์ในมือของปัณณ์มาพูดเสียเอง

“ขอโทษผู้จัดงานวันนี้นะคะที่ความรักของเราแย่งโมเมนท์ แต่ย่าอยากจะบอกอะไรทุกคนเล็กน้อย” รอยยิ้มของผู้ร่วมยินดีในงานหมั้นไปโดยปริยายมีความสุขกันถ้วนทั่ว อิศยาสบตากับขจรราวกับอยากจะจดจำกับอาการยิ้มบนใบหน้านั้น...พ่อยิ้มให้เธอ “ย่ารักพี่ปั้น ย่าอยากจะบอกใครต่อใครเหมือนกันตลอดสามปีหรือจนกว่าเราจะแต่งงานกันจริง ผู้ชายคนนี้เป็นของย่า...ใครหน้าไหนก็แตะไม่ได้ ย่าหวง”

ปัณณ์หัวเราะในลำคอ คืนไมค์ให้ปุณณ์ถือกลับไป ส่วนตัวเองรีบกระชับมือเล็กวิ่งออกไปจากงาน เสียงหัวใจของคนทั้งคู่เต้นกระหน่ำด้วยจังหวะเดียวกัน เพียงแค่ปัณณ์หันกลับมามองผู้หญิงที่วิ่งอยู่เคียงข้างเขา เสียงหัวเราะต่างประสานกันอย่างครื้นเครง

การวิ่งหนีครั้งนี้นอกจากหนีนักข่าว หนีความอายกับสายตาของคนพันคน พวกเขาก็แค่หาพื้นที่สงบ ทบทวนความทรงจำอีกเล็กน้อย พอให้ความรักของทั้งคู่ได้เบ่งบานมากขึ้น ผู้หญิงกับรสหวานเมื่ออยู่ด้วยกัน เหมือนมีเวทมนตร์สะกด

และสำหรับเขาก็ตกลงไปในมนตร์แห่งความรักนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้น...

“พี่ปั้น”

“หืม”

“พี่ปั้น”

“หืม” คนที่ถูกทวนความทรงจำจนจำเหตุการณ์วันนั้นได้ชัดเจนยิ้มหวาน แม้ว่าสองขายังวิ่งต่อไปด้วยกัน

“ย่ารักพี่ปั้นนะคะ”

เท่านี้จริงๆ ที่ชีวิตคนอย่างปัณณ์ต้องการ ผู้หญิงตัวผอมช่างฝัน ที่ชอบทำขนมหวาน ผู้หญิงที่ชื่อ อิศยา

...........................................................................
ตอนหน้าบทพิเศษค่ะ รอกันนะ
คุณ ร้อยวจี บทจบมาแล้ววววว อยากหวานอีก เดี๋ยวไปเค้นน้ำตาลก่อนนะคะ
คุณ icewinter ดีใจที่ชอบค่ะ หวังว่าจะชอบบทจบนี้ด้วยนะคะ
คุณ OhLaLa หวานส่งท้าย เอาให้เป็นเบาหวานไปข้างค่ะ
คุณ ariesleo หวานได้อีก ตอนอ่านนี่แอบเครียด ไม่รู้ตอนนี้จะหวานถูกใจไหม บทจบค่ะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ขอบคุณที่รักทุกตัวละครเลยนะคะ ดีใจที่ชอบจริงๆ ตอนหน้าเป็นบทพิเศษนะ
วันนี้แอบมาสาย เพิ่งเสร็จจริงๆ บทจบค่ะ ใจหายมากกกกก ดีใจที่ติดตามกันมาตลอด ไว้บอกลาตอนบทพิเศษนะคะ รักคนที่มาอ่าน มาเมนท์ มาไลค์จริงๆ ทำให้รู้สึกมีแรงเขียนต่อไปเรื่อยๆ บทนี้ยาวมาก อิอิ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ต.ค. 2556, 00:35:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2558, 22:13:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1983





<< ในวันที่เราห่างกัน   บทพิเศษ เมื่อหัวใจโบยบิน + การรอคอย + Sweet Magic >>
Auuuu 10 ต.ค. 2556, 00:52:06 น.
แม่พระเอกเปรี้ยวตลอดดดด


ร้อยวจี 10 ต.ค. 2556, 01:08:58 น.
หวานไม่หายจริงๆ อ่านไปยิ้มไป ชอบมากๆ ค่ะ รอบทพิเศษ่ะ


wind 10 ต.ค. 2556, 01:50:14 น.
หวานไปไหน หวานไม่เกรงใจ


ariesleo 10 ต.ค. 2556, 12:06:10 น.
น่ารักจริง


OhLaLa 10 ต.ค. 2556, 13:55:06 น.
“หัวใจของผม...โดนเวทมนตร์ของคุณสะกด ให้รักแค่คุณคนเดียว” ประโยคนี้สวีทเมจิคของแท้ โอ๊ย...ละลาย


นักอ่านเหนียวหนึบ 10 ต.ค. 2556, 20:09:43 น.
โอ้ยๆๆ ใครก็ได้ พาส่ง รพ ที ความดันขึ้นนนน555


icewinter 11 ต.ค. 2556, 07:13:44 น.
ชอบตอนนี้สุดๆค่ะ


ผักหวาน 21 พ.ย. 2556, 13:17:03 น.
จบแล้ว อ่านไปหวานไปด้วยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account